ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

แจ้งให้ทราบว่า วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน ตลาดออสเตรเลีย ปิดทำการ และ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ 10-12 มิถุนายน ตลาดจีน ฮ่องกง ปิด เทศกาล บ๊ะจ่าง Dragon Boat Festival. และพรุ่งนี้ วันเสาร์มีตัวเลขของจีนออก ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำคัญ มีผลกระทบต่อค่าเงินอย่างมาก

 

9a4bc797b7.jpg

 

จากตัวเลขของจีนที่ออกมา รบกวนป๋าช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า มีผลกระทบต่อค่าเงินตามที่ป๋าได้ให้ข่าวสารไว้อย่างไรขอรับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขายที่ราคา 20,200 บาท ก็คงหมายถึงรอซื้อกลับ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ยังไงอาแปะก็คงออกต่ำกว่า 50 บาท หรือไม่ก็เท่ากับที่ขาย เป็นเด็กขายของ จะไม่เครียดไปเดินเล่นเที่ยว ดีกว่า เพราะ วันจันทร์ ตลาดออสเตรเลีย และ ตลาดจีน ปิดทำการ ถ้าราคาทอง Spot จะขยับเขยื้อนก็พวกคำสั่งคาเครื่องที่เป็น " Sell " อ๋อ หรือว่า กลัวค่าเงินบาทอ่อน ก็ไม่น่าอ่อนมากกว่านี้ ในวันจันทร์ อังคาร เพราะ ตลาดหุ้นไทยน่าจะบวก เป็นผลมาจากหุ้นสหรัฐฯ บวก และ ค่าเงินบาทก็น่าจะแข็งค่า 30.50-30.55 บาท

 

แต่วันนี้ ผมว่า อาแปะ กั๊กสูง ให้เห็นว่า ราคาลงมาอีกแล้วนะ รีบๆ มาซื้อก่อนที่จะขึ้น แต่เด็กขายของ คงไม่ซื้อเข้าหรอกครับวันนี้

1. ส่วนลดก็ไม่มี

2. รถติด คนจีนไปซื้ออุปกรณ์ทำบ๊ะจ่าง

3. วันจันทร์ ก็ไม่สายจนเกินไป เพราะ 7,5,2 แดงอยู่ล่างชัดเจน

 

******* ราคาออกมาแล้วว่า ขายออกวันนี้ 20,200 บาท ฝากอาแปะไว้ก่อน ให้อาแปะรับความเสี่ยงไป แหม ! ถ้าขายออกวันนี้ 20,050 เท่าราคา Fair Price ก็อาจจะมีคนซื้อตรึม เพราะถือว่าติดไม้ติดมือ จากไปซื้อบ๊ะจ่าง ออกมารูปแบบนี้ ปล่อยวางครับ เปิดมาวันจันทร์ เพี้ยง ! ให้หล่นตุ๊บถึง $1355 ก่อนเปิดตลาดราคาไทย

 

 

[/size]

ขอบคุณค่ะ กับคำแนะนำที่ดีเสมอมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

9a4bc797b7.jpg

 

จากตัวเลขของจีนที่ออกมา รบกวนป๋าช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า มีผลกระทบต่อค่าเงินตามที่ป๋าได้ให้ข่าวสารไว้อย่างไรขอรับ

ตัวเลขจีนที่ออกมา เป็นตัวเลขของการบริโภคสินค้า ความต้องการใช้สินค้า ในเมื่อจีนเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปขายในยุโรป สหรัฐอเมริกา Made in China การที่ส่งออกลดลงฮวบจาก 14.70% เหลือที่ 1 % ก็ทำให้การนำเข้าวัตถุดิบเพื่อมาผลิตสินค้าก็ลดลงฮวบตาม คือ จาก 16.8% เหลือ -0.3% เข้าขั้นเศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินใช้จ่าย หรือ มีเงินแต่ไม่อยากจ่าย ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจไม่ขยายตัว ไม่มีการจ้างแรงงานมาผลิตสินค้า อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจก็จะลดลงในทุกประเทศ นักลงทุนจะหันเข้าหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และ หมุนเวียนง่ายที่สุด คือ US Dollars เดี๋ยวมีอีกชุดนะครับ Chinese CPI และ PPI ดัชนีราคาผู้บริโภค คือ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่าจะลดลง นั้นจะแสบๆ คันๆ กว่า จะยิ่งทำให้ทองร่วง. ผมไม่แน่ใจนะว่า ตลาดลงทุนจีนปิดจากเทศกาลบ๊ะจ่าง แต่เขาจะมีเล่นแบบ ออนไลน์ แบบที่เราเล่นหรือเปล่า ถ้าตลาดหลักของโลกเปิดทำการ อันนี้คือสิ่งที่ต้องคอยดูว่า สายๆ วันจันทร์ จะเป็นยังไง

 

ส่วนค่าเงินบาท / มันขึ้นอยู่กับการสร้างความเชื่อมั่นของประเทศฯ ในสายตานักลงทุนต่างชาติมากกว่าครับ อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ อ่อนค่า ส่งผลให้ค่าเงินสกุลต่างๆ ในเอเชีย แข็งค่าขึ้น เช่น เยนญี่ปุ่น หยวนจีน เป็นต้น แต่เงินบาทของไทย กลับอ่อนค่าลง แตะ 30.65 บาท ตลาดหุ้นไทยก็บวก 20 กว่าจุด ก็ไม่สามารถทำให้บาทแข็งขึ้นมาได้ นักลงทุนต่างชาติยังถอนเงินทุนออกจากตลาดลักทรัพย์ ( ไม่ได้เขียนผิดนะครับ ) ปัญหาเยอะครับ ทั้ง ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาทำไม ? เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ? ขาดทุนจำนำข้าวเบ็ดเสร็จเท่าไหร่ ก็ยังอ้ำๆอี้งๆ บ้าใบ้ไม่มีคำตอบจากผู้รับผิดชอบ เพียงบอกว่า ความลับ ? กฎหมายต่างๆ ที่จะผ่านสภาฯ ? คำตอบความกระจ่างที่ มูดีส์ รอฟังคำอธิบาย ก็ไม่มี ?

 

แต่ที่เงินบาทจะรักษาระดับที่ 30.50-30.55 ได้นั้น ก็จะมาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะขายดอลล์ออกมา / ตลาดหุ้นจะบวก จากการที่ตลาดสหรัฐฯ ปิดบวก และ การออกมากว้านซื้อคืนหุ้นจากเจ้าของบริษัทมหาชน ที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์รวม ( Book Value ) / การออกคำสั่งของผู้มีอำนาจให้กองทุนฯ บางกองทุนเข้าพยุงมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ มันเป็นแค่หลักจิตวิทยาหลอกแมงเม่าขาย่อยเท่านั้น เพราะลองคิดดูนะ 1 วันในตลาดลักทรัพย์ 50,000 ล้านบาท เยอะเหรอ เมื่อเทียบกับมูลค่ารวมทั้งหมดของตลาดฯ ซึ่งอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท กระจอกมากๆๆ ครับ

 

เดี๋ยวเอาแค่นี้ก่อน สงสัยถามใหม่นะครับ

 

ปล. นายอานันท์ ปรีชาวุฒิ เป็นโจทก์ฟ้องศาลอาญา โดยมีจำเลยคือ ประธานฯกลุ่มกู้อัสสัมชัญ ข้อหา หมิ่นประมาท ในเรื่อง การรับเด็กประถม 1 โดยพิจารณาจากปริมาณเงินมากกว่าตะแนนสอบและความสามารถเด็กฯ งานนี้ คงดังลงหน้าหนังสือพิมพ์อีกรอบ ในวันขึ้นศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 1 กรกฎาคม 56 โดยมีทนายความที่เขาบอกกันว่า เป็นทนายของ " เป็ด บางบอน เหอะๆๆ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์เป็นอย่างสูงครับ น่าจะเป็นตลาดลักทรัพย์ตามที่ป๋าบอกจริงๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า สุดสัปดาห์นี้ ตัวลขรายงานจีนออกมาเยอะและสำคัญ ซึ่งตัวที่เด่นๆ คือ CPI ดัชนีผู้บริโภคเป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าทั้งหมดที่อยู่ในรายการเหล่านี้ สมมุติว่า ถ้ามูลค่าแรกเริ่มของสินค้าเหล่านี้มีค่าเท่ากับ 100 และในเดือนนี้ราคาสินค้าเหล่านี้มีค่าเท่ากับ 101 เราจะเห็นค่าของ ดัชนีผู้บริโภค มีค่าเพิ่มขึ้น 1 % ค่าของดัชนีผู้บริโภค ที่เพิ่มขึ้นมานั้นถูกเรียกว่า อัตราเงินเฟ้อ

 

การรายงานตัวเลขของดัชนีผู้บริโภคนั้นจะมี 2 ชนิดคือ

 

1. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core cpi) คือ ดัชนีที่ไม่รวมเอากลุ่มของอาหารสดและพลังงานมาคำนวณ เนื่องจากราคาของสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว

2. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (cpi) คือดัชนีที่รวมรายการสินค้าและบริการเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด

 

ดัชนีผู้บริโภคเป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อ นักลงทุนจะต้องเข้าใจสภาวะของอัตราเงินเฟ้อด้วย ถ้าอัตราเงินเฟ้อสูงมาก อัตราดอกเบี้ยก็มักจะสูงขึ้นตามเพื่อลดการขยายตัวของเศรษฐกิจ อันจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีค่าเพิ่มขึ้น

 

* ดัชนีผู้บริโภคที่ผู้กำหนดนโยบายทางด้านการเงินของแต่ละประเทศมักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน

 

จากตัวเลขที่ออกมา อัตราเงินเฟ้อ ลดลง. อ้าว แล้วราคาทองมันชอบเงินเฟ้อไม่ใช่เหรอ ยิ่งเฟ้อมาก ราคาทองยิ่งขึ้น ทำไงล่ะ !

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chinese CPI (MoM)

Actual:-0.6%

Forecast:-0.2%

Previous:0.2%

Importance: Currency:CNYSource Of Report:National Bureau of Statistics of China (Release URL)

OverviewChartHistory

The Consumer Price Index (CPI) measures the change in the price of goods and services from the perspective of the consumer. It is a key way to measure changes in purchasing trends and inflation.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the CNY, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the CNY. อ้าว ! เงินหยวนอ่อนลง เงินดอลล์สหรัฐฯ ก็ต้องแข็งค่าขึ้น หรือเปล่า ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chinese CPI (YoY)

Actual:2.1%

Forecast:2.5%

Previous:2.4%

Importance: Currency:CNYSource Of Report:National Bureau of Statistics of China (Release URL)

OverviewChartHistory

The Consumer Price Index (CPI) measures the change in the price of goods and services from the perspective of the consumer. It is a key way to measure changes in purchasing trends and inflation.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the CNY, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the CNY. อ้าว ! เงินเฟ้อรายปี ลดลงจาก 2.4 % มาที่ 2.1 % ต่ำกว่าคาดเยอะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chinese PPI (YoY)

Actual:-2.9%

Forecast:-2.5%

Previous:-2.6%

Importance: Currency:CNYSource Of Report:National Bureau of Statistics of China (Release URL)

OverviewChartHistory

The Producer Price Index (PPI) measures the change in the price of goods sold by manufacturers. It is a leading indicator of consumer price inflation, which accounts for the majority of overall inflation.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the CNY, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the CNY.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

USA:นักวิเคราะห์ชี้ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานไม่ส่งผลเฟดหั่นวงเงิน QE

 

 

วอชิงตัน--7 มิ.ย.--รอยเตอร์

 

จำนวนชาวสหรัฐที่ยื่นขอรับสวััสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงในสัปดาห์

ที่แล้ว และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐเติบโตขึ้นในระดับปานกลาง

ถึงแม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ครั้งแรกลดลง 11,000 ราย สู่ 346,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุด

วันที่ 1 มิ.ย. โดยตัวเลขนี้สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์

ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการแกว่งตัวผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

แต่ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า การจ้างงานที่เติบโตขึ้นในอัตราปานกลางมีแนวโน้ม

เปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้างได้รับแรงกดดันจากการปรับ

ขึ้นภาษีและการปรับลดงบรายจ่ายครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐก็ตาม

อย่างไรก็ดี ตลาดแรงงานสหรัฐก็ยังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นในระดับที่มากพอ

ที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดวงเงินในมาตรการ

ผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะจัดประชุม

ครั้งถัดไปในวันที่ 18-19 มิ.ย. ในขณะที่ตัวเลขภาคการผลิตและตัวเลขการ

จับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะอ่อนแอในช่วงต้น

ไตรมาส 2 โดยตัวเลขดังกล่าวจะสนับสนุนให้เฟดตัดสินใจใช้มาตรการเข้าซื้อ

พันธบัตรในอัตรา 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไปในการประชุมเดือน

มิ.ย.

นางเจนนิเฟอร์ ลี นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทบีเอ็มโอ แคปิตัล มาร์เก็ตส์

กล่าวว่า "ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ได้ปรับตัว

ดีขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่งมากพอที่จะสนับสนุนให้เฟดชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"

 

ค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก อยู่ที่

352,500 รายในสัปดาห์ล่าสุด โดยเพิ่มขึ้น 4,500 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า

ตลาดการเงินสหรัฐแทบไม่ได้รับผลกระทบจากรายงานตัวเลขนี้ ในขณะที่

นักลงทุนุหันเหความสนใจไปยังยูโรโซน หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)

ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่สถิติต่ำสุดที่ 0.5 % ต่อไป นอกจากนี้

นักลงทุนยังออกไปรอดูท่าทีอยู่นอกตลาด ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลข

การจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ในช่วงต่อไปในวันนี้

ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 มิ.ย.

ไม่มีผลกระทบต่อรายงานการจ้างงานที่จะออกมาในวันนี้ เพราะช่วงเวลาใน

ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการครั้งนี้ อยู่นอกเวลาที่มีการสำรวจข้อมูลสำหรับใช้ใน

การจัดทำรายงานการจ้างงาน

โพลล์รอยเตอร์คาดว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น

170,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่ง

ในเดือนเม.ย. ส่วนอัตราการว่างงานอาจทรงตัวที่ 7.5 % ในเดือนพ.ค.

ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง

อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงที่ตัวเลขการจ้างงานอาจเพิ่มขึ้นในระดับต่ำ

เกินคาดในเดือนพ.ค.

สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐระบุว่า ดัชนีการ

จ้างงานในภาคบริการดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 10 เดือนในเดือนพ.ค.

ส่วนดัชนีการจ้างงานในภาคการผลิตขยับลงเล็กน้อย

บริษัท ADP ระบุในวันพุธว่า การจ้างงานภาคเอกชนในสหรัฐ

เพิ่มขึ้นต่ำเกินคาดในเดือนพ.ค.

ถึงแม้เศรษฐกิจชะลอการเติบโตลง แต่ภาคเอกชนของสหรัฐ

ก็ไม่ได้ตอบรับต่อสถานการณ์นี้ด้วยการปรับลดตำแหน่งงาน โดยขณะนี้

ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับลดตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการ

ปรับลดงบรายจ่ายครั้งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐ

บริษัทแชลเลนเจอร์, เกรย์ แอนด์ คริสต์มาสระบุว่า ยอดการ

ปลดพนักงานออกในบริษัทสหรัฐลดลงในเดือนพ.ค.เป็นเดือนที่ 3

ติดต่อกัน

นายจ้างในสหรัฐประกาศลดตำแหน่งงานลง 36,398 ตำแหน่ง

ในเดือนพ.ค. โดยตัวเลขนี้ลดลง 4.5 % จากเดือนเม.ย. และดิ่งลง

41.2 % จากเดือนพ.ค. 2012

นายจอห์น แชลเลนเจอร์ ซีอีโอของบริษัทแชลเลนเจอร์, เกรย์

แอนด์ คริสต์มาส กล่าวว่า ขณะนี้มาตรการปรับลดงบรายจ่ายของรัฐบาล

กลางสหรัฐยังไม่ได้ส่งผลให้มีการปรับลดตำแหน่งงานครั้งใหญ๋"

ยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ของตลาดแรงงาน, การเพิ่มขึ้นของราคาบ้าน และการทะยานขึ้นของตลาด

หุ้น

บริษัทเครือข่ายร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัท

คอสต์โค โฮลเซล คอร์ป และบริษัทวิคตอเรียส์ ซีเคร็ท รายงานว่า

ยอดขายเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.ในระดับที่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์

ในย่านวอลล์สตรีท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

FED:ปธ.เฟดฟิลาเดลเฟียชี้ตลาดมีปฎิกริยามากเกินไปต่อข่าวเฟดเล็งยุติ QE

 

 

บอสตัน--7 มิ.ย.--รอยเตอร์

 

นายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขา

ฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า นักลงทุนอาจมีปฏิกริยามากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา

ต่อความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลาย

เชิงปริมาณ (QE)

ต่อข้อถามที่ว่า ตลาดมีปฏิกริยามากเกินไปในช่วงที่ผ่านมาหรืิิอไม่ นาย

พลอสเซอร์กล่าวว่า "อาจจะใช่"

"เนื่องจากผมไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไรต่อไป ตลาดดูเหมือนจะพิจารณา

เรื่องนี้อย่างจริงจังมากในระดับซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นความผิดพลาด" นาย

พลอสเซอร์กล่าวเสริม โดยเขาเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์มานานเกี่ยวกับมาตรการ

QE3

ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันที่ 22 พ.ค.

เมื่อนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส

ว่า อาจมีการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือนวงเงิน 8.5 หมื่นล้าน

ดอลลาร์ในการประชุมครั้งต่อๆไปของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด

หากเศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้น

นักลงทุนทั่วโลกกำลังคาดการณ์ว่าเฟดจะลดการซื้อพันธบัตรลงเมื่อใด

เมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐนับตั้งแต่โครงการดังกล่าว

เริ่มต้นขึ้นในเดือนก.ย.2012 และเมื่อพิจารณาจากคำพูดของผู้กำหนด

นโยบายบางคนที่ว่า พวกเขาอาจดำเนินการในฤดูร้อนนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 0.38%

นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.

นายพลอสเซอร์และผู้กำหนดนโยบายเฟดสายเหยี่ยวคนอื่นๆอยู่ใน

กลุ่มคนส่วนน้อยที่คาดว่าเฟดจะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่คาดว่า เฟดจะลดการซื้อพันธบัตรและสินทรัพย์

จำนวนจนกว่าจะถึงเดือนก.ย.หรือหลังจากนั้น

อย่างไรก็ตาม นายพลอสเซอร์ระบุย้ำว่า เฟดจะเริ่มดำเนินการดังกล่าว

ในการประชุมกำหนดนโยบายวันที่ 18-19 มิ.ย.ซึ่งเขากล่าวว่าจะมีการ

พิจารณาทางเลือกดังกล่าวจะมีการพิจารณาอย่างชัดเจน"

"ถึงเวลาที่เราจะค่อยๆลดมาตรการของเรา" เขากล่าว โดยเสริมว่า

QE3 ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยหนุนตลาดและอัตราการว่างงานอย่างแท้จริง"

อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 7.5% ในเดือนเม.ย.ลดลงจาก 8.1%

ก่อนเดือนก.ย.เมื่อมีการออก QE3 โดยอัตราการว่างงานแตะระดับสูงสุด

ในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ถึง 10% ในเดือนต.ค.2009

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผื่อไว้ ให้เพื่อนบางคนอ่าน เพื่อนที่เข้าใจแล้ว ก็มองข้ามๆ ไป อย่าไปคิดอย่างเดียวว่า ทองขึ้นลงอยู่ที่ ขาใหญ่ ปัจจัยเหตุผลมีมากมาย แต่นักลงทุนที่สร้างความเคลื่อนไหวราคาทองมองเพียง 1-2 จุดเท่านั้น ในเหตุสถานการณ์ที่เกิด

 

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลก

1.เงินดอลลาร์สหรัฐ หากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น เพราะการซื้อทองคำเหมือนการป้องกันความเสี่ยงมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

2.ความกลัวเรื่องเงินเฟ้อ หากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นโดยปัจจัยอื่นคงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้มูลค่าของพันธบัตร และเงินสดลดลง แต่มูลค่าทองคำกลับสามารถต้านแรงกดดันเงินเฟ้อได้

 

3.ความเสี่ยงทางการเมืองและระบบการเงิน ในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และความกังวลอย่างสูงเกี่ยวกับระบบการเงินโลก ราคาทองคำมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย

 

4.อุปสงค์และอุปทานของโลก ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เช่น ความต้องการทองคำในประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วคือ จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง หรือปริมาณของทองคำถูกเพิ่มขึ้นในตลาดขณะที่ความต้องการเท่าเดิมโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำลดลง เช่น การขายทองคำออกมาจำนวนมากของธนาคารกลาง

 

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศไทย

 

1.ราคาทองคำในตลาดโลก หากราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น

ในทางกลับกันหากราคาทองคำในตลาดโลกลดลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะลดลง

 

2.ค่าเงินบาท/ดอลล่าห์สหรัฐ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันหากค่าเงินบาทแข็งค่าโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะลดลง

 

3.อุปสงค์และอุปทานในประเทศ ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เช่น เทศกาลก่อนตรุษจีนราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

จากบทความนี้คงทำให้นักลงทุนได้เข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบกับราคาทองคำ และสามารถวิเคราะห์ราคาทองคำเพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ สำหรับความรู้ด้านการเงินการลงทุนนักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากหลักสูตรต่างๆ ที่ทางสถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) ได้จัดขึ้นเป็นประจำที่ www.tsi-thailand.org

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10 ปัจจัย ชี้ชะตาราคาทอง

Written by ฝ่ายวิจัยและพัฒนา AFET Category: ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ Hits: 7709

บรรดานักวิเคราะห์หลายสำนักต่างออกมากล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำกันอย่างกว้างขวาง บ้างก็ว่าราคาทองคำอาจลดลงอีก บ้างก็ว่าราคาจะพุ่งกลับขึ้นไปสูงอีกครั้ง ทำเอาคนที่ติดตามข่าวสับสนไม่รู้จะเชื่อสำนักไหนดี ดิฉันเองก็มึนงงเพราะการบริโภคข่าวเกินขนาดเช่นกัน จึงมานั่งคิดได้ว่าจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถฟัง วิเคราะห์และตัดสินใจได้เอง ดังนั้นดิฉันจึงรวบรวม ”10 ปัจจัย ชี้ชะตาราคาทอง” มาฝากกันในวันนี้ค่ะ

 

 

1. US Dollar : เนื่องจากราคาทองคำถูกกำหนดให้ซื้อขายอยู่ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นราคาทองคำจึงแปรผกผันกับค่าเงินดอลลาร์ไปโดยปริยาย นั่นคือถ้าดอลลาร์แข็ง ราคาทองจะลดลง กลับกันถ้าดอลลาร์อ่อน ราคาทองจะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ประเด็นสำคัญที่ละเลยไม่ได้ คือ การขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์ โดยหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง จนทำให้บรรดาประเทศต่างๆ ที่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศพากันเดือดร้อน เพราะยิ่งค่าเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงมากเท่าไหร่ ทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศเหล่านั้นก็มีมูลค่าลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงเห็นกระแสการปรับทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ที่ลดการถือเงินครองดอลลาร์ฯ ลง แล้วหันไปเพิ่มการถือครองสินทรัพย์อื่นๆ แทน เช่น ทองคำ และเงินสกุลอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

 

2. อัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในปัจจุบันเป็นตัวผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการกดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำของบรรดาธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดเงินที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ(เพราะดอกเบี้ยต่ำ) เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ และทองคำเป็นต้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำ แต่ในระยะยาวแล้วเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

 

3. อัตราผลตอบแทนเปรียบเทียบระหว่างการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และทองคำ : เพราะมนุษย์ช่างคิด เวลาจะลงทุนอะไรก็ต้องคิดเปรียบเทียบผลตอบแทนของการลงทุนแต่ละตัว แต่เพราะสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกยังไม่ชัดเจน ทำให้การลงทุนในหุ้นยังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำก็ทำให้ตราสารหนี้ไม่เป็นที่น่าดึงดูดใจ แต่การลงทุนในทองคำกลับได้รับความนิยม เพราะได้รับแรงหนุนจากการซื้อสะสมของธนาคารกลางหลายๆ ประเทศทั่วโลก

 

4. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : ในช่วง 7- 8 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยประชาชนของทั้งสองประเทศมีค่านิยมในการซื้อทองคำเพื่อเป็นเครื่องประดับแสดงฐานะทางสังคม อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐอเมริกาซึ่งได้ลุกลามต่อไปทั่วโลก ทำให้ความต้องการบริโภคทองคำในฐานะเป็นเครื่องประดับลดลง โดยในช่วงแรกเราได้เห็นการดิ่งลงของราคาทองคำ เพียงไม่นานราคาทองกลับพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง จากความต้องการบริโภคทองคำเพื่อการลงทุนเข้ามาแทน

 

5. Demand / Supply

Demand (ความต้องการซื้อ) สำหรับทองคำ แบ่งเป็น:

1). ความต้องการทองคำจากอุตสาหกรรมเครื่องประดับ เช่น เทศกาลตรุษจีน ปีใหม่ และเทศกาลแต่งงานของชาวอินเดีย

2). ความต้องการลงทุนในทองคำ ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนและกองทุนต่างๆ

3). ความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางบางประเทศ โดยเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดภาวะขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์ อันนำไปสู่กระแสการปรับทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ที่ลดการถือครองเงินดอลลาร์ฯ ลง แล้วหันไปเพิ่มการถือครองสินทรัพย์อื่นๆ แทน เช่น ทองคำ และเงินสกุลอื่นๆ ทั้งนี้ยิ่งความต้องการซื้อทองคำสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นตามไปด้วย

 

Supply สำหรับทองคำ : ปัจจัยทางการผลิตทองคำนั้นมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำน้อยมาก เพราะเป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ ยกเว้นจะมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ปัญหาในเหมืองสำคัญของโลก หรือปัญหาในแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทองคำหลักของโลก หรือมีการเทขายทองคำจำนวนมากจากกลุ่มสถาบันใหญ่ๆ เช่น ธนาคารกลางประเทศต่างๆ หรือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทั้งนี้หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ Supply ของทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง

 

6. ภาวะเงินเฟ้อ : หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ภาวะของแพงขึ้น เนื่องจากมีปริมาณเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจมากเกินไป โดยทันทีที่เกิดเงินเฟ้อขึ้น มูลค่าเงินสดและพันธบัตรที่เราถือครองอยู่จะลดลง ทำให้นักลงทุนต้องหันหาแหล่งลงทุนอื่น ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นมาตรการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศใหญ่ๆ นำโดยสหรัฐฯ, ยูโรโซน, จีน, ญี่ปุ่น, อังกฤษ ฯลฯ ทำให้เกิดความกลัวว่าปริมาณเงินที่ถูกอัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจจะเป็นระเบิดเวลาเงินเฟ้อในอนาคต นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นก็เป็นสัญญาณเงินเฟ้อ ซึ่งหากเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำให้มีความต้องการซื้อทองคำมากขึ้น อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันกับทองคำไม่จำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เพราะบางครั้งมีการย้ายตลาดเก็งกำไรของนักลงทุน

 

7. ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ : โดยเฉพาะช่วงนี้มีประเด็นเรื่องสหรัฐฯ กับจีน โดยหากเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ร้ายแรง ก็จะมีแรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงในฐานะที่ทองคำเป็น Safe heaven (แหล่งลงทุนที่ปลอดภัย) แต่หลังจากนั้นก็มีความเสี่ยงที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าในภาวะสงคราม ทองคำนั้นกินไม่ได้ อย่างไรก็ตามแนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในระยะนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก แม้จีนจะแสดงอาการไม่พอใจสหรัฐฯ หลายครั้ง แต่ปัจจุบันสหรัฐฯ ก็เป็นตลาดผู้บริโภครายใหญ่ของจีน ดังนั้นจีนคงคิดหนัก หากคิดจะทุบหม้อข้าวตนเอง

 

8. การเก็งกำไร : ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กองทุนหลายๆ แห่งต่างหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้น และเพิ่มผลตอบแทนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้พฤติกรรมของการเก็งกำไรจะเล่นกันเป็นรอบๆ ตามจังหวะขึ้นลงของตลาด เพื่อแสวงหากำไรส่วนต่าง

 

9. อัตราแลกเปลี่ยน : เนื่องจากทองคำที่ซื้อขายในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้า ดังนั้นจึงหนีไม่พ้นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ราคาทองคำในประเทศลดลง ในทางกลับกันหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำในประเทศจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการที่ทองคำซื้อขายอยู่ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ช่วยลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนไปได้ (อ่านเหตุผลได้ในปัจจัยฯ ข้อ 1. US Dollar)

 

10. กระแสตลาด : ปัจจัยข้อนี้สำคัญมากค่ะ เพราะเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือปัจจัยทั้ง 9 ข้อข้างต้น และเป็นสิ่งบอกได้ทั้งในด้านบวกและด้านลบ เช่น หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลก ราคาทองคำอาจจะพุ่งขึ้นเพราะทองคำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน หรือราคาทองคำอาจจะร่วงลงตามตลาดหุ้นเพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่าความต้องการทองคำจะลดลงตามการซบเซาของภาวะเศรษฐกิจโลกหรือเกิดจากนักลงทุนเทขายทองคำเพื่อนำเงินไปคืนผลขาดทุนในตลาดหุ้น ดังนั้นการติดตามข่าวสารในตลาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราจับจังหวะการลงทุนได้ค่ะ

 

!!!! เอะอะ อะไร อย่าบอก " ขาใหญ่ " แพะจะเต็มทุ่งฯ ก็คือ พวกเรา ที่ต้องมาเสี่ยง

 

http://www.dchai9gold.com/index.php/knowledge/2012-08-30-10-03-07/83-10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ปล. นายอานันท์ ปรีชาวุฒิ เป็นโจทก์ฟ้องศาลอาญา โดยมีจำเลยคือ ประธานฯกลุ่มกู้อัสสัมชัญ ข้อหา หมิ่นประมาท ในเรื่อง การรับเด็กประถม 1 โดยพิจารณาจากปริมาณเงินมากกว่าตะแนนสอบและความสามารถเด็กฯ งานนี้ คงดังลงหน้าหนังสือพิมพ์อีกรอบ ในวันขึ้นศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่ 1 กรกฎาคม 56 โดยมีทนายความที่เขาบอกกันว่า เป็นทนายของ " เป็ด บางบอน เหอะๆๆ

 

เพิ่งรู้ข่าวจากป๋านี่แหละ ตอนลูกสอบสัมภาษณ์ จะเข้าครูผู้สอบก็จะพูดว่าบริจาค แสนห้า เข้าได้แน่นอน ไม่ต้องดูคะแนน

 

เราก็บอกไม่มีเงินมากขนาดนี้ ก็พูดหว่านล้อมว่า ถ้าลูกไม่ได้ มาวิ่งรอบสอง เงินบริจาคจะมากกว่านี้นะ พูดจนเรายอมจ่ายแสนนึง

ปรากฏว่าเพื่อนลูกไม่ติดเพราะบริจาคห้าหมื่นมาวิ่งเต้นรอบสองไม่กล้าสู้เงินบริจาคก็กะว่าไม่เอา ทิ้งช่วงไว้สองสามวันทาง รร.โทรมาบอกยังสนใจไหมบริจาคเท่าไรก็ได้ แม่เพื่อนลูกเลยให้สามหมื่น มันใช้สงครามจิตวิทยาจริงๆ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...