ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

"สมคิด"เตือนวิกฤติหนี้ยุโรป-สหรัฐ กดดันเศรษฐกิจโลก-ตลาดหุ้นปีหน้าผันผวน แนะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พลิกวิกฤติเป็นโอกาส เร่งเพิ่มขีดแข่งขัน

 

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันสหรัฐกำลังป่วยทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแย่ลงตามลำดับ ในส่วนของกลุ่มยูโรเองในวันที่เยอรมันขยายวงเงินในการช่วยเหลือทุกคนคิดว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะพ้นจากปากเหวแต่ความเป็นจริงกับสิ่งที่ต้องทำนั้นต่างกัน ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกอาการน่าเป็นห่วงโดยมีปัญหาหนี้ของกลุ่มยูโรเป็นสำคัญ

 

ทั้งนี้ ปัญหาของกลุ่มยูโรมีเหตุมาจาก 1) หนี้สาธารณะที่มากเกินไป ทั้งที่กฎเกณฑ์ที่จะใช้รับสมาชิกเข้ากลุ่มระบุว่าต้องมีการขาดดุลงบประมาณม่เกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีหนี้สาธารณะไม่เกิน 60% ของ GDP แต่เพื่อจะให้เงินยูโรแข่งขันกับเงินดอลลาร์สหรัฐได้ทำให้มีการรับประเทศสมาชิกที่ไม่ดีพอ ทำให้กลุ่มยูโรมีทั้งประเทศที่ดีและประเทศที่หย่อนยาน เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 ประกอบกับความหย่อนยานของวินัยการคลังจึงทำให้ประเทศกรีซ โปตุเกส อิตาลี และสเปน เป็นต้น มีหนี้สาธารณะปรับตัวสูงขึ้นมาก แล้วล่าสุดกรีซก็เป็นประเทศแรกที่ส่งสัญญาณมาแล้วว่าอาจจะไม่มีความสามารถในการชำระหนี้

 

2) ธนาคารในยุโรปเองก็กำลังจะแย่เพราะในช่วงวิกฤติปี2008 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐนั้น ยุโรปไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาของตัวเองทั้งที่ความจริงประมาณ 50% ของสินทรัพย์เหล่านั้นเป็นของยุโรป ตอนนี้เองแบงก์ในยุโรปต้องอาศัยตลาดเงินกู้ยืมระยะสั้นระหว่างธนาคารแทนที่จะใช้ฐานของเงินฝากแทน

 

และ 3) เศรษฐกิจยุโรปเองกำลังแย่ไม่แพ้สหรัฐ ในอดีตผลผลิตของโลกมากกว่า 50% มาจากยุโรป แต่ก็มีสัดส่วนที่ลดลงเรื่อยๆ จนปัจจุบันเหลือประมาณ 20% เท่านั้น และคาดว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า จะลดลงเหลือประมาณ 10% ของผลลิตในโลกที่ออกมาเท่านั้น

 

"ปัญหาของยูโรที่แก้ในปัจจุบันไม่ได้คิดปฏิรูปความสามารถในการแข่งขันของตัวเองให้ดีขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างยิ่ง แต่การแก้ไขปัญหาเป็นลักษณะของการแก้ไขเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ไม่ใช่เพื่อให้ยูโรอยู่รอด กว่าจะตัดสินใจใช้มาตรการแก้ปัญหาอะไรออกมาได้ต้องใช้เวลานานเป็นเดือนเป็นปี ซึ่งไม่ทันการณ์ล่าสุดการเพิ่มวงเงินกองทุนขึ้นเป็น 440 พันล้านยูโรนั้น ก็ไม่เพียงพอ มีการประมาณว่าต้องใช้เงินสูงถึง 2 – 3 ล้านล้านยูโรในการแก้ไขปัญหา ทำให้การแก้ไขปัญหาของยูโรในปัจจุบันเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อจะไปเจอกับอีกปัญหาในอนาคต ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม แล้วที่สำคัญคือเยอรมันจะยอมรับสภาพเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน นั่นแหละเป็นปัญหา เพราะปัจจุบันยังไม่เห็นประเทศไหนมีการปฏิรูปความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ดีขึ้นเลย แล้วกรีซจะปฏิรูปตัวเองได้จริงหรือไม่ นั่นเป็นปัญหาของยูโรเช่นกัน"

 

นายสมคิด กล่าวว่า หนึ่งในเป้าหมายในการมีกลุ่มยูโรคือการไปสู่อำนาจในการใช้นโยบายที่เป็นหนึ่ง แต่ปัจจุบันยูโรเองมีรมว.คลังคนละประเทศ ประโยชน์คนละประเทศ ทำให้กลุ่มยูดรมีอำนาจไม่จริงในการสั่งการ เงินยูโรจะอยู่ได้นั้นแนวการใช้นโยบายการเงินและการคลังของกลุ่มยูโรจะต้องขับเคลื่อนไปสู่การรวมกันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น การเมืองต้องรวมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่แยกกันคิดและทำเช่นในปัจจุบันซึ่งต้องจับตาดูมุมมองในเรื่องนี้ของยูโรอย่างใกล้ชิดต่อไป ในส่วนของสหรัฐเองก็ยังมีปัญหาและคงต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขอีกยาว ดังนั้นสหรัฐและยุโรปจะไม่ใช่เสาหลักของเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป

 

ส่วนจีนยังเป็นความหวังได้ในระยะสั้น-กลาง เพราะผู้นำประเทศจีนทำถูกที่หันมาดูแลเศรษฐกิจในประเทศมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า ทำให้เศรษฐกิจจีนยังไม่ร้อนแรงเกินไป (Over Heat) ในปัจจุบันคนชั้นกลางที่มีรายได้ดีมีมากขึ้น อำนาจซื้อในประเทศก็มีมากขึ้น และจีนเองจะเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ในขณะที่ญี่ปุ่นจะไม่เป็นปัญหาของใคร เพราะเป็นประเทศที่มีเงินออมมาก แม้เศรษฐกิจจะไม่โตก็ตามแต่จะไม่เป็นภาระของใคร

 

"เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะชะลอตัว ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนมากขึ้น เพราะเวลาที่ยุโรปประชุมไม่ทันหุ้นก็จะตกเป็นไปในลักษณะนี้ ด้านการเงินของประเทศไทยเองจะมีความผันผวนจากข้างนอกเข้ามาข้างใน แต่ปัจจุบันไทยยังมีพื้นฐานที่ดีมาก หนี้ต่ำ ธนาคารแข็งแรง แม้จะมีความผันผวนจากภายนอกแต่ถ้าเราตั้งสติไม่ตกใจ ตลาดอาจจะมีความผันผวนแต่หากเราดูแลสภาพคล่อง ดูแลค่าเงินบาทได้ดีเราก็จะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้เช่นที่เคยผ่านมาแล้วในอดีต เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอาจจะกระทบการส่งออกของไทยบ้างแต่ไทยส่งออกไปสหรัฐประมาณ 10% ยุโรปประมาณ 10% ถ้าไปค้าขายกับประเทศอื่นและมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ส่งออกบ้างแม้การส่งออกอาจจะลดลงแต่ก็คงไม่ถึงกับย่ำแย่"

 

นายสมคิด กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีตลาดในประเทศการที่รัฐบาลมีนโยบายจะเพิ่มเงินเดือนและค่าจ้างขั้นต่ำควรจะดูแลให้ดีๆ ไม่ให้มีอุปสรรคเกิดขึ้น แต่หัวใจของการดูแลเศรษฐกิจในประเทศอยู่ที่เรื่องของการลงทุน ไทยคงจะเติบโตโดยอิงกับการบริโภคในประเทศในอีก 4 – 5 ปี ข้างหน้า เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ซึ่งควรจะลงทุนใน 2 อย่าง ที่สำคัญ คือ 1) ลงทุนสร้างความเข้มแข็งให้กับชนบท เพราะถ้าชนบทไทยยังเป็นเช่นปัจจุบันจะหวังพึ่งพิงเขาคงยากลำบาก ดังนั้นควรจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณใหม่จัดระเบียบงบประมาณใหม่ที่เป็นประโยชน์ไปสู่ชนบทมากขึ้น เช่น ระบบชลประทาน การพัฒนาการเกษตร วิสาหกิจชุมชน เป็นเรื่องแปลกในอนาคตราคาสินค้าเกษตรจะสูงแต่กลับไม่มีการมุ่งไปพัฒนาในภาคเกษตรให้ดีขึ้นเท่าที่ควร และ

 

2) การปรับเปลี่ยนประเทศ (ไม่ใช่ปฏิรูป) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนในด้านการศึกษา เทคโนโลยี และความรู้ต่างๆ ก่อนเกิดวิกฤติสัดส่วนการลงทุนของไทยประมาณ 40% ของ GDP ปัจจุบันเหลือประมาณ 20% ของ GDP เท่านั้น ยังไม่กลับไปเท่าช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจเลย เพราะเอกชนไม่ลงทุนเท่าที่ควร

 

"อนาคตของประเทศไทยอยู่ที่เราเลือกไม่ใช่เป็นเรื่องของชะตากรรม อย่าให้เราเป็นเหมือนยูโรที่เจอวิกฤติแต่ก็ไม่มีการปฏิรูปตัวเอง แต่ควรจะอาศัยวิกฤติเปลี่ยนแปลงตัวเราเองเพราะไทยมีโอกาสที่สูงมาก เพียงแต่เราต้องทำตัวเองให้ดีให้เนื้อหอม เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติทั้งจากนักลงทุนญี่ปุ่นและจีนที่จะมีเข้ามาในภูมิภาคนี้อีกมากในอนาคต แต่ปัจจุบันประเทศไทยการเมืองก็เบลอ  ทิศทางก็เบลอ เราได้แต่คิดแต่ไม่เคยทำจริงจัง ควรจะดูตัวอย่างของอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่มีความแตกต่างของคนในสังคมสูงมากต่างคนต่างคิดต่างรักษาประโยชน์ของตัวเอง การเมืองก็ไม่เคยมีความคิดดีๆ ออกมามองแต่ประโยชน์พรรคพวก ไม่มองประโยชน์ของประเทศชาติ แต่คนอินเดียไม่รอการเมืองแล้วสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ซึ่งท้ายสุดย้อนกับไปเป็นแรงกดดันภาคการเมืองเอง ไทยเองก็ควรทำเช่นกัน กรณีปฏิรูปการศึกษาถ้ารอการเมืองก็คงไม่เกิด เราต้องทำไปเลยไม่ต้องรอการเมือง รากเหง้าของการคอรับชั่นคือส่วนที่ไม่ดีสุดเป็นมะเร็งร้ายสุดของเมืองไทย จำเป็นต้องมีคนดีที่จะนำ ในส่วนของหุ้นอย่ามองแค่หุ้นขึ้นหรือลง หุ้นตกก็อย่าตื่นตกใจ ถ้าทำตัวเองให้แข็งแรง สร้างความเข้มแข็งและความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาชนเราก็จะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้"

 

 

 

ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[spoltiw 8]

ขอบคุณมากครับ เฮียนายห้าง คุณเด็กขายของ และเพื่อน ๆ สำหรับข้อมูลต่าง ๆ ครับ

ตอนนี้ลงมา 1644 แล้วครับ ยุโรปจะตบลงก่อน แล้วอเมริการมาดันขึ้นรึเปล่านะครับ แล้วถึงเช้าอาตี๋น้อย (ฮ่องกง) จะทำยังไงต่อนะครับ

จะได้ลงจากดอยเมื่อไหร่นะ

ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2011 โดย spoltiw

[leo_attack 579]

จรวดโดนสอยแล้วครับคุณเด็กขายของ O_o

[taoinlove 4]

จรวดโดนสอยแล้วครับคุณเด็กขายของ O_o

 

กัปตันดอนฮวนยังควบคุมเครื่องอยู่ไหมครับ

[leo_attack 579]

กัปตันดอนฮวนยังควบคุมเครื่องอยู่ไหมครับ

กำลังพยายามประคองเครื่องอยู่ครับ

[Pisan 124]

คุณเด็กขายของ ขอเชื้อเพลิงหน่อยครับ พี่น้อง 55555555555 ไม่รู้ว่า ไม้ขีดไฟ ตราพญานาคจะช่วยได้ไหม

 

!01 !01

[Pete 15,187]

จรวดโดนสอยแล้วครับคุณเด็กขายของ O_o

5555 รับทราบครับ แหม ! ช่วงคาบเกี่ยวเปิด 2 ตลาด

สหรัฐ และ ลอนดอน เองครับ

 

investors await comments on the world’s largest economy by Federal Reserve chief Ben Bernanke.

นักลงทุนทั้ง 2 ฝั่ง รอเวลาคนๆ นี้ ตอน 3 ทุ่มเวลาไทย

ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

รัฐมนตรีคลังยูโรโซนตั้ง จอร์จ อัสมุสเซน นั่งบอร์ดอีซีบีแทน สตาร์ก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 ตุลาคม 2554 15:03:52 น.

บรรดารัฐมนตรีกระทรวงคลังในกลุ่มยูโรโซนลงมติแต่งตั้งนายจอร์จ อัสมุสเซน รมช.คลังเยอรมนี ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แทนที่นายเจอร์เกน สตาร์ค ผู้เป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี

 

นายสตาร์กประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อต้นเดือนกันยายน "ด้วยเหตุผลส่วนตัว" แต่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่าเขาลาออกเพื่อประท้วงอีซีบี ที่เดินหน้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปนและกรีซ

 

นายอัสมุสเซนเป็นนักเศรษฐศาสตร์และสมาชิกพรรค SDP ของเยอรมนี เขาเริ่มมีชื่อเสียงในวงกว้างเมื่อปี 2550 หลังจากที่เขาได้สนับสนุนให้มีการช่วยเหลือธนาคาร IKB ที่มีปัญหา และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรมช.คลังเยอรมนีเมื่อปี 2551

 

"ผมรู้จักนายสตาร์กมานานหลายปี แต่นายอัสมุสเซนยังเด็กเกินไปในมุมมองของผม แม้ผมจะชื่นชอบทั้งคู่ก็ตาม" นายฌอง-คล้อด จุงเกอร์ ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน กล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

[Pete 15,187]

ตลาดสหรัฐ เปิดทำการแล้วครับ กำลังหาทางขึ้นอยู่

ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pisan 124]

ตลาดสหรัฐ เปิดทำการแล้วครับ กำลังหาทางขึ้นอยู่

 

สงสัย จับพลาด ครับ คุณเด็กขายของ ร่วงยาวเลย ไม่รู้จะยึดฐานที่มั่น ใหม่ได้ไหม

[Pete 15,187]

Dollar index edges up to 79.66 vs. 79.577 เกิดอาการแข็งค่า ในขณะที่ อัตราแลกเปลี่ยนยูโร แตะ 1.3205

Euro strengthens, buying $1.3205

ถูกแก้ไข ตุลาคม 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

สงสัย จับพลาด ครับ คุณเด็กขายของ ร่วงยาวเลย ไม่รู้จะยึดฐานที่มั่น ใหม่ได้ไหม

555 รอเดี๋ยว 3 ทุ่มกว่าๆ ตอนนี้ นักลงทุนสหรัฐฯ ถอนกำลัง ถือเงินสด เพื่อเตรียม......

[Pisan 124]

พอหลุด 3 ทุ่ม ก็ดิ่งลงไปอีกเล็กน้อย TT

[Pete 15,187]

ช่วงรอเวลา : ก็อ่านเรื่องนี้ ไปพลางก่อนแล้วกันครับ

 

ผู้เขียนไปอ่านเรื่อง”ข้าว”จากนิตยสารเทคโนโลยี่ชาวบ้าน ฉบับวันที่ 14 กันยายน 2011 เขียนโดยคุณพานิชย์ ยศปัญญา เรื่อง “ข้าวลืมผัว พืชพันธุ์เด่นที่เขาค้อ เพชรบูรณ์” เห็นชื่อเรื่องแล้วน่าสนใจจึงนำมาถ่ายทอดต่อให้ผู้อ่านได้อ่านกัน ดังนี้…

 

อาจารย์สุขกมลและอาจารย์อรุณ จิตสมร

 

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบูรณ์ ตั้งอยู่ ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อตั้งมาเมื่อ ปี 2524 นอกจากการเรียนการสอนวิชาเกษตรแล้ว สถาบันแห่งนี้มีการศึกษาเรียนรู้ มีงานวิจัยอยู่พอสมควร อย่างเรื่องแปรรูปกลอย ก็เคยตีพิมพ์ในนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านไปแล้ว

 

เมื่อ 8 ปีมาแล้ว อาจารย์อรุณ และอาจารย์สุขกมล จิตสมรได้ขึ้นไปทำบ้านพัก ชื่อ“อเมโซน” อยู่กิโลเมตรที่ 21 บ้านเลขที่ 75 บ้านเพชรช่วย ตำบลริมสีม่วง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

 

บ้านพักของอเมโซน ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า อาหารสำหรับผู้ไปพัก เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ มีผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษตามฤดูกาล ให้ได้ลิ้มรสกัน

 

หลังจากที่ไปสร้างบ้านพัก นอกจากปลูกพืชผลชนิดต่างๆ แล้ว ในฐานะที่เป็นครูบาอาจารย์ทางด้านการเกษตร อาจารย์ทั้งสองท่านพบว่า เขาค้อมีพืชพรรณที่เป็นประโยชน์มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ข้าวลืมผัว

 

ข้าวลืมผัว เป็นพันธุกรรมพืชที่เก็บรักษาและปลูกโดยชาวม้ง ถูกค้นพบครั้งแรกที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

 

ข้าวเหนียวก่ำที่ยังไม่ได้นึ่ง

 

ที่เขาค้อ ก็มีปลูกมาช้านาน แต่จากการศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณค่าทางอาหาร พบว่า ที่เขาค้อ ข้าวลืมผัว มีธาตุเหล็กสูงมาก ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะพื้นที่ปลูกข้าวอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล เฉลี่ย 800 เมตร แต่ที่อื่นสูงราว 600 เมตร

 

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบูรณ์ โดยอาจารย์อรุณ และ อาจารย์สุขกมล นำข้าวลืมผัวออกเผยแพร่ ในโอกาสสำคัญๆปรากฏว่าได้รับความสนใจไม่น้อย

 

ทำไม จึงชื่อ ข้าว “ลืมผัว”

 

อาจารย์อรุณ เล่าว่า ปกติ ชาวเขาเผ่าม้ง มีข้าวดีๆ รสชาติเยี่ยมยอดอยู่มาก แต่ข้าวเหนียวสีดำที่มีอยู่ มีคุณสมบัติโดดเด่นมาก เมื่อก่อนเรียกว่า ข้าวดำ บางคนก็เรียก ข้าวก่ำ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง ภรรยาหุงข้าวดำไว้รอสามี นางคิดไว้ว่าจะกินข้าวเย็นพร้อมกัน แต่สามีกลับมาช้า นางทนหิวไม่ไหว เลยกินข้าวก่อน กะว่าจะกินนิดๆ หน่อยๆ แต่ปรากฏว่านางเผลอกินจนหมด เพราะความหอมและนุ่มของข้าว

 

เมื่อผัวกลับมาถึงบ้าน ไม่มีข้าวกิน ฝ่ายเมียต้องกุลีกุจอไปหาข้าวจากเพื่อนบ้านมาให้ผัวกิน

 

ข้าวลืมผัว เป็นข้าวไร่ที่เป็นข้าวเหนียวนาปี ของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง บ้านรวมไทยพัฒนาที่ 3 ตำบลรวมไทยพัฒนา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 650 เมตร

 

คุณพนัส สุวรรณธาดา เจ้าพนักงานการเกษตร ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก สถาบันวิจัยข้าว กรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว ได้นำมาคัดเลือกพันธุ์ให้บริสุทธิ์ ระหว่างปี 2534-2538 เพื่อใช้ในโครงการตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

 

โดยได้มอบเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ให้ คุณไชยวัฒน์ วัฒนไชย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร ขณะนั้น (ปัจจุบัน เกษียณราชการ และดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากรมการข้าว) เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นได้นำเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ไปให้ชาวไทยภูเขาในพื้นที่ปลูกดังเดิม

 

ข้าวเหนียวก่ำที่นึ่งสุกแล้วจะเป็นเช่นนี้

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป พบว่า ข้าวลืมผัว มีเมล็ดข้าวพันธุ์อื่นปน และไม่เป็นพันธุ์บริสุทธิ์ ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก สำนักวิจัยข้าว กรมการข้าว โดย คุณอภิชาติ เนินพลับ คุณอัจฉราพร ณ ลำปาง เนินพลับ คุณพงศา สุขเสริม และศูนย์วิจัยข้าวแพร่ โดย คุณวรพจน์ วัจนะภูมิ จึงได้เริ่มคัดเลือกพันธุ์บริสุทธิ์อีกครั้ง

 

ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวนาน้ำฝนภาคเหนือตอนล่าง ในปี 2551 และได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2552 ขณะนี้ อยู่ในโครงการนำร่องอนุรักษ์พันธุกรรมข้าวเพื่อใช้ประโยชน์ ของสำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว

 

ข้าวลืมผัว มีต้นสูง ประมาณ 137 เซนติเมตร ออกดอกประมาณ วันที่ 15 กันยายน

 

จำนวนเมล็ดต่อรวงเฉลี่ย 130 เมล็ด เมล็ดค่อนข้างอ้วน น้ำหนักข้าวเปลือก 1,000 เมล็ด เฉลี่ย 37.9 กรัม

 

สถิติสูงสุดเมื่อปลูกในสภาพไร่และฟ้าอากาศเหมาะสม ได้ 490 กิโลกรัม ต่อไร่

 

เมื่อนำมาปลูกในพื้นราบ ผลผลิตที่ได้ 200-350 กิโลกรัม ต่อไร่ ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคและแมลงศัตรูข้าว

 

ข้าวลืมผัว มีสีเปลือกหุ้มเมล็ดเปลี่ยนไปตามระยะการเจริญเติบโตของเมล็ด เยื่อหุ้มเมล็ดเป็นสีม่วงดำ ที่เรียกว่า ข้าวเหนียวดำ หรือข้าวก่ำ เป็นข้าวเหนียวที่มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย เมื่อเคี้ยวจะรู้สึกมันและนุ่มแบบหนุบๆ

 

การบริโภคทำได้ทั้งแบบข้าวเหนียวนึ่ง รับประทานกับอาหาร ผสมข้าวต้มทำให้มีสีม่วงอ่อนสวยงาม ทำเป็นขนมแบบข้าวเหนียวเปียก ทำเป็นชาข้าวคั่วแบบเพิร์ล บาร์เลย์ หรือเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์หรือปราศจากแอลกอฮอล์ จะมีสีคล้ายทับทิมสวยงาม

 

คุณค่าทางโภชนาการที่เด่นเป็นพิเศษ เมื่อวิเคราะห์ทันทีหลังเก็บเกี่ยวฤดูนาปี 2552 พบว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนติออกซิแดนต์) โดยรวม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ในปริมาณสูง ถึง 833.77 มิลลิกรัม กรดแอสคอร์บิก ต่อ 100 กรัม

 

มีวิตามินอี (อัลฟา-โทโคฟีรอล) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดคอเลสเตอรอล ปริมาณ 16.83 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม

 

มีแกมมา-โอไรซานอล ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ตลอดจนการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ปริมาณ 508.09 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม

 

มีกรดไขมัน ที่ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันภาวะเสื่อมของสมองและช่วยความจำ ได้แก่ โอเมก้า-3 อยู่ 33.94 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 

มีโอเมก้า-6 ที่บรรเทาอาการขาดภาวะเอสโตรเจนของวัยทองและช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สูงถึง 1,160.08 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 

มีโอเมก้า-9 ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดไม่อุดตัน ไม่เป็นโรคหัวใจ โรคพาร์กินสัน และช่วยลดความอ้วนสูงถึง 1,146.41 มิลลิกรัม ต่อ 100 กิโลกรัม

 

มีแอนโทไซยานิน 46.56 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 

โปรตีน 10.63 เปอร์เซ็นต์

 

ธาตุเหล็ก 84.18 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม

 

ส่วนแคลเซียม สังกะสี และแมงกานีส มีในปริมาณ 169.75,23.60 และ 35.38 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม ตามลำดับ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลโดย บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด สาขาเชียงใหม่, สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี

 

ดังนั้นเมื่อทราบคุณค่าทางโภชนาการของ”ข้าวลืมผัว”แล้วควรจะไปหามารับประทานกันดีไหมคะ (แต่อย่าให้ผัวทานมากนะคะเดี๋ยวเป็น”ข้าวลืมเมีย”ไปโน่น)

 

 

[Pete 15,187]

Factory orders fell 0.2% to $451 billion in August, the Commerce Department reported Tuesday. Economists polled by MarketWatch had expected a 0.3% drop. July's gain was revised to 2.1% growth from an initially reported 2.4% gain. In August, shipments fell 0.2%, unfilled orders rose 0.9% and inventories increased 0.4%.

 

ยอดสั่งซื้อโรงงาน ลดลง 0.2% ในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ โพลฯ คาดว่า จะลดลง 0.3%