ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

MySci

IMB Research ค้นพบวิธีเปลี่ยนพลาสติกเป็นยาต้านเชื้อรา โดยการเปลี่ยนพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) เป็นวัสดุใช้ในการผลิตยาต้านเชื้อรา และคาดว่าจะสำเร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะนำไปใช้เพื่อฆ่าเชื้อราที่กำลังมีฤทธิต่อต้านยามากขึ้นในขณะนี้ ตั้งแต่เชื้อราในรองเท้าของนักกีฬาถึงเชื้อในกระแสเลือด ทั้งนี้นักวิเคราะห์กล่าวว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ดีมากสำหรับสิ่งแวดล้อมเพราะยังสามรถช่วยลดปริมาณขยะลงไปด้วย

 

Credit: http://goo.gl/A7hKzR

ส่งความสุขปีใหม่ให้เพื่อนและคนที่คุณรัก ส่งเพจ MySci เพื่อเป็นตัวแทนส่งความรู้ให้คนไทยทุกคนตลอดปี 2557 ขอให้มีความสุข และมีความรู้มากขึ้นทุกๆ คนถ้วนหน้า จากใจ MySci

กด like MySci www.fb.com/myscitv

 

 

1003577_10151779854791123_980701423_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:aa ถูกแก้ไข โดย Charlie 1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:32 ถูกแก้ไข โดย Charlie 1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:32 ถูกแก้ไข โดย Charlie 1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:17 ถูกแก้ไข โดย Charlie 1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ FP's photo.

 

 

ก็เพราะเหตุนี้คนไทยจึงได้รักในหลวง

 

 

เรื่องของ “ยายซุบ” กับ “ในหลวง” (น่าอ่านครับ)

 

ยายซุบ สามร้อยยอด เป็นหญิงชาวบ้านวัย 70 แห่งบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ยากจนมาตังแต่ยังสาวจวบจนวันนี้ หากแต่เธอกลับยืนยันว่า เธอมีอดีตที่มีความหมายต่อชีวิตของแก อดีตที่หมายถึงชีวิตใหม่ ไม่ว่าแกจะยังจนต้องขอเงินลูก ๆ 9 คนใช้ดังเช่นทุกวันนี้หรือจะมั่งมีศรีสุข ถูกหวยรวยเบอร์อย่างไรก็ตาม แกไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น

 

เหตุการณ์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 40 ปี การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฏรบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี ไม่เพียงทำให้หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง ไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น หากแต่การเสด็จพระราชดำเนินในครานั้นได้ทำให้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตยืนยาวต่อมาจนถึงวันนี้

 

สมัยยังสาวยายเคยไปรับเสด็จในหลวงใช่ไหม ?

ยาย - ใช่ ตอนนั้นไปรับเสด็จที่ตีนถ้ำไทรในหมู่บ้านเรานี่แหละ ท่านเสด็จฯ มาทางเหนือ ไอ้เราป่วยเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องมาครึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่รู้หรอกนะตอนนั้นว่าเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องนอนซม คนในบ้านบอกในหลวงจะมา เราก็อยากเห็น อยากไปรับเสด็จ แต่ปวดท้องจนเดินไม่ไหว

 

ถาม.... เดินไม่ไหว แล้วไปยังไง ?

 

ยาย-ก็ให้คนหามไป ใส่เกวียนไปเลย

 

ถาม.... ทำไมถึงเลือกไปเฝ้าในหลวง ไม่ไปหาหมอ ?

 

ยาย-ไม่รู้สิ คืออยากเห็นตัวจริง ๆ ใกล้ ๆ นะ คิดในใจว่ายอมตายได้ แต่ขอไปรับเสด็จก่อน

แลกตัวแลกชีวิตกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าวัดดวงเอาเลย อีกอย่างตอนนั้นถ้าเราไปหาหมอก็ลำบาก

เพราะน้ำแห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี ถ้าไปก็คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อน

 

ถาม.... แล้วตอนนั้นได้ถวายอะไรท่านบ้างไหม ?

 

ยาย-ยกมือพนมยังจะไม่ไหวเลย จะให้ถวายอะไรอีก (หัวเราะเสียงดัง)

 

ถาม.... แล้วได้เห็นท่านไหม ?

 

ยาย-ก็ได้เห็นท่านอยู่ แต่ก็เห็นห่าง ๆ แล้วก็เห็นไม่นาน

เพราะว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่ตีนเขาอีกลูกคนละฟาก

ทรงไปดูเรื่องที่จะระเบิดเขาทำทางเข้าออกหมู่บ้าน

 

ถาม...ไส้ติ่งเรากำลังจะแตก แล้วรอดมาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น ?

 

ยาย-ตอนนั้นไส้ติ่งกำลังจะแตก เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว

พอดีว่าพระราชินีท่านทรงเยี่ยมเยียนราษฏร แล้วทอดพระเนตรเห็นเรานั่งหน้าซีด พิงเพื่อน คือ

ได้ตอนนั้นมันไม่ไหวจริง ๆ ท่านทอดพระเนตรเห็นก็คงสังเกตได้ว่าอาการเราไม่ดี

พระองค์ก็ถามว่า เป็นอะไร? ท่านบอกให้พูดธรรมดาก็ได้ เราบอกว่าเจ็บท้อง

พระองค์ท่านตรัสถามต่อว่า เจ็บมากี่วันแล้ว? เราก็บอกว่า เจ็บมาครึ่งเดือนเห็นจะได้

ท่านก็เลยบอกให้หมอที่มาด้วยตรวจดู

 

ถาม..... แล้วหมอว่ายังไง ?

 

ยาย-หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอยางนั้น

พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อไปที่ในหลวงซึ่งทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูก

 

ถาม.... รู้ได้ยังไงว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงติดต่อไปที่ในหลวง ?

 

ยาย-รู้สิ เพราะเห็นในหลวง พระองค์ท่านทรงวิ่งจากตีนเขาลูกโน้นมาเลย ห่างกันถึง 1 กิโล

 

ถาม... รู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนั้น ?

 

ยาย-ดีใจแล้วก็ปลื้มใจแบบมาก ๆ ไอ้ตอนแรกคิดว่ากำลังจะตายนี่

คิดว่าตัวเองรอดแน่ มันมีกำลังใจ คิดว่าขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังเอาใจใส่เราขนาดนี้ เราจะตายไม่ได้

 

ถาม.... พอในหลวงเสด็จมาถึง ทรงตรัสว่าอย่างไรหรือไม่ ?

 

ยาย-ท่านให้เอา ฮ. มารับ ท่านตรัสว่า เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน

พอพระองค์ท่านตรัส หมอสองคนก็หิ้วปีกเราไป ในหลวงท่านทรงเมตตาเราไปจนถึงเครื่อง

พอเราขึ้นไป ก่อนที่ประตู ฮ. จะปิด เราก็มองลงมาเห็นในหลวง

ท่านทรงโบกพระหัตถ์ เราซาบซึ้งมาก ยิ่งบอกตัวของเราเลยว่าเราจะตายไม่ได้

 

ถาม.... ถ้าไม่มีในหลวงในวันนั้น ก็ต้องตายแน่ ?

 

ยาย-แน่นอน ไม่ต้องอะไรหรอก หมอบอกว่า มาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาที

ก็ไม่รอดแล้ว แล้ววันนั้นอย่างที่บอกว่าเรือเครื่องก็ไม่มี น้ำก็แห้ง

ไม่รู้ใช้เวลาครึ่งวันจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า

ถ้าในหลวงไม่เสด็จมาที่นี่ วันนั้นก็ตายแน่ ตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตาย

 

ถาม.... เหมือนกับได้ชีวิตใหม่ ?

 

ยาย-ใช่ ชีวิตทุกวันนี้ถึงฉันแก่แล้ว แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที

ตอนนั่งดูโทรทัศน์ เวลาเห็นท่าน เราก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเรา

 

ถาม.... ตอนนั้นอยู่บน ฮ. เป็นอย่างไรบ้าง ?

 

ยาย-จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าพอบินขึ้นไปพักใหญ่หมอก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง

เราพูดไม่ค่อยไหว แต่ก็บอกไปว่าปวดท้อง บน ฮ. นอกจากเรา ก็มีหมออีก 2 คน

แล้วก็คนขับอีก 2 คน จำได้แค่นี้ล่ะ

 

ถาม... ฮ. พาไปที่โรงพยาบาลไหน ?

ยาย-โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เพชรบุรี

 

ถาม... แล้วพักอยู่กี่วัน ?

 

ยาย-ปกติคนเป็นไส้ติ่งทั่วไปเขาพักกัน 3-4 วันก็ออกได้แล้ว

แต่เราเป็นหนักต้องพักถึง 24 วัน ถ้าในหลวงไม่ช่วยก็ตายแน่

แล้วถ้าเราตาย ลูกเต้าก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ในหลวงท่านทรงเมตตา ทรงดูแลเราอย่างดี

ห้องที่เราพักอยู่นี่ดีมาก เป็นห้องพิเศษเลย พูดตรง ๆ ว่าดีกว่าบ้านที่ฉันอยู่อีก

หมอก็นิสัยดี พูดจากับเราเพราะแล้วก็ใจดี

 

”ในหลวงท่านทรงห่วงใยเรามากมีคนมาเยี่ยม ถามอาการ ถามสารทุกข์สุขดิบทุกวัน คนใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ถามเรานะว่า จะฝากอะไรถึงท่านไหม เราบอกให้ พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พูดได้แค่นั้น มันตื้นตันจนนึกไม่ออก”

 

ถาม... หลังจากวันนั้นแล้วเป็นอย่างไร ?

 

ยาย-ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอีกเลย ถ้าเรามีโอกาส

จะขอเข้าไปกราบแทบพระบาทเลย สิ่งที่พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือเราไว้

เป็นความซาบซึ้งที่สุดในชีวิตแล้ว

”คิดดูสิโลกนี้จะหากษัตริย์อย่างท่านได้ที่ไหน เราเป็นแค่ชาวบ้านจน ๆ

แต่ท่านห่วงเราเหมือนเราเป็นลูกพระองค์ท่าน ทรงห่วงเราเหมือนที่เราห่วงลูก

ท่านทรงเสียสละแม้กระทั่งของส่วนพระองค์ ทรงยอมลำบากกลับทางเรือเพื่อคนอย่างเรา

พูดตรง ๆ ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้ฉันตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติก็ทดแทนไม่หมด”

 

 

ถาม... กลับมาบ้านแล้ว เป็นอย่างไร ?

 

ยาย-ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ พระองค์ท่านก็ส่งเงินมาให้อยู่ถึง 1 ปี ครั้งละ 3-5 พันบาท

ส่งมาหลายครั้งอยู่ เรารู้เพระว่าใส่ซองสีขาวประทับตราสำนักพระราชวัง

จากเหตุการณ์นั้นทำให้เรารักในหลวงของเรามาก

 

แล้วทุกวันนี้ก็ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่า เวลาที่ท่านป่วย เราก็ไม่มีเงินไปเฝ้า

ไปแสดงความจงรักภักดีกับท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน นั่งร้องไห้ทุกวัน

ดูข่าวทุกวันไม่เคยเว้นเลย ……

ฉันอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับเรา แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย”

 

ถสาม... การเสียสละของในหลวงคราวนั้น ได้เอามาปฏิบัติตามหรือไม่ ?

 

ยาย-มีส่วนมากเลย เวลาคนในหมู่บ้านเขาป่วยเป็นอะไร ฉันก็ไปเยี่ยมเขาทั่ว ไปไหนไปกัน

มีใครเจ็บในหมู่บ้านนี่ฉันจะไปเยี่ยมหมด บางทีถึงไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ญาติเขา

แต่เราก็ไป ไปนั่งพูดคุยให้กำลังใจ บางทีก็ไปบีบให้นวดให้

นี่คือสิ่งที่ในหลวงให้เรา และเราให้คนอื่นต่อ

 

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

 

 

1456627_572247892853939_711685667_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ

นสพ จีน บอก มาเป็นล้าน

xD5nb9.jpg

สวัสดี Charlie 1 yot Hong ขวด FEE juy เพื่อนๆ

 

หัวใจ เบิกบาน

สายรุ้ง ทอทาบ

รัศมี อำไพ

เป็นสี ธงไตรรงค์

 

หัวใจหลอมรวม ประจักร์แจ้งชัด

ร้อยผูก รวมรัด

มาดมั่น จิตจง

มวลมหาประชา จะดำรงไทย

ไชโย ไชโย ไชโย (ขำๆแต่เอาจริงเด้อ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

530550_612430612143528_1376596529_n.jpg

ดอกไม้ให้คุณๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ดอกไม้ให้คุณ คาราวาน (กำลังใจ)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Dr.Kriengsak Chareonwongsak เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์shared a link.

 

อยากได้'ผลดี'ต้องคิดบวก

positive-thinking1.jpg

โลกวันนี้วันสุข

คอลัมน์ : HR Tips

 

มีคำกล่าวที่น่าคิดว่า "เมื่อใดก็ตามที่คุณแทนที่ความคิดแง่ลบด้วยความคิดแง่บวก คุณกำลังเริ่มต้นที่จะได้รับผลลัพธ์เชิงบวก"

 

หากเราต้องการเป็นคนคิดแง่บวก มองโลกในแง่บวก

เริ่มแรกเราจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจให้ตนเองอยากคิดบวก

โดยตระหนักถึง "ผลดี" ที่จะเกิดขึ้น ทั้งผลดีต่อร่างกายและจิตใจ

ผลดีต่อการทำงาน และผลดีในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม

ผลดีต่อร่างกายและจิตใจ การคิดเชิงบวกช่วยให้เรามีสันติสุขในใจ ช่วยเพิ่มกำลังกายและกำลังใจ มีความเข้มแข็งภายใน ช่วยเพิ่มความสุขและความพึงพอใจ ส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น

 

ผลดีต่อการทำงานลักษณะนิสัยและทัศนคติเชิงบวก

ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ไม่เพียงช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ

ในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น ทำให้เราไม่กลัวการเผชิญความยุ่งยาก

ปัญหาที่ซับซ้อน ความคลุมเครือหรือความจำกัดต่างๆ

ยังช่วยให้เราเห็นคุณค่าและสนุกสนานในการคิดหาทางแก้ปัญหา

คิดต่อจากสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นำไปสู่การคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าเดิมเสมอ

สามารถนำสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์มาใช้ประโยชน์ได้

อันจะช่วยนำเราไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ

และช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น

 

ผลดีต่อการอยู่ในสังคมการคิดเชิงบวกช่วยให้เราดูเป็นคนที่ฉลาดและน่าเชื่อถือ

ช่วยพัฒนาสัมพันธภาพกับผู้อื่นที่สำคัญ

พลังชีวิตแง่บวกของเราจะช่วยให้เรามีอิทธิพลในการสร้างแรงบันดาลใจและจูงใจผู้อื่น

สามารถพูดให้กำลังใจผู้อื่นให้เกิดความเชื่อมั่นว่าทำได้

 

คนที่มีความคิดบวกจะสามารถเผชิญหน้ากับภาวะคับขันได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็งกว่า

และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ดีกว่า

มีการวิจัยพบว่าเมื่อมี วิกฤตการณ์เกิดขึ้น เช่น การรุกรานของผู้ก่อการร้าย

หรือการประสบภัยธรรมชาติ คนที่มีความคิดแง่บวกและมีความเข้มแข็งทางอารมณ์จะสามารถหาหนทางแก้ปัญหา ป้องกันตนเองและคนรอบข้างจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้มากกว่าคนที่คิดลบและมีอารมณ์อ่อนไหวไปตามสถานการณ์

 

คนที่คิดบวกจึงมักจะทำหน้าที่เป็นผู้นำในการแก้ปัญหา และให้กำลังใจคนอื่นๆ

ที่อยู่ในภาวะสิ้นหวัง ท้อแท้ ให้มีกำลังใจขึ้น

เพราะสามารถใช้สติปัญญาและควบคุมอารมณ์ตนเองในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม

ทำให้มีกำลังใจและอดทนฟันฝ่าอุปสรรค และก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

 

ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

kriengsak@kriengsak.com, http://www.kriengsak.com

แหล่งที่มาของภาพ

: http://about.lionjob.com/FileSystem/Image/admin/20130401/positive-thinking(1).jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นำกลยุทธ์มาใช้ทางธุรกิจ สู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย ( ตอนที่ 1)

 

 

1380812886.jpg

กลยุทธ์ (Strategy) ในภาษาอังกฤษมีรากศัพท์จากภาษากรีกว่า “Strategia” ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Generalship” โดยความหมายดั้งเดิมเป็นภาษาทางทหารที่ใช้อธิบายถึงยุทธวิธีของแม่ทัพในการจัดทัพ และเคลื่อนย้ายกำลังพลเพื่อต่อสู้กับกองทัพของข้าศึก ตำราทางกลยุทธ์เล่มแรกของโลกจะเป็นตำราทางการทหารหรือตำราพิชัยสงครามต่างๆ กลยุทธ์เป็น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการร่างแผนการทำศึกสงคราม และการกำหนดรูปแบบการต่อสู้ในแต่ละสมรภูมิ ซึ่งต้องตัดสินใจว่าจะเข้ายึดในแต่ละสมรภูมิด้วยวิธีการใด” ในยุคต่อมาเมื่อชาติต่างๆ ต้องเผชิญกับการแข่งขัน แนวคิดเรื่องกลยุทธ์จึงมีการแพร่หลายขึ้น Clausewitz (1782 – 1831)

เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2548) กล่าวว่า “กลยุทธ์ ”หมายถึง วิธีการหรือแผนการที่คิดขึ้นอย่างรอบคอบมีลักษณะเป็นขั้นตอน มีความยืดหยุ่นพลิกแพลงได้ตามสถานการณ์ มุ่งหมายเพื่อเอาชนะคู่แข่งขัน หรือเพื่อหลบหลีกอุปสรรคต่างๆ จนสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ จากความหมายของกลยุทธ์ตามที่มีนักคิดหลายท่านได้กล่าวไว้ข้างต้น พอที่จะสรุปได้ว่ากลยุทธ์คือ การวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ โดยจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการแข่งขันทั้งทางตรงและทางอ้อม และต้องการผลที่ได้รับคือชัยชนะในแผนการที่วางไว้ กลยุทธ์สร้างให้องค์การมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งจากความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการทำบางสิ่งที่สมควรทำเพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมายหรือหลีกเลี่ยงการทำบางสิ่งที่ขัดขวางความสำเร็จขององค์การ

 

กลยุทธ์ทางธุรกิจสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย ประกอบด้วย

 

1) ขั้นตอน การวางแผน การวางแผนมีความหมายดังนี้ (Fayol, 1949, Dror, 1971, Bolan, 1974) กล่าวไว้ดังนี้

1. การวางแผนคือการคิดเรื่องอนาคต (Planning is Future Thinking) เป็นเรื่องของการกำหนดสภาพที่ควรจะเป็นขององค์การในอนาคต เป็นการประมวลข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีตถึงปัจจุบัน แล้วใช้ดุลยพินิจเพื่อวางแนวทางการดำเนินงานด้านต่างๆ ในอนาคต แบ่งเป็น

- การวางแผนระยะยาว (Long Range Planning) คือ แผนการที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป แผนระยะยาวมีลักษณะเป็นแผนที่กำหนดแนวทางเชิงชี้นำ (Indicative Plan) เป็นการกำหนดทิศทางขององค์การในอนาคต

- การวางแผนระยะกลาง (Middle Range Planning) คือ แผนที่มีระยะเวลาระหว่าง 3 – 5 ปี แผนประเภทนี้เป็นการกำหนดทิศทางที่ควรจะเป็น (Directive Plan) เป็นการกำหนดจุดมุ่งหมายและแนวทางไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้

- การวางแผนระยะสั้น (Short Range Planning) คือ แผนที่มีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เป็นการวางแผนการทำงานทั่วๆ ไป เช่น การแก้ปัญหาต่างๆ

 

2. การวางแผน คือ การควบคุมอนาคต (Planning is Controlling the Future) การวางแผนไม่เพียงแต่จะพิจารณาในด้านของระยะเวลาเท่านั้น แต่เป็นการกำหนดสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคต และแนวทางที่ต้องทำเพื่อให้ได้ตามสิ่งที่ต้องการนั้น

 

3. การวางแผน คือ การตัดสินใจ (Planning is Decision Making) นักคิดหลายท่านได้กล่าวว่า การวางแผนคือ การตัดสินใจล่วงหน้า ว่าจะทำอะไร และทำอย่างไร มีการใช้ดุลยพินิจในการกำหนดวัตถุประสงค์ นโยบาย โครงการ และวิธีปฏิบัติ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น

 

4. การวางแผน คือ การตัดสินใจเชิงบูรณการ (Planning is Integrated Decision Making) การวางแผนที่ดีมาจากตัดสินใจร่วมกันระหว่างกลุ่มคนหรือองค์การ ที่ร่วมกันพิจารณาวิธีการดำเนินงานในอนาคต โดยใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของผู้วางแผนแต่ละคน ผลักดันให้แนวทางการดำเนินงานด้านต่างๆ ดำเนินร่วมกันไปได้อย่างราบรื่นGunsteren, 1976, pp. 2 - 3)

 

ในขณะเดียวกัน Clark (2001) กล่าวว่า กลยุทธ์การแข่งขัน (Competitive Strategy) เกิดขึ้นจากความพยายามในการศึกษา และการวิเคราะห์สภาพสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ในแง่มุมต่างๆ ที่จะมีอิทธิพลหรือส่งกระทบต่อภาวการณ์อยู่รอด ความเจริญเติบโต หรือความล้มเหลวแห่งการดำเนินธุรกิจขององค์การธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการที่องค์การธุรกิจจะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษานั้นไปใช้ในการกำหนดโอกาสหรือช่องทางในการดำเนินธุรกิจ และวิเคราะห์ความเสี่ยงภัยใดๆ ทางธุรกิจ และพัฒนาวิธีการที่จะใช้ในการแสวงหาประโยชน์จากโอกาสที่เปิดกว้าง หรือหลบเลี่ยงภยันตรายต่างๆ ที่จะมีขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งสภาพสิ่งแวดล้อมที่ล้อมรอบองค์การธุรกิจอยู่นั้นจะครอบคลุมตั้งแต่สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้องค์การธุรกิจมากที่สุด อาทิ ลูกค้าหรือผู้ซื้อ คู่แข่งขัน ผู้ผลิตและผู้ป้อนวัตถุดิบ ตลอดจนผู้แทนจำหน่าย เป็นต้น ไปจนถึงภาวะสิ่งแวดล้อมที่ห่างตัวออกไป อาทิ สิ่งแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมายหรือกฎระเบียบต่างๆ เป็นต้น

 

ดังนั้นก่อนที่องค์การธุรกิจจะสร้างกลยุทธ์การแข่งขัน จึงจำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกลยุทธ์กันอย่างละเอียดและรอบคอบ องค์การธุรกิจจะต้องการประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งและการประเมินฐานะขององค์การธุรกิจทั้งทางด้านทัศนคติ ค่านิยม และความเชื่อของผู้บริหาร ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายในองค์การธุรกิจแล้ว องค์การธุรกิจก็ยังต้องทำ การวิเคราะห์สภาพสิ่งแวดล้อมและข้อจำกัดทางสังคม อาจถือได้ว่าเป็นข้อจำกัดที่อยู่ภายนอกองค์การธุรกิจ กลยุทธ์ที่ดีจึงจะสามารถถูกสร้างขึ้นมาได้ เพื่อทำให้เข้าใจถึงแนวคิดเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการสร้างกลยุทธ์ (Richard Luecke and David J. Collis, 2005)

 

2. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจ ประกอบด้วยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในขององค์กร ประกอบด้วย

2.1) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกขององค์การ (External Environment) ปกรณ์ ปรียากร (2544) กล่าวว่า ก่อนที่องค์การจะกำหนดกลยุทธ์ ผู้บริหารต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอก เพื่อประเมินโอกาส และข้อจำกัดหรือภาวะคุกคามจากสภาพแวดล้อมเสียก่อน การตรวจสอบสภาพแวดล้อม คือการติดตาม ประเมิน และแจกแจงข้อมูลข่าวสารจากสภาพแวดล้อมภายนอกให้แก่บุคลากรหลักภายในกิจการ การตรวจสอบเช่นนี้ถือเป็นเครื่องมือทางการบริหารที่จะทำให้กิจการกำหนดทิศทางได้อย่างถูกต้องแม่นยำ สภาพแวดล้อมภายนอกแบ่งเป็น 1.1) สภาพแวดล้อมทั่วไป และ1.2 ) สภาพแวดล้อมทางการแข่งขัน

1.1) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั่วไป (General Environment) ปกตินิยมใช้หลักที่เรียกว่า การวิเคราะห์ PEST (PEST Analysis) เป็นวิธีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและสถานการณ์ทางธุรกิจต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์กร ตลอดจนเพื่อหาประเด็นที่ควรจะกำหนดเป็นกลยุทธ์ รวมถึงการทบทวนกลยุทธ์ที่มีอยู่เดิม เพื่อแก้ไขและปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้

1) การเมือง Political Component = P เป็นการวิเคราะห์นโยบายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ของภาครัฐบาล ที่อาจมีผลทั้งในเชิงบวกและลบต่อการดำเนินกิจการ เช่น นโยบายการเงิน การคลัง การนำเข้า การส่งออก การส่งเสริมการลงทุน การควบคุมมลพิษ การประกันสังคม กฎหมาย ลิขสิทธิ์ เป็นต้น

2) เศรษฐกิจ Economic Component = E เป็นการวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับมหภาค เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ อัตราการว่างงาน อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ

3) สังคมและวัฒนธรรม Sociocultural Component = S เป็นการวิเคราะห์สภาวะทางสังคมและวัฒนธรรม เช่น อัตราการรู้หนังสือ ระดับการศึกษา จารีตประเพณี ค่านิยม ความเชื่อ ภาษา ฯลฯ

4) เทคโนโลยี Technology = T เป็นการวิเคราะห์สภาพการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี ที่จะมีผลต่อการผลิตหรือบริการ ลักษณะของเครื่องมือ เครื่องจักร เครื่องกล ความรู้และวิทยาการแขนงต่างๆ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกิจการ ความก้าวหน้าทางด้านการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น (ติดตามอ่านต่อตอนที่ 2)

 

ทุกวันอังคารเวลา 22.00 – 23.00 น. เชิญชมรายการ “หยุดโกงชาติ ร่วมต้านคอรัปชั่น ”ทางสถานนีวิทยุโทรทัศน์ สุวรรณภูมิ

อ้างอิงผลงาน ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

โดย โรจนศักดิ แสงธศิริวิไล

http://www.mr-rojanasak.com/html/modules.php?name=activeshow_mod&file=article&asid=1080

Tags:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ FP

December 5

 

น้ำ ต า เ ด็ ก ปั๊ ม (ขอลงอีกครั้งตามคำเรียกร้อง)

 

เมื่อครั้งเมื่อคนไทยทั้งมวลร่วมใจกันเฝ้าในหลวงของเราที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงออกสีหบัญชรพบประชาชนของพระองค์ เนื่องในวาระที่พระองค์ทรงครองราชย์มาครบวาระ ๖๐ พรรษา

 

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ๒ วัน ผมขับรถเข้าปั๊มน้ำมันเจ้าประจำแถวๆ บ้านผม ในขณะที่กำลังเติมน้ำมันอยู่ ก็ได้พูดคุยกับเด็กปั๊ม (ซึ่งไม่ค่อยเด็กแล้ว) คนหนึ่ง....

 

เราคุยกันเรื่องในหลวงของเราครับ ถามเขาว่าไปงานของในหลวงหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่ได้ไปเพราะว่าต้องทำงาน

 

ผมพูดว่า “แล้วตอนที่ในหลวงออกมาที่ระเบียงพระที่นั่ง ได้ดูทีวีหรือเปล่า”

 

เขาตอบว่า “ไม่ได้ดูครับ เพราะว่าต้องทำงาน แต่มองเห็นไกลๆ อยู่เหมือนกัน”

 

ก็เลยบอกว่า “ยังนั้นก็ไม่ได้ดูเลยหรือ”

เขาบอกว่า “ได้ดูเทปครับ ดูหลายหนอยู่ครับ”

 

เขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ผมดูทุกทีก็ร้องไห้ทุกที ผมรักในหลวงครับ”

 

ผมก็บอกว่า “ก็ร้องไห้เหมือนกัน ร้องไห้ให้ในหลวงไม่ต้องอาย”

 

หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องในหลวงของเราอยู่อย่างมีความสุข จนกระทั่งน้ำมันเต็มถัง ผมก็เลยถามเขาไปว่า

“ใส่เสื้อเหลืองเพื่อในหลวงไปที่ไหนบ้างหรือเปล่า”

 

เขาบอกว่า “ไม่ได้ใส่ครับ”

ผมถามแบบคิดไม่ทันว่า “ทำไมล่ะ”

 

เขาบอกว่า “มันแพงครับ ไม่มีเงินซื้อครับ แต่ก็กำลังหาอยู่ครับ”

 

ผมได้ยินก็เลยหันไปมองในรถตัวเอง เห็นเสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองที่มีตราในหลวงเป็นเสื้อที่ทาง FBT เขาเอามาให้เพราะว่ารู้จักกัน แต่ผมยังไม่ได้ใส่เลยและไม่ทราบเหมือนกันว่าจะได้ใส่ตอนไหนบ้าง ก็เลยตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วก็หยิบเสื้อตัวนั้นออกมา แล้วก็ส่งให้เด็กปั๊มคนนั้น

 

และพูดว่า. “ผมมีอยู่ตัวหนึ่ง เอาไปใส่เถอะ จะได้มีเสื้อเหลืองใส่”

 

เขาพูดว่า “ให้ผมจริงๆ หรือครับ”

ผมบอกว่า “จริงๆ เอาไปเถอะ เราต่างก็รักในหลวง แบ่งๆ กันใช้”

 

เขานิ่ง และค่อยๆ เอื้อมมือมารับเสื้อ ...น้ำตาคลอ แล้วพูดออกมาตลอดเวลาว่า “ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ”

 

ผมบอกว่า “เสื้อตัวใหญ่ไปหน่อยนะ ไม่รู้ว่าจะใส่ได้หรือเปล่า”

เขารีบเอาเสื้อใส่ตัวแล้วบอกว่า “ใส่ได้ครับ ไม่ใหญ่ครับ”

 

ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง เพราะไม่อยากเห็นภาพความสะเทือนใจด้วยความยินดีนานกว่านั้น แต่ก็เหลือบดูทางกระจกหลังเห็นเด็กปั๊มคนนั้นใส่เสื้อขนาด XL ของ ผมอยู่ ตัวยาวรุ่มร่ามนิดหน่อย และแอบเห็นน้ำตาลูกผู้ชายแห่งความยินดีของเขาเล็กน้อย

 

...ผมรีบขับรถออกจากปั๊มครับ...

 

ผมรักในหลวงเหมือนพวกเราทุกๆ คนจริงๆ ครับ...

ความสุขจากการรักในหลวง ให้คนอื่นไปเท่าไร เราก็เหลือเท่าเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมจริงๆ ครับ

 

ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์

๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๙

 

 

1457704_571784979566897_697743010_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...