แหม เรื่องพระเจ้าตากสิน เป็นหนี้จีน ผมไ่่ม่ค่อยจะเชื่อเท่าไรครับ...
ในบทความ พระราชกรณียกิจ ปีสุดท้ายของพระเจ้าตากสิน (หนังสือศิลปวัฒนธรรม) นั้น ท่านมีสตางค์ นะครับ ท่านเตรียมสร้างพระนคร ดังที่กวีนิพนธ์ เอาไว้ดังนี้ครับ...
แรกราชดำริตริตรองถวิล
จะเหยียบพื้นปัถพินให้งามสนาม
จะสร้างสรรค์ดั่งสวรรค์ที่เรืองนาม
จึงจะงามมงกุฎอยุธยา
+++++++++++++++++
ปีสุดท้าย ของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (๐๓)
-- ปรีดา ศรีชลาลัย --
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดให้ราชทูตไปกรุงจีน พร้อมด้วยเรือสำเภาหลวง ๑๑ ลำ บรรทุกสินค้าเต็มทุกลำ มีพระราชสาส์นแสดงพระราชประสงค์ส่งเสริมสัมพันธภาพไปด้วย (ยังมีสำเนาพระราชสาส์นในหอสมุดแห่งชาติผู้สนใจตรวจได้เสมอ) กระบวนเรือราชทูตไทยถวายบังคมลาออกไป ณ วันอังคารเดือน ๗ แรม ๑๓ ค่ำ เวลา ๗ นาฬิกา ๑๒ นาที นอกจากเจริญราชสันถวไมตรีเพิ่มเติมให้ยิ่งขึ้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังมีพระราชประสงค์จะให้ราชทูต จัดซื้อหาเครื่อง ทัพพสัมภาระสำหรับใช้ในการสร้างนครหลวงใหม่ด้วย เหตุใดจึงเพิ่งมาทรงพระราชดำริสร้างพระมหานครในปีที่ ๑๔ จากปีปราบดาภิเษก ข้อนี้เข้าใจไม่ยาก.
การเริ่มต้นของสมัยกรุงธนบุรี เราทราบกันดีแล้วว่าต้องเริ่มต้นด้วยการปราบข้าศึกศัตรูที่เข้ามารุกรานไทยปราบหนเดียวไม่เสร็จ และไม่ใช่ปราบได้ง่าย ๆ เพราะข้าศึกมีกำลังมาก ทั้งมีเล่ห์เหลี่ยมยอกย้อนหลายอย่างนมนานมา ต้องคอยทำลายกำลังของข้าศึกที่ยกทุ่มเทเข้ามาใหม่ นอกจากนี้ ยังต้องคอยควบคุมพวกแตกรัง คอยชุบย้อมพวกขวัญหนี คอยหากำลังปลูกเลี้ยงประชากรที่สิ้นไร้ไม้ตอก ภาระทุกทางสุมอยู่ที่พระองค์ การแบกภาระอันหนักนี้จะลำบากยากเข็ญเพียงไร บรรดาผู้กตัญญูย่อมรู้สึกได้ดี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพยายามให้ภารกิจลุล่วงไปโดยเร็วที่สุด ภาระเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องทำให้เสร็จก่อน ถ้าไม่สามารถในภาระเช่นนี้ ก็หมายความว่าชาติไทยจะตั้งขึ้นยาก การตั้งชาติไทยจึงเป็นอันเดียวกับการอำนวยภาระหนักเหล่านั้นให้เป็นผลสำคัญแก่บ้านเมือง เมื่อชาติไทยตั้งเป็นหลักมั่นคงแล้ว การสร้างพระนครก็จะสะดวกดี และเป็นศรีสง่าสมแก่ชาติไทยด้วย หากชาติยังอ่อนง่อนแง่น มัวรีบสร้างพระนครให้โอ่โถงเสียก่อน กำลังทางอื่น ๆ ถูกเฉลี่ยมาทุ่มเทลงในการสร้างพระนครหมด ก็ดูเหมือนว่าพระนครนั้นมีแต่ความสวยสดงดงามภายนอกแต่สาระสำคัญส่วนซึ่งเป็นแกนในยังหามั่นคงไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้จะนอนตาหลับได้หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงรีบสร้างชาติไทย หมายถึงการสร้างกำลังส่วนสำคัญ ๆ ของบ้านเมืองดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกำลังทางทหารและการเศรษฐกิจ จนบ้านเมืองแข็งแรงสมบูรณ์สมควรแก่การที่จะสร้างพระมหานครเป็นใจกลางของประเทศแล้ว พระองค์จึงเริ่มทรงพระราชดำริสถาปนาพระมหานคร พระราชอัธยาศัยอันนี้เป็นข้อแสดงให้เห็นชัดว่า ไม่ทรงตื่นราชบัลลังก์ ไม่ทรงกังวลในพระบรมสุขส่วนพระองค์ยิ่งกว่าที่จะจัดการบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น ทรงกังวลแต่จะปลุกให้ไทยตื่นในการสร้างความไพศาลแก่ไทยโดยขะมักเขม้น ใคร ๆ ที่รู้ความจริง จึงหาทางตำหนิพระองค์ในส่วนบกพร่องได้ยาก พระราชปรีชาญาณในการสร้างชาติหลักแหลมลึกซึ้ง พระราชหฤทัยหนักแน่นและโอบอ้อม ความสำเร็จจึงบรรลุมาเป็นขั้น ๆ และนับวันจะสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้น.............................................................. "ข้อความสรุป วรรคสุดท้าย ขอละไว้ในที่นี้ ไม่ขอกล่าวถึง
----- จบตอนที่ ๐๓ -----
แหล่งที่มา http://vikingsx.blogspot.com/2010/01/last-year-of-king-taksin-great.html
ผมคนฝั่งธนฯ ผมรักท่านมากครับ...
ในบทกวีของท่านบ่งบอกความรักที่ท่านมีต่อพสกนิกรของท่านอย่างหมดจดแล้ว ไม่ต้องมีคำใดมาอธิบายเพิ่มเติมอีก..ในความเมตาของพระองค์ท่าน คำพูดของชายชาตินักรบ อาจจะไม่หวานหู แต่ก็กล่าวมาจากใจ ...
อันตัวพ่อนี้ชื่อพระยาตาก
ทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา
ถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา
แก่ศาสดาสมณะพระพุทธโคดม
ให้ยืนยงคงถ้วนห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ชีปฏิบัติให้พอสม
เจริญสมณะวิปัสสนาพ่อชื่นชม
ถวายบังคมรอยบาทพระศาสดา
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
ชาติของเราคงอยู่ คู่ศาสนา
พระศาสนายืนยงคู่องค์กษัตรา
พระศาสดา ฝากไว้ให้คู่กัน
************
นาน ๆ มาอ่านที่ผม น้ำตาไหลพรากเลย...
ว่าจะพิมพ์ อะไร ๆ ต่อ ขอแค่นะครับ