ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

บทความแนวโน้มรคาทอง วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2556

 

สรุปภาพรวมของตลาดเมื่อวานนี้

 

ภาพรวมตลาดซื้อขายไปตามปัจจัยทางเทคนิค โดยไม่มีตัวเลขสำคัญอะไรของสหรัฐฯ ยกเว้นทางด้านยุโรป คือตัวเลข ZEW ของทั้งเยอรมนีและยูโรโซนโดยรวม ซึ่งก็ได้ออกมาแข็งแกร่งใกล้เคียงการคาดการณ์ของตลาด แต่กลับไม่ได้ส่งผลบวกต่อค่าเงินยูโร เนื่องจากตลาดได้มีการซื้อเก็งกำไรไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนความเห็นของ FED’S EVANS ก็ไม่ได้ส่งผลของตลาดอย่างโดดเด่นเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นช่วงที่สภาวะตลาดค่อนข้างเบาบาง ซึ่งปรกติจะเกิดความผันผวนต่อราคาได้ง่าย แสดงให้เห็นขัดว่าตลาดเริ่มชาชินกับบรรดาความเห็นของประธานเฟดสาขาต่างๆ ซึ่งยังไม่ทันเห็นลิ้นไก่ก็รู้ว่าไผเป็นไผ

 

สิ่งที่น่าสนใจและจับตาดูวันนี้

 

คับคั่งมากมายตามตารางข้างล่างนี้ โดยช่วงเช้าตรู่ FED’S BERNANKE ได้แสดงความคิดเห็นซึ่งไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร ใครไม่รู้แนวคิดของเขาบ้าง และเขาก็กำลังจะเดินออกไปจากธนาคารกลางสหรัฐฯเร็วๆนี้ โดยสร้างความเจ็บปวดไว้ไม่น้อยสำหรับคนชั้นกลาง ( มนุษย์เงินเดือน ) ซึ่งการเก็บออมของพวกเขาไม่ทำให้มีรายได้แต่อย่างใด แต่กลับเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมบรรดานักลงทุน ( ชาวยิว? ) แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ ในขณะที่ความเห็นของเขาส่งให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงแต่ราคาทองคำกลับไม่ได้รับอานิสงค์แต่อย่างใด อิทธิพลของยิวต่อนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และประเทศสหรัฐฯ ช่างมากมายและซับซ้อนพอสมควร

 

แนวโน้มและกลยุทธ์ประจำวันนี้

หลังการหลุดกรอบแนวรับลงมาของราคาทองคำแถวบริเวณ 1280/1278 และปอดยืนยันได้ ตลาดก็ได้มีการเทขายทองคำลงมาอีกระลอกตามปัจจัยทางเทคนิค โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 1270 หรือต่ำกว่า ซึ่งเมื่อวานราคาทองคำก็ไม่รูดลงมาถึง 1268.85 ก่อนที่จะมีการดีดตัวกลับขึ้นบ้าง ส่วนภาพทางเทคนิคในวันนี้โดยปรกติเมื่อราคาทองคำมีการขยับขึ้นทดสอบด้านบน ( แนวต้าน ) ก่อน ก็ยังคงเหมาะแก่การเข้าขายครับ แต่ถ้าพิจารณาจากตัวเลขต่างๆของสหรัฐฯ ที่จะมีการประกาศออกมาคืนนี้ ล้วนสนับสนุนยังให้คงขนาด QE ไว้ ทั้งนั้น ( ยกเว้นออกมาพลิกล็อค ) จึงส่งให้ภาพรวมดูค่อนข้าง MIXED และราคาทองคำก็ยังคงยืนอยู่เหนือ DAILY TRENDLINE SUPPORT SENTIMENT

 

*วันนี้จึงถือว่า NEUTHAL TO SLIGHTLY BEARISH กลยุทธ์วันนี้ ยังคงเหมาะกับ AGRESSIVE INVESTOR ทีจะหาจังหวะเข้าดักขาย โดยมีความเสี่ยงมากกว่าเมื่อวานเล็กน้อย โดยอาจลดความเสี่ยงด้วยการวาง STOP LOSS ORDERS เหนือบริเวณ 1278/1280 ขึ้นไปเล็กน้อย แต่ถ้าจะเข้าลงทุนช่วงตลาดอเมริกา ซึ่งราคาทองคำถ้าจะลงก็อาจจะลงมาก่อนเวลาดังกล่าวแล้ว ก็อาจจะรอผลของตัวเลขไปก่อนเลย ส่วนผู้เขียนยังคงมองหาจังหวะเข้าขายอยู่ดี แต่ก็ด้วยความระมัดระวังเช่นเดิม เนื่องจากภาพทางเทคนิค ( ลง ) กับภาพทางปัจจัยพื้นฐาน ( ขึ้น ) ดูจะขัดแย้งกันครับ ขอให้ผู้อ่านและนักลงทุนทุกท่านโชคดีครับ

 

แนวรับ-แนวต้านทอง วันที่ 20/11/56 updated at 14.05น.

R2=1278/1280

R1=1276

S1=1270/1268

S2=1265/1260

...............

หมายเหตุ: บทความนี้ถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าหรือควรเชื่อว่ามี ความน่าเชื่อถือ และ / หรือมี ความถูกต้อง อย่างไรก็ตามผู้จัดทำไม่รับรองความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลดังกล่าวข้อมูลและความเห็นที่ปรากฎข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้จัดทำไม่มีความประสงค์ที่จะชักจูงหรือชี้ชวนให้ผู้ลงทุนลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผู้จัดทำจึงไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลหรือความเห็นของบทความนี้ไปใช้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุน

Kimheng

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ทิศทางราคาทองคำร่วงลงหนัก มาใกล้จุดซื้อที่พอจะลุ้นให้รีบาวด์ได้บ้าง

แนวรับหลักบริเวณ 1220 1230 เป็นจุดที่มองไว้

เฟดกลับมากดดันตลาดทองคำอีกครั้งหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ได้แย่ลงจากเหตุการณ์ปิดหน่วยงานรัฐในเดือนที่แล้ว

Exit Strategy ยังคงเป็นไปตามลำดับเวลาเดิม

ทำให้ราคาทองตกใจลงมาทั้งที่ลืมไปว่าราคาที่เป็นอยู่รับรู้เหตุการณ์ไปแล้ว

มองหาสัญญาณซื้อที่จะเข้ามาที่บริเวณ 1220 1230 1240

โดยระหว่างวันอาจมีช่วงการฟื้นตัว ให้ดูที่แนวต้าน 1256 1260 1268 เอสจากจุดนั้นแล้วมาซื้อที่ 1220 1230

แนวต้าน 1256 1260 1268

แนวหนุน 1220 1230 1240

 

1465302_619277614777384_454761325_n.png

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

20 พฤศจิกายน 2556

 

General News

----------------

• OECD ลดคาดการณ์ GDP โลกปีนี้ลงเป็น 2.7% จากเดิม 3.6% และลดของปีหน้าเป็น 3.6% จากเดิม 5.8% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนายังเปราะบาง ทำให้การเติบโตไม่ต่อเนื่องเหมือนอดีตซึ่งเคยสนับสนุนการเติบโตของโลกในช่วงที่ประเทศที่พัฒนาแล้วเกิดปัญหา

 

• สถาบัน ZEW ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็น 54.6 ในเดือน พ.ย. จาก 52.8 ในเดือน ต.ค. โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ต.ค.2009 และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 54.0

 

• กระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 10 เดือนแรก มีมูลค่ารวม 97,000 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.77% จากปี 2555 โดยเดือน ต.ค. มีการลงทุน เพิ่มขึ้น 1.24% เป็น 8,420 ล้านดอลลาร์

 

• เมืองกวางโจว ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน วางแผนจะเพิ่มจำนวนบ้านเอื้ออาทรและจัดสรรที่ดินมากขึ้นเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่จะร่วมมือกับเมืองใหญ่อื่นๆ เพื่อควบคุมราคาบ้านที่พุ่งขึ้นมาก ทั้งนี้ ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ได้ดำเนินมาตรการแบบเดียวกันนี้หลังจากราคาบ้านพุ่งขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

 

• เซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต บริษัทบริหารสนามบินรายใหญ่สุดของจีนในแง่มูลค่าตลาด ระบุว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ต่อปี มาอยู่ที่ 258,600 ตัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการจัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งใหม่ซึ่งช่วยหนุนปริมาณการขนส่งสินค้า

 

• สถาบันพัฒนาเกาหลี (KDI) ระบุว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ควรดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% เพื่อรับประกันว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัว 2.8% ในปีนี้ และ 3.7% ในปีหน้า

 

• ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าว 500,000 ตัน จากเพื่อนบ้านก่อนสิ้นปี เพื่อเพิ่มสต็อกข้าวในประเทศซึ่งลดลงเนื่องจากการให้ความช่วยเหลือเหยื่อพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน

 

• ครม.เห็นชอบตามที่ ก.คลัง เสนอให้ปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาสำหรับการคำนวณเงินได้สุทธิจาก 5 ขั้นอัตรา เป็น 7 ขั้นอัตรา และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากอัตราสูงสุด 37% เป็น 35% มีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้ปี 2556 และ 2557

 

• นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ยังไม่คิดยุบสภาหรือลาออกจากตำแหน่ง และมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะดูแลความสงบเรียบร้อยและบริหารประเทศไทยต่อไปได้ โดยพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบการทำงานผ่านการอภิปรายในรัฐสภา

 

• จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากวุฒิสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 และ 3 ฝ่ายค้านก็จะยื่นร้องต่อประธานรัฐสภาทันที เพื่อให้ส่งต่อความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่า ร่าง กม.ดังกล่าวขัดกับหลักการในรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

• ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีรายได้ 179,753 ล้านบาทในเดือน ต.ค. สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 20.6% จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น และมีเงินคงคลัง 502,019 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญให้รัฐบาลรักษาบทบาทในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล รวมทั้งการเร่งรัดการเบิกจ่ายได้

 

• ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.ก.คมนาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงคุ้มค่าที่จะลงทุน ซึ่งการคุ้มทุนและคุ้มค่าของแต่ละโครงการไม่ได้อยู่ที่การจัดเก็บรายได้จาก ค่าตั๋วโดยสารเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องวัดจากการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และการพัฒนาเมือง

 

• สุรศักดิ์ เรืองเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีมีการเปิดประมูลสต๊อกข้าวและระบายออกไปได้ 700,000-800,000 ตัน จากที่เปิดประมูล 2 ล้านตัน ขณะเดียวกันยังขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐให้กับรัฐบาลต่างประเทศแล้ว 7-8 ล้านตัน ส่งเงินคืนกระทรวงการคลังจากการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลได้แล้ว 140,000 ล้านบาท และอีก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะคืนเงินได้เพิ่มอีก 24,000 ล้านบาท

 

Equity Market

---------------

• SET Index ปิดที่ 1,412.44 จุด ลดลง 11.52 จุด (-0.81%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 33,067.28 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลงและอ่อนตัวกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค จากปัจจัยกดดันด้านการเมืองภายใน นอกจากนี้ นักลงทุนยังกำลังรอผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของ ส.ว. ในวันนี้อีกด้วย

 

(ล้านบาท)

-----------

นักลงทุนสถาบัน +845.31

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +16.88

นักลงทุนต่างชาติ +31.41

นักลงทุนทั่วไป -893.61

 

• จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ได้ตั้งเป้ามูลค่าการเสนอขาย IPO กว่า 1 แสนล้านบาท ในปี 2557 ซึ่งคาดว่าจะมาจากบริษัทที่มีรายได้ในกลุ่มเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดย Theme GMS ในปีหน้าเป็นประเด็นที่ ตลท. ให้ความสนใจ เพราะโอกาสการโตของธุรกิจในประเทศเหล่านี้มีค่อนข้างมาก

 

• ชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า มีบริษัทจดทะเบียนใน ตลท.469 บริษัท โดยใน ไตรมาส 3 มียอดขายรวม 2,779,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.87% จากงวดเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 203,196 ล้านบาท ลดลง 5.81% สำหรับงวด 9 เดือน มียอดขายรวม 8,024,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.27% กำไรสุทธิ 608,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.29 เท่า

 

Fixed Income Market

------------------------

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง +0.01%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

5 minutes ago

 

สหรัฐส่อเค้าหมดเงินสดต้นปีหน้า (รอยเตอร์)

นักวิเคราะห์เตือน สหรัฐอาจเริ่มผิดนัดชำระหนี้ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - มิถุนายน ปีหน้า หากสภายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อขยายเพดานหนี้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ที่ผ่านมารัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา สามารถจัดการกับเพดานหนี้ของรัฐบาลเป็นเวลาห้าเดือนในปีนี้ ก่อนเกือบจะผิดนัดชำระหนี้ โดยเดือนที่แล้วประธานาธิบดีโอบามาลงนามในร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ และจะกำหนดระดับหนี้ที่รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้

ทั้งนี้ หากไม่มีการตัดสินใจว่าจะเพิ่มเพดานหนี้อีกครั้ง กระทรวงการคลังจะสามารถจัดการเงินสดในมือได้อีกช่วงสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าต้องซื้อเวลาไปอีกนานเท่าใด

แต่รายงานของสำนักงบประมาณสภาคองเกรส หรือซีบีโอ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอาจไม่มีเงินสดใช้จ่ายในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม เวลาและปริมาณของเงินภาษีที่ได้รับและการคืนภาษีอาจทำให้ช่วงเวลาที่สหรัฐต้องขาดแคลนเงินสดอาจเลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน

ซีบีโอประเมินว่า ช่วงเวลาดังกล่าวขึ้นอยู่กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญงบประมาณภาคเอกชน ด้านฝ่ายบริหารกล่าวว่า มีแนวโน้มอาจเริ่มผิดนัดชำระหนี้ภายในหนึ่งเดือนจากวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หากสภาคองเกรสไม่สามารถเพิ่มอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลได้ทันในกำหนดดังกล่าว

ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐแถลงว่า แม้กระทรวงการคลังจะมีเครื่องมือที่เรียกว่า "มาตรการพิเศษ" เพื่อขยายปริมาณเงินสดที่มีอยู่ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามาตรการพิเศษจะใช้ได้นานกว่าหนึ่งเดือน

ในปีนี้กระทรวงการคลังรักษาเพดานหนี้ไว้ได้ประมาณห้าเดือน ผ่านมาตรการหลายอย่าง อาทิ หยุดการลงทุนในกองทุนบำเหน็จบำนาญเพื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางบางโครงการ

 

21/11/2013

 

 

1460976_174907456038970_842470021_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

กู้ยูโรดอลล่าร์อัตราต่ำๆ มาปั่นฟองสบู่ตลาดไทย

 

จากตารางจะเห็นว่าดอกเบี้ยไทยสูงมาก ณ เดือนกันยายน 2013 แบงค์ไทยปล่อยกู้ลูกค้าชั้นดีminimum lending rate อัตรา7% ส่วนลูกค้าทั้วไปอัตรา9.3% แต่ช่วงก่อนวิกฤติLehman Brothersปี2008 แบงค์ไทยปล่อยกู้ลูกค้าชั้นดีอยู่ที่อัตรา 7.25% และลูกค้าทั่วไปที่8.0% ในระยะ5ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก ลูกค้าชั้นดีได้ประโยชน์ แต่ลูกค้าทั่วไปกลับต้องกู้ในอัตราแพงขึ้น

 

แต่ก็สู้ฝรั่งไม่ได้อยู่ดี ดอกเบี้ย12 เดือนของLondon Interbank Offered Rate หรือ LIBOR ช่วงก่อนวิกฤต Lehman Brothers อยู่ที่ 3.39% แต่หลังการทำQE ทำให้ดอกเบี้ยต่ำลงมาตลอด ตอนนี้อยู่ต่ำติดดินที่0.64%

 

หมายความว่าฝรั่ง และแบงค์สามารถกู้ดอลล่าร์ถูกๆไม่ถึง1%จากตลาดLIBORแล้วมาเล่นพันธบัตร หุ้นและอสังหาฯเมืองไทยที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่ามาก เพราะเมืองไทยเปิดตลาดเสรีการเงิน เงินที่ไหลเข้ามาจากดอกเบี้ยถูกๆนี้ สร้างสภาพคล่องฟองสบู่การเงินในหุ้น ในพันธบัตรและในอสังหาฯเมืองไทย แต่เมื่อสภาพคล่องนี้แปรเปลี่ยนไป ซึ่งทางการไทย หรือแบงค์ไทย หรือนักลงทุน นักธุรกิจไทยไม่คิดว่าจะเปลี่ยน ฟองสบู่การเงินประเทศไทยจะแตก ประเทศไทยจะเป็นต้มยำกุ้งรอบสอง

 

 

thanong

20/11/2013

 

 

1469894_174682682728114_1134858769_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thursday, 21 November 2013

 

สินทรัพย์เฟ้อ

 

webblog_verapong.gif

หลังจากโลกต้องผ่านวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง คือวิกฤตเลห์แมน บราเดอร์ หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งส่งผลต่อสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจในประเทศฝั่งอเมริกาหรือยุโรปโดยตรง วิธีแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้ธนาคารกลางหลาย ๆ ประเทศเลือกที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอย่างที่เห็นจากมาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง มากกว่าคงนโยบายรัดเข็มขัด นั่นหมายถึงการที่มีเงินใหม่เข้าระบบเป็นจำนวนมาก

 

นับต่อจากนี้ไป สิ่งที่อาจจะเป็นผลพวงต่อเนื่องหรือมรดกชิ้นใหญ่จากมาตรการอัดฉีดมาหลายปี คือ สภาวะที่สินทรัพย์เกือบทุกประเภทที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก หรือเกิดสภาวะสินทรัพย์เฟ้อ เพราะคนเลือกที่จะไม่ถือเงินสดที่เหมือนจะด้อยค่าลงทุกวัน อีกทั้งดอกเบี้ยในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาก็ต่ำมาก เนื่องจากนโยบายของภาครัฐต้องการคงดอกเบี้ยให้ต่ำที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยนโยบายได้ทำสถิติต่ำที่สุดใหม่ในประวัติการณ์ของตลาดเงินทั่วโลกมาโดยตลอดในหลายปีที่ผ่านมา

สิ่งนี้แตกต่างจากสภาวะเงินเฟ้อที่คงอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ และวิธีการคิดเงินเฟ้อพื้นฐานจากสูตรคำนวณทางเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ดีบ่อยครั้งที่ตัวเลขเงินเฟ้ออาจจะขัดแย้งกับความรู้สึกคนอยู่บ้าง เช่นอัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตน้อยสุดในหลาย ๆ ปีให้หลัง แต่ความรู้สึกเราคือ สินค้ามีราคาแพงขึ้นมาก ยิ่งในช่วงหลังที่ผมเดินทางไปต่างประเทศ เริ่มรู้สึกว่าราคาอาหาร ค่าครองชีพใกล้เคียงกับเรามาก และของบางอย่างถูกกว่าเสียอีก โดยเฉพาะอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคบางชนิด

 

แต่ในทางกลับกัน ความรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงขึ้นมาก อาจจะมาจากราคาสินทรัพย์เฟ้อ ที่มีการติดตามหรือควบคุมน้อยกว่ามาก สภาวะสินทรัพย์เฟ้อที่เกิดขึ้น เช่นราคาที่อยู่อาศัยปัจจุบัน เช่นคอนโดกลางเมืองมีราคาสูงขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อทั่วไปหลายเท่า ผมยังจำได้ว่าสิบปีที่แล้ว ราคาคอนโดสุขุมวิท มีราคาเพียงแค่ 50,000 กว่าบาทต่อตารางเมตรเท่านั้น ปัจจุบันราคาสูงขึ้นกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว ถ้าคิดอัตราการเพิ่มขึ้นของราคา คือ 15% ต่อปีทบต้น ซึ่งมากกว่าเงินเฟ้อพื้นฐานหลายเท่า ยิ่งถ้าเปรียบเทียบราคาค่าเช่าที่ได้รับแล้ว ยิ่งทำให้เห็นภาพความเฟ้อของสินทรัพย์ยิ่งขึ้น ในอดีตผู้ให้เช่าอาจหาผลตอบแทนการเช่าระดับ 8 - 10% ไม่ยากนัก แต่ปัจจุบัน ผลตอบแทนค่าเช่าอาจจะต่ำเพียง 3-4% ซึ่งอันที่จริงแล้ว แทบไม่ต่างจากเงินฝากธนาคารเลย

นอกจากนั้นราคาที่ดินในกรุงเทพฯ รวมถึงต่างจังหวัด ก็ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงสินทรัพย์ที่เป็นสินทรัพย์กลางระดับโลกอย่างทองคำ ก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ตลาดหุ้นมีสภาพเป็นกระทิงในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา โดยมีการเติบโตของราคาหุ้น สูงกว่าการเติบโตของกำไรต่อหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ค่าเฉลี่ย PE ของตลาดหุ้นไทยก็เขยิบขึ้นมาจากระดับที่ต่ำกว่า 10 เท่าในช่วงหลายปีที่แล้ว เป็น 14 เท่าในปัจจุบัน รวมถึงเงินปันผลรวมทั้งตลาดที่ลดลงมาตลอด เป็นสภาวะเดียวกันกับสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ และถ้าลองดูตลาดหุ้นอื่น ๆ ที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา ก็พบปรากฎการณ์เดียวกันเกือบทั้งสิ้น เรียกได้ว่าสภาวะเงินทุนส่วนเกิน หรือ Fund Flow จากทั้งกระเป๋าสตางค์คนต่างชาติ หรือคนไทยด้วยกันเอง ทำให้ดัชนีหุ้นและราคาหุ้น รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ถีบตัวสูงขึ้นทั้งกระดาน

ปรากฎการณ์นี้ ถ้าเป็นนักลงทุนเราควรจะทำอย่างไร บัฟเฟตต์เคยบอกว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการลงทุนคือการรอ ถ้าราคาสินทรัพย์พุ่งเกินพื้นฐานขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่อย่างไรก็ดีผมคิดว่าถ้ามองกลับไปที่พื้นฐาน บางสิ่งอาจจะขึ้นโดยไม่มีวันที่ราคาจะต่ำลงมาได้อีก เช่น ต้นทุนค่าแรง เพราะเป็นแนวโน้มที่ “ค่าแรงของโลก”จะมีความใกล้เคียงกันมากขึ้น และเป็นไปได้ยากขึ้นมากที่เราจะจ้างคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันในราคาที่แตกต่างกันมากอย่างสุดกู่ดั่งเช่นในอดีต รวมถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มลดน้อยลงและขาดแคลน อย่างที่ดิน สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาสูงขึ้นจากต้นทุน (Cost Push) โลกในช่วงนี้ ผมคิดว่าเป็นการปรับสมดุลครั้งใหญ่เนื่องจากการเชื่อมต่อกันของโลกสมัยใหม่

อย่างไรก็ดี ก็เป็นไปได้ที่สินทรัพย์มีราคาสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการของตลาด - Demand Pull หรือ สูงขึ้นเพราะเหตุผลที่ว่า ถ้าไม่ซื้อวันนี้ จะไม่ได้ซื้ออีกแน่นอนในวันพรุ่งนี้ เช่นสภาวะสินทรัพย์เฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 90 ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสุดท้ายก็จะเกิดสภาวะฟองสบู่ และขึ้นชื่อว่าฟองสบู่แล้ว ไม่มีฟองสบู่ไหนที่ไม่แตก แต่จะแตกแรงแตกเบาขึ้นอยู่กับ ฟองสบู่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก่อตัวปี 1985 โดยดัชนีนิเคอิอยู่ที่ 13,000 จุด และทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 38,957.44 ในวันที่ 29 ธันวาคม 1989 และดัชนีนิเคอิตกลงมากว่า 35% ในปีต่อมา และลดลงมาโดยตลอด และไม่เคยได้เห็นจุดนั้นอีกเลย

สินทรัพย์เฟ้อครั้งนี้ผมคิดว่าเกิดขึ้นทั้งสองเหตุผล หน้าที่ของนักลงทุนคือ หาความแตกต่างในความเหมือน ดั่งเช่นเพชรและถ่าน เพราะแม้จะเกิดจากธาตุคาร์บอนเหมือนกัน แต่ด้วยความแตกต่างบางอย่าง ทำให้สิ่งหนึ่งเป็นแค่ถ่าน แต่อีกสิ่งหนึ่งคือเพชร

Posted by 10000Li at 10:53 AM in คิด วิเคราะห์ แยกแยะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

6 hours ago via mobile

 

ลูกน้องตัวแสบส่งมาให้อ่านเล่น

 

ครายเครียด..คั้นเวลา

 

ชายชรา 3 ชาติเจอพระเจ้า เลยถามท่านว่า เมื่อไหร่พม่าจะมีประชาธิปไตยเต็มใบ พระเจ้าตอบว่า "อีก20ปี" ชายชราพม่าร้องไห้บอกว่า..."ผมอยู่ไม่ถึง"

ชายชราเวียตนามถามว่าเมื่อไหร่เวียตนามจะเจริญเหมือนสิงคโปร์

พระเจ้าตอบว่า "อีก 30 ปี" ชายชราเวียตนามร้องไห้ "ผมอยู่ไม่ถึง"

ชายชราไทยถามพระเจ้าว่า เมื่อไหร่เมืองไทยจะปลอดคอรัปชั่น

พระเจ้าท่านนั่งคิดพักนึงแล้ว...

พระเจ้าร้องไห้โฮ..... พูดว่า..."ข้าก็อยู่ไม่ถึง

 

21/11/2013

 

 

Thanong Fanclub

4 hours ago

 

ดักฟังจนร้าวฉานความสัมพันธ์

 

ออสเตรเลียเตือนนักท่องเที่ยวไปอินโดฯ (รอยเตอร์)

ออสเตรเลียออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปอินโดนีเซีย หลังชาวอินโดนีเซียวางแผนประท้วงหน้าสถานทูตออสเตรเลียในกรุงจาการ์ตา จากความไม่พอใจรายงานข่าวที่ว่า ออสเตรเลียดักฟังโทรศัพท์ประธานาธิบดีและภรรยา รวมทั้งรัฐมนตรีอีกหลายคน

คำแนะนำล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลียต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังอินโดนีเซีย จุดหมายปลายทางอันดับสองของชาวออสเตรเลียรองจากนิวซีแลนด์ ระบุว่า ตำรวจอินโดนีเซียแนะนำว่าชาวอินโดนีเซียมีแผนชุมนุมประท้วงนอกสถานทูตออสเตรเลียในกรุงจาการ์ตาวันนี้ ขอให้ชาวออสเตรเลียตรวจสอบข้อมูลจากสื่อท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการประท้วง ระมัดระวังและตระหนักถึงความปลอดภัยให้มาก

การเคลื่อนไหวข้างต้น ยังเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีสุสิโล บัมบัง ยูโดโยโน ผู้นำอินโดนีเซีย แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ประกาศระงับความร่วมมือกับออสเตรเลียในเรื่องการสกัดกั้นการลักลอบอพยพลี้ภัยจากอินโดนีเซียไปยังออสเตรเลีย อันเป็นส่วนหนึ่งของการระงับความร่วมมือทางทหารกับออสเตรเลียเป็นการชั่วคราว

ผู้นำอินโดนีเซีย ระบุว่า ออสเตรเลียกับอินโดนีเซียได้ร่วมมือกันทางทหาร ที่รวมถึงการลาดตระเวณในทะเล แต่เขาได้ขอให้ระงับไว้ จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนเสียก่อน

 

21/11/2013

 

 

1441381_174911999371849_1227189355_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

ไฮ้โม่งทุบทองฟิวเจอร์สวันพุธ จนระบบคอมฯแฮ๊งค์ไป20วินาที

 

ตอนนี้การทุบราคาทองโดยพวกไอ้โม่งที่มีสายสัมพันธ์กับเฟด หรือ BISเป็นไปอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน ไม่มีใครกล้าแตะต้อง

 

อย่างในวันพุธที่ผ่านมา ราคาทองโดนทุบไป$10 โดยการขายทองฟิวเจอรส์กระดาษ ที่มีกำหนดส่งมอบเดือนธันวาคมจำนวน2,000สัญญา ปกติเวลาคนจะปล่อยของ ก็ต้องค่อยๆปล่อยเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด แต่พวกแก๊งค์ทุบทอง ทุบราคาทองผ่านตลาดฟิวเจอร์ส แบบไม่เกรงใจหน้าอินทร์ หน้าพรหม

 

การทุบทองในวันนั้น ทำให้ระบบคอมฯแฮงค์ไปเลย20วินาที เพราะโดนระบบcircuit breakerตัดตอน การเทรดทองเช่นนี้ ส่อเค้าทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่Commodity Futures Trading Commissionของสหรัฐฯทำเป็นไขสือไม่รู้เรื่อง

 

การทุบทองแบบนี้เกิดขึ้นแทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว โดยทางการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังข่าวพ่อมดเบน แห่งวิหารเฟดออกมาบอกว่าคิวอียังคงทำนานต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และดอกเบี้ยพันธบัตรมีแนวโน้มสูงขึ้น เลยต้องมีการทุบทอง เพื่อปกป้องดอลล่าร์ เพราะทองเป็นปฏิปักษ์กับดอลล่าร์

 

สำหรับนักลงทุน ที่สามารถถือทองphysicalได้ระยะปานกลางหรือยาว ทองเป็นสิ่งน่าลงทุนมากเพราะจีนกำลังตะลุยซื้อทองเพื่อใช้ในระบบการเงินใหม่ที่มีทองหนุน แต่ระยะสั้นทองจะโดนพวกไอ้โม่งมาเฟียระดับโลกทุบเป็นระยะๆ เพื่อซื้อเวลาการปกป้องดอลล่าร์

 

ใครเก็งกำไรทองระยะสั้นจะเจ็บตัว เพราะว่าทองเป็นเรื่องของเจ้าพ่อ ไม่ใช่เรื่องของเด็กๆมือสมัครเล่น

 

thanong

21/11/2013

 

http://www.zerohedge.com/news/2013-09-12/vicious-gold-slamdown-breaks-gold-market-20-seconds

 

 

 

1474433_174944222701960_180134757_n.jpg

 

 

Thanong Fanclub

 

พวก Rothschildsคุมการกำหนดราคาทองของโลก

 

ราคาทองที่ทั่วโลกถือเป็นbenchmarkหรือราคามาตรฐาน ถูกกำหนดที่ลอนดอน มีการกำหนดราคาทอง2 ครั้งต่อวัน โดย Barclays ของอังกฤษ, Bank of Nova Scotia ของแคนนาดา, Deustche Bank ของเยอรมัน, HSBC Holdings ของอังกฤษ และSociete Generale ของฝรั่งเศส

 

การกำหนดราคาทองแบบนี้มีมาตั้งแต่ปี1919 โดยประชุมกันที่สำนักงานของกระกูลRothschild คือ N.M. Rothschild & Sons Ltd ที่ลอนดอน แต่หลังจากปี2004 พวกแบงค์ตกลงราคาทองผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์

 

แต่ขณะนี้ทางการอังกฤษ ผ่านUK Financial Conduct Authorityมาตรวจสอบว่าขบวนการกำหนดราคาทอง เป็นไปอย่างเสรีหรือแฟร์หรือเปล่า หลังมีข่าวว่าCommodity Futures Trading Commissionของทางสหรัฐฯต้องการสอบว่าราคาทองโดนปั่นหรือเปล่า อย่างไร

 

และก่อนหน้านี้มีข่าว แพร่ออกมาว่าตลาดการเงินทุกตลาดถูกควบคุม หรือถูกปั่นโดยผู้เล่นรายใหญ่ที่มีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับธนาคารกลางตะวันตก เช่นตลาดดอกเบี้ยไลบอร์Libor market ที่ตลาดตราสารอื่นๆมีมูลค่ารวม$360ล้านล้านต้องอิงไลบอร์ได้รับผลกระทบ มีข่าวว่าพวกแบงค์ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไลบอร์ฮั้วกัน

 

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่มีมูลค่า$5.3ล้านล้าน ก็กำลังโดนสอบว่ามีการปั่นอย่างไร ร่วมทั้งตลาดสว๊อปดอกเบี้ย

 

ตลาดสินค้าบริโภคภัณฑ์จากเหล็กไปจนถึงน้ำมันก็โดนปั่นจากผู้เล่นรายใหญ่คือพวกแบงค์ บางครั้งราคาห่างจากความเป็นจริง27%

 

 

thanong

21/11/2013

 

http://www.bloomberg...obe-widens.html

 

 

936015_174942216035494_187427563_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

Today at 4:20pm

 

3. จีนบอกลื้อทุบทองกระดาษไป อั๊วเก็บทองจริง

 

พวกอั๊งม้อทุบทองฟิวเจอร์ส หรือทองกระดาษ เพื่อที่จะปกป้องดอลล่าร์กระดาษ ตกลงเอากระดาษที่ไร้ค่าประเภทหนึ่งมาปั่นกระดาษที่ไร้ค่าอีกประเภทหนึ่ง จีนบอกว่ากำเซี่ยๆ ลื้อทุบทองกระดาษไป อั๊วเก็บทองคำจริงๆเพราะว่าอั๊วชอบของจริง กระดาษกงเต๊กอั๊วเผาช่วงวันสาร์ท วันไหว้บรรพบุรุษอยู่แล้ว ลื้อทุบราคาทอง ทองในตลาดสป๊อตก็ราคาลง อั๊วได้ซื้อของถูก

 

ทางGoldsilverworldsได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าระหว่างเดือนมกราคมและกันยายนของปี2013นี้ จีนนำเข้าทองผ่านฮ่องกงไปแล้ว854.2ตัน แต่ข่าวรอยเตอร์ออกมาเพิ่มเติมว่า จีนซื้อทองเองโดยตรง โดยไม่ผ่านฮ่องกงอีก 133ตัน เท่าที่ผ่านมาปีนี้ แสดงว่าจีนตั้งหน้าตั้งตาเก็บทองจริงๆ ในขณะที่ทองจากโลกตะวันตกกำลังถูกเทขายไหลมาทางโลกตะวันออกแทน

 

การประชุมกรรมาธิการพรรคคอมมูนิสต์ในช่วงที่ผ่านมา มีแารประกาศชัดว่าจีน เตรียมลอยค่าหยวน ถือเป็นนโยบาย และจีนจะผ่องดอลล่าร์ที่ถือออกไป แปลงเป็นทอง เพื่อรอวันเลิกอิงหยวนกับดอลล่าร์ที่อยู่ภวยใต้เวทย์มนต์จอมปลอมของพวกวิหารเฟด และหันมาผูกหยวนกับทองคำแทน

 

เฟดตอนนี้ทุบทองเพื่อพยุงดอลล่าร์ ขณะเดียวกันกำลังประสานกับECBให้เล่นQEด้วย หลังจากสั่งแบงค์ออฟจาแปนทำไปแล้ว ถ้าทำเช่นนี้ ทั้งดอลล่าร์ ยูโร และเยนจะไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากจากการทำ QEที่มีผลทำให้ค่าเงินอ่อน เพราะว่าดอลล่าร์เหมือนหมาหางด้วนแล้ว ต้องให้หมาตัวอื่นหางด้วนด้วย

 

แน่นอนหยวน รูเบิ้ลของรัสเซีย และเยอรมันต่อไปไม่มีทางจะเล่นเกมหมาหางด้วนนี้ด้วย ค่าเงินพวกนี้จะแข็ง ปล่อยให้ดอลล่าร์ ยูโร เยนแข่งกันลงนรกด้วยQE Infinity

 

 

thanong

21/11/2013

http://goldsilverworlds.com/physical-market/china-imported-133-tonnes-gold-directly-in-2013/

 

 

1425743_174948232701559_1999101244_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

Today at 5:00pm

 

4. ราคาทองใกล้สิ้นสุด2ปีของการปรับฐาน

 

David Morgan จากThe Morgan Report บอกว่าราคาทองใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการปรับฐานในระบะ2ปีที่ผ่านมา ปีหน้าราคาทองจะดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีมากๆ คงต้องใช้เวลา

 

Morganบอกว่า ระดับที่ต้องดูคือ$26สำหรับเงินและ $1550สำหรับทอง เพราะว่าหลังจากยืนระดับนี้ได้ ทองจะมีฐานที่มั่นคงเพื่อที่จะทะยานต่อ

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ดอลล่าร์จะไปไม่รอด เหมือนถูกเขียนใบมรณะบัตรติดข้างฝาไปแล้ว หลายคนคิดว่าดอลล่าร์จะพังเลยทันที นั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ในความเป็นจริงคือคนจะค่อยๆหนีออกจากดอลล่าร์ และในที่สุดมันจะถึงจุดที่ว่าไม่มีคนเอา มีเหลือแต่เพียงเฟดเท่านั้นที่จะเป็นผู้ซื้อดอลล่าร์ ขณะนี้เฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯในปริมาณ70-80%ของที่ออกมาในแต่ละล๊อต

 

Morgan กล่าวเพิ่มว่าเพราะฉะนั้นแนวโน้มคือว่าดอลล่าร์จะเป็นเงินที่ใช้ภายใน ไม่ใช่เงินที่จะใช้ระหว่างประเทศ แนวโน้มนี้จะทวีความชัดเจน รุนแรงยิ่งขึ้น

 

thanong

21/11/2013

 

http://goldsilverworlds.com/investing/david-morgan-gold-silver-will-be-the-ultimate-currency/

 

 

1394428_174953366034379_1985668465_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

headcat.png

 

บทความฉบับเต็ม

 

 

 

แท่งเทียนประเภทเดี่ยว: อัศจรรย์แห่งโดจิ (Doji)

 

Create by, PipsMaster • 15/05/2556

 

HwJKJ4SFri121640.jpg

 

โดจิเป็นแท่งเทียนที่มีจุดเปิดและจุดปิดของแท่งเทียนปิดในตำแหน่งเดียวกัน ความสำคัญของโดจิอยู่ที่ตำแหน่งที่แท่งโดจิได้ปิดแท่ง

ตามทฤษฎีแล้วโดจิจะต้องเป็นแท่งที่ปิดในตำแหน่งเดียวกับจุดเปิดเป๊ะ ๆ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 100% สำหรับโดจิก็ไม่มีข้อยกเว้น

ดังนั้นจึงมีกฎที่พอจะอะลุ่มอล่วยสำหรับการดูโดจิอยู่ หากแท่งที่เห็นมีจุดเปิดและจุดปิดอยู่ใกล้กันมาก ๆ ผู้เทรดสามารถมองแท่งนั้นว่าเป็นโดจิได้

 

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแท่งนั้นเป็นโดจิหรือ Spinning Top? การมองว่าแท่งเทียนแท่งไหนเป็นโดจิหรือไม่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และวิจารณญาณของผู้เทรดแต่ละคน

เพราะมันไม่มีกฎตายตัวสำหรับเรื่องนี้ ผู้เทรดควรจะพิจารณาโดจิโดยยึดเอาสภาพแวดล้อมรอบข้างของโดจิแท่งนั้น ๆ เป็นเกณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น หากรอบ ๆ แท่งที่ผู้เทรดคิดว่าเป็นโดจิ

มีแท่งเทียนเล็ก ๆ อยู่มากมาย แท่งเทียนแท่งนั้นก็ไม่ควรมองว่าเป็นโดจิแต่ควรมองว่ากราฟเป็น sideways และไม่เข้าไปยุ่งกับมัน แต่หากตลาดอยู่ในตำแหน่งที่มีนัยสำคัญเช่น

แนวรับแนวต้านจากสวิง High หรือ Low หรือตำแหน่งปรับฐานของ Fibonacci Retracement หรือเกี่ยวข้องกับแท่งเทียนที่เป็น Trend Bar เช่นรูปแบบ Harami

ผู้เทรดก็ควรพิจารณาว่ารูปแบบนี้เป็นโดจิที่แสดงถึงความไม่ชัดเจนของทิศทางในตลาด

doji.png

โดจิมีความพิเศษคือตัวของมันเองสามารถเตือนผู้เทรดได้ว่าหนทางข้างหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนแปลงนั้นจะชัดเจนขึ้น

เมื่อแท่งที่ถัดจากโดจิเป็นแท่งเทียนในฝั่งตรงกันข้ามซึ่งจะเป็นการยืนยันสัญญาณจากแท่งโดจิได้เป็นอย่างดี ตอนที่กราฟเกิดโดจิเยอะ ๆ ผู้เทรดก็ไม่ควรพิจารณาโดจิเหล่านั้นว่าเป็นสัญญาณกลับตัว

เพราะโดจิที่เกิดนั้นไม่มีความหมายอะไรนอกจากบอกว่าตลาดกำลัง sideway ผู้เทรดควรจะมองว่าเป็นโดจิที่บอกถึงสัญญาณการกลับตัวก็ต่อเมื่อมันเกิดในบริเวณที่ไม่มีโดจิเกิดมาก ๆ ก็พอครับ

นอกจากนี้ผู้เทรดยังสามารถใช้จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของแท่งโดจิเป็นแนวรับแนวต้านได้อีกด้วย

 

doji+s&p.png

 

โดจิที่เกิดบริเวณจุดสูงสุดของสวิง

โดจิจะเป็นแท่งเทียนที่มีประโยชน์มากหากมันเกิดบนแท่งเทียนที่เป็นจุดสูงสุดของสวิงเพราะมันจะเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะมีการเปลี่ยนเทรน เป็นสัญญาณเตือนว่าเริ่มมีคนไม่เห็นด้วยกับเทรนที่เป็นอยู่และต้องการจะสวน

รูปนี้ยังสามารใช้ได้กับโดจิที่เกิดหลังจากแท่งเทียนขาขึ้นแท่งใหญ่ ๆ อีกด้วยเพราะโดจิที่เกิดบริเวณหลังจากแท่งเทียนขาขึ้นแท่งใหญ่มักจะเป็นสัญญาณเตือนว่าจุดสูงสุดของเทรนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

สำหรับตลาดขาขึ้นการเกิดโดจิมันจะเป็นการบ่งบอกถึงทิศทางที่กำลังจะเปลี่ยนแต่กลับตลาดขาลงแล้วมักจะไม่เป็นอย่างนั้น ในตลาดขาลงเมื่อเห็นโดจิที่เกิดต่ำกว่าแท่งเทียนขาลง

โดจิแท่งนั้นมักจะกลายเป็นจุดเข้าให้ตามเทรนลงต่อไปเสียมากกว่าดังนั้นหากเห็นโดจิในตลาดขาขึ้นผู้เทรดสามารถสวนได้ง่ายกว่าที่จะสวนจากตลาดขาลง

หากเป็นเทรนขาลงผู้เทรดควรจะรอให้มีสัญญาณยืนยันการกลับตัวอีกสักนิดแล้วค่อยตัดสินใจสวนครับ

doji+at+top.png

doji+at+top+2.png

 

The Long-Legged Doji

เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของกราฟโดจิที่มีความสำคัญไม่แพ้กับรูปแบบอื่น รูปแบบนี้แท่งโดจิจะมีลักษณะเด่นหรือไส้ทั้งสองข้างที่ยาวมาก ๆ จนเห็นได้ชัดส่วนตัว Body ของแท่งเทียนก็ยังลีบเล็กเหมือนเคย

ลักษณะของแรงในตลาดที่สร้างรูปแบบนี้คือ ครั้งหนึ่งราคาเคยถูกตลาดกระชากขึ้นไปอย่างแรงแต่ในเวลาถัดมาก็ถูกดีดกลับมาด้วยความรุนแรงเช่นกันก่อนที่จะมาปิดใกล้ ๆ กับจุดเปิดของแท่งเทียนเอง

สำหรับชาวญี่ปุ่นได้นิยามรูปแบบนี้ไว้ว่า “รูปแบบที่ตลาดกำลังหลงทาง” เพราะไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี การที่ตัว Body ของแท่งมีลักษณะลีบเล็กสามารถบอกผู้เทรดได้ว่าตลาดอยู่ในสภาวะที่ไม่คงที่

ครั้งหนึ่งขาขึ้นเคยเป็นผู้ครอบครองตลาดแต่ในเวลาไม่กี่อึดใจกลายเป็นขาลงเป็นผู้ครอบครองตลาด แต่ท้ายที่สุดก็กลับมาปิดในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับจุดเปิด เมื่อเกิดรูแปบบนี้ผู้เทรดควรจะรอดูรูปแบบราคาอีกทีจากแท่งถัดไปครับ

rickshaw+man.png

 

The Gravestone Doji

เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับตระกูลโดจิ ลักษณะของมันคือจุดเปิดจะเปิดในจุดที่ต่ำที่สุดของแท่งและจุดปิดก็มาปิดในจุดเดียวกับจุดเปิด รูปแบบนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงกระทิงกับหมีที่สู้กัน

จนสุดท้ายก็มาจบลงที่เดิมคือจุดเปิดของแท่งนั่นเอง ความหมายของรูปแบบนี้คือขาขึ้นที่ไม่สามารถรักษาแรงขึ้นของตัวเองได้จนนาทีสุดท้ายก่อนปิดแท่งจนในที่สุดก็ดีดตัวกลับลงมา

ยิ่งไส้ของแท่งโดจิ Gravestone ยาวมากเท่าไหร่ ความรุนแรงของแรงขาลงก็มีมากขึ้นเท่านั้น

 

gravestone.png

 

ในแท่งที่ 1 จะเห็นว่า Gravestone Doji แท่งนั้นสามารถทำ High สูงสุดของเทรนขึ้นได้และในแท่งเดียวกันก็รูดลงกลับมาปิดในจุดที่ใกล้เคียงกับจุดเปิดเป็นสัญญาณที่ชัดเลยว่า

แรงของขาขึ้นล้มเหลวแล้วและราคามีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนทางสูง

 

ในแท่งที่ 2 Gravestone Doji แท่งนั้นทำหน้าที่เป็นตัวยืนยันแท่ง Long- Legged Doji ที่สามารถทำ High สูงสุดได้ แท่งนี้ทำหน้าที่ยืนยันว่าราคาขาขึ้นไม่มีแรงที่จะพาตัวเองขึ้นไปได้อีก

จึงกลับมาปิดในตำแหน่งใกล้เคียงกับจุดเปิดจึงเป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถือสำหรับการ sell

 

ในแท่งที่ 3 Gravestone Doji แท่งนี้ทำหน้าที่เป็นตัวบอกว่าแรงขาขึ้นได้เริ่มจะหมดแรงแล้วสังเกตแท่งที่ถัดจากแท่ง Gravestone Doji จะเห็นได้ว่ามีสองแท่งที่พยายามจะดันราคาให้กลับขึ้นเป็นเทรนขึ้นต่อแท่งที่ถัดจาก

Gravestone Doji สามารถมองเป็น Hammer ได้ แท่งถัดจาก Hammer ก็เป็นแท่งเทียนเทรนขึ้นแต่แท่งถัดมาเป็น Engulfing

ซึ่งเป็นตัวยืนยันว่าเทรนขึ้น ณ ขณะนั้นไม่มีแรงพอที่จะขึ้นแปลว่าราคาอาจจะพักตัวเพื่อไปต่อหรือพักตัวเพื่อเปลี่ยนทางนั่นเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...