ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 22, 2016 (มีการแก้ไข) อ่านต่อ เปิด 2 ภาพของพ่อ ผลงานนศ.เพาะช่าง ที่ยูเอ็นขอนำไปติดตั้งที่สำนักงานใหญ่ฯ สหรัฐอเมริกา http://www.smartsme.tv/content/52789 มีคลิป สุดยิ่งใหญ่!! นายกฯ นำถวายสัตย์ปฏิญาณแสดงพลังภักดี “ในหลวงร.9” – อิสระโพสต์ นายกรัฐมนตรี นำครม.… ISARAPOST.COM คืนนี้ชวนไปชมความงดงามของ “วัดร่องเสือเต้น”(ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย) ที่กำลังมาแรงกับวัดโทนสีน้ำเงิน จากฝีมือของ“สล่านก” หรือ “นายพุทธา กาบแก้ว” ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ศิษย์ อ.เฉลิมชัยที่สามารถสร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ในวัดร่องเสือเต้นออกมาได้อย่างงดงามวิจิตร ชมภาพและอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx… เปลว สีเงิน - Plew Seengern shared ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์'s post. นายกเทศมนตรีลอนดอนประกาศไปถึงโดนัลด์ ทรัมป์ 'จะต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมให้เข้าประเทศหรือจะเลือกให้กลุ่มก่อการร้ายโจมตี': ทรัมป์คงไม่อยากได้ทั้ง ๒ อย่างนั่นแหละครับ แต่วกกลับมาถึงอังกฤษเอง เมื่อกรกฎาคมที่แล้วนี่เอง อังกฤษประกาศจะทุ่มเทเงินทั้งหมด ๑.๖ ล้านปอนด์เพื่อสร้างกำแพงใหญ่สูงราว ๔ เมตร ฝั่งตรงข้ามเมืองกาแล (Calais) ในประเทศฝรั่งเศส เมืองนี้ เป็นเมืองใกล้ช่องแคบซึ่งอังกฤษอยู่ใกล้ประเทศฝรั่งเศสมากที่สุด สาเหตุที่ต้องสร้างก็เพราะต้องการสะกัดผู้ลี้ภัยที่หนีจากฝรั่งเศสเข้าอังกฤษอย่างผิดกฎหมาย การสร้างกำแพงดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศส ก็ในเมืออังกฤษเองยังไม่อยากได้ผู้ลี้ภัย แล้วนายซาดิก ข่าน (Sadig Khan) นายกเทศมนตรีลอนดอนจะไปกดดันโดนัลด์ ทรัมป์ได้อย่างไร? ไปกดดันนายิการัฐมนตรีอังกฤษให้ได้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ? ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ *หมายเหตุ: ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจนและหากจะวิจารณ์ โปรดใช้คำสุภาพเพื่อป้องกันการละเมิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้ภาษาให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทยด้วย ผมพยายามลบข้อความวิจารณ์ที่หยาบและสะกดผิดออกทุกครั้งที่เห็น ในกรณีที่วิจารณ์ไม่เข้าเรื่อง อ่อนตรรกะหรือหยาบเกินไปบ่อยๆ ผมอาจจะบล็อคไม่ให้วิจารณ์อีกนะครับ http://www.jewsnews.co.il/…/london-islamic-mayors-warning-t… ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 22, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 22, 2016 (มีการแก้ไข) คนปลายซอย อังคาร ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ "๓๐ พย."หน้าหนาว-หนาวใคร? ---------------------------------- ตอนนี้"คนรอ"วันที่ ๓๐ พฤศจิกากันเยอะ! ไม่ใช่รอหวังเงินเดือนออก แต่รอเพราะหวังคดี"ธัมมชโย"ว่าอัยการจะสั่งแบบไหน ฟ้อง ไม่ฟ้อง หรือเลื่อนอีกเป็นครั้งที่ ๕? นอกจากนี้ ยังวิพากษ์-วิจารณ์เชิงคาดหมาย เผลอๆ ไม่ตำรวจ ก็ดีเอสไอ ฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่ง อาจเข้าไป"อุ้มตัว-แบกตีน"ธัมมชโย จากอาณาจักรจานบินไปควบคุมไว้รอท่าก่อน ๓๐ พย.ก็ได้ เพราะสมีโย จากจากรวยเงิน-รวยที่ดินแล้ว ตอนนี้ ยังรวย"หมายจับ"ถึง ๓ ใบ ศาลอาญาออกให้ดีเอสไอ ๑ ใบ ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กรณีรับเช็ค"นายศุภชัย ศรีศุภอักษร"อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น ซึ่งตอนนี้ นอนรออยู่ในเรือนจำแล้ว ใบที่ ๒ ศาลจังหวัดเลย ออกให้ตำรวจภูเรือ ในข้อหาร่วมกันบุกรุกป่า ก่อสร้างสวนป่าหิมวันต์ ที่ภูเรือ และ ใบที่ ๓ ศาลจังหวัดสีคิ้ว โคราช ออกให้ตำรวจสีคิ้ว ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า ก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ แต่ดูท่าแล้ว ........ ถ้ามีการจับ ดีเอสไอจับ มากกว่าตำรวจจับ! เพราะในคดีส่วนรับผิดชอบของตำรวจ"พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล"รองผบ.ตร.บอกวานซืน "ยังอยู่ระหว่างการประสานติดตามตัว ได้รับรายงานว่า พระธัมมชโย ยังมีอาการอาพาธ และรักษาตัวอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย แต่ยังไม่ยืนยันชัดเจน ........ เนื่องจากพระธัมมชโยไม่ปรากฏตัวในงานพิธี สำคัญ ๒-๓ ครั้งแล้ว จากการตรวจสอบฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่พบว่าออกนอกประเทศ" ฟังแล้วทะแม่งหรือทะมัดทะแมงได้ทั้งสองด้าน คือทั้งด้าน"ยังมีตัวอยู่" และด้านยังอยู่ในลักษณะ"ลอกคราบตีนโต"แขวนพรางตาไว้ ส่วนตัวเป็นๆ"ล่องหน"ไปทางไหนแล้วก็เป็นได้ เพราะทราบเพียงว่า"ไม่พบออกนอกประเทศ"เท่านั้น ครั้นดูทางฝั่งดีเอสไอ........... ฟัง"พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา"รมว.ยุติธรรม พูดเมื่อวาน(๒๑ พย.) ให้ความเข้าใจไปทางเดียวกับตำรวจ คือ"ยังไม่จับสมีโย"เหมือนกัน! ต่างตรงเหตุผล ของตำรวจ ที่ยังไม่จับ เพราะอยู่ระหว่างการประสานติดตามตัว แต่ของอีเอสไอ ที่ยังไม่จับ พลเอกไพบูลย์บอก "พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ชี้แจ้งแล้ว บอกให้รอทาง อัยการในวันที่ ๓๐ พ.ย.นี้ ซึ่งต้องดูว่า เห็นด้วยกับทางพนักงานสอบสวน สั่งฟ้องคดีหรือไม่ โดยดีเอสไอ มีหมายจับอยู่แล้ว แต่หากดำเนินการติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโยและอัยการไม่สั่งฟ้องก็ไม่มีประโยชน์ ควรรอทีเดียวในปลายเดือนนี้" สรุปชัดๆ ทางดีเอสไอ รอให้อัยการสั่งคดีก่อน ถ้าสั่งฟ้อง ...... ก็จะไปจับตัวสมีโยมาส่งให้อัยการนำไปฟ้องศาล แต่ถ้าสั่งไม่ฟ้อง หรือเลื่อนการสั่งคดีไปอีก ตามนัยคำพูดพลเอกไพบูลย์ ให้ความเข้าใจว่า "จับตัวมาก็ไม่มีประโยชน์"! เพราะเหตุนั้น ก็รอวันที่ ๓๐ พย.ไปซะทีเดียวเลย สั่งฟ้อง ก็จะไปจับ ถ้าสั่งไม่ฟ้อง ก็ยังไม่จับ!? ครับ...ฟังก็งงๆอยู่ เพราะการสั่งคดีของอัยการ กับการจับต้องหาในชั้นสอบสอบสวนของดีเอสไอ มันคนละ"ขั้นตอนอำนาจ"กันมิใช่หรือ? แต่เมื่อฝ่ายดีเอสไอ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสอบสวน อ้างว่า รอให้อัยการสั่งฟ้องก่อน ค่อยจับตัวผู้ต้องหา เกิดฝ่ายอัยการอ้างบ้างล่ะว่า รอให้ฝ่ายพนักงานสอบสวน นำตัวผู้ต้องหามามอบพร้อมสำนวนก่อน ค่อยสั่งคดี แล้วทีนี้....จะเอาไงกัน? นี่เป็นข้อสงสัยที่อยากได้คำตอบเป็นความรู้เท่านั้น อย่าเข้าใจว่าเป็นการย้อนแย้งอะไร เพราะเรื่องกฎหมายนั้น ผมไม่บังอาจไปย้อนแย้งระดับดีเอสไอและระดับอัยการได้หรอก! แต่กรณี ๒ ดีเอสไอ เชื่อมโยงรับเงิน"สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น" จำนวน ๔๐ ล้านบาท ตรงนี้มีเงื่อนปมน่าสนใจ คนประเภท"ได้ยินปุ๊บ-สรุปปั๊บ"อาจสรุปเลยว่า....... "อ้อ ยังงี้นี่เอง คดีสมีโยถึงยึกยัก ไม่ไปถึงไหน เพราะดีเอสไอ"ทำไป-กินไป เหมือนเดิม" โดยข้อเท็จจริง กรณี ๒ ดีเอสไอ ไม่ใช่เหมือนเดิม หากแต่เป็น"คนเดิม-ทำมาแต่เดิม" คือตั้งแต่ยุครัฐบาลก่อนๆอธิบดีดีเอสไอคนก่อนๆ ติดมากับระบบ"โกงไม่เป็นไร ได้แล้วเอามาแบ่งกัน"แล้วอยู่มาจนถึงยุครัฐบาลคสช. ฟังพลเอกไพบูลย์ท่านพูดดีกว่า จะได้ความชัด........ "เรื่องนี้ เกิดขึ้นก่อนผมมารับตำแหน่ง และคดีค้างกว่า ๒-๓ ปี หลังจากนั้น ผมมาเร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้ทำงานเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะ ดีเอสไอเองด้วย เนื่องจากมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องและมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งมองได้ว่า ยุคก่อนผมมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ทางดีเอสไอน่าจะมีปัญหาจริงๆ โดยเจ้าหน้าที่ ๒ รายนี้ ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงกับคดีดังกล่าว แต่ได้มีเงินเข้าบัญชีจำนวน ๔๐ ล้าน ตามข้อกล่าวหา" และที่ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น อยู่ตรงนี้.... ตรงที่พลเอกไพบูลย์ขยายความ "เจ้าหน้าที่ ๒ คนนี้ เป็นผู้มีอิทธิพลหรืออาจถูกสั่งมาอีกที จึงอยากให้ ดีเอสไอ เร่งรัดสอบสวนให้เสร็จสิ้นและชัดเจน เพื่อพิสูจน์องค์กร โดยไม่ต้องรอถึง ๓๐ วัน เพราะคดีนี้ เกิดก่อนผมมา และน่าจะมีข้อมูลกันมานานแล้ว เพียงหาความเชื่อมโยงให้ได้ว่า"เป็นมาอย่างไร" ผมไม่เชื่อว่า ๒ เจ้าหน้าที่ทำเอง เพราะไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย รวมทั้งคนที่โอนเงินมาให้ จำเป็นต้องจ่ายให้ ๒ คนนี้หรือไม่ เพราะไม่เกี่ยวกันเลย และตำแหน่งหน้าที่ไม่ได้ใหญ่โตขนาดสามารถสั่งการอะไรได้ หรือมีใครอยู่เบื้องหลังสั่งการ?" แปลความชัดๆก็คือ........... ๒ ผัวเมียดีเอสไอ ถูกใช้เป็น"ทางเงินผ่าน"ของผู้มีอำนาจเหนือ ตั้งแต่ยุคโน้นแล้ว ซึ่งเป็นเงินเกี่ยวพันคดี"ศุภชัย-สมีโย" "ผู้มีอำนาจเหนือ"คนนั้น ต้องอยู่ระดับบันดาลคุณ-โทษ และเป็นบารมีคุ้มกระบาล ให้ ๒ ดีเอสไอ นั้่นได้ จึงยอมขายตัว-ขายอนาคต-ขายจิตวิญญานข้าราชการ ถึงขั้นยอมให้ใช้"บัญชีตัวเอง"เป็นทางผ่านเงินโกง! ผมสนับสนุนพลเอกไพบูลย์......... ในประเด็นให้เค้น-ให้สอบ ลาก"ไอ้โม่งแดง"ที่อำนาจเหนือดีเอสไอตัวนั้นออกมาดูหน้าให้ได้ ไม่ยากเค้นจาก ๒ ผัวเมียหรอก ถึงไม่ยอมบอก แค่ดูเส้นทางเงิน ๔๐ ล้านจากบัญชี ก็พอจะเห็นแล้วว่า เมื่อเงิน ๔๐ ล้าน"เข้ามา" แล้ว"ออกไป"ไหน? ออกไป"เข้าบัญชี"ใครบ้าง? ผมทั้งสงสารและเห็นใจ"พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง"ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่อธิบดีแล้ว เห็นหน้าตาท่าน"ซ่อนทุกข์"ทั้งแววตาและรอยยิ้ม ให้แบกโลก ยังจะสบายกว่า ให้แบกดีเอสไอ ซึ่งท่านรู้ไส้ใน"ใคร-เป็นใคร"มีพฤติกรรมแบบไหนกันบ้าง? ฉะนั้น เมื่อขึ้นมาเป็นนายใหญ่ มันกลืนไม่เข้า-คายไม่ออก ถึง"ไม่ฟ้องนาย-ไม่ขายเพื่อน" แต่เนื้องาน มัน"ฟ้องเอง"! ดังนั้น ในคดีสหกรณ์-คดีสมีโย ในขณะที่ท่านเดิน เพื่อนร่วมงานบางคนดึง นั่นก็ต้องเลือก....... ท่านเข้ามารับราชการ คือมาทำงานต่างพระเนตร-พระกรรณ"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ" ฉะนั้น จะทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์เพื่อน หรือพิทักษ์ระบบ ท่านต้องคิดเอา? ตอนนี้.......... มีอะไรที่ดีเอสไอ ทุกคนก็ต้องเหมาลงที่รัฐบาลคสช.จึงจำเป็นอยู่เอง ที่คสช.โดยรัฐมนตรีไพบูลย์ ต้องคิดและตัดสินใจ "จะขายคสช.เพื่อซื้อลูกน้อง ให้ซุกระบบแทะประเทศ"? แต่ก่อนถึง ๓๐ พย.............. เมื่อวาน(๒๑ พย.)ทางอัยการแถลง คดี เบนซ์หรู ขม 99 ของสมเด็จช่วง ดีเอสไอสอบเสร็จแล้ว และส่งสำนวนให้อัยการแล้ว มีผู้ต้องหา ๗ คน ..... ๑ ใน ๗ คือ"หลวงพี่แป๊ะ"พระมหาศาสนมุนี(ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน)ผู้สั่งซื้อรถยนต์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดปากน้ำ ฯ ในฐานะ เลขานุการฯสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ปรากฏว่า"ป่วย" ดีเอสไอยังไม่ได้นำตัวส่งอัยการอีกเหมือนกัน! "อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ"เห็นว่าคดีนี้ ชาวบ้านสนใจ จึงตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นพิจารณาสำนวน และนัดผู้ต้องหาทั้ง ๗ ไปฟังคำสั่งคดีในวันศุกร์ที่ ๒๕ พย.นี้เลย! หมายความว่า..... วันนั้น ทางดีเอสไอ ต้องนำตัว"หลวงพี่แป๊ะ"ไปส่งอัยการด้วย เอาหละ ลิเกได้เวลา"กระตุกฉาก"แล้ว ๒๕ พฤศจิกา.ดูดีเอสไอ จะเอาตัวหลวงพี่แป๊ะไปส่งอัยการได้หรือไม่ และวันนั้น อัยการจะสั่งคดีว่าอย่างไร? แล้วไปถึงพุธ ๓๐ พฤศจิกา.ดีเอสไอ เอาตัวสมีโยไปส่งอัยการได้หรือยังไม่ได้ก็ไม่รู้แหละ แล้วเปรียบเทียบกันดู ในความ"มีผู้ต้องหา-ไม่มีผู้ต้องหา"ส่งมอบ ทางอัยการจะสั่งคดี เป็น"บรรทัดฐาน"มาตรฐานไหน? === www.youtube.com ในประเทศ - เรื่องที่ควรรู้!จากบุตรสาว'ท่านผู้หญิงพึงจิตต์' ถึงกรณี'เบส อรพิมพ์'-ย้ำให้กำลังใจ www.naewna.com www.youtube.com === ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 22, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 22, 2016 ชมก่อนใคร มีอะไรใน ‘มหาสนุก’ ฉบับ เมื่อเจ้าชายกลายเป็นพระราชา เพื่อน้อมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทีมกองบรรณาธิการ ‘มหาสนุก’ และศิลปินกว่า 50 คนจัดทำ การ์ตูนมหาสนุก ฉบับพิเศษ… THEMATTER.CO "ต๊อก"ชี้ช่องล่าตัวการใหญ่รู้เห็น2DSIรับสินบน40ล้าน THAIPOST.NET 'สุทิน'ชี้จงรักภักดีต้องเกิดจากสำนึก ไม่ใช่จ้างนักพูดไปแสดงวาทกรรม 21 พ.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสสังกัดสำนักข่าวเอพี เจ้าของฉายา "นักข่าวสายโจร" โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Sutin Wannabovorn"… NAEWNA.COM โรคถุงลมปอดโป่งพอง โรคนี้จะเป็นเรื้อรังตลอดชีวิต และจำเป็นต้องพบแพทย์และใช้ยารักษาอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตจากภาวะการหายใจล้มเหลว ปอดอักเสบ หรือปอดทะลุ โดยเฉลี่ย ผู้ป่วยมีอัตราตายมากกว่าร้อยละ 50 ใน 10 ปี หลังจากที่ได้รับการวินิจฉัย การป้องกันที่สำคัญคือ "ไม่สูบบุหรี่" หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีมลพิษในอากาศ ในระยะที่เริ่มเป็นหากเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดก็มักจะได้ผลดี โรคจะไม่ลุกลามมากขึ้น แต่ถ้ายังสูบบุหรี่ต่อไปก็จะลุกลามจนถึงระยะรุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ รายละเอียด :>> http://bit.ly/1wVXLOQ ยำผักกูด ผักกูด คือ ยอดอ่อนของไม้จำพวกเฟิร์น ยอดอ่อนและปลายยอดม้วนงอแบบก้นหอยและมีขนอ่อนๆ เป็นผักป่าที่มีรสจืดอมหวาน กรอบ ชาวบ้านนิยมเก็บกินช่วงหน้าแล้งเพราะรสชาติจะอร่อยกว่าฤดูอื่นๆ ผักกูดอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และบีตาแคโรทีน ซึ่งหากกินร่วมกับเนื้อสัตว์ก็จะทำให้เกิดการดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ได้ดีขึ้น ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา อาหารจานนี้เหมาะที่ควบคุมน้ำหนักตัวอย่างยิ่ง (เครดิตภาพ : nagoyalover, ปลายแป้นพิมพ์, แจ้ว, benz47, แพรริโกะ, ฟ้าลั้นลา) วิธีทำ :>> http://bit.ly/1iHfNze อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 22, 2016 (มีการแก้ไข) สํานักข่าวไทย TNAMCOT กรมประชาสัมพันธ์ สารคดี "พระเจ้าแผ่นดิน" 9 ตอน โดยผู้ผลิต บริษัท พาโนราม่าเวิลด์ไวด์ ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 22, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2016 (มีการแก้ไข) ในหลวง ในดวงใจ จากศิริราชถึงสวนจิตรลดา - YouTube ครั้งแรกที่จะได้เห็นภาพวีดิทัศน์ชุดนี้ความยาวเต็ม 14.56 นาที ซึ่งเก็บรักษามากกว่า 21 ปี บริษัท แปซิฟิค อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ได้รับพระบรมราชานุญาตให้บันทึกภาพ ในวันที่ 26 มีนาคม 2538 เมื่อเสด็จฯ ออกจาก รพ.ศิริราชมาพระตำหนักจิตรลดารโหฐานหลังจากทรงหายจากพระประชวรด้วยปัญหาพระหทัย ยอดนิยมวันนี้Pacific Inspiration Channel : PIC แม่ทัพนายกอง "ยิ้ม...พร้อมกัน" รัฐบาล รัฐบาล "ยิ้ม" ถ่ายองคมนตรี องคมนตรี "สั่งไม่ได้" เราดู เราก็ยิ้มมมม พระองค์ท่านก็ทรงยิ้ม มีความสุข cr.plzcovermyheart ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 24, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2016 ขอบคุณ ภาพ http://khoeplus.vn/thoi-su/nong-tren-mang/vi-sao-vua-thai-lan-duoc-nhan-dan-yeu-men-8066.html เสียงที่อยากได้ยิน ภาพที่อยากเห็น - แกล้งดิน...ที่เขาเต่า - YouTube เสียงที่อยากได้ยิน ภาพที่อยากเห็น - ณ โรงพยาบาลศิริราช l Popular Right Now - Thailand เสียงที่อยากได้ยิน ภาพที่อยากเห็น - แฝก...ที่ดอยตุง - YouTube 'พระคู่ขวัญแผ่นดิน' 30 เมษายน 2550 เสด็จฯ ไปทรงปล่อยเรือ ต. 991 - ผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อสร้างความรัก ความผูกพันให้กับพี่น้องชาวไทย ทั้งภาพและเสียงทั้งหมด ถูก... YOUTUBE.COM 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2016 เลือกดู อะไรดีๆๆ 12 Binder Clips Life Hacks | Thaitrick 10 ประโยชน์ของกิ๊บหนีบผ้า | Thaitrick คลิปหนีบกระดาษ - 8 ความคิดสร้างสรรค์ - Tha Maker 7 Simple Life Hacks Using Bread Clips | Thaitrick อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2016 สนามข่าว : "เปลวสีเงิน"จับตา ดีเอสไอ บุกเลยหรือรอเวลาอีก8ปี หลังธัมมชโย นอนเย้ยกฎหมายอยู่ใ วันที่ 24 พ.ย.59 เปลวสีเงิน เปลวสีเงิน หรือ โรจน์ งามแม้น นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ผู้เขียนบทความวิเคราะห์การเมืองและสังคม ตีพิมพ์ในหน้า 5 ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ชื่อคอลัมน์… SANAMKHAO.COM|BY SANAMKHAO == สถานการณ์ซีเรีย อิรัค กำลังจบแล้ว เข้าสู่สถานการณ์ฟื้นฟูสร้างใหม่เกือบทั้งประเทศ เปิดตัวเลขงบออกมาแล้ว ซีเรียต้องใช้เงิน20ล้านล้านเหรียญ อิรัคก็คงเท่าๆกัน รวมเป็น40ล้านล้านเหรียญ เจ้าภาพคือพันธมิตรรัสเซีย ซีเรีย อิรัค อิหร่าน จีน ใครอยากได้งานเชิญ จีนจะได้งานมากที่สุด ประเทศยุโรปวิ่งของานกันเกรียว แก้จนสิครับ แล้วไทยเราจะเอางานอะไรบ้างละครับ หรือว่าจะรับออร์เดอร์โหลดโชว์ญี่ปุ่นตลาดเดียว === Paisal Puechmongkol shared New Silk Road's post. ท่านผู้อ่านครับ วันนี้ (วันที่ ๒๔ พ.ย.๕๙) ขอนำเสนอบทวิเคราะห์ของ รศ.วิภา อุตมฉันท์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน (ที่ประกอบด้วยโครงการ New Silk Road และ Maritime Silk Road หรือ Maritime Silk Route Economic Belt) โดยการสร้างความมั่นคงทางการเมืองและความสัมพันธ์อันดี ระหว่างประเทศในเอเชียกลาง ผ่านองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ( Shanghai Cooperation Organisation : SCO) อันจะนำไปสู่การไขข้อสงสัยที่ได้นำเสนอไปเมื่อวันวานว่า ทำไมจึงเกิดความเคลื่อนไหวขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ SCO ที่จะส่งเสริมให้แผนพัฒนาหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt, One Road หรือ The Belt and Road Initiative) ในการเชื่อมต่อกับการแผนการพัฒนาของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://m.facebook.com/story.php…) ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้ ๑. ความเป็นมาของภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งเคยอยู่ใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ ๑๙ ต่อมาในทศวรรษที่ ๑๙๖๐ เมื่อจีน (ยุคเหมา เจ๋อตุง) กับสหภาพโซเวียต (ยุคสตาลิน) ซึ่งเคยเป็นสหายกัน เกิดแตกคอกันขึ้นด้วยความเห็นต่างด้านอุดมการณ์ พื้นที่ชายแดนของจีนที่อยู่ติดกับรัสเซียจึงตกอยู่ในภาวะตึงเครียดเรื่อยมา ต่อมาเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี ค.ศ.๑๙๙๑ (พ.ศ.๒๕๓๔) มีประเทศเกิดใหม่ที่แยกตัวออกจากรัสเซียเกิดขึ้นตามแนวชายแดนจีนหลายประเทศ ดังนั้น จีนจึงถือโอกาสนี้เซ็นสัญญามิตรภาพกับประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ได้แก่ คาซัคสถาน กีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน รวมรัสเซียและจีนด้วย เป็น ๕ ประเทศ แล้วตั้งเป็นองค์การซึ่งมีชื่อในตอนนั้นว่า “Shanghai Five” ขึ้นในปี ค.ศ.๑๙๙๖ (พ.ศ.๒๕๓๙) ต่อมาอีก ๕ ปี ในปี ค.ศ.๒๐๐๑ (พ.ศ.๒๕๔๔) อุซเบกิสถานได้ขอเข้าเป็นสมาชิกอีกประเทศหนึ่ง Shanghai Five จึงเปลี่ยนชื่อเป็นองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization หรือ SCO) ตั้งแต่นั้นมา ๒. พัฒนาการ องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ SCO เป็นองค์การที่จีนมีบทบาทชี้นำเพราะเป็นผู้ริเริ่มตั้งเอง ดังนั้น เมื่อจีนมีโครงการ New Silk Road เพิ่มขึ้นมาอีกโครงการหนึ่ง ดังนั้น SCO จึงกลายเป็นองค์การรองรับนโยบาย New Silk Road ได้อย่างเหมาะเจาะที่สุด โดยในแต่ละโครงการที่จีนตั้งใจไว้ ไม่ว่าการค้า การลงทุน การสร้างเครือข่ายคมนาคม การวางท่อลำเลียงก๊าซและน้ำมัน ฯลฯ สามารถปฏิบัติได้ทันทีและอย่างราบรื่นโดยอาศัยความสัมพันธ์กันใน SCO ทุกวันนี้จีนกลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งแทนที่รัสเซียไปแล้วสำหรับประเทศในภูมิภาคนี้ กล่าวคือ ๒.๑ ทางด้านความมั่นคง สิ่งที่จีนหวังอย่างเป็นกอบเป็นกำที่สุดจาก SCO คือ การนำสันติสุขมาสู่มณฑลซินเจียง (ซินเกียง) เพราะซินเจียงมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเกิดใหม่ถึงกว่า ๓,๓๐๐ กิโลเมตร ประชากรชนกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ที่สุดในซินเจียงก็เป็นชาวมุสลิมอุยกูร์ เชื้อสายเดียวกับชาวอุยกูร์ อีกกว่า ๓๐๐,๐๐๐ คนที่อาศัยอยู่ในเอเชียกลาง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จีนจะต้องผูกมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนของชาวอุยกูร์ในซินเจียงขยายตัวออกไป ๒.๒ ทางด้านเศรษฐกิจ นอกจากสร้างความมั่นคงให้กับชายแดนจีนแล้ว SCO ยังจะช่วยสร้างหลักประกันด้านการนำเข้าพลังงานจากภายนอกให้กับจีนได้อย่างคาดไม่ถึง ทั้งนี้เพราะพลังงานเปรียบเหมือนลมปราณสำหรับจีนที่เป็นประเทศที่ขาดแคลนพลังงาน แต่เศรษฐกิจกลับเติบโตขึ้นทุกวัน จึงเป็นเหตุให้จีน ต้องลงทุนลงแรงมากมายให้กับโครงการ New Silk Road ทั้งวางท่อ ทำทาง รวมทั้งสร้างราง และได้ทำให้จีนมีเส้นทางรถไฟวิ่งผ่านเอเซียกลางไปถึงยุโรปถึง ๒ สาย ซึ่งจะสามารถย่นระยะเวลาการเดินทางของสินค้าจาก ๓๖ วันทางทะเล ให้เหลือเพียง ๒๐ วันโดยทางรถไฟ และเมื่อก่อนการนำเข้าพลังงานของจีน ต้องพึ่งการขนส่งทางเรืออย่างเดียว โดยผ่านมหาสมุทรอินเดียเข้าช่องแคบมะละกาแล้วเข้าทะเลจีนใต้ ที่ยังคงมีความตึงเครียดจากข้อพิพาทในหมู่เกาะทะเลจีนใต้ ดังนั้น จีนจึงต้องคิดหาเส้นทางใหม่ที่เสี่ยงน้อยกว่า และสุดท้ายก็ได้ SCO เป็นช่องทางที่จะช่วยให้จีนสามารถลำเลียงพลังงานมาทางท่อซึ่งทอดข้ามเอเชียกลางตรงเข้าสู่จีนทางท่อ จำนวน ๒ ท่อ ได้แก่ ๒.๒.๑ ท่อหนึ่งคือ Turkmenistan-China Pipeline เป็นท่อสำหรับลำเลียงก๊าซธรรมชาติ เปิดใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ.๒๐๑๒ (พ.ศ.๒๕๕๕) จากเติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน โดยในแต่ละปีลำเลียงพลังงานไปให้จีนใช้ได้ถึงกว่าครึ่งหนึ่งของก๊าซธรรมชาติที่จีน จำเป็นต้องใช้ภายในประเทศ ๒.๒.๒ ท่อที่สอง Kazakhstan-China Pipeline เป็นท่อลำเลียงน้ำมัน เริ่มต้นที่คาซัคสถานเลียบทะเลสาบแคสเปียนตรงเข้าสู่ซินเจียง โดยในแต่ละปี ได้ตอบสนองน้ำมันให้จีนได้ถึง ๑.๔ ล้านตัน และคาดว่า ในอนาคตเมื่อความต้องการพลังงานของจีนเพิ่มขึ้นอีก จีนจึงมีแผนจะซื้อน้ำมันจากประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย แล้วส่งผ่านท่อไปให้จีนเช่นกัน บทสรุป แผนพัฒนา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน โดยการสร้างความมั่นคงทางการเมืองและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในเอเชียกลางผ่านองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ SCO ที่ประกอบด้วยประเทศสมาชิกที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรมากที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกพลังงานในระดับต้น ๆ ของโลก โดยมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และมีอาวุธปรมาณูในครอบครอง อีกทั้งมีแสนยานุภาพทางทหารที่น่าเกรงขาม และมีสมาชิกที่เป็นผู้ขายอาวุธรายใหญ่ไม่แพ้สหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วยนั้น ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์อันสำคัญของจีนในทางยุทธศาสตร์ครับ ประมวลโดย : พันเอก ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล SCO.. ไม่รู้จักไม่ได้ ! วันก่อนอ่าน New Silk Road พบข่าวเล็ก ๆ ข่าวหนึ่งเรื่อง “องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ จัดประชุมสุดยอดผู้นำที่เมืองอูฟา (รัสเซีย)” มีเนื้อหาสั้น ๆ ว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและผู้นำประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ เพื่อหามาตรการรับมือกับการคุมคามและการท้าทายในภูมิภาค และกำหนดทิศทางการพัฒนาในอนาคต พออ่านจบก็เกิดความคิดที่จะเขียนเรื่อง “องค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ - SCO” (Shanghai Coorperation Organization) ขึ้นมาทันที เพราะ SCO เป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่กำลังผลิดอกออกผลงดงามที่สุดให้กับการเดินหน้านโยบาย New Silk Road ของจีนอยู่ในขณะนี้... ยังไงก็ต้องไปรู้จักให้ได้ !! ใครติดตามคอลัมน์ New Silk Road ที่ผู้เขียนเขียนต่อเนื่องกันมาหลายตอน คงจำได้ว่าเราเคยพูดถึงความสำคัญของ “ทวีปยูเรเซีย” (Eurasia) มาแล้วค่อนข้างละเอียด ว่ามันคือภูมิภาคสำคัญของจีนในการพัฒนาเส้นทางสายใหม่ยุคใหม่ เป็นพื้นที่ที่ทวีปยุโรปกับทวีปเอเชียเชื่อมติดกันเป็นผืนดินผืนใหญ่ สามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เทคโนโลยีการคมนาคมขนส่งเจริญก้าวหน้ามาก แต่ที่แล้วมาเมื่อพูดถึง New Silk Road หรือพูดถึงความสำคัญของยูเรเซีย เรายังป้วนเปี้ยนอยู่แถวมิติด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว ไหน ๆ จะรู้จัก SCO กันทั้งที ขอถือโอกาสขยายความ New Silk Road ให้ครบทุกมิติ โดย ในวันนี้จะเน้นที่มิติด้าน “การสร้างความมั่นคงทางการเมืองและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ” เพราะสิ่งนี้คือพื้นฐาน ที่ขาดไม่ได้สำหรับการสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศด้านอื่น ๆ ซึ่งหากสร้างไม่ขึ้นมัวแต่ทะเลาะกัน อย่าว่าแต่ จะชวนมาค้าขายเลย สบช่องเมื่อไหร่ยังทำร้ายกันซึ่ง ๆ หน้า ยกตัวอย่างง่าย ๆ.. ในรอบปีที่ผ่านมา จีนมีปัญหาดินแดนที่แก้ไม่ตกกับเพื่อนบ้านหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจีนจะทำอะไรก็ถูกรุมประณามว่ามีเจตนารุกรานคนอื่น จีนเถียงคอเป็นเอ็นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง การเมืองของจีนในทะเลจีนใต้จึงร้อนระอุ อย่างนี้จะชวนมาเข้าร่วมโครงการ New Silk Road ยังไงไหว.. แต่พอหันมาดูภูมิภาคเอเชียกลางบ้าง ที่นี่จีนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการเจรจาแก้ปัญหาชายแดนกับเพื่อนบ้าน ที่สำคัญผ่านการพูดคุยกันในที่ประชุม SCO ซึ่งจีนเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1996 อะไรต่าง ๆ ล้วนราบรื่น ส่งผลให้ New Silk Road ของจีนพลอยได้รับอานิสงส์ รุกคืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว เอเชียกลางเคยอยู่ใต้การปกครองของรัสเซียตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 ต่อมาในทศวรรษที่ 1960 เมื่อจีน (ยุคเหมาเจ๋อตุง) กับสหภาพโซเวียต (ยุคสตาลิน) ซึ่งเคยเป็นสหายกัน เกิดแตกคอกันขึ้นด้วยความเห็นต่างด้านอุดมการณ์ ชายแดนของจีนที่อยู่ติดกับรัสเซียจึงตกอยู่ในภาวะตึงเครียดเรื่อยมา ต่อเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 1991 มีประเทศเกิดใหม่ที่แยกตัวออกจากรัสเซียเกิดขึ้นตามแนวชายแดนจีนหลายประเทศ จีนจึงถือโอกาสนี้เซ็นสัญญามิตรภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ คาซัคสถาน กีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน รวมรัสเซียและจีนด้วยเป็น 5 ประเทศ แล้วตั้งองค์กรซึ่งมีชื่อในตอนนั้นว่า “Shanghai Five” ขึ้นในปี 1996 ต่อมาอีก 5 ปีในปี 1996 อุซเบกิสถานขอเข้าเป็นสมาชิกอีกประเทศหนึ่ง Shanghai Five จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Shanghai Cooperation Organization หรือ SCO ตั้งแต่นั้น SCO เป็นองค์กรที่จีนมีบทบาทชี้นำเพราะเป็นผู้ริเริ่มตั้งเอง ดังนั้น เมื่อจีนมีโครงการ New Silk Road เพิ่มขึ้นมาอีกโครงการหนึ่ง SCO จึงกลายเป็นองค์กรรองรับนโยบาย New Silk Road ได้อย่างเหมาะเจาะที่สุด แต่ละโครงการที่จีนตั้งใจไว้ ไม่ว่าการค้า การลงทุน การสร้างเครือข่ายคมนาคม การวางท่อลำเลียงก๊าซและน้ำมัน ฯลฯ สามารถปฏิบัติได้ทันทีและอย่างราบรื่นโดยอาศัยความสัมพันธ์กันใน SCO ทุกวันนี้จีนกลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งแทนที่รัสเซียไปแล้วสำหรับประเทศในภูมิภาคนี้ ทางด้านความมั่นคง สิ่งที่จีนหวังเป็นกอบเป็นกำที่สุดจาก SCO คือนำสันติสุขมาสู่มณฑลซินเจียง (ซินเกียง) เพราะซินเจียงมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเกิดใหม่ถึงกว่า 3,300 กิโลเมตร ประชากรชนกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ที่สุดในซินเจียงก็เป็นชาวมุสลิมอุยกูร์ เชื้อสายเดียวกับชาวอุยกูร์อีกกว่า 300,000 คนที่อาศัยอยู่ในเอเชียกลาง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จีนจะต้องผูกมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนของชาวอุยกูร์ในซินเจียงขยายตัวออกไป นอกจากสร้างความมั่นคงให้กับชายแดนจีนแล้ว SCO ยังช่วยสร้างหลักประกันด้านการนำเข้าพลังงานจากภายนอกให้กับจีนได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ก่อนการนำเข้าพลังงานของจีนต้องพึ่งการขนส่งทางเรืออย่างเดียว ผ่านมหาสมุทรอินเดียเข้าช่องแคบมะละกาแล้วเข้าทะเลจีนใต้ แต่อย่างที่ได้คุยกันแล้วในตอนต้น เจ้าของน่านน้ำที่อยู่บนเส้นทางนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับจีน ซ้ำบางจุดยังอยู่ใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกา จีนจึงต้องคิดหาเส้นทางใหม่ที่เสี่ยงน้อยกว่า และสุดท้ายก็ได้ SCO นี่แหละช่วยให้จีนสามารถลำเลียงพลังงานมาทางท่อซึ่งทอดข้ามเอเชียกลางตรงเข้าสู่จีน ท่อหนึ่งคือ Turkmenistan-China Pipeline เป็นท่อสำหรับลำเลียงก๊าซธรรมชาติ เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2012 จากเติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน แต่ละปีลำเลียงพลังงาน ไปให้จีนใช้ได้ถึงกว่าครึ่งหนึ่งของก๊าซธรรมชาติที่จีนจำเป็นต้องใช้ภายในประเทศ ท่อที่สอง Kazakhstan-China Pipeline เป็นท่อลำเลียงน้ำมัน เริ่มต้นที่คาซัคสถานเลียบทะเลสาบแคสเปียนตรงเข้าสู่ซินเจียง แต่ละปีสนองน้ำมันให้จีนได้ถึง 1.4 ล้านตัน และคาดว่าในอนาคตเมื่อความต้องการพลังงานของจีนเพิ่มขึ้นอีก จีนมีแผนจะซื้อน้ำมันจากประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย แล้วส่งผ่านท่อไปให้จีนเช่นกัน พลังงานเปรียบเหมือนลมปราณสำหรับจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ขาดแคลนพลังงานแต่เศรษฐกิจกลับเติบโตขึ้นทุกวัน ถ้ามองเห็นความจริงตามนี้ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่า ทำไมจีนต้องลงทุนลงแรงมากมายให้กับโครงการ New Silk Road ทั้งวางท่อ ทำทาง สร้างราง สร้างจนจีนมีเส้นทางรถไฟวิ่งผ่านเอเซียกลางไปถึงยุโรป ถึง 2 สาย สามารถย่นเวลาเดินทางของสินค้าจาก 36 วันทางทะเลให้เหลือเพียง 20 วันโดยทางรถไฟ วกกลับมารู้จักตัวองค์กร SCO อีกสักนิดนะคะ.. SCO มีสำนักงานเลขาธิการตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง เปิดประชุมใหญ่ปีละครั้ง หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในหมู่สมาชิก การประชุมที่เมืองอูฟาที่รัสเซียเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นการประชุมครั้งที่ 15 ไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้อยู่ที่การลงมติรับอินเดียกับปากีสถานเข้าสู่กระบวนการเป็นสมาชิกใหม่ (จะสมบูรณ์ในการประชุมครั้งหน้า) รับกัมพูชา เนปาล อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน เข้าไปในฐานะ “ผู้มีส่วนในการหารือ” รายใหม่ ส่วนเบลารุสได้เลื่อนฐานะจากประเทศร่วมหารือขึ้นมาเป็น “ผู้สังเกตการณ์” นอกจากนี้ยังมีประเทศในเอเชียอีกหลายประเทศ (รวมทั้งอิหร่าน) ที่จ่อคิวรอให้ SCO พิจารณาดูตัวอยู่ คิดดูซิคะ.. จากเดิมที่เคยมีสมาชิก 6 ประเทศนิ่ง ๆ มาตลอด 15 ปี จู่ ๆ ปีนี้ SCO ก็ “บูม” ขึ้นมาอย่างน่าตกใจ.. ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายปรากฏการณ์นี้ นอกจากจะต้องโมเมเอาดื้อ ๆ ว่าคงเป็นเพราะนโยบาย New Silk Road ของจีนกระมังที่ทำงานได้ผล สมาชิกใน SCO ต่างได้ประโยชน์กันไปให้เห็นตำตา แล้วคนที่อยู่ข้างนอกมีหรือจะทนไหว ต่างยื่นมือ “ขอมีเอี่ยวด้วยซิ.. กับองค์กรนี้” ประเด็นที่น่าจับตามองที่อูฟายังมีอีกเรื่อง คือการลงมติรับโครงการด้านความมั่นคงร่วมกัน 2 ฉบับ ได้แก่ “โครงการเสถียรภาพในภูมิภาคกับการแก้ไขความขัดแย้ง” กับ “โครงการความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายและการแบ่งแยกดินแดน” ซึ่งเนื้อหาของทั้ง 2 โครงการค่อนข้างหมิ่นเหม่กับการถูกเพ่งเล็งว่าเป็นการร่วมมือกันทางด้านการทหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ SCO เคยถูกกล่าวหาจากขั้วอำนาจฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด แม้ SCO จะปฏิเสธเสียงแข็งว่าเป็นไปไม่ได้ SCO ไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นความร่วมมือทางทหารโดยเด็ดขาด แต่คงยากนะ..ที่จะทำให้ใครเชื่อ เพราะแค่ดูผ่าน ๆ จากรูปร่างหน้าตาของ SCO ที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลก มันก็เห็นอยู่โทนโท่แล้วว่า เป็นองค์กรที่ชวนสยองขวัญขนาดไหน... ดูซิ.. SCO ประกอบด้วยประเทศสมาชิกที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรมากที่สุดในโลก เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกพลังงานในระดับต้น ๆ ของโลก มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีอาวุธปรมาณูในครอบครอง มีแสนยานุภาพทางทหารที่น่าเกรงขาม มีสมาชิกที่เป็นผู้ขายอาวุธรายใหญ่ไม่แพ้อเมริการวมอยู่ด้วย.. แล้วประเทศเหล่านี้ดันมารวมตัวกันแบบซี้ปึ้ก ซ้ำโตวันโตคืนซะอีก.. มีหรือที่จะไม่ถูกตั้งคำถาม.. มีหรือที่การประชุมใหญ่ที่อูฟาจะไม่สะเทือนเลื่อนลั่นไปถึงขั้วอำนาจที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลก เอาเถอะ.. ช้างสารด้วยกันจะงัดกลเม็ดอะไรมาสู้กันเราไม่สน สนอย่างเดียว ให้เห็นหัวคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างเราบ้าง อย่ามองแค่ปลายจมูกตัวเอง ยุติการวางแผนชั่วร้ายให้มนุษย์ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง รบราฆ่าฟันกันเอง บ้านแตกสาแหรกขาด ลูกเล็กเด็กน้อยระเหระร่อนน่าเวทนา.. มันบาปหนักต้องถูกพระเจ้าลงโทษนะจะบอกให้ !! โดย... วิภา อุตมฉันท์ === มะกันหมดท่า เรือพิฆาตล่องหนรุ่นใหม่แพงลิบลิ่วเดี้ยงเป็นครั้งที่สองที่ปานามา เครื่องบินล่องหนบกพร่อง ขึ้นบินแล้วล่องหนไม่ได้ ซ่อมแล้วยังไม่ดีต้องจอดๆๆ ตกลงกับฟิลิปปินส์แล้ว ลดการฝึกและลดทหารในฟิลิปปินส์ลง ส่งขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธไปยุโรปตะวันออกหวังขย่มรัสเซีย กลับถูกขย่มกลับ รัสเซียเปิดตัวตืดตั้งขีปนาวุธรุ่นใหม่ร้ายแรงกว่าเก่า ครอบคลุมยุโรปมากขึ้นอีก ร้องกันขรมเลย อียูพ่ายศึกสืี่อ เล่นบทจิ๊กโก๋กล่าวหาrt sputnikของรัสเซียว่าเป็นสื่ออาชญากร ว้าวๆๆ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2016 (มีการแก้ไข) ประเทศไทยเราเป็นเอกราชตลอดมาเพราะ สถาบันกษัตริย์ ทหารกล้า ประชาชนรวมใจเป็นหนึ่ง ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ วันที่ ๒๕ เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒ สมเด็จพระนเรศวร กับสมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จยกกองทัพออกจากพระนคร เมื่อวันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2148 เสด็จโดยกระบวนเรือจากพระตำหนักป่าโมก แล้วเสด็จขึ้นบนที่ตำบล เอกราชไปตั้งทัพชัย ณ ตำบลพระหล่อ แล้วยกกองทัพบกไปทางเมืองกำแพงเพชรสู่เมืองเชียงใหม่ ครั้นเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็หยุดพักจัดกระบวนทัพอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้กองทัพสมเด็จพระเอกาทศรถยกไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ครั้นเสด็จถึงเมืองหางแล้วก็ให้ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ขึ้นที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษพระอาการหนัก จึงโปรดให้ข้าหลวงรีบไปเชิญเสด็จสมเด็จพระเอกาทศรถมาเฝ้า สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จฯ มาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมพรรษา 49 พรรษาเศษรวมสิริดำรงราชสมบัติ 14 ปีเศษสมเด็จพระเอกาทศรถจึงได้อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรกลับกรุงศรีอยุธยา "ในหลวงของแผ่นดิน" เมื่อ 27 ก.พ. พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงประทับรอยพระบาท ลงบนปูนปลาสเตอร์ ณ ดอยยาว - ดอยผาหม่น อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ ในการสู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ ในครั้งนั้น ทรงประทับรอยพระบาท ลงบนปูนปลาสเตอร์ ณ ดอยยาว - ดอยผาหม่น อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ ในการสู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ ในครั้งนั้น ...หลักสำคัญอันแรกที่ทหารทุกคนต้องระลึกถึงอยู่เสมอ คือความหมายและหน้าที่ของทหาร ประเทศเราเป็นประเทศที่รักความสงบ ไม่ชอบการรุกราน แม้กระนั้นก็ดี การมีกำลังรบย่อมเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสงบและอิสรภาพของประเทศ เมื่อทหารมีไว้สำหรับประเทศชาติ ทหารก็ต้องเป็นของประเทศชาติ หาใช่เป็นของบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ โดยเฉพาะไม่... พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ พระราชทานในวันกองทัพบก ๒๕ มกราคม ๒๔๙๙ หลักสูตร เสือคาบดาบ ซีล บนอกครูฝึกที่ฟาดทหาร โหดกว่าเยอะ อย่ รั้วของชาติ 3 August · โอกาสมาถึงแล้ว ฮูย่าาา !! Navy Seal เปิดรับข้าราชทหาร และตำรวจ ทุกเหล่าทัพ งบปี 60 ฝึกการรบแบบจู่โจมและส่งทางอากาศ (เสือคาบดาบ) - YouTube ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 24, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 24, 2016 ในหลวงในความทรงจำ ตอน ทหารผู้ถวายงาน ในหลวง ร.๙ | 09-11-59 | ThairathTV ทหารของพระราชา....พลเอกสนั่น มะเริงสิทธิ์ อดีตแม่ทัพภาค 2 ทหารผู้ถวายงานใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ 9… พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ จ.สุรินทร์ พ.ศ.2498 วันที่ 20 ตุลาคม 2559 นายสมศักดิ์ แซ่จึง ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์ รายงาน ภาพเก่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เมืองสุรินทร์ พ.ศ.2498 ที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ เสด็จเยี่ยมราษฎรจังหวัดสุรินทร์ อริยสงฆ์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ในหลวงเสด็จสนทนาธรรม ที่วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ วันที่ 21 ตุลาคม 2559 นายสมศักดิ์ แซ่จึง ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์ รายงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จนมัสการสนทนาธรรม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ ในหลวง-พระราชินีเสด็จเมืองสุรินทร์ครั้งแรก วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ขบวนรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีรถไฟสุรินทร์เมื่อเวลา ๑๔.๔๕ น...เวลา ๒๐.๒๐ น. เสด็จประทับห... YOUTU.BE YOUTUBE.COM อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2016 ธ. อยู่ใกล้เสมอมิเคยห่าง " ร่ำรำ่พินิจพิจ ดารา มีสุริยันจันทรา ส่องไซร้ เห็นประหนึ่งองค์ราชา ประดับแดนสรวง ประทับสถิตใกล้ ไพร่ฟ้าตราบนิรันดร์" บทกวี โดย 'อิงฟูฟ่อง ฝันเฟื่อง ภาพวาดสีน้ำมันโดย ปุณณภพ บุญเกตุ จัดแสดงที่ pacific city club สุขุมวิท 27พ.ย.- 5ก.พ.60 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 28, 2016 อาวุธคู่พระหัตถ์..ใช้ต่อสู้กับสารพัดความทุกข์ยากแร้นแค้นของพสกนิกร . อ่านแล้วถึงกับน้ำตาซึม… “กว่า ๖ ทศวรรษแห่งการครองราชย์ กับ อาวุธทรงงานเพื่อต่อสู้กับความทุกข์ยากของพสกนิกรทั้งประเทศ เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ประชาชนชาวไทยและทั่วโลกว่า…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์แห่งสยามประเทศพระองค์นี้ ทรงได้รับการสรรเสริญพระยศจากมหาชนทั่วไป ว่า “มหาราช” หรือ “พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” … แต่ทว่า “มหาราช” ของไทยพระองค์นี้ ก็ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะดำเนินชีวิตอย่างสมถะ ยึดถือ แนวทางแห่งความ “พอเพียง” และเน้นวิถีแห่ง“ธรรมชาติ” เป็นหลักในการดำเนินการใดๆ ด้วยยุคสมัยแห่งการแย่งชิงดินแดนผ่านพ้นไป ทำให้ “ในหลวง” ทรงเป็น “มหาราช” พระองค์เดียวของไทยที่มิได้ถือดาบหรือศาสตราวุธเป็นเครื่องมือต่อสู้ประจำพระองค์ แต่กระนั้น “เครื่องมือ” หรือ “อาวุธ” คู่พระหัตถ์ของพระองค์ท่าน ก็เปี่ยมประสิทธิภาพและนำพาความอยู่ดีกินดีมาสู่ประชาชนของพระองค์มาช้านานกว่า ๖ ทศวรรษแห่งการครองราชย์ “อาวุธ” ซึ่งไร้คม และมิได้ถูกสร้างมาเพื่อทำลายล้างอริราชศัตรู แต่เป็นอาวุธที่ทรงใช้ต่อสู้กับสารพัดความทุกข์ยากแร้นแค้นของพสกนิกรทั้งประเทศ … 14292243_1590487074589600_2307702748682909704_n #แผนที่ส่วนพระองค์ …สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยพระราชทานสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า …แผนที่ส่วนพระองค์ที่ทรงใช้เป็นประจำ เป็นแผนที่ขนาดสัดส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ ที่ทรงทำขึ้นด้วยพระองค์เอง ทั้งยังทรงคอยปรับแก้และเพิ่มเติมข้อมูลใหม่ๆ เข้าไปเสมอทุกครั้งที่เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎร ซึ่งหากปีต่อๆ ไปได้เสด็จฯ ไปที่เดิมอีก ก็จะทรงใช้แผนที่อันเดิมนั้นในการตรวจสอบ จึงทำให้ทรง “หวง” แผนที่ส่วนพระองค์ชุดนี้มาก…หากแผนที่นั้น “เน่า” เต็มทน คือโดนฝนโดนอะไรหลายปีหลายฤดูกาล ก็จะทรงย้ายข้อมูลจากแผ่นเก่าไปสู่แผ่นใหม่ ซึ่งก็ต้องทรงทำเองอีกเหมือนกัน… นอกจากนี้ ในห้องทรงงานส่วนพระองค์ทุกๆ แห่ง จะมีแผนที่ขนาดใหญ่ติดอยู่ในห้องนั้นด้วยเสมอไป เพื่อให้พระองค์ท่านทรงงานได้สะดวกนั่นเอง “ประชาชนจะมีโอกาสเห็นอยู่เสมอว่าวิธีการที่ทรงปฏิบัติในการหาแหล่งน้ำ และการช่วยเหลือราษฎรในงานชลประทานนั้นทำอย่างไรจากข่าวในโทรทัศน์ แต่บางท่านอาจจะเข้าใจได้ยากเพราะว่าภาพที่เห็นนั้นไปไหนๆ ก็ตาม พระเจ้าอยู่หัวก็จะต้องถือแผนที่ของท่านอยู่แผ่นหนึ่ง แผนที่แผ่นหนึ่งของท่านค่อนข้างจะกว้างกว่าแผนที่ที่ใครๆ เห็นกันทั่วไป เพราะท่านเอาหลายๆ ระวางมาแปะติดกัน การแปะแผนที่เข้าด้วยกันนั้นท่านทำอย่างพิถีพิถัน แล้วถือเป็นงานที่ใครจะมาแตะต้องช่วยเหลือไม่ได้เลยทีเดียว ก่อนที่จะเสด็จฯ ไหนท่านจะเตรียมทำแผนที่และศึกษาแผนที่นั้นโดยละเอียด ท่านได้ตัดหัวแผนที่ออก แล้วส่วนที่ตัดออกนั้นจะทิ้งไม่ได้ ท่านจะค่อยๆ เอากาวมาแปะติดกัน สำนักงานของท่านคือห้องกว้างๆ ไม่มีเก้าอี้ มีพื้น แล้วท่านก้มอยู่กับพื้นแล้วเอากาวติดแผนที่เข้าด้วยกัน แล้วหัวกระดาษต่างๆ ท่านก็ค่อยๆตัดแล้วแปะเรียงกันเป็นหัวแผนที่ใหม่เพื่อจะได้ทราบว่าแผนที่นั้นเป็นแผนที่ใหม่อันใหญ่ของท่าน ท่านทำจากแผนที่ระวางไหนบ้าง 112 แล้วเวลาเสด็จฯ ไป ก็ต้องไปถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้น อยู่ที่ไหน ทางทิศเหนือมีอะไร ทิศใต้มีอะไร ท่านถามหลายๆ คน แล้วตรวจสอบกันไปมาระหว่างคนที่ถามนั้น ดูจากแผนที่อันนั้นว่าแผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่ น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน บางครั้งถ้าแผนที่ไม่ถูกต้องท่านจะตรวจสอบได้ และมีเจ้าหน้าที่จากกรมแผนที่ที่ตามเสด็จฯ ด้วย ก็เรียกมาชี้ให้ดูว่า ตรงนี้จะต้องแก้ไข แม้แต่ในการเสด็จพระราชดำเนินนั้น ถ้าไปทางรถธรรมดาท่านจะมีแผนที่ซึ่งท่านใช้อยู่ประจำ เป็นแผนที่ ๑ : ๕๐,๐๐๐ แต่ในบางท้องที่ก็โปรดเกล้าฯ ให้ทำเป็นแผนที่ ๑ : ๒๕,๐๐๐ ซึ่งบางครั้งปรากฏว่าแผนที่ ๑ : ๕๐,๐๐๐ กลับถูกต้องกว่า… …การพิจารณาในการวางโครงการของท่านนั้นท่านจะพิจารณาเป็นกลุ่มๆ ไปไม่ปะปนกัน เพราะบางครั้งชาวบ้านที่กราบบังคมทูลก็กราบบังคมทูลไม่ถูกต้องก็มี ถูกต้องก็มี ก็ต้องใช้ความรู้หลายๆ ด้าน เพื่อที่จะพิจารณาดูว่าคนไหนให้ข้อมูลถูก คนไหนให้ข้อมูลผิด และสถานที่นั้นเป็นที่ไหน มีคนไหนกราบทูลว่าอย่างไร ก็จะทรงจดลงในแผนที่นั้น และเวลาเสด็จฯ ไปที่เดิมอีก ส่วนมากจะเป็นปีต่อไป ท่านก็ใช้แผนที่อันเดิมนั้นในการที่จะตรวจสอบ ทำให้ท่านหวงแผนที่ของท่านมาก อันเดิมนั้นต้องเก็บไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนที่ทางภาคใต้นั้นโดนฝนมาก เพราะเวลาเสด็จฯ ออกไปฝนมักจะตก ทำให้แผนที่ค่อนข้างจะเปื่อยยุ่ย ก็ต้องถือด้วยความระมัดระวัง เวลาท่านสอนท่านสอนแม้กระทั่งการพับแผนที่ เพราะว่าเวลาเรานั่งในรถที่มันก็แคบ กางแขนกางขาออกไปมากไม่ได้ เวลาเตรียมก่อนเดินทางเราต้องพับแผนที่ให้ถูกทางว่าตอนแรกไปถึงไหน และพอไปถึงอีกที่นี่จะต้องคลี่ให้ได้ทันท่วงที จากคลี่หน้าไหนแล้วต่อไปถึงหน้าไหน (คัดตัดตอนจาก พระดำรัสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานสัมภาษณ์แก่คณะอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตีพิมพ์ในวิศวกรรมสาร ประจำเดือน ธันวาคม ๒๕๒๗) dsc02126 #ดินสอ ในการทรงงานแต่ละครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมักทรงเลือกใช้ดินสอเป็นส่วนใหญ่ ด้วยทรงเห็นว่าประหยัด ราคาถูก ผลิตได้ในประเทศ และเมื่อผิดก็ลบง่าย แม้จะเป็นเพียงดินสอราคาถูก แต่พระองค์ก็ทรงใช้อย่างประหยัดและเห็นคุณค่าเสมอ โดยในปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอเพียง ๑๒ แท่ง และทรงใช้เดือนละแท่งจนกระทั่งสั้นกุดหรือแม้กระทั่งเมื่อดินสอสั้นมากแล้ว ...เรื่องนี้มีที่มา.ครั้งหนึ่งมหาดเล็กคนใหม่คนหนึ่งมีโอกาสได้เข้ามาจัดเก็บสิ่งของในห้องของพระองค์ท่าน มหาดเล็กผู้นั้นมองเห็นดินสอแท่งหนึ่งซึ่งถูกใช้จนเหลือสั้นมากแทบจะกุดเต็มที เขาจึงนำดินสอแท่งนั้นไปทิ้ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้ามาในห้องก็ตรัสถามว่า “ดินสอของเราอยู่ไหน?” มหาดเล็กก็ตอบว่าได้นำไปทิ้งแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินไปที่ถังขยะ ทรงหยิบดินสอแท่งนั้นขึ้นมาแล้วตรัสกับมหาดเล็กคนนั้น ว่า …ดินสอแท่งนี้ถึงแม้จะสั้นจวนจะกุดแล้ว แต่หากเรานำแท่งต่อดินสอมาใส่ ดินสอที่เหมือนจะใช้ไม่ได้แล้วแท่งนี้ก็สามารถใช้ได้เหมือนเดิม สามารถใช้ได้จนหมดแท่ง …สิ่งสำคัญกว่าตัวด้าม ก็คงเป็นจะเป็นไส้ของดินสอ ว่าไส้ถ่านเหล่านั้นได้ขีดเขียนอะไรเพื่อประเทศชาติมาแล้วบ้าง กว่าตลอด ๖ ทศวรรษแห่งการทรงงานของมหาราชผู้นี้… nis01804 #กล้องถ่ายรูป ภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินอยู่ตามป่าเขา ทุ่งนา และทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ พร้อมทรงสะพาย “กล้องถ่ายรูป” เป็นภาพที่คนไทยคุ้นเคยและเจนตายิ่งอีกภาพหนึ่ง เคยมีคนในวงการถ่ายภาพเคยนึกสงสัยว่าเกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ว่า เหตุใดไม่ทรงใช้กล้องถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงและราคาแพงเหมือนที่นักถ่ายภาพบางคนเขาใช้กัน แต่กลับทรงใช้กล้องถ่ายภาพแบบธรรมดาที่ใครๆ ก็หาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาด ซึ่งพระราชจริยวัตรนี้ มีผู้ใหญ่ในวงการถ่ายภาพอธิบายเป็นการเทิดพระเกียรติ ว่า… ประเทศไทยเราผลิตกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพไม่ได้เลย เราต้องเสียดุลการค้าให้กับต่างประเทศเป็นอันมาก จึงควรสังวรระวังการใช้จ่ายในเรื่องนี้ให้ดีแต่พอเหมาะพอควร ส่วนผู้ที่ทำธุรกิจทางการถ่ายภาพนั้นย่อมต้องการผลิตงานคุณภาพดี ก็ต้องใช้ของดีราคาแพง นี่เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น ผู้ที่ถ่ายภาพกันโดยทั่วไปเพียงแต่ใช้กล้องถ่ายภาพระดับมาตรฐาน ทำงานได้อย่างถูกต้องก็ถือว่าเหมาะสมและดีที่สุดแล้ว ………………………………….. ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล – tnews ขอขอบคุณแหล่งที่มาภาพ สำนักงาน กปร. ที่มา : เพจเพื่อชาติและราชบัลลังก์ === คลิป ฝนหลวง ตามเสด็จพระราชดำเนินทอดหระเนตรกิจการฝนหลวง SP ดาวน์โหลดหนังสือพระราชดำรัส http://goo.gl/B3ghWทรงวาดแผนที่แก้ปัญหาน้ำท่วม ส่วนที่ 3 และทฤษฎ๊ใหม่ youtube ฝนหลวง คนล่าเมฆ SP FILM - YouTube รัฐบาลจอร์แดนนำโครงการฝนหลวงจากไทย ไปช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งใ คลิป ปลื้ม!'ฝนหลวง'ในหลวงรัชกาลที่9 สร้างความชุ่มชื่นแผ่นดินจอร์แดน 28 พ.ย.59 นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร , นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์… NAEWNA.COM "เมฆหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า" ฟังพระสุรเสียง ในหลวง ร.9 มีพระราชดำรัสกับนร. ถึงภาพถ่ายฝนหลวง จากฝี ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th 77JOWO.TNEWS.CO.TH เป็นบุญตาที่ได้เห็น!!! ลายพระหัตถ์บนแผนที่ทรงงานของ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ นอกจาก “กล้องถ่ายภาพ” ที่ได้เห็นตลอดเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙… PANTIP.COM|BY PANTIP.COM 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 28, 2016 (มีการแก้ไข) มีดีให้ดู สะกิดใจ ให้ช่วยกัน ...ลงมือทำดี .... เรื่อง ขี้.... ขี้ .... เรื่อง... ขี้... ขี้... - YouTube ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 28, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 28, 2016 (มีการแก้ไข) ข้าวในบาตร-ข้าวในนา' สิ้นยาง? เรื่อง "สมีโย" น่ะ......... เรา "ชาวบ้าน" ผู้จ่ายเงินเดือน ไม่ต้องทุกข์ร้อนไปหรอก! ดู "คนกินเงินเดือน" จากเราซักพัก ไล่ลงไปตั้งแต่ ดีเอสไอ-ตำรวจ-อัยการ-สำนักพุทธ-มหาเถรฯ จนถึงคณะรัฐบาล รวมๆ แล้ว "เป็นแสน-เป็นล้านคน"........... ว่าจะมีน้ำยาเอาตัวโจร "ในคราบโล้นห่มเหลือง" ที่ชื่อธัมมชโย "เพียงคนเดียว" เข้าสู่กระบวนการกฎหมายได้มั้ย? ตอนนี้ พวกดอกเตอร์ไปจากวัด แล้วคาบคัมภีร์พ่นธรรมสอนชาวบ้าน สอนพระตามมหาลัย ส่วนหนึ่งเป็นพวกมหาเปรียญเก่า อาศัยผ้าเหลืองร่ำเรียนจบปริญญาแล้วก็สึกเอาวิชาไปหากินทางโลก กำลังใช้ความ "รู้มาก" ลวงโลก....... โดยใช้ดีกรีและภาพลักษณ์ผู้รู้ทางศาสนาประกันคำพูดตัวเองให้ชาวบ้านหลงว่า "ลัทธิธรรมกาย" คือ "พระพุทธศาสนา" "พระพุทธศาสนา" คือ "ลัทธิธรรมกาย" พุทธศาสนากับลัทธิจานบิน เป็นอันเดียวกัน! การจับสมีโยก็ดี การโจษขานธรรมกายเป็นลัทธิหลอกขายบุญ หลอกขายนรก-สวรรค์ก็ดี การบอกว่าธรรมกายตู่พระพุทธพจน์ ก็ดี การสอน-การปฏิบัติ "วิปริตผิดเพี้ยน" จากพระธรรมวินัยก็ดี ว่านั่น คือแผนจากฝ่าย "จ้องล้ม" พระพุทธศาสนา! ดูมันทำสิ ........... ระดับพระเก่า บวชเรียนมาก่อนแท้ๆ แทนจะเข้าถึงธรรมพุทธองค์ กลับเข้าถึงเงินจานบินที่หว่านโปรยในรูปแบบต่างๆ แล้วพวกรับใช้โจรปล้นศาสนา ก็สรุปดื้อๆ ว่า "ล้มลัทธิธรรมกายได้ เท่ากับล้มพระพุทธศาสนาได้"!? ไม่แค่นั้น........... ยังพูดแทง-แยงยั่ว ปั่นหัวชาวบ้านให้เข้าใจว่า นี้เป็นแผน "ศาสนาหนึ่ง" ในประเทศไทย ที่จ้องล้มพุทธศาสนา พูดง่ายๆ เบี่ยงประเด็นของตัวเอง ไปเสี้ยมให้คน ๒ ศาสนาทะเลาะกัน หวัง "ขึ้นภูดูเสือกัดกัน" ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มเจ็บ-ล้มตายกันไป ที่สบายคือ กู....ธรรมกายจานบิน! ถ้าสังเกตจะเห็น ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ นานมาแล้ว แต่มาเผยตัวให้เห็นชัด ตอนระบอบทักษิณเปิดศึก "ล้มประเทศ-ล้มสถาบัน" ในรอบ ๑๐ ปี นี้แหละ มีพวกอาศัยผ้าเหลืองเรียนแล้วสึกไปหากินทางโลกกลุ่มหนึ่ง สมคบกับพวกโล้นห่มเหลืองที่รู้ไส้-รู้พุงในความเป็นพระมาด้วยกัน ตั้งกลุ่ม-ตั้งแก๊ง ......... อ้างเป็นองครักษ์พิทักษ์พุทธศาสนาต่างๆ นานา! พอทักษิณเสียอำนาจ เกิดกลุ่มแดงป่วนเมือง ก็เปลือยธาตุแท้ชัดจากพฤติกรรม "แก๊งพระผสมผี" นี้ ก็คือ แดงในซีกสงฆ์นั่นเอง เปลือยตัวตนทางวิทยุ ออกโทรทัศน์ ขึ้นเวทีแดง ซ่องสุมชุมนุมคนพรรคการเมืองระบอบทักษิณ กระทั่งเป็นตัวนำทักษิณตระเวนไปตามวัดในต่างประเทศ เกณฑ์พระมาเป็นสาวก แล้วแจกซอง! ตัวนำทั้งหัวดำ-หัวโล้น ส่วนมากสอนตามสถาบันศึกษาสงฆ์ และอยู่กลุ่มอำนาจปกครองสงฆ์ ถามว่า คนระดับมีการศึกษา เป็นถึงครูบาอาจารย์ ........... ทำไมแยกดี-แยกชั่วไม่ได้ ประพฤติทุราจาร ต่อบ้าน-ต่อเมือง และต่อพุทธศาสนาถึงขนาดนั้น? มองถึงเหตุปัจจัย ก็พอเข้าใจได้........... คือโดยทั่วไป พระ-เณร ที่เข้ามาศึกษาร่ำเรียนนั้น ร้อยละ ๘๐-๙๐% ก็ว่าได้ เป็นลูกชาวบ้าน ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากนัก การเล่าเรียนผ่านทางศาสนา จึงเป็นโอกาสดี เพราะไม่ต้องใช้เงินทองมาก บ้านไม่ต้องเช่า-ข้าวไม่ต้องซื้อ แรกๆ ก็เรียนวิชาทางพระพุทธศาสนา อยู่ไปนานๆ ก็สอดส่ายเรียนวิชาทางโลก การเป็นพระ-เณรอยู่ในกรุงเทพฯ อาหารขบฉันไม่สมบูรณ์เหมือนอยู่ต่างจังหวัด อุปกรณ์การเรียน ตลอดถึงเครื่องใช้จำเป็นก็ต้องใช้เงินซื้อ แล้วจะเอาเงินที่ไหนล่ะ? พระ-เณร ท่านก็ไม่ถึงไปปล้น ไปทำผิดศีลหรอก แต่นั่น เป็นช่องว่างให้พวกพระดังๆ ที่ใช้เดรัจฉานวิชาแสวงหาลาภยศ สอดแทรก จะแสดง "ศรัทธาแอบแฝง" เข้ามาหาพวกตามแหล่งศึกษาสงฆ์ ในรูปสนับสนุนการศึกษา สร้างโน่น-นี่ มีแมวมอง จ้องดูพระ-เณร เห็นองค์ไหนมีแวว มีอนาคต เป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคุณ ก็ทุ่มแทงทันที! เข้าไปอุปถัมภ์ นิมนต์ไปเทศน์ ไปฉันเช้า-ฉันเพล แล้วถวายจตุปัจจัย เรียกว่าปรนเปรอพระ-เณรรูปนั้นๆ จนติดลาภสักการะ พระ-เณรติดอามิส....... ก็เหมือน "คนติดยา" นั่นแหละ จะภักดี "ขายตัว-ยอมทำ" เพื่อแลกกับยา เปลือกมองเห็นเป็นสัทธรรม แต่เนื้อแท้ คืออสัทธรรม ก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้ทั้งหมดหรือมีมากมายอะไรหรอก เขาจะเลือกไปเพาะเป็นหัวเชื้อไว้จำนวนหนึ่ง พอหัวเชื้อโต ถ้าไม่สึก ก็ค่อยๆ สูงสมณศักดิ์ สูงตำแหน่งทางปกครองสงฆ์ หัวเชื้อก็จะไปสร้างบริวารต่อเองทางศาสนจักร แต่ถ้ามีวิชาแล้วสึกไปคึกทางโลก ไปเป็นครูบาอาจารย์ ไปเป็นอนุศาสนาจารย์ ต่างๆ นานา นี่ก็ไปเป็นหัวเชื้อสร้างบริวารทางอาณาจักร! มีอดีตพระเจ้าสำนักหนึ่ง อยู่ในคุกหลายสิบปีแล้ว ยังไม่ออก ตอนยังไม่ติดคุก ชื่อภาวนาพุทโธโด่งดังมาก จัดรายการทางวิทยุทั้งวัน-ทั้งคืน ผมยังจำติดหู เดี๋ยวทอดผ้าป่าพระสถาบันการศึกษาสงฆ์ เดี๋ยวนิมนต์มาฉันที่วัด แล้วถวายเงิน-ถวายทอง เรียกว่า "เป็นขาประจำ" กันเลย! เพื่ออะไร ก็เพื่อ "ซื้อใจ-ซื้อพวก" เอานามสถาบันศึกษาสงฆ์มาคลุมเสริมบารมีเดรัจฉานวิชา เป็นการสร้างความเชื่อถือจากชาวบ้าน พระเถระผู้ใหญ่วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์รูปหนึ่ง เคยมีคำปรารภเรื่องนี้ และมีเผยแพร่ตามเว็บ แต่ถูกลบทิ้งไปแล้ว ผมยังจำได้ คือท่านปรารภว่า พระ-เณรดีๆ ในวัด ถูกต้อนไปเข้าสำนักธรรมกายหมด! องค์ไหนเรียนเก่ง ได้เปรียญ ๖-๗-๘ ประมาณนั้น จะมีแมวมองมาสำรวจ ที่เห็นว่าองค์นี้มีแววรุ่ง จะเข้าไปอุปถัมภ์-อุปัฏฐาก! แรกๆ มาที่วัด นานๆ ไป นิมนต์ไปฉัน ไปเทศน์ที่จานบิน ลงท้าย ย้ายจากวัดมหาธาตุฯ ไปสังกัดวัดจานบินเลย จนวัดจานบินเป็นสำนักศึกษาใหญ่ มีพระ-เณรสอบเปรียญธรรมได้ปีละมากๆ ถึงระดับเปรียญ ๙ ประโยค นี่...ใจความที่พระเถระวัดมหาธาตุฯ ปรารภไว้ มีประมาณนี้! จะเห็นว่า อาณาจักรจานบินมีเป้าหมายและมีแผนรุกคืบเข้าคลุมพุทธศาสนาในไทยเป็นขั้นตอนมาแต่เริ่ม และใช้การตลาดกับศาสนาได้อย่างมีผล คนวางแผนการตลาดให้นั้น เอ่ยชื่อต้องรู้จักกันดี เพราะโด่งดังด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ในยุคหนึ่งมาก แม้กระทั่ง "สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี" ในวัดธรรมกาย ที่สมีโยตั้งสโลแกนให้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้บริหารตอนนั้นว่า "ให้บิลเกตเป็นเศษสตางค์" ด้านการตลาด เพื่อหลอกดูดเงินสาวกด้วย "บุญผ่อนส่ง" ยักเยื้องวิธีการต่างๆ จัดงานนั่น-นี่อลังการงานสร้าง ก็จากมันสมองนักการตลาดคนนี้แหละ! แต่คงได้บุญจานบินมาก เห็นตายไปเมื่อปี-สองปีนี้เอง จองซื้อวิมานไว้ที่สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน? ที่เล่ามานี้ ก็ปูพื้นให้ทราบ........... ว่าที่เห็นพระบ้าง ฆราวาสบ้าง ระดับอาจารย์สถาบันศึกษาสงฆ์ เป็นถึงเจ้าอาวาส-รองเจ้าอาวาส สมณศักดิ์สูงๆ ทำไมถึงมืดบอด แยกชั่ว-แยกดีไม่ออก ยอมเป็นข้าทาสให้ลัทธิจานบิน บูชาตีนสมีโยถึงขนาดนั้น? และที่เศร้า-ปนทุเรศเอามากๆ คนมีความคิดนำชาวบ้านทางศาสนา เป็นดอกเตอร์ เป็นอาจารย์ เคยสอนทหาร สอนชาวบ้าน กลับยกลัทธิธรรมกายที่ตู่ธรรมพุทธองค์ขึ้นเป็นตัวพุทธศาสนา!? กล้าและบังอาจพูดถึงขั้นว่า.......... ล้มธรรมกายคือล้มพุทธศาสนา? นึกว่า ในปรากฏการณ์ "ขายชาติ-ล้มสถาบัน" ข้าวไทยหมดยาง ก็คงแค่ "ข้าวในทุ่ง" แต่ที่ไหนได้..."ข้าวในบาตร" แท้ๆ ก็ยัง "หมดยาง" ทำให้ "บางพระ-บางทิด" "มิดนรก" ทั้งเป็น เห็นๆ อยู่! === www.youtube.com ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 28, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤศจิกายน 28, 2016 พวกเราไม่มีโดรน แต่เรามีเสาธง และหัวใจจงรักภักดีเปี่ยมล้น ครูไทยนักเรียนไทยทำได้ทุกอย่าง โรงเรียนบ้านหนองมะค่า อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ cr เรารัก'ลพบุรี' == ธปท.ชี้ ‘ช้อปช่วยชาติ’ หนุนเศรษฐกิจ “แบงก์ชาติ” หนุนมาตรการ ช้อปช่วยชาติ ชี้ช่วย "ประคองเศรษฐกิจ" ช่วงชะลอตัว เพื่อรอการลงทุนขนาดใหญ่ที่เข้ามาหนุนเศรษฐกิจในปีหน้า BANGKOKBIZNEWS.COM|BY กรุงเทพธุรกิจ === 28 พ.ย.59 ชาวสวิสลงประชามติ ปฎิเสธข้อเสนอของพรรคกรีนให้เริ่มกระบวนการปิดโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ 5 โรง ในสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มต้นในปีหน้าด้วยคะแนนเสียง 55 ต่อ 45% การลงประชามติว่ารัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ควรเร่งกระบวนการยุติการใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) ปรากฏว่า ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนปฎิเสธข้อเสนอของพรรคกรีนให้เริ่มกระบวนการปิดโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ 5 โรง ในสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มต้นในปีหน้าด้วยคะแนนเสียง 55 ต่อ 45% โดยโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ทั้ง 5 โรง ป้อนกระแสไฟฟ้าให้แก่ชาวสวิสถึงร้อยละ 40 ของไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมด หลังอุบัติเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิหมะ ของญี่ปุ่น รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศว่าจะผลักดันประเทศไปสู่การใช้พลังงานทดแทนให้ได้ภายในปี 2593 และโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้ง 5 โรงนี้จะยังคงเปิดทำการต่อไปตราบใดที่ยังถือว่าปลอดภัย และไม่ได้กำหนดเวลาในการปิดโรงงานอย่างชัดเจน ด้านนักสิ่งแวดล้อมระบุว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใดๆ ไม่ควรใช้งานเกิน 45 ปี ซึ่งหมายถึงว่า อย่างน้อยโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์อย่างน้อย 2 แห่งในสวิตเซอร์แลนด์ต้องปิดลงโดยทันที แต่นักธุรกิจและรัฐบาลสวิสแย้งว่า การเร่งกระบวนการปิดโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เร็วเกินไป จะทำให้เกิดไฟฟ้าขาดแคลน และต้องหันมาพึ่งพาการผลิตไฟฟ้า โดยอาศัยน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น สำหรับชาวสวิสนั้น แม้จะตระหนักว่าโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่เก่าแก่นั้นไม่ปลอดภัย แต่การขาดแคลนไฟฟ้าเป็นเรื่องใหญ่กว่า เพราะไฟฟ้าของสวิสกว่า 1 ใน 3 มาจากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ และสวิตเซอร์แลนด์เองก็จัดเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข่งขันกันมากที่สุดในโลก ประชาชนไม่ต้องการให้มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรค อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์มีแผนระยะยาว ที่จะเปลี่ยนไปสู่การผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานทดแทนอยู่แล้ว และค่อยๆ ลดลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ลงไปเรื่อยๆ จนถึงเลิกไปในที่สุด แนวหน้า === ขาเทียมแบบโปร่งจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Exo Prosthetic เป็นขาเทียมที่ได้รับการออกแบบ และสร้างขึ้นมาโดย William Root เป็นขาเที่ยมทีมีน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแรงถูกสร้างให้มีลักษณะโปร่งใส โดยใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ทำให้ผู็ที่สวมใส่มีความสะดวกและสบายยิ่งขึ้น www.freeview.co.th ฟรีวิว เอชดี "เหนือกว่า" ติดตั้งวันนี้ โทร 020263399 www.nextsteptv.com === คลินตัน “เห็นด้วย” กับการนับคะแนนเสียงใหม่ แต่ทรัมป์ “ไม่เห็นด้วย” เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฮิลลารี คลินตัน ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตจะเข้าร่วมการนับคะแนนการเลือกตั้งอีกครั้งในรัฐวิสคอนซิน ในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่เห็นด้วยและกล่าวว่าเป็น “กลโกง” มาร์ค เอเลียส (Marc Elias) ที่ปรึกษาด้านการหาเสียงของคลินตันประกาศทางออนไลน์ว่า “เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อเป็นการยืนยันว่าขั้นตอนและตัวแทนต่างๆปฏิบัติตามกฎหมาย” อย่างไรก็ตาม จิลล์ สไตน์ (Jill Stein) ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯจากพรรคกรีน ได้ยื่นคำร้องให้มีการนับคะแนนใหม่อีกครั้ง โดยเธอลงคลิปวิดีโอเพื่อประกาศว่า เธอจะผลักดันการนับคะแนนใหม่ในรัฐวิสคอนซิน รัฐมิชิแกน และรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเอเลียสกล่าวว่าคลินตันจะเข้าร่วมการนับคะแนนเสียงครั้งใหม่นี้ด้วย โดยทั้งสามรัฐที่สไตน์เรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่นั้น เป็นรัฐที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะมาได้ โดยเขาได้คะแนนเสียงจากรัฐทั้งสาม 100,000 เสียง ซึ่งแบ่งเป็นรัฐเพนซิลเวเนีย 70,000 เสียง รัฐมิชิแกน 10,000 เสียง และรัฐวิสคอนซินอีก 27,000 เสียง สื่อท้องถิ่นรายงานเธอจะต้องเรี่ยไรเงินมากกว่า 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการนับคะแนนเสียงครั้งใหม่ ซึ่งมากกว่าเงินที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง 3.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเสียอีก ทั้งนี้ ทรัมป์ออกมาประกาศว่า คำร้องให้มีการนับคะแนนครั้งใหม่ของสไตน์นั้น “เป็นเรื่องเหลวไหล” “มันเป็นกลโกงของพรรคกรีน ซึ่งถึงแม้ว่าการเลือกตั้งจะจบลงแล้ว และควรจะเคารพผลของมัน แต่กลับท้าทายและดูถูกเหยียดหยาม” อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น