ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดทองคำ Gold Futures by Classic Gold Futures (13/06/2555)

คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

Price Movement

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,613.80 USDต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.00 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,586.40 — 1,618.90 USDต่อออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากการเข้าซื้อของนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลปัญหาหนี้ยุโรป โดยเฉพาะภาคธนาคารในสเปน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นสูงสุดนับแต่ใช้เงินสกุลยูโร รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แย่ลง ในขณะที่เงินยูโรยังคงแกว่งตัวอยู่ในระดับ 1.25 USDต่อยูโร โดยยังถูกกดดันจากความกังวลต่อผลการเลือกตั้งของกรีซในวันที่ 17 มิ.ย. ซึ่งอาจทำให้กรีซออกจากกลุ่มยูโรโซน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐปิดในแดนบวกจากถ้อยแถลงของ ECB ว่าพร้อมจะแก้ไขสถานการณ์หากเกิดวิกฤติ สำหรับในช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคำอยู่ที่บริเวณ 1,608 USDต่อออนซ์ โดยมีแนวโน้มแกว่งพักตัวหลังจากขึ้นมาเมื่อคืนในลักษณะ sideway ในกรอบ 1,600 — 1,620 โดยมีแนวรับภายในวันบริเวณ 1,605 / 1,597 และแนวต้านภายในวันที่ 1,610/1,617 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น trading ในกรอบ 1,600 — 1,620 แต่ถ้าหากหลุดระดับ 1,600 ผู้มีสถานะซื้อควรตัดขาดทุนออกมาก่อน ส่วนในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้าน 1,640 / 1,650 แนวรับ 1,550 / 1,530 และให้กรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,530 — 1,650 USDต่อออนซ์

 

Spot Gold

 

Technical Analysis

 

ภาพกราฟทางเทคนิคในรายวัน ในระยะสั้นมีการแกว่งตัวในกรอบ 1,600 — 1,620 ในลักษณะ sideway ปรับฐานระหว่างวัน โดยราคากลับมายืนเหนือ 1,600 ได้อีกครั้ง จึงมีแนวโน้มเชิงบวกในระยะสั้น โดยมองว่ามีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,625 เพื่อจบรอบการสวิงขึ้น วันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,605/1,597/1,585 และแนวต้านบริเวณ 1,610/1,617/1,625 จึงแนะนำนักลงทุนระยะสั้น trading ในกรอบ 1,600 — 1,620 ผู้มีสถานะซื้อ ถือต่อไปได้ แต่ควรตัดขาดทุนออกมาก่อนถ้าหากหลุดระดับ 1,600 และแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นเหนือระดับ 1,620

 

Key Point in Precious Market

 

- ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่ ค่าเงินUSD แข็งค่าขึ้น ( - ) ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ( - ) ความกังวลในปัญหาการเมืองกรีซ ( - ) ปัญหาภาคธนาคารของสเปน ทำให้สเปนต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก EU อย่างไรก็ตามการของความช่วยเหลือของสเปนทำให้มีทางออกในการแก้ปัญหา ( +/- ) ความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ( + )

 

- ประเด็นที่ต้องติดตาม การเมืองในกรีซซึ่งอาจมีการเลือกตั้งใหม่ (17 มิ.ย.) ซึ่งอาจมีผลทำให้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในครั้งต่อไปและอาจต้องออกจากยูโรโซน ความสามารถของสเปนในการจัดการฐานะการคลัง การประชุม G20 (18 -19 มิ.ย.) การเจรจาระหว่าง P5+1 และอิหร่าน (18 -19 มิ.ย.)

 

- การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์ วันพุธ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1/2012 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

- SPDR ขายทองคำออก 0.43 ตัน ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,274.37 ตัน

 

Spot Silver

 

ราคาโลหะเงิน ปิดที่ 28.95USDต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.33 USDต่ออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.32 — 29.05 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ซื้อโลหะเงินเพิ่มขึ้น 27.15 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,696.23 ตัน ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 28.3/ 28.0 แนวต้านบริเวณ 29.0/ 29.6 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น เปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณ 28.3 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 29.0/29.6 หรือ Trading ในกรอบ 28.3 — 29.6

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold (13/06/2555)

ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ราคาฟื้นรับผลตอบแทนพันธบัตรสเปนปรับตัวลง

 

- SPDR ถือทองลดลง 0.41 ตัน

 

- ประชุม กนง. วันนี้ คาดตรึงดอกเบี้ย 3%

 

ราคาทองคำและโลหะเงินปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันจันทร์ โดยคาดว่านอกจากจะเป็นการดีดตัวขึ้นตามปัจจัยทางเทคนิคแล้ว การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนก็เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาโลหะทั้ง 2 ชนิดปรับตัวขึ้นในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนกลับมาให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ภายหลังเมื่อวันจันทร์ราคาหุ้นในสหรัฐรวมทั้งราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามประเด็นต่างๆโดยเฉพาะจากยุโรปยังคงมีความไม่แน่นอน การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทางการเงินจึงยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวน ประเด็นหลักที่ตลาดให้ความสนใจในสัปดาห์นี้คงอยู่ที่การเลือกตั้งของกรีซในวันอาทิตย์นี้ โดยผลการสำรวจพบว่า คะแนนเสียงของพรรคการเมืองทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ต่างกันมาก ประเด็นนี้จึงอาจกลับมากดดันการเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนค่ำวันนี้จะมีรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพฤษภาคมและยอดค้าปลีกเดือนเดียวกันของสหรัฐ โดยผลสำรวจพบว่ารายงานตัวเลขทั้ง 2 ชนิด จะปรับตัวลงจากการรายงานครั้งก่อน ส่วนในยุโรปคืนวันนี้จะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของเยอรมัน ด้วยภาวะเศรษฐกิจของเยอรมันที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยุโรป จึงคาดว่าจะมีผู้ให้ความสนใจเข้าประมูลพันธบัตรในครั้งนี้จำนวนมาก แต่หากว่าระดับอัตราผลตอบแทนกลับปรับตัวขึ้น ก็จะเป็นการสะท้อนถึงความเสี่ยงของเยอรมันที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ซึ่งจะกดดันให้ค่าเงินยูโรกลับอ่อนค่าลงสวนทางกับเงินดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้น และทำให้ราคาทองคำอาจปรับตัวลง อย่างไรก็ตามด้วยการเคลื่อนไหวของราคาทองเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในลักษณะของการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จึงคาดว่าราคาคงจะปรับตัวลงในกรอบจำกัด แนวรับในระหว่างวันของราคาทองอยู่ที่บริเวณ 1,600 และ 1,590-1,595 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,620 และ 1,635-1,640 ดอลลาร์ ตามลำดับ ส่วนราคาโลหะเงินซึ่งปรับตัวลงในระหว่างวัน แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาจากแนวรับที่บริเวณ 28.30 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะเริ่มดีดตัวกลับในช่วงค่ำจนทำให้ภาพเทคนิคยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับขึ้นต่อ หากในระหว่างวันมีแรงขายกลับออกมา คาดว่าที่แนวรับบริเวณ 28.50-28.60 ดอลลาร์ จะเป็นจุดดีดตัวของราคาขึ้นได้ต่อไป ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยในวันนี้ คาดว่าจะมีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 3% จึงไม่น่าจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนมิ.ย.55

 

Close   chg.  Support        Resistance

 

23,980  +60   23,900/23,800  24,150/24,250

 

คาดว่าราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยสามารถรอเปิดสถานะซื้อได้ในช่วงที่ราคาปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับที่ยกตัวขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 1,595-1,600 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,590 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนมิ.ย.55

 

Close  chg.  Support  Resistance

 

905    +1    900/890  915/925

 

ราคาโลหะเงินอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับของวันที่บริเวณ 28.0-28.20 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับ และภาพการเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินในทางเทคนิคก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจมีแรงขายทำกำไรกลับออกมาในระหว่างวัน หากถือครองสถานะซื้ออยู่อาจปิดสถานะบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง แล้วรอเปิดสถานะใหม่ที่แนวรับบริเวณ 28.50-28.60 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 28.20-28.30 ดอลลาร์

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านครับ

 

เมื่อคืนคิดว่าตัวเลขตอนตี1 ออกมาน่าจะส่งผลให้น้องทองทะลุด่าน 1616 ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ แต่โดยภาพรวมก็ยังดูดี ถ้ายืนเหนือ 1600 ได้ตลอดเช้าบ่าย ก็น่าจะได้เห็นการขึ้นไปเทสแนวต้าน 1616 และ 1627-1628 อีกครั้ง

 

ไอ้ที่ซื้อเพิ่มเมื่อวานเย็น 1590 เมื่อคืนได้ลำไย 200+ กัดฟันไม่ขายโวย เช้ามาเหลือ 120+ :17 ก็ยังคงกัดฟันถือมันต่อไป ส่วนเนินที่ซื้อไว้สัปดาห์ที่แล้วก็ยังอยู่ครบถ้วน ถือเป็นเพื่อนเฮีย ถึงเป้าหมายแล้วค่อยลงพร้อมกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุรทุกๆข่าวสารค่ะ วันนี้รอทองขึ้นจะได้เอาไปคืนแปะบ้างพอได้ค่ากับข้าว ตะโกนบอกสัญญาณด้วยนะคะท่านกัปตันและพี่เด็กขายของ ชาเขียวของคุณอัยยาน่ารับประทานมากค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงินจากธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.59/61 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.67/69 บาท/ดอลลาร์

 

ทั้งนี้ เงินค่าบาทเช้านี้ค่อนข้างสวนทางกับภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อ่อนค่า น่าจะเป็นการแข็งค่าในช่วงระยะสั้นๆ หรืออาจจะรับข่าวการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3%

 

"น่าจะเป็นการแข็งค่าในระยะสั้นๆ ระหว่างรอผลประชุม กนง.บ่าย 2 โมงวันนี้" นักบริการเงิน กล่าว

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 79.64/69 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2490/2493 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่างที่รอผลการประชุม กนง.ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 31.55-31.65 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจ้โทรบอกว่า เมื่อคืนไม่ได้นอนอีก เพราะลูกยังมีอาการชัก สู้ๆนะครับ

เหนื่อยไหม...........สู้สู้นะเจ๊ เอาใจช่วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงการคลังของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 1.246 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่มียอดเกินดุลในเดือนเมษายน

 

 

รายงานของกระทรวงระบุว่า สหรัฐมีรายได้ด้านการคลัง 1.807 แสนล้านดอลลาร์ และมีงบประมาณรายจ่าย 3.053 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา

 

ส่วนยอดขาดดุลงบประมาณสะสมในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 ซึ่งเริ่มต้นในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 8.445 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 8.9% จากยอดขาดดุลในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวกำลังจ่อทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

 

สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านงบประมาณและเศรษฐกิจที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองของสภาคองเกรส คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอาจอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุด ณ วันที่ 31 กันยายน ลดลงเล็กน้อยจากขาดดุล 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2554 สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุรทุกๆข่าวสารค่ะ วันนี้รอทองขึ้นจะได้เอาไปคืนแปะบ้างพอได้ค่ากับข้าว ตะโกนบอกสัญญาณด้วยนะคะท่านกัปตันและพี่เด็กขายของ ชาเขียวของคุณอัยยาน่ารับประทานมากค่ะ

 

ครับ มีอะไรดีจะมาบอก แต่วันนี้ช่วงบ่ายติดธุระ(ทำงาน) คงไม่ค่อยได้เข้ามานะครับ ส่วนตะกี้ลงมาไม่หลุด 1605 จัดไปอีก 50 บาททอง ข้อหา ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้วชีวิตมันเหงาๆครับ :17

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงการคลังของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 1.246 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่มียอดเกินดุลในเดือนเมษายน

 

 

รายงานของกระทรวงระบุว่า สหรัฐมีรายได้ด้านการคลัง 1.807 แสนล้านดอลลาร์ และมีงบประมาณรายจ่าย 3.053 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา

 

ส่วนยอดขาดดุลงบประมาณสะสมในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 ซึ่งเริ่มต้นในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 8.445 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 8.9% จากยอดขาดดุลในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวกำลังจ่อทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

 

สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านงบประมาณและเศรษฐกิจที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองของสภาคองเกรส คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอาจอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุด ณ วันที่ 31 กันยายน ลดลงเล็กน้อยจากขาดดุล 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2554 สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เจ้โทรบอกว่า เมื่อคืนไม่ได้นอนอีก เพราะลูกยังมีอาการชัก สู้ๆนะครับ

 

คนเป็นแม่เพื่อลูกทนได้ ขอให้ลูกหายไวๆครับ เจ้สู้ๆ หาเวลาพักผ่อนบ้างน้า...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

WTI ขยับขึ้นเล็กน้อยจากแรงซื้อของนักลงทุน ขณะที่ความกังวลหนี้ยุโรปยังกดราคา "

เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.62 เหรียญฯ/บาร์เรล ปิดที่ 83.32 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ก.ค. ลดลง 0.86 เหรียญฯ ปิดที่ 97.14 เหรียญ

 

 

+ WTI ปรับขึ้นเล็กน้อยจากการกลับเข้ามาซื้อในตลาดน้ำมันของนักลงทุน หลังมีการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับลดลงอีกในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงกังวลต่อปัญหาหนี้สเปนที่อาจลุกลามต่อประเทศอื่นในยุโรป

+ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนกังวลกับปัญหาภาคธนาคารสเปนเพิ่มขึ้น หลังผลตอบแทนพันธบัตรสเปนพุ่งแตะระดับ 6.81% สูงสุดเป็นประวัติกาลนับแต่เข้าร่วมใช้สกุลเงินยูโร

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตจากอิหร่านมีแน้วโน้มจะปรับลดลงเหลือ 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 850,000 บาร์เรลต่อวัน

- รายงานสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) มีการปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้ลง 150,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 0.81 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งยังปรับลดการคาดการณ์ของปีหน้าลง 70,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 1.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- นอกจากนี้ยังคาดว่าการผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกในปีนี้จะเพิ่มขึ้น120,000 บาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ 52.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนปีหน้าปรับเพิ่มขึ้น250,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 53.91 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 56

- ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตจากกลุ่มโอเปกในเดือน พ.ค. อยู่ที่ 31.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตเพียง 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากซาอุดิอาระเบียที่ขยายการผลิตไปอยู่ที่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบ

- หลังปิดตลาดสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ณ วันที่ 8 มิ.ย. 55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการน้ำเข้าน้ำมันดิบที่สูงขึ้น

 

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการจากตะวันออกกลางลดลง อย่างไรก็ดีความต้องการจากเวียดนามและซาอุดิอาระเบียยังคงมีอยู่

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการจากอินเดียที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับอุปทานภายในภูมิภาคที่คาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากโรงกลั่นที่สิงคโปร์เตรียมปิดซ่อมบำรุง

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ 95 - 103 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 80 - 87 เหรียญฯ  

ราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นจะยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อปัญหาหนี้ยุโรป ทั้งการจัดการปัญหาภาคธนาคารของสเปน ความกังวลต่อภาวะหนี้ในอิตาลี รวมถึงการเลือกตั้งของกรีซในสุดสัปดาห์นี้ พร้อมติดตามรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน มิ.ย. ของ IEA ในคืนนี้

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

 

วันพุธ: ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดขายปลีกของสหรัฐฯ รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป และดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี

วันพฤหัสฯ: ดัชนีราคาผู้บริโภคและยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ

วันศุกร์: การผลิตภาคอุตสาหกรรม  ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค และความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

- ติดตามรายงานสถานะทางการเงินของภาคธนาคารสเปนโดยผู้ตรวจสอบอิสระในวันที่ 21 มิ.ย. นี้

- การเลือกตั้งรอบ 2 ของกรีซในวันที่ 17 มิ.ย. ว่าพรรคการเมืองใดจะได้รับเสียงข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อสถานภาพการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และการได้รับเงินช่วยเหลือจาก EU และ IMF 

 

การหารือระหว่าง 4 ชาติหลักยุโรปในวันที่ 22 มิ.ย. และการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปวันที่ 28 - 29 มิ.ย. นี้ ที่จะมีการร่างมาตรการในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป

- รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน มิ.ย. ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ โอเปก และสำนักงานพลังงานสากลในวันที่12-13 มิ.ย. นี้

- การประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ที่จะมีการหารือในเรื่องโควตาการผลิตน้ำมันดิบ ซึ่งขณะนี้อิหร่านได้กดดันให้ประเทศสมาชิก โดยเฉพาะ ซาอุดิอาระเบีย ปรับลดการผลิตลงมาอยู่ที่เพดานการผลิตที่ได้เคยตกลงกันไว้

- การเจรจาระหว่าง 6 ประเทศแกนนำหลักของโลกและอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านครั้งถัดไปที่กรุงมอสโกว ประเทศรัสเซียในวันที่ 18 - 19 มิ.ย. ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันได้สำเร็จหรือไม่

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลพวงเศรษฐกิจยุโรปถดถอย หนี้พุ่ง คนว่างงาน กำลังซื้อหด ส่งผลส่งออก 4 เดือนแรกไทยไปอิตาลีลด(13/06/2555)

ผลพวงเศรษฐกิจยุโรปถดถอย หนี้พุ่ง คนว่างงาน กำลังซื้อหด ส่งผลส่งออก 4 เดือนแรกไทยไปอิตาลีลด ทูตพาณิชย์อิตาลีเผยคนอิตาเลี่ยน หันมาทานอาหารกระป๋องมากขึ้น

 

นางปทมา สิงหรา ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เปิดเผยสถานการณ์เศรษฐกิจในอิตาลี ซึ่งเป็นหนึ่งสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) 27 ประเทศว่า เศรษฐกิจภายในประเทศอิตาลี

 

“ตั้งแต่เริ่มมีวิกฤตเศรษฐกิจโลกประมาณปี 2552 จนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ มีคนว่างงาน 2.5 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 หรือ เพิ่มขึ้น 23.7 % เงินเฟ้อ ในเดือนเมษายน 55 อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.5 % เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3.3 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยในเดือนเมษายนนี้พบว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 20.9 % ซึ่งป็นราคาที่พุ่งสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2536”นางปทมา กล่าวและว่า สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลต่อกำลังความต้องการซื้อภายในประเทศลดต่ำลง ทำให้การส่งออกของไทยไปอิตาลีในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค. — เม.ย.) ของปี 2555 ลดลง 27% โดยไทยส่งออกมายังอิตาลีทั้งสิ้น 503 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

นางปทมา ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุการส่งออกลดลงของสินค้าไทยในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับว่า นอกจากสาเหตุข้างต้นที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคแล้ว สินค้าอัญมณีฯยังจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อยและมีราคาแพง อีกทั้งผู้บริโภคอิตาลี นิยมซื้อในโอกาสพิเศษและเทศกาล เช่น คริสต์มาส วันวาเลนไทน์ และการฉลองทางศาสนาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาทองคำ ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นและส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อลงในภาวะเศรษฐกิจหดตัว รวมทั้งผู้ประกอบของอิตาลีตั้งราคาขายสูง จำเป็นต้องลดกำไรลงบ้าง เพื่อรักษาฐานลูกค้าระดับกลาง เป็นต้น

 

สินค้าเครื่องปรับอากาศ เป็นสินค้าที่ได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในอิตาลีมีความแปรปรวนของสภาพอากาศมากขึ้น ผู้บริโภคจะหาซื้อในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนมากๆ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจและระดับรายได้ที่ไม่แน่นอน ผู้บริโภคจึงมองว่า เป็นสินค้าที่ไม่จำเป็น ประกอบกับบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศในอิตาลี ได้ย้ายฐานการผลิตไปยังจีนมากขึ้น ทำให้จีนครองตลาดเป็นอันดับหนึ่ง

 

สินค้าปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง มีการส่งออกลดลงเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ส่งผลต่อรูปแบบการซื้อสินค้าของคนอิตาเลี่ยน และผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารกระป๋องและสินค้าอาหารที่มีราคาถูกลง รวมถึงหาซื้อได้ง่าย ความสะดวกต่อการรับประทานและประหยัดเวลา แม้ว่าความต้องการภายในประเทศค่อนข้างคงที่ แต่ผู้บริโภคอิตาลีได้ลดความถี่และค่าเฉลี่ยในการซื้ออาหารต่อครั้งลง ทั้งนี้ คนอิตาเลี่ยนหันกลับมาทานพาสต้ามากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจหดตัว จึงต้องกินอาหารดั้งเดิมและราคาถูกบ่อยขึ้นแทน ทำให้มูลค่าการค้าพาสต้าเพิ่มขึ้น 4.7% ในช่วงไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค. 2555) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

 

อย่างไรก็ตามยังมีสินค้าที่มีแนวโน้มดี ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ปลา/ปลาหมึก/กุ้ง สด แช่เย็น แช่แข็ง เนื่องจากคนอิตาเลี่ยนนิยมรับประทานอาหารเบาๆ ในช่วงฤดูร้อน เช่น สลัดทูน่า เป็นต้น โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจถดถอยคนอิตาเลี่ยนต้องประหยัดค่าใช้จ่าย จึงหันมาซื้อปลากระป๋องมากขึ้นด้วย นอกจากนี้รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบมีแนวโน้มดี เนื่องจากเข้าฤดูใบไม้ผลิและอากาศที่อบอุ่นขึ้น ทำให้คน อิตาเลี่ยนหันมาใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัด รวมทั้งนายกรัฐมนตรีของอิตาลีให้ความสำคัญต่อการคมนาคมด้วยการใช้จักรยาน เนื่องจากประเทศอื่นๆ ในยุโรปต่างระดมกองทุน เพื่อโครงการต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับเส้นทางการเดินทาง โดยรถจักรยานเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาวะเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผลดีด้านเศรษฐกิจด้วย

 

สินค้าไทยส่งออกลดลง 5 อันดับแรก ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ 59 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-11%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-24%) ยางพารา 37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-50%) ปลาหมึกสดแช่เย็นแช่แข็ง35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(-17%) อาหารทะเลกระป๋อง/แปรรูป28ล้านเหรียญสหรัฐฯ (77%)

 

ด้านการนำเข้าไทยนำเข้าสินค้าจากอิตาลีในช่วง 4 เดือนแรก คิดเป็นมูลค่า 685 เพิ่มขึ้น 9.5% โดยสินค้านำเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 158 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.6%) ผลิตภัณฑ์โลหะ 123 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(183%) เคมีภัณฑ์ 44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(-26%) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (59%) และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(-8%)

 

อยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยมีหนี้ยอดสาธารณะพุ่งถึง 1,946 พันล้านยูโร (มกราคม 2555) อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหนี้สาธารณะรายใหญ่ของโลก ประมาณ 120% ของจีดีพี ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ เกิดจากผู้ประกอบการในอิตาลีประสบภาวะอยู่ในระหว่างยื่นฟ้องล้มละลายมากกว่า 3,000 บริษัท ในขณะที่ตัวเลขของธุรกิจที่ปิดตัวลงไปนั้น ยังคงสูง สถิติตั้งแต่ปี 2552 จนถึงล่าสุดพบว่า บริษัทภาคเหนือของอิตาลีปิดตัวลงไปกว่า 17,000 บริษัท

 

ที่มา : Thai PR.net (วันที่ 13 มิถุนายน 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลตอบแทนพันธบัตรสเปนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์(13/06/2555)

สเปน 13 มิ.ย.-ผลตอบแทนพันธบัตรสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ธนาคารในประเทศถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเพิ่มอีกถึง 18 แห่ง

 

ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งขึ้น 0.28% แตะระดับ 6.81% สูงสุดนับตั้งแต่ก่อนที่จะมีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ส่งสัญญาณว่าหลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลต่อภาวะทางการเงินของสเปนมากขึ้น แม้สเปนจะเพิ่งประสบความสำเร็จในการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกลุ่มยูโรโซน เพื่ออุ้มภาคธนาคารของประเทศก็ตาม เนื่องจากไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลสเปนจะหาเงินมาจ่ายคืนผู้ถือครองพันธบัตรได้

 

ด้านสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารสเปนเพิ่มอีก 18 แห่ง หลังจากเพิ่งปรับลดเครดิตธนาคารสเปน 2 แห่ง คือ บังโค ซานตานแดร์ และบังโค บิลบาว บิสกายา อาร์เจนตาเรีย (BBVA) จาก A ลงสู่ระดับ BBB+ ไปเมื่อ 2 วันก่อน.-สำนักข่าวไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเช้านี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นที่สูงกว่าการประเมินของนักเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งธนาคารกลางยุโรปที่รับรองแผนการรับประกันเงินฝากของธนาคาร

 

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) บวก 0.2% แตะ 113.06 เมื่อเวลา 9.36 น.ตามเวลากรุงโตเกียว

 

 

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,557.57 จุด เพิ่มขึ้น 20.85 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,948.45 จุด เพิ่มขึ้น 75.89 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,867.45 จุด เพิ่มขึ้น 12.71 จุด ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,289.71 จุด ลดลง 0.08 จุด

 

ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,103.20 จุด เพิ่มขึ้น 31.12 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,788.98 จุด ลดลง 8.10 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,079.9 จุด เพิ่มขึ้น 7.0 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,576.72 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด

 

 

หุ้นฟานุค คอร์ป บวก 0.7% ในตลาดหุ้นโตเกียว ส่วนหุ้นมาสด้า มอเตอร์ บวก 1% หุ้นโอซีไอ พั่ง 4.5% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ หลังจากที่บริษัทระบุว่า ความต้องการในยุโรปเพิ่มขึ้น

 

 

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่นประจำเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7% สู่ระดับ 7.886 แสนล้านเยน หลังจากที่ร่วงลงในเดือนมี.ค.

 

 

ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมยอดสั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภคเนื่องจากเป็นตัวเลขที่ผันผวนนั้น ถือเป็นดัชนีบ่งชี้ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนญี่ปุ่นในอนาคต

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผจก.แบงก์ปลอมลายเซ็นเชิดเงิน 52 ล้าน

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมานายสุชาติ จงศิริการค้า เจ้าของห้างทอง เจริญไทย เลขที่ 14 ถ.ศรีอุตรา ต.ท่าอฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ พร้อมกับนายนัฎทีกร จักรแก้ว ทนายความ ได้เดินทางพบพนักงานสอบสวน ที่ สภ.เมืองตาก และได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายเกียรติวงษ์ ศรายุทธ อดีตผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขา อ.เมือง ตาก ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร (สมุดเงินฝาก) และเบิกเงินในบัญชีเงินฝาก จำนวน 2 เล่ม รวม 52 ล้านบาท ทั้งนี้นายสุชาติ มีความสนิทสนมกับนายเกียรติวงศ์ในด้านส่วนตัว และมีการบริการที่ดีเยี่ยมเยี่ยม จนไว้กันอย่างสนิท ตั้งแต่สมัยที่นายเกียรติวงศ์เคยทำงานอยู่ที่ธนาคารทหารไทย ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนกระทั้งย้ายไปรับตำแหน่งผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขาอำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก

นายนัฎทีกร กล่าวว่า เดิมเงินในบัญชีฝากประจำ 3 เดือน หมายเลข 377-3-01978-5 ของนายสุชาติมีเงินฝากอยู่ ประมาณ 24 ล้านบาท ต่อมา นายเกียรติวงษ์ ขอให้นำเงินฝากเพิ่มอีก 25 ล้านบาท โดยเสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษให้ และนายสุชาติช่วยนำฝาก ในวันที่ 17 มกราคม 2555 ทำให้มียอดเงิน 49 ล้านบาท และในวันที่ 17 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา ครบกำหนดฝากประจำ 3 เดือน นายเกียรติวงษ์ได้ขอสมุดบัญชี เพื่อเบิกเงินแทน แล้วจะโอนให้นายสุชาติ ในบัญชีอื่นที่สาขาอุตรดิตถ์ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ก็ไม่สามารถติดต่อ นายเกียรติวงษ์จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบว่า เงินในบัญชีหมายเลข 377-3-02173-2 จำนวน 2 ล้านกว่าบาท ก็ได้ถูกเบิก ไปจนเกือบหมดอีกด้วย รวม สูญเงินในบัญชี รวมกว่า 52 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากตำรวจ สภ.เมืองตาก ได้รับแจ้งแล้ว ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป้นหลักฐาน ขณะที่บุคคลที่ทำงานธานคารต่างๆในพื้นที่อำเภอเมืองตากแวดวงเดียวกัน ต่างให้ความสนใจ และบอกว่า นายเกียรติ์วงศ์ ได้หายหน้าไปจากอำเภอเมืองตากมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว แต่ไม่ทราบสาเหตุ พอมีคนไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จึงทราบข่าว

อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารทหารไทยแจ้งว่า ทางธนาคารพร้อมที่จะรับผิดชอบกับเงินที่สูญหายไป แต่ต้องดูผลคดี และผลการสอบสวนจากทางตำรวจก่อน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...