ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

​เงินดอลล์ร่วง หนุนทองคำปิดพุ่ง $17.3

ข่าวต่างประ​เทศ สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2556 06:26:27 น.

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น​เมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) ​โดยทองคำปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้ง​แต่ช่วงกลาง​เดือนพ.ค.ปีนี้ ​เพราะ​ได้​แรงหนุนจากสกุล​เงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลง​เมื่อ​เทียบกับยู​โร ก่อนที่สหรัฐจะ​เปิด​เผยตัว​เลขจ้างงานนอกภาค​การ​เกษตร​ในวันนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 17.3 ดอลลาร์ ​หรือ 1.24% ปิดที่ 1,415.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ​ซึ่ง​เป็นระดับสูงสุดนับตั้ง​แต่วันที่ 14 พ.ค.ปีนี้ ​และสัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนก.ค.​เพิ่มขึ้น 23.5 ​เซนต์ ปิดที่ 22.707 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือนก.ค.ปิดที่ 1529.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 18.70 ดอลลาร์ ​และสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนก.ย.ปิดที่ 762.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 5.85 ดอลลาร์

 

สัญญาทองคำ​ไดรับ​แรงหนุนจากสกุล​เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ​โดย ดัชนีดอลลาร์​ซึ่ง​เป็นมาตรวัด​เงินสกุลดอลลาร์​เมื่อ​เทียบกับสกุล​เงินของประ​เทศคู่ค้ารายอื่นๆ ร่วงลง​แตะระดับ 81.505 จุด​เมื่อวานนี้ จากระดับของวันพุธที่ 82.561 จุด

 

นักลงทุนจับตาดูตัว​เลขจ้างงานของสหรัฐอย่าง​ใกล้ชิด ​เพื่อประ​เมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) จะยังคง​เดินหน้า​ใช้มาตร​การผ่อนคลายทาง​การ​เงินต่อ​ไป​หรือ​ไม่ ​ซึ่ง​โดยปกติ​แล้ว ทองคำจะ​ได้​แรงหนุนจากมาตร​การกระตุ้น​เศรษฐกิจ​และ​การ​เงิน ​เนื่องจากนักลงทุนจะ​เข้าซื้อ​โลหะมีค่า ​เพราะวิตกว่ามาตร​การ​เหล่านี้อาจ​ทำ​ให้มูลค่าของ​เงินลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนมัก​ใช้ทอง​เป็นตัวปกป้อง​ความ​เสี่ยงจาก​เงิน​เฟ้อ​ซึ่งมี​แนว​โน้มว่าจะ​เกิดขึ้นจากมาตร​การผ่อนคลายทาง​การ​เงินต่างๆ

 

กระทรวง​แรงงานสหรัฐจะ​เปิด​เผยตัว​เลข​การจ้างงานนอกภาค​เกษตร​เดือนพ.ค.​ในวันศุกร์นี้ ​เวลา 19.30 น.ตาม​เวลา​ไทย ​ซึ่งนักวิ​เคราะห์คาดว่า​การจ้างงาน​เดือนพ.ค.น่าจะ​เพิ่มขึ้น 167,000-170,000 ตำ​แหน่ง​โดยประมาณ หลังจาก​เพิ่มขึ้น 165,000 ตำ​แหน่ง​ใน​เดือน​เม.ย. ​และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 7.5%

 

ส่วน​ในช่วงค่ำวานนี้ตาม​เวลา​ไทย กระทรวง​แรงงานสหรัฐ​เปิด​เผยว่า จำนวน​ผู้ขอรับสวัสดิ​การว่างงานครั้ง​แรก​ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 มิ.ย. ลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 346,000 ราย ​ซึ่ง​ใกล้​เคียงกับที่นักวิ​เคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 345,000 ราย

อิน​โฟ​เควสท์ ​แปล​และ​เรียบ​เรียง​โดย รัตนา พงศ์ทวิช ​โทร.02-2535000 ต่อ 327 อี​เมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq03/1666286

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนเช้าครับเพื่อน ๆ

 

เมื่อคืนเลยสามเหลี่ยมแล้วเด้ง

 

เสียดาย ... ใจไม่กล้าพอ ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปรับตัวร่วงระนาวอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดหุ้นในช่วงสัปดาห์นี้ ในภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ซึ่งรวมถึงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลังนักลงทุนต่างชาติแห่ขนเงินย้ายออกจากตลาดในภูมิภาค ด้วยเหตุผลแรกสุดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มมีสัญญาณลดและเลิกการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ดัชนีฮั่งเส็ง ฮ่องกง เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 1.1% มาอยู่ที่ 21,838.43 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี/เอเอสเอ็กซ์ 200 ของออสเตรเลียปรับลด 0.6% มาอยู่ที่ 4,805.80 จุด เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เพิ่งจะทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง ส่วนดัชนีหลักของตลาดเซี่ยงไฮ้ร่วงลง 1.3% มาอยู่ที่ 2,346.80 จุด และเกณฑ์มาตรฐานของดัชนีตลาดหุ้นในสิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยร่วงลงแล้วมากกว่า 1%

 

ขณะที่เมื่อพิจารณาทั้งภูมิภาคดัชนีเอ็มเอสซีไอของตลาดหุ้นในเอเชีย แปซิฟิก ยกเว้น ญี่ปุ่น ปรับตัวลดลงไปแล้วถึง 0.9% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน และเพียงแค่ 1 วัน หลังจากที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการปรับร่วงติดต่อกัน 4 วันก่อนหน้านี้

 

นอกจากนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลต่อการอ่อนค่าของสกุลเงินต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยรายงานของมอร์แกน สแตนลีย์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ระบุว่า กองทุนเพื่อการลงทุนในต่างประเทศพากันขายหุ้นออกเกือบทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และฟิลิปปินส์ ภายหลังดัชนีชี้วัดถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนส่งสัญญาณเข้าสู่สภาวะหด ตัว โดยนักลงทุนจากทั่วโลกดึงเงินประมาณ 224 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7,000 ล้านบาท) ออกจากตลาดพันธบัตรในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

 

ขณะนี้สกุลเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนค่าลง 2.5% มาอยู่ที่ระดับ 1,129.64 วอนต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ในเดือน พ.ค. เงินริงกิต มาเลเซียอ่อนค่าลง 1.7% มาอยู่ที่ 3.0952 ริงกิตต่อ 1 เหรียญสหรัฐ เงินเหรียญไต้หวันอ่อนค่าลง 1.5% แตะระดับ 30.06 เหรียญไต้หวันต่อ 1 เหรียญสหรัฐ เงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียอ่อนค่าลง 0.7% แตะระดับ 9,795 รูเปียห์ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ข้างต้นจะทำให้เกิดกระแสความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอาเซียน เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากปริมาณเงินทุนไหลเข้ามหาศาลจนทำให้ตลาดหุ้นปรับ ตัวทำกำไรสร้างรายได้อย่างแข็งแกร่ง กระทั่งรัฐบาลของหลายประเทศต้องงัดมาตรการขึ้นมาเบรกกระแสทุนไหลเข้าเหล่า นี้ เพื่อป้องกันการเกิดฟองสบู่และสภาวะเงินเฟ้อจากการซื้อขายที่ร้อนแรงเกินจำ เป็น

 

แต่กระนั้นนักวิเคราะห์หลายสำนักและผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่ง กลับเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใด เหตุเพราะเป็นสภาพที่สามารถมองเห็นและคาดการณ์กันไว้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว นับตั้งแต่วันที่ข้อมูลตลาดทุนแสดงให้เห็นชัดเจนว่า มีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าทำกำไรจากความต่างของค่าเงินและอัตราดอกเบี้ย ของตลาดในภูมิภาค หลังจากที่เฟดประกาศใช้คิวอีด้วยการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลรายเดือนที่เดือน ละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 

หรือสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ เมื่อกระแสทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาภายในเอเชียเกิดจากปริมาณเงินมหาศาล ซึ่งไหลเข้าระบบด้วยนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ของโลก เช่น เฟด จนเกิดเป็นทุนร้อนพร้อมแสวงหาผลกำไรเข้าตัว ดังนั้น การที่มีสัญญาณว่าจะยุติมาตรการคิวอี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการแห่ขนเงินออกจากตลาด

 

ขณะเดียวกัน ยิ่งเมื่อบวกกับการที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดี บารัก โอบามา พยายามสรรหามาตรการเชิญชวนให้บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของสหรัฐย้ายฐานการ ผลิตกลับสู่ประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบันที่การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในเอเชียมี แนวโน้มต้นทุน เช่น ค่าแรง สวัสดิการ และค่าขนส่ง ปรับแพงขึ้น ก็ยิ่งทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติไหลออกจากภูมิภาคเอเชียได้อย่างรวดเร็วและ ง่ายดาย

 

ทั้งนี้ จากการเก็บรวบรวมข้อมูลเงินทุนไหลออกในเอเชียโดยบลูมเบิร์ก พบว่า แค่เฉพาะประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ดัชนีตลาดหุ้นของทั้ง 3 ชาติปรับตัวลดลงมากกว่า 3.5% ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ เบน เบอร์แนนคี ประธานเฟด กล่าวว่า คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินเฟดอาจจะพิจารณาลดแผนกระตุ้น ถ้าสถานการณ์การจ้างงานในตลาดแรงงานดีขึ้น

 

ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน บรรดาผู้จัดการกองทุนข้ามชาติได้ดึงเงินออกจากภูมิภาคอาเซียนทั้งหมดรวมกัน แล้วมีมูลค่าสูงถึง 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.8 หมื่นล้านบาท) ซึ่งนับเป็นปริมาณเงินไหลออกที่มากที่สุดตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี 2554

 

อลัน ริชาร์ดสัน ผู้จัดการกองทุนซัมซุง อาเซียน อีควิตี้ มูลค่า 149 ล้านเหรียญสหรัฐ ประจำเกาะฮ่องกง กล่าวว่า ถ้าเฟดลงมือลดปริมาณการซื้อคืนพันธบัตรลง ทั่วโลกน่าจะได้เห็นสภาพตลาดทุนในอาเซียนที่อ่อนแรงลงมากกว่าเดิมอีก จากระดับในปัจจุบันที่ตลาดทุนผันผวนขึ้นลง เพราะนักลงทุนเพียงแค่หวั่นใจจากความไม่แน่นอนว่าเฟดจะยุติการใช้นโยบายคิว อีภายในปีนี้หรือไม่

 

กระนั้นนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักกลยุทธ์ในตลาดทุนต่างเห็นตรงกันว่าบรรดาประเทศ เศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งหมด ทั้งในละตินอเมริกา แอฟริกาใต้ และเอเชีย มีแนวโน้มจะเผชิญหน้ากับทุนไหลออกในปริมาณมากกว่าในปัจจุบัน เพราะมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าเฟดจะเลิกใช้คิวอี เห็นได้จากรายงานสมุดปกเบจของเฟดระบุไว้เศรษฐกิจสหรัฐค่อยๆ ฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ และต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวและหวาดวิตกมากกว่าปัญหาตลาดทุนปรับตัวลดลงก็คือ ภาวะช็อกที่จะตามมาจากการแห่เทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจจนส่งผลให้การเติบโตของ เศรษฐกิจจริงของประเทศนั้นๆ สะดุดหยุดชะงักได้โดยง่าย

 

เพราะต้องไม่ลืมว่า ตลาดทุนคือแหล่งเงินสำคัญสำหรับรวบรวมเงินทุน เพื่อให้บริษัทองค์กรสามารถขยับขยายกิจการเพิ่มการจ้างงาน และทำให้เศรษฐกิจจริงขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ เพราะผู้บริโภคมีรายได้มากพอเพื่อการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น หากปราศจากนักลงทุนควักเงินมาลงทุน บริษัทนั้นๆ ย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากชะลอแผนการเติบโตของตนเองลง ก่อนจะส่งผลกระทบเป็นทอดๆ จนถึงกระเป๋าของผู้บริโภคที่จะลดการใช้จ่ายของตนลงในที่สุด

 

เซบาสเตียน กาลีย์ นักกลยุทธ์อาวุโสด้านตลาดทุนและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราจากโซซิเอเต เจนเนอรัล แสดงความเห็นผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ตลาดทุนในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กำลังเผชิญหน้ากับการสูญเสียสภาพคล่อง หลังจากที่ตลาดเหล่านี้ตกอยู่ในอาการผันผวนอย่างหนัก และทำให้ตลาดการเงินขาดเสถียรภาพรุนแรง

 

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนภายในภูมิภาค ทั้งการไหลเข้าและการไหลออกของทุนต่างชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรง ทั้งจากปัญหาเงินเฟ้อของทุนแห่ไหลเข้า หรือปัญหาขาดสภาพคล่องจากทุนแห่ไหลออก แม้จะมีเสียงชื่นชมของนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่ระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเอเชียยังคงแข็งแกร่งพอจะรับมือจากสภาวะช็อกของ ทุนไหลออกได้อย่างสบาย

 

ไนซิม ไอดริส หัวหน้านักกลยุทธ์จากแมคไควร์แบงก์ในสิงคโปร์ กล่าวว่า การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือได้ในทุกสถานการณ์ย่อมเป็นประโยชน์มากกว่า โดยน่ายินดีว่าขณะนี้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เพื่อป้องกันสภาวะช็อกจากทุนไหลออกมากขึ้น ตัวอย่างเช่น กรณีที่รัฐบาลบราซิลประกาศเลิกเก็บภาษีในตลาดพันธบัตรสำหรับนักลงทุนต่าง ชาติ

 

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในแถบภูมิภาคเอเชียยังคงมีความเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันสภาวะช็อกจากทุนไหลออกได้ไม่มากนัก ขณะที่ประเทศที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวก็เป็นไปอย่างเชื่องช้าจนน่าหวั่นใจว่า จะไม่ทันต่อสถานการณ์

 

กระทั่งทำให้นึกถึงคำเตือนของคริสทีน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กล่าวอย่างชัดเจนเมื่อไม่นานมานี้ว่า ตราบใดที่ประเทศเศรษฐกิจ เกิดใหม่ในเอเชีย รวมถึงละตินอเมริกายังไม่มีการปฏิรูปปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั้งไหลเข้าและไหลออกให้มีความสมดุลได้ ตราบนั้น ตลาดทุนเหล่านั้นยังคงต้องประสบความเสี่ยงกับปัญหาในด้านเสถียรภาพทางการ เงินและความยั่งยืนของการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป

 

ที่มา : โพสต์ทูเดย์(วันที่ 7 มิย.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเช้านี้ หลังเงินเยนแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% ที่ระดับ 131.18 จุด เมื่อเวลา 9.54 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 12,706.41 จุด ลดลง 197.61 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,242.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,768.24 จุด ลดลง 70.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,113.95 จุด เพิ่มขึ้น 17.81 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,953.83 จุด ลดลง 5.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,187.09 จุด ลดลง 6.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,611.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,769.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.26 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,781.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.30 จุด

 

หุ้นนิวเครสต์ ไมนิ่ง ร่วงลง 9.2% หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ ลดลง 2.3% ขณะที่หุ้นโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ ดีดตัวขึ้น 3.8%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 7 มิถุนายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิเคราะห์ของมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า อันดับความน่าเชื่อถือของไทยไม่ได้เผชิญกับความเสี่ยง

 

นาย สเตฟเฟน ไดค์ นักวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับประเทศของมูดีส์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อันดับความน่าเชื่อถือของไทยไม่ได้เผชิญความเสี่ยง หากพิจารณารายงานการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือที่มูดีส์เปิดเผยในปลายเดือน เม.ย. จะเห็นว่ามีปัจจัยหลายด้านที่สนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือของไทยซึ่งใน ปัจจุบันที่ระดับ Baa1 และนั่นเป็นเหตุผลที่มูดีส์คงแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ มีเสถียรภาพ

 

ก่อนหน้านี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุในรายงาน “แนวโน้มเครดิตของมูดีส์" ฉบับวันที่ 3 มิ.ย.2556 ว่า ความเสียหายในช่วงที่ผ่านมาจากโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554-2555 และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากการที่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้า โครงการดังกล่าวต่อไปนั้น จะทำให้เป็นเรื่องยากมากขึ้นที่รัฐบาลจะบรรลุเป้าหมายงบประมาณสมดุลภายในปี 2560 และเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของไทย ซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ Baa1 โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ

 

ที่มา : money channel (วันที่ 7 มิย.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วอชิงตัน - ไอเอ็มเอฟยอมรับ ดำเนินการผิดพลาดครั้งใหญ่ในการช่วยเหลือกรีซตั้งแต่ครั้งแรก จนต้องจัดทำแผนฉบับสองด้วยจำนวนเงินมากขึ้น ขณะที่กรีซจมอยู่ในภาวะถดถอยหลายปีติดกัน

 

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยอมรับว่าดำเนินขั้นตอนผิดพลาดอย่างมากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเศรษฐกิจกรีซ ซึ่งเป็นชนวนเหตุแรกที่ทำให้เกิดวิกฤติการเงินแพร่กระจายไปทั่วยุโรป

 

 

ในเอกสารภายในที่ประทับตราว่า "ลับสุดยอด" นั้น ไอเอ็มเอฟระบุว่า มีการประเมินถึงความเสียหายจากมาตรการรัดเข็มขัดที่จะเกิดต่อเศรษฐกิจกรีซ ซึ่งอยู่ในภาวะถดถอยตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าความเป็นจริงไปอย่างมาก

 

 

นอกจากนี้ ยังได้มีการลดมาตรฐานปกติในด้านความยั่งยืนเรื่องหนี้ของทางกองทุนลงมา เพื่อเข้าอัดฉีดเศรษฐกิจกรีซ และมองว่า ไอเอ็มเอฟอาจจะคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจกรีซในทางบวกเกินไปอย่างมาก ซึ่งการยอมรับเป็นครั้งแรกในเรื่องนี้ อาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของไอเอ็มเอฟได้

 

 

ไอเอ็มเอฟระบุว่ามีปัญหาบางประการในการประสานกับคณะกรรมาธิการยุโรปและธนาคารกลางยุโรป ที่ร่วมกันจัดทำมาตรการช่วยเหลือมูลค่า 110,000 ล้านยูโร อีกทั้งยังขาดแคลนความชำนาญและเป้าหมายที่ประสานกัน เพราะคณะกรรมาธิการยุโรปให้ความสำคัญกับประเด็นเกี่ยวกับยุโรปมากกว่าสถานการณ์กรีซ

 

 

อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟ ยืนยันว่า การร่วมมือกับสหภาพยุโรป (อียู) สนับสนุนกรีซเมื่อปี 2553 เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกรีซขณะนั้น กระจายออกไปสู่ประเทศอื่นๆ ในกลุ่มยูโร และเศรษฐกิจโลก

 

 

เจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ ยังสรุปในรายงานด้วยว่า บทเรียนต่างๆ ที่ได้รับจากกรณีของกรีซ จะทำให้องค์กรนำมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเข้ามาใช้ในการให้ความช่วยเหลือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ยืนยันว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ไอเอ็มเอฟทำอะไรไม่ได้มากนัก พร้อมกล่าวว่าการจัดวางมาตรการต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันวิกฤติกรีซลุกล่มไปทั่วยุโรปและที่อื่น

 

 

"พิจารณาจากอันตรายของวิกฤติที่จะลุกลามแล้ว รายงานสรุปว่าการกระทำต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นแม้ไอเอ็มเอฟอาจประเมินคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับหนี้ โดยในช่วงนั้นมีความตึงเครียดระหว่างความจำเป็นในการสนับสนุนกรีซกับการประเมินหนี้ว่าไม่น่ายั่งยืน ทำให้ไอเอ็มเอฟลดมาตรฐานในการอนุมัติความช่วยเหลือ ส่งผลให้ต้องจัดทำแผนการช่วยเหลือฉบับสองที่รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้อย่างครอบคลุม อันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำในฉบับแรก

 

 

นอกจากนั้น ยังมีความผิดพลาดอย่างความเชื่อมั่นในตลาดที่ไม่ฟื้นคืน ระบบธนาคารที่สูญเงินฝากไป 30% และเศรษฐกิจที่เผชิญภาวะถดถอยดิ่งลึกมากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่อัตราว่างงานก็สูงมาก อีกทั้งหนี้สาธารณะยังสูงมาก จนต้องมีการปรับโครงสร้างในที่สุด

 

ที่มา : สิทธิชัยหยุ่น(วันที่ 7 มิย.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับกราฟรหัส 7,5,2 ที่ใช้ดู ก็ยังทับกัน เส้นแดงยังไม่โผล่อยู่ด้านบนอย่างเด่นชัด เพราะฉะนั้น การขึ้นและลง ของราคาทอง Spot ก็คงยังมีต่อไป แต่ช่วงนี้ ค่าเงินบาทอ่อนลงมามาก เป็นใจให้ราคาทองในประเทศขึ้นมา ในขณะที่ราคาทอง Spot ก็ยังไม่ได้ไปไหน แต่เมื่อเส้นแดงยังไม่โผล่พ้น เด็กขายของ ก็ " อดทน ทนอด " ต่อไป ขอใจเย็นๆ ดีกว่าครับ

ป๋าครับ ผมชอบข่าวและการวิเคราะห์ของป๋ามาก แต่ไม่มีความรู้เรื่องกราฟรหัส ไม่ทราบว่าป๋าพอจะแนะนำให้บ้างได้หรือปล่าวครับ หรือหาศึกษาได้จากที่ไหนครับ จะได้อ่านวิเคราะห์ของป๋าได้ลึกซึ้งขึ้น ขอบคุณครับ :gd ป๋าสวดยวด!!!!!!!!!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถึงป๋า ขอบคุณนะคร้า ไม่ได้เจอกันหลายวันให้คิดถึงมว้าก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนเช้าครับเพื่อน ๆ

 

เมื่อคืนเลยสามเหลี่ยมแล้วเด้ง

 

เสียดาย ... ใจไม่กล้าพอ ^^

 

บาทอ่อนซะบาทจิตไม่กล้าเหมือนกัน อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเที่ยงค่ะทุกคน

ทานข้าวกันเยอะๆ นะคะ เผื่อบ่ายค่ำจะมัวแต่ลุ้นกันจนลืมหิว อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์ยามบ่าย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ก็ถึง Target Price 1420 แล้ว ส่วนวันนี้แนวโน้มที่เห็นเริ่มไม่แน่ใจในการยืนอย่างมั่นคงของราคาทอง Spot ซะแล้ว จากเรื่องของการยืนดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิมจอง ยุโรป แบะ อังกฤษ / ไม่ใช่ว่า สหรัฐฯ จะดีขึ้นที่ทำให้ค่าเงินดอลล์ จะแข็งค่าขึ้น แต่เพราะวิกฤติในยุโรป จึงขอให้เล่นทางขาขึ้นอย่างระมัดระวัง การตั้ง Stop Loss มีความจำเป็น และให้แนวทางการเล่น ดังนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Support: - 1396.10, 1382.70 and 1371.30(main). Break of the latter would give 1362.26, where correction may happen. Then goes 1350.00, where correction is also possible. If a strong impuls, we would see 1336.03. Continuation would give 1327.50.

 

Resistance: - 1411.83, 1418.50 and 1428.77(main), where correction is possible. The break will lead to 1435.38, where correction is also possible. Then follows 1451.30. If a strong impulse we would have 1479.68. Continuation would bring 1485.36.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Support: - 1396.10, 1382.70 and 1371.30(main). Break of the latter would give 1362.26, where correction may happen. Then goes 1350.00, where correction is also possible. If a strong impuls, we would see 1336.03. Continuation would give 1327.50.

 

Resistance: - 1411.83, 1418.50 and 1428.77(main), where correction is possible. The break will lead to 1435.38, where correction is also possible. Then follows 1451.30. If a strong impulse we would have 1479.68. Continuation would bring 1485.36.

 

ว่าจะไปเปลี่ยนคำทายไม่เปลี่ยนดีกว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์ยามบ่าย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ก็ถึง Target Price 1420 แล้ว ส่วนวันนี้แนวโน้มที่เห็นเริ่มไม่แน่ใจในการยืนอย่างมั่นคงของราคาทอง Spot ซะแล้ว จากเรื่องของการยืนดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิมจอง ยุโรป แบะ อังกฤษ / ไม่ใช่ว่า สหรัฐฯ จะดีขึ้นที่ทำให้ค่าเงินดอลล์ จะแข็งค่าขึ้น แต่เพราะวิกฤติในยุโรป จึงขอให้เล่นทางขาขึ้นอย่างระมัดระวัง การตั้ง Stop Loss มีความจำเป็น และให้แนวทางการเล่น ดังนี้

ขออภัยที่ถามนะครับ ไม่ทราบว่าคุณ เด็กขายของ ใช่พี่ใหญ่ เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่แถวจระเข้บัวรึเปล่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...