ผ่านมา 7 ปีแล้วสินะ
จากวันที่ 28 ตุลาคม 2546 อีกแค่ไม่เกินสองเดือนก็จะครบเจ็ดปีแล้วสินะ ที่ใช้โน้ตบุ๊คเครื่องนี้มา จำได้ว่า(ตอนนั้น)ซื้อมาตั้ง 4 หมื่นต้นๆ ตังค์ไม่พอ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากแม่เดินเข้า ธ.ออมสิน ไปเบิกถอนเงินในส่วนที่เป็นของผมที่ฝากอยู่ที่แม่(ตั้งแต่สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ รู้ว่าเก็บไว้กับตัวหมดแน่ เลยฝากไว้ที่แม่แทน) เราใช้ชื่อบัญชีสองคนซึ่งต้องเซ็นถอนร่วมกัน แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าแม่จะไม่อยากให้ผมถอนเงินที่เก็บไว้มาหลายปี ก็เลยช่วยสมทบทุนออกเงินให้บางส่วน จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ความรู้สึกเป็นแบบนั้น
ใช้มา 7 ปี ช่วงสามสีปีให้หลังมีอะไหล่บางตัวหยุดทำงานไปบ้าง ซ่อมแซมบ้างตามสมควร แบตเตอรี่หมดอายุมาไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งที่ต้องเปลี่ยนไส้แบตหรือเปลี่ยนแบตก้อนใหม่
ที่จริงมันคงสมควรแก่เวลา ผมจึงสังหรณ์ใจอยู่เป็นเดือนแล้วว่ามันอาจจะต้องจากไปในเร็ววันนี้ จึงทำการสำรองข้อมูลอยู่เรื่อยๆ แล้วก็มองหา Notebook ตัวใหม่ทุกครั้งที่มีโอกาสไปดู
วันก่อนอยู่ดีดีกรอบจอมันก็ปริแตกดังก๊อก ไม่สามารถประกบกลับได้อีก กาวตราช้างก็เอาไม่อยู่ ผมเลยเอาเทปกาว PVC สีดำปิดไว้ ปุ่มตัวหนังสือที่ลบเลือน บอกถึงกาลเวลาที่กัดกร่อนทุกสรรพสิ่ง
เร็วๆนี้ ผมคงได้โน้ตบุ๊คตัวใหม่ เดี๋ยวนี้ผมมีตังค์ที่จะซื้อมันได้แม้มันจะแพงกว่านี้อีกซักเท่าใด(ถ้าต้องการ) เพราะมีความเข้มแข็งทางสภาพเศรษฐกิจขึ้นมาก ก็เพราะมีแม่เป็นตัวอย่างนั่นแหละ
คิดถึงแม่จัง ผู้หญิงคนเดียวในโลกที่เข้มแข็งและสู้ชีวิตมากกว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ผมรู้จักมาในชีวิต ตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต หัวใจยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยยอมแพ้ และปกป้องลูกตัวเองแทบตายแทนได้ ทุกวันนี้แม่ก็ยังอยู่ปกป้องพวกเราอยู่ แม้แม่จะอ่อนแรงและเหนื่อยล้าเต็มที บุญคุณของแม่ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนผมก็จะไม่มีวันลืม...
รักแม่
สิขเรศ เอี่ยมประชา (HyPeR MonKeY)
เขียน วันที่ 5 กันยายน 2553 (2010) เวลา 13.30 น.
ขอบคุณ... ภาพประกอบจากเว็บไซท์ http://beauty.yopi.co.th/
6 ความเห็น
แนะนำความคิดเห็น