ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เศรษฐกิจยุโรปดูเหมือนจะมีทางรอดแต่กรุงเทพฯ ดูท่าจะไม่รอด? (ตอนแรก)

 

 

กระจกหักมุม 31 ตุลาคม 2554 - 00:00

 

ผมเพิ่งกลับจากอิตาลีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทันเห็นสภาพที่กำลังเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานครพอดี ทำให้เกิดความรู้สึกหลายอย่าง สัปดาห์นี้จึงขออนุญาตหักมุมแสดงความคิดเห็นผนวกอารมณ์ความรู้สึกบางประการ (ที่ดูเหมือนจะไม่น่าไปด้วยกันได้) อันอาจจะเป็นประโยชน์ทางความคิดแก่ท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย

เศรษฐกิจยุโรปดูเหมือนจะมีทางรอด?

ขออนุญาตเริ่มที่ยุโรป เพราะได้มีโอกาสไปประชุมธุรกิจที่นั่น (อิตาลี) ในช่วงเวลาที่พี่เบิ้มของสหภาพยุโรปกำลังประชุมเจรจาหาทางแก้ปัญหา “วิกฤติหนี้” (Debt Crisis) กันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดอยู่พอดี

และผลของการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติหนี้ก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจพอควร

ตามคำประกาศอย่างเป็นทางการ สหภาพยุโรปถือว่านี่คือมาตรการเพิ่มเติม (หลังจากมีมาตรการช่วยเหลือไอร์แลนด์ และกรีซมาก่อนหน้านี้แล้ว) ที่สมบูรณ์และครอบคลุมที่สุด อันเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรปที่จะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่

1.มาตรการลดหนี้ให้กับรัฐบาลกรีซ

2.มาตรการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในสหภาพยุโรป

3.จัดตั้งกองทุนขนาดใหญ่ (หนึ่งล้านล้านยูโร) เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับสหภาพยุโรป

ความรู้สึกแรกของผมที่ได้ทราบข่าวดังกล่าว โดยยังไม่ต้องลงไปดูในรายละเอียด (รู้แต่เพียงว่าประชุมกันแบบมาราธอน กว่าจะได้ข้อสรุปก็ปาเข้าไปตีสี่ของเช้าวันที่ 27 ตุลาคม) ก็คือในที่สุดสหภาพยุโรปก็ผ่านพ้นสภาวะ “สามัคคีเภท” อันเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดไปได้ ถือเป็นชัยชนะที่สำคัญอีกครั้งของมนุษย์ที่เอาชนะความเห็นแก่ส่วนตนเล็กน้อย เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมอันใหญ่หลวงได้

และนี่ก็คือเหตุผลที่ผมจ่าหัวบทความวันนี้ว่า “เศรษฐกิจยุโรปดูเหมือนจะมีทางรอด”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสามารถทำให้มาตรการข้างต้นบรรลุความจริง นั่นคือ

ประการแรก สามารถเจรจาให้บรรดาธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้รัฐบาลกรีซในปัจจุบัน ยอมลดหนี้ (Hair Cuts) ลง 50% แลกกับการได้เปลี่ยนจากพันธบัตรกรีซเดิมที่ไม่มั่นคงมาเป็นพันธบัตรใหม่ (เข้าใจว่าน่าจะออกโดย European Financial Stability Facility (EFSF) หรือไม่ก็โดย SPV ที่ EFSF เป็นผู้ถือหุ้น) ที่มั่นคง ไม่มีความเสี่ยง

ประการที่สอง สามารถเพิ่มทุนให้กับธนาคารยุโรปที่เป็นเจ้าหนี้รัฐบาลกรีซ และ “สมัครใจ” ที่จะยอมลดหนี้ให้ตามมาตรการข้อแรก โดยคำนวณกันว่าน่าจะใช้เงินประมาณแสนกว่าล้านยูโรเท่านั้น

ประการที่สาม EFSF จะจัดตั้งกองทุนขนาดใหญ่มีเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 1,000,000 ล้านยูโร เพื่อเป็น “ทำนบยักษ์” ไม่ให้ปัญหาหนี้แพร่ระบาดเข้าไปท่วมส่วนอื่นๆ ของสหภาพยุโรป โดยคาดว่าจะตั้งขึ้นในรูปของ Special Purpose Vehicles (SPVs) เพื่อให้ชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยุโรปเข้าร่วมด้วยได้

และล่าสุด ข่าวแจ้งว่าหลังจากที่ประชุมได้ข้อยุติดังกล่าวข้างต้นเพียงวันเดียว ประธาน EFSF คือนาย Klaus Regling ก็บินไปปักกิ่งพบกับนายหูจิ่นเทาทันที เชื่อกันว่าในที่สุดจีน (และก็คงหนีไม่พ้นญี่ปุ่น) ก็คงจะร่วมลงขันในกองทุนสร้างทำนบยักษ์ดังกล่าวให้กับยุโรปด้วยไม่มากก็น้อย

อิตาลี : กำจัดจุดอ่อน

ในช่วงที่ผมยังอยู่ที่อิตาลี ผมเผลอพูดว่าเคยเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับสถาบันการเงินฝรั่งเศส เท่านั้นเองละครับ เจ้าภาพตาเขียวเลย

ถูกแล้วครับ อิตาลีได้กลายเป็น “จุดอ่อน” ที่สหภาพยุโรป (โดยเฉพาะฝรั่งเศส) อยากจะกำจัดให้สิ้นเรื่องสิ้นราว (หมายความถึงกำจัดปัญหาเศรษฐกิจนะครับไม่ใช่อย่างอื่น) โดยเฉพาะนาย Silvio Berlusconi นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้ตกเป็นเป้าโจมตีถึงความไม่ได้เรื่องในแทบทุกด้าน จนทำให้หลายคนเชื่อกันว่าอิตาลีอาจจะเป็นประเทศ “ถัดไป” ที่สหภาพยุโรปอาจจะต้องสุมหัวกันแก้ปัญหาที่หนักหนาไม่แพ้กรีซ

เรียกว่าเป็นที่ “หนักใจ” ของทุกผู้คนในสหภาพยุโรป

แต่ที่ผมได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง และที่ได้พูดคุยกับนักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดใหญ่ในอิตาลี ผมกลับไม่ค่อยหนักใจ เพราะ ประการแรก และสำหรับผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนอิตาเลียนไม่ตกใจ ไม่เสียขวัญ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าเศรษฐกิจอิตาลีกำลังตกเหว กำลังจะเดี้ยง ทุกคนยังมีความสุขกับการทำงาน และถ้าจะว่าไปแล้ว ภาคเอกชนของอิตาลียังคึกคักเข้มแข็ง ที่มีปัญหาคือรัฐบาลที่บริหารงานไม่ได้เรื่อง ก่อหนี้ก่อสินจนท่วมหัว (ด้วยเหตุประชานิยมหรือไม่ ไม่ทราบ?) ต่างหาก

ประการที่สอง คนอิตาเลียนเป็นชาติที่ “ยืดหยุ่น” ประเภท “Can Do” นั่นคือทำได้ทุกอย่าง ผมไปคราวนี้เห็นชัดว่าวิธีทำธุรกิจของบริษัทอิตาเลียน และบริษัทเยอรมนีแตกต่างกันมหาศาล ต่างคนต่างมีจุดเด่นของตน และจุดเด่นของบริษัทอิตาเลียน (ซึ่งบริษัทเยอรมนีไม่มี) ก็เป็นจุดเด่นที่สำคัญในการดำรงตัวให้อยู่รอดในโลกธุรกิจปัจจุบัน ฉะนั้น ผมคิดว่า “ความเป็นอิตาเลียน” จะทำให้เศรษฐกิจอิตาลีมีทางรอด

เหตุผลประการที่สาม ที่ได้รับการบอกเล่าจากคนอิตาเลียนก็คือ พวกเขายังใช้ชีวิตตามขนบประเพณีเดิม ลูกเต้าอายุมากกว่าสามสิบปีแล้ว ก็ยังอยู่กับพ่อแม่ บัตรเครดิตการ์ดก็ใช้ค่อนข้างน้อย จะซื้อบ้านซื้อรถก็ต้องออมเอา

ส่วนประการสุดท้าย ก็เป็นการบอกเล่าอีกเช่นกัน นั่นคือเศรษฐกิจอิตาลียังมีส่วนที่ “มองไม่เห็น” ที่เราเรียกกันว่า Grey Economy (ซึ่งก็เป็นพวกกึ่งๆ Underground Economy นั่นแหละ) อีกมหึมา ฉะนั้นโอกาสที่จะเดี้ยงง่ายๆ ไม่น่าจะมี

ข้อนี้ผมไม่กล้ายืนยันอีกเช่นกัน แต่จากที่ได้ไปเดินๆ ในเวนิสอยู่ครึ่งค่อนวัน ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดที่พูดได้เต็มปากเต็มคำก็คือธุรกิจท่องเที่ยวของอิตาลียัง “เข้มแข็ง” มากครับ

และที่เมือง “เวนิส” นี่แหละครับ ที่ผมได้ไปพบเห็นโครงการยักษ์โครงการหนึ่งที่ทำให้นึกถึงกรุงเทพฯ ในยาม “น้ำท่วม” ขึ้นมาทันที (โปรดอ่านต่อตอนจบสัปดาห์หน้า).

วีระ มานะคงตรีชีพ

31 ตุลาคม 2554

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธปท.ประสานสิบทิศ หาเม็ดเงินฟื้นฟูธุรกิจ

 

 

อีโคโฟกัส 31 ตุลาคม 2554 - 00:00

 

ความเสียหายจากภัยน้ำท่วมขณะนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดสามารถประเมินออกมาเป็นเม็ดเงินได้อย่างแม่นยำ เพราะปัญหานี้ยังไม่จบและไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะจบสิ้นเมื่อใดได้เช่นกัน แต่เชื่อได้ว่า “มหาศาล”

ถ้าหากยึดความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินไว้ และใช้เป็นข้อสมมติฐานการทำนโยบายการเงินและทบทวนประมาณเศรษฐกิจประจำปี 2554 และปี 2555 จะพบว่า ความเสียหายจะอยู่ประมาณ 120,000 ล้านบาท หรือ 1.1% ของจีดีพี

เฉพาะใน 6 นิคมอุตสาหกรรมหลักในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี ซึ่งยังไม่รวมความเสียหายที่จะเกิดจากตัวอาคาร ทรัพย์สินอื่น ซึ่งน่าจะไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท และไม่รวมนิคมฯ บางกะดี รวมทั้งเชื่อว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 จะลดลงมาก จากประมาณการเดิม เพราะหลายประเทศเตือนประชาชนไม่ให้เดินทางเข้าไทย

ทำให้คาดว่าจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะอยู่ที่ -1.9%

0 ปรับลดจีดีพีทั้งปีเหลือ 2.6%

ความเสียหายดังกล่าว มีผลให้ ธปท.ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในประจำปี 2554 เหลือเพียง 2.6% จาก 4.1% ในการประมาณการณ์ครั้งก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาน้ำท่วม เฉพาะในไตรมาส 4 ปีนี้จีดีพีจะติดลบที่ 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 แม้จะขยายตัวที่ 0.8% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน

ส่วนปี 2555 มองการขยายตัวของเศรษฐกิจไว้ที่ 4.1% ลดลงจากเดิม 4.2%

“การทบทวนประมาณการณ์จีดีพีครั้งนี้ ใช้ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค.เท่านั้น ยังไม่ได้รวมความเสียหายจากสถานการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นภายหลัง คือน้ำท่วมกระจายวงกว้างขึ้น กระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เช่น นิคมฯบางกะดี และในระยะต่อไปอาจกระทบนิคมฯ อื่นนอกฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และการค้าบริการท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง และกรณีน้ำเข้าในกรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งขณะนี้มูลค่าความเสียหายได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น กนง.จึงจะมีการพิจารณาความเสียหายทั้งหมดและทบทวนตัวเลขประมาณการณ์จีดีพีปีนี้ใหม่อีกครั้งในการประชุมรอบสุดท้ายปีนี้ วันที่ 30 พ.ย.” นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าว

0 เสริมมาตรการเยียวยา

ความกังวลจากความเสียหายของเศรษฐกิจที่จมน้ำยังไม่ซา แต่ปัญหาใหญ่ที่จะตามมาคือ “การหาเม็ดเงินมาฟื้นฟูธุรกิจและเศรษฐกิจ” ให้กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ หรืออย่างน้อยก็เป็นปกติ ดังนั้น ภารกิจ “ประสาน สิบทิศ หาเงินเยียวยาน้ำท่วม” จึงเกิดขึ้น

แม้จะไม่มีหน้าที่โดยตรง แต่ ธปท.โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ได้เหยียบเบรกอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.50% ต่อปี จากการที่เคยใส่เกียร์ 5 ขยับขึ้นมาตลอดการประชุม 7 ครั้ง นับตั้งแต่การประชุมวันที่ 1 ธ.ค.2553 เป็นต้นมา ซึ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกครั้งที่ระดับ 0.25% หรือจาก 2.00% ต่อปี เป็น 3.50% ต่อปีในปัจจุบัน

การตรึงดอกเบี้ยไว้เพื่อหวังลดต้นทุนทางด้านการเงินให้แก่ภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไปที่มีภาระจากการกู้ยืมสินเชื่อประเภทต่างๆ

นอกจากนั้น ธปท.ยังประสานธนาคารพาณิชย์ให้มีการ “ยืด ลด เพิ่ม” ให้แก่ลูกค้า โดย “ยืด” คือการยืดอายุสินเชื่อเพื่อให้มีการผ่อนชำระเงินต่องวดน้อยลง “ลด” คือ การลดอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บจากอัตราปกติ และ “เพิ่ม” คือ การเพิ่มวงเงินสินเชื่อเพื่อให้มีธุรกิจและประชาชนมีความเพียงพอต่อการฟื้นฟูความเสียหาย

ทว่า มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงความบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าเท่านั้น มันยังเล็กขี้ปะติ๋วเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ธปท.ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือธุรกิจผ่านการให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษได้อีกต่อไปตามกฎหมาย ธปท.ปี 2551 ซึ่งไม่ต้องการให้ ธปท.เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะไม่ต่างจากการพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ ธปท.ก่อนที่จะเกิดปัญหาน้ำท่วมเสียอีก เพราะได้อาศัยความเป็นธนาคารกลางที่มีความเชื่อมั่นในระดับสากล ประสานความร่วมมือกับธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลก

เบื้องต้น อยู่ระหว่างทำข้อตกลงระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางเยอรมนี เพื่อเติมสภาพคล่องแก่สถาบันการเงินธนาคารพาณิชย์และสาขาธนาคารต่างประเทศในไทย เพื่อนำไปปล่อยกู้ธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่อง เพื่อประโยชน์ต่อการค้าการลงทุน รวมถึงสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยได้เชื่อมต่อกับห่วงโซ่การผลิตของโลก ยกระดับมาตรฐานการผลิต วิจัยและพัฒนา การจ้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

0 จับมือบีโอเจปล่อยกู้เงินบาท

ล่าสุด ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เป็นแห่งแรกที่บรรลุข้อตกลงดังกล่าว ประจวบกับไทยเกิดภัยน้ำท่วมพอดี ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ซึ่งใช้ไทยเป็นฐานการผลิต และส่งออกในหลายอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ ซึ่งมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในไทยคิดเป็น 40% ของมูลค่าการส่งออกของไทย และจ้างงานหลายแสนคน ดังนั้น มาตรการนี้จึงมาในจังหวะที่เหมาะสมและถูกต้องทีเดียว

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท.และบีโอเจ บรรลุข้อตกลงการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องเงินบาทแก่สถาบันการเงินไทยทุกแห่ง ผ่านการใช้หลักทรัพย์พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นหลักประกันโดยไม่จำกัดวงเงินกู้ยืม เพื่อให้สถาบันการเงินนำเงินไปปล่อยกู้เสริมสภาพคล่องแก่บริษัทและธุรกิจต่างๆ รวมทั้งธุรกิจญี่ปุ่นในไทยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และต้องการสภาพคล่องในการฟื้นฟูธุรกิจหลังน้ำลด ซึ่งคาดว่าจะสามารถเร่งรัดให้เริ่มดำเนินการได้ภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้

“พออนุมานได้ว่าภายหลังน้ำลดคงจะต้องมีความจำเป็นในการใช้เงินทุนมหาศาลในการฟื้นฟู ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสภาพคล่องธนาคารพาณิชย์ไทย และอีกส่วนหนึ่งคงมาจากสภาพคล่องของแต่ละบริษัท ซึ่งอาจไม่พอ ดังนั้น การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์มาก และ ธปท.ก็พร้อมที่จะดูแลสภาพคล่องในระบบไม่ให้ติดขัด ซึ่งแบงก์ไทยนิยมถือบอนด์รัฐบาลไทยซึ่งสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นสภาพคล่องกับ ธปท.ได้ และสำหรับการบริหารในบางช่วงบางตอนที่อาจติดขัด ธปท.ได้เตรียมแผนไว้รองรับแล้ว” ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวย้ำ

ขณะนี้ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ได้แสดงความจำนงที่จะปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีทั้งที่เป็นของคนไทยและญี่ปุ่น เพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการหลังน้ำท่วม เป็นสกุลเงินเยน มูลค่าที่แปลงเป็นเงินบาท 50,000 ล้านบาท ผ่านธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ในระยะ 3-5 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1%

0 รัฐฉีด 3.25 แสนล้านช่วย 3 กลุ่ม

ด้านรัฐบาลไทย อนุมัติมาตรการด้านการเงินจำนวน 325,000 ล้านบาท เพื่อดูแลผู้ประกอบการใน 3 กลุ่ม

แบ่งเป็น 1.ผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างประเทศ วงเงิน 65,000 ล้านบาท

2.ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม วงเงิน 170,000 ล้านบาท จะปล่อยสินเชื่อผ่านระบบธนาคารพาณิชย์โดยสมาคมธนาคารไทย โดยจะจัดสินเชื่อให้ 120,000 ล้านบาท และมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทำหน้าที่ค้ำประกันเป็นกรณีพิเศษ จากเดิมค้ำประกัน 15% เพิ่มเป็น 30% พร้อมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเป็นเวลา 3 ปี ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ที่จะปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการนั้น จะคิดอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี นอกจากนั้น ยังให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์จะร่วมให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วยแหล่งละ 20,000 ล้านบาท

3.ผู้ประกอบการขนาดจิ๋ว รวมถึงพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย วงเงิน 90,000 ล้านบาท ดำเนินการโดย 1.ธนาคารออมสิน จะปล่อยสินเชื่อวงเงิน 20,000 ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะปล่อยสินเชื่อเพื่อการเคหะในการปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน วงเงิน 30,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกรและสหกรณ์ต่างๆ วงเงิน 30,000 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้ คิดอัตราดอกเบี้ยตามตลาด

ขณะที่สำนักงานประกันสังคม เตรียมวงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้กู้ 2 ส่วน คือ ส่วนแรก สถานประกอบการที่มีผู้ประกันตน วงเงินกู้ 2,000 ล้านบาท ให้กู้ได้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 3 ปี ส่วนที่สอง ให้ผู้ประกันตนกู้เพื่อซ่อมแซมบ้าน วงเงิน 8,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5% เป็นเวลา 2 ปี

นอกจากนั้น รัฐบาลยังมีแนวคิดการกู้ยืมสินเชื่อมูลค่า 400,000 ล้านบาท เพื่อใช้ฟื้นฟูธุรกิจและเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงทางออกหนึ่งเท่านั้นที่จะช่วยคลายความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนต้องมีการปรับตัวและช่วยเหลือตัวเองมากที่สุด สำหรับรัฐบาลหน้าที่ต่อไปคือ การวางแผนการจัดการระบบน้ำ ไม่เช่นนั้นถูกนักลงทุนต่างประเทศ “ลอยแพ” ประเทศไทยเพื่อย้ายฐานผลิตไปประเทศอื่นแน่

และถือเป็น “โจทย์ใหญ่” ของรัฐบาล.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไอเอ็มเอฟ เผย ไทย-โบลิเวีย-คาซัคสถาน-ทาจิกิสถาน เพิ่มสำรองทองคำรวม 26.7 ตันเดือนที่แล้ว ขณะมีแนวโน้มตลาดเกิดใหม่สะสมทองคำเพิ่มต่อเนื่อง

 

 

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ไทย โบลิเวีย คาซัคสถาน และทาจิกิสถาน มีทองคำสำรองเพิ่มขึ้นรวม 26.7 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,520 ล้านดอลลาร์ ในเดือน ก.ย. เมื่อราคาทองคำแท่งทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ปริมาณทองคำแท่งสำรองของไทย เพิ่มขึ้น 15.55 ตัน เป็น 152.41 ตัน เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ปริมาณทองคำแท่งสำรองของโบลิเวีย เพิ่มขึ้น 7 ตัน เป็น 49.34 ตัน ส่วนคาซัคสถานมีปริมาณมองคำแท่งสำรองเพิ่มขึ้น 3.1 ตัน เป็น 70.44 ตัน และทาจิกิสถานขยายปริมาณทองคำแท่งสำรองเพิ่ม 1 ตัน เป็น 4.74 ตัน

 

สภาทองคำโลก รายงานว่า ธนาคารกลางหลายประเทศขยายปริมาณทองคำสำรองเป็นครั้งแรกในยุคนี้ หลังจากราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 และสินทรัพย์ของกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำทะยานสูงขึ้น ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ โดยประเทศเหล่านี้จะซื้อทองคำต่อเนื่องในอีก 2-3 ปี

 

นายไมเคิล วิดเมอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโลหะ แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า ธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ พยายามกระจายทองคำสำรอง และคาดว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อเนื่อง เหตุจากการลงทุนในทองคำมีความเสี่ยงต่ำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ มาปิดเมื่อคืน และมาเปิดแต่เช้า ขอบคุณนะค่ะ คุณเศรษฐีน้อย ร้อยล้าน พันล้าน...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

31 ตค. 2554 07:38 น.

 

กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ คาดการณ์วันนี้(31 ต.ค.) น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูงสุด 11.31น. ที่ระดับ 2.50 ม. และช่วงค่ำเวลา 19.53น.ที่ระดับ 2.30 ม.

 

ปล. เนื่องจาก กรมอุทกศาสตร์ แจ้งนัดหมายใหม่ ของ น้องน้ำ ที่อาจจะมาเยือน ถนนเยาวราช ใหม่ เป็นเวลาใกล้เที่ยง

ทำให้ช่วงเช้า ถนนเยาวราช แห้ง และ สะดวกต่อการเดินทาง ไปรับน้องทอง กลับบ้าน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับ

เถ้าแก่อาแปะจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ ซึ่งก็คงบอกได้ว่า " แค่หมั้น เท่านั้น " ไม่สามารถ " อุ้มน้องทองเข้าเรือนหอ "

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ GB2514 วันนี้ตั้งแต่บ่ายโมง น้ำเพิ่มระดับขึ้นมากครับ น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ซ.ม. (ถึงเวลาที่โพสต์) เมื่อสักครู่ 19.15น. เสียงจากวัดแถวบ้านประกาศเครื่องขยายเสียงว่า น้ำมาจากท้ายคลองจะเข้ามาในคืนนี้ครับ ให้เก็บของขึ้นที่สูง และระวังเรื่องไฟฟ้าครับ น้ำไหลแรงจริงๆครับ

 

ถึงคลองบางโฉลงที่รัก น้องน้ำคงมาหาพี่กรุงในแถบนี้ก่อนเป็นแน่แท้ วันเวลาที่สองเราจะอยู่ด้วยกัน คงอีกนานหากมาจริง !_cd

 

ขอขอบคุณในข่าวสารมากๆ

จากพี่ใหญ่และท่านกัปตันมาก

ครับ เช้านี้รู้สึกเป็นห่วงน้อง

ทรายที่วานให้เฝ้าหน้าประตู คิดว่าคงยังอยู่สุขสบายดี....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เงินดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขายออกที่ 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

 

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย ประจำวันจันทร์ที่ 31 ต.ค. 2554 เวลา 07.54 น. มีดังนี้

 

เงินดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขายออกที่ 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 43.60 บาทต่อยูโร เงินปอนด์อยู่ที่ระดับ 49.86 บาทต่อปอนด์ เงินหยวนของจีนอยู่ที่ระดับ 4.95 บาทต่อหยวน และเงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 0.40955 บาทต่อเยน

 

Link : http://www.innnews.co.th/อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ขาย30-75-บ-ดอลลาร์--317991_02.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ คุณเด็กขายของ อยู่เชียงใหม่ ตื่นเช้าได้มาอ่านของพี่ ฮา สุดสุด งานนี้น้องทอง คงต้องเป็นหมายขั้นหมากแล้วละค่ะ ถ้าอาแปะยังเรียกสินสอดแพงทั้งหมั่นทั้งแต่ง :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กปน. ยืนยัน ยังผลิตน้ำประปาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีจำนวนเพียงต่อการบริโภค ไม่ประมาทจัดกำลังคุมเข้มคันกั้นน้ำหวั่นทะลักส่งผลต่อการผลิต แนะ ปชช. สำรองน้ำไว้ดื่ม

 

 

นายวิกรม สุวรรณชมพู ผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้การประปานครหลวง ยังสามารถผลิตน้ำประปาได้ตามปกติ และมีจำนวนเพียงพอ ที่จะแจกจ่ายไปยังประชาชน และขอให้ประชาชนอย่าวิตกหรือกังวลว่า น้ำประปาอาจไม่มีคุณภาพหรืออาจมีการหยุดการผลิต เนื่องจากปัญหาต่างๆ ในตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามแก้ไขแล้ว โดยมีเพียงพื้นที่ฝั่งตะวันตก หรือ ฝั่งธนบุรี ที่น้ำยังคงมีกลิ่นและมีสีอยู่บ้าง เนื่องจากน้ำได้ไหลบ่าลงคลองอย่างผิดปกติ ทั้งนี้ หากไม่สบายใจ ประชาชนสามารถต้มน้ำก่อนบริโภคได้ แต่ยืนยันว่า คุณภาพของน้ำไม่ได้เลวร้าย

 

 

นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ กปน. ได้มีการวางแผนรองรับปริมาณน้ำที่มีจำนวนมาก และอาจส่งผลต่อการผลิตน้ำประปา โดยการเสริมแนวให้แข็งแรงและเฝ้าดูแลตลอด 24 ช.ม. โดยมีตำรวจน้ำมาช่วยดูแลและเฝ้าระวังด้วยอีกทางหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยผู้ว่าการการประปานครหลวง ยังกล่าวด้วยว่า การที่ประชาชนมีการสำรองน้ำไว้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ตนไม่อยากให้ตื่นตระหนกจนเกินไป เนื่องจากหากจะมีการหยุดผลิตน้ำหรืองดจ่ายน้ำ ทางเจ้าหน้าที่จะมีการประกาศแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว

อยากรู้ว่า น้ำดิบมาจากไหน โรงกรองน้ำมีที่ใด ตาม เวป นี้นะครับ

http://cwc.mwa.co.th/backend/radio/5m/11-10-07.pdf

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ เฮียนายห้าง คุณเด็กขายของ คุณnuchaba คุณปุยเมฆ คุณNongRee คุณGB2514 คุณเศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน คุณ Mr.Li คุณ Aiya คุณ เลียงผา และทุกๆท่านครับ

 

สงสัยจะลงไปทดสอบแนวรับแถว 172X ก่อนไปต่อที่ 177X อ่ะครับ แต่ถ้าหลุด 171X หรือ 1700 ก็ยาวไปทำขา C แน่ๆเลยล่ะครับงานนี้

 

คุณGB2514 ครับ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 5 ซ.ม. เริ่มไหลช้าลงบ้างนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Hong Kong's Hang Seng Index HK:HSI -0.02% rose in early Monday trading as gains by several key blue-chip index components offset weakness in many propert-sector issues and others. The benchmark index gained 0.3% to 20,075.16, while Hang Seng China Enterprises Index also rose, up 0.1%, but over on the mainland, the Shanghai Composite CN:000001 -0.19% lost 0.3%. In early trade,

 

ดัชนีตลาดหุ้นที่ฮ่องกง เปิดมาบวก แต่ ณ. ปัจจุบัน ติดลบไป นิดหน่อย คงมาจากความอ่อนแอในหมวดหมู่

หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ( ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ ) สำหรับในประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ เปิดตลาดมา ลบ 0.3%

ปัจจุบัน ลบ 0.19%. คงมีการเทขายกันในช่วงต้นตลาด เพื่อทำกำไรกัน แล้วคงรอจังหวะช้อนกลับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

31 ตค. 2554 07:38 น.

 

กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ คาดการณ์วันนี้(31 ต.ค.) น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูงสุด 11.31น. ที่ระดับ 2.50 ม. และช่วงค่ำเวลา 19.53น.ที่ระดับ 2.30 ม.

 

ปล. เนื่องจาก กรมอุทกศาสตร์ แจ้งนัดหมายใหม่ ของ น้องน้ำ ที่อาจจะมาเยือน ถนนเยาวราช ใหม่ เป็นเวลาใกล้เที่ยง

ทำให้ช่วงเช้า ถนนเยาวราช แห้ง และ สะดวกต่อการเดินทาง ไปรับน้องทอง กลับบ้าน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับ

เถ้าแก่อาแปะจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ ซึ่งก็คงบอกได้ว่า " แค่หมั้น เท่านั้น " ไม่สามารถ " อุ้มน้องทองเข้าเรือนหอ "

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคะ คุณเด็กขายของ คุณดาวโจน และทุกคน นะคะ

สงสัยคุณเด็กขายของ ต้องแปะยันต์เพิ่มแล้วคะ !17

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SYDNEY (MarketWatch) -- The U.S. dollar USDJPY +3.74% surged against the yen on Monday, buying ¥78.00 compared to ¥75.77 in late trading Friday. The euro also jumped against the yen, buying ¥110.30, compared to ¥107.24 on Friday. The dollar hit a fresh record low against the yen earlier Monday, and Japanese Finance Minister Jun Azumi said that the country would take decisive steps to stem the currency's rise if required, but didn't provide specific details, according to reports. Japanese stocks turned positive following the yen's fall, with the Nikkei Stock Average JP:NIK +0.74% trading up 0.9% after trading in negative territory earlier in the morning.

 

ส่วนในตลาดญี่ปุ่น เข้านี้ ค่าเงินดอลล์สหรัฐต่อเงินเยน แข็งขึ้นมากว่า 3.74% เมื่อวันศุกร์ กำเงินเยน 75.77 เยน แลกได้ 1US$

มาวันนี้ ต้องกำเงิน 78 เยน ถึงแลกได้ 1 US$

 

ส่วนเงินยูโร เมื่อวันศุกร์ 107.24 เยน ต่อ 1€. มาวันนี้ 110.30 ¥ ต่อ 1US$

งานเข้าค่าเงินเยน ที่อ่อนค่าลง จนรัฐมนตรีการคลัง จะต้องออกมาตัดสินใจออกมาตรการอะไรบางอย่าง เพื่อสร้าง

ความแข็งให้เงินเยน แต่ก็ไม่ได้ระบุรายละเอียดในตอนนี้

 

ตลาดหุ้น บวกนะครับ สำหรับ นิกเคอิ เปิดตลาดมา 0.9%. แต่ตอนที่โพสต์นี้ อยู่ที่ 0.74%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...