ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

กสิกรไทยคาดตลาดเงินมีสภาพคล่องสูง “หุ้น-ตราสารหนี้-ทองคำ” ยังทำกำไรได้ (22/01/2556)

นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่าบลจ.กสิกรไทย วางเป้าหมายอัตราการเติบโตในปีนี้ที่ 19% ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม และคาดว่ามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) เติบโตถึงระดับ 1 ล้านล้านบาท โดยมองว่าปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรมจัดการกองทุนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากความเข้าใจในการลงทุนที่ดีขึ้นของกลุ่มนักลงทุนในวงกว้าง รวมถึงความเชื่อมั่นในสัญญานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

ขณะที่ในปี 55 ที่ผ่านมาสามารถเติบโตได้ 15% พร้อมสินทรัพย์ภายใต้การจัดการร่วม 8.5 แสนล้านบาท ซึ่งกองทุนรวมโตถึง 20% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพโต 15% โดยมี AUM เกิน 1 แสนล้านบาทเป็น? ในขณะเดียวกันกองทุนส่วนบุคคลยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ได้ อย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในการลงทุน ปี 56 นั้นมองว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มมีสภาพค่ลองมากขึ้นจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและสะท้อนความเสี่ยงในภาพรวมที่เริ่มลดลง แม้จะยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาอยู่บ้างแต่ก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนกลับมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นโดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในเอเชีย ทองคำรวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ

 

ส่วนกลยุทธ์ตราสารหนี้ จะยังคงรักษา Portfolio Duration ที่ระดับปานกลางเพื่อเพื่อสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในลักษณะผ่อนคลาย โดยที่บริษัทจะยังคงเน้นการลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศ และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ธนาคาร โดยเฉพาะสถาบันการเงินภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ยังคงให้โอกาศรับผลตอบแทนดีโดยได้อานิสงส์จากการเร่งระดมเงินฝากเพื่อใช้สนับสนุนต่างๆของภาครัฐ

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นมองว่า ตลาดหุ้นไทยจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวอย่างแข่งแกร่งของเศรษฐกิจไทย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมประชาคมอาเซี่ยน ซึ่ง บลจ.กสิกรไทย จะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตดังกล่าว โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียน 20 % และเป้าหมาย SET index ในปี 56 ที่ 1,550-1,600 จุด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 22 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเฮียเด็กขายของและเพื่อนๆทุกท่านครับ

ขอบคุณสำหรับทุกข้อมูลข่าวสารครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พายุหิมะกระหน่ำแมสซาชูเซตส์หนาเพิ่ม10นิ้ว

ข่าวต่างประเทศ วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ.2556 7:58น.

 

เกิดเหตุพายุหิมะโหมกระหน่ำเข้า รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ ทำให้ปริมาณของหิมะหนาขึ้นถึง 10 นิ้ว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เกิดพายุหิมะในทางทิศตะวันออกของรัฐแมสซาชูเซตส์ บางพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้มีหิมะตกหนักและสามารถวัดได้อีก 10 นิ้ว จากความหนาของหิมะ 4-6 นิ้ว เพียงชั่วข้ามคืนอากาศเริ่มเย็นตัวลง พร้อมทั้งพายุหิมะที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงศูนย์อากาศแห่งชาติ คาดว่าในวันนี้ (22 ม.ค.) อุณหภูมิของอากาศจะเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพอากาศในขณะนี้ ได้รับลมมรสุมเข้าประเทศ และคาดว่าอาจจะทำให้ปริมาณของหิมะสูงขึ้นอีกด้วย

 

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=429684

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

eur_20130121223716.gif

 

สถานการณ์ตอนนี้ ยูโรยังนิ่งๆๆ นักลงทุนจับตามที่ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงิน มากขนาดไหน ? แบบตามที่ อาเบะ ต้องการหรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

After 3 months of hot air, we finally arrive at the day which will show whether there is substance to PM Abe and his talk of a 2% inflation target. If the afternoon BOJ statement disappoints the market on all fronts, then we will see a wipe-out of JPY shorts and we will see USD/JPY trading on the 87 handle. If the BOJ delivers what the Japanese government wants, then we will see new highs made above 90.25. Then the big question is whether we have a ‘buy-the-rumour-sell-the-fact’ type event?

 

The other majors were fairly quiet overnight with only another modest weakening in the GBP to report. Cable has fallen back towards its 200-week MA (see chart) at 1.5825 and short-term momentum remains bearish. I prefer the sell-rally strategy here rather than trying to chase it lower. EUR/GBP has also made new recent highs to a 50% retracement level

at .8415 (see chart). Once again I prefer to be patient and buy dips in this pair rather than chasing it higher towards its .8540/70 target area.

 

http://www.fxstreet.com/technical/analysis-reports/asia-market-open/2013/01/21/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เยอรมนีขนทองคำแท่งกลับบ้านเตรียมทิ้งยูโร

a9ce7f6cafhiacj6gcigh.png

เยอรมนีกำลังขนทองคำแท่งกลับบ้านเตรียมทิ้งยูโร : หน้าต่างอาเซียน โดยทนง ขันทอง

 

เป็นข่าวใหญ่เมื่อวันพุธที่แล้ว เมื่อบุนเดสแบงก์ หรือธนาคารกลางของเยอรมนีออกแถลงการณ์ว่า มีความประสงค์ที่จะขนทองคำแท่งที่ฝากไว้ในตู้นิรภัยของเฟดเดอรัลรีเชร์ฟแห่งนิวยอร์กและธนาคารกลางของฝรั่งเศส เพื่อเอากลับมาเก็บดูแลรักษาในตู้นิรภัยของตัวเองที่แฟรงก์เฟิร์ต ทำให้มีคำถามขึ้นมาว่า เยอรมนีเตรียมทิ้งยูโรเพื่อกลับไปพิมพ์เงินมาร์กเหมือนเดิม โดยมีทองคำแท่งหนุนเพื่อความเชื่อมั่นหรือเปล่า?

 

ขณะนี้เยอรมนีมีทองคำแท่ง 3,400 ตัน มากเป็นอันดับสองของโลก รองมาจากสหรัฐอเมริกา ก่อนปี 1990 เยอรมนีเก็บทองคำแท่ง 98% อยู่นอกประเทศ คือสหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส แต่หลังจากสงครามเย็นสงบลง เยอรมนีค่อยๆ ทยอยขนทองคำแท่งที่เพิ่มพูนขึ้นมาจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกลับบ้าน อีกประการหนึ่งเยอรมนีได้เข้าร่วมเขตยูโร โดยใช้เงินสกุลยูโรแทนเงินมาร์กของตัวเองที่ยกเลิกไป ทำให้มีความจำเป็นน้อยลงในการเก็บทองที่ตู้นิรภัยในธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส เพื่อช่วยในการบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

 

เมื่อปี 2000 เยอรมนีได้ขอคืนทองคำแท่ง 930 ตันที่เก็บไว้ที่ธนาคารกลางของอังกฤษ แต่จะยังคงเก็บทองไว้ที่ธนาคารกลางอังกฤษ 13% ของทองคำทั้งหมดที่เยอรมนีมีอยู่ เริ่มปีนี้เยอรมนีจะขนทองคำแท่ง 300 ตัน ที่ฝากไว้ที่นิวยอร์กกลับบ้าน และจะขนทองคำแท่งทั้งหมด 374 ตันที่ฝากไว้กลับธนาคารกลางของฝรั่งเศสไม่เหลือหลอ

 

ตารางของการขนทองคำแท่งของเยอรมนีจากนี้ไปถึงปี 2536 เป็นดังนี้ :

 

31 ธันวา 2555 31 ธันวา 2563

แฟรงก์เฟิร์ต 31% 50%

นิวยอร์ก 45% 37%

ลอนดอน 13% 13%

ปารีส 11% 0%

 

 

ต้องเข้าใจว่าระบบการเงินกระดาษ (fiat currency) ของโลกเริ่มจะแกว่งไม่มีเสถียรภาพหลังวิกฤติปี 2551 เพราะระบบธนาคารล้มละลาย มีหนี้เสียมาก เศรษฐกิจถดถอย ตลาดเงิน ตลาดทุนเกือบจะพัง ทำให้ธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารกลางอังกฤษและเฟดเดอรัล รีเชร์ฟของสหรัฐอเมริกาต้องพิมพ์เงินเข้าไปอุ้มระบบการเงินไม่ให้ล้ม การพิมพ์เงินกระดาษโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง ทำให้ความเชื่อมั่นในเงินกระดาษไม่ปกติ

 

ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและค่าเงินยูโรลดลงอย่างมากหลังจากที่ประเทศยุโรปใต้หลายประเทศประสบภาวะวิกฤติต้องขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารกลางแห่งยุโรป ระบบธนาคารของสเปนและกรีซหนักที่สุดตอนนี้ เพราะว่าเงินกองทุนติดลบ จากหนี้เสียกองมหึมา มีความเป็นไปได้ว่าบางประเทศอาจออกจากเขตยูโรเพื่อไปตายเอาดาบหน้า โดยการหันกลับไปใช้เงินสกุลเดิมของตัวเอง ถ้าเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้เกิดขึ้นระบบการเงินยูโรจะยิ่งวิกฤติหนักขึ้นไปอีก

 

นี้จะเป็นข้ออ้างให้เยอรมนีถอนตัวจากเขตยูโรเหมือนกัน เพราะว่าเยอรมนีไม่สามารถจะอุ้มทุกประเทศที่มีปัญหาทางการเงินได้ ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้สูงพอสมควร การขนทองคำแท่งกลับบ้านตัวเองก็เป็นข้อยืนยันอย่างหนึ่งว่า เยอรมนีต้องมีทองคำสำรองระดับหนึ่งเพื่อหนุนหลังเงินมาร์ก ในกรณีที่ตัดสินใจทิ้งเงินยูโร

 

ทั้งจีน อินเดียและรัสเซียตอนนี้กำลังตุนทองกันยกใหญ่ เพราะรู้ดีว่าต่อไปเงินกระดาษจะมีความน่าเชื่อถือต้องมีทองหนุนหลัง ไม่ใช่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ หรือมีดอลลาร์กระดาษที่กำลังจะไร้ค่าหนุนหลัง

 

ระบบการเงินอังกฤษ และฝรั่งเศสต้องเซพอสมควรจากการที่เยอรมนีเล่นขอถอนทองคำแท่งแบบนี้ เพราะว่าทองที่ประเทศอื่นฝากเอาไว้ถูกนำไปปล่อยกู้ยืมต่อเป็นทอดๆ แถมถูกใช้หนุนตราสารกระดาษอิงทองคำ คล้ายๆ กันกับแบงก์ที่ถูกลูกค้ารายใหญ่ถอนเงิน ฐานะการเงินถึงกับเซได้ ถ้าหมุนเงินไม่ทัน และถ้าเอาทรัพย์สินอื่นมาอุดไม่เพียงพอ

 

เมื่อปี 2554 เวเนซุเอลาสร้างความฮือฮาด้วยการขอขนทองคำแท่ง 99 ตันที่ฝากไว้ที่อังกฤษกลับบ้านหมด สาเหตุต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นเหตุผลหลักทำให้สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษต้องไปเยี่ยมเยือนตู้นิรภัยเก็บทองคำแท่งของธนาคารกลางของอังกฤษเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อเรียกร้องความมั่นใจในระบบการเงิน การบริหารทองคำแท่งและตลาดทอง ซึ่งลอนดอนเป็นศูนย์กลางของโลก ภาพที่สมเด็จพระราชินีอังกฤษเยี่ยมตู้นิรภัยเก็บทองคำแท่งออกมาอย่างจงใจมากผิดปกติ เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่าทองคำแท่งยังมีอยู่ครบสมบูรณ์ และให้เชื่อมั่นในความเป็นศูนกลางทางการเงินและทองของลอนดอนต่อไป

 

ธนาคารแห่งประเทศไทยมีทองอยู่ประมาณ 250 ตัน และได้เก็บ 150 ตันเอาไว้ที่ลอนดอนเพื่อช่วยในการบริหารสภาพคล่องเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ อาจจะสายไปเสียแล้วสำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะต้องเริ่มตุนทองเพื่อใช้หนุนธนบัตรเงินบาทเพื่อความเชื่อมั่นในอนาคต เพราะที่ผ่านมามีทองมากตั้งแต่สมัยโบราณแต่ก็ขายออกไปแทบจะหมด เพราะหลงเชื่อว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นเศษกระดาษเปล่าๆ มีค่าและความน่าเชื่อถือมากกว่าทองคำแท่ง

 

http://www.komchadluek.net

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำทำร้ายอินเดีย

 

โดย : ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

 

http://www.bangkokbiznews.com/

 

อินเดียเป็นชาติที่พิสมัยทองคำเป็นพิเศษมาเป็นเวลาช้านาน ทองคำเป็นทั้งเครื่องประดับ เครื่องมือในการสะสมทรัพย์ และในการเก็งกำไร

 

การที่เศรษฐกิจอินเดียประสบปัญหาในปัจจุบันนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชอบทองคำเป็นพิเศษนี่แหละ

 

ทองคำเป็นสิ่งมีค่าที่มนุษย์เชื่อถือมาไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ปี และอาจเป็นโลหะชนิดแรกที่มนุษย์ใช้ในการประดับและประกอบพิธีกรรม

 

มีประมาณการว่าตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติมีการนำทองคำออกมาใช้ในโลกของเราทั้งหมดประมาณ 171,300 ตัน หรือ 5,500 พันล้านทรอยเอานซ์ (ทรอยเอานซ์เป็นหน่วยของทองคำโดย 1 หน่วยหนัก 31.10347 กรัม ดังนั้นทองคำ 1 บาทไทยจึงหนัก 0.4887 ทรอยเอานซ์) หรือ 8,876 คิวบิกเมตร ซึ่งถ้าเอามาปั้นเป็นลูกเต๋าก็จะได้ความยาวด้านละ 20.7 เมตร

 

นักธรณีวิทยาเชื่อว่าทองคำจำนวนมหาศาลของโลกฝังลึกอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของโลก หรือลึกลงไปประมาณ 6,300 กิโลเมตร (อยู่ห่างถ้ำลิเจียที่กาญจนบุรีมาก) มันได้จมลงไปในดินในขณะที่โลกยังมีอายุน้อยเนื่องจากทองคำมีความหนาแน่นสูง (หนัก)

 

ทองคำเกือบทั้งหมดที่มนุษย์ค้นพบกันนั้นล้วนเป็นทองคำที่มาจากอุกกาบาตจำนวนมากที่หล่นลงมาบนโลกในเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

 

อินเดียเป็นประเทศที่บริโภค (ใช้) ทองคำมากที่สุดในโลก สถิติในปี 2010 ระบุว่าใช้ถึง 745.7 ตัน ในขณะที่ในปี 2009 ใช้เพียง 442.37 ตัน รองลงมาคือจีนใช้ 428 ตันในปี 2010 ไทยใช้ 6.28 ตัน รวมแล้วทั้งโลกใช้ทองคำ 2,059.6 ตัน เปรียบเทียบกับ 1,760.3 ตันในปี 2009

 

ในปัจจุบันอินเดียในแต่ละปีซื้อทองคำโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งโลก คือประมาณ 800 ตัน โดยนำเข้าประมาณ 400 ตัน คาดว่าครัวเรือนอินเดียทั้งประเทศถือครองทองคำประมาณ 18,000 ตัน มูลค่าประมาณ 950,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเท่ากับร้อยละ 11 ของปริมาณทองคำทั้งหมดในโลกในปัจจุบัน หรือเกือบ 3 เท่าของทองคำที่ธนาคารกลางสหรัฐถืออยู่

 

ความบ้าคลั่งทองคำในรูปของทองรูปพรรณมีมายาวนาน อินเดียห้ามนำเข้าทองคำนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 กฎหมาย The Gold Control Order 1963 และปี 1968 กำกับควบคุมความต้องการทองคำโดยห้ามนำเข้า ตลอดจนจำกัดปริมาณทองคำที่ช่างทองสามารถมีอยู่ได้ในมือ เนื่องจากภาครัฐรู้จักรสนิยมของประชาชนดีและตระหนักถึงความต้องการทองคำอย่างไม่มีที่สุดของคนอินเดีย อย่างไรก็ดีกฎหมายนี้ถูกยกเลิกไปใน ค.ศ. 1990

 

ประเพณีให้ทองคำเป็นของขวัญในเทศกาล Diwali งานแต่งงาน และโอกาสอื่นๆ อันเป็นมงคล ตลอดจนปรากฏการณ์เศรษฐกิจสังคมในประเทศ เช่น การลักลอบซื้อขายและขนส่ง ยาเสพติด การค้าขายเงินตราต่างประเทศในตลาดมืด คอร์รัปชัน การใช้เป็นหลักทรัพย์ การหนีภาษี การใช้เป็นสินสอด การค้าขายสินค้าใต้ดิน การเก็งกำไร การแสวงหาความมั่นคงจากเศรษฐกิจที่ผันผวน ฯลฯ ล้วนมีส่วนในการทำให้ทองคำเป็นที่นิยม

 

ในแต่ละปีอินเดียนำเข้าทองคำกันมากมายเฉลี่ยปีละ 400 ตัน จนสูญเสียเงินตราต่างประเทศเป็นอันมาก นอกจากการนำเข้าน้ำมันซึ่งเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ทองคำซึ่งเป็นอันดับสองมีสัดส่วนร้อยละ 11.5 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด

 

เมื่อทางการอินเดียปล่อยข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะมีการเก็บภาษีนำเข้าให้สูงขึ้นเพื่อสกัดการนำเข้า ตัวเลขการนำเข้าทองคำก็ถีบตัวสูงขึ้นไปอีก การเก็บสะสมเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ของครัวเรือนก็สูงขึ้นจาก 18,000 ตัน เป็น 20,000 ตัน ซึ่งยิ่งทำให้การพยายามแก้ไขปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.4 ของ GDP ยากยิ่งขึ้น

 

หากอินเดียไม่มีการเกินดุลบัญชีทุน (เงินตราต่างประเทศจากการลงทุนและกู้ยืมสูงกว่าเงินตราต่างประเทศที่ไหลออกจากการไปลงทุนต่างประเทศและใช้คืนหนี้) ก็หมายถึงการขาดดุลการชำระเงิน (เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะลดลง) หากสภาวการณ์ขาดดุลนี้รุนแรงและเรื้อรังก็จะนำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและเงินสกุลรูปี เนื่องจากมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศน้อยลงเรื่อยๆ ส่งผลกระทบทำให้ราคาของเงินตราต่างประเทศในรูปของเงินรูปีสูงขึ้น (ค่าเงินรูปีลดลง) ซึ่งหลีกไม่พ้นที่จะกระทบถึงค่าครองชีพของประเทศ (อินเดียนำเข้าน้ำมันอันดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเงินตราต่างประเทศมีราคาแพง ราคาน้ำมันในรูปเงินรูปีก็ย่อมสูงตามไปด้วย)

 

การถือทองคำไว้ในมือไม่ว่าในรูปทองรูปพรรณหรือทองแท่งมิได้เพิ่มพูนความสามารถในการผลิตของสังคม อีกทั้งมิใช่การลงทุนที่เป็นประโยชน์ ทรัพยากรการเงินของทั้งประเทศไปจมอยู่ และไม่มีผลตอบแทนทางการเงินระหว่างที่ถือไว้อีกด้วย

 

อย่างไรก็ดีถ้าทางการอินเดียสนับสนุนให้มีการกู้ยืมโดยใช้ทองคำเป็นหลักทรัพย์ ค้ำประกัน การเป็นสังคมที่นิยมทองคำก็อาจก่อให้เกิดประโยชน์โภคผลขึ้นได้ถ้าไม่มีการนำเข้าอย่าง บ้าคลั่งอีกอย่างไม่รู้จบ

 

การแสวงหาและถือทองคำไว้ในมือไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมฉันใด การบ้าคลั่งปริญญาเพื่อเพิ่มวิทยฐานะก็ฉันนั้น เงินอาจซื้อทองคำและเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการได้มาซึ่งปริญญาได้ แต่เงินซื้อปัญญาไม่ได้

 

Tags : ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย

 

 

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

- สำนักข่าวรอยเต้อร์ส รายงานว่า ผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐเผยว่าจะอนุมัติการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเป็นเวลา 3 เดือนในสัปดาห์นี้ เพื่อให้วุฒิสภาซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ทำการอนุมัติแผนงบประมาณซึ่งจะลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งแผนดังกล่าวนับเป็นกลยุทธ์ใหม่จากพรรครีพับลิกันเพื่อแก้ไขภาวะชะงักงันด้านงบประมาณด้วยการกดดันให้วุฒิสมาชิกเป็นฝ่ายดำเนินการก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสในการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐจากระดับ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต้องอนุมัติภายในกลางเดือนก.พ.จนถึงต้นเดือนมี.ค. ทั้งนี้ นายเอริค แคนเทอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่าถ้าหากวุฒิสภาหรือสภาผู้แทนราษฎรไม่ผ่านร่างงบประมาณภายในวันที่ 15 เมษายนสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐก็จะไม่ได้รับเงินเดือน

 

ยุโรป: สหภาพยุโรป

- รัฐมนตรีคลังของยุโรปได้ประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกของปี 2556 เพื่อสรุปแนวทางดำเนินนโยบายที่ได้ให้คำมั่นไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะช่วยบรรเทาวิกฤตหนี้ในภูมิภาค โดยจะหารือกันในเรื่องวิธีการให้ความช่วยเหลือโดยตรงแก่ธนาคารต่างๆ ซึ่งในการประชุม รมว.คลังจะได้หารือถึงวิธีการและช่วงเวลาที่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) จะให้ความช่วยเหลือแก่ภาคธนาคาร ภายหลังจากที่ได้มีการพิจารณาผลการประเมินสถานการณ์ในสเปน ไซปรัส และกรีซทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า ปริมาณเงินทุนที่แท้จริงของ ESM สำหรับการช่วยเหลือแก่ธนาคารต่างๆนั้น อาจจะต่ำกว่า 1 แสนล้านยูโร เนื่องจากกองทุนจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจหลักในการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลที่ไม่สามารถเข้าถึงตลาดได้

 

สเปน

- กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เตรียมอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดที่ 2 ให้กับภาคธนาคารของสเปนในวันที่ 28 มกราคมนี้ แม้มีรายงานว่ารัฐมนตรีกลุ่มยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป จะประชุมเพื่อหารือกันในเรื่องดังกล่าวในวันจันทร์นี้ก็ตาม โดยรายงานข่าวยืนยันว่า ESM จะโอนเงินมูลค่า 1.865 พันล้านยูโร( 2,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับธนาคารสเปนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล ซึ่งได้แก่ธนาคาร Liberbank, Caja3, BMN และ CEISS โดยธนาคารเหล่านี้มีความจำเป็นจะต้องลดขนาดของธุรกิจลงราว 30% นอกจากนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตัวแทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเดินทางไปยังสเปนในวันที่ 28 ม.ค. เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างภาคธนาคาร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการประท้วงในสเปน เนื่องจากต้องมีการปรับลดสาขาของธนาคารและลดจำนวนพนักงา

- ธนาคารกลางสเปน รายงานว่า ตัวเลขหนี้สินที่ธนาคารพาณิชย์สเปนกู้ยืมจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ปรับตัวลดลง 8.13% จากเดือนพฤศจิกายนมาอยู่ที่ 3.13109 แสนล้านยูโร (4.16 แสนล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวลดลงเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน แต่หนี้สินของธนาคารสเปนที่กู้ยืมจากอีซีบียังอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสเปนในยูโรโซน (ราว 13%)

- กระทรวงเศรษฐกิจของสเปนรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2555 (มกราคม-พฤศจิกายน) ของสเปน ลดลง 29.5% มาอยู่ที่ระดับ 2.9463 หมื่นล้านยูโร (3.9226 หมื่นล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 สาเหตุที่ทำให้ยอดขาดดุลการค้าสเปนลดลงในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2555 มาจากยอดส่งออกที่สูงขึ้น และยอดนำเข้าที่หดตัวลง โดยยอดส่งออกในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3.7% สู่ระดับ 2.04855 แสนล้านยูโร (2.72740 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลง 2.1% สู่ระดับ 2.34318 แสนล้านยูโร (3.11972 แสนล้านดอลลาร์)

 

อังกฤษ

- RightMove ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ เปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่าราคาบ้านในอังกฤษในเดือนมกราคม 2556 ปรับตัวขึ้น 0.2% (m-o-m) จากที่ลดลง 3.3% ในเดือนธันวาคม 2555 และจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 2.4% จากที่เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก่อน โดยรายงานระบุว่า บรรยากาศในตลาดที่อยู่อาศัยปรับตัวดีขึ้น ขณะที่มีผู้ขายรายใหม่เพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วย และราคามีแนวโน้มจะทำสถิติสูงกว่าระดับสูงสุดที่ทำไว้เมื่อปี 2550 ภายในปี 2557 หากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังได้ระบุอีกว่าผู้ขายรายใหม่ที่ลงโฆษณาขายบ้านทางเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 22% ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยของอังกฤษค่อนข้างทรงตัวในช่วงปีที่ผ่านมา โดยราคาปรับตัวขึ้นราว 1% ในช่วงสิ้นปี ขณะที่จำนวนการทำธุรกรรมแทบไม่เปลี่ยนแปลง

 

เอเชีย: จีน

- หุ้นกลุ่มชิปปิ้งของจีนปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันจันทร์หลังจากสื่อจีนรายงานว่าทางการจีนกำลังจัดทำแผนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเดินเรือ ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือด้านภาษีและการสนับสนุนด้านการเงินอื่นๆ โดยมีแนวโน้มที่จะนำมาใช้ในช่วงครึ่งปีแรก

 

ญี่ปุ่น

- แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า บีโอเจจะพิจารณาการทำพันธะสัญญาแบบไม่กำหนดวันสิ้นสุดโครงการในการประชุมนโยบายสัปดาห์นี้เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลและสินทรัพย์อื่นๆต่อไป จนกว่าจะเห็นอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และเศรษฐกิจแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้บีโอเจจะพิจารณาการยกเลิกอัตราดอกเบี้ย 0.1% ที่จ่ายให้กับธนาคารพาณิชย์ที่นำเงินมาฝากด้วย หลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะเพื่อให้ดำเนินการมากกว่านี้ในการทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะเงินฝืด โดยคาดว่าบีโอเจจะเพิ่มเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อขึ้นเป็น 2 % และอาจจะเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ในการประชุมทบทวนนโยบายในวันจันทร์และวันอังคารนี้

 

เอเซีย

- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศระบุว่าแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือโดยรวมสำหรับภาคธนาคารในเอเชีย-แปซิฟิคในปีนี้ มีเสถียรภาพจากการคาดการณ์ที่ว่า ภาคธนาคารจะยังคงปลอดจากแรงกดดันของอันดับความน่าเชื่อถือเชิงลบที่ได้กระทบภาคธนาคารในหลายประเทศทางตะวันตก โดยมูดี้ส์พิจารณาว่าแนวโน้มที่มีเสถียรภาพนี้เกิดขึ้นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาค, นโยบายการเงินที่ค่อนข้างผ่อนคลาย และสภาพคล่องสูงของภาคธนาคาร เมื่อเทียบกับเกณฑ์ระดับโลก รวมทั้งเงินทุนกันชนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งนี้รายงานแนวโน้มภาคธนาคารภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคประจำปี 2556 ซึ่งตรวจสอบทิศทางของระบบธนาคาร 14 แห่งในภูมิภาค พบว่าธนาคาร 11 แห่งมีแนวโน้มมีเสถียรภาพ ขณะที่ธนาคารของฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเชิงบวก ส่วนอินเดียและเวียดนามมีแนวโน้มเชิงลบ

 

ไทย

- คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบขยายเวลาลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 1 เดือน จากที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 มกราคม 2556 ไปเป็นสิ้นสุดกุมภาพันธ์ 2556 โดยกระทรวงการคลังเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาว่า เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคม 2556 แต่โดยที่ขณะนี้ราคาขายปลีกน้ำมันยังคงมีราคาสูง ซึ่งหากมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันดีเซลในระยะนี้จะทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นอีก ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน จึงเห็นควรขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี 0.005 ต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ในอัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือน

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กู้เงินในปีงบประมาณ 2556 สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2556 ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

 

Money Market

- บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเอเซียส่วนใหญ่แต่อ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินบาทในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้การอ่อนลงของค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่วันนี้สอดคล้องกับการที่ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ลดลง อย่างไรก็ดีในส่วนของค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นสวนทางกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่เช่นเดียวกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นในช่วงเช้าสวนทางกับตลาดเอเซียทำให้เห็นถึงภาวะที่เงินทุนต่างประเทศระยะสั้นยังไหลเข้ามาต่อเนื่องนับจากต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท อย่างไรก็ดีในช่วงตลาดสหรัฐฯค่าเงินดอลลาร์ฯได้แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับบาท

- เยน/ดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ค่าเงินเยนแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ก่อนการประชุมเป็นเวลา 2 วันของธนาคารกลางญี่ปุ่น ทั้งนี้แม้จะมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นและอาจปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายจาก 1% เป็น 2% ตามความต้องการของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแต่หลังจากที่ค่าเงินเยนอ่อนลงมามากในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ในต่างประเทศมองว่าค่าเงินเยนอาจอ่อนลงมามากเกินไปในขณะนี้ ดังนั้นจึงเริ่มมีแรงซื้อเงินเยนเข้ามามากขึ้นในวันนี้

- ยูโร/ดอลลาร์ เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ค่าเงินยูโรอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ก่อนที่จะแข็งขึ้นในช่วงบ่าย โดยวันนี้นักลงทุนเข้าซื้อเงินเยนมากขึ้นหลังจากเยนอ่อนค่าลงมากในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นของธนาคารกลางญี่ปุ่น ขณะที่ทางด้าน euro-area ขณะนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวมากเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีก่อน

 

Capital Market

- ตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์คิง

- ตลาดหุ้นเอเชีย เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ดัชนีนิกเกอิปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ก่อนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ทั้งนี้นักวิเคราะห์ในต่างประเทศชี้ว่าตลาดได้ปรับตัวรับแนวโน้มในการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นไปมากแล้วซึ่งส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นไปเร็วมากก่อนหน้านี้ ดังนั้นดัชนีจึงมีการปรับตัวลงมาบ้าง ซึ่งเป็นใปในลักษณะเดียวกับการที่ค่าเงินเยนอ่อนลงไปมากก่อนหน้านี้ทำให้วันนี้ค่าเงินเยนปรับตัวแข็งขึ้นมาเล็กน้อย โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีนิกเกอิลดลง 1.52% สำหรับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้าวันนี้โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบางบริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน และหุ้นกลุ่มชิปปิ้งของจีนที่ราคาปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง หลังสื่อจีนรายงานว่าจีนกำลังจัดทำแผนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเดินเรือ ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือด้านภาษีและสนับสนุนด้านการเงินอื่นๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะนำมาใช้ในครึ่งปีแรก โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเพิ่มขึ้น 0.48% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งวันนี้ปิดตลาดลดลง 0.05%

 

- ตลาดหุ้นไทย เมื่อวันจันทร์ (21 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเช้าวันนี้สวนทางตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ๋ ซึ่งสอดคล้องกับการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นในเช้าวันนี้ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี และพาณิชย์ โดยในช่วงบ่ายดัชนียังทรงตัวในแดนบวกอย่างต่อต่อเนื่อง ส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 6.04 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 22 มกราคม 2556

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

22 มกราคม 2556

 

เงินบาทเปิด 29.83/85 อ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 29.75-29.90

 

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 29.83/85 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 29.72/74 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นการเคลื่อนไหวตามภูมิภาค

 

"ระหว่างวัน เงินบาทน่าจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ" นักบริหารเงินกล่าว

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 89.64/68 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากระดับ 89.46/48 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3308/3312 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าจากระดับ 1.3315/3317 ดอลลาร์/ยูโร

 

คืนนี้ สหรัฐฯมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.2012 และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนธ.ค.2012

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 29.75-29.90 บาท/ดอลลาร์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขณะตลาดจับตาผลประชุมแบงก์ชาติญี่ปุ่น

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันนี้

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 132.54 จุด เมื่อเวลา 9.42 น.ตามเวลาโตเกียว โดยมีสัดส่วนหุ้นบวกต่อหุ้นลบ 5 ต่อ 4 หุ้น

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,765.10 จุด เพิ่มขึ้น 17.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,596.38 จุด เพิ่มขึ้น 5.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,746.79 จุด เพิ่มขึ้น 21.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,986.58 จุด ลดลง 0.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,221.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,171.67 จุด ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,627.00 จุด ลดลง 8.63 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,778.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.00 จุด

 

หุ้นคิริน โฮลดิงส์ ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 4%

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า บีโอเจจะขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยนในการประชุมวันนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอย หลังจากที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศมาตรการใช้จ่ายในวงเงินเท่ากัน พร้อมกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเป็น 2%

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

" น้ำมันอ่อนตัว หลังนักลงทุนกังวลอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด "

 

ตลาดน้ำมันสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุดมาร์ตินลูเธอร์คิงจูเนียร์ ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบ ก.พ. ปรับลดลง 0.18 ปิดที่ 111.71 เหรียญฯ

 

- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุดของสหรัฐฯ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสที่ซื้อขายในกระดานอิเล็กทรอนิกส์ ช่วงเวลา 7.00 น. ประเทศไทย ปรับลดลง 0.26 มาอยู่ที่ 95.30 เหรียญฯ

 

- ตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบจากประเทศนอกกลุ่มโอเปค ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่จะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ที่ 7.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ฝั่งอุปสงค์จะเติบโตเพียง 9 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้กลุ่มโอเปคจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตเพื่อไม่ให้ปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด โดยในเดือน ธ.ค. กลุ่มโอเปคได้เริ่มลดกำลังการผลิตไปแล้วประมาณ 1 แสนบาร์เรลต่อวัน มาอยูที่ 30.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

- ปัจจัยกดดันจากภาพเศรษฐกิจยังคงเป็นแนวต้านสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันไม่สามารถขยับขึ้นได้มาก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันอาจเติบโตน้อยกว่าที่คาด หลังจากตัวเลขความรู้สึกผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 71.3 จุด

 

+ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์จับตัวประกันและเข้ายึดแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติในอัลจีเรียสร้างความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของอัลจีเรียในอนาคต โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงถึง 80 ราย โดยเป็นฝั่งตัวประกัน 48 ราย ซึ่งถือว่าเป็นการสูญเสียตัวประกันมากสุดในรอบหลายสิบปี ทำให้อาจจะส่งผลต่อการลงทุนขุดเจาะน้ำมันดิบในระยะยาว โดยปัจจุบันอัลจีเรียเป็นสมาชิกในกลุ่มโอเปคและมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากตลาดสหรัฐฯ ที่เริ่มมีสัญญาณว่าอุปทานจะเริ่มปรับลดลงหลังจากที่โรงกลั่นจะเริ่มเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุงในเดือน ก.พ.-มี.ค.

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ประกอบกับมีแรงซื้อจากแอฟริกาและตะวันออกกลางเข้ามาในตลาดเอเชียมากขึ้น ในขณะที่อุปทานฝั่งยุโรปจะปรับลดลงในช่วงปิดซ่อมบำรุงเดือน ก.พ.-มี.ค. เช่นกัน

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 108 -115 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 90 - 97 เหรียญฯในสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมสำคัญต่างๆ การเลือกตั้งอิสราเอล และความคืบหน้าของแผนการปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ ส่วนในวันนี้ตลาดสหรัฐฯ ปิดเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์คิง

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้/ ผลประกอบการไตรมาส 4/55 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯได้แก่

วันอังคาร: ดัขนีวัดภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนและเยอรมนี (ZEW) ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ / กูเกิ้ล/ จอหน์สัน แอนด์ จอหน์สัน/ เวอริซอน

วันพุธ: ดัชนีภาคการผลิตจีน(HSBC) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน/ แอปเปิ้ล/ แมคโดนัลด์

วันพฤหัส: ดัชนีภาคการผลิต-ดัชนีภาคบริการ และดุลบัญชีเดินสะพัดยูโรโซน ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ / 3เอ็ม/ เอที แอนด์ ที/ ไมโครซอฟ/ ซีร็อค

วันศุกร์: ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเยอรมนี(I FO)-การประชุมกลุ่มผู้นำยุโรป (Eurogroup Meeting) ในวันที่ 21 ม.ค. การประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (EU Finance Minister Meeting) ในวันที่ 22 ม.ค. และการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 -27 ม.ค. นี้ ติดตามว่าผู้นำจากประเทศต่างๆ จะมีมุมมองอย่างไรต่อภาพรวมเศรษฐกิจในปี 56 หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงมาอยู่ที่ 2.4% จาก ที่คาดไว้เดิมที่ 3.0% เมื่อเดือน มิ.ย. 55

 

- จับตาการอนุมัติแผนเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราวระยะเวลา 3 เดือน ของสหรัฐฯ ที่จะช่วยให้สหรัฐฯ ไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้และไม่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง รวมถึงเพื่อเพิ่มเวลาให้สภาฯ ได้พิจารณาการปรับลดงบประมาณในระยะยาวได้

-การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 21-22 ม.ค.นี้ ตลาดคาดว่า BOJ จะปรับพิจารณาเข้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆ จนกว่าอัตราเงินเฟ้ อจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% จาก 1% ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการที่ BOJ จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น

-ติดตามผลการเลือกตั้งทั่วไปในอิสราเอลในวันที่ 22 ม.ค. ว่าพรรคลิคุดของนายเนทันยาฮูจะได้รับคะแนนเสียงเท่าไรและจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกสมัยได้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศของอิสราเอลต่อปาเลสไตน์และอิหร่าน โดยเฉพาะความกังวลเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่านหลังล่าสุดการเจรจาระหว่าง IAEAและอิหร่านยังไม่คืบหน้า อย่างไรก็ตาม จะมีการเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 12 ก.พ. นี้

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ บริเวณคุชชิ่งโอกลาโฮมา คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากระดับสูงหลังมีการเปิดใช้ส่วนต่อขยายของท่อขนส่งน้ำมัน Seaway Pipeline ที่มีกำลังขนส่งรวม 400,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ม.ค.

 

ราคาน้ำมันดิบ (เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)

-----------------------------------------------------------------

ราคาน้ำมันตลาดจร 18 ม.ค. 56 21 ม.ค. 56 เปลี่ยนแปลง

-----------------------------------------------------------------

เวสต์เท็กซัส (ก.พ.) 95.56 CLOSED* -

เบรนท์ (ก.พ.) 111.89 111.71 -0.18

ดูไบ 107.40 107.75 0.35

เงินดอลลาร์ (เหรียญสหรัฐฯ ต่อ ยูโร) 1.3317 CLOSED* -

ดัชนีอุตสหกรรมดาวโจนส์ (จุด) 13,649.70 CLOSED* -

ราคาทองคำ เหรียญสหรัฐฯ ต่อ ออนซ์)1,688.10 CLOSED* -

----------------------------------------------------------------

 

ราคาขายปลีกและค่าการตลาด (บาท/ลิตร)

-------------------------------------------------------

UG91 GSH95 GSH91 B5

-------------------------------------------------------

ราคาหน้าโรงกลั่น 23.84 23.26 23.15 24.64

ภาษี 10.74 9.42 9.26 1.96

กองทุน 8.75 3.05 0.75 1.35

ค่าการตลาด 2.92 2.10 2.23 1.84

ราคาขายปลีก 46.25 37.83 35.38 29.79

-------------------------------------------------------

ปตท.-บางจาก ลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 50 สต./ลิตร มีผลวันที่ 18 ม.ค.56 ส่วนดีเซลคงเดิม

 

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์ (เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)

----------------------------------------------------------------

ราคาน้ำมันตลาดจร 18 ม.ค. 56 21 ม.ค. 56 เปลี่ยนแปลง

----------------------------------------------------------------

เบนซินออกเทน 95 121.26 122.31 1.05

น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 127.79 128.15 0.36

น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (0.05%กำมะถัน) 126.85 126.97 0.12

น้ำมันเตา (3.5% กำมะถัน) 100.34 100.50 0.16

----------------------------------------------------------------

*ตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการวันที่ 21 ม.ค.56 เนื่องในวันหยุดมาร์ตินลูเธอร์คิงจูเนียร์

 

โดย หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ประจำวันที่ 22 ม.ค. 2556

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไอเอ็มเอฟเตือน แนวโน้มในระยะใกล้สำหรับโปรตุเกสมีความไม่แน่นอน(22/01/2556)

นางเนมัต ชาฟิค รองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจและความพยายามในการปฏิรูปของโปรตุเกสเป็นที่ "น่าประทับใจ" แต่ก็เตือนด้วยว่า แนวโน้มในระยะใกล้สำหรับโปรตุเกสมีความไม่แน่นอน เมื่อพิจารณาจากความจำเป็นที่ต้องลดงบประมาณลงอีก ทั้งนี้ ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากคณะกรรมการไอเอ็มเอฟได้อนมุติการเบิกจ่ายเงิน กู้งวดต่อไปจำนวน 838.8 ล้านยูโรให้แก่โปรตุเกสภายใต้มาตรการช่วยเหลือระหว่างประเทศวงเงิน 7.8 หมื่นล้านยูโรของโปรตุเกส ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากไอเอ็มเอฟ, สหภาพยุโรป (อียู) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 22 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานภาวะ​การซื้อขายยาง​แผ่นรมควันชั้น 3(RSS3) หลังปิด​การซื้อขายวันนี้

มีมูลค่ารวม​ทั้งสิ้นประมาณ 109.45 ล้านบาท มีปริมาณซื้อขายรวม 210 สัญญา ลดลงจากวันศุกร์ 585 สัญญา

 

นายชัยวัฒน์ ​เหมือนมี นักวิ​เคราะห์ บริษัท ดี​เอส ฟิว​เจอร์ส จำกัด ​เปิด​เผยว่า ภาพรวม​การซื้อขายยาง​แผ่นรมควันชั้น

 

3 (RSS3) วันนี้ปริมาณ​การซื้อขาย​เบาบาง ส่วนราคาปรับตัวลดลงประมาณ 2 บาท/กก. ประ​เด็นกดดันคือนักลงทุนรอผล​การประชุม

 

 

 

ของธนาคารกลางประ​เทศญี่ปุ่น (BOJ) ว่าจะ​แถลง​เกี่ยวกับกรอบ​เงิน​เฟ้อ​เป้าหมายที่ 2% ​หรือ​ไม่ ส่งผล​ให้วันนี้นักลงทุน​ทั้งที่ตลาด

 

TOCOM ประ​เทศญี่ปุ่น ​และตลาด AFET พากัน​เทขายออกมาก่อน

ประกอบกับค่า​เงินบาทยังคง​แข็งค่าต่อ​เนื่อง​ในรอบ 15-16 ​เดือนยังคง​เป็นประ​เด็นกดดันราคายางต่อ​ไป

 

​แต่อย่าง​ไร​ก็ตาม ​ในระยะกลางราคายางยังมีสัญญาณ​เป็นบวก ​ทั้งจากจีนรายงานตัว​เลข​เศรษฐกิจที่​แข็ง​แกร่ง ​และอีก​ไม่

 

กี่วันข้างหน้าจะ​เข้าสู่ช่วง​เทศกาลตรุษจีน อาจจะ​ได้​เห็นจีนสต็อกของก่อนหยุดยาว ​และ ราคาน้ำมันดิบ​ในตลาด​โลกอยู่​ในระดับสูงสุด​ใน

 

รอบ 4-5 ​เดือนที่ระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์​เรล

ประ​เมินกรอบราคาวันพรุ่งนี้ ​แนวรับอยู่ที่ 102.30 บาท/กก. ​และ​แนวต้านอยู่ที่ 107.10 บาท/กก.

 

ส่วนปริมาณสัญญาซื้อขายคงค้าง(Open Interest) อยู่ที่ 2,992 สัญญา ​เพิ่มขึ้น 23 สัญญา

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์(วันที่ 22 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

BOJ เปิดฉากประชุม พิจารณาเป้าเงินเฟ้อ 2%(22/01/2556)

ธนาคารกลางญี่ป่น (บีโอเจ) เริ่มเปิดฉากการประชุมกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วันเมื่อวานนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะกำหนดเป้าเงินเฟ้อที่ 2% และพิจารณาผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเพื่อบรรลุเป้าดังกล่าว ตามข้อเรียกร้องของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ซึ่งให้คำมั่นในการจัดการกับภาวะเงินฝืดที่เรื้อรัง

 

 

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า หากบีโอเจผ่อนคลายนโยบายการเงิน ก็จะนับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่บีโอเจผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมกำหนดนโยบาย 2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งส่งสัญญาณถึงแนวทางในการดำเนินนโยบายเชิงรุกมากขึ้น

 

 

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า คาดกันว่าบีโอเจจะตัดสินใจกำหนดเป้าเงินเฟ้อที่ 2% และระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมกับรัฐบาล ซึ่งอาจจะมีการเปิดเผยหลังสิ้นสุดการประชุมนโยบายของบีโอเจในวันพรุ่งนี้

 

 

 

นายอาเบะได้เรียกร้องให้บีโอเจดำเนินการผ่อนคลายทางการเงินอย่างจริงจัง จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ขณะที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อย ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซาทั้งจากในและต่างประเทศ

 

ที่มา : money channel (วันที่ 22 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...