ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.3% แตะที่ 99.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนจะซื้อขายที่ระดับ 99.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12:50 น.ตามเวลาลอนดอน หลังจากที่การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่าสต็อกน้ำมันลดลง ส่งสัญญาณว่าความต้องการน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น

 

เมื่อวานนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา

 

ขณะเดียวกันสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน นับว่าบวกต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

 

API รายงานวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ., สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 386,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.4  ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.0% สู่ 83.9%

 

นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาดูข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูล สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 700,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น  700,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 9 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์กรีซ หลังจากมีสัญญาณว่ากรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงที่จะนำไปสู่การรับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่

 

สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 17.1 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,731.3 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1750.5 - 1731.3 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 49 เซนต์ ปิดที่ 33.704 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.35 เซนต์ ปิดที่ 3.9095 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 13.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,668.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 6.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 715.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลง 1% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากทองคำทะยานขึ้นถึง 23.5 ดอลลาร์ หรือ 1.4% เมื่อวันอังคาร ภายหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำต่อวุฒิสภาสหรัฐ ถึงความจำเป็นในการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับไปอย่างน้อยจนถึงปลายปี 2557 เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าในขณะนี้

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม หลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ผู้ว่าการเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) อาจจำเป็นต้องเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีสินเชื่อบ้านเป็นหลักทรัพย์ประกัน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวันของการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลของกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงในเรื่องการปรับลดการใช้จ่าย ซึ่งจะปูทางให้กรีซสามารถรับความช่วยเหลือครั้งใหม่จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากข่าวที่วา รัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะจัดประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่สำหรับกรีซ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 9 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ ครับทุกๆท่าน มีข่าวมาฝากครับผม

 

วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 00:10 น. ข่าวสดออนไลน์

 

 

ชี้ช่องทำเงินปี 55-กูรูใหญ่ วิเคราะห์ทางเลือกลงทุนเพื่อความมั่งคั่งปีมังกรทอง!

 

ในงานเสวนา "ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยในปี 2555" วันที่ 8 ก.พ. ที่่่ผ่านมา นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้า ทองคำแห่งประเทศไทย, นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนพาณิชย์องค์กร บมจ.ไทยออยล์, ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ และคุณชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บมจ.หลักทัรพย์บัวหลวง เข้าร่วมเสวนาวิเคราะห์แนวทางการลงทุนปี 2555

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี พูดถึงสถานการณ์ทองคำของประเทศไทยว่า ราคาทองคำในช่วงนี้ผันผวนมากจากช่วงแรกที่ทองคำมีราคาบาทละ 17,000 บาท พอขึ้นไตรมาส 3 ราคาทองพุ่งไปถึง 27,000 บาท และการนำเข้าทองคำยิ่งเพิ่มมากขึ้นจากที่ปี 2553 นำเข้า 264 ตัน แต่ในปี 2554 นำเข้าถึง 320 ตัน และการที่คนไทยซื้อทองมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าคนมีเงินมากขึ้นแต่เป็นเพราะต้องการซื้อทองคำไปกักตุนไว้แทนเงินสด ช่วงที่ประเทศไทยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทุกคนคิดว่าหลังจากเหตุการณ์แล้ว ทองจะขายไม่ดีแต่กลับกลายเป็นว่าทองรูปพรรณกลับขายดีมากกว่าเดิม เพราะหลังน้ำท่วมอยู่ในช่วงที่ติดกับปีใหม่และตรุษจีนพอดี ส่วนทองคำแท่งนั้นขายได้เรื่อยๆ ยิ่งราคาทองตกลงเมื่อไรคนจะยิ่งซื้อมากักตุน

 

แต่การซื้อทองคำแท่งคนมักจะซื้อมาหมุนมากกว่าการซื้อมาเก็บอย่างทองรูปพรรณ คาดว่าปีนี้คนจะซื้อทองมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ในด้านของประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเกิดนั้นผลกระทบต่อทองคำในประเทศยังมีไม่มาก แต่ปัจจุบันนี้ฝีมือของประเทศเพื่อนบ้านได้พัฒนามาแซงประเทศไทยไปแล้วเพราะคนไทยไม่ค่อยกล้าลงทุน สำหรับเรื่องการซื้อทองมาเพื่อรอเก็งกำไรนั้น หลักการคือซื้อทองมาไว้มีกำไร 500 - 600 บาทก็สามารถนำออกมาแบ่งขายได้เลย และหากจะซื้อทองเพื่อการเก็งกำไรควรซื้อทองคำแท่ง 99.99% จะเป็นการลงทุนที่ดี

 

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยว่า ในปี 2554 มีเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมากทั้งสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ทั้งเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย และเศรษฐกิจไทยเองก็อยู่ในลักษณะครึ้มฟ้าครึ้มฝนมา 2 ปีแล้ว และช่วงนี้มรสุมทางเศรษฐกิจก็เริ่มใหญ่ขึ้น แนวโน้มของการลงทุนในปีนี้ เป็นปีที่มีความผันผวนมาก บางคนอาจจะบอกว่ารอให้ยุโรปพังก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไปลงทุน จนมาบัดนี้ก็ยังรออยู่ไม่ได้ไปไหนต่อสักที

 

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านไปแล้วนั้น ที่มีการบอกกันว่า นักลงทุนต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศนั้น ก็คงจะไม่ย้ายไปจากประเทศไทยเพราะหลายๆ โรงงานได้ตั้งในประเทศไทยมาเป็นเวลานานจนเข้าใจถึงกฎหมายและวัฒนธรรมของคนเป็นอย่างดีแล้ว และบางประเทศที่จะย้ายไปอาจจะมีเหตุการณ์การเมืองที่ไม่สงบ หรือมีภัยธรรมชาติบ่อยกว่าประเทศไทย ถ้าจะย้ายฐานจริงบางโรงงานอาจจะย้ายไปชลบุรี หรือจังหวัดที่มีพื้นที่ไม่โดนน้ำท่วมมากกว่า บางทีการที่นักลงทุนในบ้านเราตกใจกับสถานการณ์ในยุโรปมากไป ทั้งๆที่นักลงทุนในยุโรปเองยังไม่ตกใจเท่า ตลาดหุ้นในยุโรปขณะนี้เองยังเป็นบวกอยู่ ในปัจจุบันนี้ต่างชาติกำลังเข้ามาลงทุนในประเทศไทย คนไทยเองก็ขยายออกไปลงทุนต่างประเทศแทน

นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ พูดถึงสถานการณ์น้ำมันไว้ว่า ราคาน้ำมันปรับขึ้นค่อนข้างเยอะเนื่องจากปัจจัยเรื่อง Arab Spring ที่เริ่มจากความกังวลว่า ประเทศอียิปต์ที่มีการประท้วงกันจะปิดช่องแคบหรือไม่ เป็นการเพิ่มอุปาทานในใจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ่นจากความกังวล หลังจากนั้นลิเบียมีปัญหาภายในประเทศตามมาก็ทำให้น้ำมันประมาณ 1-2% ของโลกหายไป พอเข้าเดือนมีนาคม ญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์สึนามิทำให้โรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศญี่ปุ่นหลายโรงต้องหยุดผลิต ญี่ปุ่นจึงต้องเพิ่มการนำเข้าน้ำมันทำให้สถานการณ์น้ำมันขาดแคลน และการที่อิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกมีปัญหาด้านนิวเคลียร์ด้วยนั้น ทำให้ทาง EU ยื่นคำขาดไปทางอิหร่านว่าต้องหยุดโครงการนิวเคลียร์ ไม่เช่นนั้น EU จะหยุดการซื้อน้ำมันจากอิหร่านภายในเดือนกรกฎาคม อิหร่านจึงตอบโต้ด้วยการบอกว่าจะหยุดส่งน้ำมันทันที ทำให้สถานการณ์น้ำมันขณะนี้เกิดการขึ้นราคากันอย่างรุนแรง

ต่อจากนี้สถานการณ์อาจลุกลามไปถึงขั้นรบกัน ซึ่งถ้ารบกันจริง ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยิ่งขึ้นไปเกิน 120 U$ แน่นอน สำหรับการลงทุนในน้ำมันนั้น ตอนนี้มี oil future มาแล้ว และยังมีกองทุนพลังงานที่น่าลงทุนอีกหนึ่งอย่าง ต่อจากนี้ไปในปี พ.ศ. 2558 การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นจะทำให้สถานการณ์น้ำมันไทยดีขึ้น เพราะขณะนี้การใช้น้ำมันในแต่ละประเทศนั้นมีลักษณะน้ำมันต่างกัน แต่ประเทศไทยจะใช้ แก๊สโซฮอล์มากกว่าใคร หากมีการเปิดประชาคมอาเซียนและประเทศอื่นๆ หันมาใช้แก๊สโซฮอล์กันมากขึ้น เพราะไทยมีโรงกลั่นที่สามารถกลั่นเอทานอลได้เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว สำหรับราคาน้ำมันในปีนี้ค่าเฉลี่ยจะสูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย และราคาหน้าปั๊มน้ำมันจะแพงขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันนี้ภาษีน้ำมันไม่มีเลย ทำให้กองทุนน้ำมันติดลบถึง 15,000 ล้านบาท

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กล่าวว่า หุ้นในปีนี้ศักยภาพค่อนข้างสดใส โตค่อนข้างมากประมาณ 30% อัตราเงินผันผวนค่อนข้างดี สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา น้ำยิ่งท่วมตลาดหุ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่นักลงทุนสนใจ ยิ่งในปี พ.ศ.2558 อาเซียนจะรวมกันเป็นตลาดเดียวและเป็นตลาดที่มีปัญหาน้อยที่สุดเพราะการลงทุนในตลาดนี้มีน้อย หนี้เสียก็น้อย นักลงทุนต่างประเทศต้องการมาลงทุนที่นี่กันมากขึ้น และบริษัทในไทยจำนวนมากก็ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น เพราะตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัว และการที่ในอนาคตจะมีประชาคมอาเซียนจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามากินส่วนแบ่งเพิ่ม

 

ผู้ประกอบการของไทยควรจะปรับตัวให้ได้ และขณะนี้ ยุครุ่งเรืองของเอเชีย กำลังจะเป็นจริงเพราะเศรษฐกิจที่่อื่นๆ กำลังย่ำแย่กันขึ้นเรื่อยๆ แต่เอเชียเองเศรษฐกิจกำลังเติบโตดีวันดีคืน สำหรับปัญหาเงินเฟ้อในปีนี้ไม่มีปัญหาเพราะแบงก์ชาติได้ออกมาบอกว่าเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 3.2 - 2.9% ซึ่งลดลงกว่าปีที่แล้ว แต่ปัญหาเรื่องค่าแรง 300 บาทนั้นจะทำให้ก่อนวันที่ 1 เมษายน โรงงานจำนวนมากจะพากันปิดตัวลงเพราะรับค่าแรงขนาดนี้ไม่ไหว ต้องรีบปิดตัวก่อนเพราะมิเช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเป็นคนละ 300 บาท

 

ที่มา : มติชนออนไลน์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่มา สุทธิชัยหยุ่น

 

หุ้นเอเชียเปิดร่วง0.3-0.4%ตามสหรัฐ-ยุโรปซึม

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555AAAขนาดตัวอักษร| |

 

รูปอื่นๆ :

ดัชนีหุ้นตลาดเอเชีย-แปซฟิกเช้านี้ (9 ก.พ.) พลิกตัวร่วงลงทั้งนิคเคอิลบ 0.3% คอสปี้ลบ 0.29% ออสซี่ลบ 0.44% หลังแผนถกหนี้กรีซเข้มบีบลดค่าจ้างขั้นต่ำ 20% ตามทิศทางหุ้นสหรัฐปิดตลาดบวกเล็กน้อยโดยตอบรับข่าวผู้นำกรีซเริ่มหารือกลุ่มแกนนำการเมืองเพื่อผ่าทางตันวิกฤติหนี้ที่จะนำไปสู่การได้รับความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 จำนวน 1.3 แสนล้านยูโร ขณะที่หุ้นยุโรปปิดลบหลังการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กรีซเดินหน้าต่อท่ามกลางแผนปฏิรูปที่กดดันให้มีการรัดเข็มขัดปรับลดงบ 25% ล่าสุดมีแถลงการณ์สั้นๆจากนายกฯกรีซว่าได้บรรลุข้อตกลงมาตรการรัดเข็มขัดกับพรรคร่วมได้แล้ว โดยยังไม่มีการเปิดยรายลพเอียดใดๆ

ขณะที่ข้อเสนอให้ตัดลดค่าจ้างขั้นต่ำลง 20% รวมทั้งลดอัตราการจ้างพนักงานในภาคราชการอีก 15,000 ตำแหน่ง ยังคงกดดันให้สหภาพแรงงานกลุ่มใหญ่สุดในกรีซราว 5,000 คนเปิดฉากผละงานรอบใหม่เป็นเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะเริ่มประชุมวันนี้ เตรียมถกมาตรการสวอปพันธบัตรหนี้กรีซ

 

ขณะที่ราคาทองคำตลาดล่วงหน้าสหรัฐปิดตลาดร่วงลง 1% หรือลดลง 17.10 ดอลลาร์ มาปิดที่ 1,731.30 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรบวกกับได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ปิดปรับตัวขึ้น 18 เซนต์ปิดที่ 98.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังทางการเผยปริมาณน้ำมันดิบสำรองลดลง ส่งสัญญาณความต้องการน้ำมันในสหรัฐเพิ่ม

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ (8 ก.พ.) ปรับตัวขึ้น 5.75 จุด หรือไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 12,883.95 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 0.2% ปิดตลาดที่ 1,349.96 หลังจากร่วงลงไปมากถึง 0.4% และดัชนีแนสแด็ก บวก 0.4% ปิดตลาดที่ 2,915.86 ถือว่าปิดตลาดที่ระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2553

 

ฟากฝั่งยุโรปปรับลดลงทั้ง 3 ตลาดหุ้นหลัก โดย FT100 ปิดลบ 0.24% CAC40 ฝรั่งเศส ลบ 0.05% และ DAX เยอรมัน ปิดลบ 0.06%

 

นายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอส ของกรีซ เตรียมหารือกับบรรดาผู้นำพรรคการเมืองเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหม่ตามที่กลุ่มผู้ปล่อยกู้ระหว่างประเทศเรียกร้อง หลังจากที่เลยกำหนดเส้นตายมาหลายครั้ง โดยไม่มีข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้

 

ความวิตกในตลาดว่า การผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เป็นระบบของกรีซ จะฉุดรั้งภูมิภาคยูโรโซนให้ถลำสู่ภาวะถดถอย และจะกระทบการฟื้นตัวของสหรัฐ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ ยังคงหวังว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงในนาทีสุดท้าย เพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งเลวร้ายนี้ได้

 

ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นสต็อกสหรัฐหดตัว

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวขึ้น 18 เซนต์ ปิดที่ราคา 98.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ ตลาดลอนดอน ขยับขึ้น 29 เซนต์ ปิดที่ราคา 116.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (เอพีไอ) รายงานว่า สต็อกน้ำมันลดลง ส่งสัญญาณว่าความต้องการน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ เอพีไอ รายงานวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ., สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.86 แสนบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 83.9%

 

นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาดูข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (อีไอเอ) ของสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูล สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 7 แสนบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 7 แสนบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%

 

ดอลล์อ่อนกดดันทองร่วง1%

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีสัญญาณว่ากรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงที่จะนำไปสู่การรับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 17.10 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,731.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1750.50-1731.30 ดอลลาร์

 

ยูโรแข็งค่าสุดรอบ2เดือนเทียบดอลลาร์

 

ด้านสกุลเงินยูโรขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแต่ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ระหว่างวัน หลังมีสัญญาณบวกจากกรีซ

 

สกุลเงินยูโร ขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันพุธ (8 ก.พ.) แต่ยูโรทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในระหว่างวัน หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลของกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงในเรื่องการปรับลดการใช้จ่าย ซึ่งจะปูทางให้กรีซสามารถรับความช่วยเหลือครั้งใหม่จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

 

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรขยับลง 0.02% แตะที่ 1.3261 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3264 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.53% แตะที่ 1.5819 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5903 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 76.97 เยน จากระดับ 76.78 เยน และขยับขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9121 ฟรังค์ จากระดับ 0.9114 ฟรังค์

 

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.12% แตะที่ 1.0791 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0804 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.06% แตะที่ 0.8350 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8355 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

สหภาพแรงงานกรีซผละงานประท้วงแผนรัดเข็มขัด

 

สหภาพแรงงานกลุ่มใหญ่สุดในกรีซ เปิดฉากการผละงานรอบใหม่เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อประท้วงมาตรการประหยัดอดออมของภาครัฐที่ถูกนำมาใช้ภายใต้ข้อตกลงรับเงินช่วยเหลือแก้วิกฤตหนี้จากสหภาพยุโรป (อียู)และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

 

การผละงานครั้งใหม่นี้ มีขึ้นเมื่อชาวกรีกกว่า 5,000 คน ฝ่าพายุฝน และลมแรงออกมาร่วมชุมนุมในกรุงเอเธนส์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกแผนรัดเข็มขัดที่กำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง

 

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอส ของกรีซ ยังคงเดินหน้าเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปของแผนตัดลดงบประมาณตามความต้องการของเหล่าเจ้าหนี้

 

นายโอลิเวียร์ บลองชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ ให้ความเห็นว่า กรีซจะต้องปรับลดค่าจ้างเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งกำลังการผลิตของกรีซจะเติบโตขึ้นมากและรวดเร็วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการรักษาระดับการเติบโตของค่าจ้างให้อยู่ระดับปานกลางหรือลดลง.

 

ส่วนนางนีลี โครเอส สมาชิกคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเนเธอร์แลนด์ว่า หากกรีซ จำต้องออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซนก็จะไม่ได้ส่งผลร้ายแรงถึงขั้นต้องยุบกลุ่มสกุลเงินดังกล่าวนี้แต่อย่างใด

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลได้หารือครั้งสำคัญเป็นครั้งแรกในประเด็นมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปการคลัง ก่อนที่การหารือรอบ 2 ระหว่างนายกรัฐมนตรี กับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกรีซ

 

สำหรับผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ได้มีมติเห็นชอบมาตรการลดงบประมาณลงอีก 1.5% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือคิดเป็นเงิน 3.3 พันล้านยูโร พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนที่เป็นเงินค่าจ้างและส่วนอื่นๆ และเพิ่มทุนให้กับธนาคารแต่ยังต้องมีการหารือในรายละเอียด

 

ทั้งนี้ กรีซ กำลังเผชิญแรงกดดันจากผู้นำในยุโรปเกี่ยวกับการจัดการปัญหาหนี้สินที่เรื้อรัง โดยนายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซ "แสดงความรับผิดชอบ" และเร่งสรุปการเจรจาเกี่ยวกับการรับความช่วยเหลือรอบที่ 2

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงเช้าน่าจะย่อลงมาก่อน แต่ตกบ่ายทะยานกลับไป 1750เท่าเดิม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงเช้าน่าจะย่อลงมาก่อน แต่ตกบ่ายทะยานกลับไป 1750เท่าเดิม

 

 

โอมเพี้ยง จงไป 1750 ในบ่ายนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

By Michael Kitchen

LOS ANGELES (MarketWatch) -- Hong Kong stocks fell sharply in early Thursday trade, as key Chinese consumer-price data surprised to the upside, making much-awaited policy easing less likely in the short term. The Hang Seng Index HK:HSI -1.03% fell 1.1% to 20,792.05, with the Hang Seng China Enterprises Index down 1.6%, and over on the mainland, the Shanghai Composite CN:000001 -0.43% slipped 0.5%. Financials were among the leading decliners

 

สืบเนื่องจาก ตัวเลข CPI ของจีนที่กล่าวไปก่อนหน้าเพิ่มขึ้น ทำให้ภาวะตลาดหุ้นที่ตลาดฮ่องกง และ เซี่ยงไฮ้ ลดลง นำการตกโดยหุ้นกลุมธนาคารฯ ถามว่า แล้วมันเกี่ยวยังไง ? ดัชนีค่าครองชีพสูงขึ้น ก็ย่อมกระทบกับการใช้จ่ายของคนจีน ที่จะลดลง เมื่อลดลงแล้ว เมื่อโรงงงานผลิตของมาขาย แล้วใครจะซื้อ ซื้อครับ แต่ปริมาณลดลง ดังนั้น ปริมาณการผลิตก็จะลดลงตาม ผลกำไรบริษัทฯในตลาดหุ้น ก็จะลดลง พอบริษัทฯ ลดการผลิต ธุรกรรมที่ธนาคารฯ ทั้งโอนเงิน นำเข้า ส่งออก แลกเปลี่ยนเงินตรา หรือแม้แต่กู้เงินมาขยายธุรกิจ ก็ลดลง หุ้นก็ต้องลดลง จนกว่า รัฐบาลกลางจีน จะมีนโยบายมาอัดฉีดเพิ่มเติม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

มะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ประธานาธิบดีอิหร่าน

       เอเจนซี - มาตรการแซงก์ชั่นพ่นพิษ แหล่งข่าวเผยอิหร่านถังแตก ไม่มีเงินจ่ายค่าข้าว-น้ำมันปาล์ม กระทั่งผู้ส่งออกสินค้าพื้นฐานทั้งสองชนิดต้องหยุดค้าขายด้วย

       

       มาตรการลงโทษคว่ำบาตร ทางเศรษฐกิจและการเงิน ที่นำมาใช้โดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้ผู้สั่งซื้อน้ำมันปาล์มของอิหร่านมีปัญหาทั้งในการหาแอลซี (Letter of Cradit หนังสือรับรองการชำระค่าสินค้าที่ออกโดยธนาคารของผู้นำเข้า) และในการจ่ายเงินด้วยวิธีผ่านคนกลางในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อจ่ายต่อให้แก่ผู้ส่งออกมาเลเซีย

       

       มาเลเซียนั้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอันดับ 2 ของโลก และเป็นซัปพลายเออร์สำคัญของอิหร่านเช่นเดียวกับอินโดนีเซีย ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอันดับ 1 ของโลก

       

       ปีที่ผ่านมา มาเลเซียส่งออกน้ำมันปาล์มให้อิหร่านโดยตรง 342,256 ตัน หรือเท่ากับปริมาณการจัดส่งให้จีนใน 1 เดือน คิดเป็นมูลค่า 376 ล้านดอลลาร์ ณ ราคาตลาดปัจจุบัน

       

       เทรดเดอร์แดนเสือเหลืองรายหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อตกลงจัดส่งน้ำมันปาล์มให้อิหร่านเผยว่า บริษัทส่วนใหญ่ระงับการขายน้ำมันปาล์มให้เตหะรานตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ได้รับการชำระเงิน และไม่มีใครอยากเสี่ยงส่งสินค้าทางเรือไปยังอิหร่านที่กำลังมีสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง

       

       กระทรวงสินค้าโภคภัณฑ์และสภาน้ำมันปาล์มมาเลเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานการตลาดน้ำมันปาล์มสำคัญของประเทศ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

       

       อิหร่านนั้นถือเป็นตลาดสำคัญที่สร้างรายได้ปีละกว่า 500 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาใต้ ด้วยเหตุนี้ สภาน้ำมันปาล์มมาเลเซียจึงขอให้บริษัทท้องถิ่นพิจารณาตั้งโรงกลั่น โรงงานบรรจุภัณฑ์ และการติดตั้งระบบต่างๆ ในท่าเรือบันดาร์ อับบาสของอิหร่าน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการนำเข้า

       ทว่า เทรดเดอร์อีกคนบอกว่า ไม่มีบริษัทเอกชนรายใดปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าว

       

       ก่อนหน้าการระงับการส่งออก บริษัทมาเลเซียขายน้ำมันปาล์มให้อิหร่านโดยตรง หรือส่งทางเรือไปยังดูไบ ซึ่งจะจัดเก็บน้ำมันปาล์มไว้ในคลังและเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ก่อนส่งต่อไปยังท่าเรือบันดาร์ อับบาส

       

       ทั้งนี้ อเมริกาเริ่มมาตรการลงโทษอิหร่านตั้งแต่ต้นปี โดยมีเป้าหมายที่สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกลางอิหร่าน เพื่อสกัดเส้นทางรายได้จากน้ำมัน ขณะที่อียูตกลงแบนการนำเข้าน้ำมันจากเตหะราน ซึ่งจะมีผลโดยสมบูรณ์ภายใน 6 เดือน

       

       เวลานี้ อิหร่านที่มีประชากร 74 ล้านคน จึงมีปัญหาในการส่งเงินสกุลแข็งจากการขายน้ำมันดิบกลับประเทศ โดยที่เงินจากน้ำมันถือเป็นแหล่งที่มาสำคัญของเงินตราต่างประเทศที่จำเป็นสำหรับการชำระสินค้าอาหารอย่างข้าว และน้ำมันปาล์มใช้ประกอบอาหาร ตลอดจนสินค้านำเข้าชนิดอื่นๆ

       

       ปัญหานี้ยังได้รับการตอกย้ำจากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (7) ที่ระบุว่า ผู้ซื้ออิหร่านผิดนัดชำระค่าข้าวราว 200,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 144 ล้านดอลลาร์ที่สั่งซื้อจากอินเดีย

       

       การผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวส่งผลให้วิเจย์ เซเตีย ประธานสมาคมผู้ส่งออกข้าวของอินเดียเรียกร้องสมาชิกหยุดขายข้าวแบบให้เครดิตแก่อิหร่าน รวมถึงขอให้ทางการนิวเดลีเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งแหล่งข่าวของรัฐบาลยอมรับว่า มีการขอความช่วยเหลือจริง

       

       เซอร์เตียสำทับว่า ซัปพลายเออร์ในไทย เวียดนาม และปากีสถาน ต่างหยุดขายข้าวแบบให้เครดิตแก่อิหร่านแล้วเช่นกัน ขณะที่เทรดเดอร์ยูเครนและยุโรปบอกว่า จะไม่จองเรือสินค้าเพื่อการจัดส่งข้าวสาลีของยูเครนไปให้อิหร่านอีกต่อไป เนื่องจากมีปัญหาในการจ่ายเงิน

       

       ทางด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าวของไทย ระบุว่า ไทยหยุดขายข้าวให้อิหร่านตั้งแต่เมื่อราวหนึ่งทศวรรษมาแล้วอิหร่านนั้นต้องนำเข้าข้าวถึง 45% ของปริมาณการบริโภคต่อปีที่ 2.9 ล้านตัน และอินเดียถือเป็นซัปพลายเออร์สำคัญที่ส่งข้าวให้ราว 70% ของปริมาณที่เตหะรานต้องการ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลก

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.2% ปิดที่ 263.01 จุด

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง 5.44 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 6,748.76 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสขยับลง 1.54 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 3,410.00 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวลง 14.33 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 5,875.93 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบียังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่าการเจรจาข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือกรีซใกล้จะได้ข้อสรุป

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลง 2.3 ของราคาหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน หลังจากผลกำไรของบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเมืองรายใหญ่สุดของโลก ปรับตัวลดลง 5.5% สู่ระดับ 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลา 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2554 อันเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง รวมถึงข้อจำกัดในการผลิต

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี พุ่งขึ้น 2.25 และหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของอิตาลี ทะยานขึ้น 3%

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมอีซีบีในเวลา 19.45 น.ในวันนี้ตามเวลาไทย โดยที่ประชุมจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และจากนั้นเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย จะเป็นการแถลงข่าวของประธานอีซีบี

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 9 กุมภาพันธ์ 2555)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โบรกฯมองแนวโน้มหุ้นไทยวันนี้พักฐาน หลังวานนี้พุ่งแรง-เงินไหลเข้าหนุน จับตาปัญหาหนี้กรีซ คาดแนว แนวรับ 1,107-1,100 แนวต้าน 1,122-1130 จุด

 

บริษัหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานถึงแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ก.พ.) ว่า คาดตลาดวันนี้จะมีพักตัวบ้างหลังการพุ่งแรงวานนี้ ขณะที่ปัจจัยเรื่องกรีซที่หลายฝ่ายจับตา และใช้เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผลักดันการลงทุนมาตลอดช่วงที่ผ่านมายังไม่อาจได้ข้อสรุป ซึ่งความยืดเยื้ออาจนำไปสู่ทางตันและการขายทำกำไรหลังข่าวออกได้มากขึ้น

 

ส่วนปัจจัยเรื่องการชะลอกระบวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบงก์เพิ่มเพื่อแก้หนี้ FIDF เพื่อรอการพิจารณาของศาล รธน. จะช่วยหนุน sentiment การลงทุนในระยะสั้น แม้ยังคงเป็น Overhang ของกลุ่มต่อไปก็ตาม

 

อีกทั้ง Fund flow ต่างชาติที่เข้ามาในปริมาณมากจะช่วยประคองให้การอ่อนตัวแบบเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีแนวรับแถว 1,107 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน: การเก็งกำไรระยะสั้น ยังเน้นแบบ "ขึ้นขาย ลงซื้อ"ต่อไป แต่หากปัจจัยเปลี่ยนและดัชนีปิดหลุด 1,100 จุด ลงมา ให้ถอยก่อน

 

แนวต้าน : 1,122-1130 แนวรับ : 1,107-1,100

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 9 กุมภาพันธ์ 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหตุใด ราคาน้ำมันขึ้น ก็เพราะ สต็อคนำ้มันลดลง / ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากภัยธรรมชาติ / วิกฤติด้านตะวันออกกลาง ยิ่งทำให้เกิด demand ความต้องการเพิ่มขึ้น

 

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ปิดปรับตัวขึ้น 18 เซนต์หลังทางการเผยปริมาณน้ำมันดิบสำรองลดลง ส่งสัญญาณความต้องการน้ำมันในสหรัฐเพิ่ม

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปรับตัวขึ้น 18 เซนต์ ปิดที่ราคา 98.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ ตลาดลอนดอน ขยับขึ้น 29 เซนต์ ปิดที่ราคา 116.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (เอพีไอ) รายงานว่า สต็อกน้ำมันลดลง ส่งสัญญาณว่าความต้องการน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้  เอพีไอ รายงานวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ., สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 386,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.4  ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.0% สู่ 83.9%

 

นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาดูข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (อีไอเอ) ของสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูล สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น  700,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 9 กุมภาพันธ์ 2555)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 08:46

นายกส.ค้าทองยันราคาปีนี้ไม่ถึง3หมื่นบ.

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

news_img_435067_1.jpg

นายกสมาคมค้าทองคำประเมินแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ไม่ถึง 2 พันดอลลาร์/ออนซ์หรือไม่ถึง 3 หมื่นบาทต่อบาททองคำ เชื่อแรงเทขายทำกำไรดักหน้า

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นมาแรงมายืนถึงระดับ1,600- 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 25,000-27,000 บาท/บาททองคำ เนื่องจากกังวลเรื่องปัญหาความขัดแย้งของประเทศอิหร่านกับกลุ่มอียู และเมื่อราคาทองขยับแรงก็จะมีแรงขายทำกำไร ดังนั้นแนวโน้มราคาทองปีนี้มั่นใจว่าราคาทองจะไม่มีโอกาสแตะระดับ 2 พันดอลลาร์/ออนซ์หรือ 3 หมื่นบาท/บาททองคำ

 

"สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1480-1980 ดอลลาร์/ออนซ์ และสิ่งที่น่าสนใจคือช่วงหลังน้ำท่วมและเทศกาลตรุษจีนมีคนแห่มาซื้อทองรูปพรรณมากขึ้นประมาณ 10% จากเดิมที่นิยมซื้อทองแท่งมากกว่า สาเหตุที่คนซื้อทองคำรูปพรรณมากขึ้น เนื่องจากราคาทองคำปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงปลายปีถึงต้นปีมีรายได้จากเงินโบนัส ทำให้ประชาชนมีสภาพคล่องมากขึ้น และราคาทองแท่งก็อยู่ระดับสูง"

 

 

นายจิตติ กล่าวว่า ทิศทางราคาทอคำในปีนี้ยังผันผวน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยคาดว่าราคาทองคำอาจจะปรับฐานลงมาถึงระดับ 1,522 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับสูงขึ้นเพื่อทำสถิติใหม่เกินระดับ 1,922 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,000 บาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 30 บาท ต่อดอลลาร์

 

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำมากที่สุด คือปัญหาหนี้สาธารณะยุโรป หากยังไม่คลี่คลายนักลงทุนะเลือกลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะเป็นสินทัพย์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด โดยขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกกับกระแสข่าวการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป เพราะอาจจะเป็นปล่อยข่าวในการเก็งกำไรทองคำของกองทุน

 

นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวอีกว่า ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2555 ประมาณ 2,000 -2,200 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างรวดเร็ว ดังนั้นนกลงทุนควรทะยอยขายทำกำไรเป็นระยะ และในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในทองคำ เพราะยังมีโอกาสที่จะทำกำไร เนื่องจากราคายังความผันผวน

 

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20120209/435067/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AA.%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%873%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9A..html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับคุณเด็กขายของ และเฮียนายห้าง

ถูกแก้ไข โดย ลูกน้ำเค็ม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตกลงมันน่กลัวหรือน่ารัก

 

 

แล้วแต่จินตนาการจ้า. แต่ตัวเองมอง มันน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...