ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 ริมน้ำนครชัยศรี Adisorn Pornsirikarn อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 (มีการแก้ไข) ฝางขัง'พ่อ-แม่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์' รับผิดม.112กลั่นแกล้งสาวราชบุรี http://www.naewna.com/local/146749 วันศุกร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558, 12.04 น. tags : กลั่นแกล้ง, พ่อแม่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์, ฝางขัง 27 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.ศวิตา มณีจันทร์ หรือแสงระวี อายุ 31 ปี ชาว จ.ราชบุรี ร้องทุกข์กล่าวหาว่าถูก นายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี กลั่นแกล้งให้รับโทษทางอาญาเป็นเวลา 2 ปี หลังจากพ้นโทษก็ยังโดนข่มขู่ ล่าสุด เมื่อช่วงเช้า นายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตามนัดหมาย หลังเข้ามอบตัวในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง , ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ขั้นตอนจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาไปขอหมายขังจากศาลอาญา ก่อนนำสำนวนความเห็นสั่งฟ้องของพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดี พร้อมคัดค้านการประกันตัว ด้าน นายอภิรุจ และนางวันทนีย์ กล่าวว่า ตนเองยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรู้สึกสำนึกผิด โดยนางวันทนีย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวพูดไปด้วยความโมโห ไม่ได้ตั้งใจ ทุกวันนี้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ส่วนนายอภิรุจ กล่าวว่า ทางสถาบันและครอบครัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดบ่อนพนันแต่อย่างใด จากนั้นตำรวจกองปราบปรามได้ควบคุมตัว นายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เดินทางมายังศาลอาญา ถ.รัชดา เพื่อฝากขัง พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 27, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 แฉ..ความลับ วันที่ 19 ก.พ.58 เผย..ความในใจฝรั่งเขยไทย ปฎิเสธทุนนิยม คนอังกฤษจนกว่าไทย (ตอนแรก) ท่ามกลางการแข่งขันของแนวคิดทุนนิยม ประชาธิปไตย แบบตะวันตก ที่กำลังล่มสลายเป็นโดมิโน แต่ละประเทศมีหนี้สินพะรุงพังเกินตัว จนใช้หนี้กินไม่ไหว ไม่เว้นแม้แต่ประเทศอเมริกา ที่หนี้สินมากถึง 590 ล้านล้านบาท ยูโรโซนหนี้สินรวม 525 ล้านล้านบาท แข่งกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง แบบอนุรักษ์นิยม ตะวันออก ที่หนี้สินต่ำ แต่มีสินทรัพย์ และชีวิตที่มั่นคง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิต แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดอย่างยาวนาน ตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน คือ ความพอประมาณ ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ , ความมีเหตุผล การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว คือการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล โดยมีเงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน คือ เงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ , เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง คือ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต -------------------------------------------> ประเทศไทย หลายสิบปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาในชนบทเกิดขึ้นมากมาย มีถนนหนทาง มีไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งดีๆ เหล่านี้คงจะไม่ดีพอที่จะทำให้ชีวิตของผู้คนในชนบทดีขึ้นจริง มีความสุขมากขึ้นจริง แต่ดีเฉพาะเรื่องไม่ใช่ดีแบบรอบด้าน ดีขึ้นแบบไม่สมดุล เมื่อไม่สมดุลก็ยังไม่ดีจริง ไม่ยั่งยืน มองความเป็นจริงแบบแยกส่วน เมื่อวิธีคิดผิด วิธีทำก็ผิด จึงนำไปสู่การปฏิบัติที่แยกกันทำเป็นส่วนๆ ตามภารกิจของแต่ละกระทรวง กรม บางหมู่บ้านมีโครงการซ้ำซ้อน ขณะที่บางหมู่บ้านไม่มีเลย โครงการพัฒนาในหมู่บ้านจึงเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่อยู่ยืนนานและยั่งยืน โครงการพัฒนาต่างๆ ล้วนมาจากข้างนอก โครงการพัฒนาส่วนใหญ่เป็นโครงการเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ไม่ได้คำนึงถึงรากฐานทางสังคมวัฒนธรรม และศักยภาพของชุมชน แต่มุ่งเน้นให้เพิ่มรายได้เป็นสำคัญ มุ่งการปลูกเลี้ยงผลิตเพื่อขาย ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องธุรกิจ มุ่งกำไรเป็นหลัก ทุนนิยมแบบที่ภาคเอกชนทำกัน เมื่อชาวบ้านไม่มีประสบการณ์ในการทำมาค้าขาย ก็ไม่อาจไปแข่งขันได้ เพราะพ่อค้านักธุรกิจเขามีทุนมากกว่า มีความรู้มากกว่า จึงแข่งขันไม่ได้ ชาวบ้านไม่เคยได้เรียนรู้อย่างเป็นระบบ มีแต่ไปอบรมเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่มีหน่วยงานจัดอบรม แล้วกลับมาบ้านก็ทำไม่ค่อยได้ ไม่ได้มีกระบวนการเรียนรู้ ที่ช่วยให้ชาวบ้านคิดได้เอง ค้นหาศักยภาพของตนเอง และพัฒนาจากรากฐานตรงนั้น บวกกับความรู้เทคโนโลยีอันสมัยใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ โครงการพัฒนาต่างๆ จึงไม่มีฐานข้อมูลความรู้ เป็นโครงการสำเร็จรูปที่เห็นคนอื่นเขาทำ เห็นว่าเขาทำได้สำเร็จ ทำได้ดี ได้กำไรก็เลียนแบบเอาอย่าง โดยไม่ได้พิจารณาศักยภาพ สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมของตนเอง คนไทยเรา มีปัญหาวิธีคิด จึงทำให้ทำไม่ถูกต้อง และเมื่อทำไม่ถูก ก็จัดการไม่ถูกเหมือนกัน -------------------------------------------> ยิ่งนานวันเข้า ความเด่นชัดเรื่องความยั่งยืนในชีวิต ความมั่นคงในอาหาร ของระบบเศรษฐกิจพอเพียง ยิ่งประจักษ์ชัดต่อผู้คนทั่วโลกทุกชนชาติ กรณีศึกษาตอนนี้จะยกตัวอย่างชุมชนที่ประสบผลสำเร็จแห่งหนึ่งในภาคอีสาน คือ หมู่บ้านคำปลาหลาย อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เดิมทีหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดของจังหวัดขอนแก่น ชาวบ้านเจ็บป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุบลรัตน์ ที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อหายป่วยแล้ว จะหนีกลับโดยไม่ยอมจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเสมอ ๆ จนผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุบลรัตน์สมัยนั้น ตามไปถึงหมู่บ้าน เพื่อดูว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แล้วจึงเข้าไปชักชวนให้ผู้ใหญ่บ้าน และชุมชนมาร่วมมือกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของชุมชน จนสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นชุมชนที่ประชาชนมีความอยู่ดีมีสุข ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จนสามารถเป็นตัวอย่างให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศมาเรียนรู้ดูงานกันมากมาย ปัจจุบันจะเป็นศูนย์เรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ของหลายหลักสูตร และของหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะของ การศึกษานอกโรงเรียน ที่คนไทยหลายคนแปลกใจอย่างมาก เพราะหมู่บ้านนี้มี “ปราชญ์ชาวบ้านเป็นชายชาวอังกฤษ” ที่โด่งดังไปทั่วโล่ง มีเรื่องเล่าขานมานานแล้วกว่า 10 ปี และได้ข้อคิดให้คนรุ่นใหม่ทุกครั้งที่เรื่องราวเขาแพร่หลาย คือ นาย Martin Wheeler อายุ 47 ปี ชาวอังกฤษ -------------------------------------------> ประวัติชีวิตของ นาย Martin Wheeler ที่อังกฤษ พ่อแม่ บังคับให้เรียนหนังสือ ส่งเสริมให้เรียนตั้งแต่อายุ 2 ขวบครึ่ง สอบไปเรื่อยๆ เพิ่ม ไอ.คิว. ให้สูงที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพราะพ่อแม่มีเงินช่วย ไม่เกี่ยวกับความฉลาดเฉพาะตัว ต่อมาเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปีที่ 3 และย้ายไปเรียน มหาวิทยาลัยลอนดอน และจบที่นั่นจบปริญญาตรีเกียรตินิยมภาษาละติน จาก London University เมือง Bllackpool ประเทศอังกฤษ เขาเกิดในครอบครัวที่ฐานะดีพอสมควร พ่อจบปริญญาเอก เป็นผู้จัดการบริษัท เกี่ยวกับสารเคมี ยาฆ่าแมลง มีลูกน้อง 20,000 กว่าคน แม่จบปริญญาตรี เป็นครูสอนเปียโนกับไวโอลิน พี่สาวเป็น ศาตราจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องเงิน ไม่อยากมีรถยนต์ ไม่อยากมีบ้านใหญ่ อยากมีบ้านเล็กๆ อยากมี ครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุข ไม่สนใจเรื่องวัตถุ อยากอยู่แบบง่ายๆ เมื่อก่อนเขาไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้เรียนรู้ว่า เรียกมักน้อย สันโดษ ที่อังกฤษ มีคนหาว่าเขาบ้า เป็นเด็กนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่ส่งให้เรียนหนังสือแต่ไม่เอาความรู้ไปหาเงิน หาว่าเขาเป็นเด็กที่ไม่คิดทำงานนั้น นิสัยเสีย หลังจากเรียนจบเอาปริญญาให้พ่อแม่ตามที่ท่านอยากได้ เขาก็ไปทำงานก่อสร้าง แบกอิฐแบกปูนอยู่อังกฤษ 10 ปี สมัยก่อน ที่อังกฤษ เขาจะเดินแบกอิฐทั้งวัน เมื่อได้เงินแล้วก็เอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้ออาหารในร้าน ฝรั่งส่วนมาก ทำงานหนักทุกวัน แต่เงินที่เขาได้มันเพียงพอที่จะซื้ออาหารกินเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือ ฝากธนาคาร เขาอยากเรียนรู้ชีวิต อยากรู้จักตัวเองว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใด มีความอดทนมั้ย ทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้มั้ย ท้าทายตัวเองบ้าง อยากผ่านชีวิตที่ลำบากบ้าง ช่วงนั้นชาวบ้านบอกว่า เขาบ้าแน่ มันเป็นเรื่องแปลกที่ประเทศไทย คนยากจนมีหนี้สินเยอะ ที่อังกฤษมีแต่คนรวยที่มีหนี้สิน คนจนไม่มีหนี้ เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์มีหนี้สิน แต่คนรวยยืมเงินได้ ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้น จริงๆ ลำบากกว่าคนไทยมาก ชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มากคนที่นั่น 60% ไม่มีบ้าน ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาจะไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน ต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิต 98 %ไม่มีใครมีที่ทำกิน แล้วก็อยู่ในเมือง ต้องเข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกของอังกฤษไม่ได้ เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียว พวกขุนนางยึดหมด คนยากจนจึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรก แออัด คนอังกฤษที่ยังรวยไม่ถึงขั้น เช่น พ่อของเขามีเงินเยอะ แต่ก็ยังรวยไม่ถึงขั้น เพราะยังอยู่ในเมือง วัดได้จากคนที่อยู่กลางเมืองใหญ่ๆ จะเป็นคนจนที่สุด ที่อยู่ชานเมือง จะเป็นพวกครู ข้าราชการ อะไรแบบนั้น เป็นผู้จัดการก็ยังอยู่ในเมือง ส่วนคนที่จะได้อยู่บ้านนอก จะต้องเป็นคนรวยถึงขั้นจริงๆ เป็นพวกขุนนางใหญ่โต พ่อแม่ของเขามีแค่ 200 ตารางวา เท่านั้นเอง ฝรั่งส่วนมากลำบาก บ้านก็ไม่มี ที่ดินก็ไม่มี เป็นขี้ข้าเขาหมด ลูกก็ไม่มีอนาคต ปัญหาของระบบทุนนิยม คือ เรื่องเงิน เงินถูกจำกัดเป็นก้อนเล็กๆ คนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัวทำให้มีคนจนเยอะ ถ้ามีคนรวย 1 คน จะมีคนจนเป็นร้อยเลย ระบบทุนนิยมจึงอยู่ได้ คนส่วนใหญ่เป็นขี้ข้าเขาหมด แม้แต่เป็นผู้จัดการก็เป็นขี้ข้าด้วย เพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกินจะไปทำอะไร ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไรก็ไม่ได้ ต้องไปหาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เงินน้อยคุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมาก พ่อแม่ และตัวเขา ช่วงอยู่อังกฤษ เขาคิดว่าชีวิตของพ่อไม่มีความสุข เพราะว่าพ่ออยากได้บางสิ่งบางอย่าง ได้เงินเดือนเยอะมาก ได้รับบำเหน็จบำนาญ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในชุมชน มีตำแหน่ง มีเกียรติยศอะไรอีกเยอะแยะ ว่าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ไปทำงานที่โรงงาน ตกเย็นไปประชุมอีก กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่ม ไม่ได้เจอเมียเจอลูก วันเสาร์ อาทิตย์พ่อก็ปวดหัว อยากพักผ่อน พ่ออยากอยู่คนเดียว ไม่ให้ใครรบกวน พ่อมีเมีย และลูกสามคน แต่พ่อไม่ค่อยได้เห็นหน้าลูกกับเมีย สมัยที่เขาอายุ 13 ปี เขาไม่ได้คุยกับพ่อ แม้แต่คำเดียวเกือบปีครึ่ง เห็นเมื่อไหร่ก็เจอพ่อปวดหัวตลอด คิดหนัก อาชีพของพ่อ ต้องใช้สมองมาก เขาก็ปวดหัวบ่อยเหมือนกัน ชอบคิดมากตอนนี้หายแล้ว เงินไม่ทำให้เขามีความสุข เพราะเขามีอุดมการณ์เล็กๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ว่า 1. ถ้าเราทำงานอะไร ต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข 2. จะไม่ทำงานที่ต้องผูกเนคไท 3. จะไม่มีกระเป๋าเอกสาร เพราะว่าเหมือนสังคมของพ่อแม่ที่เขาจะทำงานแบบนั้น ทุกคนมีเสื้อนอก มีรถยนต์ มีเอกสาร แต่เขาไม่ค่อยมีความสุขหรอก เขาจึงเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำงานที่ไม่มีความสุข เคยวางแผนไว้ในใจว่าจะเที่ยว 1 ปี จะไปในประเทศที่เขาไม่เคยไปมาก่อน เช่น ไทย ลาว เขมร พม่า มาเลย์ เวียดนาม อินโด ออสเตรเลีย แม่เข้าใจเขา แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่เขามาเมืองไทย พอแม่เสียชีวิตเขาได้มรดกนิดๆ หน่อยๆ มีเวลาที่จะไปเที่ยว คิดว่าจะไปออสเตรเลีย เพราะเป็นประเทศเปิด ไม่ค่อยมีกฎระเบียบ เหมือนอังกฤษ แต่ก็ยังไม่ได้ไปตามแผนที่วางไว้ -------------------------------------------> Martin Wheeler เขาเริ่มต้นชีวิตในเมืองไทย โดยเข้ามาท่องเที่ยวเป็นประเทศแรก เมื่อเข้ามาเที่ยว สมัยก่อนเขานิสัยเสีย ชอบกินเหล้า ชอบเที่ยว ชอบสนุก เงินที่เขาเก็บไว้ 1 ปี ใช้ภายใน 2 เดือนหมดเลย ไม่มีเงินกลับบ้าน เขาจึงอยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2535 เขาอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว จึงต้องไปหางานทำ อาชีพอย่างเดียวที่เขาทำได้ คือเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นครูหรอก สอนไม่เป็น แต่คนไทยเห็นฝรั่ง จะบอกว่าฝรั่งทุกคนเป็นครูสอนภาษา ซึ่งมันไม่จริง ฝรั่งส่วนมากไม่ได้เป็นครู ที่กรุงเทพฯ จ้างเขาให้เป็นครู ให้เงินเดือนๆ ละ 3 หมื่นบาท เอาเสื้อผ้าดีๆ เนคไทดีๆ ให้ใส่ บอกว่าคุณเป็นครูนะ แล้วก็ส่งเขาเข้าห้องเรียนเลย ความจริงฝรั่งที่เขาเรียกครูนั้น ไม่มีใครเคยสอนหนังสือแม้แต่คนเดียว และบางครั้งก็ไม่ใช่คนอังกฤษด้วย มีคนหนึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส พูดภาษาอังกฤษ เขาฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่คำเดียว คนไทยก็แปลกดีเหมือนกัน ช่วงทำงานเขาไปนั่งเฉยๆ เขาก็ละอายใจ ไม่อยากรับเงิน เขาคิดมาก ปวดหัวทั้งวันทั้งคืน เพราะถ้าทำงานอะไรในชีวิตต้องได้ผล สมมุติมีคนมาจ้าง 100 บาท แบกอิฐ เขาจะรับแน่ เพราะว่าแบกอิฐแผ่นนั้นจากโน่น ไปที่นู่นเขาทำได้แน่ แล้วเขาก็จะเอาเงินของคุณไป แต่เวลาเขาเป็นครูสอนภาษา มันไม่ได้ผลหรอก เพราะเขาสอนไม่เป็น คนจ้างเอาเงินให้เฉยๆ เขาก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเอา เขาคิดว่าไม่ได้ทำประโยชน์อะไรคุ้มค่าเงินเลย มีช่วงเดียวเท่านั้นที่เขาทรยศต่อชีวิตอุดมการณ์ตัวเอง คือ ช่วงที่เขาเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องผูกเนคไท ทำในสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเลย เพื่อเงินอย่างเดียว ทำอยู่ประมาณ 11 เดือนชีวิตไม่มีความสุข เหมือนอยู่ที่อังกฤษ คือทำงานอะไรก็ได้ ขอให้มีเงิน แต่ไม่มีความสุข แล้วก็เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไปเที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิด เขาเอาหมดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้แต่อยู่กรุงเทพฯ ก็ยังทำอยู่ ถึงได้เงินเยอะ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร เพราะเงินไม่ช่วยให้เขามีความสุข เขาเริ่มหันเหชีวิตสู่แนวทางที่วาดหวังไว้ เขาเจอภรรยา เธอชื่อ รจนา มาจากจังหวัดขอนแก่น มาอยู่กรุงเทพฯ ** อ่านตอนต่อไป..พ่อใหญ่มาร์ติน การันตีว่าเศรษฐกิจพอเพียงชนะขาดทุนนิยม คลิ๊กไปที่https://www.facebook.com/media/set/?set=a.325841474272553.1073742063.187529244770444&type=1 @ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/topsecretthai 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 แฉ..ความลับ วันที่ 20 ก.พ.58 เผย..พ่อใหญ่มาร์ติน การันตีว่าเศรษฐกิจพอเพียงชนะขาดทุนนิยม (ตอนจบ) ตอนที่แล้วเล่าถึง Martin Wheeler ชาวอังกฤษมาอยู่ไทย ไปเที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิดเขาเอาหมดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้แต่อยู่กรุงเทพฯ ก็ยังทำอยู่ ถึงได้เงินเยอะ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร เพราะเงินไม่ช่วยให้เขามีความสุข เขาหันเหชีวิตสู่แนวทางที่วาดหวังไว้ เจอภรรยา เธอชื่อ รจนา มาจากจังหวัดขอนแก่น มาอยู่กรุงเทพฯ ** ความเดิมตอนที่แล้ว..ฝรั่งเขยไทย ปฎิเสธทุนนิยม คนอังกฤษจนกว่าไทย (ตอนแรก) คลิ๊กไปที่https://www.facebook.com/media/set/?set=a.325841177605916.1073742062.187529244770444&type=1 เกิดความรัก และอยู่ร่วมกันไม่นานก็มีลูก เขาเริ่มคิดหนัก แต่ก่อนอยู่คนเดียวไม่มีปัญหา มีความสุขหรือไม่มีก็คนเดียวไม่ยาก แต่เมื่อมีเมียมีลูกต้องรับผิดชอบผู้อื่นด้วย จะไปนั่งกินเหล้าเฉยๆ ไม่ได้ คิดว่าทำอย่างไรให้เมียกับลูกอยู่ได้ เขารู้แน่ๆ ถ้าเขาอยู่ในสังคมเมือง และทำงานแบบนี้ เขาจะเป็นคนแย่มาก จะกินเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เที่ยวอย่างเดียว ภรรยาเขามาจากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใน หมู่บ้านคำปลาหลาย อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ช่วงปีใหม่ปีหนึ่งเขาไปเที่ยวบ้านของแม่ยาย เห็นว่าเป็นธรรมชาติดี จึงตัดสินใจตัดตัวเองออกจากสังคมเมืองไปอยู่บ้านนอก ตั้งแต่นั้นมาเขาตัดสินใจย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 15 ปีแล้ว เขามีบุตร 3 คน กับภรรยาคนไทย ครอบครัวเขามีที่ดิน 6 ไร่ เขาตกลงกับภรรยาชาวไทยว่าจะไปอยู่บ้านนอก อยากหาคำตอบให้ชีวิต จะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ ภรรยาเขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ เขาทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบาก ต้องกลับมาแบกอิฐเหมือนเดิม วันละ 120 บาท โอ้โฮ...เหนื่อย เพราะที่อังกฤษ ถึงจะแดดร้อน แต่อากาศเย็น เดินไม่ได้ต้องวิ่งก็อุ่นได้ แต่ขอนแก่นช่วงนั้น เป็นเดือน เม.ย. อากาศร้อนมาก 40 กว่าองศา จนบางครั้งเขาเป็นลม คนไทยเอาน้ำมาสาด โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้า ทำไมไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้องมาลำบากขนาดนี้ คนไทยคิดว่าเขาเป็นฆาตกร ไปฆ่าคนที่อังกฤษแล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่ มันเป็นเรื่องแปลก เขามาอยู่ที่ขอนแก่น เมืองไทย เห็นแต่ละคนมีที่ดินเยอะมาก ชาวบ้านธรรมดาคนเดียวมีที่ดินถึง 50 ไร่ และบางคน 200 กว่าไร่ก็มี เขาอยู่บ้านนอกเมืองไทยที่นี่ โอ้โฮ..คนไทยมีที่ดินเยอะมาก สะอาดด้วย อากาศก็ดี ตอนแรกได้กลิ่น เขาก็ว่ากลิ่นอะไร แล้วก็ร้อง อ๋อ..มันกลิ่นธรรมชาติ เขาไม่เคยดมมาก่อน โอ้สุดยอดเลยบ้านนอก ครอบครัวเขาในเมืองไทยมีบ้านโดยทำบ้านเล็กๆ เป็นกระท่อมน้อย ๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา ชาวบ้านเรียกว่าเถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก แต่เขาบอกว่าใช่มันเป็นบ้านของเขา ราคาเพียง 12,000 บาท อยู่ได้ กันแดด กันฝนได้ แค่นั้นเขาก็คิดรวยแล้ว แม้ไม่ใช่บ้านเจ้านาย เขามีที่ดินแค่ 6 ไร่เท่านั้นเอง ที่เมืองไทยเขาบอกว่ากระจอกมีนิดเดียว แต่สำหรับฝรั่งมันเยอะมาก จริงๆ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพื้นฐานของชีวิต เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านาย เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา ถ้าเราไม่มีเงินเขาก็ไล่เราออก เราก็จะไม่มีที่อยู่ เพราะฉะนั้นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อน ซึ่งเขาก็มีบ้าน คิดว่าลูกของเขาก็จะต้องมีบ้านแน่ ๆ ด้วย เรื่องเกษตรเขาทำไม่เก่ง แต่ที่ทำได้ง่าย คือ ปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก แค่ 25-30 ปี ตัดได้แล้ว ไม่เหมือนที่อังกฤษ นาน 200 ปี ได้ต้นนิดเดียวเท่านี้เอง เพราะอากาศเย็น ที่ขอนแก่นชาวบ้านว่าเขาเป็นบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงิน เพราะไม่คิดว่า ทำไมฝรั่งอยากไปอยู่บ้านนอก แต่เขาบอกว่าก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิตบางเรื่องเท่านั้น อยากหาความสุขที่เป็นแบบยั่งยืนสักหน่อย เขาถือว่าเป็นงานที่อิสระ และมีประโยชน์มากที่สุด คืองานเกษตร ซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน บางครั้งก็คิดหนีไปที่อื่นเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหน คิดว่าเราต้องหาคำตอบให้ได้ ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวของเขาเอง -------------------------------------------> Martin Wheeler บอกว่า จุดอ่อนของคนไทย ส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหน ก็คิดว่าฝรั่งมีแต่คนรวย ฝรั่งไม่มีคนยากจน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยม จะทำให้ทุกคนมีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศ ที่พัฒนาระบบทุนนิยม นานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยก็คิดว่าเมืองนอกดีกว่า อันนี้จุดอ่อน คนไทยสนใจเมืองนอกไม่ได้สนใจประเทศไทย เขาเป็นฝรั่งคนไทยเลยนั่งฟังเขา ถ้าเขาเป็นชาวบ้าน คนไทยก็จะไม่สนใจเขา อันนี้เป็นจุดอ่อน ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป คือชีวิตที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้ เขาเองถึงยังทำไม่สำเร็จ แต่มั่นใจว่าจะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าเขาทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าเขาเยอะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวทุกคน ถ้าไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก พยายามรักษาสิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไปปัญหาของคนยากจนคือ ทำอย่างไรจะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้นจากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทย ชาวบ้านธรรมดาอาจจะไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถจะหาหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีคุณค่า มากกว่าเงินตั้งเยอะ เขารวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไงเขาบอกว่าอาหารธรรมชาติฟรีๆ ก็มีเยอะมากในภาคอีสาน เห็ดแดง หน่อไม้ ไข่มดแดง ดอกกระเจียว ผักอีหรอก แมงคับ แมงคาม ขี้กะปอมเยอะ แต่บางคนก็ไม่กินนะ บางคนก็กิน ซึ่งมันดีมากเพราะว่า สะอาด อาหารธรรมชาติไม่มีใครไปใส่ปุ๋ยเคมี และไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ใช้เงิน ขอให้ขยันเดินไปเก็บ เขาไม่อยากให้ลูกของเขาอดอาหาร อยากให้ลูกกินอิ่ม ในลักษณะ ที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย กินอาหารที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้แต่อิ่มทุกวัน เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของเขา ก็จะรวยที่สุด เขาอยากให้ลูกอยู่บ้านนอก เพราะว่าสะอาดในภาพรวมที่นี่ดี สิ่งแวดล้อมดี สะอาด ถ้ามีลูก ก็อยากให้ลูกอยู่ในที่สะอาด จ้างเท่าไหร่ ก็ไม่อยากให้ไปอยู่ในเมือง เพราะสกปรก แออัด สำคัญที่สุดคือเรื่องของสังคม เขาไม่อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่าคนเมืองเห็นแก่ตัว วิ่งไปหาเงินอย่างเดียว แข่งขันกันเยอะ เดี๋ยวก็ฆ่ากัน ด่ากันทุกวัน ไม่สงบ อยากให้ลูกอยู่บ้านนอก เขาจะได้สิ่งที่หายากที่สุดในโลก คนอีสานบ้านนอกเป็นคนดีมาก มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น เอื้ออาทรกัน เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ไม่แข่งขันกัน ความเป็นชุมชน เป็นสิ่งที่หายาก ถ้าเราไปอยู่ในเมืองจะอยู่แบบของใครของมัน บ้านคนละหลัง ครอบครัวคนละหลัง ไม่รู้จักกัน ถ้าเราอยู่ในชุมชนเล็กๆ เราก็ช่วยเหลือกันได้ คุยกันได้ แบ่งปันกันได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนมีน้ำใจได้ ลูกของเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่มีเงิน ไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่เขาจะมีสิ่งที่ดีกว่านั้นเยอะ คือเขาจะมีที่อยู่อาศัย มีชุมชนที่ดี ไม่มียาเสพติด ไม่มีการพนัน ไม่มีอาชญากรรม มันน่าอยู่ ขอให้เราอยู่ในชุมชนที่เป็นแบบนั้น มันก็ดี ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเป็นห่วงลูกก็จะเป็นคนดี ไม่ติดยา ไม่ขี้ขโมย ไม่เล่นไพ่ มีน้ำใจและรู้จักช่วยเหลือคนอื่น ลูกเขาเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องอันดับคะแนนหรอก ครูเขาเขียนถึงอุปนิสัยของลูกว่า เป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ฝรั่งส่วนมากจะเห็นแก่ตัว เขาเคยอยู่ในสังคม อย่างนั้นมาก่อน มันเปลี่ยนยาก เขาจึงไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ แต่มันเป็นที่ชุมชน เป็นวิถีชีวิตของคนอีสาน ที่เริ่มซึมเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ลูกอายุแค่ 8 ขวบเป็นคนมีน้ำใจ เขาถือว่าสุดยอดแล้ว เขาภูมิใจในตัวของลูกมากๆ เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่สุดนั้นเป็นความมีน้ำใจ ถ้าเขาสามารถรักษา สิ่งนี้ไว้ตลอดชีวิต เขาคิดว่าเขาคงมีความสุขแน่ ปัญหาของคนอีสานมีมากในเรื่องของการศึกษา คนต่างจังหวัดชาวไทย คิดว่าสิ่งที่ดีในชีวิตของลูกๆ ของพวกเขาคือ 1. ไม่ได้พูดอีสาน พูดแต่ภาษาไทย 2. พูดภาษาอังกฤษด้วย 3. เล่นคอมพิวเตอร์ได้ 4. ไปอยู่ในเมือง 5. ไปรับจ้างเขา 6. ไปสร้างหนี้สิน ไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคา 2 ล้าน 3 ล้านบาท คนไทยคิดว่าอย่างนี้ลูกของเขาได้ดี ซึ่งฝรั่งคนนี้ไม่เห็นด้วย เขาก็อยากให้ลูกของเขาได้ดีเหมือนกัน แต่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัจจัยที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้ชีวิตที่ดี อาจจะเอาไปแลกเงิน ในบางช่วงได้ แต่เขาหวังว่าลูกของเขาจะมีความคิดสูงกว่านั้น ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน ถ้าเขาเรียนรู้เพื่ออยากจะหาเงินอย่างเดียวก็น่าเสียใจ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การเรียนรู้เป็นสิ่งที่เราต้องทำทุกวันตลอดชีวิต เราหยุดเรียนรู้ไม่ได้แต่เราไม่น่าจะเรียนเพื่อเอาความรู้ เอาปริญญา ไปแลกกับเงิน ทำให้ความรู้ไม่มีคุณค่า เขาเคยบังคับลูกชายคนแรก ตอนอายุประมาณ 3 ขวบ จับมานั่งสอนภาษาอังกฤษ เด็กๆ ก็ร้องไห้ ๆ ไม่เอาๆๆ เขาก็คิดว่า เอ๊ะ..เราน่าจะเลิกทรมานเด็ก ปล่อยให้เขามีความสุข ตั้งแต่วันนั้น บอกว่าจะไม่สอนภาษาอังกฤษเขาอีก แต่ถ้าอยากเรียนมาบอกจะสอนให้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เด็กๆ ยังไม่บอกเขาเลย เขาก็มาคิดว่าจะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ในหมู่บ้านของเขามี 50 ครอบครัว ทุกคนพูดอีสานอย่างเดียว แม้แต่เขาก็ยังพูด แล้วจะให้เขาเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร สมมุติว่าลูกของเขาอยากอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดชีวิต ภาษาอังกฤษก็จะเป็นความรู้ ที่ไม่เป็นประโยชน์อะไรทั้งสิ้น เขาเคยเรียกว่า “มันเป็นวิชาขี้ข้า เอาไว้รับจ้างเฉยๆ” เอาไปหาเงิน คนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษ จะเอาอันนี้แลกกับเงินอย่างเดียว เขาไม่ได้เรียนเพื่อชีวิตของเขา เขาอยากเอาเงินไปทำงานสูงๆ หน่อย "ชาวบ้านว่าเขาเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ทั้งที่เขาไม่ได้เก่งอะไร เขาก็เรียนรู้มาจากชาวบ้าน จากคนไทยในชนบทที่ภาคอีสาน แต่เมื่อถูกเรียกเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ก็คิดว่าชาวบ้านต้องเชื่อแบบนั้น" -------------------------------------------> Martin Wheeler อยากได้สัญชาติ เป็นคนไทย แต่เนื่องจากกฎหมายไทยไม่เปิดช่องให้ จึงไม่ได้รับการโอนสัญชาติ เขาเป็นเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้รับการยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน เขาบอกว่า คนไทยมีจุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และโชคดีที่มีพระเจ้าอยู่หัว มีศาสนาพุทธ แผ่นดินประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มาก ทั้ง 3 อย่างนี้ ให้คนไทยพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ ดิน น้ำ แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดิน ใครๆ ก็อยากได้ประเทศไทย พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมาก เพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้ ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง พระองค์ท่านบอกมาหลายสิบปีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยก็ไม่รู้จักพอเพียง จะเอาแต่ได้อย่างเดียว ถึงเวลายกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิตไม่ได้ทำตามในหลวง ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่า จะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิดของในหลวง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ต้องอาศัยพลังแผ่นดิน เศรษฐกิจพอเพียง ทำได้เฉพาะประเทศไทย ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ เยอะเหมือนประเทศไทย คนไทยโชคดีที่ได้แผ่นดินดี ๆ มีในหลวงที่ดีด้วย เรื่องศาสนาพุทธมีความสำคัญมากๆ สำหรับคนไทย ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ แค่นั้นไม่พอ แต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วย มักน้อย สันโดษ พอเพียง ธรรมะ คือ ธรรมชาติ เป็นเรื่องง่าย ๆ พึ่งตนเองก็ได้ ปรัชญาของศาสนาพุทธทำได้ แต่คนไทยจำนวนน้อย ที่เข้าใจ จริง ๆ แล้ว ศาสนาพุทธเป็นศาสนา ที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ คนไทยโชคดีมาก ๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมันจากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง คนไทยส่วนมากนิสัยดีจริง ๆ คนไทยมีน้ำใจ คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก ทั้ง 3 อย่างนี้ เขาบอกว่าคนไทยต้องพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้...พ่อใหญ่มาร์ หรือ Martin Wheeler ปราชญ์เดินดินพูดภาษาไทยไม่ชัด แต่พูดภาษาอีสานได้ชัดกว่า แทบทุกเช้าเขาและครอบครัวใส่บาตรพระด้วยความศรัทธา มีองค์กร นิสิต นักศึกษา มาดูงาน และชื่นชมเขา และครอบครัวอยู่เสมอ ได้ฟังแนวคิดของฝรั่งคนนี้ ต้องยอมรับว่าอึ้งมาก เขามองชีวิตของมนุษย์ และวิถีคนไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง เขามองเห็นจุดอ่อนของคนไทย ว่าจะเอาแต่ได้ และชอบเลียนแบบฝรั่ง ทั้งๆ ที่เมืองไทยมีดีอยู่แล้วพร้อมสรรพ กรณีศึกษาของเขา นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ควรจะอ่านทบทวน และคิดว่าสิ่งที่เราเลียนแบบทุนนิยมฝรั่งมันและดีที่สุดใช่แล้วหรือๆ ว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือแบบอนุรักษ์นิยม ที่อยู่กับสังคมไทย แบบไทยๆ มรดกของบรรพบุรุษไทยนี้เอง !! ** อ่านบทความเป็นภาษาอังกฤษคลิ๊กที่ http://www.samuitimes.com/life-full-riches-story-farang-man-lives-like-rural-thai/ ** ดูคลิปวีดีโอสารคดีเป็นภาษาอังกฤษคลิ๊กที่ @ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/topsecretthai อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 "พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก" ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 (มีการแก้ไข) ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 27, 2015 โดย ginger 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 แม่ฟ้าหลวง แสนชัย สิมมา อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 วันที่ 27 ก.พ.58 โหวงเหวง ปลอดเป็นศพ ยอมรับธรรมเกย์ เป็นฐานกำลัง และทุนสำคัญของ เผาไทย และ นปช. โหวงเหวง แกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.ผู้มีเมียเป็นนกแสก สาวงามยามดับไฟ และปลอดเป็นศพ แกนนำแก็งค์เผาไทย ระบุว่า การรุกโจมตี "ลัทธิธรรมเกย์" ที่ไม่ได้สังกัดพุทธศาสนา อย่างดุเดือด ฉกาจฉกรรจ์ว่าเป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มสิ่งคล้ายพระ แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ที่ถือว่า ธรรมเกย์ เป็นฐานกำลังสำคัญของ ฝ่ายขบวนการล้มเจ้า ฝ่ายกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ฝ่ายคนแดนไกล อย่างชัดแจ้ง ส่วนกรณีคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 15,000 ล้านบาท ตอนนี้ DSI ได้รับคำสั่งให้เกาะติดตามคดีนี้ จนพบข้อมูลเชื่อมโยงว่า นายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ฯ ได้นำเงินกว่า 900 ล้านบาทที่ยักยอกมา สั่งจ่ายเป็นเช็คถึงลัทธิธรรมเกย์ , จ่ายตรงถึง แธมมี่นะจ๊ะ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลัทธิจานบิน UFO อีกจำนวนมาก มีการสั่งจ่ายเช็คตั้งแต่ปี 2552 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือสั่งจ่ายให้ลัทธิธรรมเกย์ รวมจำนวน 814 ล้านบาท และสั่งจ่ายให้สิ่งเทียมพระวิจารณ์ ที่ลัทธิจานบิน รวม 119 ล้านบาท ขณะนี้สหกรณ์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลธัญบุรีเพื่อให้ทั้ง 2 จ่ายเงินคืนสหกรณ์ รวมเป็นเงิน 933 ล้านบาทแล้ว --------------------------------------> สรุปว่า แก็งค์ 18 มงกุฏไม่ใช่พุทธ ที่เป็นแก็งค์อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เป็นฐานการฟอกเงินสนับสนุนแก็งค์เผาไทย ขบวนการล้มเจ้า และกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. รวมทั้งชายชุดดำ ที่ก่อการร้ายเข่นฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนชรา มาตลอดหลายปี โหวงเหวงออกมาสารภาพ ซะขนาดนี้แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ ว่านี่คือแก็งค์แบ่งงานกันทำ โดยแต่ละแก็งค์ทำในสิ่งที่ตนถนัด คือ ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อทำให้คนไทยแตกแยก ขาดความสามัคคี แบ่งเป็นฝักฝ่าย ตอนนี้เผาไทย ขบวนการล้มเจ้า และ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช.เปิดหน้าออกมาหมดเลย ว่าเงินบริจาคให้ ธรรมเกย์ นำไปหนุนขบวนการก่อการร้ายสากล ก่อความรุนแรงทำร้ายคนยากจนในไทยนั่นเอง @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/thailandcoup อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 "หมอเหวง" ลั่น "วัดธรรมกาย" ฐานกำลังสำคัญของ นปช. อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 (มีการแก้ไข) Design T ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 27, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 แว่วมาว่า หลังจาก "เหวง" โพสต์เฟซบุ๊ค ยอมรับว่า สาวกธัมมชโย เป็นฐานกำลังสำคัญของเสื้อแดง ของ นปช.แล้ว ก็ถูกแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งโทรมาด่า! ผมจึงอยากให้กำลังใจเหวง ว่าทำถูกแล้ว เหวงเป็นคนตรงๆ ไม่คิดซับซ้อน คิดยังไงพูดอย่างนั้น พูดตามความจริง เหวงแมนมาก..เป็นลูกผู้ชายมากกว่าตัวมันซะอีก มันคงจะอิจฉาเหวง เห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวซะดังเลย ไม่ต้องไปกลัวมัน ถ้าเห็นใครเป็นเสื้อแดง เป็น นปช. เป็นขี้ข้ารับเงินไอ้แมว เหวงก็พูดไปเลย คนที่ให้เงินเขาจะได้ชอบเหวง แล้วอาจจะผลักดันเหวงให้ขึ้นไปเป็นแกนนำในอนาคต ที่ผ่านมามีแต่แกนนำคนอื่นได้ดิบได้ดี แล้วเหวงกับเมียได้อะไร? ถ้ามันโทรมาด่าอีก ก็ด่าแม่มกลับไปเลย เราต้องแสดงให้ครอบครัวเราเห็นด้วยว่า เราเหมาะสมเป็นผู้นำครอบครัว ลูกจะภูมิใจในตัวพ่อ น้องธิดาก็ภูมิใจที่มีเหวงเป็นผัว "สู้ๆเหวง" รายการLineกนก TalkaTive_Nation22 เนื้อหาที่เหวงโพสต์ "..การโจมตีธัมมชโยในข้อหาว่าเป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม ผู้กระทำนั่นแหละเป็นพวกปาราชิก พวกอุตริมนุสธรรม เหิมเกริม เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ถือว่าเป็น ฐานกำลังสำคัญของ ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช.ฝ่ายอดีตนายกฯทักษิณ อย่างชัดแจ้ง" "นี่คือการ รุกโจมตีทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของพวกอนุรักษ์นิยม จารีตนิยม ด้วยการรัฐประหารครั้งนี้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ทำให้ เสียของ” — อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 ขอตอบคำถามนายกลุงตู่ แทนนักข่าวที่ตอบเสียงอ้อมๆแอ้มๆเบาๆ. เมื่อถูกถามว่าใครยิงทหาร ? ขอตอบในฐานะนักข่าวเก่า ดังๆย้ำชัดๆครับว่า ชายชุดดำในกลุ่มนปชฮาร์ดคอร์ที่ผ่านการฝึกอาวุธเป็นคนยิง ปรากฎหลักฐานชัดเจนทั้งคนเจ็บเเละคนตายที่ถนนตะนาวเเละถนนดินสอคืนวันที่10เมย2553 ข้อมูลไม่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ครับ .เเละพร้อมให้การในชั้นศาลทุกศาลเเละกรรมการปปชตลอดเวลา. พร้อมพยานบุคคลเเละพยานเอกสารในฐานะประธานอนุกรรมาธิการของในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯวุฒิสภา ในการตรวจลอบข้อเท็จจริงครับ สมชาย แสวงการ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 Edouard Bisson (French, 1856-1939) อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 27, 2015 FREDERIC-PIERRE TSCHAGGENY( BRUXELLES 1851 - 1921, ECOLE BELGE) YOUNG WOMAN WITH PARROT 1872 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น