ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

ผู้ส่งออก”พอใจ เงินบาทอ่อนลง จี้คลัง-แบงก์ชาติ ดูแลอย่าให้แข็ง(04/06/2556)

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และ สมาคมธนาคารไทยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงร้อยละ 0.25 ของ ว่า แม้จะไม่ใช่ระดับที่ภาคเอกชนต้องการ แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่า การทำงานร่วมกัน ระหว่าง รัฐบาล กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ไปในทิศทางที่ดี จึงส่งผลด้านจิตวิทยา

 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเห็นว่าภาครัฐบาลควรดูแลเงินบาทให้มีเสถียรภาพและไม่ให้เกิด ความผันผวนขึ้นอีกซึ่งขณะนี้เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน ไทยยังคงแข็งค่ากว่า 2-3 % ส่งผลต่อการแข่งขัน อย่างไรก็ดีระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีขึ้น กว่าช่วงที่ผ่านมา

 

ด้าน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่พอใจค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงที่มาอยู่ที่ 30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้ แต่ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานกาณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เงินบาทของไทยยังแข็งค่ากว่ะ 2-5 % ซึ่งจะมีผลต่อการแข่งขันทางการค้า ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าลงส่วนหนึ่งมาจากการใช้นโยบายผสมผสานของกระทรวงการคลัง และ ธปท. ในการดูแลเงินทุนไหลเข้าและออกประเทศ

 

ที่มา : แนวหน้า(วันที่ 4 มิย.56)

[Pete 15,187]

การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.50% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบล่าสุด เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/56 ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลัง "ชะลอตัว"

 

ดังนั้นวัตถุประสงค์ลดดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ก็เพื่อประคองเศรษฐกิจให้เดินต่อไป อีกทั้งการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ก็เพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองที่ร้อนระอุให้เย็นลงด้วย

 

อย่างไรก็ตาม "ดอกเบี้ยนโยบาย" ไม่ใช่เครื่องมือเพื่อลดกระแสเงินทุนไหลเข้าเท่านั้น แต่ "ดอกเบี้ยนโยบาย" เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แล้วต่อจากนี้ตลาดเงิน หุ้น บอนด์ และทองจะมีทิศทางอย่างไร

 

"นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์" กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ระบุว่า ดอกเบี้ยที่ลดลงมาแทบไม่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติในตลาดบอนด์มากนัก เนื่องจากการลดเพียง 0.25% ถือว่าต่ำ

 

แล้วการขายทิ้งพันธบัตรในวันที่ กนง.มีมติลดดอกเบี้ย ไม่ใช่เพราะลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่เกิดจากความกังวลใจและการมองไปข้างหน้าว่า กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการคุมเงินไหลเข้ามากกว่า

 

โดยข้อมูลของ ThaiBMA พบว่าต่างชาติเทขายบอนด์ออกมาต่อเนื่อง โดยในวันที่ 29 พ.ค.ต่างชาติขายบอนด์สุทธิ 8,599 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นบอนด์ระยะสั้นราว 6,200 ล้านบาท ส่วนวันที่ 30 พ.ค.ต่างชาติขายบอนด์สุทธิ 13,779 ล้านบาท โดยเป็นบอนด์สั้น 8,658 ล้านบาท

 

อีกทั้งเมื่อพิจารณาข้อมูลย้อนหลัง พบว่า พ.ค.เดือนเดียวมีการขายบอนด์สูงสุดในรอบปี ถึง 3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือโยกไปซื้อบอนด์ระยะยาว จนเป็นผลให้เงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 30.20 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินไหลเข้าไม่น่ากลัวเท่าไหลออก ดังนั้นรัฐต้องมีการเตรียมพร้อมให้ดี เพราะวันนี้ประเด็นไม่ใช่การลดดอกเบี้ยแล้ว แต่เป็นเงินไหลออกเพราะนักลงทุนกลัวการออกมาตรการใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงทุกตลาด" นิวัฒน์กล่าว

 

ฝั่งตลาดทองคำ "ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต" กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ กล่าวว่า เมื่อ กนง.ลดดอกเบี้ย เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลสะท้อนมาที่ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้น และแนะนำว่า นักลงทุนควรระมัดระวัง เพราะแม้ราคาทองจะปรับตัวขึ้น แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่มีโอกาสจะเทขายได้ หากราคาปรับขึ้นไปเหนือ 1,400 เหรียญ/ออนซ์ ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากการที่นักลงทุนบางกลุ่มได้ทำสัญญาเพื่อใช้สิทธิในการขาย (Put Options) ด้วย จึงถือเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองในช่วงหลังจากนี้

 

"ราคาทองที่ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากเงินบาทอ่อนตัว เพราะการอ่อนค่าลงทุก 1 สตางค์ ราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้นบาทละ 6.6 บาท แต่นักลงทุนก็ต้องระมัดระวัง เพราะการเพิ่มขึ้นครั้งนี้จะไม่ยาว เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงรออยู่มาก" ทรงวุฒิกล่าว

 

ส่วนตลาดทุน "ไพบูลย์ นลินทรางกูร" ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยกล่าวว่า การลดดอกเบี้ยของ กนง.ครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างความชัดเจนในนโยบายการเงิน เป็นไปตามคาดหมายของนักลงทุน และเป็นผลดี ตลาดหุ้นชอบให้ลดดอกเบี้ย เพราะจะยิ่งเป็นการส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนให้คึกคัก ฝั่งผู้ประกอบการก็ชอบเวลาดอกเบี้ยต่ำ ต้นทุนเงินกู้ก็ลด

 

ส่วนจะสร้างแรงหนุนให้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น เขาคิดว่าไม่ได้ชัดเจน เพราะในช่วงที่ผ่านมาต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นแล้วค่อนข้างมาก และเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหรือหุ้นเล็กมากขึ้น และคาดว่าการซื้อขายหุ้นระยะต่อไปอาจไม่เพิ่มขึ้นมากนัก อาจเฉลี่ยวันละ 4.5-5 หมื่นล้านบาท

 

ด้านตลาดการเงิน ผู้กู้จำนวนมากอาจหวังว่า เมื่อลดดอกเบี้ยนโยบายแล้วย่อมมีผลต่อการลดดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ ไปตามกลไกตลาด แต่ในตลาดเงินไม่ได้เกิดผลทันตาเห็นขนาดนั้น

 

"ธานินทร์ อังสุวรังษี" กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ระบุว่า แม้จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ตลาดอาจไม่ได้เป็นไปตามกลไกมากนัก โดยเฉพาะขาดอกเบี้ยเงินฝากที่มีสัญญาณว่าอาจคงหรือเพิ่มดอกเบี้ยด้วยซ้ำ ตามแพ็กเกจเงินฝากที่จะส่งผ่านตลาดการเงิน เพราะแบงก์ต่าง ๆ ยังต้องการสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเงินฝากอีกมาก

 

ขณะที่ "กรรณิกา ชลิตอาภรณ์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า แม้ดอกเบี้ยรายวันจะลดลง แต่ดอกเบี้ยเงินฝากต้องใช้เวลา เช่น เงินฝากพิเศษที่ให้ดอกเบี้ยมากกว่า 3% ขึ้นไป ภายใต้การแข่งขันที่สูงขึ้นของแบงก์ ดังนั้นคงไม่มีการปรับดอกเบี้ยเงินฝากทันที แต่อาจต้องรอครบกำหนดอายุการฝาก และธนาคารอาจไปเน้นออกสินเชื่ออื่นๆ เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอี สินเชื่อรายย่อย ทดแทน

 

ถึงตอนนี้ดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง "หนึ่งสลึง" ใช่ว่าต้นทุนธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงทันทีทันใจ และน่าเป็นห่วงตลาดทุนตลาดบอนด์ที่อาจยังผันผวนต่อไป

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 4 มิถุนายน 2556)

[namchiang 468]

น้ำมัน-ทองคำฟื้นแรง หุ้นสหรัฐฯทะยานขานรับยอดขายรถ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2556 05:43 น.

 

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้(3) พุ่งแรง ฟื้นตัวจากดิ่งหนักช่วงปลายสัปดาห์ หลังอิรักแย้มอาจลดการผลิตท่ามกลางความคาดหมายว่าอุปสงค์โลกจะอ่อนแอ เช่นเดียวกับวอลล์สตรีทปิดบวก จากแรงหนุนของยอดขายรถยนต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ส่วนทองคำก็ไม่น้อยหน้า ขยับขึ้นอย่างมาก ตามปัจจัยดอลลาร์อ่อนค่าลง

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

นายฮุสเซน อัล-ชาห์ริสตานี รองนายกรัฐมนตรีอิรัก รับผิดชอบด้านกิจการพลังงาน บอกกับเอเอฟพีว่าประเทศของเขากำลังเจรจาต่อรองกับเหล่าผู้ถือสัมปทานต่าง ชาติให้ปรับลดเป้าหมายการผลิตในระยะยาว สืบเนื่องจากความคาดหมายว่าอุปสงค์พลังงานโลกในอนาคตจะอ่อนแอ

 

นอกจากนี้แล้วราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของภาคการผลิตสหรัฐฯในเดือนพฤษภาคม ทรุดลงสู่ภาวะหดตัวอย่างไม่คาดคิด เป็นผลจากเศรฐกิจที่อ่อนแอ โดยปัจจัยความเคลื่อนไหวแดนลบของดอลลาร์นี้ก็ยังผลักให้ราคาทองคำ พุ่งขึ้นแรงเกือบ 19 ดอลลาร์วานนี้(3) โดยทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,411.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กระนั้นก็ดีนักลงทุนในวอลล์สตรีท เมินข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของภาคการผลิตสหรัฐฯ แห่เข้าซื้อจนตลาดหุ้นอเมริกาวานนี้(3) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างสดใส

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 138.46 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,254.03 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.45 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,465.37 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.68 จุด (0.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,640.42 จุด

 

ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ดีเกินคาดหมายของบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯประจำ เดือนพฤษภาคม บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในอเมริกา โดยหุ้นของฟอร์ด บวกร้อยละ 1.3 หลังเปิดเผยรายงานยอดขายรถเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14 ขณะที่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ก็ผลักให้หุ้นของจีเอ็ม ดีดตัวร้อยละ 1.6

ถูกแก้ไข มิถุนายน 4, 2013 โดย Namchiang

[namchiang 468]

“กิตติรัตน์” ปัดตอบมูดีส์เล็งหั่นเครดิต

 

 

03/06/2013 , 17:54

Filed under breakingnews, เศรษฐกิจ

Leave a Comment

 

 

 

“กิตติรัตน์” เลี่ยงตอบมูดีส์ ชี้จำนำข้าวเสี่ยงลดเกรดประเทศ โยน “สศค.-สบน.” แจง ยันรัฐบาลเจ๊งจำนำข้าวไม่ถึง 2 แสนล้านบาท

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่สถาบันจัดอันดับเครดิตมูดีส์อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุในรายงาน “แนวโน้มเครดิตของมูดีส์” ฉบับวันที่ 3 มิ.ย.2556 ว่า ความเสียหายในช่วงที่ผ่านมาจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยอาจส่งผลต่อ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศรวมทั้งอาจส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณ สมดุลในปี 2560 ว่า ตนได้รับทราบรายงานฉบับดังกล่าวของมูดีส์แล้วและคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ก็น่าจะมีการให้ความเห็นและคำอธิบายเรื่องนี้ตอบกลับไปยังมูดีส์ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามูดีส์อาจได้ข้อมูลโครงการนี้จากสาธารณะชนทั่วมากกว่าจะ ได้ข้อมูลที่เป็นทางการ ดังนั้นผลการขาดทุนอะไรเท่าไหร่ก็ไม่น่าจะเป็นตัวเลขที่ตรงกับตัวเลขที่ทาง การมีอยู่ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ที่จะต้องอธิบายความกันไป ซึ่งผมขออนุญาตที่จะไม่ให้ความเห็นอะไรในขณะนี้

“ให้ทางส่วนราชการเขาชี้แจงแล้วกัน ไม่ต้องกระทรวงพาณิชย์ก็ได้ สศค.ก็ได้ สบน.ก็ได้ ผมเป็นรัฐมนตรีบางทีพูดเขาก็ไม่เชื่อหรอก”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการขยายวงเงินในโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเติมหรือ ไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่าโดยส่วนตัว คิดว่ามันเป็นเรื่องซ้ำซากมากคุณก็รู้ว่าไม่มีทางหรอกที่จะขาดทุนถึง 2 แสนล้านบาท มันไม่มีทางใช่ไหมครับ ยอดจำนำขนาดนี้ จะไปขาดทุนขนาดนั้นได้อย่างไร และส่วนที่มูดีส์บอกข้อมูลก็บอกว่าเป็นการขาดทุนระหว่างปี 2011 – 2012 เป็นการรายงานในฤดูกาล ยอดอะไรต่างๆ มันเป็นการรายงานซึ่งก็น่าจะเป็นการรายงานที่สะสมมาตั้งแต่อะไรสมัยไหนด้วย ซึ่งก็หมายถึงยอดที่คาบเกี่ยวในช่วง 2 ฤดูกาลด้วย —ISN 05

[namchiang 468]

ส.อ.ท.พอใจค่าเงินบาทอ่อนยังติดตามใกล้ชิด

03/06/2013 , 19:07

Filed under breakingnews, เศรษฐกิจ

 

ส.อ.ท.พอใจค่าเงินบาทอ่อนแตะ 30 บาท/ดอลลาร์ แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ผลกระทบ QE

 

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผู้ส่งออกพอใจค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง จากระดับ 28.56 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 30.37-30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้ แต่ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เงินบาทของไทยยังแข็งค่ากว่า 2-5% ซึ่งจะมีผลต่อการแข่งขันทางการค้า ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าลงส่วนหนึ่งมาจากการใช้นโยบายผสมผสานของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการดูแลเงินทุนไหลเข้าและออกประเทศ

 

ประธาร ส.อ.ท. กล่าวอีกว่า ยังต้องติดตามผลกระทบจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการให้ภาครัฐ และ ธปท. ดูแลอย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือให้ทันต่อเหตุการณ์ เพราะที่ผ่านมา ธปท. อาจใช้เครื่องมือในการดูแลค่าเงินช้าไปบ้าง —ISN 05

 

http://www.isnhotnews.com/

[Pete 15,187]

**ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลังดอลลาร์อ่อนตัวเทียบเยน

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบเงินเยน

 

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ร่วงลง 0.5% เมื่อเวลา 9.52 น.ตามเวลาโตเกียว

 

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 13,186.60 จุด ลดลง 75.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,297.10 จุด ลดลง 2.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,320.50 จุด เพิ่มขึ้น 38.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,243.22 จุด เพิ่มขึ้น 42.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,998.38 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,273.46 จุด ลดลง 17.62 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,781.85 จุด เพิ่มขึ้น 18.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,768.78 จุด เพิ่มขึ้น 2.45 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,892.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด

 

 

เมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆซึ่งรวมถึงเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ย่ำแย่ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.43 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 100.67 เยน

[Pete 15,187]

จนท.เฟดชี้มีโอกาสลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

 

 

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวนอกรอบการประชุมที่สต็อคโฮล์มว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาก็เปิดกว้างต่อการปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรของเฟดในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

 

 

นายวิลเลียมส์กล่าวว่า หากมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องจากตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม เขาเชื่อว่าอาจจะมีการปรับสัดส่วนการซื้อพันธบัตรในช่วงฤดูร้อน โดยอาจจะเป็นการปรับลดลงเล็กน้อย

 

 

ทั้งนี้ เฟดได้ดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน วงเงินราว 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวและทำให้อัตราว่างงานลดลง

 

 

ส่วนนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่าเฟดใกล้ที่จะพิจารณาปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ ซึ่งเป็นความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะชะลอการซื้อในการประชุมนโยบายครั้งต่อๆไป

 

 

นายล็อคฮาร์ทระบุปัจจัยที่จะทำให้เขาสนับสนุนการชะลอมาตรการดังกล่าว ซึ่งก็คือข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ประกอบกับความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดแอตแลนตากล่าวว่า จะเป็นการเร็วเกินไปที่จะยุติโครงการดังกล่าวในขณะนี้ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่มีความเหมาะสม

 

 

การแสดงความคิดเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นหลังจากที่เมื่อคืนนี้มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ค.ลดลงแตะ 49.0 จาก 50.7 ในเดือนเม.ย. โดยระดับที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตเผชิญกับภาวะหดตัว

 

 

ISM ระบุว่ากิจกรรมภาคการผลิตในเดือนพ.ค.ออกมาต่ำกว่าคาด และเป็นการหดตัวครั้งแรกนับแต่เดือนพ.ย.2555 หรือในรอบ 6 เดือน

 

 

ข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐที่อ่อนแรงเกินคาดดังกล่าวได้หนุนความหวังที่ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้านโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศมีการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนมากกว่านี้ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้

[Pete 15,187]

ธปท.ระบุบาทอ่อนค่าช่วงนี้จากปัจจัยหลักในตปท.มากกว่าดอกเบี้ยนโยบายลดลง

 

 

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า เงินบาทที่อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่ตลาดคาดการณ์ว่าสหรัฐจะลดขนาดมาตรการ QE ประกอบกับ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาชะลอตัวค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเป็น 2

 

ปัจจัยหลักที่ผลต่อค่าเงินบาท รวมถึงส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่กระทรวงการคลังออกประกาศเกี่ยวกับมาตรการที่เตรียมไว้ใช้ดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย ทั้ง 3 ปัจจัยนี้มีผลต่อค่าเงินบาทมากกว่าปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อสัปดาห์ก่อน

[Pete 15,187]

นายกฯ มอบคลังศึกษารายงานมูดี้ส์ฯ กรณีเตรียมลดเครดิตไทย พร้อมส่งข้อมูลชี้แจง

 

 

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาและวิเคราะห์รายงานของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ที่จะปรับลดอันดับเครดิตของไทย เนื่องจากความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554-2555 เป็นเงินกว่า 2.6 แสนล้านบาท เพื่อที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาชน หรือส่งข้อเท็จจริงให้กับทางมูดี้ส์ฯ ซึ่งขณะนี้ตนเองยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ เพราะอยู่ระหว่างที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องตรวจสอบข้อมูลอยู่

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทาง รมว.พาณิชย์ ได้ยืนยันต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่า ตัวเลขที่แท้จริงไม่ตรงกับข่าวที่ออกมา

 

โดยรายงานของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554-2555 และในอนาคตจากการเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไปนั้นจะทำให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายงบประมาณสมดุลภายในปี 2560 ได้ยากขึ้น และเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของไทย ซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ Baa1 โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ

[Pete 15,187]

จีที เวลธ์ สรุปภาวะ Precious Metals Futures วันนี้ (4 มิถุนายน 2556) ภาคเช้า ราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น US$25.21 ต่อออนซ์ ปิดที่ระดับ US$1,411.10 ต่อออนซ์ (Gold spot) ราคาทองคำกลับมายืนเหนือระดับ US$1,400 ต่อออนซ์ อีกครั้งวานนี้หลังปรับขึ้นเกือบ 2% โดยได้แรงหนุนจากอ่อนค่าลงกว่า 1% ของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบตะกร้าสกุลเงินหลัก หลังจากการประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าที่คาดโดยลดลง สู่ระดับ 49.0 ในเดือนพ.ค. ซึ่งการต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนการชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามตลาดจับตาการรายงานตัวเลขการจ้างงานและอัตราว่างงานสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดนโยบายของ FED ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยโดยอยู่ที่ระดับ 30.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังวานนี้ทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุน SPDR รายงานการถือครองทองคำคงที่ ระดับ 1,013.15 ตัน

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวเหนือระดับ US$1,410 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 (GFM13) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 20,250 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 20,250 บาท ราคาเสนอขาย 20,350 บาท เพิ่มขึ้น 150 บ

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำอ่อนไหวต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าการลดมาตรการ QE จะเร็วเพียงใด ทำให้ราคาอาจจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้าง ๆ จนกว่าทิศทางของ FED จะชัดเจน หลังจากผ่านบริเวณ 1,400 เหรียญซึ่งเป็นจุดที่แนะนำเมื่อวาน อาจจะรอทำกำไรระยะสั้นตามกรอบแนวต้านเดิม1,425-30 เหรียญต่อออนซ์ โดยยังเน้นลงทุนระยะสั้นเนื่องจากราคาทองคำยังอยู่ในกรอบขาลง ด้านค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเป็นการตอบรับต่อทิศทางการดูแลและได้รับแรงสนับ สนุนจากปัจจัยทางเทคนิค

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 4 มิย.56)

[Pete 15,187]

ฝรั่งเศสเศรษฐกิจกรอบหนัก ต้องเปิดประมูลขาย "ไวน์ ฌ็อง เซลิเซ่" มรดกชาติ และความภาคภูมิใจของประเทศ

 

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลแลงก์ ผู้นำฝรั่งเศส ได้ถูกโจมตีอย่างหนัก ภายหลังได้อนุมัติการประมูลขายไวน์ประจำทำเนียบประธานาธิบดี"ฌ็อง เซลิเซ่"จำนวนกว่า 1,200 ขวด ท่ามกลางมาตรการรัดเข็ดขัดและการหารายได้ของรัฐบาลฝรั่งเศส จากพิษวิกฤตเศรษฐกิจ

 

โดยไวน์เหล่านี้บางส่วนเป็นยี่ห้อดังที่สุดของ โลก มีกำหนดจะถูกประมูลในเร็ว ๆ นี้ จุดประสงค์เพื่อหาเงินเข้ากองทุนทำเนียบประธานาธิบดีที่ขาดแคลนเงิน ขณะที่ส่วนเกินที่เป็นกำไรจะถูกนำเข้าคลังแผ่นดิน

 

อย่างไร ก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ได้ถูกโจมตีว่าผุ้นำฝรั่งเศสกำลังขายสมบัติของชาติกิน รวมทั้งจากนายมิเชล แจ็ค ชาสเซลล์ หนึ่งในยอดนักสะสมไวน์ชื่อดังที่สุดของฝรั่งเศส ซึ่งได้เขียนหนังสือถึงนายออลแลงก์ แสดงความเสียใจต่อการอนุมัติขายไวน์ในทำเนียบ"ฌ็อง เซลิเซ่" ที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของมรดกประเทศ แต่กลับจะถูกขายให้กลับพวกมหาเศรษฐีต่าง ๆ ทั่วโลก

 

รายงาน ระบุว่า ไวน์เหล่านี้มาจากพื้นที่ผลิตไวน์สำคัญ ๆ หลายแห่งของประเทศ รวมทั้งไวน์ดังเลื่องชื่อและราคาแพงอย่าง" Bordeaux's Chateau Petrus"และ"Burgundy's Domaine de la Romanee-Conti"โดยไวน์สองขวดนี้ถือเป็นไวน์เก่าแก่คลาสสิกตั้งแต่ปี 1990 และมีราคาราว 2,200-2,500 ยูโร จากการประเมินราคาปัจจุบัน ซึ่งนักวิเคราะห์ชี่ว่า จริงๆ แล้ว ไวน์สองขวดนี้ควรจะมีราคาแพงกว่านี้ เพราะมันถูกเก็บอย่างดีในสถานที่ภายใน"วังฌ็องเซลิเซ่ "

 

ทั้ง นี้ ไวน์ทั้งหมดที่จะถูกนำมาขาย คิดเป็นจำนวน 10 เปอร์เซนต์ของไวน์ทั้งหมดในทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 12,000 ขวด ซึ่งถูกเก็บไว้ตั้งแต่ปี 1947 และไวน์แต่ขวดที่ถูกประมูล จะมีการประทับตราพิเศษว่ามาจาก"ทำเนียบฌ็อง เซลิเซ่"พร้อมกำกับวันที่ประมูลจำหน่ายด้วย

 

ที่มา : money channel (วันที่ 4 มิย.56)

 

[Pete 15,187]

::

ถูกแก้ไข มิถุนายน 4, 2013 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ฝรั่งวิเคราะห์ยามบ่าย วันนี้กล่าวไว้ว่า ราคาทอง Spot ได้มีการวิ่งจาก 139x ไปสู่ระดับ 141x จนถึงตอนที่เดาอยู่มาอยู่ที่ 140x สิ่งที่ต้องขอเกริ่นขอย้ำไว้เป็นสำคัญ คือ อย่าให้เห็น $1386 นะ มันจะเจอแรงขายในทันที และ คาดว่า $139x จะกลับมาให้เห็นในวันนี้ แล้วถ้าสามารถนิ่งหรือมีข่าวอะไรมากระตุ้นที่ทำให้ดอลล์อ่อนค่า ราคาทองก็จะวิ่งกลับขึ้นบนอีกรอบ ระดับ $1408 หรือ สูงกว่า อย่าลืมกันนะ เห็น 138x จงนิ่งรอดูสถานการณ์ก่อน ให้แนวทางการเล่น ดังนี้

 

Resistance: 1422.54 / 1434.09 / 1451.34

Support: 1405.29 / 1393.74 / 1376.49

ถูกแก้ไข มิถุนายน 4, 2013 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ธปท.แนะรัฐเร่งป้อนข้อมูลให้มูดีส์ หวั่นไทยถูกหั่นเรตติ้งกระทบต้นทุนการเงินพุ่ง

 

 

ธปท.ยอมรับ หากมูดี้ส์หั่นเครดิตเรทติ้งไทย เพราะมีต้นเหตุและผลพวงรัฐขาดทุนจำนำข้าว กระทบภาคเอกชนอ่วมแน่ เพราะมีต้นทุนการกู้ยืมเงินพุ่ง เผยเป็นหน้าที่ของคนที่เกี่ยวข้องในประเทศต้องให้ข้อมูล

 

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กังวลกับโครงการรับจำนำข้าว และมีแนวโน้มว่าอาจเป็นสาเหตุให้ไทยถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงว่า หากเป็นเรื่องที่มีมูล และถ้านำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยจริง ก็คงมีผลต่อค่าเงินบาทของไทยด้วย แต่ทางมูดี้ส์ก็คงต้องเช็คตัวเลขให้ชัดเจนและแน่ใจว่าเป็นอย่างไร

 

ทั้งนี้ เชื่อว่ามูดี้ส์คงมีเหตุผลของเขา ไทยก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงว่าสิ่งที่มูดี้ส์เป็นกังวลและจะเป็นเหตุผลให้มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือนั้น เป็นเหตุผลอันควรหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคนที่เกี่ยวข้องในประเทศต้องให้ข้อมูล

 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าทำให้ต้นทุนระดมทุนของภาคเอกชนแพงขึ้น เนื่องจากการถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือลงนั้น แปลว่าไทยมีความเสี่ยงทางเครดิตเพิ่มขึ้น ซึ่งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ก็ต้องถูกชดเชยด้วยผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น

 

นางผ่องเพ็ญ กล่าวว่า ถ้าหากจะพูดตาม Common sense ก็อาจทำให้การกู้ยืมมีต้นทุนสูงขึ้น แต่เราต้องติดตามดูผลที่เกิดขึ้นแล้วต่อไป ขณะนี้ยังเป็นการพูดกันเพียงลมปากเท่านั้น

[Pasaya 499]

สวัสดียามเย็นค่ะ

ย่อมาล่อพี่กันอีกแล้ว