ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในหลวง ปี 2528

 

king_supreme_2528_001.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Advertorialicon-arrow.gif L0_news_img_440980_1.jpg Event Play กลยุทธ์การเก็งกำไรราคาทองคำตามทิศทางหรือแนวโน้มตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันอาทิตย์ ที่ 11 มีนาคม 2555

ถ้าไม่บอก คนไทยจะทราบมั๊ยว่าภาพนี้คือภายในวังสวนจิตรฯ? นี่แหละวังในหลวงของคนไทยไม่มีทีใดในโลกเสมอเหมือน

Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 2659 , 19:03:08 น.

หมวด : การเมือง

print.gif พิมพ์หน้านี้ icon_favorite_entry.gif vote_story.gif โหวต 2 คน

 

 

ผมห่างหายจากการรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองในสัปดาห์นี้...

โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธิตรฯ เพราะไปติดตามงานเชื่อมร้อยเครือข่าย "ชมรมคนรักในหลวง" ทั่วประเทศ โดย "คณะบุคคลพอเพียง"ซึ่งมีวัตถุประสงค์น้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงลงสู่การปฏิบัติ โดยไม่แยกสีแยกเหล่า แยกพรรคการเมือง

 

ทั้งหลายทั้งปวงกลุ่มคณะบุคคลพอเพียงหวังเพียงให้ประชาชนในทุกชุมชนน้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น อย่างน้อยก็เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่นทำให้ขาดความอิสระในการตัดสินใจต่าง ๆ จะได้มีหลักคิดที่จะใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและจะได้มีความเป็นอิสระสามารถยืนบนขาของตนเองได้อย่างยั่งยืน

ในปีนี้คณะบุคคลพอเพียงมุ่งหวังจัดตั้งและเชื่อมร้อยประชาชนหัวใจพอเพียงให้ได้อย่างน้อย 10 จังหวัด

ผมได้ปวารณาตัวขอติดตามคณะบุคคลพอเพียงไปร่วมสังเกตการณ์ในทุกจังหวัด ด้วยจิตสำนึก"รักในหลวง" และพร้อมปกป้องสถาบันในทุกวิถีทาง ทราบว่าทางคณะบุคคลพอเพียงได้เดินทางไปจัดสัมนาเชิงปฏิบัติการดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยให้ทั้งความรู้ทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ โดยใช้วิทยากรในท้องถิ่นทั้งที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน หรือคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น ผู้นำชุมชนที่ประสบความสำเร็จจากวิถีพอเพียงมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

 

จากนั้นประธานชมรมคนรักในหลวงจะนำสมาชิกคนรักในหลวงในจังหวัดต่างๆ ไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาหรือศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่สมาชิกสนใจ

วันศุกร์ที่ผ่านมา ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลกเลือกที่จะเดินทางเข้าเยี่ยมชมโครงการวิจัยของในหลวงภายในวังสวนจิตรฯ หลังจากที่ได้รับความรู้จากการสัมนาที่จังหวัดของตนเองแล้ว เมื่อได้เยี่ยมชมโครงการต่างๆในวังสวนจิตรฯต่างก็ได้รับความรู้ประทับใจในงานตามแนวพระราชดำริและตั้งใจว่าจะนำความรู้และตัวอย่างต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติไปทำจริงในบ้านและชุมชุนของตนเอง และจะแนะนำเพื่อนบ้านขยายแนวคิดช่วยตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป

 

จนกว่าชุมชนของตนเองจะพึ่งพาตนเองได้อย่างทรนงองอาจไม่ตกเป็นทาสของแนวคิดอื่น ๆ

อีกทั้งปวารณาตนที่จะยืนยันยืนหยัดปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต

447232.jpg

บ่อปลาภายในวังสวนจิตรลดาฯ

447234.jpg

แปลงปลูกพืชล้มลุก

447233.jpg

แปลงสาธิตการปลูกพืชหมุนเวียน ใช้พื้นที่ให้มีประสทธิภาพและให้ผลสูงสุด

 

447238.jpg

ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลกบรเวณหน้าโรงสีตัวอย่าง

447248.jpg

สมาชิกชมรมคนรักในหลวงจังหวัดพิษณุโลกดีใจมากที่ได้เข้าเยี่ยมชมโครงการสาธิตในวังสวนจิตรฯ

447239.jpg

โรงเพาะเห็ด...สมาชิกติดใจกันมาก...กลับไปบ้านทำแน่นอน...

447237.jpg

มีโรงสีก็ย่อมมีแกลบ...ตรงนี้เป็นนิทรรศการให้ความรู้เรื่องการทำถ่านจากแกลบ..นี่คืการใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลผลิตทีได้จากการทำนา

447242.jpg

การสาธิตและให้ความรู้เรื่องการทำน้ำผลไม้เก็บไว้รับประทานได้นาน โดยเจ้าหน้าทีในวังสวนจิตรฯ

447240.jpg

ออกจากพระราชวังที่ประทับฯ สมาชิกชมรมคนรักในหลวงเดินทางไปชมนิทรรศการผลงานโครงการในพระราชดำริกว่า 4,100 โครงการซึ่งกปร.จัดแสดงที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต 8-12 มีนาคม 2555 มีซีดีและหนังสือแจกมากมาย

447247.jpg

แสดงภาพประทับใจมากมายและรอเข้าชมภาพยนตร์สีมิติ นั่งดูแล้วสนุก ตื่นเต้น

อยากให้คนไทยที่พอมีเวลาแวะไปชม...รับประกันว่าไม่ผิดหวัง

447249.jpg

ภาพประทับใจที่ผมเก็บมาฝากจากนิทรรศการ...ประชาชนเข้าไปเก็บภาพได้ ไม่มีการห้ามแต่อย่างใด

447241.jpg

447236.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมัยเด็กๆ ภาพที่เห็นประจำผ่านทางสื่อโทรทัศน์ คือภาพพระองค์ เดินบุกป่าฝ่าดง ไปในถิ่นทุรกันดาร

 

ในความคิดของเด็กคนหนึ่ง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทรงยอมเหนื่อยขนาดนั้น หรือเป็นเพราะหน้าที่ ที่ใครกำหนดว่าต้องทำ

 

วันเวลาผ่านไป... เด็กคนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า มิใช่ทรงทำเพราะใครกำหนด แต่ทรงทำเพราะความรัก ความเมตตา

 

และความเสียสละประโยชน์ส่วนตนของพระองค์ เพื่อประโยชน์แห่งมวลมหาชนชาวสยามโดยแท้

และเพียงสิ่งเดียวที่ เด็กคนนี้จะทำเพื่อพระองค์ได้ คือเดินทางตามรอยพระราชดำริ ของพระองค์ท่าน :_087

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก blank.gif blank.gif "พลังบวก" ในตัวพ่อแม่ สำคัญไฉน? blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2555 17:19 น.

 

Share60

blank.gif 555000003204501.JPEG นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี blank.gif blank.gif ปัจจุบันครอบครัวไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก หลาย ๆ ครอบครัวต้องเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับการทำงาน โดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องรับบทบาทสำคัญในการดูแลและปลูกฝังลูก ทั้งยังต้องมีภาระรับผิดชอบหลาย ๆ ด้าน ทำให้เวลาในครอบครัวมีน้อยลง และบางครั้งก็ขาดกำลังใจ ซึ่งหากไม่มีการจัดการอารมณ์ที่ดีแล้ว อาจเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ โดยเฉพาะกับลูกที่อาจได้รับผลกระทบจากอารมณ์ด้านลบของพ่อแม่

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวในงานเสวนาของนิตยสาร Modern Mom ภายใต้หัวข้อ "พลังบวกสร้างลูกฉลาดและอยู่รอด" เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า พ่อแม่ในยุคปัจจุบันเลี้ยงลูกยากขึ้น เพราะมีปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยนไปจากสมัยก่อนมาก ทั้งระบบการศึกษาที่อยู่กันแบบแก่งแย่งชิงดี หรือยุคสมัยที่เร่งรีบ และรวดเร็วขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่พ่อแม่หลาย ๆ คนเปลี่ยนตามไม่ค่อยทัน เมื่อไม่สมดุลกันจึงเกิดปัญหาตามมา

 

"พ่อแม่ต้องดูว่าเรามีพลังในการเลี้ยงลูกอย่างไร เช่น เราเจอลูกมีปัญหา ถามว่าเรามีความเครียดไหม ก็ต้องมีบ้าง แต่เราต้องยึดหลักที่ว่า ปัญหามีไว้หลอมรวมกันแล้วทุกคนช่วยกันแก้ด้วยจิตสำนึกที่ดี ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ พ่อก็เข้ามาคลุกวงใน แม่ก็เข้ามาคลุกวงในด้วยจิตสำนึกที่ดี ไม่ได้มีการกล่าวโทษกัน เพราะปัญหามีไว้หลอมรวมกัน ไม่ได้มีไว้ให้โทษใคร ถ้าครอบครัวยึดหลักนี้จะไม่เกิดความตึงเครียด ครอบครัวก็จะมีความสุข" ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัวเผย

 

ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัว เผยต่อไปว่า พลังใจในการเลี้ยงลูกสำคัญมาก ซึ่งปัจจุบันพบว่า ลดน้อยถอยลงไปเยอะ และเมื่อ "ใจ" มีน้อย พลังบวกก็จะเกิดขึ้นได้ยาก แม้จะพยายามใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในรูปแบบอื่น ๆ หรือแม้แต่เอาเทคโนโลยีมาเสริมเติมเต็มซึ่งกันและกัน แต่เมื่อพูดถึงคำว่ารัก สายใยรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกปลอดภัย หรือพูดถึงพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ พูดถึงพลังบวก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดไม่ได้เลย ถ้าใจไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อพ่อแม่เสริมสร้างกำลังใจซึ่งกันและกันก็จะมีพลังบวกเกิดขึ้น ความสุขในการเลี้ยงลูกก็จะเกิดตามมา และลูกก็จะได้รับอานิสงส์นี้ไปด้วย

555000003204502.JPEG blank.gif ด้าน ครูณา-อังคณา มาศรังสรรค์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนพ่อแม่ลูก บอกว่า พลังบวกสำคัญกับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้มาก พ่อแม่ต้องเข้าใจ และเห็นคุณค่าในตัวเองก่อน เมื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราก็จะเห็นคุณค่าและความสามารถของผู้อื่นได้ เพราะนั่นคือต้นธารแห่งชีวิต เป็นต้นธารแห่งความสุขที่จะต้องเริ่มต้นที่ตนเองก่อน นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องรักตัวเองให้เป็น เพราะหากเราหันกลับมารู้จักกับความรักตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะเริ่มรักคนรอบข้าง รักโลกใบนี้ แล้วเราจะเริ่มให้อภัยได้ง่ายขึ้น

 

"หลายคนมักให้ความสำคัญกับใครอื่น และมักหลงลืมคนใกล้ตัว อย่างณาเองมีโรงเรียนอนุบาล เวลาที่นักเรียนเดินร้องไห้มา ณาก็จะเข้าไปถามว่า เป็นอะไรลูกใครทำอะไร มาให้ครูหอมทีนึง เดี๋ยวพาไปกินขนม แต่ถ้าลูกณาร้องไห้ ณาก็จะถามว่า เป็นอะไรอีกล่ะ ไปทำอะไรมา โดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นการสร้างปมในจิตใจให้เขา ดังนั้นความสุขจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความอดทน ต้องอาศัยวิธีการเปลี่ยนแปลงตัวเองมาก สิ่งที่อยากจะชวนก็คือ เราจำเป็นต้องฝึกตัวเอง และเปลี่ยนมุมมองของชีวิตให้เต็มไปด้วยพลังบวก"

 

นอกจากพลังบวกในตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่พ่อแม่ทุก ๆ ท่านควรมีก็คือ การเคารพตัวเองให้เป็น

 

"เมื่อเราเคารพคนที่อยู่ข้าง ๆ เป็น เคารพลูกของเราเป็น เราก็ต้องเคารพตัวเองเป็นก่อน การอยู่ด้วยกันสิ่งที่สำคัญก็คือ การที่เราดูแลเกื้อกูลกันอย่างเท่าเทียม การเป็นแม่ไม่ได้หมายความว่าเรายิ่งใหญ่ไปกว่าลูก หรือลูกจะต้องเดินตามเรา แต่เราจะต้องเดินไปด้วยกันอย่างเท่าเทียมค่ะ" ผู้ก่อตั้งโรงเรียนพ่อแม่ลูกให้แง่คิดทิ้งท้าย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมัยเด็กๆ ภาพที่เห็นประจำผ่านทางสื่อโทรทัศน์ คือภาพพระองค์ เดินบุกป่าฝ่าดง ไปในถิ่นทุรกันดาร

 

ในความคิดของเด็กคนหนึ่ง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทรงยอมเหนื่อยขนาดนั้น หรือเป็นเพราะหน้าที่ ที่ใครกำหนดว่าต้องทำ

 

วันเวลาผ่านไป... เด็กคนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า มิใช่ทรงทำเพราะใครกำหนด แต่ทรงทำเพราะความรัก ความเมตตา

 

และความเสียสละประโยชน์ส่วนตนของพระองค์ เพื่อประโยชน์แห่งมวลมหาชนชาวสยามโดยแท้

และเพียงสิ่งเดียวที่ เด็กคนนี้จะทำเพื่อพระองค์ได้ คือเดินทางตามรอยพระราชดำริ ของพระองค์ท่าน :_087

 

ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจที่มีให้กัน ^_______^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

cover_secret82.jpg

นิตยสารซีเครท : Vol.4 No.82 26 November 2011

 

Joyful Life & Peaceful Death

จะเลือกสุข หรือ เลือกทุกข์

พระไพศาล วิสาโล

 

ขณะที่กำลังกินอาหารเช้าด้วยความเร่งรีบ ลูกสาววัย ๑๐ ขวบเผลอทำแก้วตกแตก นมนองพื้น พ่อจึงต่อว่าลูกอย่างรุนแรง ลูกสาวถึงกับหน้าเสีย แก้ตัวได้ไม่กี่คำก็ร้องไห้เมื่อถูกพ่อโต้กลับมา แม่เห็นเช่นนั้นจึงต่อว่าสามีว่าทำไมใช้อารมณ์กับลูก สามีจึงหันมาโต้เถียงกับภรรยา ปะทะคารมพักใหญ่ก็นึกได้ว่าสายแล้ว สามีรีบไปเอากระเป๋าเอกสารจากห้องทำงาน แล้วพาลูกขึ้นรถไปด้วยกัน

เป็นเพราะเขาออกจากบ้านช้ากว่าปกติ จึงเจอรถติดเป็นแพยาวเหยียด ผลก็คือไปส่งลูกสาวสาย ส่วนเขาเองก็ถึงที่ทำงานช้า ร้ายกว่านั้นก็คือในการประชุมนัดสำคัญเช้านั้น เขาลืมหยิบเอกสารชิ้นสำคัญใส่กระเป๋าตอนออกจากบ้าน การเจรจากับลูกค้าจึงไม่ประสบผล เขาถูกเจ้านายต่อว่า จึงหัวเสียและหงุดหงิดใส่เพื่อนตลอดวัน ด้วยความที่อารมณ์ค้างมาจากที่ทำงาน จึงขับรถเฉี่ยวชนขณะกลับบ้าน เสียเวลาไปอีกร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน พอเห็นหน้าภรรยากับลูกสาวเขาก็โวยวายใส่ทั้งสองคนว่าเป็นสาเหตุทำให้เขาไปทำงานสายจนเสียงานเสียการ คืนนั้นเขากับภรรยาจึงโต้เถียงกันต่อ ส่วนลูกสาวก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องด้วยความรู้สึกกดดัน กว่าความสงบจะกลับคืนมาสู่บ้านนี้ก็ดึกแล้ว แต่ใจของทั้งสามคนยังคงร้อนรุ่มตลอดทั้งคืน

ใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วยตนเองอดไม่ได้ที่จะคิดว่าวันนั้นเป็นวันที่เขา “ซวย” อย่างยิ่ง แต่ถ้าพิจารณาให้ดีมันไม่ใช่เป็นเรื่องของคราวเคราะห์แต่อย่างใด เหตุการณ์ย่ำแย่ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นผลกระทบที่ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่โดยมีจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารเช้านั้น ดูเหมือนว่าการที่ลูกสาวทำแก้วตกแตกด้วยความเผอเรอนั้นคือจุดปะทุที่ทำให้สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ตามมามากมาย แต่ความจริงแล้วจุดสำคัญอยู่ตรงที่พ่อคุมอารมณ์ไม่อยู่ต่างหากจนเผลอตัวพูดรุนแรงใส่ลูก

พ่ออดไม่ได้ที่จะโทษความซุ่มซ่ามของลูกสาวว่าเป็นสาเหตุของความ “ซวย”ทั้งมวลที่เกิดกับเขาในวันนั้น แต่ที่จริงหากพ่อไม่โมโหใส่ลูก เหตุการณ์ต่าง ๆ ในวันนั้นก็จะไม่เป็นอย่างที่ได้พรรณนาข้างต้น เราลองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารอีกครั้ง เมื่อลูกทำแก้วน้ำแตก ถ้าหากว่าพ่อตั้งสติได้ทัน ก็จะคุมอารมณ์และคำพูดได้อยู่ แทนที่จะด่าว่าลูก ก็สอนให้ลูกระมัดระวังมากขึ้น การโต้เถียงกับภรรยาก็จะไม่เกิดขึ้น ทำให้มีเวลาเตรียมตัวไปทำงาน โดยไม่ลืมหยิบเอกสารสำคัญใส่กระเป๋าไปด้วย เนื่องจากเขาออกจากบ้านตรงเวลา จึงไม่เจอรถติด สามารถส่งลูกและถึงที่ทำงานตามเวลา เมื่อเข้าประชุมเขาก็มีเอกสารมาแสดงครบครัน การประชุมนัดสำคัญจึงจบลงด้วยดี เขาได้รับคำชมจากเจ้านาย วันนั้นเขาจึงทำงานด้วยความสบายใจ รู้สึกโปร่งโล่ง งานจึงออกมาดี เย็นนั้นเขาขับรถถึงบ้านอย่างราบรื่น เจอหน้าภรรยากับลูกสาวก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คืนนั้นทุกคนเข้านอนอย่างมีความสุข

เห็นได้ว่าปฏิกิริยาของพ่อเมื่อเห็นลูกทำแก้วแตก สามารถจะนำไปสู่เหตุการณ์สองแบบที่ตรงข้ามกัน เหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่ปัญหาและความทุกข์ อีกเหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่ความราบรื่นและความสุข จุดที่เป็นขั้วต่อหรือทางแยกนั้นก็คือ ภาวะจิตใจของพ่อเมื่อเห็นแก้วแตก กล่าวคือเป็นภาวะที่มีสติหรือถูกอารมณ์ครอบงำ

ตัวอย่างดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า แม้ประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เรามีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไร หากเราตอบโต้หรือแสดงออกอย่างมีสติ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ชักนำไป ก็จะลงเอยด้วยดี และเป็นปัจจัยไปสู่สิ่งดี ๆ ตามมาอีกมากมาย ในทางตรงข้ามหากเราขาดสติ กระทำด้วยความวู่วามฉุนเฉียว ก็อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาเป็นทอด ๆ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพราะเรา “โชคร้าย” หรือวันนั้นฤกษ์ไม่ดี แต่เป็นผลจากการกระทำของเราเอง

เหตุร้ายในชีวิตบางครั้งก็มีจุดเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่สุด จุดเล็ก ๆ นั้นก็คือการกระทำที่ขาดสติของเรานั้นเอง แต่หากเรามีสติเสียแต่ตอนนั้น ก็จะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ดีงาม และสร้างความสุขให้แก่เรา

ที่จริงหากมองย้อนกลับไปอีกหน่อย ก็อาจจะพบว่าสาเหตุที่พ่อขาดสติ ฉุนเฉียวง่ายก็เพราะพ่อมีอารมณ์ขุ่นมัวมาก่อนหน้านั้นแล้วจากการที่ได้ดูข่าวโทรทัศน์ตั้งแต่เช้า แต่หากพ่อนั่งสมาธิสักครู่หลังจากตื่นนอน แล้วก็อาบน้ำแต่งตัวอย่างมีสติ พ่อก็จะไม่เผลออาละวาดเมื่อเห็นลูกทำแก้วแตก

กล่าวได้ว่าแต่ละวันจะเป็นวันดีหรือวันร้าย อยู่ที่ว่าเราเริ่มต้นวันนั้นอย่างไร เริ่มต้นด้วยการเติมสติให้แก่จิตใจ หรือเอาเรื่องหม่นหมองมาใส่ตน หากเริ่มต้นด้วยดี เราก็สามารถรับมือกับเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้ด้วยใจที่ปกติ ซึ่งพาไปสู่สิ่งดี ๆ อีกเป็นทอด ๆ

วันดีหรือวันร้าย สุขหรือทุกข์ จึงเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ ถ้าเลือกวันดีหรือความสุข ก็พึงมีสตินำหน้าเมื่อมีสิ่งต่าง ๆ มากระทบ แต่ถ้าอยากเลือกวันร้ายหรือความทุกข์ ก็ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำใจ แล้วปล่อยตัวไปตามเหตุการณ์ต่าง ๆ สุดแท้แต่มันจะพาไป

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจที่มีให้กัน ^_______^

 

:_087 ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดี ที่นำมามอบให้ตลอดเลยนะคะ ^ v ^ :10 จะเป็นกำลังใจให้เสมอๆค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครท้อ ให้ดูไว้

 

 

ทรงพระเจริญ

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...