ส้มโอมือ 4,910 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2010 พ่อครัวหัวป่าก์ฝรั่ง โดย วรากรณ์ สามโกเศศ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2553 มนุษย์ทั่วโลกย่อมรู้สึกหวงแหนสิ่งที่ถือว่าเป็นของชาติตนเองเสมอดังเช่น มวยไทย คนจำนวนหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดหากนักมวยไทยแพ้นักมวยไทยต่างชาติ ในเวลาอีกไม่นานคนไทยจะได้รับรู้ว่ามีคนต่างชาติซึ่งมีฝีมือปรุงอาหารไทยในระดับมืออาชีพมาเปิดร้านในกรุงเทพฯ คำถามที่น่าสนใจก็คือคนไทยจะรู้สึกอย่างไร คำตอบนี้มีความสำคัญต่อความเป็นสากลของคนไทยในอนาคต David Thompson ชาวออสเตรเลียวัย 50 ปี ผู้ดื่มด่ำในอาหารไทยและวัฒนธรรมไทย มีชื่อเสียงในระดับโลกในเรื่องอาหารไทย ร้านอาหารไทยของเขาที่ลอนดอนชื่อ Nahm (น้ำ) มีชื่อเสียงในระดับโลกด้วยการได้รับ "สองดาว" จาก Michelin Guide และเป็นหนึ่งในสองร้านอาหารไทยในโลกที่ได้รับดาวจาก Michelin ด้วย Michelin Guide คือ หนังสือประจำปีแนะนำร้านอาหารและโรงแรมที่ตีพิมพ์โดยบริษัทยาง Michelin ซึ่งออกมาตั้งแต่ ค.ศ.1900 มักเรียกหนังสือนี้กันว่า Michelin Red Guide หนังสือแนะนำร้านอาหารเด็ดนี้ทำการประเมินด้วยการส่งสายลับที่ไม่มีการเปิดเผยตัวโดยเด็ดขาดไปสำรวจชิมและพิจารณาว่าถึงขั้นจะให้กี่ดาว นักสืบเหล่านี้จะรายงานผลการสำรวจและมีการประชุมสรุปว่าจะให้กี่ดาว ไม่เข้าขั้นก็ไม่ให้ดาวเลย และไม่อยู่ในเล่มด้วย เมื่อพิจารณาครบถ้วนระบุจำนวนดาวที่ให้แก่ร้านแล้วก็จะมีการติดตามไปตรวจสอบอีกหลายครั้งในรอบปี โดยไม่ให้เจ้าของทราบ "หนึ่งดาว" หมายถึงภัตตาคารที่ดีมากอย่างสมควรแวะ "สองดาว" หมายถึงอาหารปรุงยอดเยี่ยมคุ้มกับการเดินทางแวะไป และ "สามดาว" ซึ่งเป็นการให้สูงสุดหมายถึง อาหารสุดยอดอย่างเป็นพิเศษและคุ้มกับการเดินทางไปเป็นการเฉพาะ การให้ "สามดาว" นั้นยากมากๆ ณ สิ้นปี 2009 มีเพียง 81 ร้านอาหารในโลกเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้ ร้าน Nahm ของ David Thampson ได้รับ "สองดาว" ในปี 2002 และรักษาสถานะไว้ได้จนทุกวันนี้ อาหารไทยอีกร้านหนึ่งที่ได้ "สองดาว" ก็คือ Kiin Kiin ในโคเปนเฮเกน สองร้านอาหารไทยนี้เท่านั้นในโลกที่ได้ "ดาว" จาก Michelin David Thompson มีชื่อเสียงก้องโลกจากการแต่งตำราอาหารไทยเล่มสำคัญ ปกผ้าไหมไทยสีม่วงชื่อ "Thai Food" หนา 673 หน้าด้วยภาพตำราอาหารและเรื่องราว ตลอดจนความเป็นมาของอาหารไทยและวัฒนธรรมไทย ตำราเล่มนี้ผู้เขียนบอกว่าได้มาจากการเรียนรู้การปรุงอาหารไทยตั้งแต่ปี 1986 เมื่อมาเที่ยวเมืองไทยและหลงรักแผ่นดินและอาหารไทย เขาศึกษาจริงจังเป็นเวลานานกับคุณครูสมบัติ จันทร์เพชร ซึ่งคุณแม่ทำงานในห้องเครื่องในวังมาก่อน และลงมือทดลองปรุงอาหารด้วยตนเอง David รวบรวมตำราอาหารไทยหลายอย่างจากหนังสือพิมพ์งานศพเก่าๆ อายุเหยียบร้อยปีมาผสมกับสิ่งที่เขาเรียนรู้และมีผลงานออกมาเป็นอาหารไทยที่เขายืนยันว่าปรุงแบบอาหารไทยแท้ มิได้ปรุงตามลิ้นคนต่างชาติ ซึ่ง David บอกว่าเป็นการทำลายอาหารไทยโดยแท้ ผู้เขียนไม่เคยพบและไม่รู้จัก David Thompson แต่ได้เคยอ่านบทสัมภาษณ์เขาเกี่ยวกับอาหารไทยในหนังสือพิมพ์ฝรั่งอยู่เนืองๆ มาหลายปี จนรู้สึกทึ่งในความตั้งใจและความจริงจังกับการปรุงอาหารไทย และพัฒนาการอาหารไทยให้ชาวโลกรู้จัก เมื่อ David ได้เรียนรู้เรื่องอาหารไทยจนหนำใจแล้ว ในปี 1991 เขาก็เปิดร้านอาหารไทยในซิดนีย์ชื่อ Darley Street Thai อย่างประสบความสำเร็จ (ทั้ง 8 ปีที่เปิดได้รับการลงคะแนนจากหนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald ให้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดทุกปี) เขาเปิดอีกร้านหนึ่งชื่อ Sailors Thai ในปี 1995 ก่อนที่จะไปเปิดร้าน Nahm ในลอนดอนในปี 2002 และเพียงไม่ถึง 6 เดือนเขาก็ได้ดาวดวงแรกจาก Michelin Guide และต่อมาไม่นานก็ได้ "สองดาว" ขณะนี้เขาจะมาเปิดร้านอาหารไทยในกรุงเทพฯ อย่างท้าทายความรู้สึกคนไทยว่าฝรั่งจะปรุงอาหารไทยได้สับปะรดหรือไม่ และการกระทำของเขาสร้างสรรค์หรือมาแย่งอาชีพคนไทย เมื่อหลายปีก่อนคนญี่ปุ่นก็หวงแหนยูโด คาราเต้ เช่นเดียวกับที่คนเกาหลี หวงแหนเทควันโด รู้สึกปวดใจเมื่อเห็นคนต่างชาติเอาชนะคนของตน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปก็ตระหนักว่าการเปิดใจกว้างเช่นนี้ให้เป็นที่รู้จักและนิยมของชาวโลกแล้วก็จะช่วยทำให้กีฬาก้าวหน้าไปอีกหลายขั้น มวยไทยและอาหารไทยของเราก็เช่นกัน คนไทยต้องใจกว้าง ยิ้มรับ เตรียมการและเตรียมใจสู่ความเป็นสากลของมรดกวัฒนธรรมของเราอย่างเต็มใจ ถ้าเรามีทัศนคติที่คับแคบต้องการให้มวยไทยและอาหารไทยเป็นสิ่งพิเศษเฉพาะของคนไทยแล้ว ทั้งสองสิ่งก็จะไม่มีวันก้าวหน้า และในความเป็นจริงก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ด้วยในโลกปัจจุบัน ผมเชื่อว่าถ้า David Thompson ไม่เขียนตำรา Thai Food และหนังสืออีก 2 เล่มคือ Classic Thai Cuisine และ Thai Street Food อาหารไทยก็คงไม่ดังในโลกของผู้มีรสนิยมในเรื่องอาหารสมกับที่เป็นอยู่ในขณะนี้ มีประมาณการว่าในปัจจุบันร้านอาหารไทยอยู่ทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 ร้าน ซึ่งทำการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองไทยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ความใจกว้างและความเป็นสากลของคนไทยจะได้รับการพิสูจน์ครั้งนี้จากการเปิดร้านอาหารไทยของเขาในกรุงเทพฯ ว่าจะเหมือนการขายน้ำแข็งให้คนเอสกิโมหรือไม่ ผมเชื่อว่าคนไทยใจกว้าง ก้อนน้ำแข็งนี้จะเป็นก้อนน้ำแข็งแกะสลักที่ช่วยให้ก้อนน้ำแข็งทั่วไปรอบตัวคนเอสกิโมและคนต่างถิ่นดูงดงามมากขึ้น อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
patcharin 51 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2010 เปิดเมื่อไหร่จะไปลองชิมค่ะว่าเหมือนรสไทยรึเปล่า ถ้ารสคนไทยจริงๆ ฝรั่งจะชอบเหรอคะ สงสัยจัง อย่างผัดไทยฝรั่งชอบหวานนำหน้าเลย คนไทยต้องบีบมะนาวให้เปรี้ยวอะค่ะ ร้านนี้ดังคงเพราะร้านสวย บริหารงานเก่ง ประชาสัมพันธ์ดี การจัดตกแต่งจานสวยงามโดยการแกะสลักผักผลไม้ด้วยมังคะ เช่นข้าวผัดใส่ในผลสัปปะรด ดูสวยดีค่ะ อยากให้เค้ามาเปิดเร็วๆค่ะ จะได้ไปดู แหะ แหะ ไปชิมค่ะ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น