ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

276598_141826422680407_2119081232_q.jpg

 

Thanong Fanclub

Today at 1:00am

 

2. Central Plannersครองโลกผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit

 

ในช่วงก่อตั้งประเทศสหรัฐฯอเมริกาใหม่ๆ ทองคือเงิน เงินคือทอง ประชาชนไม่เชื่อถือในเงินกระดาษ ถ้าให้เลือกระหว่างเงินดอลล่าร์กระดาษที่ไม่มีอะไรหนุน และเงินดอลล่าร์กระดาษที่มีทองคำหนุน แน่นอนทุกคนเอาดอลล่าร์ที่มีทองคำหนุน หมายความว่าคนถือดอลล่าร์ที่มีทองคำหนุนสามารถเอาดอลล่าร์กระดาษไปแลกกับทองคำจากกระทรวงการคลังได้ทุกเมื่อตามจำนวนที่ระบุไว้ ตามหลักการยอมรับและบังคับFull Faith and Credit

 

ระหว่าง1800s และ1900ประชาชนชาวอเมริกันเริ่มมีความเชื่อมั่นในเงินกระดาษมากยิ่งขึ้น เพราะว่าพวกเขามั่นใจว่า พวกเขาสามารถเอาดอลล่าร์กระดาษไปแลกกับทองกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือสาขาธนาคารFederal Reserve Bankใดๆก็ได้ ตามหลักการยอมรับและบังคับFull Faith and Credit คือแลกเงินกระดาษเมื่อใด ได้ทองเมื่อนั้น ไม่มีเบี้ยว

 

ภาพประกอบคือเงินดอลล่าร์ในยุดต้นศตวรรษที่ 20ในช่วงของระบบมาตรฐานทองคำ โดยระบุอย่างชัดเจนว่าTen Dollars in Gold Coin คือผู้ถือเงินดอลล่าร์กระดาษนี้สามารถแลกเป็นทองคำตามน้ำหนักหรือสัดส่วนค่าทองคำที่มีมูลค่า$10เหรียญในเวลานั้น

 

นอกจากนี้รัฐบาลยังออกSilver Certificates และGold Certificatesควบคู่ไปด้วย ซึ่งสามารถแลกดอลล่าร์ได้ ต่อดอลล่าร์ตามพันธะของกฎหมาย และภายใต้หลักFull Faith and Credit ว่าผู้ออกหรือพิมพ์ดอลล่าร์ หรือSilver Certificates & Gold Certificates ได้มีการสำรองทองคำ หรือเงินอย่างพอเพียงกับธนบัตร หรือCertificates ที่ออก เพื่อว่าใครเอากระดาษมาแลกทองหรือเงิน สามารถทำได้ทุกเมื่อ

 

อยู่ไปนานๆ ความเชื่อมั่นกลายเป็นความเคยชิน เพราะน้อยคนนักที่จะไปขอแลกดอลล่าร์กระดาษหนุนด้วยทองเป็นทองคำจากกระทรวงคลังแล้วเอากลับมาบ้าน เพราะมันไม่สะดวก และทุกคนเข้าใจเหมือนกันหมดว่าผู้พิมพ์เงินกระดาษหรือรัฐบาลมีทองคำสำรองฯอยู่ครบ ไม่ต้องห่วง นอนตาหลังได้ เงินกระดาษหนุนด้วยทองคำ หรือหนุนด้วยเงินจึงหมุนเวียนเปลี่ยนมือในระบบเศรษฐกิจอย่างคล่องมือ

 

ความเชื่อมั่นและความเคยชินของประชาชนผู้ใช้เงินกระดาษตามหลักการยอมรับและบังคับแลกเป็นทองได้ทุกเมื่อFull Faith and Credit นำไปสู่กลลวงที่แยบยลที่สุด

 

thanong

2/9/2013

 

http://www.moonlightmint.com/bailout.htm

 

 

971478_156090377920678_2138364841_n.jpg

 

 

 

Thanong Fanclub

5 hours ago

 

3. Central Plannersครองโลกผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit

ภาพประกอบ: เงินดอลล่าร์5เหรียญ หนุนด้วยเงิน

 

มหาวิหารเฟดก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี1913 โดยที่เจ้าของเฟดไม่ใช่รัฐบาลสหรัฐฯ แต่เป็นพวกนายแบงค์เอกชนจากยุโรปและสหรัฐฯ ที่มีสายสัมพันธ์กับการเมืองมหาอำนาจยุโรปอย่างลึกซึ้ง พวกCentral Planners ซึ่งมีรากเหง้ามาจากพวกแลกเงิน money changers ที่ออกตั๋วสัญญาแลกทองทำเหมือนโพยก๊วน เอาเล่ห์กลที่ตัวเองเคยใช้ในยุโรป มาใช้กับสหรัฐอเมริกา

 

เฟดผู้พิมพ์เงินกระดาษดอลล่าร์ออกมาเรียกว่า Federal Reserve Note มีการพิมพ์ออกมาหมุนเวียนมากเกินกว่าทองคำสำรองที่ตัวเองมีอยู่ แล้วใครจะรวยหรือมีอำนาจไปกว่าพวกนี้ เพราะสามารถพิมพ์เงินเองได้

 

ผู้อยู่เบื้องหลังเฟดเข้าใจดีว่าประชาชนหรือผู้ถือดอลล่าร์เพราะความเคยชิน หรือเพราะความเชื่อในการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit จะไม่มาแลกดอลล่าร์เป็นทองให้เหนื่อยเปล่าๆ เก็บทองที่บ้านก็ไม่สะดวก ใช้เงินกระดาษง่ายกว่า อันนำไปสู่การลวงระบบด้วยการพิมพ์ดอลล่าร์ออกมามากกว่าทองคำสำรองที่มีอยู่

 

ช่วงปี1923ถึงปี 1929 เรียกกันว่าเป็นยุคฟองสบู่ของต้นศตวรรษที่20 เพราะวิหารเฟดมีการพิมพ์เงินเกินทองคำสำรอง ปริมาณเงินเพิ่มในะบบอย่างมหาศาล ธนาคารปล่อยกู้กันจนเพลินในการเก็งกำไรทรัพย์สินต่างๆ โดยเฉพาะในตลาดหุ้น ในที่สุดตลาดก็พังลงมาในปี1929 ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง the Great Depression อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสงคราโลกครั้งที่2

 

ก่อนที่จะมีการจัดตั้งเฟด กระทรวงการคลังสหรัฐฯมีเงินออกมาหมุนในระบบประกอบด้วยเหรียญทองแดง เงิน และทอง รวมทั้งเงินกระดาษ United States Notes, Silver Certificates และ Gold Certificates กระทรวงคลังออกเงินเหล่านี้มาโดยไม่มีดอกเบี้ยผูกพันอะไร

 

แต่เงินกระดาษของเฟดมีภาระดอกเบี้ยที่ผู้เอาไปต้องจ่าย เพราะฉะนั้นทุกๆดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกไป ต้องมีคนหาเงินมาเพิ่มเพื่อจ่ายดอกเบี้ย ในทางทฤษฎี คนไม่มีทางหาเงินมาเพิ่มเพื่อจ่ายดอกเบี้ยได้เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นต้องมีการพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาเรื่อยๆในปริมาณมากกว่าผ่านระบบเครดิต เพื่อเลี้ยงระบบเงินกระดาษนี้ให้ดำรงอยู่ได้ ปริมาณเงินดอลล่าร์ถึงต้องเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด

 

ช่วงก่อนมีเฟด แบงค์จะระวังในการปล่อยเครดิตมาก เพราะว่าทุกดอลล่าร์ที่ปล่อยออกไปมีเงินหรือทองหนุน ถ้าลูกหนี้ผิดชำระหนี้ ก็เท่ากับว่าเงินหรือทองที่แบงค์เป็นเจ้าของ หรือรับฝากจากชาวบ้านมาอีกทีกลายเป็นหนี้เสีย หายไปในอากาศ

 

แต่พอมีวิหารเฟดตั้งขึ้นมา มีการพิมพ์เงินกระดาษมากว่าทองคำสำรอง แบงค์ได้เงินมาง่ายจึงมีการปล่อยเครดิตเป็นบ้ากันไปเลย เพราะว่าดอลล่าร์ที่ปล่อยออกไปเป็นแค่กระดาษ และคิดกันว่าลูกหนี้ไม่สามารถคืนหนี้ก็ไม่เป็นอะไรมาก เพราะสามารถพิมพ์เงินกระดาษได้ทุกเมื่อ โดยที่ไม่มีใครระแวง หรือตั้งคำถามอย่างจริงๆจังๆว่ามีทองหนุนอยู่หรือเปล่า

 

เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเงินดอลล่าร์กระดาษสามารถแลกเป็นทองคำได้ redeemable in gold ตามหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Creditจึงไม่ดำรงอยู่ได้อีกต่อไป เพราะถ้าประชาชนหรือผู้ถือดอลล่าร์ทุกคนเอาดอลล่าร์มาแลก ทางเฟดจะไม่มีทองพอให้แลก แต่ระบบการเงินยังดำเนินไปได้ เพราะความศรัทธาหรือความเชื่ออย่างเดียว โดยที่ของจริงจะเป็นอย่างไรไม่มีใครสนใจ

 

 

 

 

thanong

2/9/2013

 

 

993374_156099867919729_88316551_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

รวมข่าวหุ้นเช้าวันจันทร์

 

SENAพื้นฐานเด่น-หุ้นต่ำบุ๊ก เดินหน้าปั๊มรายได้โต2พันล.

 

"UV"ยิ้มกำไรครึ่งหลังหรูรายได้เต็มมือ-เทคนิคสวย

 

AOTยิ้มรับไฮซีซันอัตราโดยสารพุ่งญี่ปุ่น-รัสเซียหนุน

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=49369

 

 

 

1235517_625894114121368_672577059_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

ทิศทางราคาทองเช้านี้ทรุดหนักก่อนฟื้นตัวมาได้ จากข่าวทางซีเรีย

ยังคงให้ความสำคัญกับทางซีเรียและราคาน้ำมันต่อการคาดเดาทิศทางราคาทอง

SPDR ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดัชนีความผันผวนทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในคืนวันศุกร์

เมื่อตลาดกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเลขเศรษฐกิจมากขึ้น ทองก็น่าจะต้องย่อลงมาบ้างไม่มากก็น้อยเนื่องจากตัวเลขการจ้างงานในกลางและปลายสัปดาห์นี้ปกติก็ออกมาดีต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้ตลาดสหรัฐจะหยุดก็ตาม แ่ต่ในสัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจมีออกมามากพอสมควรคงต้องมาติดตามกัน

ในเชิงเทคนิค กราฟในภาพหลักกดดันราคาทองให้มีแรงขายออกมา แนวหนุนหลักที่ 1350 - 1370 ทำงานได้ดี และถ้ายังทำงานได้ดีก็มีลุ้นพักตัวไม่มากแล้วกลับขึ้นได้ ค่อนข้างเดายากเพราะมีปัจจัยมาส่งผลหลายทาง

ทำให้ต้องเปลี่ยนมามองภาพสั้นๆ สำหรับช่วงนี้

กลยุทธ์วันนี้ยังดักเอสที่แนวต้าน 1395 - 1400 และปิดที่แนวหนุนบริเวณ 1350 - 1370

แนวต้าน 1390 1395 1405

แนวหนุน 1330 1350 1370

 

1235039_583151988389947_573745643_n.png

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กวี ชูกิจเกษม

สวัสดีครับ KFC ตลาดก็ยังดูเสี่ยง แม้ว่าจะมีโอกาส rebound กลับขึ้นมาได้ โดยมีแนวต้าน 1300 และ 1322 - 1325 แต่ก็ยังมองเป็นโอกาสในการลดพอร์ตเช่นเดิม

 

ผมเชื่อว่าตลาดในเดือนก.ย. ยังถูกแรงกดดันจากความกังวลเรื่องถอน QE ซึ่งนักลงทุนรอความชัดเจนในประชุม FOMC 17-18 ก.ย. ขณะที่เศรษฐกิจไทยเองยังดูอ่อนแอ และนักวิเคราะห์ก็อยู่ระหว่างการปรับประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทต่างๆ ลง นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่าครองชีพของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น 1.ก๊าซหุงต้ม LPG ขึ้นเดือนละ 50 สต./กิโล 2.ค่าไฟ ขึ้นค่า Ft 7 สต./ยูนิต 3.ค่าทางด่วน ขึ้น 5 บาท จาก 45 เป็น 50 บาท จะกดดันให้การบริโภคภาคเอกชนในเดือนถัดๆไปหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก.ค. และเร่งให้อัตราเงินเฟ้อเดือนปรับสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี

 

แม้การเก็งกำไรจะไม่เอื้อในเดือนก.ย. แต่การลงทุนระยะกลาง - ยาว กลับน่าสนใจ หาก SET ลงมาแถว 1200 จุด +/- ผมยังมองว่าไตรมาสที่ 4/56 ความกังวลต่างๆ จะเริ่มผ่อนคลายลง ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น จะดึงให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นได้ และคาดหวังว่า SET จะกลับขึ้นมาได้ใหม่จนถึงต้นปีหน้าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

TISCO Weekly Stock Guru มาให้เพื่อนๆอัพเดทภาพรวมเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนของสัปดาห์นี้แล้วค่ะ ที่ https://bit.ly/tiscoguru

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

6 hours ago

 

4. Central Plannersครองโลกผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit

 

 

 

พอตลาดพังปี1929 เกิดอาการตระหนกมากขึ้นในหมู่ประชาชน นักลงทุนที่ไม่เชื่อมั่นในค่าเงินต่อไป มีความพยายามที่จะแลกดอลล่าร์เป็นทองมากยิ่งขึ้น เพราะเกรงว่าดอลล่าร์จะมีค่าตก ทองราคาขึ้น ระบบการเงินสหรัฐฯเริ่มสั่นคลอน รัฐบาลกำหนดราคาทองที่$20.67ต่อทรอยออนซ์ แต่ราคาทองมีแนวโน้มที่จะพุ่ง วิหารเฟดต้องโดนคนถือดอลล่าร์กระดาษมาแลกทอง เสร็จแน่ๆ เพราะว่าทองคำสำรองฯในตู้นิรภัยวิหารเฟด และของกระทรวงการคลังมีไม่พอที่จะให้คนถือดอลล่าร์มาแลกทองออกไป

 

มันก็มั่วเละๆเทะๆกันตั้งแต่ต้นแล้วระหว่างทองที่ถือระหว่างของวิหารเฟดที่เอกชนเป็นเจ้าของกับของกระทรวงการคลังที่รัฐเป็นเจ้าของ ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของกันแน่ ทองคำของหลวง กับทองคำของพวกนายแบงค์ไม่รู้ของใครเป็นของใคร นัวเนียกันไปหมด และถ้าคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ระบบ fractional gold reserve system หรือระบบทองเสี้ยวเดียว แต่หนุนธนบัตรที่พิมพ์ออกมาเท่าภูเขาเลากาจะต้องพังอย่างแน่นอน ความเชื่อมั่นใน Full Faith and Creditจะหมดไปทันที

 

ที่เป็นประเด็นใหญ่ คือพวกยุโรปที่ถือหลักทรัพย์กระดาษ Gold Certificates และธนบัตรFederal Reserve Notes พร้อมที่จะมาขึ้นทองกับวิหารเฟดและกระทรวงการคลัง

 

ช่วงปี1933 ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลสหรัฐฯออกกฎหมายยึดทองคำจากประชาชน หักดิบให้เอามาขายให้รัฐบาล ใครถือทองถือว่าทำผิดกฎหมาย สหรัฐฯมีทองคำสำรองมูลค่า$4,000ล้าน ในเมื่อราคาทองกำหนดที่ 20.67 ทรอยออนซ์ เทียบเท่ากับทองคำทั้งหมด6,000 ตัน

 

แต่Gold Certificates ที่กระทรวงการคลังออกมาระหว่าง ปี1905ถึง 1928 มีค่าเทียบเท่าทอง16,000 ตัน ถ้าหากว่าเราต้องเชื่อว่าทางการทรวงคลังสหรัฐฯจะไม่มั่ว คือออกGold Certificates มากกว่าทองคำสำรองทองคำในมือ หมายความว่าพอถึงปี1933 คงจะมี Gold Certificates หมุนเวียนอยู่ประมาณ37.5% ของที่ออกก่อนหน้านั้น และกระทรวงคลังพอมีทองให้คนมาแลก

 

ปัญหาอยู่ที่ธนบัตรดอลล่าร์ หรือFederal Reserve Notes ที่พิมพ์ออกมาโดยวิหารเฟด โดยที่ปริมาณธนบัตรมีมากกว่าทองคำสำรองของเฟดอยู่ถึง 20,000ตัน แสดงว่าวิหารเฟดรวยไม่รู้เรื่องเพราะพิมพ์เงินออกมาเองได้ เกินสำรองที่ตัวเองมีอยู่ โดยอาศัยความชื่อมั่นของประชาชนผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับFull Faith and Credit แต่พอระบบการเงินมีปัญหา ความเชื่อมั่นในดอลล่าร์เสื่อม ผู้คนอยากจะแลกดอลล่าร์เป็นทองคำ ทำให้วิหารเฟดมีสิทธิ์เจ้ง เพราะว่าพิมพ์ธนบัตรมากกว่าทอง20,000 ตัน

 

อันนำไปสู่การล๊อบบี้ใ้ห้ประธานาธิบดีรุสเวลท์ ออกกฎหมายยึดทองgold confiscationในปี1933 เพื่อกว้านทองทุกเม็ดจากประชาชน เพื่อเอาทองมากองให้วิหารเฟด เพื่อช่วยไม่ให้วิหารเฟดล้ม นับเป็นการทำลายหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับFull Faith and Credit ของระบบการเงิน คือไม่รักษาพันธะว่าจะมีทองคำเผื่อแลกตลอดเวลาสำหรับธนบัตรที่ปล่อยออกไปหมุนเวียน แต่ในขณะเดียวกันเป็นการตอกย้ำหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับFull Faith and Credit ในแง่กฎหมายคือ รัฐบาลให้คำรับรองที่จะชดใช้ หนี้และเงินต้นทุกๆเหรียญของวิหารเฟดในกรณีที่เฟดล้ม

 

คงจะพอเห็นภาพแล้วนะครับว่า ทางวิหารเฟดเหนือชั้นอย่างไรในการบิดพริ้วหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับFull Faith and Credit กับผู้ถือดอลล่าร์กระดาษ แต่มีการใช้ หลักการยอมรับให้มีค่าบังคับFull Faith and Credit ในแง่กฎหมายเต็มที่ในการให้รัฐบาลสหรัฐฯมาอุ้มฐานะการเงินที่ล้มละลายของตัวเอง ผ่านกฎหมายการยึดทองในปี 1933

 

กลายเป็นว่าวิหารเฟดใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้มtoo big too fail.

 

thanong

2/9/2013

 

http://www.moonlightmint.com/bailout.htm

 

 

1233488_156190201244029_1270129785_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประเดี๋ยวจะเครียดไป อ่านมหัศจรรย์ผักไทย

 

เรียนภาษาอังกฤษ

ชื่อผัก 37 ชนิด และคุณค่าของผัก

(ไม่กินไม่ได้แล้ว)

 

1 สะเดา ( Neem tree) มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ

2 ผักกาดขาว ( Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูงบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์

3 ต้นหอม ( Shallot) มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง

4 แครอท ( Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับคลอเลสเตอรอลได้

5 หอมหัวใหญ่ ( Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

6 คะน้า ( Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง

7 พริก ( Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ

8 กระเจี๊ยบเขียว ( Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ

9 ผักกระเฉด ( Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร

10 ตำลึง ( Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร

11 มะระ ( Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด

12 ผักบุ้ง ( Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด

13 ขึ้นฉ่าย ( Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด

14 เห็ด ( Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน

15 บัวบก ( Indian pennywort) มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำบำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ

16 สะระแหน่ ( Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว

17 ชะพลู ( Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง

18 ชะอม ( Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ

19 หัวปลี ( Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง

20 กระเทียม ( Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็กวิตามินซีสูง

21 โหระพา ( Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีนแคลเซียม

22 ขิง ( Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ

23 ข่า ( Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา

24 กระชาย ( Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม

25 ถั่วพู ( Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว

26 ดอกขจร ( Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน

27 ถั่วฝักยาว ( Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด

28 มะเขือเทศ ( Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง

29 กะหล่ำปลี ( White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง

30 มะเขือพวง ( Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส

31 ผักชี ( Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง

32 กุยช่าย ( Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง

33 ผักกาดหัว ( Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี

34 กะเพรา ( Holy basil) แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้

35 แมงลัก ( Hairy basil) ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ

36 ดอกแค ( Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูงบำรุงสายตา

37 หญ้าอ่อน กินเพิ่มความคึกคัก ให้กระชุ่มกระช่วย หัวใจสูบฉีด สมองแจ่มใส อายุยืนยาว เหมาะกับ โค เฒ่า 55555

 

(ขอบคุณ-หมอเจ็กหยิม/หมอสช.)

 

 

 

5. Central Plannersครองโลกผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit

 

กลับมาเครียดกันต่อ ต้องเอาให้จบ

 

Franklin D Roosevelt ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝั่น หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อปี1932 ช่วงนั้นเศรษฐกิจตกต่ำหนัก มีการแห่เอาเงินกระดาษแลกกับทองคืน วิหารเฟดมีโอกาสเจ้ง เพราะมีทองในมือแค่หยิบมือเดียว เปรียบเทียบกับเงินกระดาษดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาหมุนเวียน ซึ่งอาจจะมากกว่าทองคำสำรองที่มีอยู่ทั้งโลก ในเดือนเมษายน ปี1933 รุสเวลท์ออกกฎหมายพิเศษห้ามไม่ให้ประชาชนครอบครองทอง ต้องเอาทองมาขายให้รัฐบาลในราคา$20.67ต่อทรอยออนซ์ ใครมีทองอยู่ ถือว่าผิดกฎหมาย ต้องโดนปรับ $10,000และติดคุก ใครถือ Gold Certificatesก็จะถือว่าไม่มีค่า ให้เอามาแลกกับกระทรวงการคลังและวิหารเฟดเป็นเงินกระดาษแทน

 

พอได้รัฐบาลรวบรวมทองมาได้ กระทรวงการคลังโอนทองสำรองฯของประเทศให้วิหารเฟด6,000ตัน เพื่อที่จะรักษาหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ "Full Faith and Credit of The United States" หรือสถานภาพของวิหารเฟด กระทรวงคลังโอน Gold Certificates ให้วิหารเฟดด้วย ในทางกลับกันวิหารเฟดออกFederal Reserve Notes หรือดอลล่าร์กระดาษให้กระทรวงคลังถือแทน

 

ไปๆมาๆ กระทรวงคลังสหรัฐฯมอบทอง และGold Certificates ให้วิหารเฟด แล้วได้เงินกระดาษดอลล่าร์มาถือแทน นับว่าเป็นการโอนทองหรือทรัพย์สินของหลวง เข้ากระเป๋าเอกชนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์

 

เดือนมกราคม 1934 รุสเวลท์ประกาศลดค่าเงินดอลล่าร์ เป็น $35ต่อทรอยออนซ์ ทำให้ประชาชน หรือผู้ถือดอลล่าร์ก่อนหน้านี้ ขาดทุนมหาศาล การลดค่าดอลล่าร์กับทองครั้งนี้ การลดค่าเงินเป็นการเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปในระบบโดยอัตโนมัติ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจระบบเครดิตอีกครั้ง ในขณะที่สภาพคล่องหดตัวอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย พ่อมดเบนเรียนรู้จากบทเรียนครั้งนี้ด้วยการพิมพ์เงินหลัง วิกฤติ2008

 

การยึดทองจากประชาชนปี1933ทำให้มีความเชื่อว่ายังไงก็ตามรัฐบาลต้องดูแลวิหารเฟด เพื่อรักษาหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับในทางกฎหมาย "Full Faith and Credit of The United States" โดยที่วิหารเฟด ไม่จำเป็นต้อรักษาหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับในทางการเงิน "Full Faith and Credit เพราะว่าวิหารเฟดละเมิดข้อปฏิบัติด้วยการพิมพ์เงินกระดาษมากกว่าทองที่ตัวเองมีอยู่

 

 

thanong

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

Today at 4:00pm

 

6. Central Plannersครองโลกผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit

 

 

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯเริ่มตุนทองมากขึ้นจนมีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก วิหารเฟดยังไม่ทิ้งวิธีการเดิมคือพิมพ์ดอลล่าร์มากกว่าทองสำรองที่มีอยู่ ราคาทองยังอยู่ระบบ$35ต่อออนซ์ ในระบบค่าเงินคงที่ โดยดอลล่าร์เป็นเงินสกหลักของโลกในระบบBretton Woods System

 

ในวันที่ 15 สิงหาคม 1971 ประธานาธิบดี นิกสันของสหรัฐฯ ช็อคโลกด้วยการประกาศเลิกผูกดอลล่าร์กับทองคำสำรองของสหรัฐฯ นับแต่นั้นมาโลกเราเข้าสู่ระบบการเงินกระดาษ นับว่าเป็นการทำลายหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit ที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้คนถือดอลล่าร์แลกทองจากวิหารเฟดได้

 

 

ช่วงนั้น เศรษฐกิจสหรัฐแย่ ว่างงาน6.1% เงินเฟ้อ5.84% เงินไหลออก เพราะต่างชาติเอาดอลล่าร์มาแลกทอง จนมีแนวโน้มว่าทองสำสำรองที่สหรัฐฯมีมากที่สุดในโลกตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งจาก20,000กว่าตันที่จะอาจจะร่อยหร่อหมดไปได้ ค่าเงินดอลล่าร์มีแนวโน้มต้องถูกลดค่า

ต่างชาติถือดอลล่าร์มากกว่าทองคำสำรองที่สหรัฐฯมีอยู่ นิกสันเลยเบี้ยว ถอดดอลล่าร์ออกจากระบบมารตรฐานทองคำ สหรัฐฯเหลือทองคำสำรอง $8,000กว่าตัน

 

ใครมีดอลล่าร์ไม่สามารถมาแลกทองคำ เพราะหน้าต่างทองคำปิดตาย แต่เวลาประกาศนิกสันบอกว่า ปิดหน้าต่างทองคำชั่วคราว เอาเข้าจริงปิดถาวร

 

การถอดดอลล่าร์ออกจากมาตรฐานทองคำเป็นการยกเลิกระบบBretton Woods System ที่เป็นระบบการเงินอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ โดยที่ดอลล่าร์ตรึงไว้ที่$35ต่อทองคำหนึ่งออนซ์ ประเทศอื่นๆรวมทั้งไทยก็ผูกค่าตัวเองกับดอลล่าร์ โดยที่ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก ระบบการเงินโลกไม่ค่อยจะมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ระบบนี้มีWorld BankกับIMFดูแลเพื่อให้ระบบธนาคารและระบบการเงินโลกเชื่อมกันกับศูนย์กลางการเงินของโลกคือนิวยอร์คและลอนดอน

 

แต่หลังจากเลิกฺBretton Woodsไป ดอลล่าร์พิมพ์ออกมาโดยไม่มีทรัพย์สินอะไรหนุน เป็นเงินกระดาษแต่ประเทศต่างๆยังถือดอลล่าร์ เพราะสหรัฐฯปีต่อมาคือ1972ทำข้อตกลงกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลางให้ขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์แลกกับความคุ้มครองทางทหารและความมั่นคง ทำให้ดอลล่าร์ผูกกับน้ำมันทางอ้อมโดยปริยาย ประเทศต่างๆต้องการซื้อน้ำมัน ก็ต้องสำรองดอลล่าร์

 

นับแต่นั้นมาระบบโลกเข้าสู่ระบบการเงินกระดาษที่ไม่มีทรัพย์สินอะไรหนุน จากหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Creditในพันธะแลกดอลล่าร์กับทองได้ กลายเป็นให้การยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit ในเงินดอลล่าร์กระดาษที่ไม่มีอะไรหนุน กลายเป็นความศรัทธาด้วยความเคยชิน ด้วยความเชื่อในความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯและที่สุดแล้วเป็นศรัทธาในดอลล่าร์คล้ายๆกับที่คนมีศรัทธาเชื่อในพระเจ้า ทั้งๆที่วิหารเฟดพิมพ์เงินออกมาจากกลางอากาศล้วนๆ

 

หลังจากนั้นมีการปั่นการเงินกระดาษ และต่อมาพัฒนาเป็นเงินดิจิตัลก็เริ่มเฟื่องฟูตั้งแต่ตอนนั้น นำไปสู่ความไม่มีเสถียรภาพในระบบการเงินโลก เพราะวิหารเฟดเหมือนเสือติดปีก สามารถพิมพ์เงินดอลล่าร์ได้ไม่อั้น ไม่มีที่สิ้นสุด และดอลล่าร์ได้พิมพ์ออกมาท่วมโลก เพราะว่าวิหารเฟดสามารถทะลวงหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Creditทั้งในเชิงกฎหมายและเชิงการเงิน ทะลุเข้าไปสู่เชิงศรัทธาของศาสนา

 

ในประการแรก วิหารเฟดก้าวข้ามหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Creditทางกฎหมายได้ คือไม่ต้องให้Uncle Sam มาการันตีอะไรในความอยู่รอดของตัวเอง เพราะว่าวิหารเฟดไม่มีทางผิดชำระหนี้ หรือไม่ต้องผูกพันกับพันธะอะไรอีกต่อไป เพราะสามารถปลดจากมาตรฐานทองคำได้ สามารถพิมพ์เงินไม่อั้นเพื่อจ่ายหนี้ เงินกระดาษต่อเงินกระดาษ

 

คงจะจำได้ว่าปู่อลัน กรีนสแปนบอกว่า สหรัฐฯไม่มีทางผิดชำระหนี้ได้ เพราะวิหารเฟดสามารถพิมพ์เงินจ่ายดอกเบี้ยเงินต้นได้ตลอด เท่าไหร่เท่ากัน แต่เขาไม่ได้บอกผลกระทบของเงินเฟ้อหรือโอกาสของความไม่เชื่อมั่นในค่าดอลล่าร์

 

ในประการที่สอง วิหารเฟดก้าวข้ามพันธะของระบบมาตรฐานทองคำ ในเมื่อปลดดอลล่าร์จากมาตรฐานทองคำโดยนิกสันได้ วิหารเฟดก็มีอิสระอย่างเต็มที่ที่จะพิมพ์เงินไม่อั้น ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ต้องทำตามหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Creditในการให้แลกทองคำกับดอลล่าร์ ซึ่งวิหารเฟดไม่ค่อยจะทำอยู่แล้ว

 

ประการสุดท้าย วิหารเฟดพิมพ์ดอลล่าร์ให้คนอเมริกันและนานาประเทศถือโดยล้มหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Creditทางกฎหมายและการเงินอย่างสิ้นเชิง คงเหลือแต่ Full Faith and Credit ในเงินดอลล่าร์เองล้วนๆ โดยที่โดยสารัตถะแล้วดอลล่าร์กระดาษและต่อมาพัฒนาเป็นดอลล่าร์ดิจิตัลที่ไม่ต้องการโรงพิมพ์ธนบัตรเหมือนในอดีตไม่ได้มีค่าอะไรเลย การถือดอลล่าร์ต่อไปกลายเป็นความเชื่อมั่นศรัทธาในรูปแบบศาสนา religious faith คือไม่ต้องตั้งคำถาม

 

ให้เชื่อไปเถอะ เดี๋ยวจะดีเอง

 

 

Thanong

2/9/2013

 

 

992985_156222717907444_1704508664_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

2 hours ago

 

7. Central Plannersครองโลกผ่านหลักการยอมรับให้มีค่าบังคับ Full Faith and Credit (จบครับ)

 

ในเมื่อวิหารเฟดให้การถือดอลล่าร์ต่อไปกลายเป็นความเชื่อมั่นศรัทธาในรูปแบบศาสนา religious faith คือไม่ต้องตั้งคำถาม เราก็ควรใช้หลักศรัทธาของศาสนาพุทธ มาช่วยกรองอีกที

 

ขออนุญาติคัดลอกข้อความจาก ไซเบอร์วนาราม:การศึกษาพระพุทธศาสนาบนโลกไซเบอร์ มาประกอบเรื่องศรัทธา เพื่อว่าเราจะได้ไม่ติดหล่มในศรัทธาของฝรั่งที่ให้เราเชื่อโดยไม่ต้องตั้งคำถาม

 

หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเมื่อกล่าวถึงสัทธาแล้วต้องมีปัญญากำกับอยู่ในหลักธรรมนั้นเสมอ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อมีความเชื่ออย่างเดียวโดยไม่มีปัญญาก็จะเป็นความเชื่อที่งมงาย (Blind Faith) ปราศจากเหตุผล (Cause and Effect) และการพิสูจน์

 

เพราะฉะนั้นความเชื่อจึงเป็นลักษณะความรู้แบบหยาบๆ โดยไม่ผ่านการเจียระไนทางความคิดหรือไม่ผ่านการไตร่ตรองด้วยโยนิโสมนสิการ พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเรื่องศรัทธาไว้ที่ไหนก็จะมีปัญญามาพร้อมด้วยทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เชื่อเกิดความงมงาย

 

หลักความเชื่อทางพระพุทธศาสนา

ในเรื่องของความเชื่อตามหลักพุทธศาสนา พุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในหลักกาลามสูตร ดังที่ปรากฎในเกสปุตตสูตร อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต แต่คนส่วนมากมักจะเรียกว่ากาลามสูตร(องฺ.ติก. 20/505/212) ซึ่งเป็นพระสูตรสำคัญที่พระพุทธเจ้าแสดง ณ เกสปุตตนิคม มีใจความสรุปว่า

 

เกสปุตตะเป็นนิคมแห่งหนึ่งในแคว้นโกศลชาวนิคมนี้เป็นที่รู้จักกันว่าชาวกาลามะ เมื่อชาวกาลามะได้สดับว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมายังนิคมของตน จึงมาเฝ้าพระองค์เพื่อขอคำแนะนำและกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้นพูดประกาศแต่เฉพาะทรรศนะของตนเท่านั้น ส่วนทรรศนะของผู้อื่น ช่วยกันตำหนิ ดูหมิ่น ประณาม ทำให้ไม่น่าเชื่อ สมณพราหมณ์พวกอื่นๆซึ่งมายังเกสปุตตนิคมก็ทำในลักษณะเดียวกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์มีความเคลือบแคลงสงสัยในสมณพราหมณ์เหล่านั้นว่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ”พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ดูก่อนชาวกาลามะทั้งหลาย ถูกแล้วที่ท่านทั้งหลายมีความเคลือบแคลงสงสัยในสิ่งที่ควรเคลือบแคลงสงสัย มาเถิด ท่านทั้งหลาย

 

1. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)

2. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะถือสืบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)

3. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะเล่าลือ (มา อิติกิราย)

4. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะอ้างตำราหรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)

5. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)

6. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะคาดคะเน (มา นยเหตุ)

7.อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะตรึกตามอาการ (มา อาการปริวิตกฺเกน)

8. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะเข้ากันได้กับความเห็นของตน (มา ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)

9. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะผู้พูดสมควรเชื่อได้ (มา ภพฺพรูปตาย)

10. อย่าเพิ่งรีบเชื่อเพียงเพราะนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครุ)

 

 

 

Thanong

2/9/2013

 

http://www.cybervanaram.net/2009-12-17-14-44-23-14/209-2010-07-24-05-12-10

 

 

1208747_156225327907183_590241151_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo shared พุทธิกา ฉลาดทำบุญด้วยจิตอาสา's photo.

 

 

 

1208811_410355945736550_1905302305_n.jpg

 

[กิจกรรมจิตอาสา]

 

"จิตอาสาพาเข้าวัด : ทำความสะอาดวัดสามพระยา"

 

โครงการฉลาดทำบุญ ชวนจิตอาสาเข้าวัดทำกิจกรรม “ทำความสะอาดวัดสามพระยา” บริเวณรอบโบสถ์ วิหาร และลานวัด (เช็ดประตูหน้าต่าง, ทำความสะอาดกระจก, ถอนหญ้า, กวาดลานวัด และถูลานวัดที่มีขี้นกติดอยู่ ฯลฯ) พร้อมฟังธรรมบรรยายจากทางวัดเนื่องในโอกาสเข้าพรรษา

 

ข้อมูลเพิ่มเติม : www.jitarsabank.com/event/view/460

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...