ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในยูเครน

 

เมื่อเวลาประมาณ 19.55 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 18.60 ดอลลาร์ หรือ 1.38% แตะที่ 1,365.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ยังคงไม่แน่นอนในยูเครน นับตั้งแต่ที่รัสเซียได้พยายามช่วงชิงอำนาจการปกครองในเขตไครเมียจากยูเครน หลังจากที่นายวิคเตอร์ ยานูโควิช อดีตผู้นำยูเครนที่สนับสนุนรัสเซีย ถูกขับไล่ออกไปในเดือนก่อนหน้า

 

ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ จะมีการลงประชามติซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะเดียวกันรัฐสภารัสเซียประกาศว่าจะจัดการอภิปรายในประเด็นที่ว่าจะรับสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศหรือไม่ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้

 

ขณะที่นานาชาติต่างเตือนไครเมียว่า การลงคะแนนเสียงประชามติดังกล่าว จะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ส่วนรัฐบาลรักษาการของยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและยุโรปนั้น ระบุว่า การจัดทำประชามติครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ด้านนายอาร์เซน อาวาคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของยูเครน เปิดเผยว่า ยูเครนได้ทดสอบความพร้อมของกองทัพในการสู้รบ และอาจมีการเคลื่อนกำลังพลราว 20,000 คนไปประจำอยู่บริเวณชายแดน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13/03/57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วานนี้ เห็นการพักตัวลงมาหลังวานนี้ปรับขึ้นค่อนข้างแรง จากแรงเก็งกำไร พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะยกเลิกไป รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยซึ่งก็เป็นไปตามคาด ซึ่งตลาดได้ตอบรับระดับหนึ่ง

 

ปัจจัยภายนอกค่อนข้างวิตกเรื่องเศรษฐกิจจีน ปัญหาความไม่สงบในยูเครนซึ่งปัจจัยภายนอกเป็นลบ ส่วนไทยรับอานิสงส์

 

ประเด็นการเมือง หลังมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตลาดตอบรับเชิงลบ

 

หุ้นกลุ่มรับเหมาปรับลงแต่ประเด็นนี้ก็เป็นที่คาดการณ์ระดับหนึ่งแล้ว ไม่เซอร์ไพรส์ ซึ่งต้องดูต่อในหลายประเด็น เช่น ตำแหน่ง รักษาการนายกฯ รัฐบาล

 

แนวโน้มยังน่าจะแกว่งตัวในกรอบปรับฐานอยู่ ลงไม่มาก ขึ้นไปไม่ไกล ซึ่งขึ้นอยู่กับการซื้อขายของนักลงทุน สถาบัน นักลงทุนต่างประเทศ เพราะในส่วนของนักลงทุนสถาบันซื้อขายสลับออกมาแรงช่วงที่ผ่านมา

 

"พรุ่งนี้น่าจะกลับไปดูปัจจัยภายนอกหลังรับปัจจัยภายในวันนี้ ให้แนวต้าน 920-925 จุด แนวรับ 910 และ 905 จุด คำ แนะนำถ้าย่อลงมาไม่หลุดต่ำให้เก็งกำไรฝั่ง long และขายทำกำไรแนวต้าน"น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าว

 

ด้านบริษัท วายแอลจี บุลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มองแนวโน้มทองคำว่า การปรับตัวลดลงของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นเอเชีย ตอบสนองความวิตกต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัวลง เมื่อองค์การ เพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์ว่าภาวะชะลอตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่ถ่วงเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำเพิ่มมากขึ้นเพื่อ

 

ประกันความเสี่ยง

 

วายแอลจี ประเมินว่าราคาทองคำสามารถทะลุผ่านโซน 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เกิดแรงซื้อเชิงเทคนิคเข้ามาหนุนราคาทองคำกลับขึ้นมา ประเมินว่าจะเกิดแรงซื้อผลักดันราคาทองคำให้ขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,367 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ถ้านักลงทุนที่มีทองคำอยู่ไม่อยากแบกรับความเสี่ยงมากจนเกินไปอาจทยอยขายทำกำไรบางส่วน ในขณะที่นักลงทุนยังไม่มีทองคำให้รอการอ่อนตัวในบริเวณแนวรับเพื่อเข้าซื้อเก็งกำไร

 

ดัชนี SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 917.68 จุด ลดลง 6.26 จุด, -0.68%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 มีนาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ 32.37-32.42 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากวานนี้ คาดกรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.35-32.48 บาท/ดอลลาร์

 

นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ32.37-32.42 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากที่ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 32.42-32.48 บาท/ดอลลาร์ โดยในวันนี้ค่าเงินบาทยัง คงรับข่าวต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ในเรื่องของการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ว่าร่าง พ ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สำหรับวันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.48 บาท/ดอลลาร์

 

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (13/03/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บอร์ดกนง.มีมติ 4ต่อ3 หั่นดอกเบี้ย0.25%เหลือ 2.00% เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย พยุงความเชื่อมั่น เหตุการเมืองวุ่นวายทำให้การลงทุนเอกชน และการบริโภคชะลอตัว นักท่องเที่ยวหาย จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยช่วยให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อน เตรียมเคาะจีดีพีปี57 ใหม่ในวันที่ 21 มีนาคมนี้หลังพรบ.กู้เงินลงทุน2ล้านล้านล่ม

 

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ กนง.มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากเดิม 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี เนื่องจากคณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงมากขึ้นจาก สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อในขณะนี้

 

นอกจากนี้แม้เงินเฟ้อมีการปรับขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ การปรับลดนโยบายการเงินจะสามารถผ่อนคลายได้บ้าง เพื่อเพิ่มแรงสนับสนุนทางเศรษฐกิจ และเอื้อให้ภาวะการเงินผ่อนคลาย ในช่วงที่เศรษฐกิจต้องใช้เวลา โดยให้มีผลทันทีหลังจากวันที่ประกาศ

 

อย่างไรก็ตามทั้ง 3 กรรมการที่เห็นควรให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ เนื่องจากมองว่าภาวะการเงินในปัจจุบันมีการผ่อนปรนอยู่แล้ว และอุปสรรคการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ได้มาจากปัจจัยการเงินจึงเห็น ควรให้รอจังหวะเวลาที่เหมาะสมเมื่อนโยบายการเงินมีประสิทธิผลในการสนับสนุน การฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 

"มติบอร์ดกนง. เห็นควรลดดอกเบี้ย เพื่อให้เศรษฐกิจมีแรงสนับสนุนมากขึ้นและน่าจะทำให้ช่วยพยุงความเชื่อมั่น ของนักลงทุนที่เกิดจากผลกระทบทางการเมืองได้ ขณะที่ 3 เสียงข้างน้อยให้เหตุผลในการคงดอกเบี้ยนโยบายทางการเงินไวัว่าประสิทธิผลใน การสนับสนุนฟื้นฟูเศรษฐกิจยังคงมีไม่มาก น่าจะเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามที่จำเป็น หรือในยามที่มีประสิทธิผลมากกว่า" นายไพบูลย์ กล่าว

 

ส่วนผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นก็คงจะมีผลบ้าง แต่การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตลาดเงินมีเสถียรภาพพอสมควร และ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ดูแลสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอยู่แล้วและได้มี การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ต้องรอดูว่าธนาคารพาณิชย์จะมีการเคลื่อนไหวในการปรับลดครั้งนี้ หรือไม่ แต่ยังเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ได้มีความเข้มข้นและระมัดระวังในการปล่อยสิน เชื่อ และความสามารถชำระหนี้ของลูกค้า รวมถึงเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับตัวในด้านความเสี่ยงที่เกิดขึ้นดี อยู่แล้ว

 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 และเดือนมกราคม 2557 มีการชะลอลงตามอุปสงค์ในประเทศที่ยังคงหดตัว โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นที่ลดลง ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองมากขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวการบริโภคและการลง ทุนภาคเอกชน ส่วนการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของประเทศหลัก

 

“ การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ กนง.พิจารณาภายใต้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ขยายตัวต่ำกว่า 3 %และได้พิจารณางบลงทุนของภาครัฐเพียง 1 ใน 4 ของงบลงทุนทั้งหมด โดยไม่ได้รวม พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และโครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท พิจารณาเฉพาะงบโครงการต่อเนื่องและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ดังนั้น แม้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้กระทบต่อประมาณการของ ธปท. ซึ่งในวันที่ 21 มีนาคม 2557 ธปท.จะแถลงการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่”

 

ทั้งนี้เลขากนง. ยืนยันด้วยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ เพื่อพยุงความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคประชาชน ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว รวมทั้งยังเป็นการผ่อนคลายภาระต้นทุนในการออกหุ้นกู้ของเอกชน และภาระดอกเบี้ยเงินกู้ของประชาชน ซึ่งจะช่วยลดภาระการใช้จ่ายของภาคประชาชนด้วย ส่วนผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานั้น ก็คงจะมีผลบ้าง แต่การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตลาดเงินมีเสถียรภาพพอสมควร และ ธปท.ก็ดูแลสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว

 

"ผลของการลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยเศรษฐกิจได้มากแค่ไหน ถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ในภาวะเช่นนี้ นโยบายการเงินควรจะผ่อนคลาย และเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงน่าจะช่วยให้ต้นทุนผู้ประกอบการเช่น ดอกเบี้ยหุ้นกู้เอกชน ปรับลดลงได้บ้าง รวมทั้งช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายและการลงทุน ส่วนธนาคารพาณิชย์จะปรับลดดอกเบี้ยตามหรือไม่ เราจะรอติดตามการปรับตัวของตลาดเงินต่อไป" นายไพบูลย์ กล่าว

 

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ชี้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ย เป็นสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการลงทุนเพิ่มแทนการบริโภคของประชาชน และการใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอตัวหลังได้รับผลกระทบทางการเมือง เพราะว่าปัจจุบันมีเพียงรักษาการรัฐบาลจึงไม่สามารถดำเนินมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจได้คล่องตัวมากนัก

 

ที่มา: แนวหน้า(วันที่ 13 มีค.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.40/41 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.44/45 บาท/ดอลลาร์ ตามแรงเทขายดอลลาร์ที่ได้จากการขายทองคำซึ่งปรับตัวสูงขึ้นทะลุแนวต้าน 1,360 ดอลลาร์/ออนซ์

 

"ปรับตัวแข็งค่าจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีแรงเทขายดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

 

สำหรับปัจจัยในประเทศกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 2% ต่อปี และกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....(พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาท) มีอันตกไป ยังมีผลให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะกลาง

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.64 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 102.75 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3898 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3860 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.4020 บาท/ดอลลาร์

 

- นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกว่า ในช่วงนี้ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับขึ้น ทดสอบระดับที่1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และในปีนี้จะมีโอกาสแตะที่ 1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ตามที่เคยคาดการณ์ไว้โดยหากค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำในประเทศ จะอยู่ที่บาทละ 22,000 บาทเนื่องจากยังกังวลต่อปัจจัยกดดันจากความตึงเครียดจากความขัดแย้งของ ยูเครนและรัสเซีย และยังมีการปั่นราคาและเก็งกำไรของกองทุนทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้า แต่ราคาจะไม่ผันผวนเท่ากับปี 54

 

- ธนาคารไทยพาณิชย์ นำร่องลดดอกเบี้ย MLR-MRR ลง 0.125% ฝากประจำลง 0.10% ออมทรัพย์ลง 0.125%

 

- นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ธปท.จะแถลงการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้โดยคาดการณ์เบื้องต้นไว้ว่าจีดีพีในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 3%

 

- ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยระบุว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วและจำนวนคนที่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยใน นิวซีแลนด์มีมากขึ้น

 

- ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลา 10 เดือน

 

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตรึงเครียดในยูเครน ซึ่งส่งผลให้ตลาดเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆและผันผวนตลอดทั้งวัน โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,340.08 จุด ลดลง 11.17 จุด หรือ -0.07%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 16.14 จุด หรือ +0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,868.20 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด หรือ +0.03%

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในยูเครน ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย.พุ่งขึ้น 23.8 ดอลลาร์ หรือ 1.77% ปิดที่ 1,370.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 54.3 เซนต์ ปิดที่ 21.358 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 11.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1476.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 6.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 777.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ(EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ร่วงลง 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 97.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน เม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 108.02 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่เมื่อ คืนนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนและเศรษฐกิจจีน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.69 เยน จากระดับ 102.90 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8742 ฟรังค์ จากระดับ 0.8773 ฟรังค์

 

- ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3903 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3871 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงสู่ระดับ 1.6612 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6626 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8986 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8969 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้จากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ ความตึงเครียดทางการเมืองในยูเครน โดยดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 64.62 หรือ 0.97% ที่ 6,620.90 จุด, ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 327.95 จุด, ดัชนี CAC-40, ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,306.26 จุด ลดลง 43.46 จุด หรือ -1.00%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,188.69 จุด ลดลง 119.10 จุด หรือ -1.28%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 มีนาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันร่วงมะกันจ่อระบายคลังสำรอง หุ้นสหรัฐฯ ทรงตัว-ทองคำพุ่ง $28 กังวลวิกฤตยูเครน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2557 05:01 น.

557000002958801.JPEG

น้ำมันร่วงมะกันจ่อระบายคลังสำรอง หุ้นสหรัฐฯ ทรงตัว-ทองคำพุ่ง $28 กังวลวิกฤตยูเครน

รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ วานนี้ (12 มี.ค.) ร่วงกว่าร้อยละ 2 ขยับลงรุนแรงที่สุดในรอบ 2 เดือน หลังอเมริกาเตรียมทดสอบระบายคลังเชื้อเพลิงสำรองทางยุทธศาสตร์์ประกอบกับสต๊อกน้ำมันที่สูงลิ่ว ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว นักลงทุนจับตาวิกฤตยูเครน โดยปัจจัยดังกล่าวประกอบกับความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของจีน ก็ดันให้ทองคำพุ่งกว่า 23 ดอลลาร์

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 53 เซ็นต์ ปิดที่ 108.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ในรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสำนักสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) บอกว่า สต๊อกน้ำมันดิบของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มีนาคม เพิ่มขึ้นถึง 6.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายกว่า 2 เท่า

 

นอกจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอแล้ว ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันวานนี้ (12) ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมทดสอบนำน้ำมันดิบจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์์ ออกมาจำหน่ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ราว 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งนักสังเกตุการณ์มองว่าน่าจะเป็นการส่งสารเป็นนัยจากรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถึงรัสเซีย

 

แม้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ อ้างว่าการทดสอบนี้ได้วางแผนมานานแล้ว เพื่อให้ตรงตามความต้องการของโรงกลั่นต่างๆ ที่พ้นจากวงจรบำรุงรักษาประจำปี แต่เหล่าเทรดเดอร์น้ำมัน ตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามเข้าฮุบไครเมียจากยูเครนของรัสเซีย อาจเป็นตัวกระตุ้นให้อเมริกาทดลองระบายคลังเชื้อเพลิงสำรองทางยุทธศาสตร์์เข้าสู่ตลาด โดยมีจุดประสงค์ใช้ความมั่นคั่งทางทรัพยากรพลังงานแบ่งเบาภาระของยุโรปและยูเครนที่ต้องพึ่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างมาก

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (12) ปิดในกรอบแคบๆ นักลงทุนจับตาอย่างระมัดระวังต่อวิกฤตในยูเครนและเฝ้ารอข้อมูลเพิ่มเติมที่จะบ่งชี้ถึงทิศทางของเศรษฐกิจ

 

ดาวโจนส์ ลดลง 11.17 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,340.08 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.57 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,868.20 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 16.14 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,323.33 จุด

 

“นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ขณะที่ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและวิกฤตการณ์ด้านภูมิศาสตร์ยังปกคลุมวอลล์สตรีท” บริษัท เวลล์ส ฟาร์ด แอดไวเซอร์ส ระบุในหนังสือที่ส่งถึงลูกค้า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่เตรียมเปิดเผยออกมาอีกชุดและความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่กดดันตลาดหุ้นอย่างรุนแรง”

 

ปัจจัยทั้งสองอย่างข้างต้น ส่งผลให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จนผลักให้ราคาทองคำวานนี้ (12) ปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 23.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,370.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000028594

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชี้ กนง. หั่น ดบ. กระตุ้นนักลงทุนซื้อทอง เผยราคาในตลาดโลกขาขึ้น

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2557 15:35 น.

 

 

blank.gif TabOver.gif คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น 557000002935901.JPEG

blank.gif blank.gif นายกสมาคมค้าทองคำ ชี้ราคาทองตลาดโลกอยู่ช่วงขาขึ้นตามแรงเก็งกำไรในวิกฤต “ยูเครน-รัสเซีย” คาดพุ่งขึ้นแตะ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ เผยหาก ดบ.นโยบายปรับลง 0.25% นักลงทุนจะเข้าซื้อทองมากขึ้น เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกช่วงนี้โดยประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบที่ระดับ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และในปีนี้มีโอกาสแตะที่ 1,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยหักค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคำในประเทศ จะอยู่ที่ประมาณบาทละ 22,000 บาท เนื่องจากยังคงมีความกังวลต่อกับปัจจัยกดดันความตึงเครียดความขัดแย้งของ ยูเครน และรัสเซีย รวมทั้งมีการปั่นราคา และเก็งกำไรของกองทุนทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้า

 

พร้อมกันนี้ นายกสมาคมผู้ค้าทองคำยังมองว่า หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาลง นักลงทุนจะยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในทองคำ เพราะสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ

 

“หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ตามที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาลงนั้น จะเป็นปัจจัยหนุนนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะทองคำให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"จิตติ" ประเมินราคาทองคำแตะ 1,400 ดอลลาร์ หลังปัญหายูเครนยืดเยื้อ แนะลงทุนแค่ระยะสั้น เตรียมหารือทีเฟ็กซ์เดินหน้าตั้งศูนย์กลางค้าขายทองคำ

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า สมาคมเตรียมหารือกับบริษัทตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เกี่ยวกับแนวทางการควบคุมการซื้อขายทองคำออนไลน์ ในวันนี้ (13 มี.ค.) เบื้องต้นสมาคมจะเสนอการจัดตั้งศูนย์กลางการซื้อขายทองคำของไทยขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายทองคำของไทยกับต่างประเทศ

 

"การประชุมครั้งนี้ สมาคมจะเสนอกับทีเฟ็กซ์ เพื่อจะจัดตั้งศูนย์กลางในการค้าขายทองคำของไทยขึ้น เพื่อที่เป็นศูนย์กลางในการค้าทองคำกับต่างประเทศ โดยให้สมาคมเป็นผู้บริหาร และให้ราชการเป็นผู้ที่ควบคุม ซึ่งสมาคมจะนำข้อเสนอนี้เข้าที่ประชุม ส่วนข้อเสนอของทีเฟ็กซ์ จะให้นักลงทุนรับทองคำเมื่อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหมดอายุ มองว่าผลดังกล่าวอาจไม่คุ้มค่านัก"

 

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำ ในระยะสั้นมองว่า ราคาทองมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หลังจากราคาทองกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพราะระยะสั้นสถานการณ์ศรษฐกิจโลก รวมไปถึงความขัดแย้งในรัสเซียกับยูเครน ทำให้มีการเก็งกำไรจากข่าวดังกล่าว

 

นอกจากนี้ความต้องการทองคำทั่วโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในจีน และอินเดียที่มีแนวโน้มจะยกเลิกการเก็บภาษีการซื้อทองคำ ทำให้ทองคำกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่เชื่อว่าราคาทองปีนี้จะไม่ปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อขายทองคำเป็นระยะสั้นเท่านั้น ไม่ควรลงทุนระยะยาว เพราะมีความเสี่ยงอยู่

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือนมีนาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยขึ้นมาอยู่ที่ 53.73 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.18 จุด หรือ 0.3 % สะท้อนมุมมองบวกต่อราคาทองคำว่ามีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะอันสั้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นระยะ 3 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมาอยู่ที่ 59.72 จุด เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน ที่ 15.11 จุด หรือ 33.48 %

 

"ภาพดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อราคาทองคำในระยะสั้น ว่ายังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอยู่ โดยจากการสำรวจนั้นพบว่า ผู้ค้าทองส่วนใหญ่มีมุมมองว่าราคาทองคำจะอยู่ในกรอบ 1,280-1400 ดอลลาร์ต่อออนซ์"

 

จากการสำรวจ พบว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคามีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นในเดือนมี.ค. มาจากค่าเงินบาท ที่มีความเสี่ยงและมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนสูงทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ รวมไปถึงความเสี่ยงในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินหลังเศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 รวมไปถึงความเสี่ยงจากการชะลอมาตรการคิวอี ที่ยังมีโอกาสปรับวงเงินการทำมาตรการคิวอีลง รวมถึงประเด็นความเสี่ยงในยูเครน ที่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

 

แม้ราคาทองคำจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ในระยะสั้น และมีลุ้นที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่ยังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มที่ว่าทองคำหมดยุคขาลง เพราะระยะยาว ยังคงมีปัจจัยความเสี่ยงเรื่องการปรับลดมาตรการคิวอีอยู่ และหากธนาคารกลางสหรัฐ ตัดสินใจที่จะหยุดคิวอีในปีนี้ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยจะกลับตัวเป็นขาขึ้น จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในอนาคตได้

 

ส่วนการปรับลดมาตรการดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการการเงิน (กนง.) แม้จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน เพราะการปรับลดดอกเบี้ยนั้น ต้องใช้ระยะเวลากว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 13 มีนาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเม้นท์ แนะกลยุทธ์การลงทุนในทองคำวันนี้ (13 มีนาคม 25587) นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) แนวโน้มราคาทองคำยังอยู่ในขาขึ้น แต่หากราคาปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับ $1,365/Oz ให้ขายทำกำไร ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ให้ถือสถานะซื้อที่มีหากราคายืนเหนือแนวรับที่ $1,355/Oz

 

 

ภาพรวมตลาดทองคำคืนวานนี้

Gold – ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวขึ้น $17.80/Oz หรือ 1.32% มาอยู่ที่ $1,366.50/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,345.10-1,370.78) ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดในยูเครนโดย นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติของไครเมียในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะเดียวกันรัฐสภารัสเซียประกาศว่าจะจัดการอภิปรายในประเด็นที่ว่าจะรับ สาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศหรือไม่ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ทั้งนี้ ผู้นำในหลายประเทศได้ออกมาเตือนไครเมียว่า การลงคะแนนเสียงประชามติดังกล่าว จะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ส่วนรัฐบาลรักษาการของยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและยุโรปนั้น ระบุว่า การจัดทำประชามติครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

Gold – เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันและ 10 วันยังเป็นตัวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นโดยสร้างจุดสูงสุดใหม่จากระยะพัก ตัวและสามารถสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อย่างแข็งแกร่งทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ในวันนี้มองกรอบราคาทองคำที่ $1,355-1,393/Oz

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

• ผลผลิตอุตสาหกรรมจีน เวลา 12.30 น.

• ยอดค้าปลีกสหรัฐ เวลา 19.30 น.

• ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐ เวลา 19.30 น.

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 13 มีค.57)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ทองปิดใกล้แนวต้าน 1,370 ดอลลาร์ ตอบรับสถานการณ์ไครเมีย

 

- SPDR ถือทองลดลง 1.50 ตัน

 

- ทองยังมีแนวโน้มฟื้นตัว

 

- ราคาทองปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากปัญหาระหว่างยูเครนและรัสเซียกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหว ของราคาทองคำ โดยราคาทองปรับตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือแนวต้านบริเวณ 1,350-1,355 ดอลลาร์ได้ในการซื้อขายช่วงกลางวัน และยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องไปจนถึงช่วงค่ำ จนราคาปรับตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,370 ดอลลาร์ และปิดทรงตัวใกล้แนวต้านดังกล่าว

 

- ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยวานนี้มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ลงมาที่ 2.00% ตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ประเมิน ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงในระหว่างวัน โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินประเมินว่าความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองในประเทศจะ ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงอีกในช่วงที่เหลือของปีหากปัญหาการเมืองยังคง ยืดเยื้อ

 

- ค่ำวันนี้จะมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการราว 3.34 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 3.23 แสนราย ส่วนรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนกุมภาพันธ์ผลสำรวจประเมินว่าจะปรับตัวเพิ่ม ขึ้น 0.3% หลังจากในเดือนก่อนหน้าหดตัวลง 0.4% หากรายงานออกมาดีกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยลบกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลง

 

- ภาพการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในทางเทคนิคยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ ต่อ และกรณีที่ผ่านขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านของวันบริเวณ 1,370-1,375 ดอลลาร์ได้ ก็จะเป็นสัญญาณซื้อยืนยันทิศทางการฟื้นตัว และคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,390-1,400 ดอลลาร์ ได้ต่อไป หากมีการปรับฐานเกิดขึ้นในระหว่างวัน ที่แนวรับบริเวณ 1,350 ดอลลาร์ เป็นระดับที่กลับเข้าซื้อเก็งกำไรได้

 

- ราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือ 21.0 ดอลลาร์ ได้ในการซื้อขายวานนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อ หากมีการปรับฐานเกิดขึ้นในระหว่างวัน คาดว่าแนวรับบริเวณ 21.0-21.10 ดอลลาร์ ยังเป็นระดับแนวรับที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.57

 

Close chg. Support Resistance

 

21,050 +130.00 21,000/20,900 21,150/21,250

 

ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,390-1,400 ดอลลาร์ หากราคาปรับฐานในระหว่างวัน ที่แนวรับบริเวณ 1,350-1,355 ดอลลาร์ เป็นระดับแนวรับที่สามารถกลับเข้าเปิดสถานะซื้อเก็งกำไร โดยมีจุดปิดสถานะซื้อตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,340-1,345 ดอลลาร์

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 13 มีนาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีที เวลธ์ สรุปภาวะ Gold Futures ภาคเช้าวันนี้ (13 มีนาคม 2557) ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น US$ 17.24 ต่อออนซ์ ปิดที่ระดับ US$1,366.58ต่อออนซ์ (Gold spot)

 

ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อหลังได้รับแรงหนุนจากความกังวลการชะลอตัวของ เศรษฐกิจจีนและสถาการณ์ความตึงเครียดในยูเครน โดยความวิตกภาคสินเชื่อในจีนหลังมีบริษัทในจีนผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้เป็น ครั้งแรกในจีน ทำให้นักลงทุนกังวลสินเชื่ออีกหลายรายการในจีนอาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย ส่วนอีกปัจจัยเสี่ยงเรื่องยูเครนยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งชาติตะวันตกและสหรัฐฯออกมาคว่ำบาตรรัสเซียหลังเข้าแทรกแซงไครเมีย ขณะที่กลุ่ม G-7 กล่าวเรียกร้องให้รัสเซียหยุดการนำไครเมียมาเป็นส่วนหนึ่ง และกลุ่ม EU ได้ออกมาวางกรอบการลงโทษกับรัสเซียเพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ SPDR รายงานการถือครองทองลดลง 1.5 ตัน ที่ระดับ 811.20 ตัน

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวบริเวณ US$1,370 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2557 (GFJ14) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 20,990 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 21,050บาท เพิ่มขึ้น 250 บาท

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นปรับตัวขึ้นตามปัจจัยเสี่ยงยูเครนและความ เสี่ยงเศรษฐกิจในหลายประเทศ อย่างเช่นจีนที่เริ่มเห็นสัญญาเสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังบริษัทในจีนมีการผิดนัด ชำระหนี้ส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงมีเพิ่ม ขึ้นและถูกใช้เป็นประเด็นในการเก็งกำไร ทางเทคนิคแนวรับ US$1,355 แนวต้าน US$1,375

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 13 มีค.57)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...