ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

ginger

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    76,813
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    350

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย ginger

  1. เฮฮาภาษาทอง by Ylg 25-01-2561 Hua Seng Heng Morning News 25-01-2018 Wealth Station added 5 new photos. 1 hr · ราคาทองเคลื่อนไหว มีมูฟเม้นท์ ทำให้มีมุมดีๆ ให้เลือกมอง อย่างน้อยก็มีเทรนด์ให้เราเข้าตลาด ด้วยค่าเงินบาททำให้มันดูน่าเบื่ออยู่บ้างก็ตาม การเคลื่อนเข้าใกล้ 1360 ถือว่าเข้าทางขาเอส ที่ยังไม่ได้เอสไปก่อนหน้านี้ เพราะถือเป็นระดับราคาที่สูงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ จึงเล่นง่ายขึ้น โดยมองว่าทองจะร่วงลงเมื่อเข้าใกล้การประชุมเฟดหรือเมื่อประชุมเฟดรายงานการประชุมออกมา เนื่องจากอยู่บนสมมติฐานว่าเฟดจะส่งสัญญาณเดินหน้าเข้มงวดเชิงนโยบายการเงินมากกว่าที่ตลาดรับรู้ เนื่องจากมาตรการภาษีผลักดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐร้อนแรง >> การที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างมาก นั้นส่งผลให้ระดับเงินเฟ้อในประเทศสูงขึ้นไปด้วย เพราะสินทรัพย์ในมือนักลงทุนรายใหญ่รายย่อยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพิ่มกำลังในการจับจ่ายใช้สอย (ถ้านึกไม่ออกนึกถึงตัวเองตอนโบนัสออกหรือตอนที่ที่ดินที่ตัวเองซื้อไว้ขายได้มากกว่าตอนซื้อมาห้าเท่าสิบเท่า) >> รวมถึงระดับราคาน้ำมันที่เป็นปัจจัยผลักดันเงินเฟ้อ ถือว่าเป็นปัจจัยหลักสองอย่างที่เฟดจะใช้ในการพิจารณาการควบคุมตลาดเงินด้วยอัตราดอกเบี้ย (อัตราเงินเฟ้อ+การขยายตัวทางเศรษฐกิจ) โดยสรุป มองว่าเฟดจะพาทำให้ทองลงในระยะสั้นเนื่องจากลงรับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยที่มากกว่าที่รับรู้กันอยู่ แต่ในระยะยาวแล้วทองมีแนวโน้มที่ดี นี่ยังไม่มีประเด็นสงครามเข้ามากระตุ้นทองก็ดีมาจะชน 1400 อยู่แล้ว ถ้าลงมาก็น่าซื้อครับรอให้ขึ้นสุดก่อนค่อยดูว่าจะซื้อตรงไหน กลยุทธ์ระยะสั้น แรงขายยังทำได้ไม่ดีนักย่อตัวไม่มาก จึงมีโอกาสไปต่อ ซึ่งจะคอยจับสัญญาณขายที่แถว ๆนี้ สำหรับเช้านี้ถ้าลงต่ำกว่า 1355 1350 ถือว่าย่อลึกเกินน่าจะสุดแค่นี้แต่ไม่ ก็ยังดูดีมีโอกาสขึ้นต่อ โดยมีแนวต้าน 1365 1370 1380 ขาซื้อยังถือได้ ขายที่แนวต้านหรือเมื่อย่อลงต่ำกว่า 1350 1355 ขาเอส ที่ยังติดอยู่ มีทุนรอถัว ส่วนที่ยังว่าง ก็จับจังหวะกันที่บริเวณนี้ และในช่วงปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า 25 Jan, 2018 www.facebook.com/Wealthstation
  2. โปรดเกล้าฯจัดงาน 'อุ่นไอรัก คลายความหนาว' พระราชทานความสุขให้คนไทย 25 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 09:16 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้จัดงาน"อุ่นไอรัก คลายความหนาว" พระราชทานความสุขให้คนไทย “ เนรมิตรบรรยากาศย้อนยุค ณ พระลานพระราชวังดุสิต-สนามเสือป่า เปิดสอยต้นกัลปพฤกษ์เงินรายได้ทรงช่วยผู้ประสบภัยทั่วประเทศ ชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจ ร.5 -ร.9 ชวนแต่งชุดไทยเที่ยวงาน 8 ก.พ. -11 มี.ค.นี้ จากพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่จะทรงบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับอาณาประชาราษฎร์ สืบสานพระราชปณิธานขององค์บูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ทรงปกครองดูแลชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัย อีกทั้งยังทรงตระหนักดีว่า มีประชาชนชาวไทยอีกไม่น้อยยังคงได้รับความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิตจากสภาวะแวดล้อม ภัยธรรมชาติและปัญหาความขาดแคลนปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพ ทรงมีพระราชหฤทัยแน่วแน่แก้ไขปัญหาประชาชนอันเป็นที่รักของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้บรรเทาเบาบาง จึงทรงมีพระราชดำริที่จะให้ประชาชนได้มีความสุข ความรื่นเริง และรำลึกถึงวิถีชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ฯ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จัดงานพระราชทานความสุขให้กับประชาชนและเผยแพร่ความงดงามของความเป็นไทยในรูปแบบต่าง ๆ ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช องค์พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักเคารพยิ่งของชาวไทย ภายใต้ชื่องานว่า “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ในงานจะจัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช พระผู้ทรงมีคุณูปการต่อแผ่นดินไทยและประชาชนชาวไทย ตลอดจนนิทรรศการพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงงานมาตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร เนื้อหานิทรรศการพระราชกรณียกิจนานัปการของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 สะท้อนให้เห็นถึงความรักความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน ผู้มาร่วมชมงานจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย กุศโลบายการพัฒนาประเทศให้เจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศผ่านนิทรรศการที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รัชกาลที่ 5 ทรงก่อตั้งขึ้น เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย การไฟฟ้า การประปา ไปรษณีย์ไทย และธนาคารสยามกัมมาจล หรือธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน สำหรับประชาชนที่ได้มาเที่ยวชมงาน พบความสุข สนุกสนาน รื่นเริง ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นย้อนยุคให้เห็นประวัติศาสตร์ความผูกพันอันแนบแน่นของสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนและประเทศชาติ ตลอดจนเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตของชาวไทยในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบันอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ยังสามารถมีส่วนร่วม โดยเสด็จพระราชกุศลโดยการเลือกซื้อสินค้านานาชนิดจากร้านค้าที่มาร่วมงาน ตลอดจนการสอยต้นกัลปพฤกษ์ การถ่ายภาพและกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบริเวณงาน รายได้จากการจัดงานโดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะทรงนำไปใช้ในการพระราชกุศลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัยทั่วประเทศภายใต้กิจกรรมในโครงการตามพระราชดำริ “จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ” ต่อไป งาน"อุ่นไอรัก คลายความหนาว"จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ - 11 มีนาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 21.00 น. ทุกวัน โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู ขอเชิญชวนผู้ร่วมงานแต่งกายชุดไทยย้อนยุคมาร่วมแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีและแสดงน้ำใจในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ณ พระลานพระราชวังดุสิตและสนามเสือป่า. ศิลปวัฒนธรรม แกลลอรี่
  3. วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก by Ylg 24-01-2561 YOUTUBE.COM
  4. สหรัฐรับรอง ‘พาวเวลล์’ ประธานเฟดคนใหม่ วุฒิสภาสหรัฐลงมติเมื่อวันอังคาร (23 ม.ค.) รับรองให้นายเจอโรม พาวเวลล์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ นายพาวเวลล์ วัย 64 ปี ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก 85 ต่อ 12 เสียง เปิดทางให้นายพาวเวลล์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวดำรงตำหน่งผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ที่จะพ้นจากตำแหน่งในเดือนหน้า นายพาวเวลล์จะกลายเป็นประธานเฟดคนแรกในรอบ 40 ปีที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์อาชีพ โดยเขาเป็นอดีตวาณิชธนากรวอลล์สตรีท ซึ่งจบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และกฎหมายจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในกรุงวอชิงตัน ดีซี บรรดานักวิเคราะห์มองว่า การแต่งตั้งนายพาวเวลล์ดำรงตำแหน่งประธานเฟด จะช่วยขจัดบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งในสมัยของประธานาธิบดีบารัก โอบามาแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินได้รับทราบว่า เขาเห็นด้วยที่จะดำเนินนโยบายเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างช้า ๆ และมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับนางเยลเลน ที่เธอได้รับคำชื่นชมในช่วงที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง Sources : bangkokbiznews World Today: สรุปข่าวน่าติดตามประจำวันที่ 24 มกราคม 2561 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 24 มกราคม 2561 09:36:30 น. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่สำหรับใช้ในที่พักอาศัยและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐ แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตจากจีนและเกาหลีใต้ ทรัมป์กล่าวในขณะลงนามบังคับใช้มาตรการดังกล่าวว่า "เรากำลังนำธุรกิจกลับคืนสู่สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี" ขณะที่เจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ -- กระทรวงพาณิชย์จีนแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่สำหรับใช้ในที่พักอาศัยและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการใช้มาตรการเยียวยาการค้าในทางมิชอบ ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดในโลก และยังส่งออกเครื่องซักผ้าจำนวนกว่า 21 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา ทำเงินเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ -- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนธ.ค.2560 อยู่ที่ระดับ 3.59 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าติดต่อกันเดือนที่ 7 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลง 43.5% จากเดือนธ.ค.ปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดนำเข้าขยายตัวมากกว่ายอดส่งออก ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 7.30 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 14.9% สู่ระดับ 6.94 ล้านล้านเยน -- นาย ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมายืนยันว่า BOJ จะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบเชิงรุกต่อไป โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าที่ BOJ จะตัดสินใจถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงิน "เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังขยายตัวในระดับปานกลาง แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอ่อนแอ ขณะที่ประเทศอื่นๆกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในประเทศเหล่านั้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.5% แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมพลังงานในญี่ปุ่นนั้น อยู่เหนือระดับ 0% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นยังคงอยู่ห่างจากเป้าหมายที่ระดับ 2% และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ BOJ ยังไม่มีการอภิปรายเรื่องการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก" นายคุโรดะกล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ -- วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้ ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติรับรองนายพาวเวลด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 85 ต่อ 12 เสียงเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ -- รัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า 11 ชาติสมาชิกข้อตกลงการค้าเสรีภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) เห็นชอบให้รับข้อตกลงฉบับแก้ไขหลังการประชุมร่วมกันเป็นเวลา 2 วันที่กรุงโตเกียว และมีกำหนดลงนามภายในต้นเดือนมี.ค.นี้ ข้อตกลงฉบับใหม่นี้มีชื่อว่า "ข้อตกลงการค้าเสรีภาคพื้นแปซิฟิกฉบับครอบคลุมและก้าวหน้า" เป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่แก้ไขจากข้อตกลงฉบับก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อไม่นานมานี้ -- ทางการเกาหลีใต้ประกาศห้ามการใช้บัญชีธนาคารที่ไม่เปิดเผยชื่อเจ้าของบัญชีทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการฟอกเงิน ขณะที่ผู้ที่มีกระเป๋าเงินดิจิทัลแต่ไม่ระบุตัวตน จะต้องทำการผูกกระเป๋าเข้ากับบัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อจริง และทำการยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เกาหลีใต้นับเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากญี่ปุ่น และสหรัฐ โดยมีสัดส่วนการซื้อขายบิตคอยน์ 6-12% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก ขณะที่มีการซื้อขายอีเธอเรียม 14% และริพเพิล 33% -- นางอดีนา ฟรีดแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของตลาด Nasdaq กล่าวว่า Nasdaq กำลังพิจารณาการออกสัญญาฟิวเจอร์สของสกุลเงินดิจิทัล แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากที่ CBOE Global Markets Inc และ Chicago Mercantile Exchange (CME) ได้ทำการออกบิตคอยน์ฟิวเจอร์สก่อนหน้านี้ "เรากำลังพิจารณาแนวคิดในการออกสัญญาฟิวเจอร์สของสกุลเงินดิจิทัลกับพันธมิตรอีกรายหนึ่ง และเรากำลังพิจารณาการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีการจัดเตรียมโปรโตคอลที่ถูกต้อง และมั่นใจว่ามีความต้องการที่เพียงพอในตลาด และสัญญาฟิวเจอร์สของเราจะแตกต่างจากสิ่งที่คู่แข่งได้นำเสนออยู่ในขณะนี้" นางฟรีดแมนกล่าว - คาร์ฟูร์ บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ประกาศลดจำนวนพนักงาน 2,400 คนในฝรั่งเศส เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่บริษัทจะหันไปเพิ่มการลงทุนในตลาดออนไลน์ คาร์ฟูร์แถลงว่า บริษัทจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขันในการให้บริการต่อลูกค้า ตามโครงการ"คาร์ฟูร์ 2022" ซึ่งทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดต้นทุน และใช้นโยบายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น -- เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยแผนการลงทุนวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารจะได้รับประโยชน์จากมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า แผนการดังกล่าวมีระยะเวลา 5 ปี โดยธนาคารจะเพิ่มค่าจ้างเฉลี่ย 10% สำหรับพนักงานจำนวน 22,000 คน โดยอยู่ในช่วง 15-18 ดอลลาร์/ชั่วโมง นอกจากนี้ เจพีมอร์แกน เชสจะรับพนักงานเพิ่มอีก 4,000 คน ขณะที่จะเปิดสาขาในเมืองใหม่ๆ จำนวน 400 สาขา และเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจรายย่อยอีก 4 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงเพิ่มวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอีก 25% สู่ระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ -- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงอัตราดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ โดยก่อนหน้านี้ นายอาร์โด แฮนสัน กรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า ECB อาจประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเดือนก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีการปรับตัวตามที่ ECB คาดการณ์ไว้ -- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยทางการมาเลเซียจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี สหภาพยุโรป และสหรัฐ ขณะที่ทางการสหรัฐเองก็จะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560 ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากสถาบัน GfK และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2771970 ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.75 แข็งค่าในรอบ 42 เดือนตามทิศทางภูมิภาคจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 31.70-31.85 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 24 มกราคม 2561 09:21:17 น. นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็น วานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.85 บาท/ดอลลาร์ "เงินบาทแข็งค่าเร็วแต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลอื่นๆ เนื่องจากเมื่อคืนดอลลาร์เผชิญแรงเทขายเมื่อเทียบกับทุก สกุลหลัก โดยเงินบาทที่ระดับ 31.75 นี้ถือเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 42 เดือนนับจากเดือน ก.ค.57 อย่างไรก็ตาม มองว่าหากดอลลาร์ยังคงถูกเทขายอย่างต่อเนื่องแบบนี้โอกาสที่เงินบาทจะลงไปถึงระดับ 31.50...และ ถ้าลงไปทดสอบระดับ 31.74 หรือ 31.73 ก็จะเป็นสถิติใหม่นับจากเดือนพ.ย.56 แต่เราเชื่อว่าทางการน่าจะเข้ามาดูแลไม่ให้เงิน บาทแข็งค่ามากเกินไป" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ระหว่าง 31.70-31.85 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (23 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.13352% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (23 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.13973% * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.12 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 110.61 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2307 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2247 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.8250 บาท/ ดอลลาร์ - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ สศค.จะประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน (ปปง.) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อวางกฎกติกากำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลในไทย อาทิ บิตคอยน์ อีเธอเรียมให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานเข้ามากำกับดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง - ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ต้นไตรมาส 2 นี้ ธนาคารเตรียมเปิดตัวบริการรองรับลูกค้าที่ต้องการนำเงินไป ลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายให้นิติบุคคลไทยและบุคคลไทยที่มีเงินฝากหรือ เงินลงทุนในตราสารและอนุพันธ์ 50 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่ถึง 100 ล้านบาท ลงทุนในตราสารต่างประเทศและอนุพันธ์ได้โดยไม่ผ่าน ตัวแทนการลงทุนในประเทศ - รมว.คลัง เชื่อว่าในระยะกลางเงินเฟ้อจะกลับเข้ามาอยู่ในกรอบที่มีการกำหนดไว้ได้ และปีนี้ก็เชื่อว่าเงินเฟ้อจะเข้า กรอบบวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ได้ - นายแบงก์ส่งสัญญาณเริ่มวิตกกระแสเลื่อนการเลือกตั้ง เผยเป็นปัจจัยเพิ่มเสี่ยงต่อเป้าการขยายตัวเศรษฐกิจ ต่อจาก ปัญหาเงินบาทแข็งยังไม่จาง จับตากลางปีแข็งสุด 31.20 บาทต่อดอลล์ สวนทางเอกชนยังมองไม่กระทบความเชื่อมั่นการค้าและลงทุน - วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ แทน นางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้ - สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ม. ค.) หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยู โรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยผลการสำรวจเมื่อวานนี้ ซึ่งพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่น ของผู้บริโภคในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.3 จุดในเดือนม.ค. จากระดับ 0.5 จุดในเดือนธ.ค. - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อ เทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินยูโร หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนพุ่งเกินคาดในเดือนม. ค. - นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัด ซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมา ร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอด ขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 - นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศ ทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ --อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2771962
  5. Hua Seng Heng Morning News 24-01-2561HSHsocial เฮฮาภาษาทอง by Ylg 24-01-2561Ylg Bullion MTS GOLD was live. 1 hr · คลิป
  6. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระดำเนินไปในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๐ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันอังคารที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ ภาพจาก FB_WasantStudio ข่าวในพระราชสำนัก วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ.2561 สํานักข่าวไทย TNAMCOT ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองคำปิดบวก 4.8 ดอลลาร์ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินยูโร หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนพุ่งเกินคาดในเดือนม.ค. สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 4.8 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ระดับ 1,336.70 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 7.6 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 16.913 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 11 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1007.8 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 8.05 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1084.25 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำดีดตัวขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.2% แตะที่ระดับ 90.206 เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.3 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2543 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.6 จุด --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์ รับความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนพุ่งเกินคาด สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 61)--สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2294 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2257 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4000 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3982 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7996 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8012 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 110.33 เยน จากระดับ 110.99 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9581 ฟรังก์ จากระดับ 0.9625 ฟรังก์ สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยผลการสำรวจเมื่อวานนี้ ซึ่งพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.3 จุดในเดือนม.ค. จากระดับ 0.5 จุดในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.6 จุดในเดือนม.ค. ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหภาพยุโรปดีดตัวขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 0.4 จุดในเดือนม.ค. จากระดับ -0.6 จุดในเดือนธ.ค. นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงติดตามการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองประธานเฟด โดยขณะนี้ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาแต่งตั้งนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานเฟด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รองจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า นอกเหนือจากนายวิลเลียมส์แล้ว ทำเนียบขาวยังพิจารณาบุคคลอื่นๆด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงนายริชาร์ด คลาริดา ประธานบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (PIMCO), นางลอว์เรนซ์ ลินเซย์ อดีตเจ้าหน้าที่เฟด และนายโมฮัมหมัด เอล-อีเรียน อดีตซีอีโอของ PIMCO --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดขยับลง 3.79 จุด ขณะ Nasdaq,S&P500 ยังเดินหน้าทำนิวไฮ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 24 มกราคม 2561 06:29:20 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทรายใหญ่อย่างจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ หลังจากบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทีวีออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,210.81 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.13 จุด เพิ่มขึ้น 6.16 จุด หรือ +0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,460.29 จุด เพิ่มขึ้น 52.26 จุด หรือ +0.71% ดัชนีดาวโจนส์พักฐานเมื่อคืนนี้ หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐสามารถหลุดพ้นจากภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หลังจากสภาคองเกรสได้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ก.พ. หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และหุ้น P&G ร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ โดยหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดิ่งลง 4.3% หลังจากบริษัทได้เปิดเผยถึงผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการจัดทำบัญชีใหม่ อันเนื่องมาจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่หุ้น P&G ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2560 เมื่อวานนี้ ซึ่งแม้ว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ตัวเลขดังกล่าวชะลอตัวลงจากระดับของไตรมาส 4/2559 อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเน็ตฟลิกซ์ที่พุ่งขึ้น 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ามีลูกค้าเพิ่มขึ้น 8.3 ล้านรายในไตรมาส 4/2560 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.4 ล้านราย ทางด้านนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นเน็ตฟลิกซ์สู่ระดับ 300 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 270 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 32% จากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ ส่วนหุ้นเทคโนโลยีตัวอื่นๆในกลุ่ม "FAANG" ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ก, แอปเปิล, อเมซอน, และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างก็ทะยานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้นกว่า 2% หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.02% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้นกว่า 1% หุ้นเวิร์ลพูล ผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าสำหรับที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐ แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในจีนและเกาหลีใต้ นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2771790 บิตคอยน์ดิ่งกว่า 7% หลุด 10,000 ดอลลาร์ ครั้งที่ 2 ในรอบ 1 สัปดาห์ กังวลเกาหลีคุมเข้มเงินดิจิทัล ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 23 มกราคม 2561 22:57:53 น. บิตคอยน์ดิ่งกว่า 7% ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 สัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มการซื้อขายบิตคอยน์ในเกาหลีใต้ ทั้งนี้ บิตคอยน์ร่วงแตะ 9,972.29 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงกว่า 30% แตะ 9,199.59 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี บิตคอยน์ยังคงพุ่งขึ้น 955% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2560 ทางการเกาหลีใต้ประกาศห้ามการใช้บัญชีที่ไม่เปิดเผยชื่อจริงทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการฟอกเงิน มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ม.ค. ทั้งนี้ ผู้ที่มีกระเป๋าเงินดิจิทัลแต่ไม่ระบุตัวตน จะต้องทำการผูกกระเป๋าเข้ากับบัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อจริง และทำการยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และชาวต่างชาติ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการเปิดบัญชีสกุลเงินดิจิทัลในเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เตรียมออกกฎหมายเพื่อให้มีการเรียกเก็บภาษีต่อตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในประเทศ เพื่อสกัดภาวะร้อนแรงของสกุลเงินดังกล่าว เกาหลีใต้นับเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากญี่ปุ่น และสหรัฐ โดยมีสัดส่วนการซื้อขายบิตคอยน์ 6-12% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก ขณะที่มีการซื้อขายอีเธอเรียม 14% และริพเพิล 33% การซื้อขายบิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลีใต้ ซึ่งนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากได้ลาออกจากงานประจำที่ทำเพื่อมาซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอย่างเต็มตัว หลังจากที่สกุลเงินเหล่านี้ให้ผลตอบแทนอย่างมากในปีที่แล้ว --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2771780 ----- Government Shutdown! โดย สิริอัญญา วันพุธที่ 24 มกราคม 2561 ในสหรัฐอเมริกาช่วงนี้กำลังมีเหตุการณ์ที่เรียกว่า Government Shutdown และเป็นข่าวฮือฮาลือลั่นสนั่นโลก เพราะครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เนื่องจากเคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อนแล้วอย่างน้อยสามครั้ง แต่ในที่สุดเมื่อตกลงกันได้ก็ผ่านไปแบบไปตายเอาดาบหน้า มาถึงวันนี้ก็ตายจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะตายนานเท่าใด และเป็นเรื่องที่เกิดความอัปยศอดสูแก่สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือตนว่าเป็นชาติมหาอำนาจลำดับหนึ่งของโลกและมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ทว่าเป็นความใหญ่โตบนหนี้สินล้นพ้นตัวของประเทศชาติที่ไม่มีทางที่จะชำระหนี้ได้เลย เพราะลำพังดอกเบี้ยก็ไม่สามารถหารายได้ไปชดใช้ได้ ทั้งหนี้สินภาคประชาชนก็ล้นพ้นตัวเช่นเดียวกัน ถึงขนาดต้องใช้หนี้ 120 ปีก็ยังไม่หมด ทำไมจึงต้องเป็น Government Shutdown? ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เรียกว่า Government Shutdown นั้นคือการปิดทำการของหน่วยงานของรัฐที่ไม่มีรายได้มาใช้จ่าย หรือนัยหนึ่งก็คือไม่มีเงินงบประมาณได้รับจัดสรรมาใช้จ่ายตามปกติ ดังนั้นเมื่อไม่มีเงินงบประมาณมาให้ใช้จ่ายก็ไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ หน่วยงานของรัฐเหล่านั้นก็ต้องปิดตัวเองลง สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นทั้งในระดับเมืองหรือระดับมลรัฐและระดับส่วนราชการ นั่นหมายความว่าเงินงบประมาณของหน่วยงานใดไม่ได้รับการจัดสรรมาใช้จ่าย หน่วยงานนั้นก็ทำงานต่อไปไม่ได้และต้องปิดตัวเองลง การที่หน่วยงานของรัฐต้องปิดตัวเองลงเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นในชาติใด ๆ ในโลก ดังนั้นจึงต้องมองให้เข้าใจว่าสถานการณ์ถังแตกถึงขั้นแตกดังโพละ และหนักหนาสาหัสสักเพียงไหน นี่คือสภาพของชาติมหาอำนาจของโลกที่คนบางจำพวกยังหลงใหลได้ปลื้มยึดเอาเป็นสรณะ และเชื่อฟังดุจดังเป็นทาสรับใช้ สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ และมักจะถึงขั้น Government Shutdown ก็ในช่วงที่มีการอนุมัติงบประมาณในแต่ละปี ซึ่งหมายความว่าสถานการณ์ที่เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้านั้นจะเกิดขึ้นทุกปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะขาดเงินงบประมาณหนักหนารุนแรงและในที่สุดสักวันหนึ่งที่ไม่อาจหางบประมาณมาใช้จ่ายได้ กิจการภาครัฐหรือส่วนราชการก็ต้องปิดกิจการกันเป็นทิวแถว แต่น่าแปลกใจว่าสื่อกระแสหลักกลับเห็นเรื่องนี้กระจอกงอกง่อย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารที่สุดของโลก เป็นเรื่องที่ใครก็ตามที่คิดจะทำมาค้าขายด้วยจะต้องใคร่ครวญให้จงหนัก มิฉะนั้นก็จะพากันฉิบหายวายวอดตามไปในสักวันหนึ่ง นั่นคือผลที่เกิดขึ้นแล้วและเห็นประจักษ์แล้ว ต้นเหตุอันเป็นที่มาของผลดังกล่าวนั้นก็คือการใช้จ่ายงบประมาณเกินตัว ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมากว่า 30 ปีแล้ว และเกิดขึ้นทันทีที่มีการนำนโยบายประชานิยมมาใช้ในสหรัฐอเมริกา ประชานิยมแบบที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรานั่นแหละ และไม่ว่าจะตั้งชื่อให้แปลกใหม่ประการใด ถ้ายังมีเนื้อแท้เป็นนโยบายประชานิยมแล้วไซร้ มันก็อีหรอบเดียวกันและมีอนาคตที่ต้องหายนะอย่างเดียวกันทั้งสิ้น ที่เรียกว่านโยบายประชานิยมนั้นก็คือนโยบายซื้อเสียงในระบอบประชาธิปไตยแบบส่งออก โดยให้ทานบำเรอเปรอปรนเพื่อสร้างความนิยมในหมู่ประชาชน โดยใช้วิธีการลดแลกแจกแถม ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนเป็นหนี้เป็นสิน หรือวันๆ คิดอ่านแต่จะแบมือขอเงินหรือรับเอาผลประโยชน์จากรัฐ กระทั่งคิดแต่จะกู้เงินมาจับจ่ายใช้สอย จนก่อเกิดเป็นสันดานขึ้น คือสันดานกู้ยืมเงินก่อหนี้สินผูกพันเพื่อเอามาใช้สอยโดยไม่สร้างรายได้ สันดานนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับประเทศและระดับประชาชน สันดานกู้เงินมาจับจ่ายใช้สอยโดยไม่สร้างรายได้นั้นเกิดขึ้นในประเทศไทยเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น ก็ทำให้ประเทศมีหนี้สินมากมายก่ายกอง และในช่วง 3 ปีเศษมานี้นโยบายประชานิยมที่ว่านี้ก็ยังสิงสู่สืบทอดต่อมา มีการก่อหนี้สินผูกพันประเทศชาติราว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นห้วงเวลาสั้นที่มีการก่อหนี้ผูกพันประเทศไทยและคนไทยไปจนถึงชั่วลูกหลาน โดยที่ยังไม่เห็นกิจการใดที่จะก่อให้เกิดรายได้ที่จะนำมาใช้หนี้ในอนาคต วัน ๆ ที่ยกหัวชูหางสรรเสริญกันนักหนาว่าปรีชาสามารถ เนื้อแท้ก็แค่กู้หนี้ยืมสินแล้วเอามาโปรยหว่านโดยที่ไม่มีอะไรงอกเงยขึ้นมา ซ้ำร้ายทำให้ประชาชนเพิ่มหนี้สินครัวเรือนขึ้นอย่างรวดเร็วและอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าเทียบกับรายได้ประชากรของประเทศและเพดานสูงสุดที่จะกู้หนี้ยืมสินมาใช้ได้ในระยะประมาณ 5 ปีจากนี้ไป ประเทศของเรามีขีดความสามารถที่จะกู้เงินได้อย่างสูงสุดประมาณ 2 ล้านล้านบาทเท่านั้น และในจำนวนวงเงินที่จะสามารถกู้มาใช้สอยได้นั้นก็มีการตั้งเรื่องเตรียมการที่จะกู้มาใช้กันแล้ว ดังที่มีการรายงานข่าวว่าจะมีการกู้ยืมเงินมาลงทุนในโครงการ EEC ในพื้นที่สามจังหวัดของภาคตะวันออกถึงประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งหมายความว่าถ้ากู้เงินจำนวนนี้มาใช้แล้วประเทศไทยจะเหลือวงเงินกู้ยืมได้อีกเพียง 0.2 ล้านล้านบาทเท่านั้น หมายความว่าการพัฒนาและการลงทุนเกือบทั่วทั้งประเทศราว 74 จังหวัด ในระยะ 5 ปี จะเหลือวงเงินที่จะกู้ยืมมาลงทุนหรือพัฒนาได้เพียงประมาณ 200,000 ล้านบาทเท่านั้น เพียงเห็นตัวเลขเท่านี้ก็หดหู่อดสูใจและน่าห่วงใยประเทศชาติสักเพียงไหน ไม่ต้องพูดถึงหนี้สินภาคประชาชนที่กำลังเกิดขึ้นและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีสารพัดเรื่องที่จะเชื้อเชิญจูงใจชักชวนให้ประชาชนก่อหนี้ยืมสินต่อไปอีก ดังเช่นแนวความคิดที่จะปลูกบ้านให้คนจนซื้อ ซึ่งมีวงเงินตั้งแต่ 300,000-2,000,000 บาท ซึ่งหากดูแต่ผิวเผินก็ร้องฮ้อว่ายอดดี แต่ในความเป็นจริงคืออะไร? ความเป็นจริงคือบรรดาเจ้าสัวนักจัดสรรก็จะสร้างบ้านอ้างว่าเพื่อให้คนจนซื้ออยู่อาศัย โดยมีการจัดการให้ธนาคารให้กู้ยืมเงินเพื่อนำมาซื้อบ้านดังกล่าวตามจำนวนเงินที่เป็นราคาค่าบ้าน รวมความก็คือมีการจัดวงเงินเพื่อซื้อบ้านให้กับคนจนโดยเจ้าสัวนักจัดสรรเป็นเจ้าของบ้านจัดสรร ดังนั้นเงินทั้งหมดที่คนจนกู้ไปซื้อจึงเลื่อนไหลไปอยู่ในมือของเจ้าสัวนักจัดสรรทั้งจำนวน วงเงินทั้งหมดที่จัดสรรให้คนจนกู้เท่าใด คนจนจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินไปใช้แม้แต่บาทเดียว เพราะเงินค่าซื้อบ้านนั้นผู้รับคือเจ้าสัวนักจัดสรร ส่วนคนจนเมื่อกู้เงินไปซื้อบ้านแล้วก็มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย รวมทั้งต้องชำระค่าเงินผ่อนข้าวของเครื่องใช้สารพัด และในที่สุดก็ผิดนัดชำระหนี้ คนจนก็จะถูกฟ้องคดียึดเอาบ้านที่ซื้อไปขายทอดตลาดซึ่งย่อมไม่พอชำระหนี้แน่นอน คนจนก็จะถูกฟ้องล้มละลาย เรียกว่าฉิบหายวายวอดตาม ๆ กัน ส่วนเจ้าสัวรับเงินค่าจัดสรรที่ดินไปแล้วก็สบายใจเฉิบ เพราะไม่ต้องกังวลที่คนจนจะถูกฟ้องล้มละลาย และไม่ต้องกังวลที่สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อจะไม่ได้รับชำระหนี้และจะเกิดเป็นหนี้สูญขึ้นในระบบ ซึ่งจะต้องมีการขายหนี้สินหรือตัดหนี้สูญกันต่อไป โดยนักลงทุนในตลาดหุ้นหรือผู้ถือหุ้นต้องแบกรับความขาดทุนกันเอาเอง นี่คือนโยบายประชานิยมที่กำลังพัฒนามาถึงขั้นสูงอีกขั้นหนึ่งในประเทศไทยของเรา และเป็นเรื่องที่ปวงชนชาวไทยจะต้องรู้เท่าทันอย่าไปหลงคำชักชวนของใครให้กู้หนี้ยืมสิน หากต้องยึดมั่นอยู่ในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชาให้มั่นคง ก็จะรักษาตนให้รอดปลอดภัยได้ เมื่อประเทศชาติมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ภาระดอกเบี้ยและภาระการชำระหนี้ก็จะผูกมัดรัดตัว ยิ่งถ้าก่อหนี้ยืมสินกับเจ้าหนี้รายได้จนมีหนี้สินมากเกินกว่าที่จะชำระหนี้ได้ ก็จะกลายเป็นประเทศราชทางการเงินที่จะต้องยอมรับเอาข้อกำหนดที่เบียดเบียนชาติบ้านเมืองและประชาชนหนักข้อขึ้นไปอีก ในวันนี้ประเทศไทยมีหนี้สินต่างชาติรายใหญ่รายเดียวและย่อมมีข้อกำหนดประการใด ใครเล่าจักรู้ แต่นั่นเป็นความเป็นความตายของชาติ จึงเป็นเรื่องที่ผู้รักชาติทั้งหลายจะต้องเร่งแสวงหาความจริงและคิดอ่านป้องกันแก้ไขเสียให้ทันท่วงทีก่อนที่จะมีเหตุการณ์ Government Shutdown. คุกร้อยกว่าปี! ศาลสั่งจำคุกมือวางระเบิดเสื้อแดง รวม 134 ปี 48 เดือน - สยามานุสสติ | Siammanussati.com วันนี้ (23 ม.ค.2561) ศาลอาญาพิพากษาจำคุก “ลุงวัฒนา” มือ … SIAMMANUSSATI.COM
  7. ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ.2561สํานักข่าวไทย TNAMCOT Hua Seng Heng Morning News 23-01-2561HSHsocial เฮฮาภาษาทอง by Ylg 23-01-2561Ylg Bullio MTS GOLD is live now. 7 mins · เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ MTS LIVE วันที่ 23 มกราคม 2561
  8. จนท.เผยมีผู้เสียชีวิต 18 รายจากเหตุกราดยิงในโรงแรมหรูกลางกรุงคาบูล ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 มกราคม 2561 10:31:30 น. นายนาจิบ เดนิช โฆษกกระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 18 รายเหตุกราดยิงที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในกรุงคาบูล เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มตาลีบันได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ รายงานระบุว่า ผู้เสียชีวิตประกอบด้วยชาวต่างชาติ 14 รายและชาวอัฟกานิสถาน 4 ราย ส่วนมือปืนได้เสียชีวิตได้ระหว่างการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย นายเดนิชเปิดเผยว่า หลังจากการปะทะกันระหว่างมือปืนของกลุ่มตาลีบันและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้สิ้นสุดลงนั้น กลุ่มตาลีบันได้ออกมาอ้างว่า มือปืน 5 คนของกลุ่มได้บุกสังหารชาวต่างชาติและทหารอัฟกานิสถาน รายงานระบุว่า ผู้ที่เสียชีวิต 18 รายจากเหตุกราดยิงในครั้งนี้ รวมถึงนักบินชาวเวเนซุเอลา 2 ราย และชาวคาซัคสถานอีก 1 ราย ขณะที่สื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นเป็น 43 ราย สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โรงแรมดังกล่าวเป็นที่นิยมของบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและเจ้าหน้าที่นักการทูต และเคยถูกโจมตีโดยกลุ่มตาลีบันในปี 2554 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตวัฒน์ วิจิตรถาวร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2770647 ชาวนิวยอร์กว่า 120,000 คนเดินขบวนแสดงพลังสนับสนุนผู้หญิง ผู้อพยพและกลุ่มผิวสีหลังทรัมป์รั้งตำแหน่งปธน.ครบ 1 ปี ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2561 09:11:37 น. ชาวนิวยอร์กหลายหมื่นคนได้เดินขบวนไปตามท้องถนนในนิวยอร์กเมื่อวานนี้ เพื่อแสดงพลังในการสนับสนุนกลุ่มต่างๆ อาทิ ผู้หญิง ผู้อพยพ และกลุ่มผิวสี ซึ่งการเดินขบวนประจำปีครั้งที่ 2 เพื่อแสดงการสนับสนุนผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ และยังตรงกับวันครบรอบการทำงาน 1 ปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แอนเดรีย ฮาเกลกันส์ ที่ปรึกษาอาวุโสของนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ได้ทวีตว่า มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนกว่า 120,000 คน "นี่คือการแสดงให้เห็นว่า เราออกมาอยู่ที่นี้เพื่อที่จะปกป้องในคุณค่าของรัฐธรรมนูญของเรา" เธอกล่าว " เพื่อเป็นการให้เกียรติกับสิทธิ เคารพในสิทธิของผู้คนจำนวนมาก ชาวเม็กซิกัน ผู้อพยพ ชาวไฮติ และชาวแอฟริกัน" --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2770418 Commentary: นักวิเคราะห์เผยสหรัฐชัตดาวน์ สะท้อนจุดบกพร่องเรื้อรังในระบบการเมือง ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 มกราคม 2561 09:36:04 น. สหรัฐมักประกาศตนว่าเป็น "นครอันเจิดจรัสบนเนินเขา" แต่การที่รัฐบาลสหรัฐซึ่งเป็นหัวใจแห่งระบอบประชาธิปไตยโลกตะวันตกได้เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์นั้น ได้เผยให้เห็นจุดบกพร่องเรื้อรังอีกครั้งหนึ่ง ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้วในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลลัพธ์จากการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวยังตรงกับวันครบรอบการทำงาน 1 ปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เท่ากับว่าเป็นการตบหน้ารัฐบาลสหรัฐครั้งใหญ่ จากการที่ปธน.ทรัมป์ชนะเลือกตั้งและพรรครีพับลิกันยังคงมีอำนาจเหนือสภาคองเกรสทั้งสองสภา ทางพรรครีพับลิกันก็ดูเหมือนจะสามารถเอาคืนพรรคเดโมแครตที่ครองอำนาจในทำเนียบขาวมาถึง 8 ปีในท้ายที่สุด โดยชัยชนะครั้งล่าสุดของพรรครีพับลิกันได้แก่มาตรการปรับลดภาษี ซึ่งนักวิจารณ์มองว่ามีแต่จะทำให้คนรวยนั้นรวยขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนด้านนโยบายที่สำคัญๆของนายบารัค โอบามา ปธน.คนก่อนหน้าของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (TPP) และความตกลงปารีสว่าด้วยการแก้ปัญหาโลกร้อน หากจะมีเรื่องราวสืบทอดที่ยังคงปรากฏให้เห็นในการส่งผ่านอำนาจแล้ว ก็น่าจะเป็นการไม่ให้ความร่วมมือระหว่างพรรคต่างๆ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐเคยถูกชัตดาวน์จากการที่รัฐบาลของอดีตปธน.โอบามาและพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องของนโยบายประกันสุขภาพเมื่อปี 2556 ขณะนี้ความขัดแย้งดังกล่าวก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง โดยพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าไม่ทำหน้าที่ของตน ซึ่งการที่ทั้งสองพรรคเอาแต่ชิงดีชิงเด่นเช่นนี้ ส่งผลให้ปัญหายืดเยื้อต่างๆของสหรัฐยังคงไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อปีที่แล้ว ปัญหาการใช้ปืนก่ออาชญากรรมในสหรัฐได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่ช่องว่างด้านความมั่งคั่งยังคงขยายตัวกว้าง ส่วนในเรื่องการเมืองก็เกิดการแบ่งฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ระบอบประชาธิปไตยโลกตะวันตกมักได้รับการยกย่องจากชาติพัฒนาแล้วว่าเป็นระบอบที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ และเป็นระบบการเมืองที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐขณะนี้ จะทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาตระหนักมากขึ้นถึงศักยภาพและความชอบธรรมของระบบการเมืองที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ บรรทัดฐานที่สำคัญที่สุดของระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพนั้น ได้แก่ศักยภาพในการแก้ไขปัญหาในประเทศ ไม่ใช่การชี้ช่องกล่าวโทษอีกฝ่าย บทวิเคราะห์โดย หลิว ช่าง สำนักข่าวซินหัวรายงาน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2770615 China Xinhua News added 3 photos and a video. 20 January at 14:00 คลิป เปิดแล้ว! รถไฟขนส่งสินค้าสายตรงกว่างซีจ้วง-โปแลนด์ นับเป็นครั้งแรกที่บริการขนส่งสินค้าจากเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน ไปยังสถานี Malaszewicze ของโปแลนด์ได้เปิดให้บริการ โดยเส้นทางดังกล่าวมีระยะทาง 11,000 กิโลเมตร ใช้เวลา 18-20 วัน เร็วกว่าการขนส่งทางทะเล 12 วัน สินค้าส่วนใหญ่ในขบวนรถไฟเหล่านี้คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแผ่นโลหะ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2011 บริการขนส่งทางรถไฟสายตรงจีน-ยุโรป ก็ได้ให้บริการส่งสินค้าไปแล้วกว่า 6,000 เที่ยว
  9. Xinhua world news summary: สหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์วันที่ 3 ขณะวุฒิสภาเตรียมโหวตรอบใหม่เที่ยงวันจันทร์ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 มกราคม 2561 10:52:12 น. การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐบางส่วน หรือ ชัตดาวน์ กำลังจะก้าวเข้าสู่วันที่ 3 ในวันนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันกำหนดเส้นตายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีกำหนดโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวอีกครั้งในช่วงเที่ยงวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 24.00 น.ตามเวลาไทยในวันอังคาร นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา กล่าวว่า เขามีความตั้งใจที่จะเดินหน้ากระบวนการทางกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) รวมทั้งความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน และประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง -- ผู้แทนพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายกลางของเยอรมนี มีมติเห็นชอบเข้าร่วมการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งนำโดยนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผู้แทนพรรค SPD กว่า 600 คนเข้าร่วมการประชุมนัดพิเศษในเมืองบอนน์ โดยสมาชิก 362 เสียงลงคะแนนเห็นชอบให้เข้าร่วมการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ขณะที่อีก 279 เสียงไม่เห็นด้วย -- เนชั่นแนล ออยล์ คอมพานี (NOC) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติของลิเบียเปิดเผยว่า บ่อน้ำมันใกล้เมืองจิคาร์รา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลิเบีย ได้เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากที่ปิดทำการเป็นเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ NOC ระบุในแถลงการณว่า หลังจากการผลักดันของ NOC และสำนักงานอัยการเป็นผลสำเร็จ เมืองจิคาร์ราจึงได้ตัดสินใจเปิดบ่อน้ำมันแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากที่ได้ปิดทำการไปเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. 2560 -- ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ 1.10 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์) ในวันนี้ ผ่านทางการดำเนินการทางตลาดเงิน (Open Market Operations - OMO) การดำเนินการดังกล่าวประกอบด้วยการอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านทางข้อตกลงการขายพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน มูลค่า 6.0 หมื่นล้าน, ข้อตกลง reverse repo อายุ 14 วัน มูลค่า 4 หมื่นล้านหยวน และข้อตกลง reverse repo อายุ 63 วัน มูลค่า 1 หมื่นล้านหยวน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย มลฑา ชัยธำรงค์กูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2770653 World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 22 มกราคม 2561 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 มกราคม 2561 09:09:29 น. หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาไทย หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อช่วยให้รัฐบาลกลางสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ -- นางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับแกนนำสภาคองเกรสและสมาชิกหลายคนในคณะทำงานของรัฐบาลเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ เกี่ยวกับผลกระทบของการที่หน่วยงานของรัฐบาลบางส่วนได้ถูกชัตดาวน์ หลังจากวุฒิสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว นางแซนเดอร์สกล่าวว่า "คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำงานกันอย่างหนัก เพื่อเร่งผลักดันให้หน่วยงานของรัฐบาลสามารถกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าบรรดาทหารและครอบครัวของพวกเขา รวมทั้งเด็กๆผู้ด้อยโอกาส และชาวอเมริกันทุกคน จะได้รับการดูแลต่อไป" -- ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 94.4 ในกลางเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 97.0 หลังจากอยู่ที่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค. นายริชาร์ด เคอร์ติน หัวหน้านักวิเคราะห์สำหรับการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กล่าวว่า ผู้บริโภคกังวลต่อความล่าช้าในการได้รับอานิสงส์จากมาตรการปฏิรูปภาษี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล -- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐในเดือนหน้าว่า ทรัมป์จะดำเนินมาตรการที่แข็งกร้าวต่อจีนในประเด็นการค้าหรือไม่ โดยตลอด 1 ปีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น เขาไม่สามารถสกัดการขยายตัวของยอดเกินดุลการค้าที่จีนมีต่อสหรัฐได้ ในช่วงที่ผ่านมานั้น ทรัมป์ไม่ได้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับนโยบายการค้ากับจีน เพียงแต่สั่งการให้คณะทำงานของเขาเร่งศึกษาปัญหาต่างๆที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีน แทนการใช้นโยบายคุมเข้มเกี่ยวกับภาษีนำเข้า ส่วนเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้มีโอกาสหารือทางโทรศัพท์ร่วมกันนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน โดยนายสีกล่าวว่า จีนและสหรัฐควรหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและการค้าที่ทั้งสองประเทศต่างก็เผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยผ่านการเปิดตลาดซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำไปสู่การรับผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นร่วมกัน -- พรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ของเยอรมนีได้ตกลงที่จะเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU), CSU และพรรค SPD ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยข้อตกลงที่แกนนำทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องกันในวันดังกล่าวนั้น รวมถึงการทำข้อตกลงกันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษี และจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศให้อยู่ในช่วง 180,000-220,000 คนต่อปี รวมทั้งตกลงที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหภาพยุโรป (EU) ด้วยการให้เยอรมนีสมทบเงินช่วยเหลือ EU มากขึ้น -- คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือจะส่งนักกีฬา 22 ราย พร้อมด้วยโค้ชและเจ้าหน้าที่อีก 24 ราย เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนหน้าที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยคณะนักกีฬาดังกล่าวจะเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬา 3 รายการ โดยการเข้าร่วมในการแข่งขันของเกาหลีเหนือครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมระหว่างนายโทมัส บาค ประธาน IOC คณะผู้จัดงานการแข่งขัน และคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ ผู้แทนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะร่วมเดินขบวนเข้าสู่พิธีเปิดการแข่งขันภายใต้ชื่อ "เกาหลี" รวมทั้งถือธงรวมชาติเกาหลี โดยเปิดเพลงอารีรัง -- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ โดยในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 22-23 นี้ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ จะยังคงนโยบายการเงินไว้ในการประชุมวันที่ 22-23 มี.ค.นี้ และคาดการณ์ว่า BOJ จะเริ่มคุมเข้มนโยบายในช่วงเดือนก.ย.หรือต.ค. ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุมเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในกรอบ 1.25%-1.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ -- นอกเหนือจากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆแล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดสาขาชิคาโก ส่วนในวันพรุ่งนี้ ฟิลิปปินส์จะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 ขณะที่สถาบัน ZEW จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.ของสหภาพยุโรปและเยอรมนี ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2770594 ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.89 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.85-31.95 ตลาดรอดูตัวเลขส่งออกของไทยวันนี้ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 มกราคม 2561 09:20:53 น. นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.89 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากเย็นวันศุกร์ (19 ม.ค.) ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.83 บาท/ดอลลาร์ "วันศุกร์ยังมีความกังวลกรณีหน่วยงานสหรัฐชัตดาวน์ แต่ประเด็นนี้ยังมีผลค่อนข้างจำกัด ขณะที่ปัจจัยในประเทศ รองนา ยกรัฐมนตรียังมีความเป็นห่วงค่าเงินบาทหากแข็งค่า โดยไม่มีปัจจัยรองรับ" นักบริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-31.95 บาท/ดอลลาร์ "ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค.60 ของไทย การประชุม BOJ และ ECB" นักบริหารเงิน กล่าว THAI BAHT FIX 3M (19 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.19311% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (19 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.17532% * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.79 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (19 ม.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 110.61 เยน/ดอลลาร์ - ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2231 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ (19 ม.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 1.1278 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.8520 บาท/ ดอลลาร์ - ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์เงินบาทสัปดาห์นี้ (22-26 ม.ค.) ที่ 31.60-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้อง จับตาตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ธ.ค. 2560 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ยอดขาย บ้านใหม่และบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2560 นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ซึ่งอาจจะมีสัญญาณ เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของมาตรการซื้อสินทรัพย์ที่เตรียมจะดำเนินการในระยะต่อไป - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้สั่งการให้กระทรวง การคลังหามาตรการทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อทำให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องให้อ่อนค่าลง เพื่อไม่ให้กระทบกับการส่งออกและ การขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศไทย - "ส.อ.ท." เตรียมพิจารณาผลตอบรับจากสมาชิกทั่วประเทศ กรณีบอร์ดค่าจ้างปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาทต่อวัน ในการประชุมบอร์ดบริหาร ส.อ.ท. ประจำเดือน 22 ม.ค.นี้ ยอมรับว่าสูงเกินกว่าที่คาดไว้มาก ผวาราคาอาหารพาเหรดขึ้น กระทบครัวเรือน ภาคเกษตรบริการควักจ่ายเพิ่ม SMEs กระอัก - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากแรงส่ง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ซึ่งมาจากทั้งเศรษฐกิจโลกและโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ออกไป แต่ทั้งหมดจะต้องใช้เวลาในการที่ผลจะ ส่งลงไปยังเศรษฐกิจระดับฐานราก ทำให้บางส่วนยังมองว่าเศรษฐกิจระดับล่างยังไม่ดี อยากให้ใจเย็นรอดูผลก่อน - ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 94.4 ในกลางเดือนม. ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 97.0 หลังจากอยู่ที่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค. - สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อ วันศุกร์ (19 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันเส้น ตาย ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ของสหรัฐ - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (19 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย จากความ วิตกที่ว่า สหรัฐอาจเผชิญกับการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) หากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวทันเส้นตาย เที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือเที่ยงวันเสาร์ตามเวลาไทย - นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐในเดือนหน้าว่า ทรัมป์จะดำเนิน มาตรการที่แข็งกร้าวต่อจีนในประเด็นการค้าหรือไม่ โดยตลอด 1 ปีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น เขาไม่สามารถสกัด การขยายตัวของยอดเกินดุลการค้าที่จีนมีต่อสหรัฐได้ - นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะ ประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ทางด้าน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ --อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2770602
  10. ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ.2561 สํานักข่าวไทย TNAMCOT Hua Seng Heng Morning News 22-01-2561HSHsocial เฮฮาภาษาทอง by Ylg 22-01-2561 ค่าเงิน ทองคำ รับปี2561อติชาต วงศ์วุฒิวัฒน์ ค่าเงิน ทองคำ รับปี2561อติชาต วงศ์วุฒิวัฒน์ อิหร่านลั่น! ตุรกีควรหยุดปฏิบัติการในซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ธ.ค. 2018) กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านได้ประกาศกระตุ้นให้ตุรกีออกมาปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและให้ความเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐอาหรับ ขณะที่ตุรกีได้เปิดตัวปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายชาวเคิร์ด และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ตำบล Afrin ของซีเรีย Bahram Qasemi โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สาธารณรัฐอิสลามรู้สึกกังวลกับการที่ตำบล Afrin จะถูกรุกรานอย่างมาก และหวังว่าตุรกีจะยุติการดำเนินการ "ทันที" เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นบริเวณชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศ อิหร่านยังคาดหวังว่าตุรกีจะยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการทางการเมือง เพื่อยุติวิกฤติซีเรียต่อไป เขากล่าวเสริม เออร์โดกัน: นักรบเคิร์ดอย่าหวังเอาชนะตุรกีจากการพึ่งพามะกัน วานนี้ (21 ม.ค.) นายเรเจป ไตยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีกล่าวว่า กองทัพตุรกีจะบดขยี้กองทหารนักรบชาวเคิร์ด (YPG) ที่ได้รับการหนุนหลังโดยสหรัฐฯ พร้อมกล่าวว่านักรบเคิร์ดไม่สามารถพึ่งการสนับสนุนของสหรัฐฯ เพื่อเอาชนะตุรกีได้ โดยหนึ่งวันหลังจากวันที่กองทัพตุรกี ส่งเครื่องบินรบโจมตีทางอากาศและโจมตีทางภาคพื้นดินใส่นักรบชาวเคิร์ดในเมือง Afrin เออร์โดกันกล่าวว่า มีพันธมิตรบางรายของตุรกีที่ช่วยจัดหาอาวุธจำนวนมากให้กับกลุ่มYPG ผ่านการขนส่งทางเครื่องบินและรถบรรทุก ซึ่งอาจจะสื่อถึงสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เออร์โดกันยังเตือนชาวเคิร์ดในตุรกีว่าอย่าออกมาเดินขบวนประท้วงการปฏิบัติงานของทหารตุรกีในดินแดนซีเรียที่อยู่ภายใต้การควบคุมของชาวเคิร์ดเพราะอาจจะได้รับบทเรียนราคาแพง "นี่คือการต่อสู้ระดับชาติ เราจะบดขยี้ใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับการต่อสู้นี้" พร้อมกันนั้น เขากล่าวว่าเมือง Afrin นั้นโดยส่วนมากแล้วเป็นพื้นที่อาหรับที่ตุรกีตัดสินใจแล้วว่าจะคืนมันให้กับเจ้าของที่มีสิทธิ์โดยชอบธรรม ทั้งนี้ ตุรกีถือว่ากลุ่ม YPG เป็นกลุ่มที่แตกออกมาจากพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) ที่อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายในพื้นที่ของชาวเคิร์ดทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี และสหรัฐฯ คือผู้ที่หนุนกลุ่มYPGในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ (ISIL) ในซีเรีย
  11. บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 (ภาคเช้า) ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 09:27:47 น. กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--MTS Gold Group ทิศทางราคาทองคำ ทองคำเริ่มมีความผันผวนและปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้หลังจากที่พยายามขึ้นไปทดสอบ 1,340 เหรียญในช่วงประมาณตี 1 บ้านเรา โดยราคายังถูกแรงเทขายอย่างหนัก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นจากระดับ 90.3 จุด มาที่ระดับ 90.8 จุด ด้านค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยบริเวณ 31.98 บาท/ดอลลาร์ ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวานนี้ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว และในวันนี้ก็คาดว่าภาพรวมจะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเช่นกัน อันได้แก่ Building Permits, Housing Starts, Unemployment Claims และ Philly Fed Manufacturing Index สิ่งที่สำคัญคือUnemployment Claims ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้นจากระดับ 261,000 ราย ที่คาดว่าจะออกมาที่ระดับ 250,000 ราย สำหรับ SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังถือครองที่ระดับ 828.96 ตัน วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำทางเทคนิคเริ่มมีแรงเทขายทำกำไร โดยที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,340 เหรียญได้ หลังจากที่พยายามขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม ซึ่งราคาทองคำมีการปรับตัวลงหลุดแนวรับแรก 1,330 เหรียญ และมาทดสอบ 1,326 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันในภาพรายชั่วโมง และเป็นระดับราย 7 วันในภาพระดับวัน และวันนี้คาดว่าทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways กรอบกว้างระยะสั้น โดยมีแนวรับ 1,320 เหรียญ และแนวต้าน 1,340 เหรียญ การลงทุน Gold D เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบระหว่าง 1,320 – 1,340 เหรียญ โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ลงทุนในกรอบ 1,320 – 1,340 เหรียญ หากหลุด 1,320 เหรียญ ให้เปิดสถานะขายก่อนเพื่อทำกำไรในทิศทางขาลง - นักลงทุนที่ถือ Long Position ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ แต่ควรมีจุด Stop Loss หากราคาหลุด 1,320 เหรียญ - นักลงทุนที่ถือ Short Position หาจังหวะเปิดสถานะขายก่อน หากราคาหลุด 1,320 เหรียญ กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ยังเน้นเป็นลักษณะเก็งกำไรกรอบขาขึ้น โดยหาจังหวะปิดทำกำไรตามระดับแนวต้าน และหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคามีการอ่อนตัว Gold Futures G18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,350 บาท Gold Futures J18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,190 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,390 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2769161 World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 19 มกราคม 2561 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 มกราคม 2561 08:31:12 น. -- จับตาความเคลื่อนไหวในสภาคองเกรสสหรัฐวันนี้ หลังเกิดกระแสวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันเส้นตายในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการถูกชัตดาวน์ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า วุฒิสภาสหรัฐจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้หรือไม่ เนื่องจากมีวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนกล่าวว่า พวกเขาจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ หากวุฒิสภาไม่สามารถลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนเส้นตายในวันนี้ ก็จะส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน -- ยุโรปได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุฤดูหนาวเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบิน และการเดินทางด้วยรถไฟ ขณะที่เจ้าหน้าที่แนะนำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน สายการบิน KLM ประกาศยกเลิกเที่ยวบินกว่า 200 เที่ยว ขณะที่ท่าอากาศยาน Schiphol ในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ประกาศยกเลิก และเลื่อนเวลาเที่ยวบินจำนวนมาก หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าจะมีลมกรรโชกแรงถึง 140 กม./ชม. อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการรายงานผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากสภาพอากาศดังกล่าว -- สกุลเงินดิจิทัลฟื้นตัวเมื่อคืนนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วัน จนทำให้มูลค่าของบิตคอยน์วูบหายไปมากกว่า 50% จากความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนและเกาหลีใต้อาจมีมาตรการห้ามซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล -- เมื่อวานนี้มีรายงานข่าวว่า เกาหลีใต้เตรียมพิจารณาเรื่องการยุติการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในประเทศ หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงอันตรายของสกุลเงินดังกล่าวไปทั่วโลก ประธานกรรมาธิการด้านการเงินของเกาหลีใต้ตอบคำถามต่อรัฐสภาว่า "รัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะปิดการซื้อขายสกุลเงินเสมือนจริงในประเทศทั้งหมด หรือจะระงับการซื้อขายเฉพาะสกุลเงินที่ผิดกฎหมาย" ด้านนายลี จู ยอล ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) แถลงว่า "เงินดิจิทัลไม่ใช่สกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายและยังไม่มีการนำมาใช้ในปัจจุบัน" -- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ออกรายงานประจำเดือนม.ค. โดยระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีนี้ อันเนื่องจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศนอกโอเปก รายงานดังกล่าวคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศนอกโอเปกจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.15 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ สู่ระดับ 58.94 ล้านบาร์เรล/วัน โดยประเทศในกลุ่มนอกโอเปกที่ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก อินโดนีเซีย บราซิล และลาตินอเมริกา นอกจากนี้ รายงานของโอเปกยังระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 0.40 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 97.49 ล้านบาร์เรล/วัน -- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตลอดปี 2560 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของทางการจีนที่ระดับ 6.5% ส่วน GDP ไตรมาส 4/2560 ขยายตัว 6.8% การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรตลอดปี 2560 ขยายตัว 7.2% ซึ่งชะลอลง 0.3% จากระดับการขยายตัวในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2560 และลดลง 0.9% จากระดับการขยายตัวปี 2559 การลงทุนด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตลอดปี 2560 ขยายตัว 7% เทียบรายปี ซึ่งชะลอลง 1.1% จากระดับการขยายตัวในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2560 แต่ปรับตัวขึ้น 0.1% จากระดับการขยายตัวในปี 2559 การผลิตภาคอุตสาหกรรมตลอดปี 2560 ขยายตัว 6.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ขยายตัว 6% ยอดค้าปลีกตลอดปี 2560 ขยายตัว 10.2% ซึ่งชะลอตัวลง 0.2% จากระดับการขยายตัวของปีก่อนหน้า -- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยวันนี้ อินโดนีเซียมีกำหนดการรายงานตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไตรมาส 4/2560 เวลา 08.00 น. และยอดขายรถยนต์เดือนธ.ค. เวลา 13.00 น. ตามเวลาไทย เยอรมนีเตรียมรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. เวลา 14.00 น. ยุโรปเตรียมรายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. เวลา 16.00 น. อังกฤษเตรียมรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. เวลา 16.30 น. และปิดท้ายด้วยรายงานจากสหรัฐ ได้แก่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 22.00 น. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2769732 ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.90 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์ เหตุวิตกชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 มกราคม 2561 09:16:51 น. นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.90 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น วานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 31.93/95 บาท/ดอลลาร์ "ดอลลาร์ถูกเทขายหลังมีข่าวมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการดำเนิน งาน ซึ่งต้องจับตาสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันนี้ หลังจากเวลา 14.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ หลังจากเวลา 02.30 น.คืนนี้ตามเวลาไทย" นักบริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-31.95 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (18 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.26046% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (18 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.22988% * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.07 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 112.27/31 เยน/ดอลลาร์ - ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2241 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2211/2215 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.9510 บาท/ ดอลลาร์ - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปัดข่าว แบงก์ชาติ เข้าแทรกแซงค่าเงินบาท ย้ำแค่ดูแลไม่ให้ผันผวน เร็ว ยินดีให้สหรัฐเข้า ตรวจสอบ มั่นใจทุกอย่างโปร่งใส - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่ม 3.4% โดย เฉลี่ยทั่วประเทศนั้น ถือว่าเป็นขนาดการปรับเพิ่มที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่ยังไม่ กระจายตัวมากนัก โดยจะส่งผลดีให้แรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อการบริโภคในภาพรวม และช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย - -ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัดในปี 61 ตั้งแต่วันละ 5-22 บาท หรือเฉลี่ย 2.6% จะส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงจำกัด จึงยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2561 ไว้ที่ 4.0% และอัตรา เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2561 ที่ 1.1% ดังเดิม - กรมบังคับคดี จัดโครงการมหกรรมขายทอดตลาดทรัพย์สินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจจังหวัดภาคตะวันออก (EEC) ประกอบด้วย 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 กว่า 1,722 ล้านบาท - กระทรวงดีอี ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท เร่งสปีดพัฒนา 1 ล้านคนถึงฐานรากชุมชน เน้น 5 แกนหลักขับเคลื่อนไทย แลนด์ 4.0 - กรมการท่องเที่ยว อยู่ระหว่างการพิจารณาคำของบประมาณจากโครงการ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาฟื้นฟูแหล่ง ท่องเที่ยวทั่วประเทศ เบื้องต้นมีโครงการที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศยื่นคำขอเพื่อขอรับงบประมาณกว่า 2,639 โครงการ คิดเป็น วงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเมืองรอง 55 จังหวัด 1,843 โครงการ และเมืองหลัก 22 จังหวัด 796 โครงการ - สกุลเงินดิจิทัลฟื้นตัวเมื่อคืนนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วัน จนทำให้มูลค่าของบิตคอยน์วูบหายไปมากกว่า 50% จากความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนและเกาหลีใต้อาจมีมาตรการห้ามซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย สู่ ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2516 - สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันเส้นตายใน วันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ของสหรัฐ - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำ พุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นับเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาทองคำ ร่วงลง - จับตาความเคลื่อนไหวในสภาคองเกรสสหรัฐวันนี้ หลังเกิดกระแสวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่าน ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันเส้นตายในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ โดยสภาผู้แทน ราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดัง กล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไป --อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2769750
  12. เฮฮาภาษาทอง by Ylg 19-01-2561 + ข่าวเช้าวันศุกร์สุดสัปดาห์ ++ ☁🧚‍♀ 🗞 ทองคำทรงตัวกรอบแคบ ภาพรวมยังเป็นขาขึ้น แต่หากหลุดแนวรับ 1,320 เหรียญ มีโอกาสกลับลงมาทดสอบ 1,300 เหรียญ?!!! 🗞 ประธานเฟดเคฟแลนด์หนุนโอกาสการขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้และปีหน้า 🗞 บรรดา ส.ส. สหรัฐฯมีมติให้ร่างงบประมาณสามารถผ่านได้ ส่งผลให้สหรัฐฯจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ไปได้แต่ต้องรอการลงมติของสว. คืนนี้ . ติดตามข่าวเช้าฉบับเต็ม.. ได้ที่: www.mtsgold.co.th
  13. Hua Seng Heng Morning News 19-01-2561 เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 19-01-2561 MTS GOLD is live now. 30 mins · เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ MTS LIVE วันที่ 19 มกราคม 2561 Kanok Ratwongsakul Fan Page 48 mins · ชอบนายตำรวจท่านนี้มาก "พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข" ผบช.ปส. กรณีจับกุมเครือข่าย น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง ขนยาเสพติด โดยมี พ.ต.ท.ธนกฤต นิตสพันธ์ สารวัตรสอบสวนตำรวจทางหลวง เกี่ยวข้องด้วย "เงินไม่สกปรกหรอก คนน่ะสกปรก เพราะเงินมีรูปพระเจ้าอยู่หัว คนมันสกปรก ไปจับเงินดีๆเสียหายหมด.."
  14. ข่าวในพระราชสำนัก วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ.2561สํานักข่าวไทย TNAMCOT ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไร ฉุดทองปิดร่วง 12 ดอลลาร์ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นับเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาทองคำร่วงลง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 12 ดอลลาร์ หรือ 0.90% ปิดที่ 1327.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 21.2 เซนต์ หรือ 1.23% ปิดที่ 16.954 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3.7 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,007.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 16.40 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,093.30 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำปิดตลาดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ โดยส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.611% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.886% เมื่อคืนนี้ สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราผลตอนแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นนั้น มาจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2516 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 97.84 จุด เหตุวิตกชัตดาวน์,หุ้นอุตสาหกรรมร่วง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 61)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันเส้นตายในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงหุ้นโบอิ้ง และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,017.81 จุด ลดลง 97.84 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,798.03 จุด ลดลง 4.53 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,296.05 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.03% ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ หลังจากทะยานขึ้นทำนิวไฮเมื่อวันพูธที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้มาจากความกังวลที่ว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจถูกชัตดาวน์เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน หากสภาคองเกรสไม่สามารถลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนเส้นตายในวันนี้ โดยในขณะนี้สมาชิกสภาคองเกรสยังคงมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมือง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่หน่วยงานของรัฐบาลอาจถูกชัตดาวน์ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพรรคเดโมแครตที่จะช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะถึงเส้นตายในวันนี้ ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐกำลังบริหารประเทศด้วยงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2561 เมื่อเดือนต.ค.2560 โดยงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันนี้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง และเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.1% และหุ้นจีอี ดิ่งลง 3.3% ทั้งนี้ หุ้นโบอิ้งและจีอีถือเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมากในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และการร่วงลงของหุ้นทั้งสองตัวนี้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.6% หุ้นอัลโค คอร์ป ซึ่งผู้ผลิตแร่อลูมิเนียมรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท หุ้นอเมซอน ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของสหรัฐ ปิดตลาดทรงตัว หลังจากบริษัทได้จัดทำรายชื่อ 20 เมืองที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกสำหรับการสร้างสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ของบริษัท โดยอเมซอนจะใช้จ่ายเงินจำนวน 5 พันล้านดอลลาร์ในเมืองที่จะมีการสร้างสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 และจะจ้างงานจำนวน 50,000 ตำแหน่ง หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 9.50 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.20 พันล้านดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.41 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.32 พันล้านดอลลาร์ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2516 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านทรุดตัวลง 8.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.192 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยวันนี้ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งจะมีการรายงานในเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาไทย --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- จับตาสภาคองเกรสเตรียมโหวตงบประมาณวันนี้ ก่อนเส้นตายชัตดาวน์พรุ่งนี้ ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 22:34:48 น. นายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันนี้ หลังจากเวลา 14.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือหลังจากเวลา 02.30 น.คืนนี้ตามเวลาไทย ทางด้านนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะรีบพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวทันที หากผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐกำลังบริหารประเทศด้วยงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2561 เมื่อเดือนต.ค.2560 โดยงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันพรุ่งนี้ ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับที่สภาคองเกรสจะลงมติในวันนี้ จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานไปจนถึงวันที่ 16 ก.พ. โดยร่างงบประมาณดังกล่าวครอบคลุมถึงการอนุมัติให้เดินหน้าโครงการประกันสุขภาพเด็กอีกครั้ง ตามคำเรียกร้องของพรรคเดโมแครต หากสภาคองเกรสไม่สามารถลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนเส้นตายในวันพรุ่งนี้ ก็จะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2769567 จนท.เกาหลีใต้เผยเกาหลีเหนือจะส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 4 รายการ ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 15:10:59 น. นายลี ฮี บอม ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวของเกาหลีใต้ เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เห็นพ้องกันให้เกาหลีเหนือส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพยองชังของเกาหลีใต้ใน 4 รายการ ได้แก่ สเก็ตลีลา, สกีอัลไพน์, สกีวิบาก และฮอกกี้น้ำแข็งหญิง นายลี ฮี บอม กล่าวว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้บรรลุข้อตกลงดังกล่าวในการหารือระดับรองรัฐมนตรีที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนของเกาหลีทั้งสองเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ดี นายลีปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนนักกีฬาที่เกาหลีเหนือจะส่งมาร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นเพียงการตกลงกันระหว่าง 2 เกาหลี ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาขั้นสุดท้ายจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เสียก่อน นายลีเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่สนามบินนานาชาติอึนซอน ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมที่สำนักงานใหญ่ของ IOC ในเมืองโลซาน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ว่า "ปกติแล้ว IOC จะเป็นฝ่ายเชิญชวนประเทศต่างๆมาร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ส่วนข้อตกลงระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของ IOC" สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายโทมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากลจะนั่งเป็นประธานการประชุมระหว่างผู้แทนจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในประเด็นเกาหลีเหนือจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวระหว่างวันที่ 9-25 ก.พ. โดยการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นที่เมืองโลซาน ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2769430
  15. บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 (ภาคเช้า) ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 09:27:47 น. กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--MTS Gold Group ทิศทางราคาทองคำ ทองคำเริ่มมีความผันผวนและปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้หลังจากที่พยายามขึ้นไปทดสอบ 1,340 เหรียญในช่วงประมาณตี 1 บ้านเรา โดยราคายังถูกแรงเทขายอย่างหนัก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นจากระดับ 90.3 จุด มาที่ระดับ 90.8 จุด ด้านค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยบริเวณ 31.98 บาท/ดอลลาร์ ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวานนี้ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว และในวันนี้ก็คาดว่าภาพรวมจะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเช่นกัน อันได้แก่ Building Permits, Housing Starts, Unemployment Claims และ Philly Fed Manufacturing Index สิ่งที่สำคัญคือUnemployment Claims ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้นจากระดับ 261,000 ราย ที่คาดว่าจะออกมาที่ระดับ 250,000 ราย สำหรับ SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังถือครองที่ระดับ 828.96 ตัน วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำทางเทคนิคเริ่มมีแรงเทขายทำกำไร โดยที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,340 เหรียญได้ หลังจากที่พยายามขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม ซึ่งราคาทองคำมีการปรับตัวลงหลุดแนวรับแรก 1,330 เหรียญ และมาทดสอบ 1,326 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันในภาพรายชั่วโมง และเป็นระดับราย 7 วันในภาพระดับวัน และวันนี้คาดว่าทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways กรอบกว้างระยะสั้น โดยมีแนวรับ 1,320 เหรียญ และแนวต้าน 1,340 เหรียญ การลงทุน Gold D เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบระหว่าง 1,320 – 1,340 เหรียญ โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ลงทุนในกรอบ 1,320 – 1,340 เหรียญ หากหลุด 1,320 เหรียญ ให้เปิดสถานะขายก่อนเพื่อทำกำไรในทิศทางขาลง - นักลงทุนที่ถือ Long Position ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ แต่ควรมีจุด Stop Loss หากราคาหลุด 1,320 เหรียญ - นักลงทุนที่ถือ Short Position หาจังหวะเปิดสถานะขายก่อน หากราคาหลุด 1,320 เหรียญ กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ยังเน้นเป็นลักษณะเก็งกำไรกรอบขาขึ้น โดยหาจังหวะปิดทำกำไรตามระดับแนวต้าน และหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคามีการอ่อนตัว Gold Futures G18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,350 บาท Gold Futures J18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,190 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,390 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง MTS Research อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2769161 (Jan 17) ดอลลาร์เสื่อมมนต์ ฝรั่งขนเงินลงทุนนอก : เพิ่งจะผ่านมาได้เพียง 2 สัปดาห์แรกของปีใหม่ 2018 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ทำให้ประเทศผู้ส่งออกทั่วโลกหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกันว่า จะซ้ำรอยเดิมกลายเป็นค่าเงินที่อ่อนค่าลงหนักหน่วงต่อเนื่องอีกหนึ่งปี เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก 6 สกุลของโลก โดยร่วงลงไปแตะ 1.2296 ดอลลาร์ หรือต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2014 และแม้ว่าจะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อยเมื่อวานนี้ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าทิศทางของค่าเงินสหรัฐจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องอีก เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายประหลาดใจไปตามๆ กันพร้อมตั้งคำถามขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นแทบจะทุกมิติในขณะนี้ ควรจะช่วยให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไม่ใช่หรือ ตามปกติแล้วการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางมักจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนจะขนเงินกลับประเทศไปซื้อสินทรัพย์และลงทุนในประเทศของตนเอง และสหรัฐเองก็เต็มไปด้วยปัจจัยหนุนเชิงบวกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น 1.ปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อปี 2017 และคาดว่าจะขึ้นอีก 3 ครั้งใน ปีนี้ 2.ปัจจัยเศรษฐกิจพื้นฐานที่ดีขึ้นหลายรายการ อาทิ จีดีพี ค่าเรง บริโภค เงินเฟ้อ ตลอดจนราคาสินทรัพย์ และ 3.ปัจจัยการผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นผ่านการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์กว่าตลอด 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาแล้วว่า "ไม่มีผล" จนดอลลาร์ร่วงไปแล้วเกือบ 2% ในทางตรงกันข้าม หลายฝ่ายเลือกมองปัจจัยลบในสหรัฐมากกว่าปัจจัยบวก เช่น กฎหมายปฏิรูปภาษี ที่จะกดดันการขาดดุลทางการคลังหนักขึ้นไปอีกจนฉุดค่าเงินดอลลาร์ลง นอกจากนี้ ก็ยังมีความเสี่ยงทางการเมืองอีก เช่น ภาวะ ชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่สามารถ ตกลงขยายเพดานหนี้ได้ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายให้เหตุผลว่าอาจเป็นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐที่ว่าดีก็ยังแพ้ที่อื่น ซึ่งแพ้ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงจีดีพี แต่เป็นการทำกำไรนอกบ้านที่ดีกว่าจะขนเงินกลับไปสหรัฐในช่วงนี้ โดยเฉพาะใน "ยุโรป" และ "ตลาดเกิดใหม่" ในจังหวะเดียวกับที่ดอลลาร์อ่อนค่านั้นค่าเงินยูโรก็ขึ้นมาแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 ปี เช่นกันระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 15 ม.ค. จนเกือบแตะระดับ 1.23 ดอลลาร์/ยูโร เพราะตลาดเก็งกันว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยุโรปโดยเฉพาะกลุ่มประเทศยูโรโซน 19 ประเทศ ที่ขยายตัวดีที่สุดในรอบ 10 ปี และคาดว่าจะดีไปอีกอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เริ่มประกาศแผนการถอนตัวออกจากมาตรการผ่อนปรนทางการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี) ได้ในปีนี้ รวมถึงเริ่มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีได้ตั้งแต่ปลายปี 2018 นี้ หรือในช่วงต้นปีหน้า การเก็งทิศทางนี้มาจากการเปิดเผยบันทึกการประชุมของอีซีบีเมื่อครั้งเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกรรมการ ส่งสัญญาณว่า อาจเริ่มปรับทิศทางนโยบายการเงินเป็นไปในแนวตึงตัวขึ้นได้ตั้งแต่ปีนี้ โดยควรทยอยส่งสัญญาณปรับท่าทีออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตลาดเกิดภาวะตื่นตระหนก ไม่เพียงแต่สัญญาณจากอีซีบีเท่านั้น เพราะยังมีสัญญาณตอกย้ำความเชื่อมั่นอีกทางหนึ่งจากฟาก "การเมือง" ด้วยว่า อังเกลา แมร์เกิล กำลังจะกลับมาแล้ว หลังจากเพิ่งบรรลุดีลจัดตั้งรัฐบาลผสมได้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งเยอรมนีมานานถึงเกือบ 4 เดือน ส่งสัญญาณว่าประเทศหัวหอกหลักทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองของยุโรปพร้อมจะกลับมาทำหน้าที่ได้เต็มรูปแล้ว และน่าจะมีผลไม่มากก็น้อยต่อทิศทางความชัดเจนของอีซีบีหลังจากนี้เช่นกัน สัญญาณเข้าตลาดยุโรปยังเห็นได้ชัดเจนผ่านการซื้อสัญญาล่วงหน้าเงินยูโร ซึ่งไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า เพียงแค่สัปดาห์แรกของปีนี้สิ้นสุดวันที่ 2 ม.ค. ก็พุ่งไปแตะ 1.28 แสนสัญญา จากข้อมูลของคณะกรรมการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าโภคภัณฑ์สหรัฐ (ซีเอฟทีซี) โดยโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า เป็นการเข้าซื้อที่มากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี หรือนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2007 เป็นต้นมา และแรงซื้อยังดำเนินไป อย่างต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรอยเตอร์สรายงานว่ามีปริมาณสูงสุดทุบสถิติที่เคยมีมา ในขณะที่ค่าเงินยูโรกำลังแข็งค่าสุดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014 เมื่อเทียบ 6 สกุลเงินในตะกร้าค่าเงิน นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ทิศทางเศรษฐกิจขาขึ้นบวกกับการปรับนโยบายการเงินสู่ทิศทางตึงตัว จะทำให้ยูโรแข็งค่าขึ้นอีก ขณะที่นักวิเคราะห์บางสำนัก เช่น เจพีมอร์แกน เชื่อว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนในปีนี้อาจแซงหน้าสหรัฐได้อีกด้วย นอกจากเก็งกำไรฝั่งยุโรปแล้ว ยังคาดว่าฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกจากในปีที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มประเทศส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันขาขึ้นในรอบ 3 ปี ซึ่งสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) ระบุว่าในปี 2017 ต่างชาติขนเงินเข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ถึง 2.35 แสนล้านดอลลาร์ หรือสูงสุดในรอบ 3 ปีมานี้ และเพิ่มขึ้นมากจากในปี 2016 ซึ่งอยู่ที่ 1.52 แสนล้านดอลลาร์ หากดูจากตลาดเงินและตลาดทุนในหลายประเทศเอเชียตลอด 3 สัปดาห์นี้ก็จะเห็นได้ว่า มีเงินทะลักเข้ามาทำให้ตลาดหุ้นในหลายประเทศกำลังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง และอินเดีย ขณะที่มีรายงานว่าตลาดหุ้นมาเลเซียกำลังมีเงินไหลเข้าซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง เฉพาะวันจันทร์ที่ 15 ม.ค. ต่างชาติซื้อสุทธิ 369.2 ล้านริงกิต (เกือบ 3,000 ล้านบาท) ซึ่งแม้จะไม่ได้มากขนาดน่าหวือหวา แต่ก็สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2017 อย่างไรก็ดี ทิศทางค่าเงินเอเชียในปีนี้น่าจะแข็งค่าน้อยลงจากปีก่อน ซึ่งผลสำรวจความเห็นนักยุทธศาสตร์อัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ 60 คน จัดทำโดยรอยเตอร์ส เชื่อว่าค่าเงินของหลายประเทศเอเชียจะกลับมาอ่อนค่าลงได้เล็กน้อยจากปีที่แล้ว ภายในช่วงปลายปีนี้ และจะมีเพียงแค่บางสกุลเงินเท่าที่ที่ยังคงแข็งค่าขึ้น นักยุทธศาสตร์จากธนาคารเอเอ็นแซด ระบุว่า ทิศทางค่าเงินเอเชียในปีนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2-3 อย่าง คือ ผลกระทบของการปรับนโยบายการเงินขาขึ้นของประเทศพัฒนาแล้ว ที่จะมีผลต่อสภาพคล่องทั่วโลกและเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มายังเอเชีย ขณะที่อีกปัจจัยสำคัญก็คือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียเอง ขณะเดียวกัน เป็นที่คาดว่าภาวะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหนักนั้นเป็นเพียงการเสื่อมมนต์ชั่วคราวของการ แห่ไปเก็งกำไรที่อื่นแทน เพราะเชื่อว่าในภาพรวมทั้งปีที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง หรือที่บางสำนักคาดว่าอาจขยับเป็น 4 ครั้ง หากอัตราเงินเฟ้อปีนี้ ขยายตัวเร็วกว่าที่คาด ก็น่าจะทำให้มีเงินกลับไปซื้อพันธบัตรหรือสินทรัพย์ ในสหรัฐ และช่วยให้ดอลลาร์ไม่อ่อนค่าแรงเกือบ 10% เหมือนในปีที่แล้ว เพียงแต่ภาวะที่ว่านั้นยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ และทำให้ประเทศส่งออกทั่วโลกตั้งแต่เอเชียจนถึงยุโรป ต้องปิดความเสี่ยงห้ามเลือดกันเองไปก่อนเท่านั้น โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ Source: Posttoday
  16. Morning Report Gold Investment 18-01-18YLGResearch เฮฮาภาษาทอง by Ylg 18-01-2561Ylg Bullion Hua Seng Heng Morning News 18-01-2561HSHsocial
  17. คลังชี้บิตคอยน์เหมือนการพนัน ธปท.อึ้งพบธนาคารเอี่ยวเก็งกำไรค่าเงินบาท ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 00:00:59 น. ไทยโพสต์ * "ขุนคลัง" ชี้บิตคอยน์เหมือนการพนัน นักลงทุนเหมือน แทงหวย พร้อมจี้ ธปท.-ก.ล.ต.จัดการให้ชัด "ธปท." ย้ำไม่กระทบเสถียรภาพ อึ้งพบธนาคารเข้าข่ายเอี่ยวเก็งกำไรค่าเงิน ยืนยันบาทแข็งยังไม่กระทบส่งออก-ทุนไหลเข้า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า บิตคอยน์หลายคนบอกว่าเป็นสกุล เงินดิจิทัล แต่จริงๆ หากดูลักษณะ การมาของบิตคอยน์ถือว่าเป็นสินค้า เมื่อนำไปซื้อของได้ก็เป็นเหมือนการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน หากคนเชื่อก็ยอมรับแลกสินค้า "ผมยกตัวอย่างให้ลูก น้องฟังว่า เหมือนกับสมัยโบ ราณ เราไปเก็บเปลือกหอยมาแล้วบอกว่ามันมีค่า เปลือกหอย ของเราก็สามารถไปแลกสินค้า อื่นๆ ได้ ดังนั้นบิตคอยน์ก็เหมือน กัน มันเป็นการคิดขึ้นมาจากอา กาศ โดยหลักการของมันคือการควบคุมปริมาณและบอกว่า บิตคอยน์มีค่า ใครอยากมีบิต คอยน์ก็ต้องไปขุด และไปตอบ แทนให้กับคนที่มีบิตคอยน์อยู่เดิม มันทำให้เมื่อมีคนอยากได้มากราคามันก็ขึ้น นอกจากนี้บิตคอยน์ยังอยู่ในบล็อกเชน ซึ่งไม่ระบุว่าคนที่อยู่แต่ละหน่วยของบล็อกเชนคือใคร มันก็เป็นช่องทำให้เกิดการฟอกเงินได้" นายอภิศักดิ์กล่าว นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า ประเด็นที่สำคัญสำหรับประ เทศไทย การมีเทรดบล็อกเชน ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร หรือไม่ คนที่ต้องตอบคือ ธนา คารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องเป็นผู้ให้คำตอบ ถ้าได้ประโยชน์ก็ ทำไป แต่ถ้าไม่ได้ประโยชน์อะไร เป็นแค่เปิดบ่อนให้คนไปพนันก็ไม่ต้องมี เพราะไม่รู้จะมีไปทำ ไม ส่วนตัวบิตคอยน์เองก็เหมือน การพนัน เพราะมูลค่าของมันมีจริงหรือเปล่าไม่มีใครรู้ หากใครไปลงทุนก็เหมือนไปแทงหวย นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การกำกับดูแลเงินสกุลดิจิทัล (คริปโตเคอเร็นซี่) เช่น บิตคอยน์ จะต้องมองในหลายมิติ ไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเข้าไปกำกับดูแลเพียงอย่างเดียว เช่น ถ้าดูแลในเรื่องของตลาดซื้อขาย ก็มีหน่วยงานที่กำกับดูแลได้เชี่ยวชาญกว่า ธปท. หรือในมิติของการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ดูแลได้ดีกว่า โดยล่าสุด ปปง.อยู่ระหว่างยกร่างกฎหมาย ถ้ามีการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินอื่น ก็ต้องมีการพิสูจน์ตัวตน (KYC) ให้ชัดเจน "เงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นนั้นมาจากหลายสาเหตุ อาทิ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และยังมีเงินทุนระยะสั้นไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย แต่จากการติดตามของ ธปท.ยังไม่พบความผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่ง ธปท.พบพฤติกรรมบางอย่างที่เข้าข่ายเก็งกำไรค่าเงิน โดยมีสถาบันการเงินในประเทศเข้าไปเกี่ยว ข้อง เอื้อลูกค้าที่มีพฤติกรรมการเก็งกำไร ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ ป้องปรามการเก็งกำไรของ ธปท. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก และดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้" นายวิรไทกล่าว. บรรยายใต้ภาพ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2769030 ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังเฟดเผยศก.สหรัฐ-เงินเฟ้อสหรัฐขยายตัว ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 07:37:28 น. สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" ซึ่งระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายได้ดีในช่วงที่ผ่านมา และเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่สดใสในปี 2561 ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.12 เยน จากระดับ 110.30 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9625 ฟรังก์ จากระดับ 0.9587 ฟรังก์ ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2224 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2272 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3872 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3797 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.8003 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7963 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.2560 จนถึงต้นปี 2561 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนในเกือบทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมได้ปรับเพิ่มค่าแรงและตำแหน่งงาน รายงาน Beige Book ยังระบุด้วยว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐในปี 2561 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ การเปิดเผยรายงาน Beige Book ครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นก่อนที่การประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2769098 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 322.79 จุด หลังเฟดเผยศก.สหรัฐแนวโน้มสดใส ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 06:42:09 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลแนว 26,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ "Beige Book" ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดี และมีแนวโน้มที่สดใสในปี 2561 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,115.65 จุด พุ่งขึ้น 322.79 จุด หรือ +1.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,802.56 จุด เพิ่มขึ้น 26.14 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,298.28 จุด เพิ่มขึ้น 74.59 จุด หรือ +1.03% ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.2560 จนถึงต้นปี 2561 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนในเกือบทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมได้ปรับเพิ่มค่าแรงและตำแหน่งงาน รายงาน Beige Book ยังระบุด้วยว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐในปี 2561 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน โดย FactSet ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการเงินระบุว่า ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้วนั้น บริษัทจำนวน 69% รายงานตัวเลขกำไร/หุ้นสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 85% รายงานกำไรสุทธิสูงกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐซึ่งระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.4% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากโบอิ้งประกาศความร่วมมือกับบริษัทเอเดียนท์ เพื่อผลิตที่นั่งสำหรับเครื่องบิน โดยเอเดียนท์เป็นผู้ผลิตที่นั่งรถยนต์รายใหญ่ หุ้นไอบีเอ็ม พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไอบีเอ็ม สู่ระดับ "overweight" และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นไอบีเอ็มขึ้น 59 ดอลลาร์ สู่ระดับ 192 ดอลลาร์ หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง หลังจากธนาคารระบุว่า มูลค่าการซื้อขายในธุรกิจตราสารหนี้, สินค้าโภคภัณฑ์ และปริวรรตเงินตรา ร่วงลง 50% ในไตรมาส 4/2560 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 0.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2560 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 4.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 2 หลังจากจีอีระบุว่า การปรับพอร์ทธุรกิจด้านการประกันของจีอี แคปิตอล อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ของจีอี นักลงทุนจับตาว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันก่อนวันศุกร์ที่ 19 ม.ค.นี้หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ขณะที่ตลาดการเงินกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐในขณะนี้อาจส่งผลให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการชัตดาวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันในเรื่องนโยบายรับคนเข้าเมือง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2768991
  18. ข่าวเช้าจ้า ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $2.1 ขณะนักลงทุนคาดแนวโน้มเงินดอลล์ซบเซา ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 07:06:44 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) จากการที่นักลงทุนมองว่า แนวโน้มของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงซบเซา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1339.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.3 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 17.166 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.60% ปิดที่ 1,010.90 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 21.55 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,109.70 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองว่า แนวโน้มของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงซบเซา โดยในระหว่างการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.17% แตะที่ระดับ 90.25 ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กได้ปิดทำการซื้อขายไปก่อนที่เฟดจะเปิดเผยรายงานดังกล่าว นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2769008 เฟดเผยรายงาน Beige Book ชี้เศรษฐกิจ-เงินเฟ้อสหรัฐขยายตัวปานกลาง ขณะค่าแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561 06:04:54 น. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนพ.ย.2560 จนถึงต้นปี 2561 ขณะที่ค่าแรงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง "เขตส่วนใหญ่รายงานว่า ค่าแรงปรับตัวเพิ่มขึ้นปานกลาง ขณะที่บางเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนในเกือบทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมได้ปรับเพิ่มค่าแรงและตำแหน่งงาน" รายงาน Beige Book ระบุ "หลายเขตมีการรายงานว่า การขยายตัวในด้านการผลิต การก่อสร้าง และการขนส่งนั้น ส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวขึ้นด้วย ขณะที่บริษัทเอกชนในบางเขตกล่าวว่า พวกเขาสามารถปรับขึ้นราคาขายสินค้า นอกจากนี้ บางเขตยังมีการคาดการณ์ว่าค่าแรงจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้า" รายงานระบุ นอกจากนี้ รายงาน Beige Book ยังระบุว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐในปี 2561 ยังคงสดใส โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวและยังสามารถเปิดรับพนักงานที่มีความสามารถในทุกภาคส่วน การเปิดเผยรายงาน Beige Book ครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นก่อนที่การประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในกรอบ 1.25%-1.50% ในการประชุมครั้งนี้ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2768989 Somkiat Osotsapa 10 hrs · บิทคอยน์เป็นสงครามตัวแทนระหว่างชาติมหาอำนาจไปแล้ว จำตอนอเมริกาทุบหยวนได้มั้ยครับ อเมริกาเคยทุบเงินรัสเซียจนประเทศพัง อเมริกาพยายามทำลายซูเปอร์คอมหิวเตอร์จีนด้วย ไซเบอร์วอร์ทำมาแล้ว ตอนนี้สงสัยว่าใครคุมบิทคอยน์ในมือ จีน อเมริกา ญี่ปุ่น ผมไม่รู้ว่าคนไทยถือไว้เท่าใด ตามไปดูครับ อย่าทะลึ่งไปอยู่ในเกมส์ด้วยแล้วกัน แบบเกาหลี นี่คือสงครามชิงเจ้าโลกครับ ตอนนี้จีนเทใหญ่ ถ้าอเมริกา ญี่ปุ่นแพ้ จะกระทบสองประเทศหลังหนักเลย ไทยควรเทตั้งแต่วันที่จีนเข้าคุมการซื้อขายแล้ว ไม่รู้ว่าต้นทุนจีนเป็นเท่าใด คิดว่าจีนทุนหนากว่า เกาหลีเอาไม่อยู่หรอก สิบเปอร์เซนต์เอง ตอนนี้ทีมยุทธศาสตร์ของอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เปิดวอร์รูมมาหลายวันแล้ว มันมีอยู่จริง เหมือนในหนัง เรื่องบิทคอยน์อยู่ในสายตาฝ่ายความมั่นคงของหลายๆประเทศมานาน นี่คือสงครามค่าเงินบิทคอยน์ นักค้ามองแบบหนึ่ง ฝ่ายป้องกันประเทศ ของประเทศต่างๆมองอีกแบบ คนไทยไปนอนรอผลครับ ราคา Bitcoin ตอนนี้อยู่ที่ 9,800 เหรียญ ลงทะลุระดับ 10,000 เหรียญไปแล้วครับ เดิมขึ้นไปสูงสุดราวๆ 18,000-19,000 เหรียญ มีคนบอกมาว่าถ้าลงทะลุ 10,000 เหรียญ จะไปทดสอบ 6,000 เหรียญนะครับ 10000 เหรียญเป็นแนวรับสำคัญ
  19. “อดทน รอคอย ให้อภัย ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ” อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน คำคมเพชรจากใจเพชร 11 มกราคม 2561
  20. อาหารต้านโรคมะเร็ง การเกิดโรคมะเร็งมีสาเหตุหลายประการ แต่อาหารที่คนเรากินอยู่ทุกวัน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง การเลือกกินอาหารที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้และปฏิบัติได้ อาหารที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง หรืออาหารต้านมะเร็ง ได้แก่ อาหารที่ผลิตจากพืช ได้แก่ ผัก ธัญพืช ผลไม้ อาหารเหล่านี้ประกอบด้วยวิตามินนานาชนิด และที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสารอนุมูลอิสระเป็นตัวการสำคัญในการก่อเซลล์มะเร็ง การกินอาหารที่มาจากพืช ควรกินหลากหลายชนิด สลับหมุนเวียนกัน เพราะพืชแต่ละชนิดจะมีสารอาหารแตกต่างกัน การกินอาหารอย่างเดิมซ้ำๆ กัน นอกจากจะเกิดความจำเจเบื่อหน่ายแล้ว ยังอาจได้สารอาหารบางอย่างไม่ครบถ้วน ผักหลายสี ควรหาโอกาสกินให้ครบทุกสี เช่น - ผักสีแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระไลโคปีนที่ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด เป็นต้น ผักสีแดงที่หาได้ง่าย ได้แก่ มะเขือเทศ - ผักสีส้มและสีเหลือง มีส่วนประกอบที่เป็นวิตามินเอ และสารบีตาแคโรทีน เช่น ฟักทอง แครอต - ผักสีขาว มีสารบีตาแคโรทีน เช่น ผักกาดขาว ดอกแค มะเขือขาวเปราะ กระเทียม - ผักสีม่วง ประกอบด้วยสารแอนโธไซยานิน เช่น ดอกอัญชัน กระหล่ำสีม่วง ชมพู่ม่าเหมี่ยว มะเขือม่วง หัวหอม บีทรูท - ผักสีเขียว ประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินซี เช่น ผักบุ้ง ตำลึง กวางตุ้ง คะน้า บรอกโครี มะระขี้นก ผักชะอม ผลไม้ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เซลล์ร่างกายต้องการ นอกจากนั้นผลไม้ยังประกอบด้วยเส้นใยจำนวนมาก ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายทำงานได้ดี วิตามินเอ วิตามินซี และสารบีตาแคโรทีนในผลไม้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ธัญพืช ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ธัญพืชที่ขัดสีน้อยจะให้คุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าและมีเส้นใยอาหารมากกว่าธัญพืชที่ขัดสีอย่างเกลี้ยงเกลา เช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ลูกเดือย งา "ฉุกเฉินจริงหรือไม่ อย่ามัวตัดสิน" เพียงเบี่ยงซ้าย ขยับชิด ให้รถฉุกเฉินผ่าน #ให้ทางเท่ากับช่วยชีวิต ความดีที่คุณทำได้ #JS100 http://goo.gl/hoc9w8
  21. เลี่ยง...ไข่ดิบ เน้น...ไข่สุก ไข่ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูง หาได้ง่าย และเหมาะสมสำหรับทุกเพศ ทุกวัย เป็นแหล่งของแร่ธาตุและวิตามินอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 วิตามินอี โฟเลต เลซิธิน ลูทีน ซีแซนทีนและโคลีนที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ปริมาณไข่ที่แนะนำให้บริโภค เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ให้เริ่มที่ไข่แดง ต้มสุก วันละครึ่ง ถึง 1 ฟอง เด็กอายุ 7 เดือนขึ้นไปกินไข่ต้มสุกวันละครึ่งถึง 1 ฟอง และเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปถึงวัยสูงอายุกินไข่ต้มสุกได้วันละฟอง ส่วนผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง กินไข่ได้ 3 ฟองต่อสัปดาห์หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ที่สำคัญต้องดูแลการบริโภคอาหารอย่างอื่นร่วมด้วย โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งผู้บริโภคควรกินไข่ควบคู่กับอาหารที่หลากหลายในแต่ละมื้อ โดยให้มีอาหารประเภทข้าว-แป้ง ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ครบทั้ง 5 หมู่ ในสัดส่วนปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารที่ครบถ้วน โดยเฉพาะผักและผลไม้สดจะช่วยในการกักเก็บน้ำตาลและคอเลสเตอรอล จึงช่วยลดการดูดซึม ควรเลี่ยงการกินไข่ดิบ เพราะถ้าไข่ไม่สุกอาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และไข่ขาวที่ไม่สุกจะขัดขวางการดูดซึมไบโอตินซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบีชนิดนั้นไปใช้ประโยชน์ได้ จึงได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ และ ควรกินในรูปแบบไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ จะมีปริมาณไขมันน้อยกว่าไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย หรืออาจกินเป็นสลัดไข่ ยำไข่ เพราะจะทำให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์จากไข่ และได้ใยอาหารและวิตามินซีจากผักและผลไม้ ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ขนมปังไข่ดาวใส่เบคอนหรือไส้กรอก เพราะจะได้รับปริมาณไขมันสูงมากจากเบคอน น้ำมันที่ใช้ทอด และเนยที่ทาขนมปัง สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องฟันที่ไม่สามารถทานอาหารโปรตีนอื่นได้ แนะนำให้ให้กินไข่เป็นแหล่งของโปรตีน กรณีที่พ่อแม่ต้องการให้เด็กได้กินผักควบคู่กับไข่นั้น ควรใช้วิธีการประกอบอาหารที่มีการใส่ผักลงไปในไข่เพื่อเป็นการจูงใจให้เด็กกินผักได้อีกทางหนึ่งเช่น ไข่เจียวหรือไข่ตุ๋นใส่ผักสับละเอียด โดยจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายแก่เด็ก (เครดิตข้อมูล : กรมอนามัย) มูลนิธิหมอชาวบ้าน 5 hrs · มะเขือเทศ : ป้องกันมะเร็ง มะเขือเทศเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มากด้วยวิตามินซี และเส้นใยอาหาร มะเขือเทศอุดมด้วยสาร "ไลโคฟีน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนติออกซิแตนต์) ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย อันเป็นต้นเหตุของโรค เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด หัวใจตีบตัน ต้อกระจก ข้อเสื่อม เป็นต้น สรรพคุณทางยา : ลดการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ ตับอ่อน และทางเดินอาหาร หอบหืด ช่วยบำรุงสายตา ข้อเสื่อม ลดริ้วรอยช่วยให้ผิวเต่งตึง รักษาสิว ลดความดันเลือดสูงได้ ลดเชื้อราในช่องปาก ทั้งนี้ เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา ควรกินมะเขือเทศผลสุกสด หรือเมนูร่วมอื่นๆ เช่น ส้มตำ ยำ น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ ก็ได้ ข้อควรระวัง : มะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนกลับ จึงควรกินในปริมาณจำกัด (เครดิตภาพ : beemoony, swin, manageacidreflux, AB1ว.2_AB2ว.1, 21inf) ** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน ** ดูแลหัวใจ สไตล์แพทย์จีน คนที่มีร่างกายแข็งแรงดี บางครั้งขณะออกกำลังกาย ยืนบรรยาย หรือทำงานอยู่ เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันโดยไม่พบสาเหตุ แพทย์จีนมีหลักและมุมมองดูแลหัวใจอย่างไร 1. สังเกตสุขภาพหัวใจจากการรับรู้และการสั่งการของสมอง ดูจากสีเลือดบนใบหน้า ลิ้น แววตา การรับรู้ ความตอบสนอง อารมณ์ การนอนหลับ การฝัน ฯลฯ 2. ดูการเต้นหัวใจ จังหวะ ความแรง ความคล่องตัวในการไหล ลักษณะของหลอดเลือด 3. อาการจุกแน่นบริเวณหน้าอก (เส้นลมปราณเยื่อหุ้มหัวใจ) หัวไหล่และสะบัก (เส้นลมปราณลำไส้เล็ก) 4. ดูแลหัวใจต้องดูแลสมองควบคู่ไปด้วย จิตใจมีผลต่อการควบคุมการทำงานของหัวใจ โบราณกล่าวว่า - หัวใจ (สมองจิตใจ) เคลื่อนไหว อวัยวะภายในขยับ จิตใจที่สงบสามารถขจัดโรคทำให้ชีวิตยืนยาว ป้องกันความแก่ชรา - จิตใจต้องสงบ ร่างกายต้องเคลื่อนไหว 5. เสริมสร้างพลังหยางหัวใจ เสริมบำรุงเลือด และสร้างความแข็งแรงหลอดเลือด (ขจัดเสมหะ ความร้อน ความแห้งของหลอดเลือด) ทำให้เลือดไหลเวียนคล่องไม่ติดขัด 6. การนอนหลับในเวลาที่เหมาะสมช่วงระหว่าง 23.00-03.00 น. แพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีน ให้ความสำคัญกับการทำงานของหัวใจคล้ายๆ กัน คือ เน้นที่การบีบตัวของหัวใจต้องมีกำลัง มีจังหวะที่สม่ำเสมอ ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป แต่แผนปัจจุบันจะลงในรายละเอียดถึงพยาธิสภาพว่า มีความผิดปกติของส่วนไหน โดยใช้เทคนิคและเครื่องมือสมัยใหม่ไปตรวจวินิจฉัยประกอบกับการตรวจร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ การนำไฟฟ้า หลอดเลือดหัวใจ แล้วแก้ปัญหาตามพยาธิสภาพ มะเขือเปราะ : ลดน้ำตาลในเลือด ไทยเรากินผลสีเขียวเป็นอาหาร ทั้งจิ้มน้ำพริก ใส่แกงป่า แกงเผ็ด และอื่นๆ เป็นอาหารที่ปราศจากคอเลสเตอรอล ลดมะเร็ง ลดน้ำตาลในเลือด และเสริมสร้างสุขภาพ สรรพคุณทางยา ผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็งตับและลำไส้ใหญ่ บำรุงหัวใจ และลดน้ำตาลในเลือด ขณะที่รากใช้รักษาอาการไอ หอบหืด อาการหลอดลมอักเสบ ขับปัสสาวะ และขับลม (เครดิตภาพ : mamchan, ร้อยหมื่นพันไมล์ไกลบ้าน, paula, Insignia_Museum, ปลายแป้นพิมพ์, lekkathaifood) ** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน ** "สู้ไม่ถอย" รู้ทันป้องกัน'อัลไซเมอร์' ต้องดูแลตัวเองก่อนสูงวัย ไม่ใช่โรคที่ไกลตัวอีกต่อไปสำหรับ “อัลไซเมอร์” โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป สามารถเป็นโร�... THAIPOST.NET
  22. ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนทางลบ หลังมีสัญญาณขายทำกำไรในตลาดตปท.,ราคาน้ำมันยังไม่ผ่าน 70 เหรียญฯ/บาร์เรล ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 09:13:25 น. นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในทางลบ หลังได้เห็นสัญญาณการทำกำไรของตลาดสำคัญ ๆ อย่างดัชนีดาวโจนส์ที่มีสัญญาณการกลับตัว จากที่ปรับขึ้นแรงก็ได้ปรับตัวลงมา และเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ก็จะติดลบกันราว 0.2-0.55% โดยตลาดที่ติดลบ 0.55% เป็นตลาดหุ้นออสเตรเลีย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพวก Commodity อยู่ค่อนข้างมาก และตลาดหุ้นฮ่องกง ติดลบ 0.5% ก็มีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ทำให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงกันมากขึ้น นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานก็มีโอกาสที่จะพักฐานหลังจากที่ราคาน้ำมันไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 70 เหรียญฯ/บาร์เรล ดังนั้น ตลาดบ้านเราจึงมีความเสี่ยงที่จะพักฐานในช่วง 2-3 สัปดาห์ มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเบื้องต้นมองการพักฐานไว้บริเวณ 1,760-1,780 จุด พร้อมให้กรอบการแกว่งของดัชนีฯในวันนี้ไว้ที่ 1,803-1,830 จุด --อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2768593 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 10.33 จุด เหตุหุ้นพลังงานร่วง,วิตกชัตดาวน์ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 06:38:55 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สหรัฐอาจต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,792.86 จุด ลดลง 10.33 จุด หรือ -0.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,223.69 จุด ลดลง 37.38 จุด หรือ -0.51% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,776.42 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.35% ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกชัตดาวน์ภายในสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากความเห็นที่ไม่ลงรอยกันในประเด็นนโยบายรับคนเข้าเมือง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาอาจยกเลิกข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมืองของสหรัฐที่จัดทำขึ้นบนความรอมชอมระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน ขณะเดียวกันคณะทำงานของปธน.ทรัมป์พยายามผลักดันให้ยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทางด้านผู้พิพากษาศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า การยกเลิกโครงการ DACA นั้นผิดต่อหลักกฎหมาย และรัฐบาลสหรัฐควรดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ชะลอตัวลงในเดือนม.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 17.7 หลังจากแตะระดับ 18.0 ในเดือนธ.ค. หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.6% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 1.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.2% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 2.9% หลังจากจีอีระบุว่า การปรับพอร์ทธุรกิจด้านการประกันของจีอี แคปิตอล อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ของจีอี ยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากยูไนเต็ดเฮลท์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 2.59 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.51 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 5.206 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.100 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากซิตี้กรุ๊ประบุว่า ธนาคารมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 1.28 ดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.7255 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2768410 สื่อเกาหลีเหนือเผยผลการเจรจาระดับคณะทำงานร่วมกับเกาหลีใต้เป็นไปอย่างราบรื่น ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 08:58:43 น. เกาหลีเหนือเปิดเผยผลการเจรจาระดับคณะทำงานที่จัดขึ้นร่วมกับเกาหลีใต้ ในประเด็นการส่งตัวแทนบุคลกรด้านศิลปะเข้าร่วมแสดงในงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพยองชังของเกาหลีใต้ สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า การเจรจาถูกจัดขึ้นที่ทำเนียบตองกิล ในหมู่บ้านปันมุนจอม โดยมีคณะผู้แทนจากฝั่งเกาหลีเหนือ นำโดยนายควอน ฮุก บอง ผู้อำนวยการแผนกจากกระทรวงวัฒนธรรม และคณะผู้แทนจากฝั่งเกาหลีใต้ นำโดยนายรี อู ซอง หัวหน้าฝ่ายจากกระทรวงวัฒนธรรม, กีฬา และการท่องเที่ยว เข้าร่วมเจรจา สำนักข่าว KCNA ระบุว่า "ในระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันด้วยความจริงใจในเรื่องการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการส่งบุคลากรด้านศิลปะจากฝั่งเกาหลีเหนือมายังดินแดนของเกาหลีใต้ เพื่อร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 ซึ่งถือเป็นโอกาส และมีการออกแถลงการณ์ร่วมกัน สำนักข่าว KCNA อ้างถึงการแถลงการณ์ดังกล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะส่งบุคลากรด้านศิลปะกว่า 140 คนไปยังเกาหลีใต้ และจัดการแสดงที่เมืองคังรุงและกรุงโซล แถลงการณ์ระบุว่า ประเด็นทางเทคนิคของการแสดงดังกล่าวจะถูกกำหนดผ่านการหารือกับเกาหลีใต้ และเกาหลีจะส่งผู้แทนลงสำรวจภาคสนามโดยเร็วที่สุด KCNA รายงานว่า "เกาหลีใต้รับปากจะดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรด้านศิลปะของเกาหลีเหนือให้มากที่สุด" สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเจรจาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มาร่วมหารือกันที่หมู่บ้านปันมุนจอม หลังจากจัดการเจรจาระดับสูงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2768574 TRUE เตือนระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นศูนย์บริการลูกค้าทรูขอเลขบัตรปชช. ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 09:30:25 น. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เตือนลูกค้า ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรป่วนขู่ตัดสัญญาณโทรศัพท์ แจงติดต่อลูกค้าเรื่องยอดค่าใช้บริการ ระบุไม่เคยขอเลขบัตรประชาชน เนื่องจาก ขณะนี้เริ่มมีลูกค้าติดต่อสอบถามมายังศูนย์บริการทรู เรื่องมีเบอร์โทรศัพท์ในระบบอัตโนมัติติดต่อเข้าหาลูกค้าอ้างเป็นศูนย์บริการลูกค้าทรู จะระงับการใช้เบอร์เนื่องจากไม่ชำระค่าบริการ พร้อมให้ยืนยันตนโดยใส่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ทรู แจ้งว่า คอลเซ็นเตอร์ของกลุ่มทรูที่จะติดต่อแจ้งเรื่องยอดค่าบริการค้างชำระ จะไม่มีการขอให้ลูกค้าต้องใส่หมายเลขบัตรประชาชนใดๆทั้งสิ้น หากมีการแอบอ้างว่าเป็นศูนย์บริการลูกค้าทรู และขอให้บอกหรือกดเลขบัตรประชาชน ขออย่าได้หลงเชื่อให้ข้อมูลใดๆ หรือทำตามขั้นตอนของเหล่ามิจฉาชีพ --อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq01/2768604
  23. บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพุธที่ 17 มกราคม 2561 (ภาคเช้า) ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 09:48:14 น. กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--MTS Gold Group ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำมีการปรับตัวเล็กน้อยและเช้านี้ดีดกลับมาบริเวณเดิม หลังจากที่เมื่อวานนี้เผชิญแรงเทขายและมีการปรับฐาน โดยราคาเมื่อวานนี้ลงไป 1,331 เหรียญ และเช้านี้กลับมายืนที่เดิมบริเวณ 1,340 เหรียญ โดยภาพรวมราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ร่วงลงต่อเนื่องมาที่ 90.05 จุด ขณะที่เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องลงไป 31.89 บาท/ดอลลาร์ สำหรับเมื่อวานนี้ดัชนี Empire State Manufacturing ออกมาดีขึ้นเล็กน้อย ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปิดทรงตัวบริเวณ 25,792.86 จุด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 57 เซนต์ ที่ระดับ 63.73 เหรียญ/บาร์เรล อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯคืนนี้ได้แก่ Industrial Production ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้นเล็กน้อย ทางด้าน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 828.96 ตัน วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ทองคำปรับฐานเล็กน้อยหลังจากเกิดสภาวะ Overbought และราคายังปรับตัวสูงขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม โดยวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนตัวในกรอบทิศทางขาขึ้นอยู่ ซึ่งมีระดับราคาเป้าหมายบริเวณ 1,355 เหรียญ ขณะที่แนวรับของทองคำจะอยู่ที่ 1,330 เหรียญ ทางด้านราคาทองคำไทย คาดว่าจะมีระดับแนวรับ 20,050 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ระดับ 20,500 บาท/บาททองคำ การลงทุน Gold D ทิศทางของ GDH18 ยังเคลื่อนไหวตามตลาดต่างประเทศ และในวันนี้ยังคาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบขาขึ้นระหว่าง 1,330 – 1,355เหรียญ โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ กลยุทธ์ทิศทางขาขึ้น ปิดสถานะ Short - นักลงทุนที่ถือ Long Position เก็งกำไรขาขึ้น เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ปิดทำกำไรแนวต้าน - นักลงทุนที่ถือ Short Position ปิดสถานะ กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading หาจังหวะทยอยเปิดสถานะ Long เมื่อราคาอ่อนตัว โดยมีระดับเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,355 เหรียญ Gold Futures G18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,230 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,430 บาท Gold Futures J18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,470 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2768597 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดบวก 2.2 ดอลลาร์ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 07:14:56 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การปรับฐานลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ระดับ 1337.10 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 4.8 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 17.189 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 1,004.90 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 17.20 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,088.15 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติโครงการ QE หลังเดือนก.ย. หากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อปรับตัวตามคาดการณ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ และหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ชะลอตัวลงในเดือนม.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 17.7 หลังจากแตะระดับ 18.0 ในเดือนธ.ค. นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2768423 ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.91 แนวโน้มแข็งค่า มีลุ้นหลุด 31.90 จับตากระแสเงินทุนไหลเข้าไทย ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 17 มกราคม 2561 09:08:44 น. นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.91 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.97 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าในตลาดพันธบัตร "เปิดตลาดเช้านี้บาทแข็งค่าลงมารวดเดียว 7 สตางค์ แต่ยังทรงตัวนิ่งๆ ในระดับนี้ วันนี้ต้องรอลุ้นว่าจะหลุด 31.90 (บาท/ดอลลาร์) หรือไม่ หากยังมี flow ไหลเข้ามาลงทุน bond ในระดับหมื่นล้านบาท" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 31.85-32.00 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (16 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.21363% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (16 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.16562% * ปัจจัยสำคัญ - เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 110.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 110.71 เยน/ดอลลาร์ - ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.2290 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2232 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.9400 บาท/ ดอลลาร์ - ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ เผยปี 61 เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าที่ 31.8 บาท ทำสถิติแข็งค่าสุดรอบ 5 ปี กระทบส่งออกหดตัว 1.6% สูญรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท จี้คลัง-ธปท.ดูแลด่วน ชี้ปรับค่าแรงกระทบธุรกิจ ขนาดกลางหนัก แนะรัฐ ออกมาตรการเยียวยา-ช่วยเหลือดอกเบี้ยต่ำ - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ ยังไม่กระทบต่อภาพรวมรายได้ของการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมา 7-8% ก็ยังอยู่ได้ และหากเงินบาทไม่แข็งค่าเกิน 10% ก็ยังเป็นจุดที่การท่อง เที่ยวยังรับได้อยู่ - ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทย (SCBT) เปิดเผยว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2560 เติบโต ได้ 3.6% และ 4.3% ในปี 2561 โดยการเติบโตของเศรษฐกิจได้รับปัจจัยหนุนจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคการส่ง ออกที่ขยายตัวสูงตามการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปฏิทินทางการเมืองมีความชัดเจนขึ้นว่า มีการเลือกตั้งประมาณเดือนพฤศจิกายนปีหน้า และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เริ่มจะเกิดขึ้น - กลุ่มทิสโก้ ตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมปี 61 เติบโต 0-5% แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้เติบโตดีกว่าปีที่แล้ว แต่ความ เสี่ยงของกำลังซื้อรายย่อยยังมีอยู่ ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยถึง 80% จึงต้องควบคุมคุณภาพสินเชื่อและหนี้ที่ไม่ก่อให้ เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ให้เกิน 2.3% เท่าปีที่แล้ว - บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เดินหน้าขาย ICO จำนวน 300 ล้านเหรียญ หวังเงินระดมทุน 660 ล้านบาท ต่อยอด พัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัล ก.ล.ต.ขอเช็กข้อมูลว่าเข้าข่ายหุ้นหรือหุ้นกู้หรือไม่ ย้ำนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง - ศูนย์วิจัยทองคำเผยดัชนีเชื่อมั่นทองเดือนแรกของปี 61 บวกแรง ชี้การอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐหนุนราคาทองคำ ต้นปี ด้านตลาดหุ้นไทยผันผวนตลอดทั้งวัน ปิดลบ 1 จุด - บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์รวมไทยปี 60 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 870,748 คันเติบโต 13.3% เป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 4 ปี ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ภาครัฐที่ผลักดันให้จีดีพีของประเทศไทยเติบโต 3.9% - สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร และสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB อาจยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลาย เชิงปริมาณ (QE) - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การปรับฐานลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็น สินทรัพย์ที่ปลอดภัย - นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการ ผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาต ก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, รายงาน สรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2768586
  24. สวัสดีจ้า ข่าวและความเคลื่อนไหวในตลาด โชคดีทั่วกัน ขออภัยนะจ้ะ ที่บางวันหายไป ข่าวในพระราชสำนัก วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ.2561สํานักข่าวไทย TNAMCOT Hua Seng Heng Morning News 17-01-2018HSHsocial เฮฮาภาษาทอง by Ylg 17-01-2561 Morning Report Gold Investment 17-01-18YLGResearch ทิศทางทองคำประจำเช้าวันที่ 17 มกราคม 2561 ท่านสามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่ : http://www.huasengheng.com/…/f48780f96a8a4095773fa2857b4703…
  25. เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 15-01-2561 Ylg Bullion
×
×
  • สร้างใหม่...