ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณครับคุณเด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายอาลี ลารีจานี โฆษกประจำรัฐสภาอิหร่าน เปิดเผยว่า ฝ่ายนิติบัญญัติอิหร่าน ยังคงจับตาประเด็นสำคัญอย่างมาก  ซึ่งก็รวมถึงการห้ามอิหร่านส่งออกน้ำมันไปยังบางประเทศในยุโรปด้วย โดยฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติและคณะกรรมาธิการนโยบายต่างประเทศ ได้หารือประเด็นดังกล่าว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตอบโต้มาตรคว่ำบาตรของประเทศในยุโรปก่อนหน้านี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติอิหร่าน ได้เรียกร้องให้ สภานิติบัญญัติ เพิ่มมาตรการในการระงับการส่งออกน้ำมันไปยังบางประเทศในสหภาพยุโรป

 

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (วันทื่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ครับทุกๆท่าน ราคาทองพุ่งซะที ลงจนเสียวววว

 

ทองปิดพุ่ง 23.5 ดอลล์

 

08 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 06:41 น. |

 

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังประธานเฟดยืนยันตรึงดอกเบี้ยต่ำ

 

สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 23.5 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,748.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1748.4 - 1717.7 ดอลลาร์

 

สัญญาทองคำทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากเบอร์นันเก้ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า เฟดเล็งเห็นความจำเป็นในการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า รัฐบาลกรีซกำลังเตรียมข้อมูลประกอบการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการรับความช่วยเหลือครั้งใหม่มูลค่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนคาดหวังว่าการเจรจาในเงื่อนไขต่างๆที่จะนำไปสู่การทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่นั้น จะผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

 

ทั้งนี้ กรีซใกล้จะถึงกำหนดต้องชำระหนี้ 1.45 หมื่นล้านยูโร (1.85 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ 20 มี.ค.นี้

 

การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ด้วย ซึ่งเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาลดลงและน่าดึงดูใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/136512/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87-23-5-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เว็บไซต์ ทีบี เปโตรเลียม ดอทคอม รายงานข่าวจาการเผยแพร่ ของ Dow Jones Newswires ที่รายงาน คำกล่าวของ นาย ซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการประชุมพลังงานในกรุงเทพฯ โดย รองนายกฯ กัมพูชา มีแผนจะออกใบอนุญาตในปีนี้ เพื่อให้ บริษัท เชฟรอน เข้าเจาะและผลิตน้ำมันในบล็อกของประเทศ โดยการผลิตดังกล่าวคาดว่า จะเริ่มได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยอัตราการผลิตในระยะเริ่มแรก จะไม่มาก ในพื้นที่ดังกล่าว เป็นบริเวณบล็อกครอบคลุม 4,709 ตารางกิโลเมตร ในอ่าวไทย  

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (วันทื่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

ปล. ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดแต่ในเรื่องพัฒนาหารายได้เข้าประเทศ ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ดึงนักลงทุนต่างชาติในไทยย้ายฐานไปเปิดโรงงานฯ เช่น รองเท้ากีฬามีชื่อ ที่เคยผลิต ก็ย้ายฐานไปแล้วที่พม่า เพราะค่าแรงต่ำกว่า 300 บาท หรือ 15,000 บาท แถม คนงานพม่า ก็เป็นคนงานเก่าที่ย้ายกลับภูมิลำเนา ส่วนของประเทศสาระขันธ์ เห็นมีแต่ ขอประชาธิปไตย

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ตามสะดวก และกำไรที่ได้รับดีกว่าครับ ถ้าคิดว่า พอก็คือพอ ส่วนวันศุกร์ สำหรับ ชาวดอยให้ได้ลุ้น ลงสักที ถือมาครบ 6 เดือนแล้ว

 

 

รอด้วยคน ด้วยความตั้งใจอิอิ รอบที่แล้วลงได้ แต่ไม่พอใจ เพราะรู้ว่าพี่ใหญ่เป็นเพื่อนอุ่นใจ ลุ้นใหม่ หุหุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูโรพุ่งแตะระดับสูงสุดรอบ 8 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนมองแง่ดีว่ากรีซจะทำข้อตกลงรับความช่วยเหลือรอบสองได้

 

 

 

โนเกีย 2 ซิมพลัส ใหม่สลับง่ายหลายซิม ไม่ต้องปิดเครื่อง Nokia Asha200 ราคาสุดคุ้ม ที่นี่!Nokia.co.th/asha200

 

เงินสกุลยูโร ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า กรีซจะสามารถทำข้อตกลงเรื่องการรับความช่วยเหลือรอบสอง ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้

 

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1% แตะที่ 1.3262 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3131 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.50% แตะที่ 1.5901 ดอลลาร์สหรับ จากระดับ 1.5822 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 76.780 เยน จากระดับ 76.560 เยน แต่ดิ่งลง 0.79% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9112 ฟรังค์ จากระดับ 0.9185 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.71% แตะที่ 1.0803 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0727 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.19% แตะที่ 0.8354 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8338 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ขณะที่ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลบ 1.94 จุด ปิดที่ 5890.26 จุด เนื่องจากนักลงทุนจับตาดูการประชุมระหว่างผู้นำทางการเมืองของกรีซในเรื่องข้อตกลงการปรับลดการใช้จ่าย ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่จำเป็นต่อการรับความช่วยเหลือด้านการเงิน

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากจีนระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนอาจจะชะลอตัวลง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์  (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอศุกร์พร้อมพี่ใหญ่ ทำใจให้เข้มแข็ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม้จะเป็นที่รู้กันในหมู่นักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ หรือนักลงทุนว่า ท้ายที่สุดแล้วการเจรจาหาข้อตกลงเรื่องปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซจะต้องสิ้นสุดพร้อมมาตรการใดมาตรการหนึ่งแน่นอน

 

แต่การเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ลูคัส ปาปาเดมอส กับบรรดาเจ้าหนี้ พรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ที่ไม่มีทีท่าสิ้นสุดจนใกล้เส้นตายวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลกรีซกำหนดไว้ว่าจะต้องคุยเรื่องสวอปหนี้ให้จบเพื่อจะได้มีระยะเวลาขอเงินช่วยเหลือรอบ 2 มูลค่า 1.3 แสนล้านยูโร ให้ทันกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 20 มี.ค. ได้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายอดที่จะหวาดวิตกไม่ได้

 

เพราะแทนที่การพูดคุยรอบแล้วรอบเล่าจะช่วยทำให้หนทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะเป็นรูปธรรมชัดเจน จนช่วยคลายความวิตกกังวลของทุกฝ่าย กลับกลายเป็นการตอกย้ำให้ความไม่เชื่อมั่นและความหวาดกลัวของนักลงทุนที่มีต่อกรีซหนักแน่นมากยิ่งขึ้น

 

หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ทั่วโลกเริ่มไม่เชื่อว่ากรีซจะมีน้ำยาแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของตนเองให้สำเร็จลุล่วงตามที่คาดหวังกันได้

 

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้โลกเริ่มสิ้นความอดทนและหมดความเชื่อถือในกรีซที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือความไม่ลงรอยกันระหว่างรัฐบาลกรีซกับบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายในประเทศ

 

เพราะข้อแลกเปลี่ยนที่ไอเอ็มเอฟและอียูระบุให้กรีซต้องเดินหน้าใช้มาตรการรัดเข็มขัด ทั้งการปลดพนักงาน ตัดสวัสดิการ ตัดบำนาญ ตัดลดเงินเดือน และแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ล้วนส่งผลร้ายแรงต่อคะแนนนิยมและสถานะทางการเมืองของบรรดานักการเมืองกรีซที่ดำเนินนโยบายประชานิยมมาโดยตลอดอย่างมาก

 

 

ต้องไม่ลืมว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานักการเมืองกรีซทั้งหลายยึดถือแนวทางเจ้าบุญทุ่มแจกแหลกซื้อใจประชาชนในประเทศมาโดยตลอด โดยหนึ่งในหลักฐานประชานิยมที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ

 

ทั้งนี้ จากสถิติของอียูนับตั้งแต่กรีซเข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรในปี 2544 ต้นทุนแรงงานกรีซซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งดัชนีที่ใช้วัดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับประเทศเยอรมนี

 

เรียกได้ว่าค่าจ้างของแรงงานกรีซสูงกว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งอย่างเยอรมนีอย่างมาก

 

ขณะเดียวกัน เพื่อรักษาคะแนนความนิยมเพื่อให้เป็นรัฐบาลหลายสมัย บรรดารัฐบาลกรีซไม่ว่าจะพรรคใด ล้วนเดินหน้าละลายงบประมาณประเทศอย่างเมามัน

 

บลูมเบิร์กได้รวบรวมข้อมูลงบประมาณของกรีซจนค้นพบความจริงที่น่าตระหนกว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศขาดทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยตลอด

 

แปลให้เข้าใจได้โดยง่ายก็คือ รัฐบาลกรีซใช้จ่ายมากกว่าหาเก็บเข้ากระเป๋า

 

และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของรัฐหมดไปกับการซื้อใจประชาชนเพื่อรักษาความนิยมของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าการกระทำดังกล่าวท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่หดตัว ไม่ต่างอะไรกับการเดินหน้าขึ้นลานประหาร

 

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือหนี้บานท่วมหัว จนต้องขอร้องแกมบังคับกับเจ้าหนี้ และขอความช่วยเหลือจากภายนอกในที่สุด

 

กระนั้นแม้รัฐบาลกรีซจะโล่งใจได้เปลาะหนึ่งเมื่อสามารถทำให้ปริมาณหนี้มหาศาลลดมูลค่าลง และมีเวลาใช้หนี้คืนยาวนานขึ้น แต่ จีย์เวน โลเลย์ หัวหน้าศูนย์วิจัย โกลบอล รีเสิร์ช จากธนาคารลอยด์ส ระบุว่า รัฐบาลกรีซก็ยังไม่วายต้องเผชิญปัญหาติดขัดกับข้อเท็จจริงที่ว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะถึงเวลาเลือกตั้งเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้ง

 

หากรัฐบาลหรือฝ่ายค้านยอมเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดอย่างเต็มที่ตามแนวทางที่ไอเอ็มเอฟหรืออียูเสนอ แต่เป็นแนวทางที่ประชาชนซึ่งเคยชินกับการทุ่มให้ของรัฐบาลคัดค้านสุดกำลัง ก็ไม่ต่างอะไรกับการตัดหนทางหาเสียงหวนคืนตำแหน่งในสภาของตนเอง

 

ลอว์เรนซ์ ไนต์ ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจของบีบีซี แสดงความเห็นว่า สถานการณ์ทางการเมืองของกรีซส่งผลให้ไม่มีประเทศไหนหรือเจ้าหนี้คนใดอยากให้เงินช่วยเหลืออีกต่อไป และไม่ต่างอะไรกับการตัดหนทางช่วยตัวเองให้รอดของกรีซในที่สุด

 

ทั้งนี้ คงไม่ผิดนักหากบรรดานักวิเคราะห์หลายสำนักจะสรุปโดยไม่คิดมากว่า การหาทางแก้ปัญหาหนี้กรีซเป็นการเจรจาที่ยิ่งคุย ยิ่งวิกฤต

 

และคงไม่ผิดอีกเช่นกันหากหลายฝ่ายจะเชื่อว่าทางออกของปัญหาหนี้กรีซจะยังอยู่อีกไกล ตราบใดที่ทั้งรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และประชาชนกรีซยังไม่เข้าใจถึงพิษร้ายของประชานิยม

 

ที่มา : ข่าวราคายาง (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.83/85 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.92/94 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าตามเงินยูโร

 

"(เงินบาท)เปิดตลาดมาแข็งค่าตามเงินยูโร หลังมีแรงซื้อคืนจาก level low มากกว่า" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ตลาดยังคงจับตาการตัดสินใจของทางการกรีซว่าจะใช้แนวทางการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะตามเงื่อนไขที่กลุ่มสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ร้องขอ โดยเชื่อว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้แม้ทางการกรีซจะมีท่าทีรีรอที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศที่สำคัญ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 76.90/93 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 76.70/75 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3247/3251 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 1.3158/3161 ดอลลาร์/ยูโร

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โบรกฯมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีลุ้นขึ้นต่อ เงินทุนไหลเข้าหนุน มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,107 จุด อีกครั้ง เชื่อปัญหาหนี้กรีซมีทางออก

 

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (8 ก.พ.) ว่า ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบระดับ 1,107 จุด อีกครั้ง แม้การเจราจาระหว่างผู้นำทางการเมืองของกรีซจะยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากมีการเลื่อนประชุมออกไป แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วกรีซก็จะต้องยอมรับและทำตามเงื่อนไขของทางอียูและเจ้าหนี้ เพราะขณะนี้ใกล้ถึงเวลาที่กรีซจะต้องชำระหนี้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับกรีซอย่างมีนัยยะสำคัญ และเป็นเพียงจิตวิทยาการลงทุนเท่านั้น

 

ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) ที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศภาคเศรษฐกิจไทยก็กำลังฟื้นตัว ส่วนเรื่องผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 แม้แนวโน้มจะออกมาไม่ดี แต่ตลาดฯก็รับรู้กันไปแล้ว และขณะนี้ตลาดฯก็กำลังหาจังหวะที่จะเข้าซื้ออีกครั้งในช่วงจะมีการประกาศงบฯ

 

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้น่าจะอยู่ที่ 1,100 และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,107 จุด อีกครั้ง แต่ถ้าเรื่องกรีซเข้ามารบกวนนักลงทุนน้อยลง ดัชนีฯน่าจะทะลุขึ้นไปทดสอบระดับ 1,110 จุด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หมุนตามทุน ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 (08/02/2555)

ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT)...เชื่อว่า สถานการณ์ราคา น้ำมันในช่วง 9 เดือนข้างหน้ามีความสำคัญมาก ....สถานการณ์ระหว่างอิหร่านกับทางยุโรป...จะส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวนมาก....ก่อนหน้านี้ ทางยุโรปได้ประกาศแซงซั่นจะเลิกนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านเริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค. นี้เป็นต้นไป ขณะที่อิหร่านเอง ก็ประกาศจะเริ่มหยุดส่งน้ำมั นให้อียูก่อน 1 ก.ค. ....โดยในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด หากมีการโจมตีอิหร่านจริง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจพุ่งไปถึงระดับ 140- 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 110 เหรียญฯต่อบาร์เรล...ปตท.เป็นบริษัทที่มีรายได้หลักมากจากการข ยสินค้ากลุ่มพลังงาน...หากมีความผันผวนด้านราคา...ปตท.ย่อมได้รับอานิสงส์แน่ๆๆ....ปีที่ผ่านมา ปตท.มียอดขายประมาณ 2.3 ล้ นล้านบาท อยู่ในอันดับ 128 ของโลก.... แต่ปตท.ตั้งเป้าติด 1 ใน100 ของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก....ดร.ไพรินทร์บอก... คีย์ สำคัญคือการปรับตัวให้เร็วที่สุด เพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลง หากเราทำได้ แต่คู่แข่งทำไม่ได้ เราก็มีความได้เปรียบ...แต่เอ๊ะ...ไม่รู้จะรวมปร เด็นที่จะไม่ต้องเป็นรัฐวิสาหกิตด้วยหรือเปล่าเน๊อะด๊อกเตอร์....

 

ก่อนหน้านี้มีประเด็นเรื่องการเอาไลน์เซ่นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแส งอาทิตย์ไปเร่ขายกัน...รู้เข้าถึงหูบิ๊กบอสของกันกุลเอ็นจีเนียริ่ง...แกรีบบอกมีจริงก็ดีเลย...ใครได้ไลน์เซ่นไปแล้วทำไม่ได้มาทางนี้...เอาซื้อเอง....

 

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานประชุมเทคโนโลยีปิโตรเลียมนานาชา ติ "2011 International Petroleum Technology Conference" หรือ 2011 IPTC ซึ่ง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด ( มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย...มีกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาห กรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน เข้าร่วมงาน...

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันทื่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จับตากรีซทุบตลาดทุน (08/02/2555)

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังคงติดตามการแก้ปัญหาหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงวันที่ 20 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่กรีซต้องชำระหนี้จำนวนมหาศาลที่จะครบกำหนด หากกรีซไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนหนี้ก้อนนี้ได้ อาจทำให้ตลาดการเงินเกิดความกังวลจนนำไปสู่การไหลออกของเงินทุนอีกครั้ง

 

ส่วนสาเหตุที่ค่าเงินบาทในช่วงนี้แข็งค่าขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะก่อนหน้านี้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป โดยหลายคนมีความเชื่อว่าจะสามารถจบได้ด้วยดี จึงทำให้นักลงทุนกล้าเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) มากขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในไทย แต่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทโดยรวมถือว่ามีความสมดุล และมีลักษณะการเคลื่อนไหวทั้งแข็งและอ่อนค่าไปทั้งสองทิศทาง โดยช่วงไหนที่ค่าเงินแข็งค่าหรืออ่อนค่าลงไปมากจะมีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามา แต่ถือว่าค่าความผันผวนของเงินบาทยังมีไม่มาก เห็นได้จากเงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้มีเพียง 7-8% ของมูลค่าการตลาด เทียบกับมาเลเซียมี 20% และอินโดนีเซียมี 30%

 

ที่มา : ข่าวสดรายวัน (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขาดนวัตกรรม:เหตุวิกฤตหนี้ "ยูโรโซน" (08/02/2555)

วิกฤตหนี้ยูโรโซนเป็นประเด็นที่ยังต้องจับตามองใกล้ชิด เพราะยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายในเร็ววันเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดวัฒนธรรมนวัตกรรม

 

 

 

 

กรณีของ "กรีซ" ยังคงต้องลุ้นว่าจะหาทางออกเรื่องมาตรการรัดเข็มขัดและเจรจากับเจ้าหนี้สำเร็จหรือไม่ เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือรอบ 2 อีก 1.3 แสนล้านยูโร ก่อนที่พันธบัตรมูลค่า 1.45 หมื่นล้านยูโร จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ขณะที่ "โปรตุเกส" ก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องขอรับเงินช่วยเหลือรอบใหม่อีกเช่นกัน

 

แต่ทั้งกรีซและโปรตุเกสเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาที่แท้จริงในยูโรโซน เพราะเบื้องหลังการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ประเทศในยูโรโซนมีอัตราการขอยื่นจดสิทธิบัตรน้อยมาก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศ

 

จากข้อมูลของสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป พบว่า มีเพียงเยอรมนีเท่านั้น ที่มีจุดแข็งในเรื่องนวัตกรรม โดยมีอัตราการขอยื่นจดสิทธิบัตรในปี 2553 อยู่ที่ 335 รายการต่อประชาชน 1 ล้านคน

 

ขณะที่ กรีซและโปรตุเกส มีอัตราการยื่นขอเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเพียง 8 รายการต่อสัดส่วนประชากร 1 ล้านคน สาธารณรัฐเช็กอยู่ที่ 16 รายการ ไอร์แลนด์ 112 รายการ

 

ด้านเม็ดเงินวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี)นั้น กรีซยอมควักเงินราว 0.6% ของจีดีพี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับเมื่อปี 2542 ส่วนโปรตุเกสจ่ายเงินส่วนนี้ 1.66% ของจีดีพีในปี 2552 เพิ่มจาก 0.69% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทว่านี่เป็นสัดส่วนที่ยังตามหลังค่าเฉลี่ยที่ประเทศในกลุ่มเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ที่อยู่ที่ 2.33%

 

การทุ่มเทเรื่องนวัตกรรมมีความสำคัญ เพราะเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในระดับบริษัทและประเทศ

 

การยื่นขอจดสิทธิบัตรและเม็ดเงินใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพด้านนวัตกรรม หากแต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย

 

ดังที่ "ปีเตอร์ โดรเอลล์" หัวหน้าฝ่ายพัฒนานโยบายและนวัตกรรมอุตสาหกรรมของคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า มีความเกี่ยวโยงกันอย่างมากระหว่างเม็ดเงินอาร์แอนด์ดีในสภาพยุโรป (อียู) ช่วงปี 2547-2552 และการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2554 โดยชาติสมาชิก ที่ลงทุนด้านวิจัยและนวัตกรรม จะมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากกว่า รวมถึงพ้นจากวิกฤตได้เร็วกว่าด้วย

 

ตัวเลขดังกล่าว สะท้อนความท้าทายในระยะยาว ที่ทั้งกรีซและโปรตุเกส กำลังเผชิญ ช่องว่างเรื่องขีดแข่งขันเมื่อเทียบกับเยอรมนีและสมาชิกอียูที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งนี่เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ก่อให้เกิดคำถามถึงศักยภาพของประเทศชายขอบยูโรโซน ว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้รวดเร็วมากพอที่จะจัดการกับภาระหนี้มหาศาลได้หรือไม่

 

น่าสังเกตว่า เอเธนส์ และแดนฝอยทองไม่ใช่ 2 ประเทศที่ล้าหลังเรื่องนวัตกรรม ทว่า อิตาลีและสเปน ก็ใช้จ่ายเงินวิจัยและพัฒนาน้อยกว่าโปรตุเกสเสียอีก อีกทั้งยังตามหลังไอร์แลนด์ ในแง่การขอยื่นจดสิทธิบัตร โดยอิตาลี มีอัตราที่ 67 รายการต่อประชากร 1 ล้านคน ขณะที่สเปนอยู่ที่ 31 รายการ

 

ขณะที่เทคโนโลยี มีความสำคัญต่อขีดแข่งขันและนวัตกรรม อย่างกรณีของไอร์แลนด์ ที่แม้จะทุ่มเม็ดเงินวิจัยและพัฒนาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอียู แต่กลับอยู่ในสถานะที่ดี เพราะมีจุดแข็งเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีการแพทย์ และมีความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทกับสถาบันการศึกษา

 

ผิดกับโปรตุเกส ที่นวัตกรรมไม่งอกเงย เพราะแรงงานมีทักษะต่ำ ขณะที่ระบบการศึกษาไม่เอื้อต่อการพัฒนาสินค้าและบริการมูลค่าสูง ทำให้แดนฝอยทอง ไม่สามารถปรับตัวสู้กับคู่แข่งอย่างจีน แอฟริกาเหนือ ยุโรปตะวันออก ที่เข้ามาแย่งตลาดสิ่งทอ

 

ส่วนกรีซ ก็มีโครงการวิจัยและนวัตกรรมน้อยมาก ขณะที่ระบบการศึกษา ก็ไม่สามารถผลิตบุคลากรที่มีทักษะเหมาะสม ซึ่งการจะแก้ปัญหา คือ ต้องสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมให้เกิดขึ้น

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์  (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอเอฟพี – อัตราเติบโตจีนมีสิทธิหดตัวลงครึ่งหนึ่งในปีนี้ หากวิกฤตหนี้ยุโรปลุกลามไม่หยุด ไอเอ็มเอฟแนะปักกิ่งเตรียมพร้อมมาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่เพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าว

        ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (6) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตอกย้ำความเสี่ยงของจีนจากอุปสงค์ที่กำลังหดตัวลงทั่วโลก โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่น่าเป็นห่วง และความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟกำลังระบุถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะตึงตัวรุนแรงในภาคการเงินของยุโรป อันจะส่งผลกระทบต่อทั่วโลกนั่นเอง

        ไอเอ็มเอฟระบุต่อไปว่า หากวิกฤตยูโรโซนดึงยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยลึกขึ้น จะลากอัตราเติบโตของแดนมังกรให้ลดลงตามไปด้วย สาเหตุใหญ่มาจากผลกระทบจากการค้า

        ในสถานการณ์ขาลงดังกล่าว อัตราเติบโตของจีนอาจอยู่ที่ราว 4% ในปีนี้ จาก 8.2% ที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว

        “ดังนั้น ความเสี่ยงจากยุโรปต่อจีนจึงทั้งใหญ่หลวงและชัดเจน”

        ในกรณีดังกล่าว ไอเอ็มเอฟแนะนำให้จีนรับมือด้วยมาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่

        รายงานยังระบุว่า จีนมีความเสี่ยงเพียงจำกัดที่จะเกิดปัญหาจากการล้นทะลักทางการเงิน เนื่องจากทรัพย์สินสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงหนี้สาธารณะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.0% ของทรัพย์สินทั้งหมดของธนาคารจีน

        กระนั้น เศรษฐกิจที่พึ่งพิงการส่งออกก็มีความเสี่ยงสูง สืบเนื่องจากความเชื่อมโยงด้านการค้า โดยสินค้าออกเกือบครึ่งของจีนมีจุดหมายปลายทางที่ยุโรปและสหรัฐฯ

        อุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงจะฉุดให้การลงทุนและการจ้างงานของจีนลดลงกว่าเดิม และอาจกระตุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์แดนมังกรชะลอตัวลง

        ไอเอ็มเอฟเตือนให้นึกถึงความเสี่ยงของจีนที่ฉายชัดจากวิกฤตการเงินโลกปี 2008-2009 เมื่อการเติบโตของโลกดิ่งลงรุนแรง และปักกิ่งรับมือด้วยมาตรการกระตุ้นทางการคลังและสินเชื่อขนาดใหญ่ ทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมีจำกัด แม้อัตราเติบโตลดลง 5% ก็ตาม

        ที่สำคัญคือ ขณะนี้ จีนยังมีช่องทางเหลือเฟือในการรับมือผลกระทบจากภายนอก โดยไอเอ็มเอฟแนะนำว่า หากยูโรโซนวิกฤตหนัก ปักกิ่งควรคลอดมาตรการกระตุ้นที่มีมูลค่าราว 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศกินระยะเวลาตลอดปีนี้และปีหน้า ซึ่งจะช่วยยับยั้งไม่ให้อัตราเติบโตลดลงมากกว่า 1% และป้องกันผลกระทบต่อการจ้างงานและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

        มาตรการกระตุ้นควรครอบคลุมการลดภาษีการบริโภค การส่งเสริมแผนเคหะชุมชน และเพิ่มการลงทุนในด้านโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคม ฯลฯ และไม่ควรอัดฉีดผ่านระบบการธนาคาร รัฐวิสาหกิจ และช่องทางระดมทุนของรัฐบาลท้องถิ่นเหมือนในปี 2008

        ไอเอ็มเอฟทิ้งท้ายว่า แนวโน้มอ่อนแอภายนอกตอกย้ำความสำคัญในการเร่งปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจของจีน เพื่อลดความเสี่ยงจากดีมานด์ทั่วโลกที่คาดเดาไม่ได้

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%87%E0%B8%A1.jpg

 

เสริฟ " โจ๊กไข่เค็ม 1 ชาม "

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...