ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

'เฟด'ยันไม่มีแผนอุ้ม'ยูโรโซน'ส.ว.USชี้เอาตัวเองให้รอดก่อน

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 ธันวาคม 2554 22:08 น.

 

เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ (ซ้าย) ขณะเข้าประชุมร่วมกับรัฐสภา

       เอเจนซี / เอเอฟพี - เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันต่อบรรดาวุฒิสภาอเมริกันในสังกัดพรรครีพับลิกันเมื่อวันพุธ (14) ว่า เฟด “ไม่สามารถ” และก็ “จะไม่” เข้าไปช่วยเหลือโอบอุ้มเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังซวนเซหนักจากปัญหาหนี้สิน อย่างแน่นอน

       

       ท่ามกลางข้อสงสัยต่างๆ นานา ที่ว่า เฟดอาจมีการนำเงินไปให้ความช่วยเหลือกลุ่มประเทศในยูโรโซนที่กำลังถูกรุมเร้าด้วยปัญหาหนี้สาธารณะและการขาดดุลงบประมาณนั้น วุฒิสมาชิก ลินด์เซย์ เกรแฮม ผู้นำของพรรครีพับลิกันในสภาสูง ออกมาให้ความกระจ่างว่า เบอร์นันกีได้สร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดาส.ว.รีพับลิกันแล้วว่า “เขา (เบอร์นันกี) ไม่ได้มีความตั้งใจ หรืออำนาจที่จะกระทำเช่นนั้นได้”

       

       “พวกเราต่างก็วิตกกังวลว่า ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันทั้งหลายจะต้องเข้าไปแบกรับภาระโอบอุ้มบรรดาประเทศและธนาคารยุโรปหรือไม่” เกรแฮม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังการประชุมกับประธานเฟด

       

       อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมดังกล่าว นายใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนพวกปรปักษ์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในวุฒิสภาเหล่านี้ว่า หากผู้นำชาติยุโรปไม่สามารถแก้ไขวิกฤตหนี้ในยูโรโซนได้ มันอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของอเมริกาได้

       

       ขณะที่ส.ว. บ็อบ คอร์เกอร์ จากมลรัฐเทนเนสซี กล่าวหลังการประชุมว่า “เขาได้ยืนยันชัดเจนว่า เขาไม่มีแผนการ” ที่จะนำเงินของผู้เสียภาษีไปช่วยพยุงฐานะทางการคลังของบรรดาชาติสมาชิกยูโรโซน พร้อมกับกล่าวเสริมด้วยว่า “เขาไม่มีเจตนารมณ์ที่จะนำพาสหรัฐฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับวิกฤตนี้เพิ่มขึ้น”

       

       คอร์เกอร์ ระบุด้วยว่า จุดสำคัญของสหรัฐฯในตอนนี้ ควรมุ่งไปที่ “การขับเรือของตัวเองให้ดีก่อน” และกล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราสามารถกระทำได้ก็คือ การที่ประเทศเราจัดการกับปัญหาของตนเองอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”

       

       ออร์ริน แฮตช์ วุฒิสมาชิกมลรัฐยูทาห์ ก็กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เบอร์นันกี “กำลังหวาดวิตกมาก” และ “การล่มสลายของที่นั่นอาจเป็นอันตรายต่อพวกเรา”

       

       การเชิญเบอร์นันกีมาบรรยายสรุปต่อวุฒิสมาชิกฝ่ายรีพับลิกันคราวนี้ บังเกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มทวีขึ้นว่า ปัญหาของยุโรปอาจฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งก็มีอาการร่อแร่อยู่แล้ว

       

       ขณะเดียวกันบรรดานักลงทุนต่างก็อยู่ในอาการกระวนกระวายมากขึ้น เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อศุกร์ (9) ที่แล้ว ซึ่งแม้ที่ประชุมได้เห็นพ้องเกี่ยวกับกฎระเบียบทางการคลังที่เข้มงวดกวดขันมากขึ้น สำหรับประเทศที่ใช้เงินตราสกุลยูโร (ยูโรโซน) ทว่านักลงทุนเหล่านี้ก็รู้สึกว่า แค่นั้นอาจยังไม่เพียงพอ

       

       นอกจากนี้ การที่อังกฤษเป็นชาติเดียวจากทั้งหมด 27 ประเทศสมาชิกอียู ซึ่งประกาศคัดค้านและใช้สิทธิยับยั้ง (วีโต้) ในที่ประชุมซัมมิตดังกล่าว ทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถกระทำในรูปของการแก้ไขสนธิสัญญาอียู หากต้องทำเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลที่ให้ความเห็นชอบ เรื่องนี้ก็ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งวิตกกังวลเพิ่มขึ้นอีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวออกมาตอกย้ำอย่างนี้จะทำให้ดำดิ่งต่อมั้ยเนี่ย. เศร้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าวันศุกร์ครับ ซึ่งตรงกับวันหวยแห่งชาติออกอีกด้วย ราคาทองคำก็ยังย้ำที่ 15xx ขึ้นไปได้แค่ 1,592-1,593 ก็ถูกถีบลง ไม่รู้ว่า แรงงาน หรือ คำพูดของผู้มีอิทธิพลทางการเงินกันแน่ แถมกองทุน SPDR ปล่อยของออกมาตั้ง 14 ตันกว่าๆ เด็กขายของมีดอยทอง ก็ต้องคอยลุ้นต่อไป เมื่อไหร่จะมีทิศทางดีสักที อย่างว่าแหละ ตอนขึ้น ค่อยๆ เดินขึ้นบันได แบบหมดแรง พอตอนลง เล่นลงลิฟท์ทุกที ( เฮียนายห้างฯ ได้เคยกล่าวไว้ ) ว่ากันเรื่องข่าวสารกันต่อเช้านี้

 

 

ปีใหม่สหรัฐขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหลายรัฐ-ซานฟรานฯแพงสุด 10.24 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

December 15, 2011  |   Filed under: TOP News  |   Posted by: admin

 

12

เริ่มปีใหม่ซานฟรานฯขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นชั่วโมงละ 10.24 ดอลลาร์แพงที่สุดในสหรัฐแม้กระทั่งแพงกว่าเมืองอื่นๆในรัฐเดียวกัน ถือเป็นเมืองแพงสุดในสหรัฐรวมทั้งค่าครองชีพ

 

รายงานข่าวเปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2012 เป็นต้นไปซานฟรานซิสโกจะป็นเมืองแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐที่ต้องจ่ายค่าแรงงงานขั้นต่ำชั่วโมงละ 10.24 ดอลลาร์ หรือมากกว่า 2 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงเมื่อเทียบกับเมืองต่างๆในรัฐเดียวกัน  หรือมากกว่าเกือบ 3 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกลางกำหนด

 

กฎหมายดังกล่าวออกมาเมื่อปี 2003 กำหนดให้ซานฟรานฯต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี  โดยใช้มาตรฐานของอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพมาเป็นเกณฑ์กำหนด โดยได้รับการสนับสนุนจากประชาชนกลุ่มก้าวหน้าของเมืองรอบๆอ่าวที่ต้องการให้ชนชั้นแรงงานได้รับรายได้ที่ดี อีกทั้งสหภาพแรงงานในบริเวณนี้แข็งแกร่งบวกกับค่าเช่าบ้านราคาแพง ทำให้ค่าแรงต้องสูงไปด้วย

 

นายคาร์ล เครมเมอร์ แห่งกลุ่ม the San Francisco Living Wage Coalition เปิดเผยว่าหากเป็นผู้ใหญ่ที่ตัวคนเดียวค่าแรงงานจะได้ชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์และถ้าเป็นผู้ใหญ่คู่สมรสและมีลูกจะได้จ่ายมากกว่านี้

 

“ผมยินดีที่เมืองนี้กำหนดให้ค่าแรงขั้นต่ำเกินชั่วโมงละ 10 ดอลลาร์ของประเทศ”นายคาร์ลกล่าวและว่า”มันช่วยสนับสนุนขวัญของคนงานในภาวะเศรษฐกิจวิกฤติ เหมือนกับว่าเขาหาน้ำมาดับกระหายได้ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ”

 

รายงานข่าวเปิดเผยว่าแม้ค่าแรงงานจะสูงขึ้นก็จริงแต่สูงเพียงชั่วโมงละ 32 เซ็นต์เมื่อเทียบกับค่าแรงงานขั้นต่ำเดิม และนายจ้างประเภทธุรกิจขนาดเล็กบางรายอาจจะต้องเลิกจ้างพนักงาน เพราะนายจ้างเองก็ถูกบังคับให้ต้องจ่ายภาษีแก่รัฐบาลกลาง,มลรัฐและซิตี้เพย์โรล

 

นายแดเนียล เชอร์ร้อตเตอร์ หัวหน้าพ่อครัวและเจ้าของห้องอาหาร Palio D’Asti อันเป็นห้องอาหารระดับหรูในย่านการเงินของซานฟรานฯกล่าวว่าการขึ้นค่าแงรงขั้นต่ำจาก 9.92 เป็น 10.24 ดอลลาร์ ถือว่าได้จ่ายให้คนงานสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาและบรรดาพนักงานเว็ตทั้งหลายที่อยู่ได้ด้วยเงินทิปก็จะมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น แต่คนงานในครัวที่รับเป็นเงินเดือนกลายเป็นคนมีรายได้น้อยกว่า   

 

“ถ้าาผมจะเพิ่มค่าอาหารในเมนู อาจจะต้องม้วนเสื่อก็ได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้”นายเชอร์ร้อตเตอร์กล่าว

 

นายเชอร์ร้อตเตอร์กล่าวอีกว่าสิ่งหนึ่งที่คนไม่รู้ก็คือนายจ้างจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1.23 ถึง 1.85 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงต่อพนักงาน 1 คน เพราะต้องซื้อประกันสุขภาพให้  อีกทั้งซานฟรานฯเป็นเมืองเดียวที่มี city payroll tax  1.5 % และยังต้องจ่ายเงิน 9 วัน (paid sick days)แก่พนักงานต่อคนต่อปีด้วย   

 

ในฐานะเจ้าของธุรกิจนายเชอร์ร้อตเตอร์กล่าวว่าซานฟรานฯจ่ายมากเป็นสองเท่าของManhattan,ชิคาโก้และจ่ายมากเป็น 4 เท่าของบอสตัน เพราะเมืองนี้ถือว่าสนับสนุนแรงงาน

 

  นายสตี๊ฟ ฟอล์ค ประธานและซีอีโอของสภาหอการค้าซานฟรานฯยอมรับว่าเมื่อใดที่ค่าแรงขั้นจะผลักภาระมาให้บริษัทนายจ้างจ่ายเพย์โรลเพิ่มระหว่าง 25-40 % มากกว่าเมืองอื่นๆใน Bay Area ตัวอย่างเช่นหลายบริษัทได้ย้ายไปอยู่ Napaเพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่าซานฟรานฯ

 

 อย่างไรก็ตามนายโฟล์คยอมรับว่าแม้ค่าใช้จ่ายจะสูงแต่นักธุรกิจก็ชอบที่จะมาทำธุรกิจในซานฟรานฯเพราะเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

 

ปัจจุบันรัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดค่าแรงขั้นต่ำไว้ชั่วโมงละ 8.00 ดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลกลางกำหนดค่าแรงชขั้นต่ำไว้ชั่วโมงละ 7.25 ดอลลาร์  มีบางรัฐที่ค่าแรงขั้นต่ำสูงอาทิเช่นรัฐวอชิงตันกำหนดไว้ที่ ชั่วโมงละ 8.67 ดอลลาร์ บางรัฐก็กำหนดไว้ต่ำเช่นอาร์คันซอส์ชั่วโมงละ 6.25 ดอลลาร์กรณีบริษัทมีพนักงาน 4 คนหรือมากกว่านี้ เช่นเดียวกับรัฐไวโอมิ้งค์ ชั่วโมงละ 5.15 ดอลลาร์ หากเป็นพนักงานที่รับทิปจะได้ชั่วโมงละ 2.13 ดอลลาร์

 

รายงานข่าวเปิดเผยว่านับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2012 เป็นต้นไปมีอีกหลายรัฐที่จะต้องปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น

 

Mayor Lee Announces Increase to San Francisco’s Minimum Wage

http://www.sfmayor.org/index.aspx?page=619

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้คนในสังคมอเมริกันวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย แต่ในอีกส่วนหนึ่งภาคเกษตกรรมกลับถือว่าปี 2011 เป็นปีดีที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา เหตุเพราะราคาสินค้าเกษตรถีบตัวสูงขึ้น,สินค้าเกษตรและปศุสัตว์เป็นที่ต้องการของทุกส่วนในโลก ตลอดจนข้าวโพดก็ถูกนำมาทำพลังงานเอธานอลมากขึ้น

 

 

เดล แฮดเดน เกษตรกรจากภาคกลางรัฐอิลลินอยส์ถ่ายภาพกับไร่ของตัวเองใกล้เมืองแจ้คสันวิลล์ รัฐอิลลินอยส์

จากตัวเลขของกระทรวงเกษตรสหรัฐพบว่าในปี 2011 กำไรของสินค้าเกษตรจะเพิ่มขึ้น 28 % หรืออยู่ที่ประมาณ 100,900 ล้านดอลลาร์ ทำให้เกษตรกรสามารถนำเงินมาจ่ายบิลของตัวเองได้รวมประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์  ขณะเดียวกันสินค้าเกษตรจะจำหน่ายได้ผ่านหลัก 200,000 ล้านดอลลาร์ถือเป็นประวัติศาสตร์ของสหรัฐ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภทสัตว์ปีกจะขายได้เพิ่มเท่าตัว

 

บรูซ จอห์นสัน ศาสตราจารย์ภาคเศรษฐกิจการเกษตรมหาวิทยาลัยเนบราสก้ายอมรับว่าเป็นห้วงเวลาที่ดีที่สุด

 

กระนั้นก็ตามไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโชคเสมอไป ตัวอย่างเช่นที่ไร่เกษตรแห่งหนึ่งใกล้เมืองการ์ดเนอร์ รัฐแคนซัส(อยู่ไม่ไกลจากแคนซัส ซิตี้)พบกับภาวะฝนหยุดช่วงและลมแรงทำให้ บิล วอยท์ ต้องสูญประโยชน์จากการปลูกถั่วเหลืองไปครึ่งต่อครึ่งจากที่เคยหวังไว้ เช่นเดียวกับการปลูกข้าวโพดได้ผล 1 ใน 3 ตามปกติที่เคยได้  จึงเชื่อว่าไร่ที่เขาทำประมาณ 2,400 เอเคอร์ปีนี้น่าจะถือว่าขาดทุน แม้ว่าจะมีประกันภัยไว้ก็ตาม

 

“บริเวณเหล่านี้ถือว่าเป็นภัยพิบัติ แต่ประกันภัยก็มาช่วยเราไว้”นายวอยท์ อายุ 66 ปีกล่าว พร้อมกับยอมรับว่าภาวะแห้งแล้งบางส่วนของประเทศกลับช่วยให้เกษตรกรที่โชคดีได้ราคาจากพืชผลของตัวเองไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด,ถั่วเหลืองและข้าวสาลี  บางคนถึงกับกลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมาทันที ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลหรือของใคร แต่เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น

 

สินค้าเกษตรสหรัฐกลายเป็นที่ต้องการในประเทศจีน,อินเดียและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวโพดที่ต้องนำไปทำพลังงานเอธานอลทำให้ราคาถีบตัวพุ่งสูงเป็นกำไรของชาวเกษตรกรมากขึ้น

 

ในมอร์แกน เคาน์ตี้ใกล้เมืองแจ้คสันวิลล์ นายเดล แฮดเดน กล่าวว่าเขาประหลาดใจอย่างยินดีที่ราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองที่ปลูก 4,000 เอเคอร์ร่วมกับพี่น้องและครอบครัว แม้ว่าไร่ข้าวโพด 400 เอเคอร์จะเสียหายเมื่อเดือนมิถุนายนเพราะฝนตกหนักถึง 21 นิ้ว

 

ทั้งนี้ผลลัพธ์ออกมาปรากฎว่าพืชผลที่เขาเก็บเกี่ยวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมาระหว่าง 10-15 % หรือคิดเป็นเงินหลายหมื่นดอลลาร์ ทำให้สามารถมีเงินจ่ายธนาคารค่ารถแทรกเตอร์ได้ทันที ทั้งๆที่จะต้องจ่ายคืนภายใน 7 ปี อีกทั้งยังมีเงินจ่ายค่าที่ดินและที่เหลือก็จัดเก็บไว้

 

“ถือว่าได้รับความสำเร็จมาก”แฮดเดนวัย 38 ปีที่มีลูก 2 คนอายุ 11 และ 9 ปี “ทุกคนจะบอกคุณได้ว่าเงินสดระดมเข้ามา แต่ก็คงจะไม่ใช้มันหมดทันที”

 

ที่รัฐออเรกอน วอร์เรน ฮัฟท์ อายุ 79 ปี ทำงานกับไร่เกษตรมา 4 ทศวรรษ แต่ไร่ของเขาค่อนไปทางทะเลทรายจึงต้องใช้เงินจำนวนมากเป็นค่ากระแสไฟฟ้าในการทดน้ำเข้ามาทำขนาด 1,500 เอเคอร์ ล่าสุดเขาขายที่ไปได้เงินมา 1.7 ล้านดอลลาร์และอุปกรณ์ต่างๆอีกประมาณ 3 แสนดอลลาร์ จากนั้นก็ใช้เงินซื้อบ้านใหม่ 2 หลัง ให้ตัวเองและลูกชายกับครอบครัวของลูก ที่เหลือเก็บไว้ใช้

 

เขาบอกว่าเป็นดีลที่ดี ปัจจุบันเขายังเหลืออีกประมาณ 72 เอเคอร์ใกล้กับเขาKlamath Fallsเก็บไว้ใช้ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และกำลังมองหาเพิ่มอีกสัก 100 เอเคอร์เพราะปัจจุบันหญ้าเฮย์(hay)กำลังเป็นที่ต้องการของจีนและประเทศในเขตแปซิฟิก

 

ที่รัฐไอโอวาทางตะวัตกใกล้เมืองKingsley, นายเจฟฟ์ รีนกิ้ง พร้อมด้วยน้องชายดำเนินการไร่ 2,500 เอเคอร์ระหว่างการปลูกข้าวโพดและถั่ว เขายอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของเขา ทำให้จ่ายหนี้ได้หมดและยังมีเหลือจำนวนหนึ่งที่เก็บไว้สำรอง

 

กล่าวโดยสรุปขณะนี้การทำเกษตรกรรมคือปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์น่าจะไปได้ดีเพราะหลายส่วนของโลกพบกับภัยพิบัติ  อีกทั้งประชากรโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน ความต้องการอาหารและพลังงานทดแทนจึงมีอยู่สูงยิ่ง  และแนวโน้มก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมศาลฎีกาสหรัฐประกาศรับปัญหากฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐอริโซนาหรือที่เรียกว่า AB 1070 เข้าไปตัดสินหลังจากมีผลบังคับใช้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นและจับกุม”ผู้ต้องสงสัย”ว่าอยู่อย่างผิดฎหมายไปดำเนินคดีได้ ต่อมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นฟ้องระบุว่ารัฐอริโซนาเข้าไปทำหน้าที่แทนรัฐบาลกลาง เพราะกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลกลาง จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ได้สั่งระงับการใช้ร่างกฎหมายนี้ในบางข้อ

 

ประเด็นสำคัญที่ศาลฎีกานำเรื่องขึ้นชี้ขาดเป็นเพราะหลังจากรัฐอริโซนาแล้วยังมีรัฐอื่นออกกฎหมายในลักษณะเดียวกันนี้มาใช้บังคับประกอบด้วยรัฐAlabama,Georgia,Indiana,South CarolinaและUtahกระทรวงยุติธรรมสหรัฐก็ได้ยื่นฟ้องให้ระงับการใช้บังคับในรัฐอลาบามา,ยูท่าห์และเซาท์ แคโรไลนาไปแล้ว ในเหตุผลเดียวกัน เพราะถ้าหาก 50 รัฐใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นคนละฉบับกับรัฐบาลกลางปัญหาก็จะตามมาไม่สิ้นสุดหรือเป็นการไร้มาตรฐานนั่นเอง

 

 

..

ปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมายซึ่งคาดกันว่าในสหรัฐปัจจุบันมี 10 ล้านคน เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีต แม้รัฐบาลรอนัลด์ เรแกน จะเคยมีกฎหมายนิรโทษกรรมมาแล้วก็ตาม แต่ปัญหานี้ก็ไม่เคยแก้ไขได้เพราะมีการลักลอบเข้าเมืองตามชายแดนทุกวัน หรือบุคคลที่เข้ามาอย่าง

 

ถูกต้องตามกฎหมายแต่เมื่อวีซ่าขาดอายุไม่ยอมเดินทางออกนอกประเทศก็ถือว่าเป็นคนที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย

 

แต่ละรัฐพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยระบุว่ารัฐบาลกลางและสภาคองเกรสไม่เคยแก้ปัญหานี้ได้ ทำให้มลรัฐต้องแบกรับภาระทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายแก่เด็กนักเรียน,การรักษาพยาบาล ฯลฯ ดังนั้นจึงออกกฎหมายกีดกันทุกด้านเช่นห้ามผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายเช่าบ้าน โดยแลนด์ลอร์ดจะต้องตรวจสอบสถานะภาพ,ห้ามนายจ้างรับจ้างเข้าทำงาน,บางรัฐเสนอให้ตรวจสถานภาพของเด็กนักเรียนซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ถูกต่อต้านอย่างหนักเพราะเด็กเหล่านั้นแม้จะไม่ใช่คนผิวขาวหรือผิวดำก็อาจเป็นพลเมืองอเมริกันด้วยการเกิด เป็นต้น

 

เราเห็นว่าการให้ศาลฎีกาชี้ขาดเป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะทั้งรัฐบาล,สภาคองเกรส,กลุ่มสนับสนุนคนเข้าเมือง,กลุ่มต่อต้านคนเข้าเมือง,บริษัทนายจ้างรวมถึงตัวผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายเองก็อยากทราบเช่นกันว่าแนวทางคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าติดตามยิ่ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

รัสเซียจะให้เงินยืม 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ากองทุนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

 

ที่ปรึกษาประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียเต็มใจจะให้เงินจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้ากองทุนให้ความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ. เพื่อช่วยเหลือประเทศในเขตยูโรที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สิน 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : รักษ์ธานินทร์ ทองประเสริฐ   Rewriter : รักษ์ธานินทร์ ทองประเสริฐ

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 

 วันที่ข่าว : 16 ธันวาคม 2554

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เมื่อคืนนี้ เพิ่มอีก ตามรายการข้างล่าง

 

Fitch's focus in evaluating the banks has been on those that have the best positions in diversified the product areas that are viewed as having the lowest risk.

 

The following highlights Fitch's ratings actions:

 

Bank of America Corporation

--Long-term IDR downgraded to 'A' from 'A+';

--Short-term IDR downgraded to 'F1' from 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'bbb+' from 'a-'.

 

Barclays plc

--Long-term IDR downgraded to 'A' from 'AA-';

--Short-term IDR downgraded to 'F1' from 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'a' from 'aa-'.

 

BNP Paribas

--Long-term IDR downgraded to 'A+' from 'AA-';

--Short-term IDR affirmed at 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'a+' from 'aa-'.

 

Credit Suisse AG

--Long-term IDR downgraded to 'A' from 'AA-';

--Short-term IDR downgraded to 'F1' from 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'a' from 'aa-'.

 

Deutsche Bank AG

--Long-term IDR downgraded to 'A' from 'AA-';

--Short-term IDR downgraded to 'F1' from 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'a' from 'aa-'.

 

The Goldman Sachs Group, Inc.

--Long-term IDR downgraded to 'A' from 'A+';

--Short-term IDR downgraded to 'F1' from 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'a' from 'a+'.

 

Morgan Stanley

--Long-term IDR affirmed at 'A';

--Short-term IDR affirmed at 'F1';

--Viability Rating downgraded to 'a-' from 'a'.

 

Societe Generale

--Long-term IDR affirmed at 'A+';

--Short-term IDR affirmed at 'F1+';

--Viability Rating downgraded to 'a-' from 'a+'.

 

UBS AG

--Long-term IDR affirmed at 'A';

--Short-term IDR affirmed at 'F1';

--Viability Rating affirmed at 'a-'.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัสเซียจะให้เงินยืม 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ากองทุนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

 

ที่ปรึกษาประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียเต็มใจจะให้เงินจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้ากองทุนให้ความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ. เพื่อช่วยเหลือประเทศในเขตยูโรที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สิน

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : รักษ์ธานินทร์ ทองประเสริฐ Rewriter : รักษ์ธานินทร์ ทองประเสริฐ

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 

วันที่ข่าว : 16 ธันวาคม 2554

ข่าวดีกับทองใช่ไหมคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป่วนไม่เลิก! คนร้าย ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง 3 จุด กลางกรุง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

 

 

พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เนื่องจากได้รับรายงานว่า มีคนร้าย วางระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ในพื้นที่ กทม. จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย ในซอยลาดกระบัง 13 , ถ.สุขุมวิท 77 ใกล้กับธนาคารกรุงเทพ ลักษณะวางไว้ใกล้กับกำแพง ใต้สะพานตลาด , ถนนมอเตอร์เวย์ ใกล้กับตลาดสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ สามารถจับคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ 1 ราย เป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุเองทั้ง 3 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวไปสอบสวน

 

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ส่วนความคืบหน้า จะรายงานให้ทราบต่อไป

 

 

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด อยู่ระหว่างการใช้ปืนยิงแรงดันน้ำสูง ทำลายวงจรระเบิด ที่พบ บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนลาดกระบัง 20 โดยเบื้องต้นจาการตรวจสอบ พบว่า เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในกล้องพีวีซี ใส่ในพลาสติก ต่อวงจรด้วยนาฬิกาแบบดิจิตอล นอกจากนี้ ยังพบอีก 2 จุด ที่บริเวณถนนลาดกระบัง 13 บริเวณตลาดนัดสุวรรณภูมิ และจุดที่ 3 บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ คู่ขนาน ถนนกาญจนาภิเษก ตัดกับถนนสุขาภิบาล 2 โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบ กล่าวว่า การตรวจพบในครั้งนี้ พบทั้งหมด 3 จุด ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากการจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนนครบาล เมื่อเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งได้ให้การรับสารภาพว่า มีการวางระเบิด 3 จุด โดยเชื่อว่า เป็นผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน กับที่วางระเบิดบริเวณหน้ากองสลาก ถนนราชดำเนิน เชื่อว่า ต้องการสร้างสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ไว้ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในพื้นที่ เพื่อป้องกันอันตรายแล้ว

 

ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย และจะมีการไปเก็บกู้อีก 2 จุด ที่ได้รับ

รายงาน

 

Link : http://www.innnews.co.th/พบระเบิดสุขุมวิท77ลาดกระบัง13มอเตอร์เวย์--326942_05.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวิสรี บริษัทประกันภัยชื่อดัง เผย ภัยธรรมชาติและภัยพิบัติจากมนุษย์ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก สูงเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 11 ล้านล้านบาท ในปีนี้

 

 

 

สวิสรี บริษัทประกันภัยชื่อดัง ระบุว่า ปี 2554 เป็นปีที่มีภัยพิบัติร้ายแรงที่สุด ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกมากเป็นประวัติการณ์ โดยเบื้องต้น พบว่า ค่าสินไหมทดแทนของธุรกิจประกันภัยทั่วโลก ที่มีสาเหตุจากภัยพิบัติสูงถึง 108,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ มากกว่าจำนวน 48,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของเมื่อปีที่แล้ว ถึง 2 เท่า บริษัท สวิสรี ระบุว่า ปี 2554 เป็นปีที่ธุรกิจประกันภัยเสียหายมากที่สุด โดยเฉพาะเหตุภัยพิบัติสึนามิและวิกฤตินิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม

 

 

Link : http://www.innnews.co.th/ภัยพิบัติทำให้-ศก-โลก-เสียหายมาก--326958_04.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิกิพีเดีย ขู่ ปิดเว็บไซต์ประท้วงสหรัฐ ค้าน การออกกฎหมายต่อต้านการคุกคามความเป็นส่วนตัว

 

 

 

นายจิมมี เวลส์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิพีเดีย คลังสารานุกรมรวบรวมความรู้ทั่วโลกชื่อดัง และเว็บไซต์ยอดฮิต ติดอันดับ 6 ของโลก ประกาศจะปิดเว็บไซต์ เพื่อประท้วงกฎหมายต่อต้านการคุกคามความเป็นส่วนตัวของสหรัฐ เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้สหรัฐฯ ยกเลิกการผ่านกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากมีผลกระทบต่อเว็บไซต์ วิกิพีเดียในอนาคต

 

วิกิพีเดีย มีแผนจะปิดเว็บไซต์ภาคภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ เพื่อต่อต้านต่อกฎหมายคุกคามความเป็นส่วนตัวของสหรัฐ (The Stop online Piracy Act) ซึ่งในขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการยุติธรรมสภาล่างสหรัฐ ที่มีเนื้อหาคุ้มครองการห้ามก๊อบปี้ข้อความทางออนไลน์ ส่งผลให้ วิกิพีเดีย ที่มีระบบให้ผู้คนทั่วโลกร่วมกันให้ข้อมูลแก่เนื้อหาต่าง ๆ ทุกประเภท มีความเสี่ยงที่จะเผชิญข้อหาทางคดีอาญา

 

ทั้งนี้ ปฏิบัติการขู่ปิดเว็บไซต์ของวิกิพีเดีย ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และมีผู้คนหลายร้อยราย แสดงความเห็นในหมวด สนับสนุนการปิดเว็บไซต์วิกิพีเดีย เพราะเห็นว่า กฎหมายดังกล่าว ของสหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามต่ออินเทอร์เน็ต และจะต้องถูกยกเลิก ก่อนหน้านี้ วิกีพีเดีย ได้ดำเนินมาตรการเช่นนี้กับบางประเทศที่มีกฎหมายกระทบต่อการให้ข้อมูลของวิกิพีเดีย เช่น อิตาลี ที่มีกฎหมายกำหนดให้การเผยแพร่ข้อมูลการดักฟังโทรศัพท์ของตำรวจ มีความผิดเป็นคดีอาญา ทำให้ ชุมชนวิกิพีเดีย ภาคภาษาอิตาลี ได้ตัดสินใจที่จะระงับการ

ให้บริการวิกิพีเดียในระยะสั้น เพื่อประท้วง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลอิตาลี ถอนมาตรการดังกล่าวทันที

Link : http://www.innnews.co.th/คลังวิกิพีเดียขู่ปิดเว็บไซต์ประท้วงสหรัฐ--326959_04.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...