ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
aunson

บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

โพสต์แนะนำ

post-4992-0-00504400-1348016349.gif

ดีคะจานอั๋น เพื่อนๆ

 

10 ชาติตุนทองคำมากสุดในโลก

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

เผยโฉม 10 ประเทศที่ถือครองทองคำมากสุดในโลก ท่ามกลางราคาที่ปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐประกาศนโยบายคิวอี 3 แบบไร้ขีดจำกัด

 

ราคาทองคำได้แรงผลักจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนมองหา ท่ามกลางความวิตกว่าอาจก่อภาวะเงินเฟ้อ และทำให้มูลค่าของเงินลดลง นอกจากนี้ ธนาคารกลางของแต่ละประเทศยังสะสมทองคำในคลังเพิ่มขึ้นด้วย

 

จากข้อมูลของสภาทองคำโลก ประจำเดือนกันยายน ระบุว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ซื้อทองคำมากถึง 157.5 ตัน ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เพิ่มขึ้น 63% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 137.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน

 

เมื่อพิจารณาข้อมูลการถือครองทองคำจากที่แต่ละประเทศรายงานต่อสภาทองคำโลก และคำนวณสัดส่วนการถือครองทองคำที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศ พบว่า ประเทศที่ร่ำรวยทองคำในท้องพระคลังมากสุด คือ “สหรัฐ” โดยตัวเลขถือครองทองคำอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 8,133.5 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.4% ของทุนสำรอง สหรัฐเคยครอบครองทองคำมากสุดในโลกถึง 20,663 ตัน ในปี 2495 ก่อนลดระดับลงต่ำกว่าหลักหมื่นตันตั้งแต่ปี 2511

 

รองแชมป์ที่ถือครองทองคำมากสุด คือ “เยอรมนี” สะสมทองคำไว้ 3,395.5 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 72.3% ในทุนสำรองระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้ เยอรมนีเคยขายทองคำภายใต้ข้อตกลงระหว่างธนาคารกลาง (ซีบีจีเอ) ฉบับที่ 1 และ 2

 

โดยข้อตกลงแต่ละฉบับมีอายุ 5 ปี ขณะที่ข้อตกลงฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นฉบับที่ 3 (27 กันยายน 2552-26 กันยายน 2557) กำหนดข้อตกลงในการขายทองคำไม่เกิน 400 ตันต่อปี หรือไม่เกิน 2,000 ตัน ตลอดเวลา 5 ปี แต่ธนาคารกลางเยอรมนี หรือที่เรียกว่า บุนเดสแบงก์ ขายทองคำออกมา 6 ตัน ในปี 2552 และขายไปราว 4.7 ตัน นับจากวันที่ 7 กันยายน 2554

 

อันดับ 3 “อิตาลี” แดนมะกะโรนีถือครองทองคำอย่างเป็นทางการ 2,451.8 ตัน หรือมีทองคำคิดเป็น 71.2%ในทุนสำรองระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้ แบงก์ชาติอิตาลีไม่ได้ประกาศขายทองคำภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอ ฉบับ 1 และ 2 รวมถึงไม่มีแผนขายทองคำในข้อตกลงฉบับปัจจุบัน ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารในอิตาลีต่างเชียร์ให้ธนาคารกลางอิตาลีซื้อทองคำ และหนุนบัญชีงบดุลของธนาคารต่างๆ ก่อนการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test)

 

อันดับ 4 “ฝรั่งเศส” สะสมทองคำไว้ราว 2,435.4 ตัน มีสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ 71.7% แดนน้ำหอมเคยขายทองคำ 572 ตัน ภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอ ฉบับ 2 อีกทั้งใช้ทองคำ 17 ตัน เพื่อซื้อหุ้นในธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) ในปลายปี 2547 แต่ไม่มีแผนจะขายทองคำภายใต้ข้อตกลงฉบับล่าสุด

 

อันดับ 5 “จีน” ถือครองทองคำประมาณ 1,054.1 ตัน ขณะที่สัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ระดับ 1.7% ซึ่งยังค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบจากทุนสำรองระหว่างประเทศที่จีนมีสูงถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ การสะสมทองคำเพิ่มเติมในทุนสำรองถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับจีนที่จะผลักดันค่าเงินหยวนสู่สากล

 

อันดับ 6 “สวิตเซอร์แลนด์” ตุนทองคำไว้ 1,040.1 ตัน มีสัดส่วนทุนสำรองที่อยู่ในรูปทองคำคิดเป็น 12.1% ก่อนหน้านี้ ทางการสวิสประกาศขายทองคำ 1,300 ตัน ที่ประเมินว่าเกินกว่าความจำเป็นในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยทยอยขาย 1,170 ตัน ภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอฉบับแรก และขายอีก 130 ตัน ภายใต้ข้อตกลงฉบับที่ 2 แต่ยังไม่มีแผนขายทองคำในข้อตกลงฉบับปัจจุบัน

 

อันดับ 7 ได้แก่ “รัสเซีย” ที่มีทองคำ 936.6 ตันในคลังหลวง หรือคิดเป็น 9.6% ในทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด โดยรัสเซียเริ่มสะสมทองคำตั้งแต่ปี 2549 เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับในตะกร้าทุนสำรอง

 

อันดับ 8 “ญี่ปุ่น” ถือครองทองคำอยู่ราว 765.2 ตัน คิดเป็นสัดส่วนในทุนสำรอง 3.1% ทางการญี่ปุ่นมีทองคำในมือแค่ราว 6 ตัน ในยุค 1950 ธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มจริงจังกับการตุนทองเมื่อปี 2502 อยู่ที่ 169 ตัน แต่ในปีที่แล้ว แบงก์ชาติญี่ปุ่นต้องขายทองคำออกมา เพื่อปั๊มเงิน 20 ล้านล้านเยน สู่ระบบเศรษฐกิจ หลังเกิดเหตุสึนามิพัดถล่มและวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

 

อันดับ 9 “เนเธอร์แลนด์” สะสมทองคำไว้ 612.5 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 60.7% ของทุนสำรอง เนเธอร์แลนด์ขายทองคำ 235 ตัน ภายใต้ข้อตกลงซีบีจีเอฉบับแรก และ 165 ตัน ในฉบับที่ 2 แต่ไม่มีแผนขายทองคำในข้อตกลงฉบับปัจจุบัน

 

อันดับ 10 “อินเดีย” ถือครองทองคำ 557.7 ตัน คิดเป็น 9.9% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นที่ทราบกันดีว่า ธนาคารกลางอินเดียให้ความสำคัญกับทองคำในฐานะการลงทุนที่ปลอดภัย อีกทั้งเป็นผู้ซื้อทองคำรายสำคัญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่รัฐบาลมักไม่เปิดเผยแผนการซื้อทองคำต่อสาธารณะ

 

ส่วน “ไทย” สะสมทองคำมากเป็นอันดับ 25 มีอยู่ 152.4 ตัน หรือคิดเป็น 4.5% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Good Morning News 19 กันยายน 2555 - วรวรรณ ธาราภูมิ

 

 

โดย Analai Tone เมื่อ 19 กันยายน 2012 เวลา 4:52 น. ·

 

 

251015_3259321221780_870590288_n.jpg

 

483208_3259407823945_1690606760_n.jpg

  • ผลสำรวจผู้ลงทุนสถาบันซึ่งรวมถึงผู้จัดการกองทุนทั่วโลก 253 รายที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวม 681,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจัดทำในช่วง 7-13 ก.ย. โดย Bank of America ระบุว่า เป็นครั้งแรกในรอบกว่าปีที่ผู้ลงทุนสถาบันเชื่อว่าปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกมากกว่าปัญหาหนี้ภาครัฐในยุโรปและได้ลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นสหรัฐติดต่อกันมา 3 เดือนแล้ว โดย 58% คิดว่าหุ้นสหรัฐมีราคาตลาดแพงเกินปัจจัยพื้นฐาน นอกจากนี้ ผู้ที่ห่วงว่ายุโรปเสี่ยงมากที่สุดได้ลดลงจาก 48% ในเดือน ส.ค. เหลือ 33% ในเดือน ก.ย. โดย 42% ไม่คิดว่าจะกรีซจะออกจากกลุ่มยูโร

ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ที่เชื่อว่าจีนจะดีขึ้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การสำรวจในเดือน ต.ค. 2010 และมี 20% ที่คิดว่านโยบายการคลังโดยรวมของรัฐบาลต่างๆ ในโลกไม่ยืดหยุ่นและเข้มงวดเกินไป โดยมีจำนวนผู้เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยมี 14% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่การสำรวจในเดือน ธ.ค.ปีก่อน แต่ก็มี 68% ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงกลางค่อนไปทางปลายของการเติบโตเต็มที่ (Maturity)

  • ลุค เคอเน ประธานธนาคารกลางเบลเยียมและ (1 ใน 23 กรรมการบริหารของ ECB) เปิดเผยว่า ECB อาจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกและอาจขยายมาตรการอัดฉีดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว (LTRO) โดยต้นทุนการกู้ยืมของสเปนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งหากไม่มีมาตรการสนับสนุน

  • สัดส่วนหนี้เสียของธนาคารสเปนเพิ่มขึ้นจาก 9.4% ของพอร์ตสินเชื่อรวมในเดือน มิ.ย. เป็น 9.9% ในเดือน ก.ค. ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ฟองสบู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์แตกเมื่อ 4 ปีก่อน ทั้งนี้ สเปนกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2009 และชาวสเปน 1 ใน 4 กำลังตกงาน

  • ยอดขายรถยนต์ในยุโรปเดือน ส.ค. ลดลง 8.5% (ลดลง 11 เดือนติดต่อกัน) โดยที่ลดลงมากสุดได้แก่ ฟอร์ด จีเอ็ม และ เฟียต ส่วนยอดขายรวม 8 เดือนแรกปีนี้ลดลง 6.6% สู่ 8.59 ล้านคัน

  • ก.พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 2 ปีนี้ลดลงสู่ 1.174 แสนล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 3% ของ GDP ในขณะที่ไตรมาสแรกขาดดุล 1.336 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 3.5% ของGDP เนื่องจากนำเข้าลดลง 0.5% แต่ส่งออกเพิ่มขึ้น 1.4%

  • สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ รายงานว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 40 จาก 37 ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีอย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ยังต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านยังมีมุมมองต่อตลาดในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก และตั้งแต่เดือน เม.ย.2549 ดัชนียังไม่เคยปรับตัวเหนือระดับ 50 เลย

  • FED สาขานิวยอร์ค รานยงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ลดลงเป็น -10.41 ในเดือน ก.ย. จาก -5.85 ในเดือน ส.ค. โดยเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 2009นอกจากนี้ ดัชนีคำสั่งซื้อในภาคโรงงานของรัฐนิวยอร์คซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มในอนาคตก็ดิ่งลงจาก -5.50 ในเดือน ส.ค. สู่ -14.03 ในเดือน ก.ย.อีกด้วย ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2010

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีน เปิดเผยว่า ราคาบ้านของจีนในเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวขึ้นบ้างในตลาดอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านร่วงลง 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยลดลง 6 เดือนติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากการคุมเข้มนโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา

  • นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่า ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอีก 30 วัน เนื่องจากยังมีฝนตกหนักจนทำให้เกิดปัญหาในบางพื้นที่ โดยการระบายน้ำยังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก.มหาดไทย รายงานว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือและภาคกลาง 11 จังหวัด และประชาชนเดือดร้อน 1.42 แสนคน

  • ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. เปิดเผยว่า แม้ระดับน้ำในเจ้าพระยาจะสูงกว่า 1 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็ยังไม่ถึงจุดวิกฤต และยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ทั้งนี้ ต้องติดตามสถานการณ์ในวันที่ 21 ก.ย. เนื่องจากคาดว่าปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น

218052_3259408223955_169313592_n.jpg

  • SET Index ปิดที่ 1,272.86 จุด ลดลง 5.68 จุด หรือ -0.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,569.89 ล้านบาท โดยปรับตัวลดลงคล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียหลังจากตลาดตอบรับมาตรการ QE3 ไปแล้ว และตลาดยังกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนกับเรื่องที่จีนและญี่ปุ่นมีปัญหาขัดแย้งเรื่องสิทธิการครอบครองเกาะแห่งหนึ่ง

  • ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ยังไม่พบกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศไหลเข้าไทยอย่างผิดปกติทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตร หลังจาก FED ประกาศจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3)

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้ารุกตลาดผู้ลงทุนจีน โดยร่วมกับ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จัดงาน “Thailand Corporate Day” เป็นครั้งแรกที่เซี่ยงไฮ้ โดยนำ 4 บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ. ปตท. (PTT)

538888_3259408503962_1769733598_n.jpg

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 7 ปี มูลค่า 15,000 ล้านบาท และอายุ 20 ปี มูลค่า 6,000 ล้านบาท

310565_3259409263981_514169879_n.jpg

  • Tom Fitzpatrick นักวิเคราะห์จาก CitiGroup มีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อราคาทองคำ โดยระบุในหนังสือถึงผู้ลงทุนล่าสุดว่า ราคาทองคำจะขึ้นไปถึงระดับ$2500/oz ภายใน 6 เดือน และราคาในอนาคตที่ $6300/oz ก็เป็นไปได้ โดยการขึ้นของราคาทองคำจะทำให้ผู้ลงทุนหันไปหาแร่เงินซึ่งมีอัตราส่วนห่างจากราคาทองคำในปัจจุบันที่ถ่างกว้างมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนเย็นกลางสัปดาห์ แห่งความผันผวน เวลา 18.22 น. วันที่ 19/9/2555

 

เมื่อวานราคาทองคำ เปิดตลาดที่ 1761.83 เหรียญ มีราคาสูงสุดที่ 1773.32 เหรียญ มีราคาต่ำสุดที่ 1751.97 เหรียญ

 

ปิดตลาดที่ 1771.70 เหรียญ มี Volume การซื้อ-ขาย 60687 สัญญา เพิ่มขึ้น 11889 สัญญา

 

รวมทั้งวันวิ่งรวมทั้งหมด 22 เหรียญ การเคลื่อนไหวของราคาทองคำเป็นไปในลักษณะ Up Trend

 

ระยะนี้ราคาทองคำเริ่มมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้นแล้วนะครับ ดังนั้นแนะนำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังไว้ด้วยนะครับ

 

ไม่อย่างนั้นอาจจะขาดทุนได้ง่าย ๆ อย่างที่ผมเคยได้กล่าวไว้นะครับ

 

ว่า การมี QE3 นั้น นักลงทุนรายใหญ่จะได้กำไรมากที่สุดส่วนนักลงทุนรายย่อย ที่เป็นมือใหม่ หรือ ยังไม่มีความชำนาญในตลาดทองคำนี้

 

จะเจ็บตัวกันมากครับ เพราะว่าราคาทองคำจะยากต่อการคาดเดาทิศทางราคาทองคำระยะสั้นมากขึ้นครับ

 

แนวต้านแนวรับ

 

แนวต้าน 1777-1780 ไม่ผ่านระวังแรงขาย **** 1785-1790 ระวังแรงขาย มากมากไว้ก่อน **** 1800 *********

 

สรุป แนวต้าน ระวังไว้ก่อนนะครับ หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่าน หรือยืนเหนือ 1760-1770 ได้

 

สืบเนืองจากตอนนี้ กราฟราคาทองคำเริ่มส่งสัญญาณ OverBought จนเกือบจะ ERROR มากเกินไปแล้วนะครับ

 

จริง ๆ OverBought ก็เกิดมานานแล้วครับ แต่ราคาทองคำยังถือลากไปอีกเรื่อย ๆ จนจะดูเหมือนว่าสัญญาณต่าง ๆ ใช้ไม่ได้

 

แต่นั้นละครับ อาจจะเป็นกลยุทธ์ของขาใหญ่ ก้ได้ ส่วนหนึ่งครับ

 

วันนี้หรือสัปดาห์นี้ ถ้าราคาทองคำยังไม่สามารถ ผ่าน 1780 ไปได้ เกรงว่าราคาทองคำอาจจะย่อตัวลงปรับฐานอีกครั้งครับ

 

เพื่อกดสัญญาณ ๆ ต่าง ๆ ลงก่อน แล้วค่อยขึ้นแบบระยะยาว โดยมีเป้าหมาย 1800 แน่นอนครับ

 

แนวรับ 1766 ดูว่าหลุดหรือไม่ ถ้าหลุดให้เริ่มระวัง *** 1760 ดูว่ารับอย่หรือไม่ ถ้าไม่ 1755-1750 อีกครั้ง **** 1745 **** 1730 ***

 

สรุป แนวรับ ระยะนี้ราคาทองคำเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้นแนะนำให้เริ่มระวังมากขึ้นครับ

 

แต่ถ้าดูจากกกราฟ หรือ Indicator ต่าง ๆ แล้ว เตือนว่าอีกไม่นาน ครับ ถ้าราคาทองคำไม่ผ่าน 1780-1800 ไปได้ ราคาทองคำจะต้อง

 

ลงปรับฐานที่แท้จริง เพื่อ กดสัญญาณ Indicator หรือ กดสัญญาณตลาดลงก่อนแล้วค่อยขึ้นไป

 

พร้อมกับสัญญาณตลาดหรือ Indicator ต่าง ๆอีกครั้ง เหตุผลก็ง่าย ๆ ครับ ถ้าขาใหญ่ดันขึ้นไปเรื่อย แต่สัญญาณต่าง ๆ ไม่ตามไปด้วย

 

ก็จะไม่สามารถหลอกรายย่อยให้เชื่อแบบ สนิทใจนั้นเองครับ

 

กรอบเล็ก 1750-1780 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1740-1790 = 50 เหรียญ

 

สัปดาห์ต้องผ่าน 1780 ขึ้นไปทดสอบ1790-1800 ให้ได้ก่อนนะครับ ถ้าไม่ได้ เกรงว่า ราคาทองคำอาจจะย่อตัวลงอีกครับ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญมีดังนี้

 

1. เวลา 19.30 น. ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน คาดการณ์ ส่งผลบวกต่อราคาทองคำเล็กน้อย

 

2. เวลา 21.00 น. ยอดขายบ้านมือสอง คาดการณ์ ส่งผลลบต่อราคาทองคำ

 

3. เวลา 21.30 น. สต๊อกน้ำมันดิบ คาดการณ์ ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

 

2012_09_19-091-20120919vvxdEOdlFxdPl39718.gif

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ

 

แนะนำระยะนี้ก็คงการผันผวนของราคาทองคำ ที่อาจจะทำให้นักลงทุนระยะสั้น มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ทั้งฝั่ง ซื้อ และขาย ครับ :17

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากค่ะ จานอั๋น และกระต่ายทอง

 

 

 

Good Morning News 20 กันยายน 2555 - วรวรรณ ธาราภูมิ

 

โดย Analai Tone เมื่อ 20 กันยายน 2012 เวลา 4:51 น. ·

408907_3262592863569_392149016_n.jpg

418455_3262593623588_1500501913_n.jpg

  • กรีซ มีแผนขายอาคารที่พักทูตในยุโรปตามแผนการขายสินทรัพย์ของรัฐตามเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก EU และ IMF และอาจขายหรือให้เช่าพระราชวงศ์เก่าใกล้กรุงเอเธนส์ ภายใต้แผนขายสินทรัพย์ให้ได้ 50 พันล้านยูโร (64 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2020

  • รัฐบาลสเปนเจอแรงกดดันให้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศมากขึ้น หลังจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปีออกมา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวทะยานขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 6% เนื่องจากนักลงทุนมองว่าสเปนจะสามารถชำระหนี้ของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อ ธ.กลางยุโรป (ECB) เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปน
  • รัฐบาลฝรั่งเศสวางแผนจะปิดสถานทูตฝรั่งเศส 20 แห่งเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากแมกกาซีน Charlie Hebdo ของฝรั่งเศสได้ลงการ์ตูนหน้าปกที่ลบหลู่พระศาสดาโมฮัมหมัด

  • ธ.กลางอังกฤษ (BOE) คงวงเงินซื้อหลักทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ระดับ 375 พันล้านปอนด์ (610 พันล้านดอลลาร์) และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% หลังเชื่อมั่นว่ายังไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้ว่ายังมีความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรปที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษไปอีกระยะหนึ่ง และหากยืดเยื้อออกไปผลกระทบอาจเกิดกับเสถียรภาพระบบสถาบันการเงินโลกทั้งระบบ

  • วิลเลี่ยม ซี ดัดเลย์ ประธาน FED นิวยอร์ก กล่าวว่า การประกาศใช้มาตรการ QE3 เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอมากกว่าที่คาด และหากไม่มีมาตรการดังกล่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวในระดับต่ำในช่วงปลายปีข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดอุปทานส่วนเกินสูงอย่างเนื่อง และทำให้อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 8%

  • มูดี้ส์ ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ 15% ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ Fiscal Cliff พร้อมกับเตือนว่าสถาบันการเงินต่างๆ ต้องดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในช่วงที่มีความไม่แน่นอน

  • ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเดือน ส.ค.พุ่งขึ้น 7.8% สู่ระดับ 4.82 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนราคากลางของบ้านมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวแล้ว

  • ผลสำรวจรอยเตอร์ บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทชั้นนำในเอเชียร่วงลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลกกำลังส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกของเอเชีย โดยภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ เทคโนโลยีและเดินเรือเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นน้อยที่สุด ส่วนภาคธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับการขยายตัวภายในประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น นอกจากนี้ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ได้คะแนนสูงสุดในการสำรวจ ในทางตรงกันข้าม จีนมีระดับความเชื่อมั่นอ่อนแอที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มการสำรวจในปี 2009

  • ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) เพิ่มวงเงินซื้อหลักทรัพย์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น 55 ล้านล้านเยน (697 พันล้านดอลลาร์) จากเดิม 45 ล้านล้านเยน พร้อมคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0%-0.1% ซึ่งผิดไปจากที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่า BOJ จะคงวงเงินมาตรการดังกล่าว
  • Fred Smith CEO ของ FedEx (เป็นบริษัทขนส่ง ที่กำไรของบริษัทถูกจัดให้เป็นดัชนีหนึ่งที่ใช้ชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ) ระบุว่า นโยบายต่างๆ ของยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน กำลังทำให้การส่งออกและการค้าทั่วโลกหดตัวลงในอัตราที่เร็วกว่า GDP และสำหรับจีนนั้น สิ่งที่ผลักดันให้ขยายตัวเติบโตได้เร็วคือการส่งออก ดังนั้น เมื่อตลาดใหญ่ที่ซื้อสินค้าจากจีนอย่างยุโรปและสหรัฐชะลอตัวลงหรือหดตัว จีนก็จะกระทบมากจนให้การบริโภคภาคเอกชนของจีนในวันนี้ไม่ขยายตัวได้มากเท่าที่คนส่วนใหญ่คาดหวัง จึงเชื่อว่าคนกำลังประเมินผลกระทบเรื่องนี้ที่จะมีต่อเศรษฐกิจจีนโดยรวมไว้ต่ำเกินไป

  • สงครามค่าเงิน (Currency War เป็นศัพท์ที่ Guido Mantega รัฐมนตรีคลังบราซิล เริ่มใช้เมื่อเดือน ก.ย. 2010 ซึ่งหมายถึงการที่ประเทศต่างๆ พยายามทำให้ค่าเงินของตนอ่อนลงเพื่อทำให้สินค้าส่งออกมีราคาถูกกว่าประเทศอื่น) กำลังจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้านี้เมื่อธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินด้วยการรับซื้อสินทรัพย์อีกครั้ง (QE) เป็นการเสริมนโยบายเดียวกันกับที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพิ่งประกาศใช้ ในขณะที่การค้าทั่วโลกกำลังชะลอตัวลงอย่างที่ FedEx รายงาน

  • การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนเดือนสิงหาคมลดลง 1.4% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 8.33 พันล้านดอลลาร์ และมูลค่าในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ลดลง 3.4% มาอยู่ที่ 75 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนจะชะลอลงมากที่สุดในรอบ 22 ปี

  • 'ออง ซาน ซู จี' แสดงความยินดีที่สหรัฐฯยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจพร้อมเรียกร้องว่าอย่าละเลยประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ในพม่า รวมถึงการพัฒนาหลักนิติรัฐ หรือ การปกครองโดยถือกฎหมายเป็นใหญ่ มิได้ปกครองถืออำนาจรัฐเป็นใหญ่เป็นต้น

  • จีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่นรับผิดชอบผลกระทบทางการค้า จากความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศหลังจากเกิดความตึงเครียดขึ้นเกี่ยวกับหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาท
  • The Telegraph รายงานข่าวว่า ฝูงชนชาวจีนประมาณ 50 คนโจมตีอาคารและรถทูตที่จอดอยู่นอกอาคารสถานทูตสหรัฐในปักกิ่ง จน รปภ.ต้องคุ้มกันทูตอเมริกันหนีออกไปได้โดยไม่ได้รับอันตราย โดยมีสาเหตุปะปนกันระหว่างความโกรธแค้นที่เชื่อว่าอเมริกันหนุนญี่ปุ่นให้ซื้อเกาะเตียวหยู กับเรื่องที่เชื่อว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่จีนถืออยู่จำนวนมากนั้นไม่มีค่าเหลืออยู่

  • ซัมซุง อิเล็คทรอนิคส์ ผู้ผลิตชิพความจำอันดับ 1 ของโลก เตรียมลดการลงทุนด้านโรงงานในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ลงครึ่งหนึ่งในปีหน้า หลังจากวางแผนลดค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน และปรับลดการลงทุนในส่วนโรงงานลง 50% ในปี 2556
  • ส.อ.ท. คาดว่ายอดการผลิตยานยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 2.2 ล้านคัน และรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 2.5 ล้านคัน โดยอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังเติบโตต่อเนื่องแม้ว่าตลาดในประเทศมีกำลังซื้อจากปีหน้าบางส่วนที่ถูกดึงมาในปีนี้ ทั้งนี้ การส่งออกยานยนต์จะยังเป็นตัวสำคัญที่ช่วยพยุงการส่งออกของไทยไว้ โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมามียอดส่งออกของสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนเติบโตขึ้น 21.21% ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยจะมียอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 3 ล้านคัน/ปี และก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

  • ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ลงมาอยู่ที่ระดับ 98.5 ซึ่งเป็นผลจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิตและผลประกอบการที่ลดลง สะท้อนว่าผู้ประกอบการไม่มั่นใจต่อการประกอบการซึ่งสอดคล้องกับหลายหน่วยงานที่ได้ปรับเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงจากประมาณการเดิมในช่วงต้นปี

271156_3262595143626_503115894_n.jpg

  • SET Index ปิดที่ 1,285.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด หรือ 0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31,319 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 633.54 ล้านบาท ทั้งนี้ ทิศทางตลาดหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดในภูมิภาค หลังธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.1% และตัดสินใจเพิ่มจำนวนเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • Jim Chanos ผู้ก่อตั้งและประธาน Kynikos Associates Ltd. ที่บริหารเงินลงทุน 6 พันล้านดอลลาร์ (ผู้มีชื่อเสียงมากจากการ Short หุ้น ENRON ก่อนที่ ENRON จะล้มละลาย) กล่าวว่า เขาค้นพบหุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะมีราคาตลาดลดต่ำลงในอนาคต ซึ่งจะถูกมากเมื่อเทียบกับกำไรที่จะทำได้แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะดีกว่าที่อื่นๆ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ผู้ผลิตเหล็ก Hewlett-Packard และ Coinstar เป็นต้น โดยจะขาย Short และรอซื้อกลับคืนในราคาที่ถูกกว่าในอนาคตเพื่อทำกำไร

246635_3262598863719_823821389_n.jpg

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในช่วงระหว่าง -0.02% ถึง 0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 3 ปี วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท

  • กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า หลังสหรัฐฯดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังแข็งค่าน้อยกว่าสกุลอื่นในภูมิภาค และเชื่อว่า ธปท. ยังสามารถดูแลเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ การเกินดุลการค้าและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลงของไทยยังเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงกดดันการแข็งค่าของเงินบาทด้วย ซึ่งภาครัฐก็พยายามส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริงมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรและวัตถุดิบ

297796_3262606583912_1925986265_n.jpg

299440_3262607343931_1755758081_n.jpg

  • Frank Holmes ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้าทีมผู้จัดการกองทุนของ U.S. Global Investors ระบุว่าทุกสัญญาณในขณะนี้บ่งชี้ให้ซื้อหุ้นเหมืองทองคำและซื้อทองคำเพื่อปกป้องกำลังซื้อ โดย Morgan Stanley สำรวจแนวคิดการลงทุนในทองคำของผู้ลงทุนสถาบัน 140 แห่งในสหรัฐได้คำตอบที่หนักแน่นที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่แล้ว กับมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือนสูงที่สุดในรอบ 3 ปีว่า “ทองคำกำลังเข้าสู่ตลาดกระทิง” นอกจากนี้ Credit Suisse ยังระบุว่ามีคนเข้าซื้อ Gold ETF จำนวนมากในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมานี้ด้วย

198785_3262608983972_949225729_n.jpg

406560_3262609863994_1763393505_n.jpg

  • Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลปี ค.ศ.1976 ผู้เชื่อมั่นในระบบทุนนิยมเสรี และไม่ไว้ใจให้รัฐบาลหรือธนาคารกลางเข้ามาแทรกแซงเศรษฐกิจมหภาค เคยกล่าวไว้ว่า “มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถนำหมึกคุณภาพเยี่ยมไปพิมพ์บนกระดาษดีๆ แล้วทำให้สิ่งดีๆ ทั้งสองอย่างนี้เมื่อมารวมกันแล้วหมดค่าไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GT Gold Bullion

มูดี้ส์ชี้มีโอกาส 15% สหรัฐเผชิญหน้าภาวะหน้าผาทางการคลัง

 

มูดี้ส์ อะนาลิติกส์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ 15% ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ fiscal cliff พร้อมกับเตือนว่า สถาบันการเงินต่างๆต้องดำเนินในเชิงรุกเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในบรรยากาศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

 

Fiscal cliff หมายถึง ภาวะที่มาตรการด้านนโยบายหลายประการของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งก็คือในช่วงรอยต่อระหว่างสิ้นปี 2555 และต้นปี 2556 โดยมาตรการที่สำคัญซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันโดยตรงนั่นก็คือมาตรการปรับลดภาษีและการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล

 

 

มาตรการปรับลดภาษีที่ว่าคือ มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ขนานใหญ่ ที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชได้นำมาใช้ในปี 2544 และ 2546 ที่กำลังจะสิ้นอายุลงในสิ้นปี 2555 ขณะที่กระบวนการปรับลดงบประมาณที่เป็นไปโดยอัตโนมัติจะเริ่มมีผลในวันที่ 2 มกราคม 2556

 

มูดี้ส์ คาดว่า ในกรณีที่เกิด fiscal cliff ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะร่วงลงต่ำกว่าสถานการณ์ที่มีการขยายระยะเวลานโยบายในปัจจุบันออกไปในปี 2556 อยู่ 2.8% ขณะที่จะเกิดภาวะถดถอยครั้งใหม่ และอัตราว่างงานจะพุ่งแตะ 9.2% ภายในสิ้นปี

 

นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ส์ อะนาลิติกส์ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ fiscal cliff ในสหรัฐ อิงกับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุดของทางบริษัท เพื่อที่จะช่วยให้สถาบันการเงินต่างๆสามารถบริหารจัดการพอร์ทโฟลิโอได้ดีขึ้น ท่ามกลางภาวะทางเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลง

 

นอกจากนี้ มูดี้ส์ ยังคาดว่า มีโอกาส 30% ที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจะเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังด้วยการขยายมาตรการด้านภาษีและงบประมาณรายจ่ายออกไปในปี 2556 ซึ่งในกรณีนี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะกระเตื้องขึ้นในปีหน้า แต่จะไม่มีความคืบหน้าสู่ความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว

 

ส่วนสถานการณ์ที่มูดี้ส์ระบุว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด 55% ก็คือการที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายประนีประนอมด้วยการพบกันครึ่งทางระหว่างภาวะหน้าผาทางการคลังและภาวะที่ไม่เกิดหน้าผาทางการคลัง

 

GT Gold Bullion

นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดว่าราคาทองจะแตะระดับ 2,400 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2557 ผลพวงจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งการคาดการณ์ราคาทอง ที่ระดับนี้สะท้อนมุมมองของแบงก์ออฟอเมริกา ที่ว่าเฟดจะยังคงใช้มาตรการ QE3 ไปจนถึงสิ้นปี 2557

 

ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % พร้อมขยายระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557 นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน

 

นักวิเคราห์กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงมาตรการ QE3 ครั้งล่าสุด ที่เป็นแบบเปิดกว้าง ราคาทองน่าจะยังคงได้รับแรงหนุนให้ปรับตัวในช่วงขาขึ้น จนกว่าตลาดแรงงานของสหรัฐจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายได้ ซึ่งภาวการณ์ดังกล่าวไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจนกว่าจะถึงสิ้นปี 2557

 

นอกจากนี้ แบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ ยังคงเป้าหมายราคาทองระยะ 6 เดือนไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ พร้อมระบุว่าราคาทองไม่ม่แนวโน้มจะร่วงลงต่ำกว่าฟลอร์ที่ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงทศวรรษหน้า โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มผู้ซื้อในตลาดเกิดใหม่

 

GT Gold Bullion

นักลงทุนเพิ่มแรงกดดันสเปนให้ขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ (สเปน):

นักลงทุนได้เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลสเปนให้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศ โดยพวกเขาได้พากันเทขายพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปี ออกมา

ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวทะยานขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 6 % โดยนักลงทุนมองว่าสเปนจะสามารถชำระหนี้ของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปน แต่อีซีบีจะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลสเปนขอความช่วยเหลือก่อน สเปนได้เปิดประมูลตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้ด้วย โดยอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังในการประมูลขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการประมูลในเดือนส.ค. แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังประเภท 12 เดือนอยู่ที่ 2.835 % เมื่อวานนี้ ลดลงจาก 3.070 % ในการประมูลเดือนส.ค. ส่วนอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังประเภท 18 เดือนอยู่ที่ 3.072 % ลดลงจาก 3.335 % ในการประมูลเดือนส.ค. การที่อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังยังคงอยู่ในระดับสูงบ่งชี้ว่า สเปนแทบไม่มีโอกาสระดมทุนได้ในอัตราดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล ถ้าหากสเปนไม่ขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ สเปนเป็นจุดสนใจของวิกฤติหนี้ยูโรโซนในช่วงนี้ โดยนักลงทุนกังวลว่า รัฐบาลสเปนอาจจะไม่สามารถลดยอดขาดดุลภาครัฐที่มีวงเงินสูงมากและไม่สามารถควบคุมภาระหนี้ที่พุ่งขึ้นได้

ที่มา: Bisnews

http://i2.cdn.turner...elds.gi.top.jpg

 

GT Gold Bullion

รมว.คลังบราซิลชี้มาตรการ QE3 ของเฟดสร้างปัญหาให้กับปท.ตลาดเกิดใหม่ (บราซิล):

นายกุยโด แมนเทกา รมว.คลังของบราซิล เปิดเผยว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบล่าสุดของสหรัฐจะสร้างปัญหามากมายให้กับประเทศตลาดเกิดใหม่ และบราซิลจะดำเนินการเพื่อสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของค่าเงินเรียล นายแมนเทกาเปิดเผยกับนักข่าวหลังการประชุมในกรุงปารีสร่วมกับนายปิแอร์ มอสโควิซี รมว.คลังฝรั่งเศสว่า เขามีความวิตกว่า มาตรการกระตุ้นด้านการเงินต่อไปจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก และจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบราซิลในตลาดส่งออก นายแมนเทกากล่าวว่า ความอ่อนแอของดอลลาร์ซึ่งเกิดจากการผ่อนคลายนโยบายของเฟดไม่เพียงแต่กระทบการส่งออกของบราซิล แต่ยังลดมูลค่าของทุนสำรองสกุลดอลลาร์ของบราซิลลงด้วย หากสหรัฐต้องการที่จะช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐนั้น นายแมนเทกากล่าวว่า จะเป็นการดีกว่าหากสหรัฐมุ่งเน้นไปที่นโยบายการคลังมากกว่านโยบายการเงิน

ที่มา: Bisnews

Credit: http://weheartit.com...9/via/mandykris

 

 

 

GT Gold Bullion

ผู้นำอียู,จีนประชุมสุดยอดวันนี้หวังลดความขัดแย้งด้านการค้า (ยุโรป):

ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) และผู้นำจีนจะพยายามประสานความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการค้า และจะแสวงหาหนทางร่วมกันในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยุโรปในการประชุมสุดยอดที่กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนจะประชุมกับนายโฆเซ มานูเอลบาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) และนายเฮอร์แมน แวน รอมพาย ประธานสภายุโรปซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลประเทศสมาชิกอียู โดยพวกเขาจะหารือกันเรื่องสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วย การค้ากับต่างประเทศเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สดใสเพียงไม่กี่ภาคในยุโรปและถือเป็นแหล่งกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปตกต่ำลงในช่วงที่ผ่านมาโดยได้รับแรงกดดันจากวิกฤติหนี้และวิกฤติภาค ปริมาณการค้าระหว่างจีนกับอียูพุ่งขึ้นสู่ 4.28 แสนล้านยูโรในปี 2011โดยมีขนาดสูงเป็นสองเท่าของปี 2003 ทั้งนี้ อียูถือเป็นกลุ่มการค้าระหว่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประชากรราว 500 ล้านคน

ที่มา: Bisnews

Credit: http://stocklook.files.wordpress.com/2011/09/china-europe-web-370x229.jpg

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...