ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ศรส.สั่งเนรเทศ "สาธิต เซกัล" แกนนำ กปปส.สีลม - เจ้าตัวพ้ออยู่ไทยทำดีตลอดนี่หรือคือสิ่งตอบแทน

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กุมภาพันธ์ 2557 00:19 น.

 

 

 

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

 

 

ศรส.บ้าอำนาจ สั่งเนรเทศ "สาธิต เซกัล" แกนนำ กปปส.สีลม เจ้าตัวมึนทำไมถึงโดนเพ่งเล็งทั้งที่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยตั้งแต่ออก พรก.ฉุกเฉิน ลั่นอยู่ไทยมา 55 ปี ทำดีมาตลอด คอยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในฐานะประธานหอการค้าไทย-อินเดีย พ้อนี่หรือคือสิ่งตอบแทน ยันไม่ได้รับใช้พรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีมาหลายรัฐบาล

 

วันนี้ (4 ก.พ.) จากกรณีที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เนรเทศ นายสาธิต เซกัล ประธานกลุ่มนักธุรกิจสีลม และ แกนนำ กปปส.สีลม ออกนอกประเทศ ตามกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากตรวจพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าว และถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา

 

ด้านนายสาธิต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกเพ่งเล็ง เนื่องจากตั้งแต่มีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ก็ได้ยุติบทบาทไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยอีก และที่ผ่านมาก็ไม่เคยด่าใครบนเวที อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเศรษฐกิจบ้างก็ในฐานะประธานหอการค้าไทย-อินเดีย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากยังไม่ทราบรายละเอียดว่าข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร

 

นายสาธิต กล่าวอีกว่า แม้ว่าตนจะถือสัญชาติอินเดียเพราะเกิดในประเทศอินเดีย แต่ครอบครัวได้อยู่ในประเทศไทยมาไม่ต่ำกว่า 70 ปี และพี่น้อง 4 คน ก็มีสัญชาติไทยทั้งสิ้น ส่วนตัวอยู่ในประเทศไทยและนับว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง รวมทั้งตลอดชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย 55 ปี ได้ทำความดีให้กับประเทศมาโดยตลอด ส่วนตัวเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีมา 6 สมัย ทั้งในรัฐบาลชวน หลีกภัย รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันว่าทำงานเพื่อประโยชน์กับประเทศ ไม่ได้รับใช้พรรคใดพรรคหนึ่ง

 

"เวลาผมไปเจรจากับรัฐบาลอินเดีย ผมก็นั่งอยู่ฝั่งไทยและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยมาโดยตลอด ผมเป็นประธานหอการค้าก็ทำให้การค้าระหว่างไทยกับอินเดียเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 1 หมื่นล้านบาท ยังไม่นับงานสังคมสงเคราะห์ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ประวัติการทำงานก็ไม่เคยรับใต้โต๊ะหรือสินบนใดๆ ถามว่านี่คือสิ่งที่ตอบแทนกับผมหรือ" นายสาธิต กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

BBCรายงานจีนยกเลิกโครงการซื้อข้าวจากไทย

ข่าวต่างประเทศ วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 7:42น.

 

บีบีซี สื่อดังอังกฤษรายงานข่าว จีนประกาศยกเลิกข้อตกลงซื้อข้าวจากไทย เนื่องจากโครงการไม่โปร่งใส ไม่มีความมั่นใจ เพราะปปช. กำลังยื่นเรื่องสอบสวนรัฐบาล ในโครงการนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวว่ารัฐบาลไทยประกาศว่าสัญญาขายข้าวมากกว่า 1ล้านตันให้จีน ถูกยกเลิกไปแล้วโดยกระทรวงพาณิชย์แถลงว่ารัฐบาลจีนได้บอกเลิกข้อตกลงซื้อข้าวจำนวน1.2 ล้านตันแล้วเนื่องจากว่ากำลังมีการสอบสวนปัญหาข้าวในประเทศไทยขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. กำลังยื่นเรื่องสอบสวน น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีกรณีนโยบายจำนำข้าวซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่จุดชนวนให้เกิดวิกฤติการเมืองในไทยนายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาลรัฐมนตรีพาณิชย์ กล่าวว่าจีนขาดความเชื่อมั่นที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาไทยหลังจากปปช.เริ่มทำการสอบสวนความโปร่งใสของข้อตกลงขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนโดยข้อตกลงกับจีนจะเป็นขั้นตอนแรกที่รัฐบาลไทยหวังขายข้าว700 ตันในปีนี้นโยบายรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์เริ่มใช้มาเมื่อ 2ปีที่แล้วรัฐบาลต้องซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูงกว่าราคาในตลาดโลกถึงร้อยละ50 ที่ผ่านมาทำให้ชาวนาหมดความอดทนกับรัฐบาลที่ผิดนัดชำระหนี้มาแล้วหลายครั้งจึงเริ่มรวมตัวกันประท้วงทวงเงินค่าข้าวจากรัฐบาลและขู่ว่าจะเข้ามาร่วมชุมนุมประท้วงกับกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงเทพ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินดอลล์แข็งค่า ฉุดทองปิดร่วง $8.7

 

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 06:46:57 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเท ขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 1,251.2 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 เซนต์ ปิดที่ 19.422 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 13.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,373.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 700.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปรับตัวลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้

นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็น สินทรัพย์ที่ปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเกือบ 0.5% เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักกว่า 2% เมื่อวันจันทร์ อันเป็นผลมาจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีนและสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวลง 1.5% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.หรือในรอบ 5 เดือน เนื่องจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์การขนส่งร่วงหนัก

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปธ.เฟดริชมอนด์คาดเฟดจะยังคงลด QE ต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

 

 

นายเจฟฟรีย์ แล็คเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า มีแนวโน้มที่เฟดจะยังคงปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากปัจจัยชี้วัดภาวะตลาดแรงงานได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก

กระทรวงแรงงานระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 74,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 6.7% จากระดับ 7% ในเดือนพ.ย.

ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.ที่ผ่านมา เฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยเป็นการปรับลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรลงในการประชุมครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ตัดสินใจปรับลดไปในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

นายแล็คเกอร์ กล่าวว่า เขาสนับสนุนการตัดสินใจของเฟดทั้ง 2 ครั้ง เนื่องจากสอดคล้องกับภาวะตลาดแรงงาน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณาทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนเช้าครับป๋า

 

ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานประชุม กนง.ระบุความเสี่ยงศก.เพิ่มสูงขึ้นจากความไม่ชัดเจนการเมือง

 

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 22 ม.ค.57 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยคณะกรรมการฯ เห็นสอดคล้องกันว่าความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก กรรมการบางท่านเห็นว่าปัญหาความไม่สงบทางการเมืองอาจทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควรจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งในส่วนของการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะหากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อออกไปก็อาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศบางรายพิจารณากระจายคำสั่งซื้อสินค้าไปยังประเทศอื่นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศในระยะต่อไป

นอกจากนี้ กรรมการได้อภิปรายถึงผลของค่าเงินบาทที่อ่อนลงในระยะหลัง ซึ่งอาจช่วยพยุงภาคการส่งออกได้บ้างโดยเฉพาะผ่านทางการเพิ่มรายได้ในรูปเงินบาท โดยกรรมการหลายท่านเห็นประโยชน์ของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนยังมีความเปราะบาง

กนง.ประเมินสอดคล้องกันว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้จากการประชุมครั้งก่อน โดยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นชัดเจนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังสามารถรองรับความเสี่ยงระยะสั้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ ขณะเดียวกัน การรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่จะวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ กรรมการ 4 ท่านเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี เนื่องจากนโยบายการเงินในปัจจุบันยังมีความผ่อนคลายและสนับสนุน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่ สะท้อนจากสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงที่อยู่ในระดับติดลบเล็กน้อย ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมคงไม่สามารถกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคได้นักในบริบทปัจจุบันที่อุปสรรคสำคัญต่อการใช้จ่ายภาคเอกชนมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง การผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในภาวะเช่นนี้ อาจมีผลเพียงช่วยสนับสนุนราคาสินทรัพย์ในตลาดเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองมีพัฒนาการรายวันที่รวดเร็ว คณะกรรมการฯ จึงควรรักษา Policy Space โดยยังสามารถรอดูสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจนก่อน และ ในภาวะที่ตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ทั้งจากการทยอยถอนมาตรการ QE ของสหรัฐฯ และความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ นโยบายการเงินควรให้น้ำหนักมากขึ้นต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน อันจะเป็นพื้นฐานให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปมีความมั่นคง

ส่วนกรรมการ 3 ท่านเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินสามารถมีบทบาทช่วยพยุงความเชื่อมั่นภาคเอกชน และประคับประคองเศรษฐกิจในภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจมีควา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานประชุม กนง.ระบุความเสี่ยงศก.เพิ่มสูงขึ้นจากความไม่ชัดเจนการเมือง

 

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 22 ม.ค.57 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยคณะกรรมการฯ เห็นสอดคล้องกันว่าความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก กรรมการบางท่านเห็นว่าปัญหาความไม่สงบทางการเมืองอาจทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควรจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งในส่วนของการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะหากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อออกไปก็อาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศบางรายพิจารณากระจายคำสั่งซื้อสินค้าไปยังประเทศอื่นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศในระยะต่อไป

นอกจากนี้ กรรมการได้อภิปรายถึงผลของค่าเงินบาทที่อ่อนลงในระยะหลัง ซึ่งอาจช่วยพยุงภาคการส่งออกได้บ้างโดยเฉพาะผ่านทางการเพิ่มรายได้ในรูปเงินบาท โดยกรรมการหลายท่านเห็นประโยชน์ของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนยังมีความเปราะบาง

กนง.ประเมินสอดคล้องกันว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้จากการประชุมครั้งก่อน โดยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นชัดเจนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังสามารถรองรับความเสี่ยงระยะสั้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ ขณะเดียวกัน การรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่จะวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ กรรมการ 4 ท่านเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี เนื่องจากนโยบายการเงินในปัจจุบันยังมีความผ่อนคลายและสนับสนุน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่ สะท้อนจากสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงที่อยู่ในระดับติดลบเล็กน้อย ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมคงไม่สามารถกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคได้นักในบริบทปัจจุบันที่อุปสรรคสำคัญต่อการใช้จ่ายภาคเอกชนมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง การผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในภาวะเช่นนี้ อาจมีผลเพียงช่วยสนับสนุนราคาสินทรัพย์ในตลาดเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองมีพัฒนาการรายวันที่รวดเร็ว คณะกรรมการฯ จึงควรรักษา Policy Space โดยยังสามารถรอดูสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจนก่อน และ ในภาวะที่ตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ทั้งจากการทยอยถอนมาตรการ QE ของสหรัฐฯ และความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ นโยบายการเงินควรให้น้ำหนักมากขึ้นต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน อันจะเป็นพื้นฐานให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปมีความมั่นคง

ส่วนกรรมการ 3 ท่านเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินสามารถมีบทบาทช่วยพยุงความเชื่อมั่นภาคเอกชน และประคับประคองเศรษฐกิจในภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนอย่างชัดเจน ขณะที่ความเสี่ยงของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีไม่มากนัก จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ สะท้อนจาก สินเชื่อภาคเอกชนที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ และ เงินสำรองทางการระหว่างประเทศที่ยังเพียงพอรองรับการไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายได้ ขณะที่ในระยะยาวนักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่อยู่ ดังนั้น นโยบายการเงินจึงสามารถให้น้ำหนักกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้

กนง.เห็นพ้องกันว่า เศรษฐกิจไทยในปี 57 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 57 จากเดิมที่ประมาณร้อยละ 4 เป็นประมาณร้อยละ 3 สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำตามอุปสงค์ในประเทศและแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานประชุม กนง.ระบุความเสี่ยงศก.เพิ่มสูงขึ้นจากความไม่ชัดเจนการเมือง

 

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 22 ม.ค.57 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี โดยคณะกรรมการฯ เห็นสอดคล้องกันว่าความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก กรรมการบางท่านเห็นว่าปัญหาความไม่สงบทางการเมืองอาจทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควรจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งในส่วนของการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะหากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อออกไปก็อาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศบางรายพิจารณากระจายคำสั่งซื้อสินค้าไปยังประเทศอื่นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศในระยะต่อไป

นอกจากนี้ กรรมการได้อภิปรายถึงผลของค่าเงินบาทที่อ่อนลงในระยะหลัง ซึ่งอาจช่วยพยุงภาคการส่งออกได้บ้างโดยเฉพาะผ่านทางการเพิ่มรายได้ในรูปเงินบาท โดยกรรมการหลายท่านเห็นประโยชน์ของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนยังมีความเปราะบาง

กนง.ประเมินสอดคล้องกันว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้จากการประชุมครั้งก่อน โดยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นชัดเจนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังสามารถรองรับความเสี่ยงระยะสั้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ ขณะเดียวกัน การรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่จะวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ กรรมการ 4 ท่านเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี เนื่องจากนโยบายการเงินในปัจจุบันยังมีความผ่อนคลายและสนับสนุน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่ สะท้อนจากสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงที่อยู่ในระดับติดลบเล็กน้อย ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมคงไม่สามารถกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคได้นักในบริบทปัจจุบันที่อุปสรรคสำคัญต่อการใช้จ่ายภาคเอกชนมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง การผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในภาวะเช่นนี้ อาจมีผลเพียงช่วยสนับสนุนราคาสินทรัพย์ในตลาดเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองมีพัฒนาการรายวันที่รวดเร็ว คณะกรรมการฯ จึงควรรักษา Policy Space โดยยังสามารถรอดูสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจนก่อน และ ในภาวะที่ตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ทั้งจากการทยอยถอนมาตรการ QE ของสหรัฐฯ และความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ นโยบายการเงินควรให้น้ำหนักมากขึ้นต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน อันจะเป็นพื้นฐานให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปมีความมั่นคง

ส่วนกรรมการ 3 ท่านเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินสามารถมีบทบาทช่วยพยุงความเชื่อมั่นภาคเอกชน และประคับประคองเศรษฐกิจในภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อนอย่างชัดเจน ขณะที่ความเสี่ยงของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีไม่มากนัก จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ สะท้อนจาก สินเชื่อภาคเอกชนที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ และ เงินสำรองทางการระหว่างประเทศที่ยังเพียงพอรองรับการไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายได้ ขณะที่ในระยะยาวนักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่อยู่ ดังนั้น นโยบายการเงินจึงสามารถให้น้ำหนักกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้

กนง.เห็นพ้องกันว่า เศรษฐกิจไทยในปี 57 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 57 จากเดิมที่ประมาณร้อยละ 4 เป็นประมาณร้อยละ 3 สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำตามอุปสงค์ในประเทศและแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นบ่ายนี้ ขณะรายได้เอกชนสดใสหนุนหุ้นญี่ปุ่น

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นต่อในช่วงบ่ายวันนี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่การรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นก็มีส่วนช่วยหนุนตลาดด้วยเช่นกัน

ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.5% แตะ 130.87 เมื่อเวลา 13.29 น.ตามเวลาโตเกียว

หุ้นพานาโซนิค พุ่ง 21% ภายหลังจากที่บริษัทได้รายงานตัวเลขกำไรไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการประเมินของนักวิเคราะห์ ส่วนหุ้นฮุนได ดีเวลอปเมนท์ โค-เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชัน พุ่ง 7.2% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเดายามบ่าย กล่าวว่า ราคาวนเวียน แล้วนิ่งในวงแคบๆ 1253-1255 บ่งอาการเสียววาป เสียววาบ ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ จากนักลงทุนสหรัฐ ที่จะตื่นตูมตามตัวเลขรายงานที่ออก หล่นได้ถึง 1220 อาการเมฆด้านลบ ขึ้นได้ก็ในเพดานจำกัด 1263 เป็นผมคืนนี้ ไม่แน่ใจ ถอยออกจากตลาดฯ จ้องดูเฉยๆๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับเดาทอง และ แนวทางป๋า ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวรับแนวต้าน และเส้นเทรน ที่จะทะลุบนหรือเปล่า หรือ จะวิ่งในกรอบ ไม่มีการทะลุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลเลือกตั้ง68จ.ผู้มาใช้สิทธิ46.79% โหวตโน16.57%

 

 

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา อย่างไม่เป็นทางการจาก กกต. พบว่า จาก 68 จังหวัด ที่เลือกตั้งได้ (ไม่รวม 9 จังหวัดภาคใต้ กระบี่ , ชุมพร , ตรัง , พังงา , พัทลุง , ภูเก็ต , ระนอง , สงขลา , สุราษฎร์ธานี) มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 43,024,042 คน มาใช้สิทธิ 20,129,976 คน คิดเป็น 46.79% บัตรดี 14,368,962 บัตร คิดเป็น 71.38% บัตรเสีย 2,425,673 บัตร คิดเป็น 12.05% และ ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3,335,334 บัตร คิดเป็น 16.57%

 

ทั้งนี้หากแยกตามรายภาคจะพบว่า ภาคเหนือ 16 จังหวัด จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8,525,384 คน มาใช้สิทธิ 4,776,165 คน คิดเป็น 56.02% บัตรดี 2,997,743 บัตร คิดเป็น 62.76% บัตรเสีย 766,776 บัตร คิดเป็น 16.05% ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,011,645 บัตร คิดเป็น 21.18%

 

ภาคกลาง 25 จังหวัด (ไม่รวม กทม.) จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 12,222,346 คน มาใช้สิทธิ 5 ,016,503 คน คิดเป็น 41.04% บัตรดี 3,192,528 บัตร คิดเป็น 63.64% บัตรเสีย 654,513 บัตร คิดเป็น 13.05% ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1,169,457 บัตร คิดเป็น 23.31%

 

ภาคใต้ 6 จังหวัด จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,616,841 คน มาใช้สิทธิ 594,234 คน คิดเป็น 36.75% บัตรดี 378,831 บัตร คิดเป็น 63.75% บัตรเสีย 98,235 บัตร คิดเป็น 16.53% ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 117,168 บัตร คิดเป็น 19.72%

 

ตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 16,290,351 คน ผู้มาใช้สิทธิ 9,009,878 คน คิดเป็น 55.31% บัตรดี 7,301,013 บัตร คิดเป็น 81.03% บัตรเสีย 847,895 บัตร คิดเป็น 9.41% จำนวนผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 860,970 บัตร คิดเป็น 9.56 %

 

กรุงเทพมหานคร จำนวนหน่วยเลือกตั้ง 6,671 หน่วย เปิดลงคะแนน 6,155 หน่วย ประกาศงดการลงคะแนน 516 หน่วย จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,369,120 คน มาใช้สิทธิ 733,196 คน คิดเป็น 16.78% บัตรดี 498,847 บัตร คิดเป็น 68.04% บัตรเสีย 58,254 บัตร คิดเป็น 7.95% ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 176,094 บัตร คิดเป็น 24.02%

 

ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) เลขาธิการ กกต. จะมีการแถลงตัวเลขอีกครั้งหนึ่ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...