ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

น้ำมันทรงตัว ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯทำหุ้นดิ่งแรง-ทองคำปิดสวนทาง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2556 05:30 น.

 

 

 

 

 

 

เอเอฟพี - น้ำมันตลาดนิวยอร์กบวกเล็กน้อยวานนี้(5) หลังสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ลดลงผิดคาด ส่วนวอลล์สตรีท ดิ่งหนัก จากข้อมูลภาคแรงงานอันอ่อนแอ อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวกลับผลักให้ทองคำขยับขึ้น เหตุนักลงทุนที่หวาดผวาแห่เข้าถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 93.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 103.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันนิวยอร์ก มีขึ้นตามหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม พบว่าสต๊อกน้ำมันดิบลดลงถึง 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดหมายถึง 15 เท่า บ่งชี้ถึงปุสงค์อันแข็งแกร่งภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(5) ขยับลงกว่าร้อยละ 1 หลังข้อมูลการจ้างงานอันอ่อนแอเกินคาดหมาย ย้ำให้เห็นถึงภาวะอันซึมเซาของเศรษฐกิจอเมริกา

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 216.64 จุด (1.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,960.90 จุด แนสแดค ลดลง 43.78 จุด (1.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,401.48 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 22.50 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,608.88 จุด

 

รายงานของADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพุธ(5) ว่าภาคเอกชนของอเมริกามีการจ้างงานเพียง 135,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ

 

ปัจจัยข้างต้นก่อความหวาดวิตกต่อสถานะทางเศษรษฐกิจของอเมริกาเป็นอย่างมาก และผลักให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ซึ่งถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จนทำให้โลหะมีค่าชนิดนี้ปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันพุธ(5) โดยทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,398.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000067911

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับรหัส 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง ก็ยังอยู่ใน " ฟากซื้อ " อดทน ทนอด " กันต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 216.95 จุด เหตุวิตกตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2556 06:09:33 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะที่ระดับต่ำกว่า 15,000 จุดเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในด้านอื่นๆของสหรัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย ขณะที่นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 216.95 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ 14,960.59 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 22.48 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 1,608.90 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 43.78 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 3,401.48 จุด

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ

 

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานปรับตัวขึ้น 1% ในเดือนเม.ย. น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้น 1.5% ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรกระเตื้องขึ้นเพียง 0.5% ต่อปีในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556

 

การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ในวันศุกร์นี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานเดือนพ.ค.น่าจะเพิ่มขึ้น 167,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ หลังจากเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.5%

 

หุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันอังคาร หลังจากที่นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เรียกร้องให้เฟดลดวงเงินซื้อพันธบัตรจากระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบัน โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า เขาสนับสนุนให้เฟดชะลอการซื้อสินทรัพย์ โดยระบุว่าเฟดอาจเพียงแค่ชะลอการซื้อ แทนที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน

 

ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป และดอยช์ แบงก์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรอย่างเร็วที่สุดในช่วงเดือนก.ย.นี้

 

หุ้นแอปเปิลปรับตัวลง 0.9% หลังจากคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (ITC) ตัดสินให้บริษัท แอปเปิล อิงค์ ละเมิดสิทธิบัตรบางรายการของบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลบางรุ่น ได้แก่ iPhone 4, iPhone 3 และ iPhone 3GS รวมทั้ง iPad รุ่น 3G และ iPad 2 รุ่น 3G ที่จำหน่ายโดยบริษัท เอทีแอนด์ทีนั้น อาจถูกห้ามจำหน่ายในสหรัฐ

 

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 1.87% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2%

 

ส่วนหุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 2.2% หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอัลโค ลงสู่ระดับ Ba1 จากระดับ Baa3 หลังจากราคาโลหะในตลาดโลกร่วงลงเนื่องจากปริมาณการผลิตโลหะมีอยู่มากกว่าปริมาณความต้องการ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--http://www.ryt9.com/s/iq05/1665412

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกเฟดลดซื้อบอนด์ ทุบตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2556 06:21:44 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากที่เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.5% ปิดที่ 295.12 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.ปีนี้

 

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,852.44 จุด ลดลง 73.39 จุด หรือ -1.87% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,196.18 จุด ลดลง 99.78 จุด หรือ -1.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,419.31 จุด ลดลง 139.27 จุด หรือ -2.12%

 

ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับปัจจัยลบจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาสนับสนุนการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร โดยนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC โดยเรียกร้องให้เฟดลดวงเงินซื้อพันธบัตรจากระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบัน พร้อมกับกล่าวว่าเขาสนับสนุนให้เฟดชะลอการซื้อสินทรัพย์ แทนที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน

 

ขณะที่นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด แคนซัสซิตี้ได้สนับสนุนให้เฟดชะลอโครงการซื้อพันธบัตร โดยกล่าวว่าการลดขนาดโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดการเงินลดการพึ่งพานโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ พร้อมกับคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2% ปีนี้ และกล่าวเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ว่า การผ่อนคลายนโยบายมากเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ

 

นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป และดอยช์ แบงก์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรอย่างเร็วที่สุดในช่วงเดือนก.ย.นี้

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ

 

หุ้นเทสโก้ ร่วงลง 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง ขณะที่หุ้นคาร์ฟูร์ ดิ่งลง 4.1% หลังจากเอชเอสบีซีประกาศลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นคาร์ฟูร์ลงสู่ระดับ "underweight" ซึ่งใกล้กับระดับ "แนะนำให้ขาย" จากเดิมที่ระดับ "neutral"

 

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ในวันศุกร์นี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานเดือนพ.ค.น่าจะเพิ่มขึ้น 167,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ หลังจากเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.5%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

http://www.ryt9.com/s/iq05/1665413

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับกราฟรหัส 7,5,2 เด็กขายของบอกไว้ตอนที่เส้นตัดขึ้นคราวก่อนว่า " ไม่ตัดขึ้นให้เห็นเด่นชัด ไม่เข้าซื้อเด็ดขาด สำหรับ ทองแท่งตัวเป็นๆ ที่ร้านตู้แดง " ปิดตลาดเมื่อเช้าตรู่ สัญญานฯ ทำให้ตัดใจ " ง่ายมาก " ทับกัน " นิ่งทน ทนนิ่ง " นั่งมองดูนิ่งๆ ต่อไป ไม่ใจร้อน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

17 ชาติของยูโรโซนยังตกอยู่ในภาวะถดถอยเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน

 

 

 

ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ปรากฏว่าเศรษฐกิจ 17 ชาติของยูโรโซนยังตกอยู่ในภาวะถดถอยเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน แต่มีสัญญานบางประการว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ

 

สำนักงานสถิติ ยูโรสแตท รายงานว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 0.2% ช่วงไตรมาสแรกเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว และหดตัว 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

เมื่อนับรวมทั้ง 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ปรากฏว่าเศรษฐกิจหดตัว 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และหดตัว 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

เมื่อแยกย่อยลงรายประเทศเศรษฐกิจสำคัญ พบว่าเยอรมนีขยายตัวได้ 0.1% ในไตรมาสแรก ฝรั่งเศสติดลบ 0.2% อิตาลีและสเปนติดลบ 0.5% โปรตุเกสหดตัว 0.4% ส่วนประเทศอียูที่ไม่ได้ใช้เงินสกุลยูโรนั้น ปรากฏว่าอังกฤษขยายตัว 0.3% โรมาเนียโต 0.7%

 

ข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งระบุว่ากิจกรรมภาคธุรกิจของยูโรโซนยังซบเซาต่อเนื่องในเดือนพ.ค. แต่อัตราการชะลอตัวนั้นน้อยลง โดยดัชนีผู้จัดการจัดซื้อไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการเบื้องต้นที่ 47.7 จุด อันเป็นระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน แต่ยังต่ำกว่าเส้นกลางที่ 50 จุด

 

นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าข้อมูลกิจกรรมภาคธุรกิจยืนยันว่ายูโรโซนยังตกอยู่ในภาวะถดถอยที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่มีการใช้เงินสกุลยูโร และเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัว 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งหากเป็นจริงจะเป็นการหดตัวติดกันถึง 7 ไตรมาส นอกจากนั้น แม้ความตกต่ำดูเหมือนบรรเทาลงบ้าง แต่ข้อเท็จจริงที่ว่ายุโรปไม่มีกลไกขับเคลื่อนการเติบโต ทำให้เป็นการยากที่จะเชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเดินหน้าไปมากกว่าการขึ้นถึงระดับแค่มีเสถียรภาพในอนาคตอันใกล้

 

ด้านนักวิเคราะห์แห่งไอเอชเอสโกลบอลอินไซต์ กล่าวว่าผลสำรวจกิจกรรมภาคธุรกิจสะท้อนว่าความต้องการยังถูกจำกัดจากการดำเนินนโยบายการคลังที่ค่อนข้างเข้มงวด เพราะประเทศต่างๆ ต้องรับมือผลกระทบจากวิกฤติหนี้ สินเชื่อตึงตัว และการว่างงานที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน การเติบโตของเศรษฐกิจโลกก็ซบเซาและไม่ได้ดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การส่งออกของยูโรโซนเพิ่มขึ้นได้ไม่มากรัก

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 6 มิถุนายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กองทุนโภคภัณฑ์ 5 เดือนแรกซบ กองทุนน้ำมันผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 2.32% กองทุนทองคำติดลบเฉลี่ย 15.25% ระทึก!เดินหน้า-ลดขนาดคิวอี

 

 

 

จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 พบว่า กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดย กองทุนน้ำมันให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 2.32% จากเดือนก่อนหน้าที่เฉลี่ยติดลบ 1.93% เช่นเดียวกับ กองทุนทองคำที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 15.25% จากเดือนก่อนหน้าที่เฉลี่ยติดลบ 12.55%

 

กองทุนน้ำมันที่มีผลงานดีที่สุดให้ผลตอบแทนติดลบ 0.64% และกองทุนที่มีผลงานแย่ที่สุดมีผลตอบแทนติดลบ 5.97% หรือต่างกันอยู่ 5.33% โดยกองทุนน้ำมันที่มีผลงานดีที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ (I-OIL) ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.64% ส่วนอันดับ 2 “กองทุนเปิดเค ออยล์ (K-OIL)” ของ บลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.68% และอันดับ 3 “กองทุนเปิดแอสเซทพลัสออยล์ (ASP-OIL)” ของบลจ.แอสเซท พลัส ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.92%

 

ส่วนกองทุนทองคำที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทนติดลบ 13.62% และกองทุนที่มีผลงานแย่สุดให้ผลตอบแทนติดลบ 17.99% หรือต่างกันอยู่ 4.37% โดยกองทุนทองคำที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 กองทุนเปิดวรรณโกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (GOLD-RMF) ของ บลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทนติดลบ 13.62% อันดับ 2 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ สปอท 7 ซีรีส์ 3 (I-GOLD7S3) ของบลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนติดลบ 13.69% และอันดับ 3 กองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) ของบลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทนติดลบ 13.69%

 

เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ตลาดยังคงมีความกังวล โดยเฉพาะในสินค้าโภคภัณฑ์ทิศทางยังคงไม่ดีต่อเนื่อง

 

ดังนั้นนักลงทุนคงต้องจับตาปัจจัยที่จะส่งผลต่อมาตรการ QE กันต่อไป ซึ่งคาดว่า จะมีความชัดเจนในการประชุม FOMC ช่วงกลางเดือนมิ.ย. นี้ และต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐโดยเฉพาะตลาดแรงงานที่จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มในการยุติมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะประกาศอัตราการว่างงาน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (7 มิ.ย.) หากออกมาดีกว่าที่คาดกันไว้อาจทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงร่วงลงต่อ เนื่องจากความกังวลที่ FED จะยุติ QE เร็วขึ้นมีความเป็นไปได้มากขึ้น

 

ถ้าตัวเลขตลาดแรงงานออกมาแย่กว่าที่คาด อาจกลับกลายเป็นข่าวดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้ แต่การชะลอตัวของตลาดแรงงานจะทำให้การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์ยังอยู่ในกรอบจำกัดอยู่ดี ภาพรวมของราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังคงมีโอกาสผันผวนแรง และมีแนวโน้มปรับตัวลงได้อีกจากความไม่ชัดเจนดังกล่าว

 

สินค้าโภคภัณฑ์ ถ้ามีการถอนมาตรการ QE น่าจะได้รับผลกระทบมากเช่นกัน ในส่วนของน้ำมันแนะนำให้เลี่ยงไปก่อน เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว มีปัจจัยบวกเดียวที่จะผลักราคาน้ำมันได้ คือความไม่สงบในตะวันออกกลาง กรอบการเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบ 85 - 96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ส่วนทองคำหลังจากหลุดระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ภาพดูไม่ดีนัก ปัจจุบันยังมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,320-1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และคงจะกลับมาดูดีอีกครั้งได้เมื่อผ่านแนวต้าน 1,500 ดอลลาร์ขึ้นไปได้อีกครั้ง โดยกองทุน SPDR ยังคงมีการขายทองคำออกมาต่อเนื่องจากที่เคยถือครองสูงสุด 1,350 ตัน ช่วงปลายปี 2012 ปัจจุบันเหลือ 1,013 ตัน แต่ก็ยังมีสัญญาณที่ดีที่ธนาคารกลางต่างๆ ยังทยอยซื้อทองอย่างต่อเนื่อง น่าจะช่วยให้ราคาทองคำไม่ปรับตัวลงไปลึกมากได้ การมีทองคำไว้ในพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงแนะนำให้มีไว้ประมาณ 10-15% ของพอร์ต สำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 6 มิถุนายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบงก์ชาติแจง 3 สาเหตุทำบาทอ่อน คลังกางมาตรการคุมเงิน-เฟดจ่อลดคิวอี-ศก.จีนชะลอ ระบุผลกระทบมากกว่ากนง.หั่นอาร์/พี "ซีไอเอ็มบีไทย"ชี้มาตรการเสริมช่วยธปท.ลดการแทรกแซง-ผลทางจิตวิทยาให้นักลงทุนระวังด้วยการลงทะเบียน

 

จากกรณีประกาศกระทรวงการคลังเรื่องคำสั่งรัฐมนตรีให้ไว้แก่นิติบุคคลรับอนุญาต(ฉบับที่9)คือ 1.ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การโอนเงินออกนอกประเทศทั้งผ่อนผันให้บุคคลธรรมดาลงทุนโดยตรงในกิจการต่างประเทศไม่จำกัดจำนวนเช่นนิติบุคคลทั้งในรูปหุ้นทุนและให้กู้ยืม หรือผ่อนผันวงเงินการลงทุนในหลักทรัพยต่างประเทศพร้อมขยายขอบเขตการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทในเครือเดียวกันที่ต่างประเทศที่เป็นการให้สวัสดิการพนักงานและ2.การดูแลเงินทุนไหลเข้านั้น

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับว่า ในช่วงแรกที่มีกระแสข่าวถึงกระทรวงการคลังจะออกมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้นทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อว่าหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นไทยมีความพร้อมจะดำเนินมาตรการต่างๆ ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะลดขนาดการทำคิวอี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีสัญญาณการฟื้นตัว และคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจจีนระยะข้างหน้าที่อาจชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ทำให้ภาพเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียที่คนคิดว่าน่าจะขยายตัวได้ดีถูกลดทอนลง รวมถึงตั๋วเงินคงคลังสหรัฐฯมีผลตอบแทนปรับขึ้น ทำให้เงินไหลกลับเข้าไปลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯและตั๋วเงินคงคลังที่ผลตอบแทนปรับเพิ่มมากขึ้น เงินบาทจึงอ่อนต่อเนื่อง จนมาอยู่ที่ 30.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

นายสุธีร์ โล้วโสภณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารเงิน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยกล่าวว่า ประกาศกระทรวงการคลังนั้น เพิ่มความคล่องตัวในการจัดระบบอัตราแลกเปลี่ยนระยะยาวโดยทำให้เงินทุนไหลออกเป็นตัวช่วยลดการแทรกแซงของธปท. และการเปิดเผยตัวนักลงทุนยังมีผลทางจิตวิทยาให้คนนำเงินเข้าระวังมากขึ้น ซึ่งเอื้อให้ธปท.ทำมาตรการถูกต้องเพราะรู้ว่าใครเป็นคนรับประโยชน์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,850 วันที่ 6 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันทรงตัว ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯทำหุ้นดิ่งแรง-ทองคำปิดสวนทาง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2556 05:30 น.

 

blank.gif 556000007108601.JPEG blank.gif เอเอฟพี - น้ำมันตลาดนิวยอร์กบวกเล็กน้อยวานนี้(5) หลังสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ลดลงผิดคาด ส่วนวอลล์สตรีท ดิ่งหนัก จากข้อมูลภาคแรงงานอันอ่อนแอ อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวกลับผลักให้ทองคำขยับขึ้น เหตุนักลงทุนที่หวาดผวาแห่เข้าถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 93.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 103.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันนิวยอร์ก มีขึ้นตามหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม พบว่าสต๊อกน้ำมันดิบลดลงถึง 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดหมายถึง 15 เท่า บ่งชี้ถึงปุสงค์อันแข็งแกร่งภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(5) ขยับลงกว่าร้อยละ 1 หลังข้อมูลการจ้างงานอันอ่อนแอเกินคาดหมาย ย้ำให้เห็นถึงภาวะอันซึมเซาของเศรษฐกิจอเมริกา

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 216.64 จุด (1.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,960.90 จุด แนสแดค ลดลง 43.78 จุด (1.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,401.48 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 22.50 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,608.88 จุด

 

รายงานของADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพุธ(5) ว่าภาคเอกชนของอเมริกามีการจ้างงานเพียง 135,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ

 

ปัจจัยข้างต้นก่อความหวาดวิตกต่อสถานะทางเศษรษฐกิจของอเมริกาเป็น อย่างมาก และผลักให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ซึ่งถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จนทำให้โลหะมีค่าชนิดนี้ปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันพุธ(5) โดยทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,398.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทีดีอาร์ไอหวั่นมูดีส์หั่นเรตติ้งผสมโรงเฟดถอนQE

 

 

05/06/2013 , 17:31

Filed under breakingnews, เศรษฐกิจ

Leave a Comment

 

 

 

Untitled-416.jpg

ทีดีอาร์ไอห่วงมูดีส์ปรับลดอันดับเครดิตไทย ผสมโรงเฟดถอนคิวอี ดันดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น ดอกเบี้ยไทยเด้งตาม

นายสมชัย จิตสุชน ผุ้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เหตุผลที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกมาแสดงความห่วงใยต่อโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่มีกระทบต่อการคลังของ ประเทศนั้นถือว่าน่ารับฟัง

“หากโครงการรับจำนำข้าวถึงปีละ 2 แสนล้านบาทนั้น ถือว่า เป็นจำนวนที่มาก เพราะคิดเป็นเกือบ 10% ของงบรายจ่ายประจำปี” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวว่า หากการขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวนำไปสู่การปรับลดมุมมองอันดับเครดิตของ ไทย (outlook) จากมีเสถียรภาพไปเป็น ลบ ก็อาจจะส่งผลให้ดอกเบี้ยในประเทศสูงขึ้น เอกชนและรัฐบาลก็ต้องกู้เงินด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น

“เกรงว่า การปรับลดมุมมองในอนาคตเป็นลบ จะประจวบเหมาะกับการที่สหรัฐฯ ถอนคิวอี ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น และดึงดอกเบี้ยในไทยขึ้นด้วย”

ส่วนสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านเครดิตจะลดอันดับเครดิตของประเทศ ลงจากระดับปัจจุบันที่เป็นเกรดการลงทุน หรือ Baa1 หรือไม่นั้นยังไม่อาจจะทราบได้ —ISN 05

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์ปิดร่วง 216 จุด ทอง-น้ำมันปิดบวก

 

 

06/06/2013 , 08:15

Filed under breakingnews, เศรษฐกิจ

Leave a Comment

 

 

 

630-21.jpg

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะที่ระดับต่ำ กว่า 15,000 จุดเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดใน เดือนพ.ค.

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในด้านอื่นๆของสหรัฐฯก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 216.95 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ 14,960.59 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 22.48 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 1,608.90 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 43.78 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 3,401.48 จุด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กและตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,398.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 6.3 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 22.472 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1510.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 19.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 756.45 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐฯเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบปีนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปิดบวกเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ตัวเลขจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 93.74 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 103.04 ดอลลาร์/บาร์เรล—ISN 11

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับกราฟรหัส 7,5,2 เด็กขายของบอกไว้ตอนที่เส้นตัดขึ้นคราวก่อนว่า " ไม่ตัดขึ้นให้เห็นเด่นชัด ไม่เข้าซื้อเด็ดขาด สำหรับ ทองแท่งตัวเป็นๆ ที่ร้านตู้แดง " ปิดตลาดเมื่อเช้าตรู่ สัญญานฯ ทำให้ตัดใจ " ง่ายมาก " ทับกัน " นิ่งทน ทนนิ่ง " นั่งมองดูนิ่งๆ ต่อไป ไม่ใจร้อน

 

.ใช่เลยค่ะป๋า นิ่งทน ทนนิ่ง แม้ spot จะล่อตา แต่ค่าบาทนี่ไม่ล่อใจเลย ซื้อไปบาทเท่านี้ เสียวมั่กๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทิสโก้ เชื่อ ราคาทองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

 

 

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและรักษาการหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เชิงเทคนิค บล.ทิสโก้ บอกถึงการลงทุนในทองคำว่า ทองคำได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจ ากแรงขายจากกองทุน ETF ทองคำเริ่มลดลง และอุปสงค์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการที่ธนาคารกลางโดยเฉพาะรัสเซียเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง และภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนมากขึ้นทำให้การลงทุนในทองคำน่าสนใจเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ภายในประเทศได้ปัจจัยบวกจากการที่เงินไหลออกจากสินทรัพย์สินอื่นและค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวลง โดยระยะสั้น 1 เดือนจะเป็นใรรูปแบบ sideway up มีแนวรับอยู่ที่ 1,360 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์และแนวต้านที่ 1,420 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งหากปรับตัวผ่านไปได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,460 และ1,490 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

 

http://www.moneychannel.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...