ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

 

ไม่เคยเลย เพราะส่วนมากปั้วทำงานแล้วก็ต่อเลย ส่วนเจ้ดูลูก สอนการบ้าน งานบ้าน จิปาถะ

 

ไปได้เฉพาะงานศพ อีกอย่างลูก กะ ปั้ว ชอบตาม ก็เลยไม่ค่อยได้ไปไหน ไปก็เป็นห่วงลูกอีกตัดใจไม่ไปก็ได้วะ

 

เพราะเวลาลูกชัก ไม่มีใครทำอะำไรหรือตัดสินใจถูก รอเจ้อย่างเดียว

 

ตามก็ปล่อยให้ตามไปสิเจ้. พอเค้าเห็นว่าไม่มีอะไร(ปั๋ว) วางใจ/ด้กับลูกที่แม่น่าเบื่อออก อีกหน่อยก็ไม่ตามเอง ส่วนลูกคนที่ชัก เจ้คงพอมองออกมั้งว่าวันนี้อาการเค้าปกติพอที่แม่จะแว๊ปรึเปล่า. รีแล็กซ์หน่อยคลายเครียด นานๆ ชวนไปพร้อมๆ กันที ก็โอนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ขอบคุรค่าาาาาาาาาาาา เห็นบางห้องบอกว่ากราฟ ว่าซื้อได้ถือได้ เหมือนเมื่อเช้าถ้า กดตามที่กับตันบอก หมดไปแล้ว 1 วันราคานิ่งดีนะถามป๋า ก่อน เดี๋ยวไปดู ซีรีย์แล้ว

 

เจ้ ห้องอื่นๆ น่ะเค้าเข้าไวออกไว ลำใยนิดเดียวก็ออกแล้ว เดี๋ยวนี้ซ้อไม่ค่อยอ่านโพสน์จะเลือกอ่านแต่แนวทางตามกราฟวันละครั้งเอง. จิตเราไม่ตกด้วยนะ เพราะเราไม่ไวเท่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตามก็ปล่อยให้ตามไปสิเจ้. พอเค้าเห็นว่าไม่มีอะไร(ปั๋ว) วางใจ/ด้กับลูกที่แม่น่าเบื่อออก อีกหน่อยก็ไม่ตามเอง ส่วนลูกคนที่ชัก เจ้คงพอมองออกมั้งว่าวันนี้อาการเค้าปกติพอที่แม่จะแว๊ปรึเปล่า. รีแล็กซ์หน่อยคลายเครียด นานๆ ชวนไปพร้อมๆ กันที ก็โอนะ

 

ไอ้คนที่ตามนะคนที่ชัก ถ้ามันตามละก็ ไม่ต้อง ทำ อะไร ต้องเดินตามตลอด หรือ ถ้าเค้าเดิน กะ ปั้ว เจ้นั่งคุย เดี๋ยวก็มี ลูก จะ ฉี่ ลูกจะขี้ เซ็ง

 

เคยขี้ราดกลางห้างมาแล้ว ปกติ วันอาทิตย์ จะไป the mall พร้อมกันหมด

ถูกแก้ไข โดย เกี้ยมอี๋

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเขื่อบางเรื่อง ที่ท่องจำมา หรือ อาจจะจริง เพราะบางคนถูกเรียนรู้แบบท่องจำกันมามากครับ เราเองไม่ค่อยได้สัมผัสการคิดวิเคราะห์ และค้นคว้าด้วยตนเอง  เลยทำให้เราเองมักไม่ค่อยชอบการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และไม่ชอบการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ มองสิ่งใด ก็จะมองแต่เพียงสิ่งนั้นอย่างเดียว โลกเศรษฐกิจทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนที่ผ่านมา ถามว่า ทำไมเราถึงอยากมีเงิน ก็เพราะ เงินสามารถซื้ิอ และ ตอบสนองความสุข และ ความต้องการให้เราได้

 

แล้วถ้าถามว่า ทำไม มาเล่นทองแท่งตู้แดง หรือ ทองออนไลน์ ( ซึ่งก็เหมือนกัน ) ก็เพราะ ทองแท่ง สามารถเปลี่ยนเป็น เงินสด ได้รวดเร็ว และเมื่อแปลงร่างแล้ว ก็นำไปสนองความสุข กับตัวเอง และครอบครัว และ ทำบุญ

 

อีกส่วนคือ การเป็นนักจิตวิทยา เราต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และรู้จักการเชื่อมโยงข้อมูล นั้นคือ นำมาเข้าเครื่องปั่นผสมกัน มันทำให้เรามีนิสัยที่จะต้องคิดอะไรเป็น

เด็กขายของกล่าวว่า งานที่ผมทำเป็นงานที่ผมรักที่สุด และผมก็ภูมิใจในงานที่ผมได้ทำด้วย ( จุ๊ จุ๊ บอกไม่ได้ กรุณาอย่าถาม )

 

ผมทำไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ทุกวันนี้เงินเดือน + ฐานะ + กำไรจากเก็งกำไร เพียงพอ แต่ทุกวันนี้ที่อยู่ห้องนี้ ผมหวังรวยรอยยิ้มจากคนรอบข้างมากกว่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเขื่อบางเรื่อง ที่ท่องจำมา หรือ อาจจะจริง เพราะบางคนถูกเรียนรู้แบบท่องจำกันมามากครับ เราเองไม่ค่อยได้สัมผัสการคิดวิเคราะห์ และค้นคว้าด้วยตนเอง เลยทำให้เราเองมักไม่ค่อยชอบการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และไม่ชอบการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ มองสิ่งใด ก็จะมองแต่เพียงสิ่งนั้นอย่างเดียว โลกเศรษฐกิจทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนที่ผ่านมา ถามว่า ทำไมเราถึงอยากมีเงิน ก็เพราะ เงินสามารถซื้ิอ และ ตอบสนองความสุข และ ความต้องการให้เราได้

 

แล้วถ้าถามว่า ทำไม มาเล่นทองแท่งตู้แดง หรือ ทองออนไลน์ ( ซึ่งก็เหมือนกัน ) ก็เพราะ ทองแท่ง สามารถเปลี่ยนเป็น เงินสด ได้รวดเร็ว และเมื่อแปลงร่างแล้ว ก็นำไปสนองความสุข กับตัวเอง และครอบครัว และ ทำบุญ

 

อีกส่วนคือ การเป็นนักจิตวิทยา เราต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และรู้จักการเชื่อมโยงข้อมูล นั้นคือ นำมาเข้าเครื่องปั่นผสมกัน มันทำให้เรามีนิสัยที่จะต้องคิดอะไรเป็น

เด็กขายของกล่าวว่า งานที่ผมทำเป็นงานที่ผมรักที่สุด และผมก็ภูมิใจในงานที่ผมได้ทำด้วย ( จุ๊ จุ๊ บอกไม่ได้ กรุณาอย่าถาม )

 

ผมทำไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ทุกวันนี้เงินเดือน + ฐานะ + กำไรจากเก็งกำไร เพียงพอ แต่ทุกวันนี้ที่อยู่ห้องนี้ ผมหวังรวยรอยยิ้มจากคนรอบข้างมากกว่าครับ

สุดยอดเลยเฮีย :gd :gd :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเขื่อบางเรื่อง ที่ท่องจำมา หรือ อาจจะจริง เพราะบางคนถูกเรียนรู้แบบท่องจำกันมามากครับ เราเองไม่ค่อยได้สัมผัสการคิดวิเคราะห์ และค้นคว้าด้วยตนเอง  เลยทำให้เราเองมักไม่ค่อยชอบการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และไม่ชอบการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ มองสิ่งใด ก็จะมองแต่เพียงสิ่งนั้นอย่างเดียว โลกเศรษฐกิจทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนที่ผ่านมา ถามว่า ทำไมเราถึงอยากมีเงิน ก็เพราะ เงินสามารถซื้ิอ และ ตอบสนองความสุข และ ความต้องการให้เราได้

 

แล้วถ้าถามว่า ทำไม มาเล่นทองแท่งตู้แดง หรือ ทองออนไลน์ ( ซึ่งก็เหมือนกัน ) ก็เพราะ ทองแท่ง สามารถเปลี่ยนเป็น เงินสด ได้รวดเร็ว และเมื่อแปลงร่างแล้ว ก็นำไปสนองความสุข กับตัวเอง และครอบครัว และ ทำบุญ

 

อีกส่วนคือ การเป็นนักจิตวิทยา เราต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และรู้จักการเชื่อมโยงข้อมูล นั้นคือ นำมาเข้าเครื่องปั่นผสมกัน มันทำให้เรามีนิสัยที่จะต้องคิดอะไรเป็น

เด็กขายของกล่าวว่า งานที่ผมทำเป็นงานที่ผมรักที่สุด และผมก็ภูมิใจในงานที่ผมได้ทำด้วย ( จุ๊ จุ๊ บอกไม่ได้ กรุณาอย่าถาม )

 

ผมทำไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ทุกวันนี้เงินเดือน + ฐานะ + กำไรจากเก็งกำไร เพียงพอ แต่ทุกวันนี้ที่อยู่ห้องนี้ ผมหวังรวยรอยยิ้มจากคนรอบข้างมากกว่าครับ

 

สิ่งที่ป๋าให้กับคนห้องนี้นั้นมากกว่ารอยยิ้มแน่นอน. แต่สิ่งที่รับทราบอย่างซึ้งใจคือความจริงใจที่มอบให้กับทุกคน(จิตสัมผัสได้เหมือนกันนะ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

THURSDAY, MAY 31, 2012

 

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Fundamental analysis วิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจการเมือง

ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ( Fundamental analysis ) จะวิเคราะห์ถึงภาวะเศรษฐกิจ ภาวะการเมือง ภาวะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินนั้นๆ

 

ปกตินักเทรด Forex จะดูปฎิทินเศรษฐกิจเพื่อดูว่ามีข่าวอะไรออกบ้าง เวลาไหน และมีตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงอย่างไร หมายถึงอะไร แล้วมีผลต่อกราฟอย่างไรบ้าง

 

%E0%B8%9B%E0%B8%8E%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88+forex.png

 

ปฎิทินเศรษฐกิจ Forex

แต่ละข่าวต่างก็มีผลต่อกราฟมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสำคัญของข่าวนั้น หากข่าวมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคามากก็จะเป็นสีแดง สีส้ม และสีเหลืองตามลำดับ

 

ในทางปฏิบัติ นักลงทุนจึงควรใช้ข้อมูลที่ได้ทั้งจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิคมาประกอบการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลการตัดสินใจที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

 

 

Read more: http://siamforextrader.blogspot.com/2012/05/fundamental-analysis.html#ixzz1zf6mmnYu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ไอ้คนที่ตามนะคนที่ชัก ถ้ามันตามละก็ ไม่ต้อง ทำ อะไร ต้องเดินตามตลอด หรือ ถ้าเค้าเดิน กะ ปั้ว เจ้นั่งคุย เดี๋ยวก็มี ลูก จะ ฉี่ ลูกจะขี้ เซ็ง

 

เคยขี้ราดกลางห้างมาแล้ว ปกติ วันอาทิตย์ จะไป the mall พร้อมกันหมด

 

งั้นไป The Mall ทั้งครอบครัวดีแล้วเจ้. การออกเที่ยวนี่ถึงจุดเบื่อมันก็เบื่อมากๆ. แต่ครอบครัวจะยุ่งยังไงก็ยังแฝงความสุขใจได้ตลอด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 หน้าแรก > การเงิน-ลงทุน > ข่าวเศรษฐกิจ     

[ ฉบับที่ 1311 ประจำวันที่ 23-6-2012  ถึง 26-6-2012 ]

ความผันผวนของราคาทองคำท่ามกลางตลาดกระทิง

 

แค่พิจารณากราฟการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่ซับซ้อน คงจะสรุปได้ไม่ยากว่าการเคลื่อนไหวโดยภาพใหญ่ (กราฟที่อิงข้อมูลเป็นรายปี) มีทิศทางเป็นขาขึ้น โดยราคาปรับตัวขึ้นมาแล้ว 11 ปี นับจาก 2000-2011 คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นต่อเนื่อง 17.2% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงทีเดียวเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นบ้านเราที่ให้ผลตอบแทนรวม 4-6% และ 15.9% (รวมผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประมาณ 3% ต่อปี) ตามลำดับ โดยแนวโน้มขาขึ้นชุดใหญ่นี้จะจบรอบหรือเปลี่ยนเป็นขาลงเมื่อราคาทรุดตัวจนต่ำกว่าระดับ $1,450/Oz

 

ส่วนถ้าพิจารณาในแง่ของความผันผวนของอัตราผลตอบแทนรายเดือนพบว่า ราคาทองคำมักผันผวนสูงเมื่ออยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและผันผวนต่ำเมื่ออยู่ในแนวโน้มขาลง โดยมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 6.6% ต่อเดือน และ 4.9% ต่อเดือนตามลำดับ ซึ่งต่างจากตลาดหุ้นที่ค่าความผันผวนมักปรับตัวขึ้นในช่วงที่ตลาดตกและปรับตัวลงในช่วงที่ตลาดขึ้น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทองคำเป็นทรัพยากรมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัด และมีความต้องการมารองรับทั้งในช่วงที่เศรษฐกิจดีและแย่ กล่าวคือ ในช่วงที่เศรษฐกิจดี ราคาทองคำมักปรับตัวลงเพราะนักลงทุนโยกเงินออกไปเก็งกำไรในหุ้นที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูงกว่าแต่ก็จะได้ความต้องการเพื่อใช้เป็นเครื่องสะสมความมั่งคั่งและเครื่องประดับเข้ามาชดเชย ความผันผวนในช่วงที่ตลาดเป็นขาลงจึงมีไม่มาก ในทางตรงข้าม

 

ช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซา นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในการถือครองหลักทรัพย์และเงินตรา ทำให้กระแสเงินไหลเข้ามาพักในทองคำที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งพักเงินชั้นดีจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และด้วยความที่ทองคำบนโลกใบนี้มีอยู่อย่างจำกัดเพียงแค่ 170,000 ตัน (Source: LBMA) กอปรกับทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถประเมินหามูลค่าที่เหมาะสมได้อย่างแน่ชัด เวลาราคาปรับตัวขึ้นจึงมีบางครั้งที่ขึ้นเร็วและแรงอย่างไร้เหตุผล และด้วยเหตุผลเดียวกัน เมื่อกระแสเงินไหลออกราคาก็จะปรับตัวลงอย่างรุนแรงได้เช่นเดียวกัน ความผันผวนของราคาในช่วงตลาดขาขึ้นจึงมีมากกว่าช่วงตลาดขาลง

 

เพราะฉะนั้น เมื่อทราบดีแล้วว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงขาขึ้นมีความผันผวนมากกว่าขาลง การจับจังหวะตลาดเพื่อหาจุดซื้อขายที่เหมาะสมจึงมีส่วนอย่างมากกับการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ โดยถึงแม้ว่าสภาพตลาดรวมจะเป็นขาขึ้น แต่หากเข้าซื้อผิดจังหวะก็อาจสร้างความเสียหายจากการลงทุนอย่างหนักได้ เพราะในช่วงที่ราคาแกว่งตัวผันผวนมาก เวลาพักฐานอาจได้เห็นการปรับตัวลงแรง 1-2% หรือประมาณ 300-500 บาท/บาททองต่อวัน ซึ่งถ้าหากเป็นการลงทุนในทองคำแท่งหรือ Gold ETF อาจเป็นระดับที่ใครหลายคนสามารถทนทานได้ แต่ถ้าเป็น Gold Futures ที่ได้เสียในอัตราที่มากกว่ากันถึง 10 เท่า

 

หลายท่านที่เคยสัมผัสคงรู้ดีว่าเวลาผิดทางรอบใหญ่มันเจ็บปวดขนาดไหน เพื่อเป็นการปิดช่องโหว่ในส่วนนี้ ผมแนะนำให้นักลงทุนทองคำทุกท่านไปศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม เพราะเป็นศาสตร์ที่ใช้จับจังหวะของตลาดและกำหนดจุดซื้อจุดขายที่เหมาะสมโดยตรง โดยผมเชื่อว่าเพียงท่านสามารถใช้เครื่องมือเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นการดูแนวโน้ม, การวิเคราะห์เส้นค่าเฉลี่ย, การวิเคราะห์แท่งเทียน, และการวิเคราะห์ดัชนีบ่งชี้อย่าง RSI และ MACD ท่านก็สามารถเอาตัวรอดจากความผันผวนของตลาดที่อยู่ในระดับสูงได้แล้ว แต่ทุกแนวทางการวิเคราะห์ล้วนมีข้อเสียและข้อเตือนใจแฝงอยู่เสมอ

 

ก่อนจะใช้เครื่องมือใดควรจะศึกษาที่มาที่ไปด้วยตัวเองอย่างรอบคอบเสียก่อน และที่สำคัญอย่าลืมรักษาวินัยในการลงทุนอย่างเคร่งครัด เพราะนักวิเคราะห์ชั้นเซียนหลายท่านตกม้าตายเพราะลืมระลึกถึงข้อเตือนใจนี้มาเยอะแล้ว

 

http://www.siamturakij.com/home/news/print_news.php?news_id=413361995

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเขื่อบางเรื่อง ที่ท่องจำมา หรือ อาจจะจริง เพราะบางคนถูกเรียนรู้แบบท่องจำกันมามากครับ เราเองไม่ค่อยได้สัมผัสการคิดวิเคราะห์ และค้นคว้าด้วยตนเอง เลยทำให้เราเองมักไม่ค่อยชอบการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และไม่ชอบการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ มองสิ่งใด ก็จะมองแต่เพียงสิ่งนั้นอย่างเดียว โลกเศรษฐกิจทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนที่ผ่านมา ถามว่า ทำไมเราถึงอยากมีเงิน ก็เพราะ เงินสามารถซื้ิอ และ ตอบสนองความสุข และ ความต้องการให้เราได้

 

แล้วถ้าถามว่า ทำไม มาเล่นทองแท่งตู้แดง หรือ ทองออนไลน์ ( ซึ่งก็เหมือนกัน ) ก็เพราะ ทองแท่ง สามารถเปลี่ยนเป็น เงินสด ได้รวดเร็ว และเมื่อแปลงร่างแล้ว ก็นำไปสนองความสุข กับตัวเอง และครอบครัว และ ทำบุญ

 

อีกส่วนคือ การเป็นนักจิตวิทยา เราต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และรู้จักการเชื่อมโยงข้อมูล นั้นคือ นำมาเข้าเครื่องปั่นผสมกัน มันทำให้เรามีนิสัยที่จะต้องคิดอะไรเป็น

เด็กขายของกล่าวว่า งานที่ผมทำเป็นงานที่ผมรักที่สุด และผมก็ภูมิใจในงานที่ผมได้ทำด้วย ( จุ๊ จุ๊ บอกไม่ได้ กรุณาอย่าถาม )

 

ผมทำไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ทุกวันนี้เงินเดือน + ฐานะ + กำไรจากเก็งกำไร เพียงพอ แต่ทุกวันนี้ที่อยู่ห้องนี้ ผมหวังรวยรอยยิ้มจากคนรอบข้างมากกว่าครับ

 

สุดยอดเลยป๋า เจ้ก้ได้ห้องนี้แหละคลายเครียด บางวันเครียดกะงานมากๆ ก็มาระบาย อารมณ์ คุยลามกไปเรื่อย

 

ปั้ว ยัง บ่นเลย เจ้บอกว่าทำงานในบ้านทุกอบ่าง ไม่เคยไปเที่ยวไหน รพ. พาไปเที่ยวฟรี กี่รอบ ไม่เคยไป ความสุขแค่นี้ให้ไม่ได้หรือไง

 

บ้านเจ้ คนใช้ก็ไม่มี มีแต่แม่เจ้ อายุ 72 (แต่ดูหน้าแล้วเหมือน 60 )มาช่วยทำกับข้าว บ้าง บางครั้งกะนอนเป็นเพื่อนหลานๆ เจ้จึงได้มีเวลามาคุย

 

(ต้องบอกว่ามาหาตังค์ ไม่งั้นโดนบ่น ) แม่เจ้เที่ยวเยอะกว่าเจ้อีก ไปต่างจังหวัดเกือบทุก อาทิตย์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การวิเคราะห์ข่าวจากเว็บข่าว Forex Factory

การอ่านข่าวใน ForexFactory.com

Forex News: ข่าวที่มีผลต่อตลาดเงิน จะเป็นข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงินของประเทศต่างๆ ข่าวของแต่ละประเทศ จะมีผลต่อค่าเงินของประเทศนั้น ข่าวที่มีผลต่อค่าเงินมาก ตัวอย่าง เช่น อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate), อัตราจ้างงาน (Employment Change), การประกาศตัวเลข GDP

 

ถ้าข่าวเศรษฐกิจ ของประเทศ ออกมาดี เช่น การจ้างงานเพิ่มขึ้น, GDP เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นเพิ่มขึ้น ตัวเลขออกมาดี คนแย่งกันซื้อ ค่าเงินก็จะสูงขึ้น ตามหลัก อุปสงค์/อุปทาน ถ้าข่าวออกมาเศรษฐกิจ ไม่ดี คนย่อมไม่อยาก จะถือเงินนั้นไว้ พากันเทขายออกมา ค่าเงินจึงลดลง

 

เมื่อเรารู้ว่าข่าวทำให้ค่าเงินนั้นๆ ขึ้น จะมีผลต่อราคาคู่เงินที่เราเล่น อย่างไร ตัวอย่างเช่น ถ้าข่าวออกมาแล้วค่าเงิน USD (ดอลล่าร์สหรัฐฯ) แข็งขึ้น ดอลล่าร์สูงขึ้น คู่เงินที่มี USD นำหน้า ราคาจะวิ่งขึ้นไป เช่น (USD/JPY, USD/CHF, USD/CAD) และคู่เงินที่มี USD ข้างหลัง ราคาก็จะลดลง เพราะตัวหารเพิ่มขึ้น เช่น (EUR/USD, GBP/USD, AUD/USD, NZD/USD) ถ้า USD อ่อนลง ก็กลับกัน

 

ข่าวที่สำคัญๆ จะมีต่อค่าเงินมาก ณ.เวลาที่ข่าวออก ราคาของคู่เงินอาจ ขึ้น/ลง มากกว่า 100 จุด ขึ้นอยู่กับ ผลของข่าว ผู้ที่ต้องการเล่นข่าวห้ามพลาดเด็ดขาด ผู้ที่เล่นเทคนิค เล่นตามซิกแนล ควรหลีกเหลี่ยงช่วงข่าวสำคัญ จึงควรศึกษาเกี่ยวกับข่าวให้ดี ถ้าเรามีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ การเงิน จะเป็นประโยชน์มากในการวิเคราะห์ข่าวต่างๆ

 

ขอแนะนำเว็บ www.ForexFactory.com ที่นิยมใช้ในการดูข่าว จะมีปฏิทินแสดงข่าวต่างๆ สามารถดูล่วงหน้า หรือย้อนหลังได้ ถ้ามีเวลาลองเปิดไปดู ข่าวเก่าๆ แล้วลองศึกษาเทียบกราฟราคา ดูผลของข่าวก็ดีครับ

Post By : www.forex108.blogspot.com

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ความหมายข่าวใน ForexFactory.com

ระดับที่เรียกว่าสำคัญมากมีอะไรบ้าง... : ลำดับ ชื่อในปฏิทิน

1 Non farm Payrolls

2 Unemployment Rate

3 Trade Balance : โดยปกติประกาศทุกวันที่ 20 ของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของ 2 เดือนก่อนหน้านี้ โดยการประกาศจะบอกให้รู้ถึงทิศทางของการส่งออกและการนำเข้า ซึ่งตัวเลข Trade Balance จะสามารถคาดคะเนตัวเลข GDP ในอนาคตได้ ตัวเลข Trade Balance จะนำค่าตัวเลข Export ลบกับ ตัวเลข Import หากผลที่ออกมามีค่าเป็น + จะหมายถึงเศรษฐกิจที่ดี และมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย

4 GDP ( Gross Domestic Production ) : จะประกาศทุก ๆ สัปดาห์ที่ 3 หรือ 4 ของเดือน โดย GDP คือตัววัดที่กว้างที่สุดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ การที่ตัวเลข GDP เปลี่ยนแปลงไปจะหมายถึงความเปลี่ยนแปลงของอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะบ่งบอกเกี่ยวพันถึงอัตราเงินเฟ้อ การที่ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย

5 PCE Price Deflator ( Personal Consumption Expenditure) : ประกาศทุก ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน โดย PCE จะบอกถึงการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือน โดย PCE จะบ่งบอกถึงความสามารถในการจับจ่ายของภาคครัวเรือน โดยตัวเลข PCE ที่สูงจะบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่เติบโต ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

6 CPI ( Consumer Price index ) : ประกาศทุก ๆ วันที่ 13 ของเดือน โดย CPI จะเป็นตัววัดเกี่ยวกับระดับราคาของสินค้าและบริการที่ซื้อโดยผู้บริโภค CPI ที่เห็นประกาศกันจะมี CPI กับ Core CPI ซึ่งต่างกันตรงที่ว่า Core CPI จะไม่รวม ภาคอาหารและ ภาคพลังงานโดยปกติ CPI จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงอัตราเงินเฟ้อ โดยตัวเลข CPI ที่สูงจะเป็นตัววัดเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูง ซึ่งจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

7 TICS ( Treasury International Capital System ) : ประกาศทุกวันที่ 5 ของการทำงานในแต่ละเดือน โดย TIC จะรวบรวมข้อมูลของ US เพื่อดูว่าการลงทุนของคน US และ คนต่างชาติเป็นอย่างไรบ้าง โดยหากข้อมูล TICS เป็นตัวเลขที่สูงจะหมายถึงเศรษฐกิจของ US ที่แข็งแกร่งซึ่งมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

8 FOMC ( Federal open Market committee meeting ) : จะประชุมเมื่อไร ไม่มีตายตัวแน่นอน แล้วแต่เค้าจะนัดกัน โดยการประชุมจะดูภาพรวมและผลของการประชุมที่สนใจกันคือเรื่องของอัตราดอกเบี้ย การปรับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

9 Retail Sales : ประกาศทุกวันที่ 13 ของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของเดือนที่แล้ว โดยจะวัดจากใบเสร็จของการค้าปลีก ซึ่งโดยปกติจะมองในภาพของสินค้า ซึ่งจะไม่สนใจเรื่องของบริการ และอื่น ๆ (เช่นพวกค่าเบี้ยประกัน หรือค่าทนาย) Retail Sales ที่ไม่รวมการซื้อรถ จะเรียกว่า Core Retail Sales โดยการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขการขายจะหมายถึงราคาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้หมายถึงความต้องการซื้อที่ลดลง การที่ตัวเลข Retail Sales มีตัวเลขที่สูงหมายถึงเศรษฐกิจที่ดีและแข็งแกร่ง ซึ่งมีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

10 Univ. Of Michigan Consumer Sentiment Survey : ออกทุกวันศุกร์ที่สองของเดือน โดย Michigan Index จะเปรียบเทียบระหว่างดัชนีสองตัวคือ สิ่งที่คาดหวัง และสิ่งที่เป็นไปจริง ๆ ถ้าสิ่งที่คาดหวังไว้และสิ่งที่เป็นจริงมีค่าใกล้เคียงกัน หมายถึงเศรษฐกิจเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่หวังไว้ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

11 PPI ( Producer Price Index ) : ประกาศแถว ๆ วันที่ 11 ของเดือนซึ่งจะเป็นข้อมูลของเดือนก่อน PPI จะเป็นตัววัดราคาของสินค้าในมุมมองของการค้าส่ง PPI ที่ไม่รวมพวกอาหารและพลังงานจะเรียกว่า Core PPI ซึ่งจะถูกจับตามองมากกว่า เพราะจะมีผลกับอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจาก PPI จะเป็นตัวที่ออกมาก่อน CPI หาก PPI มีค่าสูงมักจะทำให้ CPI มีค่าที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นการที่ PPI มีค่าสูงจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

 

ระดับที่เรียกว่าสำคัญ... : ลำดับ ชื่อในปฏิทิน

12 Weekly Jobless Claims : ประกาศทุกวันพฤหัส จะเป็นข้อมูลของสัปดาห์ปัจจุบันรวมถึงวันศุกร์ที่แล้วด้วย ซึ่งจะบอกถึงการว่างงาน โดยปกติจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้จากข้อมูลก่อนหน้าย้อนหลังไปราว ๆ 4 สัปดาห์ แล้วมาทำเป็นกราฟ ทั่วไปแล้วหากมีความเปลี่ยนแปลงเกิน 30,000 จะเป็นสัญญาณบอกถึงการจ้างงานที่เปลี่ยนแปลงไป (อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลง) ตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงคนว่างงานที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง

13 Personal Income : ประกาศแถว ๆ วันที่ 5 ของการทำงานในแต่ละเดือน Personal Income เป็นตัววัดเกี่ยวกับรายได้ (ไม่สนว่าจะได้มาจากไหน เช่นพวก ค่าเช่า, ได้มาจากรัฐ, เงินเดือน, ดอกเบี้ย หรืออื่น ๆ) โดยตัวนี้จะเป็นตัวชี้ถึงความต้องการในการบริโภคในอนาคต (แต่ไม่เสมอไปนะ เพราะบางทีรายได้ที่มากขึ้น แต่คนอาจจะไม่จับจ่ายใช้สอยก็ได้) ตัวเลข Personal Income ที่สูงจะหมายถึงอำนาจในการซื้อและเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจน่าจะดี ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

14 Personal spending : ประกาศแถว ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อนหน้า Personal Spending จะเป็นตัวเลขเกี่ยวกับรายจ่ายของบุคคล การจับจ่ายที่ลดลงจะหมายถึงรายได้ที่ลดลง ซึ่งจะทำให้กระแสเงินโดยรวมลดลง (แต่ก็เช่นเดียวกับ Personal Income บางทีการจ่ายลดลงไม่ได้หมายถึงรายได้ที่ลดลง แต่อาจจะไม่อยากจะจับจ่ายก็เป็นได้) ตัวเลขการจับจ่ายที่มากขึ้น จะเป็นสัญญาณที่บ่งว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

15 BOE Rate Decision ( Bank Of England ) : การประกาศตัวเลขอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ US จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้น ๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น โดยปกติการปรับอัตราดอกเบี้ยจะคำนึงถึง 2 อย่างคือ 1.อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (อาจจะอ่อนไป หรือแข็งไป) และ2.อัตราเงินเฟ้อ และเงินฝืด (ECB ประกอบไปด้วย 25 ประเทศในยุโรป คือ Italy, France, Luxembourg, Belgium, Germany,Netherlands, Denmark, Ireland, United Kingdom, Greece, Spain, Portugal, Austria, Finland, Sweden,Czech Republic, Estonia, Cyprus, Latvia, Lithuania, Hungary, Malta, Poland, Slovakia และSlovenia)

16 ECB Rate Decision ( Europe Central Bank )

17 Durable Goods orders : ประกาศแถว ๆ วันที่ 26 ของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของเดือนก่อน โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้า โดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิต ซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง ตัวนี้จะเป็นเหมือนตัวบอกถึง GDP และ PDE การที่ตัวเลข Durable Goods Orders มีค่าที่มากขึ้น จะบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

18 ISM Manufacturing Index ( Institute of Supply Manager ) : ออกทุกวันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อนหน้า ตัวนี้จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงภาคการผลิต ซึ่งรวบรวมข้อมูลอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ การสั่งซื้อสินค้าใหม่, การผลิต, การจ้างงาน, สินค้าคงคลัง, เวลาในการขนส่ง, ราคา, การส่งออก และการนำเข้า การที่ตัวเลข ISM มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะแสดงถึงเศรษฐกิจที่ดี และสามารถทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นได้

19 Philadelphia Fed. Survey : ออกราว ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อนหน้า โดยการสำรวจนี้จะมองมุมกว้างในทิศทางของภาคการผลิต ซึ่งจะมีความสัมพันธ์ร่วมกับ ISM ที่มองเป็นลักษณะของการผลิตเป็นตัว ๆ ไป โดย Philadelphia Fed Survey จะบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของยุทธวิธีของผู้ผลิต ประกอบด้วย ชั่วโมงการทำงาน, พนักงาน และอื่น ๆ ซึ่งตัววัดตัวนี้มีความสำคัญมากในระบบเศรษฐกิจ การที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น

20 ISM Non-Manufacturing Index : ออกราว ๆ วันที่สามของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน ซึ่งเป็นการสำรวจของกลุ่ม การเงิน, ประกันภัย, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร และ ทั่วไป การที่ตัวเลข ISM เพิ่มขึ้นหมายถึง demand ที่เพิ่มขึ้น และทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

21 Factory Orders : ออกราว ๆ วันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน Factory Order เป็นการวัดการสั่งสินค้าทั้งหมด การสั่งสินค้าที่สูงหมายถึง demand ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

22 Industrial Production & Capacity Utilization : ออกราว ๆ กลางเดือน เป็นข้อมูลย้อนหลัง 1 เดือน ซึ่งเป็นตัววัดว่าการผลิตของอุตสาหกรรมได้ผลออกมาจริง ๆ เท่าไร การที่ตัวเลขออกมาสูงขึ้นหมายถึง demand ที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

23 Non-Farm Productivity : ออกราว ๆ วันที่ 7 ของเดือนที่ 2 ของ ควอเตอร์ เป็นข้อมูลของควอเตอร์ที่แล้ว อันนี้เป็นตัววัดของผลงานของคนงานและต้นทุนในการผลิตของสินค้า ในสถาวะที่เงินเฟ้อมีความสำคัญตัวเลขนี้ สามารถที่จะทำให้ตลาดเคลื่อนไหวได้ โดยถ้าตัวเลขที่ลดลงสามารถบอกถึงอนาคตที่เปลี่ยนไป เช่นตัวเลข GDP ที่ดี แต่ถ้าตัวเลขนี้ขัดกันก็สามารถทำให้ตลาดมีผลกระทบได้ การที่ตัวเลข Non-Farm Productivity เพิ่มขึ้น หมายถึงการยืนยันในเรื่องของพื้นฐานของเศรษฐกิจที่ดี และส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

24 Current Account Balance : ออกราว ๆ วันที่ 7 ของเดือนที่ 2 ของ ควอเตอร์ เป็นข้อมูลของควอเตอร์ที่แล้ว Current Account Balance จะบอกถึงความแตกต่างของเงินสำรอง และการลงทุน ตัวนี้เป็นตัวสำคัญในส่วนของการซื้อขายกับต่างประเทศ ถ้า Current Account Balance เป็น + จะหมายถึงเงินออมในประเทศมีสูง แต่ถ้าเป็น - จะหมายถึงการลงทุนภายในประเทศเป็นเงินจากต่างประเทศมาลงทุน ถ้า Current Account Balance เป็น + ส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

25 Consumer Confidence ( Consumer Sentiment ) : ออกทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือน เป็นข้อมูลเดือนปัจจุบัน เป็นการสำรวจในแต่ละครัวเรือน โดยตัวเลขตัวนี้จะมีความสัมพันธ์กับเรื่องของ การว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ และรายได้ที่แท้จริง การที่ตัวเลขมีค่าที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินแข็งค่า

26 NY Empire State Index - ( New York Empire Index ) : ออกทุกสิ้นเดือน โดยเป็นการสำรวจจากผู้ผลิต หากตัวเลขมีค่ามากขึ้น จะทำให้ค่าเงินแข็งค่า

27 Leading Indicators : ออกราว ๆ สองสามวันแรกของการทำงานของเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน ซึ่งจะเป็นบทสรุปของตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ประกอบไปด้วย New Order, Jobless Claim,Money Supply, Average Workweek, Building Permits และ Stock Prices

28 Business Inventories : ออกราว ๆ กลางเดือน ซึ่งเป็นข้อมูลของสองเดือนก่อน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการขายและสินค้าคงคลังจากภาคการผลิต การค้าส่ง และการค้าปลีก ตัวเลขที่สูงขึ้นของ Business Inventory หมายถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งทำให้ค่าเงินแข็งค่า

29 IFO Business Index ( Institute of IFO in Germany ) : ประกาศในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ซึ่งจะเป็นข้อมูลเดือนก่อน ซึ่งเป็นตัวที่ดูเกี่ยวกับภาคธุรกิจของประเทศเยอรมัน ตัวเลขที่สูงหมายถึงเศรษฐกิจที่ดี จะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

 

ระดับปานกลางถึงทั่วไป โดยมากใช้เป็นตัววัดพื้นฐาน... : ลำดับ ชื่อในปฏิทิน

30 Housing Starts

31 Existing Home sales

32 New Home Sales

33 Auto and Truck sales

34 Employee Cost Index - Labor Cost Index

35 M2 Money Supply - Money Cost

36 Construction Spending

37 Treasury Budget

38 Weekly Chain Stores - Beige Book -Red Book

39 Whole Sales Trade

40 NAPM ( National Association of Purchasing Management)

Post By : www.forexpropip.blogspot.com

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ชนิด

 

- ซึ่งคุณสามารถใช้เมื่อเข้าถึง forex การวิเคราะห์มูลฐาน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค มักจะมีการถกเถียงกันอยู่เสมอว่า การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า, แต่ ตามความจริงแล้ว เราจำเป็นต้องรู้ทั้งสองบ้างเล็กๆน้อย ดังนั้น มาดูเป็นอย่างเป็นอย่างไป จากนั้นจะได้นำมาใช้ร่วมกันได้

 

1.การวิเคราะห์มูลฐาน

 

คือวิธีดูตลาดผ่านปัจจัยอิทธิพล ทางเศรษฐกิจ, สังคม และการเมืองที่มีผลกระทบต่อ ปริมาณและความต้องการ อุปสงค์/อุปทาน กล่าวอีกอย่างหนึ่ง คือ คุณดูว่าเศรษฐกิจของใครกำลังไปได้ดี, และของใครกำลังแย่ แนวความคิดเบื้องหลังการวิเคราะห์ชนิดนี้ก็คือ เศรษฐกิจของใครก็ตามที่กำลังดี เงินตราของเขาก็ต้องดีด้วยเช่นกัน นี้เพราะว่า ยิ่งเศรษฐกิจของประเทศดี ประเทศอื่นๆยิ่งมีความเชื่อมั้นมากในเงินตรานั้น เป็นต้นว่า, ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะ เศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแรง ถ้าอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าของเงินดอลล่าก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และนี้เองคือสิ่งที่เราเรียกว่าการวิเคราะห์มูลฐาน ในหลักสูตร ภายหลัง เราจะได้เรียนว่าเหตุการณ์ข่าวประเภทไหนกัน ที่ผลักดันค่าเงินตราได้มากที่สุด ตอนนี้ให้รู้แค่ว่าการวิเคราะห์มูลฐานของ forex คือ วิธีวิเคราะห์เงินตราผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

 

2.การวิเคราะห์เชิงเทคนิค

 

คือ การศึกษาของการเคลื่อนไหวของราคา

คือ วิเคราะห์ทางเทคนิค = วิเคราะห์กราฟ (chart) แนวความคิดนี้ ก็คือเราสามารถดูประวัติการเคลื่อนไหวของราคา และอาศัยการขยับตัวของราคา ตัดสินคาดได้ในระดับหนึ่งว่าราคาจะไปที่จุดไหน โดยดูที่กราฟ คุณสามารถระบุแนวโน้ม และรูปแบบ ที่สามารถช่วยให้เห็นโอกาสดีในการชื้อขาย สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ แนวโน้ม! คนจำนวนมากมีคำพูดอยู่ว่า แนวโน้ม คือ เพื่อนของคุณ . เหตุผลคือ คุณอาจทำเงินได้มากกว่า เมื่อคุณสามารถค้นพบ แนวโน้ม แล้วซื้อขายในทิศทางเดียวกัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยคุณระบุแนวโน้มเหล่านี้ในขั้นต้นๆ ของมัน และเพราะฉะนั้น(ผมเพิ่งพูดว่าเพราะฉะนั้นใช่ไหม )จึงช่วยให้ คุณได้โอกาสซื้อขายทำกำไรมาก

 

ดังนั้น การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า?

คำตอบ คือ ไม่ใช่แบบใด ทั้งนั้น คุณต้องการการวิเคราะห์ทั้งสองชนิดที่จะเป็นนักค้าที่สมบูรณ์ นี้ คือ ตัวอย่างของการโฟกัสใช้การวิเคราะห์เพียงชนิดเดียวที่นำไปสู่ความหายนะ

 

สมมุติว่าคุณดูที่กราฟของคุณ และ คุณเห็นโอกาสดีที่จะซื้อขาย คุณรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก คิดอยู่ว่เม็ดเงินกำลังจะตกลงจากท้องฟ้าแล้ว(เหมือนกับฝน) คุณพูดกับตัวคุณเอง "โห..เราไม่เคยเห็นโอกาสซื้อขายที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน เจ้ากราฟคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา" จากนั้น คุณก็ดำเนินการเข้าซื้อขายด้วยรอยยิ้มด้วยความมั่นใจ. แต่เดี่ยวก่อน .. ทันทีทันใด ราคาซื้อขายก็ขยับวูบไปถึง 30 จุด ในทิศทางตรงกันข้าม ! คุณรู้น้อยไปหน่อยว่า อัตราดอกเบี้ยได้ลดลงไปแล้วสำหรับเงินตราของคุณ และขณะนี้ทุกๆคนกำลังซื้อขายในทิศทางตรงกันข้าม

คุณเพิ่งสูญเสียเงินไปหนึ่งก้อน ทั้งหมดนี้เพราะ คุณเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงต่อการวิเคราะห์มูลฐาน

 

http://hotpro.webs.com/forex04.htm

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

งั้นไป The Mall ทั้งครอบครัวดีแล้วเจ้. การออกเที่ยวนี่ถึงจุดเบื่อมันก็เบื่อมากๆ. แต่ครอบครัวจะยุ่งยังไงก็ยังแฝงความสุขใจได้ตลอด

 

หยุดยาวนี่เบื่อมากเลยซ้อ ของเจ้ไหนต้องทำความสะอาดบ้านทุกอย่างก่อนไป จัดกระเป๋าของลูก กะของตัวเองรวมกัน ห้ามไปใส่กระเป๋าปั้ว แกไม่ชอบ

 

ไหนจะต้องหาที่พัก ที่คนไม่เยอะ เดี๋ยวลูกไปทำความรำคาญกะ คนอื่น ไหนต้องเตรียม อาหารลูกคนโตไปอีก คือ ทอดหมี่กรอบไป เพราะไม่ยอมกินอย่างอื่นนอกจากหมี่กรอบราดหน้ากะข้าวมันไก่ทอด ขับรถ หิ้ว ของ ไปว่ายน้ำเป็นเพื่อนลูก ก็ต้องคอยจับ ไม่ไห้ไปกวน คนอื่น ขึ้นมาจากสระ ไหน จะต้องอาบน้ำให้ของเค้า แล้วก็ ของตัวเอง อยากนอนพัก มันก็ไม่ยอมให้นอนจะให้ทำโน่น ทำ นี่ ตลอด.................

กลับมาก็ต้องซักผ้า ที่เอาไปเที่ยว ถูบ้าน........... เหนื่อยมากกว่าไปทำงานอีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยกนิ้วโป้งให้เลยคุณป๋า ไม่ได้โป้งแบบโกรธ แต่สุดยอดเลยคุณป๋า ชอบที่วิเคราะห์แบบประมวลเรื่องราวออกมาให้เห็นภาพชัดๆ. ประสบการณ์ล้วนๆที่พวกเราแทบไม่มีหรือมีน้อยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...