ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

นายกฯกรีซ-ก.การคลัง เห็นชอบมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่เกือบ 4.6 แสนล้าน

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2555 17:08 น.

blank.gif 555000012475801.JPEG

 

นายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส blank.gif เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กระทรวงการคลังของกรีซ ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจชุดใหม่ในวันนี้ (26) โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลเอเธนส์ต้องตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐลงอีกมากกว่า 11.5 พันล้านยูโร เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ

 

รายงานข่าวจากกรุงเอเธนส์ระบุว่าการประชุมเครียดเมื่อคืนวันอังคาร (25) ที่ผ่านมาระหว่างนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส และนายยานนิส สตูร์นาราส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จบลงด้วยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องในข้อสรุปที่ว่า ต้องมีการตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐมากกว่า 11.5 พันล้านยูโร (ราว 458,342 ล้านบาท) และจะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมให้ได้อีกราว 2 พันล้านยูโร (ราว 79,720 ล้านบาท)

 

ด้านแหล่งข่าวในกระทรวงการคลังกรีซเผยว่า นายกรัฐมนตรีซามาราส จะต้องนำเสนอแผนรัดเข็มขัดเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณฉบับใหม่นี้ต่อบรรดาผู้นำรัฐบาลในกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลักในการประชุมนัดพิเศษที่คาดว่าอาจมีขึ้นภายในวันพฤหัสบดี (27) นี้

 

ขณะเดียวกัน มาตรการรัดเข็มขัดชุดใหม่ของกรีซ ยังจะต้องผ่านความเห็นชอบจาก ผู้แทน 3 ฝ่าย หรือ “ทรอยกา” ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้แทนจากสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และผู้แทนจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งคาดว่าหัวหน้าคณะผู้แทนทรอยกา จะเดินทางถึงกรุงเอเธนส์เพื่อประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกรีซในวันอาทิตย์ (30) โดยมีวงเงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจระลอกใหม่มูลค่า 31.5 พันล้านยูโร (ราว 1.3 ล้านล้านบาท )เป็นเดิมพัน

555000012475802.JPEG

 

ยานนิส สตูร์นาราส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“ประสาร” กำชับแบงก์เข้มโฆษณาสินเชื่อ “รถแลกเงิน” กระตุ้นผู้บริโภคใช้จ่ายเกินตัว

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2555 15:32 น.

blank.gif TabOver.gif

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

555000012473801.JPEG

blank.gif blank.gif

 

“ประสาร” แจงกรณี “หม่อมอุ๋ย” แฉสถาบันการเงินญี่ปุ่น ใช้ช่องว่าง ปว. 58 ปล่อยกู้คิด ดบ.โหด โขกค่าธรรมเนียม 28% โดยใช้บัตรเครดิตบังหน้า แต่ปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเงินแลกรถ ยอมรับมีความหนักใจ เพราะเป็นเรื่องที่ ปชช. ยอมจ่าย หากเข้าไปคุมมากอาจกระทบความผาสุกในชีวิต แต่ได้กำชับแบงก์พาณิชย์เข้าไปดูแลการโฆษณาสินเชื่อรถแลกเงิน ที่จูงใจ และกระตุ้นผู้บริโภคให้ใช้จ่ายเงินมากจนเกินตัว

 

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า มีสถาบันการเงินจากญี่ปุ่นเข้ามาทำธุรกิจในไทย และเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมที่แพงกว่าร้อยละ 28 ตามที่ ธปท.กำหนด รวมทั้งธุรกิจบัตรเครดิตที่ใช้บัตรเครดิตบังหน้าแต่ปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลแทน รวมทั้งเรื่องสินเชื่อรถแลกเงินที่เป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมการออมของสังคมไทย

 

กรณีดังกล่าว ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ประชุมหารือเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแล และเกี่ยวข้องเพื่อให้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลกระทบต่อความผาสุกของประชาชน โดยจะให้ติดตามเป็นพิเศษในส่วนของบัตรเครดิตที่กฎหมาย ธปท. กำหนดให้เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 20 และสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่เกินร้อยละ 28

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถาบันการเงินต่างชาติเหล่านี้ปล่อยกู้อย่างเดียว ไม่ได้รับเงินฝาก จึงไม่ถือเป็นสถาบันการเงินที่อยู่ในอำนาจของ ธปท. ดูแล ดังนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 (ปว.58) ซึ่งออกมาเพื่อควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัย หรือผาสุกแห่งสาธารณชน โดยกิจการบัตรเครดิตเป็นหนึ่งในกิจการที่ตกอยู่ภายใต้ ปว. 58 เข้ามาดูแล

 

“ยอมรับว่า มีความหนักใจ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เพื่อผ่อนชำระค่าสินค้า ซึ่งต้องศึกษาขอบเขตว่า ธปท. ทำได้แค่ไหน จึงสั่งให้คณะทำงานศึกษา โดยเห็นว่าการให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องการเงิน และส่งเสริมการออมเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพราะหากไปกำกับดูแลมากจะกระทบต่อความผาสุกของประชาชน”

 

นอกจากนี้ ได้กำชับธนาคารพาณิชย์ให้ดูแลการโฆษณาสินเชื่อรถแลกเงินที่จูงใจและกระตุ้นผู้บริโภคให้ใช้จ่ายเงินมากจนเกินตัว โดยโฆษณาต้องไม่จูงใจจนมากเกินไป เพราะต้องให้ประชาชนรู้จักการใช้เงินอย่างระมัดระวัง และเก็บออม

 

ทั้งนี้ ธปท. ให้ความสำคัญกับการที่ธนาคารพาณิชย์ขายผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน เช่น การขายประกันชีวิต และกองทุน รวมทั้งหารายได้จากค่าธรรมเนียม ซึ่งได้ประสานงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ให้ช่วยกำกับ และติดตาม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

photo-thumb-6637.jpgมีสองสิ่งที่เราควรให้กับลูกหลาน แรกคือให้รู้จักรากเหง้าของตัวเองอีกอย่างก็ให้ปีกสักคู่

 

247995_464134660297273_994422649_n.jpg

artist: Steve Hanks

true art gallery

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

417220_329379657158991_1588876056_n.jpg

ขำๆ หัวเราะ ยิ้ม ยินดี มีความสุข เปี่ยมกำลังใจ ยอมรับ

อดทน ใจสู้ ให้ รับ รอ พอ ขอโทษ

ขอบคุณ หวัง แรงบันดาลใจ

ความเป็นมิตร มีแว่นวิเศษติดตัว ปลูกตัวไม้ในใจไว้หลายต้น

มีไฟส่องสว่างส่วนตัว มีนางฟ้าเป็นเพื่อน(มีเพื่อนดีย่อมดีแน่)

แว่บแล้วนะ บายๆ ^____________-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

27/9/2555

 

 

 

ปลูกไม้3อย่าง..ประโยชน์4อย่าง..เกิดเป็น “สทก.”

032.jpg

นุชจิรา นุ้ยไซล่า

ปลูกไม้3อย่าง..ประโยชน์4อย่าง..เกิดเป็น “สทก.”:จัดสรรพื้นที่ทำกินตามแนวพระราชดำริ”คนกับป่า อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน”

นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ได้กล่าวเมื่อครั้ง ไปเป็นประธานในพิธีมอบเอกสารสิทธิ์ทำกิน (สทก.) โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสมเด็จเจริญ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรีว่า

โครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2533 ให้ฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่บริเวณตำบลหนองปรือ อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตตำบลสมเด็จเจริญ อำเภอหนองปรือ

เนื่องจากในขณะนั้น ถูกราษฎรบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าเป็นบริเวณกว้าง ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าควรที่จะจัดที่ดินให้เป็นระเบียบ และแนะนำให้ราษฎรที่เข้ามาทำกินปฏิบัติที่ถูกต้อง

คือ ไม่ทำลายป่าไม้ ไม่บุกรุกออกนอกพื้นที่ แต่ยังมีประชาชนที่ได้รับการจัดสรรมาเป็นเวลานานหลายปี

กรมป่าไม้ สำนักงาน กปร.จึงเห็นว่าประชาชนที่อาศัยอยู่มานานแล้ว ควรจะมีเอกสารสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ให้เป็นโฉนด หรือ สปก.ซึ่งจะเข้าเงื่อนไขที่ประชาชนจะนำไปจำหน่าย หรือนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ จึงมอบให้เป็น สทก.ที่ไม่สามารถนำไปจำหน่ายหรือจำนองได้ แต่สามารถครอบครองสืบทอดแก่บุตรหลานได้ กรมป่าไม้จึงออกเอกสารสิทธิ์ สทก.ให้แก่ราษฎรในพื้นที่แห่งนี้

d0820aa-4_5.jpg

“แนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงต้องการให้อนุรักษ์ป่าไม้ไว้ให้มากที่สุด สำหรับที่อยู่ ที่ทำกินราษฎรซึ่งเคยอยู่ก่อนนั้นก็สามารถอยู่ที่เดิมได้ และมีสิทธิพอสมควร

แต่การทำการเกษตรต้องทำให้ถูกวิธี ต้องรักษาป่าไม้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และการปลูกต้นไม้ต้องให้เกิดวัตถุประสงค์ 3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ หรือ ไม้ผล ไม้สร้างบ้าน และไม้ฟืน ซึ่งจะให้ประโยชน์ 4 ประการ คือ ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การทำเกษตรซึ่งเป็นความจำเป็นในการประกอบอาชีพ และต้องพยายามปลูกพืชที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เป็นเกษตรยั่งยืน โดยการปลูกผสมผสานกัน

อีกทั้งก็จะช่วยลดภาวะโลกร้อน ไม่เผาป่า ไม่เผาขยะ ไม่ตัดต้นไม้ นี่คือหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรินำไปสู่การทำเกษตรแบบยั่งยืน และรักษาอย่าให้โลกร้อน” องคมนตรี กล่าว

ทางด้านนายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ประชาชนที่ได้เอกสารใบอนุญาตให้มีสิทธิ์ทำกินในที่ดินป่าไม้

ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแนวทางเรื่อง “การอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่า”

d0820aa-3_4.jpg

ซึ่งหลักของการให้สิทธิทำกิน หรือ สทก. ของกรมป่าไม้ ก็จะเป็นการให้กับราษฎรมีที่อยู่อาศัย บนที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าไม้เป็นเวลานาน และทางกรมป่าไม้ก็ได้ประกาศพื้นที่บริเวณนั้นให้เป็นเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ โดยที่ให้ราษฎรมีสิทธิทำประโยชน์จากที่ดินแห่งนั้นตามที่เขาทำอยู่ แต่รายละไม่เกิน 20 ไร่ และให้ช่วยดูแลป่าที่อยู่ใกล้เคียง อาจจัดตั้งให้เป็นป่าชุมชน เพื่อจะได้ทำประโยชน์ให้กับชุมชนของเขาเอง

“ส่วนเงื่อนไขจะต้องทำประโยชน์แก่ที่ดินที่ทางกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้เขาอยู่ หากผู้ครอบครองชราไปก็สามารถถ่ายทอดสิทธินั้นให้กับบุตรหลานได้ แต่ไม่อนุญาตให้ที่ดินนั้นในการขายสิทธิกัน เพื่อที่ต้องการให้เขาอยู่ในที่นั้นตลอดไป

 

ซึ่งทางกรมป่าไม้ก็จะมีหน่วยงานในท้องที่นั้นเข้าไปเยี่ยมเยียน เป็นที่ปรึกษา เป็นพี่เลี้ยงให้ในเรื่องของความเป็นอยู่ และอยากให้ราษฎรเหล่านี้ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะกรมป่าไม้มั่นใจว่า ที่ดินไม่เกิน 20 ไร่ เขาสามารถที่จะทำการเกษตรได้ ประกอบอาชีพได้ และสามารถที่จะเลี้ยงครอบครัวของเขาได้

ที่สำคัญอยากให้เขาอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน และสามารถที่จะเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว

 

d0820aa-2_naangsaawsuphnuch.jpgนางสาวศุภนุช สระทองใจ อายุ 42 ปี ชาวบ้านอำเภอหนองปรือ หนึ่งในผู้มารับมอบเอกสารสิทธิ์ทำกิน (สทก.) เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ.2525 ได้ตามพ่อกับแม่มาจากจังหวัดสุพรรณบุรี มาหาพื้นที่ทำกินที่นี่ เพราะครอบครัวมีพี่น้องหลายคน พื้นที่ทำกินเดิมก็มีไม่มาก พ่อกับแม่จึงตัดสินใจหาพื้นที่เพิ่มให้ลูก จนย้ายกันมาที่นี่

“สมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้จะเป็นป่าทั้งหมด เป็นป่าไผ่ และมีคนอยู่กันไม่เยอะ ตอนที่ย้ายมาไม่รู้ว่าที่ตรงนี้เป็นเขตป่าสงวน พ่อบอกว่ามีคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่มาก่อนเขาถากไถที่ทำกินกัน ก็คิดว่าครอบครัวก็น่าจะมาอยู่ได้ พ่อกับแม่ก็มาถางป่า ตัดต้นไม้ แล้วก็เริ่มทำไร่ ทำพวกข้าวโพด ถั่ว ตอนนั้นพ่อก็ทำไปได้ 70 กว่าไร่ แต่ท่านก็ไม่แน่ใจว่าพื้นที่ตรงนี้จะเป็นของตัวเองได้มั้ย พ่อก็บอกแค่ทำกินได้ก็ทำๆกันไปก่อน ตอนหลังจากนั้นก็มีชาวบ้านตามๆกันมาจับจองพื้นที่กันอีกหลายคน”

นางสาวศุภนุช เล่าต่อว่า หลังจากที่ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชดำริ ให้ตั้งโครงการห้วยองคตฯ เพื่อจัดที่ดินให้เป็นระเบียบ และแนะนำให้ราษฎรที่เข้ามาทำกินได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง ทางครอบครัวก็คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่เราไม่น้อย

“ครั้งแรกตอนที่สมเด็จพระเทพฯเสด็จฯมาที่นี่รู้สึกดีใจมาก รู้สึกว่าเราไม่ใช่คนป่าแล้ว มีคนมาดูมาห่วงเราแล้ว พ่อบอกว่าก็ดีนะ ถ้าทางราชการ ยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะอย่างน้อยๆ หากเราทำไม่ถูกในตอนแรก เขาก็ยังจัดสรรปันส่วนที่ดินให้บ้าง พอได้รับสิทธิครอบครัวก็ดีใจมาก มันเหมือนเราได้เป็นเจ้าของแล้ว ชีวิตหนึ่งจะหาเงินไปซื้อที่ซักไร่มันยากลำบากแล้วสมัยนี้ ก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้จริงๆ เราอยู่ห่างไกลความเจริญก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาดูแล ได้สิทธิ์พื้นที่ตรงนี้มา เราก็ไม่เคยคิดที่จะขาย เพราะพ่อกับแม่ก็ทำมาให้เรา เราจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานได้ทำมาหากินต่อไป นี้คือความตั้งใจเดิมอยู่แล้ว”

นางสาวศุภนุช บอกอีกว่าตามเอกสารสิทธิ์ทำกิน (สทก.) ที่ได้รับ มีเนื้อที่ทำกิน ที่จัดสรรแล้ว 12 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา แล้วก็มีพื้นที่ปลูกบ้านด้วย ซึ่งตนเองก็พอใจกับพื้นที่ตรงนี้ที่ได้รับ

“มีความรู้สึกปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหยิบยื่นให้ตรงนี้ เพราะเราทราบดีว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง ก็ขอให้พระองค์ท่าน พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถ มีพระชนมายุยืนนาน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของประชาชนชาวไทยไปนานๆ” นางสาวศุภนุช กล่าวปิดท้ายด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันนี้นอกจาก ชาวบ้านอำเภอหนองปรือ จะได้สิทธิทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

ชาวบ้านยังเข้าใจถึงความสำคัญของป่าไม้ หันมาร่วมมือกันอนุรักษ์ปลูกป่าปลูกต้นไม้ ไม่บุกรุกทำลาย ใช้ชีวิตร่วมกันกับป่าแบบพึ่งพาได้อย่างยั่งยืน.

ขอขอบคุณ สยามรัฐ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“พระองค์ภาฯ” มีพระดำรัสในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 67

 

548560_311993332241175_2144804500_n.jpg

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2555 เวลา 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปยังห้องประชุม General Assembly Hall อาคารสมัชชาสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ทรงเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติ ว่าด้วยหลักนิติธรรมในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยซึ่งเป็นการประชุมผู้นำระดับสูง เพื่อแสดงเจตนาร่วมกันในการส่งเสริมหลักนิติธรรมระดับประเทศและระหว่างประเทศ ตามมติของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่ 66/102 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554

โดยระบุให้มีการจัดประชุมฯ ขึ้นระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 67 วันที่ 24 กันยายน 2555 ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมเป็นผู้นำระดับสูงที่ได้รับเชิญให้กล่าวถ้อยแถลงจาก 80 ประเทศในบัญชีหลัก, และ 17 ประเทศในบัญชีที่ 2รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ได้รับโควต้า 21 ประเทศ ซึ่งในส่วนของประเทศในกลุ่มอาเซียน

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงได้รับการเสนอจากคณะกรรมการอาเซียนประจำนครนิวยอร์ก ให้ทรงเป็นผู้กล่าวคำถ้อยแถลง ในนามอาเซียน และในนามประเทศไทย ในฐานะที่ทรงเป็นประธานคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา หรือ CCPCJ สมัยที่ 21 และทรงเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย

ทั้งนี้ร่างปฏิญญาของการประชุมฯ จะเป็นเอกสารผลการประชุมเพื่อแสดงเจตนาทางการเมืองร่วมกันของผู้นำระดับสูง มีสาระสำคัญ เน้นการส่งเสริมหลักนิติธรรมในระดับประเทศ และระหว่างประเทศ โดยระดับระหว่างประเทศ รัฐภาคีควรให้ความสำคัญกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ได้แก่ กฎหมายมนุษยธรรม, กฎหมายสิทธิมนุษยชน รวมทั้งองค์กรภายใต้สหประชาชาติ และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ศาลอาญาระหว่างประเทศ และศาลกฎหมายทางทะเล และเน้นความร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต ต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ

 

เวลา 15.18 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงร่วมประชุมต่อในตอนบ่าย โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี และคณะ ตลอดจน นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ที่เข้าร่วมประชุมในนามของประเทศไทย เฝ้ารับเสด็จ จากนั้นทรงขึ้นกล่าวถ้อยแถลง ในลำดับที่ 6 ในนามของอาเซียน และประเทศไทย

For Thailand, the rule of law is an indispensable foundation for a more peaceful, prosperous and just world as it provides an essential framework for our societies, domestically and internationally.

(สำหรับประเทศไทย หลักนิติธรรมเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานที่จะนำมาซึ่งความสงบสุข ความมั่งคั่ง และสันติสุขของโลก เนื่องจากเป็นกรอบการทำงานสำคัญสำหรับสังคมของเรา ทั้งภายในและภายนอกประเทศ)

The Constitution of Thailand provides that the human dignity, rights and liberties as well as equality of the people shall be protected and that they are entitled to equal protection before the law, irrespective of race ,gender or religion. In 2011, the Thai Government set up an Independent National Rule of Law Commission to ensure that all State organs perform their duties base on the rule of law.

 

(รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชน รวมถึงความเท่าเทียมกัน เพื่อเป็นเกราะป้องกัน และเป็นการให้สิทธิตามหลักกฎหมายอย่างเท่าเทียม โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ หรือศาสนา ในปี 2554 รัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกหน่วยงานของภาครัฐปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ขอบเขตของหลักนิติธรรม)

In addition ,Thailand reaffirms the importance of mainstreaming gender sensitivity and a lights based approach into the criminal Justice system.In too many societies,women are subject to discrimination,overt and subtle.That is why we believe it is important to integrate such an approach into criminal justice systems.

(นอกจากนี้ ประเทศไทย ยังยืนยันถึงการให้ความสำคัญในการตอบสนองต่อเรื่องเพศและแนวทางแก้ไขตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งในหลายประเทศผู้หญิงมักถูกเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้พวกเราเชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการบูรณาการในขั้นตอนที่จะนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา)

Two years ago,we launched the UN Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non Custodial Measures for Women Offenders or the “Bangkok Rules” Thailand is determined to implement these Rules in correction facilities throughout the country. We hope to share our best practices with other countries for the benefit of female inmates around the world. We are also determined to implement the Updated Model Strategies and Practical Measures on the Elimination of Violence against Women in the Field of Crime Prevention and Criminal Justice. At the international level ,Thailand is firmly committed to complying with all treaties to which it is party, especially with respect to the seven major international human rights treaties.

(เมื่อ 2 ปีก่อน เราได้ริเริ่มข้อกำหนดของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำความผิดหญิง หรือข้อกำหนดกรุงเทพฯ โดยไทยผลักดันข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อให้เกิดการปรับปรุงการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงทั่วประเทศ ซึ่งเราหวังว่าจะแบ่งปันหลักปฏิบัติเหล่านี้ ร่วมกับประเทศอื่นๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ต้องขังหญิงทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังคงจะผลักดันให้เกิดกลยุทธ์ต้นแบบและมาตรการในการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิง ในด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา และในระดับนานาชาติ ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามทุกสนธิสัญญา โดยเฉพาะการให้ความเคารพกับสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ 7 ด้าน)

สำนักข่าวเจ้าพระยาl

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหตุประท้วงในสเปน-กรีซ ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2555 05:16 น.

blank.gif ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(26) ปิดลบตามตลาดเอเชียและยุโรป หลังเหตุประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดในสเปนและกรีซ ก่อความกังวลรอบใหม่ว่ายุโรปจะมีเสถียรภาพพอที่จะควบคุมวิกฤตหนี้ที่ลุกลามได้หรือไม่

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 44.04 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,413.51 จุด แนสแดค ลดลง 24.03 จุด (0.77 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,093.70 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 8.27 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,433.32 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำดิ่งแรง หลังมีความกังวลต่อวิกฤตหนี้ยูโรโซน

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2555 04:28 น.

blank.gif ความกังวลของนักลงทุนต่อวิกฤตหนี้ยูโรโซนประกอบกับดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(26) ปิดลบแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 12.80 ดอลลาร์(0.72 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 1,753.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันดิ่งแรง วิกฤตหนี้ยุโรปก่อความวิตกต่ออุปสงค์

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2555 05:29 น.

blank.gif ราคาน้ำมันดิ่งแรงและตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบวานนี้(26) หลังความกังวลของนักลงทุนต่อวิกฤตหนี้ยูโรโซนลุกลามขึ้นท่ามกลางปัญหาประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ในสเปนและกรีซ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 41 เซนต์ ปิดที่ 110.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แผ่นดินไหวระดับ 6.9 เขย่าอะแลสกา ไร้เตือนสึนามิ แต่หวั่นทำภูเขาไฟระเบิด

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2555 08:36 น.

blank.gif

555000012499501.JPEG

blank.gif เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานวันนี้ (27) ว่า เกิดแผ่นดินไหวซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 6.9 บริเวณนอกชายฝั่งมลรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ เบื้องต้นยังไม่พบความเสียหาย และยังไม่มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ

 

รายงานของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 6.9 ในครั้งนี้อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกราว 40 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเกาะอะมาทิกนัค ในหมู่เกาะเดลารอฟของมลรัฐอะแลสกาไปทางตะวันออกราว 63 กิโลเมตร โดยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถรับรู้ได้ทั่วไปในหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ของมลรัฐอะแลสกา

 

ด้านศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก ซึ่งมีฐานอยู่ที่เอวาบีช ในมลรัฐฮาวายออกคำแถลงโดยคาดว่าจะไม่เกิดคลื่นสึนามิทำลายล้างเป็นวงกว้างในมหาสมุทรแปซิฟิกจากผลของแผ่นดินไหวระดับ 6.9 ครั้งนี้ และคาดว่ามลรัฐฮาวายจะไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ดี มีความกังวลว่าแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภูเขาไฟทานากา หรือ “คูซูจินักซ์” ความสูง 1,806 เมตร ที่อยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยแรงสั่นสะเทือนอาจส่งผลให้ภูเขาไฟลูกนี้เกิดการปะทุขึ้น แม้ภูเขาไฟทานากาจะเพิ่งเกิดการปะทุเพียง 3 ครั้งเท่านั้นนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1763 เป็นต้นมา

555000012499502.JPEG

 

ภูเขาไฟทานากา blank.gif

555000012499503.JPEG

 

เกาะอะมาทิกนัค ที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว blank.gif

blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผย หยกแก้วในปากศพโจโฉ มูลค่าถึง 50 กว่าล้านบาท

icon_flashgallery.gif blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2555 15:37 น.

blank.gif 555000012382601.JPEG

 

เครื่องหยก และเครื่องประดับหินมีค่าที่พบในสุสานโจโฉ

blank.gif ASTVผู้จัดการออนไลน์/เอเจนซี--เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา สื่อจีนได้รายงานความคืบหน้าล่าสุดในการขุดค้นและตรวจสอบสุสานหลวงของโจโฉ (曹操高陵) ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านซีกาวเสียว์ ตำบลอันเฟิง อำเภออันหยาง มณฑลเหอหนัน สุสานหลวงของโจโฉแห่งนี้ ขุดค้นพบเมื่อปลายปี 2552 ผู้คนต่างให้ความสนใจติดตามการตรวจสอบและพิสูจน์สิ่งของต่างๆที่พบในสุสานแห่งนี้ และสิ่งที่ได้รับความสนใจที่สุดคือ “หยกแก้ว” ในปากของศพโจโฉ

 

สืบเนื่องเรื่องเล่าขานระบุว่า ตอนบรรจุศพโจโฉ เจ้าพนักงานได้ใส่ “หยกแก้ว” ไว้ในปากของโจโฉ หยกแก้วเม็ดนี้เป็นหยกงามล้ำค่าที่สุดในหมู่หยก ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินมูลค่าหยกแก้วเม็ดนี้ สูงกว่า 10 ล้านหยวน หรือราว 50 ล้านบาท นักโบราณคดีได้พบหยกแก้วเม็ดนี้ ในห้องสุสานหมายเลข 2 ของสุสานหลวง ภายในห้องนี้ปกคลุมไปด้วยโคลน และเคยถูกปล้นเพียงหนึ่งครั้ง สิ่งของต่างๆยังคงอยู่ในสภาพดี

555000012382602.JPEG

 

วัตถุล้ำค่าที่สุด ที่พบในสุสานโจโฉ คือ หยกแก้ว ผู้เชี่ยวชาญประเมินมูลค่า 10 ล้านหยวน หรือราว 50 ล้านบาท

blank.gif พาน เหว่ยปิน รองผู้อำนวยการการวิจัยสำนักโบราณคดีมณฑลเหอหนัน กล่าวว่า ห้องสุสานหมายเลข 1 ห่างจากห้องสุสานของโจโฉ 30 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทิศทางเดียวกับห้องสุสานของโจโฉ

555000012382603.JPEG

 

กระจกเหล็กที่พบในสุสานโจโฉ

 

blank.gif พาน เหว่ยปิน รองผู้อำนวยการการวิจัยสำนักโบราณคดีมณฑลเหอหนัน กล่าวอีกว่า พิจารณาจากโครงสร้างแล้ว ห้องสุสานของโจโฉกับห้องสุสานบริวาร (陪葬墓/satellite tombs)ออกแบบในคราวเดียวกัน ในบริเวณสุสานหลวงนี้มีห้องสุสาน 2 แห่ง ทางเดินของห้องสุสานทั้งสองแห่งนี้ ต่างทอดไปยังประตูสุสานหลวง แต่ห้องสุสานบริวารหมายเลข 1 มีขนาดเล็กกว่าห้องสุสานของโจโฉมาก

555000012382604.JPEG

 

เครื่องตกแต่งที่พบในสุสานโจโฉ

blank.gif

พาน เหว่ยปิน กล่าวต่อว่า ห้องสุสานบริวารหมายเลข 1 นี้ มีอุโมงค์ที่หัวขโมยเจาะเข้ามา 7 แห่ง โดยอุโมงค์แห่งหนึ่งเจาะเข้าไปยังห้องสุสานของโจโฉ สุสานโจโฉถูกปล้น เสียหายมาก นักโบราณคดีได้พบดาบเหล็กที่มีสนิมเขรอะเล่มหนึ่งระหว่างทางไปยังหลุมสุสาน

555000012382605.JPEG

 

ช้อนสลักลายรูปมังกร ที่พบในสุสานโจโฉ ลายรูปมังกรนี้เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ตัวตนผู้ใช้ มีสถานภาพกษัตริย์ราชา (อ๋อง) blank.gif

 

นักโบราณคดีมีข้อสงสัยอีกว่า ห้องสุสานหมายเลข 1 เป็นเพียงหลุมสุสาน (陪葬坑)เท่านั้นหรือ? หลุมสุสานนี้แทบจะเป็นหลุมเปล่าๆ ทำให้การระบุตัวตนของเจ้าของหลุมสุสานที่คลุมเครืออยู่แล้วยิ่งเลอะเลือน ไม่มีทั้งป้ายแกะสลักอักษรใด และหลักฐานโบราณวัตถุใด

555000012382606.JPEG

 

สุสานโจโฉ (ซ้าย) และสิ่งของที่พบในสุสาน หยกแก้วที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ(บน-ขวา) ป้ายหินสลักชื่อ "เว่ยอู่หวัง" พระนามของโจโฉหลังอสัญกรรม ซึ่งเป็นหลักฐานที่นักโบราณคดีจีนระบุว่า สุสานหลวงแห่งนี้ เป็นสุสานของโจโฉ blank.gif

 

ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งกล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้วห้องสุสานหมายเลข 1 ไม่ใช่สุสานที่ไว้ศพ เป็นเพียงหลุมบริวารแห่งหนึ่ง แต่ยุคสมัยนั้นไม่น่าจะมีหลุมบริวารแบบนี้ (เป็นหลุม หรือโพรงเปล่า) ผู้เชี่ยวชาญไม่เคยพบลักษณะเช่นนี้มาก่อน คือ ไม่พบทั้งห้องเก็บศพ โลงศพ แม้กระทั่งป้ายจารึกหน้าศพก็ไม่พบ มีเพียงทางเดินและประตูสุสาน

 

หลิว ชิ่งจู้ แห่งคณะกรรมการบัณฑตยสถานแห่งชาติ ผู้เข้าร่วมสำรวจห้องสุสานหมายเลข 1 ได้เห็นสภาพนี้แล้ว ก็ชี้ว่า เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมาก นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของซากโบราณคดี เป็นปริศนาที่ท้าทายมาก

 

 

555000012382607.JPEG หินมีค่ารูปทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 ซม. เป็นแก้วใส มันขลับงามมาก blank.gif การขุดค้นล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา นักโบราณคดียังได้พบ “หลักฐานชิ้นเอก” ที่ยืนยันเจ้าของสุสานคือ โจโฉ นั่นคือป้ายหิน แกะสลัก โล่หนังแรด (常所用长犀盾) นี่เป็นครั้งแรกที่พบป้ายหิน ที่มีอักษร “โล่” แสดงว่า เจ้าของสุสานนี้ ได้ใช้อาวุธชิ้นนี้ระหว่างมีชีวิตอยู่ ที่น่าเสียดายคือ ป้ายหินนี้ แตกหักเหลือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น นักโบราณคดีได้สันนิษฐานจากการขุดค้นครั้งแรก ระบุว่า ป้ายหินที่แตกหักนี้ น่าจะมีอักษร “เว่ยอู่หวัง” อันเป็นชื่อเรียกของโจโฉหลังอสัญกรรม

555000012382608.JPEG

 

โบราณวัตถุที่พบในสุสานโจโฉ blank.gif

 

การขุดค้นโบราณคดีก่อนหน้านี้ พบป้ายหินแกะสลักอักษร ราว 60 อัน ตัวอักษรที่จารึกบนป้าย มีทั้งชื่อของสิ่งของและจำนวนสิ่งของที่ฝังในสุสาน ในจำนวนนี้ มี 8 ชิ้น ที่จารึก “ง้าวรูปเสือที่เว่ยอู่หวังทรงใช้” (魏武王常所用格虎大戟)、"หอกสั้นที่เว่ยอู่หวังทรงใช้” (魏武王常所用格虎短矛) เป็นต้น

 

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ในห้องสุสานหมายเลข 2 นักโบราณคดียังได้พบ หยกแก้ว เม็ดเล็กเม็ดใหญ่ ตรงกลางมีรู หล่นกระจายบนพื้น อาจเป็นเครื่องประดับสายคาดศีรษะของโจโฉ

555000012382609.JPEG

 

ภาพแผงสุสานหลวงของโจโฉ (曹操高陵) ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านซีกาวเสียว์ ตำบลอันเฟิง อำเภออันหยาง มณฑลเหอหนัน นักโบราณคดีที่ขุดค้นเชื่อว่า สุสานหลวงแห่งนี้เป็นสุสานของโจโฉ เนื่องจากมีป้ายหินสลักชื่อ "เว่ย อู่หวัง" ซึ่งเป็นนามของโจโฉหลังอสัญกรรม blank.gif

 

โจโฉ หรือ ในสำเนียงจีนกลางอออกเสียง "เฉาเชา"(曹操) (ค.ศ.155-220) เป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ และผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้ายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ต่อมา โจโฉได้วางพื้นฐานสร้างนครรัฐที่รุ่งเรืองและแข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยสามก๊ก (ค.ศ.208-280) คือ แคว้นเว่ย เมื่อถึงแก่อสัญกรรมแล้วจึงได้รับการสถาปนาเป็น เว่ย อู่หวัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บลจ.ไทยพาณิชย์ชี้ QE3 ดันสินค้าโภคภัณฑ์มาแรง

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2555 13:40 น.

blank.gif 555000012467801.JPEG blank.gif

 

บลจ.ไทยพาณิชย์ประเมินมาตรการ QE3 ดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์มาแรง ทั้งน้ำมัน ทองคำ และซอฟท์ คอมมอดิตี้ ล่าสุดส่งกองทุน “ไทยพาณิชย์ คอมมอดิตี้ พลัส” และกองทุน “ไทยพาณิชย์ออยล์” ไอพีโอ

 

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ราคาสินทรัพย์โภคภัณฑ์ในตลาดโลกได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 14% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยมองว่าปัจจัยบวกที่จะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์โภคภัณฑ์คือความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานภาพทางการเงินของทวีปยุโรปที่ลดลงจากความช่วยเหลือของธนาคารกลางยุโรป มาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE3) จากธนาคารกลางสหรัฐฯ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดกันสำรองของธนาคารโดยรัฐบาลจีน และการลดดอกเบี้ยในหลายประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัว และเพิ่มความต้องการของการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณครั้งที่ 3 (QE3) โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ไม่ได้กำหนดปริมาณและระยะเวลาในการเข้าซื้อพันธบัตร พร้อมจะดำเนินมาตรการจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีสัญญาณฟื้นตัว

 

นอกจากนี้ ต้นทุนของเงินทุนในระดับต่ำจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศยืดระยะเวลาคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ไปจนถึงกลางปี และระดับเงินฝากที่ 0% จากนโยบายของธนาคารกลางยุโรป โดยต้นทุนของเงินที่ต่ำถือเป็นปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น”

 

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่ที่ลงทุนในต่างประเทศ อีกจำนวน 2 กองทุน ในสินทรัพย์โภคภัณฑ์ ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ คอมมอดิตี้ พลัส (SCB COMMODITY PLUS FUND : SCBCOMP) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์ (SCB Oil FUND : SCBOil) เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 25 กันยายน - 1 ตุลาคมศกนี้ ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

 

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์คอมมอดิตี้ พลัส เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ กองทุน PIMCO Commodities PLUS Strategy Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) และอยู่ภายใต้ UCITS บริหารจัดการโดย PIMCO Global Advisors (Ireland) Limited เน้นการลงทุนเพื่อเลียนแบบดัชนีที่อ้างอิงกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ Dow Jones-UBS Commodity Index Total Return ซึ่งเป็นดัชนีที่กระจายการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ แบ่งได้เป็น 6 หมวดหลัก ได้แก่ พลังงาน โลหะมีค่า โลหะเพื่อการอุตสาหกรรม ปศุสัตว์ ธัญพืช และธัญพืชเขตร้อน

 

โดยกองทุนหลักจะลงทุนในธุรกรรม/ตราสารอนุพันธ์ ทำสัญญาแลกเปลี่ยนตราสาร (swap agreement) ต่างๆ สัญญาฟิวเจอร์ สัญญาออปชัน ตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง และ/หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ที่อ้างอิงกับดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการที่จะลงทุนให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนีที่อ้างอิง ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในกองทุนหลักดังกล่าวเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุน PIMCO Commodities PLUS Strategy Fund มีผลตอบแทนย้อนหลัง (สกุลดอลลาร์สหรัฐ) 3 เดือนอยู่ที่ 14.13% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -8.79% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 8.25%

 

ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York stock Exchange : NYSE Arca) บริหารจัดการโดย DB Commodity Services,LLC มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนหลักดังกล่าวเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรรณคาด ศก.ยุโรปจะดีขึ้น แนะจับตาเงินไหลเข้าหุ้นไทย

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กันยายน 2555 10:09 น.

blank.gif blank.gif

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

555000012439001.JPEG blank.gif

 

บลจ.วรรณประเมินภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปจะดีขึ้นโดยเฉพาะสเปน พร้อมมองกรอบหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 1,300 จุด แนะจับตาเงินไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มหลังนักลงทุนคาดว่าตลาดเอเชียจะได้ประโยนช์จากการออกมาตรการ QE3

 

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยการลงทุนในสัปดาห์นี้ให้น้ำหนักเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะสเปน ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปจะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจของสเปนในวันที่ 27 กันยายน ซึ่งนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สเปน โดยตลาดมีความหวังว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปจะดีขึ้น ขณะที่ในส่วนสหรัฐฯ ยังติดตามรายงานจีดีพีไตรมาส 2 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้ายและตัวเลขในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ช่วงนี้คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยน่าจะยังคงปรับตัวขึ้นตามเงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่นักลงทุนมองว่าค่าเงินและเศรษฐกิจจะได้ประโยชน์จากการออกมาตรการ QE3 ของสหรัฐฯ และมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยปัจจัยที่สำคัญอื่นคือการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ และราคาน้ำมัน โดยคาดว่าการปรับตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะอยู่ในลักษณะ Sideway up ในกรอบ 1,270-1,300 จุด

 

ทั้งนี้ สำหรับกองทุนเปิดวรรณเฟล็กซ์แอ็คทีฟ 2 (ONE-FLEXACTIVE2) ซึ่งได้ปิดการเสนอขาย IPO เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสามารถระดมทุนได้กว่า 240 ล้านบาทนั้น อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นมาอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารกองทุน เนื่องจากกลุ่มกองทุน FLEXACTIVE ไม่ใช่กลุ่มกองทุนที่เน้นการถือหุ้นเพื่อให้กองทุนแตะระดับผลตอบแทนที่กำหนด แต่เน้นการจัดสัดส่วนหลักทรัพย์เพื่อให้กองทุนมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับผลตอบแทนเป้าหมายในช่วงระยะเวลาที่ออกกองทุน

 

อย่างไรก็ตาม เรามองว่านักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สามารถเป็นไปได้จริงในการลงทุนแต่ละช่วง กลยุทธ์การบริหารพอร์ตของกลุ่มกองทุน FLEXACTIVE จึงเน้นการตอบโจทย์เรื่องการจัดพอร์ตให้กองทุนมีโอกาสมากที่สุดในการสร้างผลตอบแทนที่กำหนด 5% ในช่วงที่เราลงทุนระยะ 4 เดือน ดังนั้น การจัดสัดส่วนและเลือกหุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญของกองทุนนี้ และพิสูจน์ด้วยการปิดกองทุน ONE-FLEXACTIVE1 ที่ระดับ 5% ในระยะ 2 เดือนกว่าหลังจากตั้งกองทุน ซึ่งกองทุนแรกมีสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 30-40% สำหรับกองทุนที่ 2 ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนในระดับสูง โดยผู้ลงทุนมีความไว้วางใจและเชื่อมั่นในกลยุทธ์การบริหารดังกล่าวมากขึ้น ทำให้กองทุนสามารถระดมทุนได้กว่า 240 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เตือน2ปัจจัยกดดันบาทอ่อน แนะทำเฮดจิ้ง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

news_img_471686_1.jpg

 

เตือนระยะสั้นในช่วง 1-2 เดือนนี้ บาทผันผวน แนะจับตา 2 ตัวแปร ปัญหาหนี้กรีซ-อียูซัมมิทสางปัญหาหนี้อิตาลี-สเปน กดดันบาทอ่อน-แนะทำเฮดจิ้ง

 

นาย

พชรพจน์ นันทรามาศ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นกับ Morning News กรุงเทพธุรกิจ ถึงผลกระทบจากตัวเลขการส่งออกในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหดตัวลงอย่างต่อเนื่องว่า การส่งออกที่ปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากปัญหาหนี้ยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐ

 

การขาดดุลการค้าในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขาดดุลต่อเนื่อง นายพชรพจน์ กล่าวว่า หากมีการขาดดุลยาวนาน อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดทุนได้ เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุการแข็งค่าของเงินบาทมาจากการเกินดุลการค้า และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

 

ส่วนแนวโน้ม

ค่าเงินบาทในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า มีโอกาสผันผวน โดยมาจาก 2 เหตุผลสำคัญคือ การให้ความช่วยเหลือกรีซของยุโรป ท้ายที่สุดแล้วกลุ่มเจ้าหนี้จะจัดการอย่างไร และประเด็นที่สองคืดอ การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปหรืออียูซัมมิท ที่จะมีขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้อิตาลี และสเปน

 

"สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังคือ การจัดการความมั่นใจ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้อิตาลี่ และสเปน ถ้าไม่สามารถสร้างความมั่นใจจะกดดันให้

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง"

 

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคาร

ไทยพาณิชย์ แนะนำผู้ประกอบการส่งออก-นำเข้าว่า ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนค่าเงินบาท ที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...