ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวน์ตามตลาดตปท. หลังตัวเลขศก.สหรัฐ-ยุโรปดีกว่าคาด (06/02/2556)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักเชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ภาวะตลาดเช้านี้จะสามารถฟื้นตัวได้จากที่ติดลบเล็กน้อยในวันที่ผ่านมา โดยจะเป็นการรีบาวน์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีทั้งฝั่งสหรัฐ และ ยุโรป โดยเฉพาะตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐดีกว่าที่คาด รวมทั้งตัวเลขภาคการผลิตและภาคบริการของสหภาพยุโรปปรับตัวดีขึ้นในเดือน ม.ค.56 จากเดือน ธ.ค.55

 

นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐมีการประกาศงบออกมา 23 บริษัท โดยเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 10 % ส่งผลให้ตลาดต่างประเทศรีบาวน์ หลังจากที่ร่วงลงหนักในวันก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยจะรีบาวน์ตามตลาดหุ้นภูมิภาค และ ตลาดหุ้นต่างประเทศด้วย ส่วนตลาดภูมิภาคมองว่าวันนี้จะบวกบางๆ พร้อมให้แนวต้าน 1,511-1,512 จุด หากผ่านแนวต้านได้จะปรับเป็น 1,520 จุด แนวรับ 1,500-1,505 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

IMFร้องแบงก์ชาติทั่วโลกรักษาเสถียรภาพการเงิน(06/02/2556)

ไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้ธนาคารกลางทั่วโลกกำหนดให้การสร้างเสถียรภาพทางการ เงินไปพร้อมกับการวางนโยบายการเงินเป็นเป้าหมายหลักของการทำงาน

 

หลัง จากเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มใช้มาตรการดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคเพื่อ ป้องกันการลงทุนที่เสี่ยงเกินความจำเป็นและป้องกันไม่ให้ระดับความเสี่ยง เชิงระบบเศรษฐกิจมีมากเกินพอดี

 

แต่นโยบายการเงินควรจะยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการควบคุมเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

 

ไอ เอ็มเอฟมองว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการเงินและมาตรการดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ มหภาคจะทำให้เกิดทั้งเสถียรภาพทางการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

 

อย่าง ไรก็ตามการใช้นโยบายการเงินเพื่อประคองเสถียรภาพทางการเงินยังเป็นข้อกังขา ในเหล่าผู้กำหนดนโยบาย เพราะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้นโยบายการเงินในการรักษา เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

 

รองประธานเฟด แจเน็ต เย็ลเลน กล่าวว่า เสถียรภาพทางการเงินจำเป็นสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ จะเห็นได้จากธนาคารกลางสหรัฐได้กำหนดนโยบายเพื่อลดอัตราการว่างงานและควบคุม อัตราเงินเฟ้อไปพร้อมกัน

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีเจ้าหน้าที่เฟดบางคนไม่แน่ใจว่าการใช้นโยบายการเงินจะเป็นเครื่องมือ ที่เหมาะสมสำหรับสร้างเสถียรภาพทางการเงินหรือไม่

 

ที่มา : money channel (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

4 แบงก์ใหญ่จีนพร้อมใจเพิ่มวงเงินกู้ (06/02/2556)

4 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของจีน พร้อมใจเพิ่มวงเงินกู้เป็น 3.7 ลล.หยวนในเดือนมกราคมนี้

 

 

 

หนังสือพิมพ์ “ไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล” รายงานในวันนี้ว่า ธนาคารใหญ่ที่สุด 4 แห่งของจีนพร้อมกันขยายวงเงินกู้รอบใหม่ในเดือนมกราคมเป็น 3.7 แสนล้านหยวน หรือ 5.94 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มจาก 3.2 แสนล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา การขยายวงเงินครั้งนี้นับว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 2.1 แสนล้านหยวนในเดือนธันวาคม หลังจากยอดการกู้เงินธนาคารรอบใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2555 เช่นเดียวกับสัดส่วนยอดรวมของระบบการเงินเพื่อสังคม

 

4 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของจีนที่เพิ่มระดับเพดานของวงเงินกู้ ประกอบไปด้วย ธนาคารพาณิชย์แห่งประเทศจีน, ธนาคารเพื่อการเกษตร, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารแห่งประเทศจีน เป็นไปตามความคาดหวังในวงกว้างของตลาดภายในประเทศ

 

จากผลสำรวจของรอยเตอร์ประมาณการว่า ยอดการกู้เงินรอบใหม่จากธนาคารจีนทั้งหมดอาจจะแตะถึง 1 ล้านล้านหยวนในเดือนมกราคม ซึ่งโดยปกติแล้วยอดเงินกู้จากธนาคารยักษ์ใหญ่ 4 แห่งนับเป็น 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของยอดรวมการปล่อยเงินกู้ธนาคารรอบใหม่ในจีน

 

จีนกำลังเพิ่มช่องทางการปล่อยเงินสู่ตลาดให้หลากหลายขึ้น อาทิ ผ่านสินเชื่อทรัสต์และการลงทุนตราสารหนี้ ซึ่งหมายความว่าเงินกู้ธนาคารกำลังถูกลดบทบาทแห่งเงินกู้อันดับ 1 ลง

 

ในเดือนธันวาคม ยอดรวมของเงินกู้รอบใหม่มีจำนวนถึง 4.45 แสนล้านหยวนจากกองทุนการปล่อยกู้ทีเอสเอฟ ทั้งหมด 1.6 ล้านล้านหยวน ทั้งนี้ อัตราส่วนของเงินกู้หยวนในทีเอสเอฟแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52.1% ในปี 2555 และนักวิเคราะห์เชื่อว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะร่วงต่ำกว่า 50% ในปีนี้ โดยเทียบกับ 91.9% ของเมื่อ 10 ที่ผ่านมา

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปัญหาการเมืองยุโรป กดดันยูโรอ่อน (06/02/2556)

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 29.75/77 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (04/1) ที่ระดับ 29.77/79 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทไทยในช่วงวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเนื่องจากขาดปัจจัยชัดเจนเข้ามาผลักดันการเคลื่อนไหวและนักลงทุนยังรอประเมินสถานการณ์การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 20 ก.พ. หลังจากที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง และนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมใจกันให้ความเห็นว่า นโยบายดอกเบี้ยไทยอยู่ในระดับที่สูง และควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในช่วงนี้ ทั้งนี้ทิศทางเงินบาทยังคงแข็งค่าไหลไปกับแนวทางเดียวกันกับค่าเงินภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทระหว่างวันอยู่ที่ระดับ 29.73-29.77 บาท/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ 29.73/29.74 บาท/ดอลลาร์

 

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับที่ 1.3510/11 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินได้ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (04/1) ที่ระดับ 1.3563/64 ดอลลาร์/ยูโร โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าหลังจากพุ่งขึ้นทำนิวไฮตลอดร่วมสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มระมัดระวังในการเทรดก่อนที่วันพฤหัสนี้ จะมีผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกอบกับกระแสการเมืองเรื่องคอร์รัปชั่นของนายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอย ทำให้สเปนดูไม่มั่นคงมากขึ้นหลังจากที่จำนวนคนว่างงานก็ยังคงไต่ระดับนิวไฮสูงถึง 26% ในไตรมาส 4/2012 หรือประมาณ 5.97 ล้านคน ทั้งนี้ความไม่แน่นอนได้ส่งผลออกมาให้เห็นในผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ของรัฐบาลสเปนที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 5.44% และรัฐบาลอิตาลีก็พุ่งขึ้นสูงตามถึง 4.488% เช่นเดียวกัน ทั้งนี้กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินยูโรระหว่างวันมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.3459-1.3547 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3528/29 ดอลลาร์/ยูโร

 

สำหรับค่าเงินเยนนั้นเปิดตลาดที่ 92.28/29 เยน/ดอลลาร์ โดยปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวันจันทร์ (04/1) ที่ระดับ 92.82/84 เยน/ดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์นั้น เนื่องจากนายทาโร อาโซะ รมว.ญี่ปุ่นกล่าวว่า นโยบายญี่ปุ่นต้องการจัดการกับปัญหาเงินฝืดเป็นหลักไม่ใช่การทำให้เงินเยนอ่อนค่า ทั้งนี้การที่เงินเยนอ่อนค่า ไม่ได้เป็นเหตุให้เกิด "สงครามค่าเงิน" ตามที่หลายประเทศมีความวิตกกังวลต่อค่าเงินเยน

 

อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นต้องปกป้องมาตรการในการประชุมผู้นำทางการเงิน (กลุ่มจี-20) ในวันที่ 145-16 ก.พ.นี้ เพื่อหยุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ทั้งนี้กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินเยนระหว่างวันมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 91.99-93.03 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดตลาดที่ระดับ 92.84/88 เยน/ดอลลาร์

 

อนึ่ง ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐรายสัปดาห์ (US initial jobless claim) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาเดือน ธ.ค. (US international trade), ตัวเลขการประมารการครั้งแรกสำหรับประสิทธิภาพ การผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 4/2012 ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)

 

อัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.00/5.25 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +3.50/4.00 สตางค์/ดอลลาร์

 

ที่มา : มติชนออนไลน์ (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มันสมองธนาคารกลางสหรัฐปี 2013 (06/02/2556)

ณ นาทีนี้ ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมายังมีความไม่ชัดเจนเท่าไรนักว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนแล้วหรือไม่

 

 

 

การที่จะตัดสินใจว่าธนาคารกลางสหรัฐจะทำ QE เพิ่มเติมหรือไม่นั้น ในทางปฏิบัติ จะตัดสินโดยใช้วิธีการโหวตของสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ จึงน่าสนใจที่จะมาทำความรู้จักกับสมาชิกคณะกรรมการดังกล่าวกันเสียก่อน เนื่องจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ ดร. เบน เบอร์นันเก้ในทางนิตินัยมิใช่เป็นเพียงคนเดียวที่มีเสียงเด็ดขาดในการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ

 

สำหรับคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐชุดปัจจุบันนั้น มีทั้งกลุ่มที่ชอบควบคุมอัตราเงินเฟ้อ (Hawkish) และกลุ่มที่ชอบกระตุ้นเศรษฐกิจ (Dovish) ทีนี้ ผู้เขียนขอแบ่งสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐชุดปัจจุบัน ออกเป็นทั้งหมด 4 กลุ่ม ดังนี้

 

หนึ่ง กลุ่มที่อยากจะให้ยกเลิกการทำ QE และเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อจะเกิดขึ้น มีอยู่ 2 ท่าน ได้แก่ นายเอสเตอร์ จอร์จ และ นายเจมส์ บูลลาร์ด เรียกกลุ่มนี้ว่า Hawkish แม้ในระยะหลังนายบูลลาร์ดจะเริ่มลดระดับความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อลง แต่ผู้เขียนก็ยังเห็นว่าเขายังมีความเป็น Hawkish สูงอยู่

 

สอง กลุ่มที่อยากจะให้ลดปริมาณการทำ QE ได้แก่ นายเจโรม พาวเวล นางซาราห์ บลูม ราสกิน และนายเจเรมี สทีน โดยกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ก็ยังคล้อยตามนายเบอร์นันเก้ หากต้องโหวตประเด็นนโยบายการเงิน

 

สาม กลุ่มที่รอดูตัวเลขเศรษฐกิจในอนาคตเพื่อประเมินว่า ควรจะลดการทำ QE หรือไม่ ได้แก่ นายเบน เบอร์นันเก้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ และ นายเดเนียล ทารูโร

 

และสี่ กลุ่มที่เห็นว่าต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการทำ QE และคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำไปอีกหลายปี กลุ่มนี้ ได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน นายชารล์ส อีแวน และ นายเอริค โรเซมเก้น ซึ่งเรียกคนกลุ่มชอบกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า ชาว Dovish โดยเฉพาะนางเยลเลน

 

จะเห็นได้ว่า จากองค์ประกอบดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐไม่สะดุดอะไรแรงๆ เสียก่อน ธนาคารกลางสหรัฐก็มีโอกาสลดปริมาณการทำ QE ได้เหมือนกัน เนื่องจาก 5 ใน 11 เสียง คะแนนเทออกไปทางนั้น ซึ่งกุญแจสำคัญอยู่ที่นายเบอร์นันเก้ ว่าจะคิดเห็นเป็นเช่นไร เนื่องจากท่านประธานยังสามารถโน้มน้าวกลุ่มที่สองให้เห็นตามได้

 

มีเกร็ดเล็กๆ ในแวดวงเฟดว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว สมาชิกในคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐที่ถือเป็นขาประจำของการโหวตให้ยุติ QE และเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววัน รวมถึงมีอิทธิพลทางความคิดต่อสมาชิกอื่นๆ เป็นอย่างมากได้แก่ ดร. นารายานา โคเชอราโคต้า ได้มีความเห็นที่ถือว่าตรงกันข้ามกับนายเบอร์นันเก้อย่างสิ้นเชิง โดยเขาคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเชื่อว่าอัตราการว่างงานที่จะไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ (Structural Unemployment rate) ได้สูงอยู่ราวร้อยละ 8 แล้ว จึงส่งผลให้มาตรการนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดๆ มิได้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น รังแต่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี หลังจากที่นายเบอร์นันเก้ปิดห้องโน้มน้าวความเชื่อของนายโคเชอราโคต้า ด้วยการเปรียบเทียบแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ต่างๆ ในการอธิบายสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมๆ กับอัตราการว่างงานของสหรัฐที่ลดลง นายโคเชอราโคต้าจึงคล้อยตามและสนับสนุนมาตรการ QE ซึ่งการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ได้ทำให้ฉันทามติของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจเทมาทางผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบเต็มตัว เนื่องจากนายโคเชอราโคต้ามีอิทธิพลต่อความเห็นของสมาชิกท่านอื่นค่อนข้างมาก ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้เฟดมีความเป็น Dovish มาก ดังเช่นปัจจุบัน

 

สมาชิกที่ถือว่าชอบกระตุ้นให้เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตมากกว่าการดูแลอัตราเงินเฟ้อมากที่สุด ณ นาทีนี้ คือ ตัวเก็งประธานธนาคารกลางสหรัฐคนต่อไป นามว่า ดร. เจเน็ต แยลเลน ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ

 

ต้องบอกว่าแนวคิดของนางเยลเลนคล้ายคลึงกับนายเบอร์นันเก้ คือ ใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐเป็นหลัก ทว่าในช่วงหลัง นางมักจะเลือกนโยบายที่มีความเข้มข้นของการผ่อนคลายมากกว่านายเบอร์นันเก้ โดยความเชื่อดังกล่าวได้รับการบ่มเพาะจากการเป็นนักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์เป็นเวลากว่า 30 ปี จนได้มาเป็นประธานที่ปรึกษาให้กับประธานาธิบดี บิล คลินตัน ในปี 1997 และเข้ารับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาซานฟรานซิสโก ในปี 2004 จนกระทั่งได้เข้ามาเป็นรองประธานธนาคารกลางสหรัฐเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

 

ผู้เขียนขอสรุปว่า สำหรับคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐชุดนี้ ยังมีนายเบอร์นันเก้เป็นกุญแจหลักในการกำหนดทิศทางว่านโยบายการเงินสหรัฐจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรครับ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในส่วนของกราฟรหัสฯ 12,26,9 ทับกันแบบแพลมๆ แดงออกมาให้เห็น ว่าตามเนื้อผ้า ก็ต้องบอกว่า ขึ้นต่อ แต่เรื่องจริง บ่ายนี้ คืนนี้ ผันผวนน่าดู

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนในรหัส 5,35,9 ก็บ่งบอกเช่นกันว่า สามารถเดินหน้าไปต่อได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่วนในกราฟรหัส 7,5,2 แนบชิดติดกัน ดูค่อนข้างว่าจะเกิดอาการกระดกขึ้นกระดกลงของราคาอย่างมาก แล้วกลับมาที่เดิม. ประเภทนั่งดู พอเห็นขึ้น เย้ๆๆๆๆ พอเห็นลง ยี้ๆๆๆๆ ปิดเครื่องฯ ไปถูบ้านดูหนังฯ ดีกว่ามั่งครับ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับ เจ้เกี้ยมอี๋ ครับ

ขอให้วันเกิดปีนี้ มีแต่ความสำเร็จคิดสิ่งใดของให้สมปรารถนา อยากได้ทองก็ให้ได้ทอง อยากได้เงินอยากได้งานก็ขอให้เข้ามาจนล้นมือ สาธุ.......มีความสุขสมหวังเต็มปรี่นะครับ

 

http://www.youtube.com/watch?v=2f_2RpXUdZY

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาแปะสมาคมฯ กระตุกต่อมฮา ฮาขี้แตกขี้แตน ตั้งราคาได้โคตรสุดๆ ว่า ทิศทางจะเป็นขาขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุขสันต์วันเกิดนะครับ เจ้เกี่ยมอี่ ขอให้สุขกาย สบายใจ คิดสิ่งใดสมปรารถนาทุกประการ ไม่เจ็บไม่จน พ้นดอย ขอรับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุขสันต์วันเกิดค่ะเจ๊ ขอให้มีความสุขมาก ๆ โชคดีไม่มีดอย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...