ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 18 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (15/11/2554)

ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 18 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 8 - 10 พฤศจิกายน 2554 ณ เมืองฮอนโนลูลู สหรัฐอเมริกา

 

นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 18 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 ณ เมืองฮอนโนลูลู สหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ (Mr. Timothy F. Geithner) เป็นประธานการประชุม

 

ที่ประชุมได้หารือกันว่าในปีที่ผ่านมานี้ มีหลายเขตเศรษฐกิจที่เผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคและโลก รวมทั้งการเกิดวิกฤตหนี้สาธารณะในภูมิภาคยุโรป ทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ จึงได้หารือการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การปรับสมดุลแก่เศรษฐกิจโลก บทบาทของโครงสร้างพื้นฐานในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยกระตุ้นและจูงใจการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน การปฏิรูปภาคการเงินโดยสนับสนุนการใช้กฎระเบียบการเงินที่เป็นมาตรฐานสากล และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินโดยการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินของทุกภาคส่วน ตลอดจนแลกเปลี่ยนความเห็นกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค (ABAC) ที่ได้เสนอแนะประเด็นต่างๆ แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

 

สมาชิกเห็นชอบร่วมกันที่จะดำเนินการเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจโลก เสริมสร้างเสถียรภาพภาคการเงิน รักษาระดับการเปิดตลาด และสร้างพื้นฐานสำหรับการเจริญเติบโตที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และสมดุล โดยเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ใช้มาตรการที่ชัดเจนและเชื่อถือได้เพื่อลดการ ขาดดุลทางการคลัง ในขณะที่เขตเศรษฐกิจที่มีฐานะการคลังที่เข้มแข็ง จะปล่อยให้กลไกการสร้างเสถียรภาพโดยอัตโนมัติทำงาน และเขตเศรษฐกิจที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจะปฏิรูปโครงสร้างเพื่อเพิ่มอุปสงค์ภายใน ไปพร้อมๆ กับการเพิ่มความยืดหยุ่นของอัตราแลกเปลี่ยน

 

ทั้งนี้ สมาชิกเอเปคได้แสดงความเสียใจต่ออุทกภัยที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย และให้ความสนใจต่อผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งนางสาวจุฬารัตน์ฯ ได้รายงานประมาณการเศรษฐกิจของไทย และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ให้ที่ประชุมได้รับทราบ รวมทั้งขอให้สมาชิกเอเปค และองค์กรการเงินระหว่างประเทศ ร่วมมือกันมากขึ้นในการบริหารจัดการภัยพิบัติ อันจะนำไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยืนยันที่จะร่วมกันปฏิรูปภาคการเงิน เช่น จะปฏิบัติใช้กรอบการกำกับดูแลภาคการธนาคารของบาเซิลฉบับใหม่ (new Basel Committee on Banking Supervision framework) เพื่อให้เงินทุนและสภาพคล่อง มีปริมาณ คุณภาพ และความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากขึ้น จะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาสถาบันการเงินที่สำคัญต่อระบบ จะปฏิรูปกฎระเบียบเพื่อให้สัญญาซื้อขายตราสารอนุพันธ์ต้องซื้อขาย ผ่านทางตลาดทางการหรือรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์ และผ่านศูนย์หักบัญชีคู่สัญญากลาง เป็นต้น และยึดมั่นที่จะดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้างต่อไป โดยเฉพาะด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน และสนับสนุนการจัดตั้ง Asia-Pacific Infrastructure Partnership Dialogues เพื่อเสริมสร้างการหารืออย่างตรงไปตรงมาระหว่างผู้มีส่วนร่วมต่างๆ อีกทั้งสานต่อการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านการเงินที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

 

ที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคได้เห็นชอบข้อเสนอแนะของ ABAC ใน 4 ประเด็นได้แก่ (1) การปรับปรุงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงิน เพื่อส่งเสริมการรวมตัวทางการเงินในภูมิภาค (2) การพัฒนานโยบายและแนวคิดริเริ่มที่สนับสนุนการสร้างศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดย่อม (3) การสนับสนุนกรอบนโยบายที่จะช่วยสร้างช่องทางการจัดหาเงินทุนของภาคเอกชนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และ (4) การเพิ่นพูนประสิทธิภาพของตลาดทุน รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดเรื่อง Asia Region Funds Passport (ARFP) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่การเสนอขายกองทุนข้ามพรมแดน

 

ในช่วงการประชุมดังกล่าว นางสาวจุฬารัตน์ฯ ได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ โดยสหรัฐฯ ได้แจ้งว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2011 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 ซึ่งมากกว่าช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 แต่ก็ยังเป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ซึ่งไม่เพียงพอ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวประมาณร้อยละ 2 - 3 ในปี 2012 อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังมีความกังวลในผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปว่ามีผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ จึงเห็นควรให้เขตเศรษฐกิจต่างๆ กระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศให้ มากขึ้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และอาเซียนเห็นร่วมกันว่า ควรมีการพบปะหารือร่วมกันในลักษณะอย่างไม่เป็นทางการในวาระที่มีโอกาสได้พบกันในการประชุมระหว่างประเทศต่างๆ อย่างสม่ำเสมอต่อไป

 

อีกทั้งยังได้เข้าร่วมการหารือระหว่าง Ms. Sri Mulyani Indrawati, กรรมการผู้จัดการกลุ่มธนาคารโลก(Managing Director of the World Bank Group) กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือของธนาคารโลกต่อภัยพิบัติน้ำท่วมในประเทศไทย เช่น การประเมินความเสียหายหลังน้ำท่วมในด้านสิ่งก่อสร้าง ด้านจิตวิทยา และด้านสังคม รวมทั้งขอให้ธนาคารโลกจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน

 

ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุม ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งมีผู้แทนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย ธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศอเมริกัน ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค เข้าร่วมประชุมด้วย

 

ที่มา : กระทรวงการคลัง (วันที่ 15 ฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

          เงินบาทปิดวานนี้ที่ระดับ 30.75/77 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่ระดับ 30.77/79 บาท/ดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในทิศ ทางเดียวกันกับค่าเงินในภูมิภาค ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่เป็นบวก และความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่คลี่ คลายลงหลังเชื่อว่าจะสามารถป้องกันดูแลได้  นักบริหารเงิน คาดว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ในกรกอบระหว่าง 30.70-30.85 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 15 ฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อมั่นว่า ในปีงบประมาณ 2555 กระทรวงการคลังจะสามารถจัดเก็บรายได้รัฐบาลได้ตามประมาณการที่ตั้งไว้ตามเอกสารงบประมาณ 1.98 ล้านล้านบาท จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้ คือ การประมาณการรายได้รัฐบาลปีงบ 55 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียง 4.7% จากปีงบประมาณ 54 (1,891,026 ล้านบาท) ซึ่งเป็นอัตราที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 53 และ 54 ที่มีอัตราเพิ่ม 16.8% และ 14.8% ตามลำดับ

 

นอกจากนี้ การประมาณการรายได้ในปีนี้เมื่อเทียบกับ GDP จะมีสัดส่วน 16.8% ซึ่งต่ำกว่าในปีงบประมาณ 2553 และ 2554 ที่ 16.9% และ 17.4% ตามลำดับ เนื่องจากมีการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% และการขยายเวลาการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 0.005 บาท ต่อจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.54

 

กระทรวงการคลังคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 55 ยังคงขยายตัวที่ 5% เท่ากับที่ประมาณการไว้ ขณะที่จัดทำประมาณการในเดือนต.ค.54 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.5-5.5% แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 54 ได้มีการประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยในเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2554 ลดลง 1.8%

 

"แต่จากความจำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมทั้งจากภาครัฐและเอกชน จะส่งผลให้ธุรกรรมทางเศรษฐกิจในปี 55 เพิ่มขึ้นทั้งด้านการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งการอัดฉีดเงินของรัฐบาลจากการขาดทุนงบประมาณ 400,000 ล้านบาท จะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น กระทรวงการคลังมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้รัฐบาลได้ตามเป้าหมาย 1.98 ล้านล้านบาท" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

 

ทั้งนี้ ประมาณการรายได้จำแนกตามหน่วยงาน เป็นดังนี้ กรมสรรพากรจะจัดเก็บ 1,624,800 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 54 จำนวน 109,134 ล้านบาท หรือ 7.2% (ปีงบประมาณ 54 มีอัตราเพิ่ม 19.9%), กรมสรรพสามิตจะจัดเก็บ 405,000 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 54 จำนวน 5,221 ล้านบาท หรือ 1.3% (ปีงบประมาณ 54 ลดลง 1.5% จากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล),กรมศุลกากรจะจัดเก็บ 105,500 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 54 จำนวน 2,618 ล้านบาท หรือ 2.5% (ปีงบประมาณ 54 มีอัตราเพิ่ม5.9%)

 

ขณะที่รัฐวิสาหกิจจะนำส่งรายได้ 104,000 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 54 จำนวน 5,205 ล้านบาท หรือ 5.3 % (ปีงบประมาณ 54 มีอัตราเพิ่ม 7.9%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

LOS ANGELES (MarketWatch) — Asian stock markets followed their U.S. peers lower Tuesday, as a rise overnight in Spanish and Italian government-bond yields stoked concerns that Europe’s debt crisis was deepening.

 

Hong Kong again led the decline, with the Hang Seng Index HK:HSI -0.91%  down 0.7%, while Japan’s Nikkei Stock Average JP:NIK -0.42%  ended morning trade down 0.4%, South Korea’s Kospi KR:0100 -0.49%  lost 0.5%, Australia’s S&P/ASX 200 AU:XJO -0.41%  fell 0.4%, and China’s Shanghai Composite CN:000001 -0.30%  slipped 0.2%.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Have you gotten any reaction from the Chinese government?

 

There was no specific hostility or disagreement with my suggestion. But maybe he hadn’t had time to look at my remarks.

 

China has pledged to move to full yuan convertibility. Why is that important?

 

I suppose full convertibility coupled with the internationalization of the currency would certainly help China include its currency in the basket of currencies that underlie the Special Drawing Rights. I think that would be a good signal, because China is such a key player and a leader in the global economy. … It’s a little bit strange that such a large international player, such a leading country, does not participate in the currency grouping.

 

Do you worry about implementation of this declared policy?

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ครั้งที่ 1 เวลา 09:30:00 ราคารับซื้อ 25850

 

ราคาขายออก 25950 Spot 1781.00 ค่าเงินบาท 30.77 50

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุนสวัส ครับ เด็กขายของ gb2514 และเพื่อนๆ ทุกท่าน มะวาน 1773 เป็นแนว ที่ spdr ซื้อ ล่าสุด และขายออกมาทีั่ ราคา 1776 นิสนึง ส่วนตัวมองว่า คนรู้แกว มันแล้ว มันคงไม่รอ 1800 วันนี้ ก็ ล่วงอย่างต่อ เนื่อง เลย ละ กัน ^^

สวัสดีครับ คุณ arthas

เอาแบบแนวลงเลยเหรอครับ นักลงทุนอเมริกัน เฝ้าจับตา Retail Sale ของค่ำคืนนี้อยู่นะ ว่า มีแนวโน้มเป็นอย่างไร

มากขึ้น หรือ ลดลง จากการสำรวจผลโพลฯ ออกมาว่า ลดลง แต่ก็อย่างว่าแหละ ของจริง เรืรองจริงเป็นอย่างไร ไม่รู้

ต้องรอคืนนี้ ส่วนวันนี้ อาแปะ ตั้งราคาขายออกที่ 25,950 บาท มองว่า ตั้งราคาสูง เพื่อล่อให้ไปขาย หรือ มองว่า

ตั้งราคาสูง เพื่อให้นักลงทุนมาแบ่งค่าความเสี่ยง ก็ว่ากันไป.

 

ส่วนตัวเอง ก็ยังคงกอดน้องทองไว้แน่นๆ ยังไม่ยอมปล่อย จนกว่าจะถึงจุดที่พอใจครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ arthas

เอาแบบแนวลงเลยเหรอครับ นักลงทุนอเมริกัน เฝ้าจับตา Retail Sale ของค่ำคืนนี้อยู่นะ ว่า มีแนวโน้มเป็นอย่างไร

มากขึ้น หรือ ลดลง จากการสำรวจผลโพลฯ ออกมาว่า ลดลง แต่ก็อย่างว่าแหละ ของจริง เรืรองจริงเป็นอย่างไร ไม่รู้

ต้องรอคืนนี้ ส่วนวันนี้ อาแปะ ตั้งราคาขายออกที่ 25,950 บาท มองว่า ตั้งราคาสูง เพื่อล่อให้ไปขาย หรือ มองว่า

ตั้งราคาสูง เพื่อให้นักลงทุนมาแบ่งค่าความเสี่ยง ก็ว่ากันไป.

 

ส่วนตัวเอง ก็ยังคงกอดน้องทองไว้แน่นๆ ยังไม่ยอมปล่อย จนกว่าจะถึงจุดที่พอใจครับ

ผมก็มอง อย่างคุณเด็กขาย ของ ว่า retail sale PPi โคตร แย่ สองทุ่มครึ่งวันนี้ แต่ ผม กลับมอง ว่า มันง่ายไปไหม เพราะทุกคนก็ต้องมองว่าขึ้น อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะคุณเกี้ยมอี๋ ตื่นเช้าจัง วันนี้ลุ้นต่อ ^^

โอ้โห ! ทำไม ทั้ง คุณเลียงผา คุณเกี้ยมอี๋ และ คุณเศรษฐีน้อยฯ ตื่นนอนกันเร็วจังเลยครับ

เด็กขายของ ยังพึ่งพลิกตัวซ้ายพลิกตัวขวา อยู่บนเสื่อเองเลย. 555555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมก็มอง อย่างคุณเด็กขาย ของ ว่า retail sale PPi โคตร แย่ สองทุ่มครึ่งวันนี้ แต่ ผม กลับมอง ว่า มันง่ายไปไหม เพราะทุกคนก็ต้องมองว่าขึ้น อิอิ

ไม่นะ ! ไม่ใช่ว่าทุกคนมองขึ้น นักวิเคราะห์บางท่าน ก็กล่าวว่า เมื่อถึงจุดทดสอบแนวต้าน ก็จะมีแรงเทขาย

ทำกำไรออกมา ซึ่งจุดแนวต้านก็ประมาณ 1,802-1,805 ก็ว่ากันไป ส่วนนักวิเคราะห์บางท่านก็มองว่า Retail sale น่าจะดีขึ้น เพราะดัชนีชี้วัดกำลังซื้อ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ยังดีอยู่เลย ครึ่งๆนะครับที่มองกันคนละด้าน

 

ถ้าทุกคนมองลง เด็กขายของ ก็จะกล่าวว่า แบบนี้ นักลงทุนสหรัฐ ก็ เฮฮาปารตี้ เลยนะครับ เพราะส่วนมาก เขาเล่น Gold Future กันมากกว่า ซื้อทองจริงๆ เก็บไว้ ป่านนี้ เขาทุ่มเล่น ด้าน SHORT หลายสัญญาฯ รอรับตังค์กันเลยนะ

ต้องอย่าลืมว่า GF เล่นได้ 2 ขา แทงขึ้น และ แทงลง ดังนั้น ทุกๆ สิ่ง ไม่ง่ายเสมอไปครับ

 

แต่ถ้าเรามองในด้านวิกฤติทางการเงินของโลกที่เกิดขึ้น แล้วยังไม่ได้แก้ไข ซึ่งจะได้ยินแต่ bail out ( อุ้มหนี้ ) จึงทำให้การที่ค่าเงินสหรัฐแข็งค่าตอนนี้ ไม่สมดุลกับเรื่องจริงของระบบการเงินโลก เป็นเพียงแต่แข็งค่า เพราะ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนตะกร้าเงิน ที่นำมันไปผูกติดกับค่าเงินยูโร ณ. ขณะนี้

 

ลองมองเมืองไทย ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาท 50 บาทต่อดอลล์สหรัฐ นั้นก็คือวิกฤติทางการเงิน ตอนนี้เงินบาท 30.78 บาท ก็คือ ประเทศไทยมีทุนสำรองคงคลังที่ดี ทำให้ฐานะทางการเงินเมื่อเปรียบเทียบแล้วดีขึ้น มองกลับไปที่สหรัฐ ที่ค่าเงิน US Dollarแข็งค่าขึ้น เพราะ เศรษฐกิจดีขึ้นเหรอ ( ไม่น่าใช่ ) มีทุนสำรองคงคลังมากเหรอ ( ไม่น่าใช่ เพราะเพดานหนี้ ก็ปรับแล้วปรับอีก )มีหนี้น้อยเหรอ ( ก็มีหนี้สาธารณะบาน )

 

เด็กขายของว่า เขาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเท่าไหร่ มิฉะนั้นแล้ว คงไม่ไปไล่เบี้ย ถามหา และ กดดัน สหภาพยุโรป หรือ

ไปกดดัน จีน ให้จัดการเรื่องค่าเงินหยวน อย่างไรก็ตาม ยิ่งราคาทองขึ้นมา ก็มีความเสี่ยงที่จะลง

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอ๊..เอ๋ ตัวเลขราคาข้างบนมันไม่เปลี่ยนเลยนะครับ นั่น สังเกตตั้งแต่เมื่อวานครั้งที่ 2 แล้ว ไม่มีการเปลี่ยนเลย

 

ราคานั้นเป็นราคาแรกสุด ของเมื่อวาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1773 จุด จิตวิทยา น่าจะลงไปทดสอบอีก รอบ อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"โกลด์แมน"เพิ่มน้ำหนักลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ แม้เผชิญวิกฤติหนี้ยุโรป

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ยังคงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในอีก12 เดือนข้างหน้า แม้ยังคงเผชิญกับวิกฤติหนี้ยุโรปก็ตาม

 

"ความเชื่อมั่นในมุมมองนี้ได้ถูกตอกย้ำด้วยการปรับเปลี่ยนนโยบายของจีนไปสู่ท่าทีที่ผ่อนคลายลง ซึ่งอาจจะช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์"

 

อย่างไรก็ดี โกลด์แมนได้ปรับลดคาดการณ์ผลตอบแทน S&P GSCI EnhancedCommodity ระยะ 12 เดือน สู่ระดับ 15% จาก 20% อันเป็นผลการพุ่งขึ้นของผลตอบแทนสินค้าโภคภัณฑ์นับตั้งแต่สิ้นเดือนก.ย.

 

โกลด์แมนคาดว่าราคาทองจะยังคงพุ่งขึ้นในปีนี้ และปีหน้า เมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ระดับต่ำของสหรัฐ และคาดว่าราคาทองจะแตะระดับ1,930 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

 

ขณะเดียวกัน โกลด์แมนคาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ค-น้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวแคบลงอีกภายใน 12 เดือนข้างหน้า สู่ระดับ 6.50 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่า ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์คจะพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำมันดิบเบรนท์ แต่ก็จะยังคงมีราคาต่ำกว่า โดย เมื่อวานนี้ ส่วนต่างน้ำมันดิบนิวยอร์ค-น้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ -14.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

นอกจากนี้โกลด์แมนยังคาดว่า ราคาข้าวโพดจะพุ่งขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และราคาถั่วเหลืองจะพุ่งขึ้นจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยคาดว่าราคาข้าวโพดจะอยู่ที่ 5.50ดอลลาร์/บุชเชลในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และราคาถั่วเหลืองจะอยู่ที่ 12 ดอลลาร์/บุชเชลในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม่ เจ้า หมี่เกี้ยว 1766

ถูกแก้ไข โดย arthas

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณเด็กขายของค่ะ ...วันนี้จะมีการประกาศ GPD ของยุโรปใช่มั๊ยค่ะ ประมาณกี่โมงพอทราบมั๊ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...