ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ออกประกาศ ศอ.รส.ฉบับที่ 3 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่อาคารหรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ โดยห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบหรือกระทำการยั่วยุปั่นป่วนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าหรือออกจากพื้นที่ เว้นแต่ได้รับอนุญาต จำนวน 12 เส้นทาง ต่อไปนี้

 

1.ถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดง ถึงแยกสีลม-นราธิวาส

2.ถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกสามย่าน-วิทยุ

3.ถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกศาลาแดง-ประตูน้ำ

4.ถนนเพลินจิต ตั้งแต่แยกราชประสงค์-ชิดลม

5.ถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกเจริญผล-ราชประสงค์

6.ถนนพญาไท ตั้งแต่แยกปทุมวัน-สามย่าน

7.ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกอโศก ถึงอโศก-เพชรบุรี

8.ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่แยกนานา-ปากซอยสุขุมวิท 19

9.ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกตึกชัย-แยกสามเหลี่ยมดินแดง

10.ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่แยกลาดพร้าว-กำแพงเพชร

11.ถนนแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่หลักสี่-แจ้งวัฒนะ 14

12.สะพานพระราม 8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปกันใหญ่แล้ว เขาไม่ให้ออกจากบ้านไปซื้อขายทอง ณ. เยาวราช. หรือ ซื้อข้าวของ ใครไม่ได้ตุนอาหารไว้ ได้อดตายแน่มรึง ออกมาได้ยังไง ประกาศแบบนี้แล้วลงในราชกิจจานุเบกษา อีกนะ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,245.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 10.3 เซนต์ ปิดที่ 20.282 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 10.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,433.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 738.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%

 

ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เช่นกัน

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาสนับสนุนการปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร ตราบใดที่เศรษฐกิจมีการขยายตัว 2.5-3.0%

 

ด้านธนาคารบาร์เคลย์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำโดยเฉลี่ยในปี 2557 ลงสู่ระดับ 1,205 ดอลลาร์/ออนซ์ และคาดว่าราคาทองคำอาจจะดิ่งลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีนี้ ขณะที่โกลด์แมนแซคส์ ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลงอีกในปี 2557 โดยคาดว่า ณ สิ้นปีนี้ ราคาทองคำจะดิ่งลงไปแตะระดับ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์(วันที่ 15 มค.57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 14 มกราคม 2557 โดย YLG ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,251.00-1,254.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG14 อยู่ที่ 19,610 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,640 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVG14 อยู่ที่ 671 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 671 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.25 น.ของวันที่ 14/01/14)

 

แนวโน้มวันที่ 15 มกราคม 2557

 

แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงกดดันการขยับขึ้นของราคาทองคำประกอบกับ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ในคืนวันพุธนี้ ซึ่งรายงานดังกล่าวจะแสดงสภาวะทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยบงชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต และเป็นข้อมูล 2 สัปดาห์ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในแต่ละครั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดจะพิจารณารายงานดังกล่าวในการประชุมกำหนดนโยบายปลาย เดือนนี้ ทั้งนี้ รายงานครั้งก่อนของเฟด ที่ระบุใน Beige Book เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลาง โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากกิจกรรมด้านการผลิตและอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ ว่า รายงานในครั้งอย่างบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่สดใสทางเศรษฐกิจสหรัฐเช่นกัน ทำให้เมื่อราคาขยับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมา แต่อย่างไรก็ตามในระยะสั้นเมี่อราคาอ่อนตัวลงยังเห็นแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา พยุงราคาไว้ ราคาทองคำได้รับแรงหนุน จากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลง และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาด ทำให้ราคาทองปรับขึ้น ติดต่อกันในช่วงหลายวันที่ผ่าน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงหลังจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2013 แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมของตลาดทองคำใน ขณะนี้จะไม่มีปัจจัยกำหนดทิศทางชัดเจน ส่งผลให้ราคาทองคำมีในลักษณะการเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากปัจจัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำได้เพียงชี้นำราคาทองคำระยะสั้นๆ

 

เบื้องต้นวายแอลจีประเมินแนวรับบริเวณ 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งหากราคาไม่หลุดโซนนี้ จะมีแรงดีดตัวขึ้นไป แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,270-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จึงเกิดแรงขายทำกำไรออกมา ต้องระมัดระวังการไหลตัวลงสู่แนวรับที่ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อ เมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณโซนแนวรับ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,262 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,243 (19,260บาท) 1,233 (19,110บาท) 1,223 (18,950บาท)

แนวต้าน 1,262 (19,560บาท) 1,272 (19,710บาท) 1,282 (19,870บาท)

 

GOLD FUTURES (GFG14)

แนวรับ 1,243 (19,470บาท) 1,233 (19,310บาท) 1,223 (19,160บาท)

แนวต้าน 1,262 (19,760บาท) 1,272 (19,920บาท) 1,282 (20,070บาท)

 

SILVER FUTURES (SVG14)

แนวรับ 20.05 (661 บาท) 19.80 (653 บาท) 19.65 (648 บาท)

แนวต้าน 20.50 (676 บาท) 20.65 (681 บาท) 20.90 (689 บาท)

 

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 14 มค.57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นโตเกียว เนื่องจากเงินเยนอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.4% เมื่อเวลา 9.52 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,649.07 จุด เพิ่มขึ้น 226.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,985.78 จุด เพิ่มขึ้น 194.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,567.81 จุด เพิ่มขึ้น 19.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,956.43 จุด เพิ่มขึ้น 10.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,131.33 จุด เพิ่มขึ้น 7.58 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,834.74 จุด ลดลง 0.23 จุด

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15/01/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากข้อมูลค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาด การณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 104.24 เยน จากระดับ 102.91 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9029 ฟรังค์ จากระดับ 0.8996 ฟรังค์

 

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3671 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3672 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.6434 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6387 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะ 0.8958 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9059 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะลด QE ลงอีก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%

 

ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เช่นกัน

 

เงินเยนอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่าญี่ปุ่นขาดดุล บัญชีเดินสะพัดเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพ.ย. โดยเป็นยอดเกินดุลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่มีการจัดเก็บข้อมูลเปรียบ เทียบในปี 2528

 

กระทรวงระบุในรายงานเบื้องต้นว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดที่กว้างที่สุดด้านการค้าระหว่างประเทศนั้น อยู่ที่ 5.928 แสนล้านเยนในเดือนพ.ย.

 

ส่วนยอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ 1.2543 ล้านล้านเยนกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย.ของญี่ปุ่น อยู่ที่ 5.928 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นยอดเกินดุลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่มีการจัดเก็บข้อมูล เปรียบเทียบในปี 2528 ส่วนยอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ 1.2543 ล้านล้านเยน

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์(วันที่ 15 มค.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟันธง! ทิ้งใบจองแสนราย สรรพสามิตหวิว! ลูกค้ารถคันแรกเบี้ยวคืนเงินภาษีส่อเค้าเพิ่มใน 3-4 ปีข้างหน้านี้ เล็งเพิ่มคน-งบฯ รองรับคดีฟ้องร้อง ห่วงสร้างภาระในอนาคต พร้อมตั้งงบฯ ปี 58 จ่ายคืนผู้ใช้สิทธิ์อีก 1 หมื่นล้านบาท หลัง 2 ปีจ่ายแล้ว 7 หมื่นล้านบาทกว่า 7 แสนราย

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรกว่า ปัจจุบันมียอดผู้จองสิทธิรถยนต์คันแรกที่ยังค้างอีก 1.2 แสนราย จากจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งสิ้น 1.247 ล้านราย เงินรวม 9.14 หมื่นล้านบาท

"ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้หารือกับผู้ประกอบการและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (ดีเลอร์) ที่ไม่ได้กำหนดเวลารับรถไว้ในเอกสารสัญญาซื้อ-ขาย ให้ทำจดหมายไปสอบถามผู้จองว่ายังยืนยันจะรับรถหรือไม่หากผู้จองไม่มารับรถยนต์ตามกำหนดให้ถือว่าสละสิทธิ์ รวมทั้งยังได้ส่งข้อความไปถึงผู้ขอใช้สิทธิเช่นเดียวกัน แม้ปัจจุบันตัวเลขรับรถยนต์ยังเคลื่อนไหวอยู่ที่เดือนละ 4 -5 พันราย แต่เชื่อว่ามีประมาณ 1 แสนราย ตัดสินใจทิ้งใบจองแล้ว ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนมกราคมปีนี้ น่าจะได้ข้อสรุปของโครงการทั้งหมด"

ทั้งนี้สาเหตุที่ผู้จองสิทธิรถยนต์คันแรกไม่ใช่สิทธิประมาณ 1 แสนราย หรือทิ้งใบจองนั้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากผู้จองสิทธิบางรายเปลี่ยนใจไปซื้อรถใหม่ที่โปรโมชันน่าสนใจกว่า หรือบางรายเป็นการจองไว้หลายยี่ห้อและรับรถไปแล้ว โดยไม่ยกเลิกอีกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ที่ว่าจะมีผู้จองสิทธิยกเลิกใช้สิทธิในโครงการนี้ประมาณ 10% ทำให้ช่วยลดรายจ่ายในโครงการดังกล่าวได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท

โดยปีงบประมาณ 2558 กรมสรรพสามิตคาดว่าจะต้องตั้งงบประมาณจ่ายคืนอีก 1 หมื่นล้านบาท จากที่ตั้งงบประมาณปี 2555-2556 จ่ายอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท และงบประมาณปี 2557 อีก 4 หมื่นล้านบาท รวม 2 ปีที่ตั้งงบประมาณจ่ายไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ได้รับเงินคืนแล้วทั้งสิ้น 7 แสนราย คิดเป็นเงิน 5 หมื่นล้านบาท ( ข้อมูล ณ 8 มกราคม 2557 )

ทั้งนี้ในส่วนผู้ที่ใช้สิทธิถือครองรถยนต์ครบ 1 ปีและได้รับเงินคืนจากกรมสรรพสามิตไปแล้ว พบว่าจำนวนนี้มีผู้ทำผิดเงื่อนไขอยู่ประมาณ 500-600 ราย ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องนำส่งเงินภาษี (สูงสุด 1 แสนบาทต่อราย ) คืนให้กรมสรรพสามิต ส่วนผู้ที่ยังไม่นำเงินภาษีส่งคืนกรม มีอยู่ 4-5 ราย ซึ่งทางกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการฟ้องร้องไปแล้ว

แหล่งข่าวกรมสรรพสามิตเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ที่ผ่านมาอธิบดี ได้มีนโยบายให้เพิ่มส่วนงานภายหลังดำเนินโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรก โดยเตรียมบุคลากรและงบประมาณรองรับงานส่วนกฎหมาย ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการฟ้องคดีเรียกคืนเงินภาษีดังกล่าว เบื้องต้นมีคดีทางแพ่งเข้ามาแล้วจำนวนหลักสิบคดี แต่อนาคตมีโอกาส 3-4 ปีข้างหน้าอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยคดี เพราะการฟ้องร้องกว่าจะจบกระบวนการทั้ง 3ศาล (ศาลชั้นต้น, อุทธรณ์และฎีกา) ต้องใช้เวลา ซึ่งกรมสรรพสามิตเป็นเจ้าของงบประมาณในการคืนเงินภาษี จึงเป็นภาระในการเรียกคืนเงินกรณีที่ผู้ใช้สิทธิ์ผิดเงื่อนไขหรือไม่คืนเงิน

"ทั้งกรณีผิดเงื่อนไขและไม่คืนเงินนั้นสร้างภาระกับกรมสรรพสามิต จึงต้องเพิ่มคนเข้ามาแก้ไขทั่วประเทศและมีคดีเข้ามาในระบบจำนวนหนึ่ง เช่น คดีทางแพ่งและคดีด้านปกครอง ที่แนวโน้มอาจเพิ่มเป็นหลักร้อยกว่าจบกระบวนการคืนเงินภาษีในอีก 3-4 ปีข้างหน้า"

นอกจากนี้ในทางปฏิบัติกรมสรรพสามิตยังได้เตรียมให้สรรพสามิตพื้นที สามารถปลดล็อกให้ผู้ใช้สิทธิผ่านกระบวนการเช่าซื้อ ทั้งกรณีที่ผู้ซื้อจะเป็นฝ่ายบอกยกเลิกการใช้สิทธิเอง หรือกรณีที่สถาบันการเงินเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญา หรือกรณียึดรถก็ตาม ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการทั้งหมด

ด้านนายอนุชาติ ดีประเสริฐ ประธานสมาคมเช่าซื้อไทย กล่าวว่า ยอดใช้สิทธิซื้อรถยนต์คันแรกจำนวน 1.25 ล้านคัน เดิมตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการยกเลิกใบจองทั้งระบบประมาณ 20% ประมาณ 2แสนคัน แต่ตัวเลขกรมสรรพสามิตสรุปล่าสุดอยู่ที่ 1แสนคันเท่ากับการยกเลิกใบจองจริงๆ มีเพียง 10% เท่านั้น ส่วนสัญญาณการผ่อนชำระของผู้ได้รับสิทธิที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ยังอยู่ภาวะปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 12-15 มกราคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นสหรัฐฯ-น้ำมันบวกจากข้อมูลค้าปลีก ทองคำขยับลง

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มกราคม 2557 05:20 น.

 

 

blank.gif blank.gif 557000000534901.JPEG blank.gif เอเอฟพี/มาร์เกตวอชต์ - วอลล์สตรีทและราคาน้ำมันสหรัฐฯ ปิดบวกวานนี้ (14) จากยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาดหมายในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้ก็ผลักให้นักทุนหันหลังให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นผล ให้ทองคำขยับลงในกรอบแคบๆ

 

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 112.96 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,370.90 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 19.48 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,838.68 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 69.69 จุด (1.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,182.99 จุด

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขค้าปลีกเดือนธันวาคม ซึ่งครอบคลุมฤดูกาลชอปปิ้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา “โดยรวมแล้ว ยอดค้าปลีกเดือนธันวาคม ช่วยปลดเปลื้องความกังวลตามหลังข้อมูลการจ้างงานที่เผยแพร่ออกมาในวันศุกร์ (10) ก่อข้อวิตกแก่นักลงทุนเล็กน้อย” ไมเคิล โซนี จากบีบีวีเอ รีเสิร์ชกล่าว

 

ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ราคาน้ำมันสหรัฐฯ วานนี้ (14) ปิดบวกพอสมควร ก่อนหน้าที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของอเมริกา ที่คาดหมายว่าคลังสำรองน้ำมันดิบจะลดลง บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 79 เซ็นต์ ปิดที่ 92.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 36 เซ็นต์ ปิดที่ 106.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

นอกจากนี้ ตัวเลขค้าปลีกที่ดีเกินคาดหมายแล้ว ทางแอนดี ลิโพว์ รองประธานอาวุโสฝ่ายตราสารอนุพันธ์พลังงานของเจฟฟรีส์ บาช บอกว่านักลงทุนยังจับตารายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (15) ด้วยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะลดลงราว 800,000 บาร์เรล

 

ด้านราคาทองคำ วานนี้ (15) ปิดลบเล็กน้อย หลังนักลงทุนขายแล้วหันไปเก็งกำไรในตลาดทุนจากข้อมูลค้าปลีก ขณะเดียวกันก็มีความกังวลต่อความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายคน ที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่เฟดอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคต โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,245.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เศรษฐกิจสหรัฐแกร่งฉุดทองโลกร่วง 5.7 ดอลล์

วันพุธ, 15 มกราคม 2557 07:27 | พิมพ์ | อีเมล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 มกราคม 2557) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,245.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1%

 

ด้านธนาคารบาร์เคลย์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำโดยเฉลี่ยในปี 2557 ลงสู่ระดับ 1,205 ดอลลาร์/ออนซ์ และคาดว่าราคาทองคำอาจจะดิ่งลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีนี้ ขณะที่โกลด์แมนแซคส์ ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลงอีกในปี 2557 โดยคาดว่า ณ สิ้นปีนี้ ราคาทองคำจะดิ่งลงไปแตะระดับ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

http://www.moneychannel.co.th/index.php/2012-06-30-12-32-53/24437-bby02.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 7,5,2 เส้นดำเส้นแดง หัวชนกัน และจากฝรั่งเดาทองยามบ่ายเมื่อวานนี้ื มาเชืีอมต่อกัน ก็ทำให้เกิดความกังวลถึงความเป็นไปได้ที่จะย่อลงมาด้านล่าง 1232, 1225 และ 1216 ตามลำดับ

ขอบคุณป๋าคะ ถ้าไม่ออกไปเวลานี้ ต่อๆไปก็คงมุดหัวอยู่ในบ้าน ชีวิตของลูกหลานจะต้องถูกครอบงำโดยตระกูล "โกงจนชินกินเป็นวัตร"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำเริ่มอ่อนตัวลงหลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่กลับดีดตัวแข็งค่าขึ้นตอบรับรายงานยอดค้าปลีก สหรัฐฯ เดือนธันวาคม กดดันให้ราคาทองวานนี้อ่อนตัวลง...

 

ราคาทองปิด ตลาดเมื่อวานที่ 1,245.40 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ลดลง 7.10 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,241 และ 1,255 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานขายออกที่บาทละ 19,400 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 19,300 บาท กองทุน SPDR รายงานวานนี้ว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลงราว 3.56 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 789.56 ตัน

 

วานนี้เงิน ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงติดต่อกันหลายวันเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ กลับเริ่มแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้เริ่มอ่อนตัวลง ส่วนเงินบาทของไทยซึ่งวานนี้แข็งค่าขึ้นมาก ส่งผลให้ราคาทองในประเทศปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าปกติ โดยเงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นตอบรับงาน ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในเดือนสุดท้ายของปีซึ่งปรับตัวขึ้นมากกว่าที่ตลาดประเมิน

 

โดย รายงานยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ ขยายตัวขึ้น 0.2% เนื่องจากในเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายในช่วงก่อนสิ้นปี แต่การเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือน ก่อนหน้า ซึ่งมีการปรับทบทวนลงจาก 0.7% ลงเหลือ 0.4% ส่วนยอดค้าปลีกรวมตลอดทั้งปีขยายตัวขึ้น 4.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2555 ซึ่งขยายตัวขึ้น 5.4%

 

ส่วนในช่วงค่ำวันนี้จะมีการรายงานดัชนีราคา ผู้ผลิตเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ ซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะขยายตัวขึ้น 0.5% หลังจากเดือนก่อนหน้าหดตัวลง 0.1% และหลังเที่ยงคืนไปแล้วจะมีการรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในเขตต่างๆ ที่มีสาขาของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตั้งอยู่ ซึ่งอาจมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อไป และสำหรับภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิค ซึ่งวานนี้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับบริเวณ 1,240 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ และคาดว่าการเคลื่อนไหวในวันนี้ยังมีแนวโน้มที่ราคาทองจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่ปริมาณการปรับตัวขึ้นคงเริ่มมีปริมาณน้อยลง

 

โดยมีแนวต้านของวัน อยู่ที่บริเวณ 1,255-1,260 และ 1,270 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนแนวรับสำหรับกลับเข้าซื้อเก็งกำไรในระยะสั้นยังคงอยู่ที่ 1,240 และ 1,230-1,235 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ตามลำดับ.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (15/01/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า ราคาทองได้มา 1243 แล้วก็กลับคืนไป 1254 แล้ววิ่งตอนนี้ที่ 1253 เป็นที่เรียบร้อย ฉะนั้นจากตอนนี้ ทองจะได้ทำการย่อลงขนาดเล็กเพื่อทดสอบการสนับสนุน 1242 อีกเร็วๆ นี้ และคราวนี้ หลอกแดกว่าจะขึ้น แต่จะถลำลงย่อ อาจขยายไป 1236 หรือ 1222 เป็นจุดหมายปลายทางคืนนี้

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า ราคาทองได้ปิดเมื่อวานที่ 1244.90 แล้ววิ่งตอนนี้ที่ 1241 เป็นไปตามแนวทางย่อลงขนาดเล็ก เพื่อทดสอบแนวรับ 1242 ซึ่งปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็น แนวต้าน เป็นที่เรียบร้อย / ราคาทองยังมีความพยายามที่จะย่อลงมาให้ได้ ถึงแม้ที่ผ่านมา ยังมีแรงซื้อดันขึ้น แนวรับที่พยายามรับ คือ 1238 ถัดไป คือ 1230 ถ้าราคาปิดคืนนี้ ต่ำกว่า 1220 จะกำหนดเป้าหมาย 1182 ดังนั้น จึงยังมองถึงการปิดราคา เวียนวนราคาที่ค่อยๆ ย่อลงทุกๆ วัน

 

โซนระหว่าง 1230 1240 เป็นสนามรบระหว่างหมีและวัว สามารถทำรอบได้หลายที พร้อมแนวทาง ดังนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว อัตราแลกเปลี่ยน วันที่ 15 ม.ค.ด้านนักค้าเงินธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ค่าบาทวันนี้เปิดตลาดที่ 32.78 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 32.77 บาท/ดอลลาร์ โดยล่าสุดค่าบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง เนื่องจากเริ่มมีเงินต่างชาติเข้ามาทยอยซื้อสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้น หลังสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีเหตุการณ์รุนแรง โดยระหว่างวันคาดว่าบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.00 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตัองติดตามคือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในคืนนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีอาจส่งผลให้นักลงทุนกลับไปถือสกุลเงินดอลลาร์ และจะกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าได้

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 15 มกราคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณป๋า พรุ่งนี้หวยออกน๊ะ กลัวลืมจ้า อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...