ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

ginger

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    76,813
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    350

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย ginger

  1. ข่าวเช้าจ้า ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดบวก 9.6 ดอลลาร์ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กได้ปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.6 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,321.5 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 23.4 เซนต์ หรือ 1.45% ปิดที่ 16.419 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.6 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 950.6 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 10.55 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 986.45 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.5% แตะระดับ 89.91เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่า จะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ทั้งนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กได้ปิดทำการซื้อขายไปก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ดอลลาร์อ่อนค่าแตะกรอบบน 105 เยนเช้านี้ หลังเฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 11:23:19 น. สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะกรอบบน 105 เยน ในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และยังคงส่งสัญญาณขึ้นปรับดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 105.71-105.72 เยน เมื่อเทียบกับ 105.99-106.09 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.2358-1.2361 ดอลลาร์ และ 130.65-130.66 เยน เมื่อเทียบกับ 1.2333-1.2343 ดอลลาร์ และ 130.81-130.91 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ดีลเลอร์เปิดเผยว่า นักลงทุนที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ต่างก็พากันเทขายสกุลเงินดอลลาร์ หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FMOC) ของเฟด เปิดเผยผลการประชุมเมื่อวานนี้ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FMOC) ภายใต้การนำของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558 ขณะที่โบรกเกอร์ในตลาดเงินเปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่ระบุประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันนี้ อาจสร้างความวิตกให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับสงครามการค้าและจะทำให้เกิดการเทขายสกุลเงินดอลลาร์ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ตรีสิริ เซะวิเศษ/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2801666 บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 (ภาคเช้า) ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 09:29:39 น. กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--MTS Gold Group ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นแม้ว่าเฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด จากการที่ตลาดรับรู้การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมาก่อนจึงเห็นการดีดกลับของราคา และตลาดเริ่มให้ความกังวลต่อ Trade War ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังมีการคาดการณ์ดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้น่าจะมีไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้ง โดยที่เมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ทางด้าน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 850.54 ตัน สำหรับคืนนี้จะมีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ได้แก่ Unemployment Claims คาดการณ์ว่าจะออกมาทรงตัวหรือใกล้เคียงเดิม วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ภาพทางเทคนิคระยะสั้นมีการแกว่งตัวทิศทางขาขึ้น โดยเริ่มมีการปรับตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั่วไปในกราฟรายชั่วโมง และขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกที่ระดับ 1,330 เหรียญ และมีราคาเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1,340 เหรียญ สำหรับแนวรับขยับขึ้นมาที่ 1,310 เหรียญ ดังนั้น จึงแนะนำให้ลงทุนโดยใช้กลยุทธ์เป็นการปรับมาถือครองสถานะ Long โดยเป็นการเก็งกำไรตามการแกว่งขึ้นในระยะสั้นๆ การลงทุน Gold D เก็งกำไรระยะสั้นๆในทิศทางขาขึ้นโดยมีกรอบแนวรับที่ระดับ 1,315 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,340 เหรียญ โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ปรับพอร์ตการลงทุนมาเล่นสั้นๆ เก็งกำไรขาขึ้นในกรอบ 1,310 – 1,340 เหรียญ - นักลงทุนที่ถือ Long Position หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และซื้อปิดทำกำไรแนวต้าน - นักลงทุนที่ถือ Short Position หาจังหวะปิดสถานะทำกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading เริ่มกลับเข้าซื้อหลังจากที่ Wait&See มาสักระยะ หลังจากที่ราคาไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับวานนี้ Gold Futures J18 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,670 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,870 บาท Gold Futures M18 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,720 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,920 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2801554 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามภูมิภาคหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง-ราคาน้ำมันขยับขึ้นหนุน ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 09:25:22 น. นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในแดนบวก หลังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คิด โดยสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังคงเป็น 3 ครั้ง นอกจากนั้น เฟดยังคงเป้าหมายตัวเลขเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้กังวลมากนัก และมีการปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐฯในปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.5% เป็น 2.7% และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 2.9% จากเดิม 2.7% อีกทั้งราคาน้ำมันวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อว ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้ไปเยือนสหรัฐฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น แต่ก็เป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างหุ้น PTT, PTTEP ส่วน AOT ก็ได้ผลดีจากการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้น่าจะได้เห็นนักลงทุนกล้าเข้ามาเล่นมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ตัวเลขการส่งออกและการท่องเที่ยวออกมาดี รวมถึงภาคการผลิตเริ่มฟื้นตัว พร้อมให้แนวรับ 1,795 จุด ส่วนแนวต้าน 1,812-1,815 จุด --อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2801573 (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามภูมิภาคหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง-ราคาน้ำมันขยับขึ้นหนุน ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 09:38:28 น. นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในแดนบวก หลังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คิด โดยสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังคงเป็น 3 ครั้ง นอกจากนั้น เฟดยังคงเป้าหมายตัวเลขเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้กังวลมากนัก และมีการปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐฯในปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.5% เป็น 2.7% และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 2.9% จากเดิม 2.7% อีกทั้งราคาน้ำมันวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อว ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้ไปเยือนสหรัฐฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น แต่ก็เป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างหุ้น PTT, PTTEP ส่วน AOT ก็ได้ผลดีจากการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้น่าจะได้เห็นนักลงทุนกล้าเข้ามาเล่นมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ตัวเลขการส่งออกและการท่องเที่ยวออกมาดี รวมถึงภาคการผลิตเริ่มฟื้นตัว พร้อมให้แนวรับ 1,795 จุด ส่วนแนวต้าน 1,812-1,815 จุด ประเด็นพิจารณาการลงทุน - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,682.31 จุด ลดลง 44.96 จุด (-0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,711.93 จุด ลดลง 5.01 จุด (-0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,345.29 จุด ลดลง 19.02 จุด (-0.26%) - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.32 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 161.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.87 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.03 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 28.81 จุด - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 มี.ค.61) 1,801.43 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด (+0.09%) - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,081.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.17 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.6% - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 มี.ค.61) ที่ 6.98 ดอลลาร์/บาร์เรล - เงินบาทเปิด 31.16 แข็งค่าตามภูมิภาค จากดอลล์อ่อนหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด - ส่งออกก.พ.โต 10.3% ขยายตัวดีทุกตลาด อานิสงส์กำลังซื้อโลกพุ่ง สินค้าไทยยังแข่งขันได้ เผย"ยานยนต์"นำโด่งโต 31% "พาณิชย์" ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออกสินค้าเกษตร สั่งจับตาใกล้ชิด มั่นใจทั้งปีโตตามเป้า 8% ด้าน "แบงก์ชาติ" ยอมรับขยายตัวเกินคาด เล็งปรับประมาณการปีนี้ใหม่ ขณะ "เอกชน" หวั่นพิษบาทแข็ง ฉุดส่งออกไตรมาส 2 เผยผู้ผลิตที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เริ่มชะลอขายสินค้า รอบาทอ่อน เหตุเสี่ยงขาดทุน - กระทรวงท่องเที่ยวเผย 2 เดือน ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 7.1 ล้านคน โตเฉียด 15% ไทยโกยรายได้จีน 1.16 แสนล้าน ชี้ยอดเดินทางเข้าเมืองรอง 55 จังหวัดกระเตื้อง คนไทย-ต่างประเทศหนุนโตเกินค่าเฉลี่ย เผยแผนรับงบกลางเล็งปั้นโครงการริเวียร่า-อยุธยา-อีสานใต้ กระจายหนาแน่นจากเมืองหลัก - ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ. 61 แตะ 89.9 ลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือนจากที่ขึ้นมาต่อเนื่อง เหตุเชื่อมั่นเอสเอ็มอีดิ่งกังวลต้นทุนเพิ่มจากค่าแรงที่จ่อปรับ 1 เม.ย. ค่าเงินผันผวน ผู้ส่งออกกังวลมาตรการกีดกันทางการค้าที่มากขึ้น ด้านรถยนต์ทิศทางสดใสลุ้นเป้าผลิตปีนี้ได้ 2 ล้านคันจากที่พลาดมาแล้ว 3 ปี - ท่องเที่ยวคาดสงกรานต์หยุด 5 วันเงินสะพัด 19,820 ล้านบาท ด้าน ททท.หันเจาะตลาดกลุ่มผู้มีบุตรยากในจีน ชูกลุ่มเป้าหมาย 1 ล้านคู่ ชาญอิสสระบุกอสังหาทำเลชะอำ-หัวหิน *หุ้นเด่นวันนี้ - CHAYO บมจ.ชโย กรุ๊ป เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยราคาขาย IPO 2.88 บาท/หุ้น กลุ่มบริษัท CHAYO ประกอบธุรกิจ 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ ตามเงื่อนไขที่ผู้ว่าจ้างกำหนดภายใต้พระราชบัญญัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ หนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้ส่วนบุคคล หนี้ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น 2) ธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินและบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน และ 3) ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า - PTTEP (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยสะสม" เป้า 125 บาท ในระยะสั้นคาดราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัว ภายหลังเกิดความกังวลต่อแผนการบริหารภายใต้การดำเนินงานของ Trump อย่างต่อเนื่องส่งผลทางอ้อมกดดันค่าเงินดอลลาร์ สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง ส่งผลให้ระยะสั้นเราคาดเกิด Technical rebound ในราคาน้ำมันดิบ (brent) ที่บริเวณ 65-67 เหรียญ/บาร์เรล พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 61-62 ขึ้น 5.2-9.8% เป็น 3.31 และ 3.46 หมื่นล้านบาท จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นเป็น 60 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่เชิงพื้นฐานคาดกำไร Q1/61 มีแนวโน้มเติบโต QoQ จากราคาขายที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และต้นทุนต่อหน่วยที่คาดลดลง - BGRIM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 32 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยคาดกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 2018-2022 จะเพิ่มเฉลี่ย 12.8% ต่อปี (CAGR) และจะหนุนต่อการเติบโตของกำไรปกติในอัตราเฉลี่ย 22% ต่อปี (CAGR) ในช่วงดังกล่าว โดยคาดกำไรปกติในปีนี้จะโตสูงเกือบ 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันลบ. จากโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 3 โรงมีกำหนดทยอย COD ตั้งแต่ Q1/61 อีกทั้ง ยังมีจุดเด่นด้านกระแสเงินสดค่อนข้างมั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) และมี Upside จากโอกาสการลงทุนโครงการใหม่ เช่น โครงการ Solar ในเวียดนาม ที่มีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นในกลางปีนี้ - BANPU (ไอร่า) เป้า 28 บาท คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Normalized profit) ในปี 61 อยู่ที่ 10,659 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 7 ปี จากแนวโน้มราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น คาดส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานเหมืองถ่านหินของ BANPU ทั้งอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยเฉพาะเหมืองถ่านหินที่ออสเตรเลีย คาดผลการดำเนินฟื้นตัวโดดเด่น เนื่องจากเป็นเหมืองใต้ดินที่ต้นทุนผลิตค่อนข้างคงที่ โดยคาดราคาขายถ่านหินสำหรับเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียในปี’61 อยู่ที่ 80 USD/ton เพิ่มขึ้นจาก 75 USD/ton เมื่อปี 60 ขณะที่เราคาดราคาถ่านหินอ้างอิงปี’61 อยู่ที่ 85 USD/ton จากปัจจุบันที่ ประมาณ 100 USD/ton --อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2801586
  2. YLG Gold Night Report ประจำวันที่ 21-03-61
  3. วิธีปอก ทุเรียน อย่างง่าย http://youtu.be/bK1I81JHeKE วิธีแกะเปลือก มังคุด http://youtu.be/blk2vzSlMIw วิธีแกะ เมล็ดน้อยหน่า http://youtu.be/aYbPrvoBs7Q วิธีปอก มะพร้าว กินได้ทั้งลูก http://youtu.be/vrXCOXPsXf4 วิธีผ่า แตงโม อย่างง่าย http://youtu.be/vN0pFQS_04I วิธีปอก สัปปะรด ให้สวยงาม http://youtu.be/ALUyj6eCe0M วิธีการ ปอกสละ อย่างง่ายๆ https://youtu.be/ynJZoLoen_
  4. ประดิษฐ์ได้จากพลาสติก:-https://youtu.be/xEAOvFG1AmM ==== จำไว้สิ่งที่อวัยวะเรากลัว 🌱 กระเพาะ กลัวเย็น 🌱 ปอด กลัวควัน 🌱 หัวใจ กลัวเค็ม 🌱 ตับ กลัวมัน 🌱 ม้าม กลัวกินมากดื่มมากเกิน 🌱 ลำไส้ กลัว กินมั่วดื่มมาก 🌱 ตา กลัวมือถือคอมพิวเตอร์ 🌱 ดี กลัวไม่กินข้าวเช้า 🌱 เพราะว่า อะไหล่แพงมาก และไม่มีของแท้จากโรงงานให้เปลี่ยน
  5. บอกรักประเทศไทย “อนาคตใหม่”...อนาคตของพวกที่ต้องการละเมิดสิทธิส่วนพระองค์อย่างเสรี ด้วยการอ้างเหตุแห่งความคิดต่างตามเสรีประชาธิปไตยแต่ซ่อนเร้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังความคิดสู่ระบอบการปกครองที่ไม่ได้มีความจริงใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อต่อยอดและขยายผลสู่การล้มล้างราชบัลลังก์ในภายภาคหน้า หากเป็นดังที่ผมกล่าวหา ผมจะออกมาเผชิญหน้ากับพวกมัน เพราะมัน คือ...อริราชศัตรู! พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา 17 มี.ค. 61 เวลา 13.40 น. ผมแค่โพสต์แสดงความชัดเจนส่วนตัวในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เมื่อ 17 มี.ค.61 เท่านั้นก็ทำเอาสัตว์นรกพวกนี้เดือดเนื้อร้อนตัวดีดดิ้นเหมือนผีโดนน้ำมนต์ระดมกันรีพอร์ตจนเฟซบุ๊คต้องปิดเฟซของผมเป็นการชั่วคราวหลังจากโพสต์ไปไม่ถึงครึ่งวัน แล้วก็หาว่าผมปิดเฟซหนี ลบโพสต์ทิ้ง โพสต์ดังกล่าวยังอยู่ครับ คนอย่างผมไม่หลบหนีสัตว์มนุษย์คุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์พวกนี้หรอกครับ ผมเป็นอดีตข้าราชการ อดีตทหาร ผมรักษาคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระเจ้าแผ่นดินยิ่งชีวิต ไม่มีวันหรอกครับที่จะจิตตกขวัญฝ่อกับขบวนการสามานย์พวกนี้ ไอ้พวกอวดดีที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผม เชิญเลยครับ ผมกลับมาแล้ว...ขอขอบคุณเฟซบุ๊คที่ให้ผมกลับมาอีก พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา 20 มี.ค.61 เวลา 12.50 น. กกต.สะดุ้ง 'ไพศาล' ขู่โทษอาญา-การเมือง เปิดช่องแนวคิดล้มเจ้าตั้งพรรค! 19 มี.ค. 61 - นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisa... THAIPOST.NET === 15 มี.ค.61 นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวสถานีโทรทัศน์ นิวส์ทีวี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Sermsuk Kasitipradit" แสดงความคิดเห็นกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารเครือบริษัทไทยซัมมิท ประกาศเปิดตัวพรรค "อนาคตใหม่" เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เอาละเว้ย เฮ้ยยย.....ประกาศย้ำจุดยืนชัดเจน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและเหล่าสาวก ย้ำชัดเจนเข้ามาทำงานการเมืองเที่ยวนี้มีเป้าหมายผลักดันแก้กฏหมาย112 เชื่อที่ผ่านมามีการใช้กฏหมายดังกล่าวกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างจากรัฐ น่าจะเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกที่ประกาศเป็นวาระของพรรคแก้ไขกฏหมาย112 ที่มีเจตนาปกป้องสถาบันจากการจาบจ้วงให้ร้าย.... เช้านี้นายธนาธร ไพร่หมื่นล้าน เจ้าของคำประกาศ "ไม่ต้องหมอบกราบพระเจ้าองค์ไหน" เสวนากับนักข่าวก่อนไปขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง "พรรคอนาคตใหม่" ในช่วงสาย.... ติดตามแนวหน้า ----- รุ่นเดอะออกโรง 'พิภพ' เตือน 'ธนาธร' ระวังเป็น 'นักป้ายสีซ้อนป้ายสี' เสียเอง! 21 มี.ค. 61 - นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธ.... THAIPOST.NET
  6. ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยที่แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกร ของปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เสด็จฯ พักผ่อนพระอริยาบถเป็นการส่วนพระองค์ ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา ได้เสด็จฯถึงสวนเมื่อเวลา ๑๗.๐๐ น. โดยประทับรถยนต์ตู้พระที่นั่งที่เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ทอดพระเนตรภูมิทัศน์ และพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่กำลังออกดอกสวยงาม ในการนี้โปรดให้พสกนิกรที่มาออกกำลังกาย และพักผ่อนในสวน ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด และได้ประทับรถพระที่นั่งทอดพระเนตรพฤกษานานาพรรณถึงสองรอบสวน ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ พระอิริยาบถที่ผ่อนคลาย โบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลด้วยความอบอุ่นเมตตา ทำให้พสกนิกรทั้งหลายล้วนพากันปลาบปลื้ม ที่ได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีโดยไม่คาดฝัน หลายคนถึงกับร่ำไห้ด้วยความปลื้มปิติ และได้เสด็จฯ กลับเมื่อเวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. ม.จ. จุลเจิม ยุคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการฉลองสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐ รัฐบาลอเมริการวบรวมของขวัญที่กษัตริย์ไทยพระราชทานแก่ประธานาธิบดี จัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 20 มีนาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเปิดงานนิทรรศการความสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา "Great and Good Friends Exhibition" ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นางแจ็กเกอลีน เอ็ม. เดวีส์ ภริยาเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ฯ นางปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ผู้อำนวยการบริหารพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เฝ้าฯ รับเสด็จ โอกาสนี้ เสด็จฯ เข้าสู่โถงพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ นางแจ็กเกอลีน เอ็ม. เดวีส์ ภริยาเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึกการจัดนิทรรศการความสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กราบบังคมทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน และกราบบังคมทูลเชิญทรงเปิดนิทรรศการฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการฯ และฉายพระฉายาลักษณ์ร่วม ตามลำดับ "ป๋ารักษาตัวด้วยนะ"ในหลวงรัชกาลที่๑๐มีพระราชปฎิสันถารทรงห่วงใย'พลเอกเปรม'ประธานองคมนตรีอย่างที่สุด ....เมื่อวานเวลา20.07นสมเด็จพระเจ้ามหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูรเสด็จออกณ.พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต.พระราชทานวโรกาศให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนำนายจิรายุ อิสรางกูล ณ อยุธยาที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฎิญญาณ ณ.พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต...
  7. MTS GOLD is live now. 2 mins · คลิป เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ MTS LIVE วันที่ 21 มีนาคม 2561
  8. YLG รู้ทันทอง มองทันเทรน ประจำวันที่ 21-03-61 Hua Seng Heng Morning News 31-03-2561 เฮฮาภาษาทอง by Ylg 21-03-2561 บทวิเคราะห์ Daily Comment ประจำช่วง Day Session วันที่ 21 มีนาคม 2018 ราคาทองปิดปรับตัวลดลงในเมื่อคืนนี้หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,319 เหรียญ "ราคาทองคำปิดลดลง -5.49 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น -0.42% โดยปิดที่ 1,311.27 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,306.90 – 1,318.30 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,316 เหรียญ ราคาทองปิดปรับตัวลดลงหลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,319 เหรียญ ก่อนที่จะปรับลดลงต่อเนื่องมาทดสอบแนวรับ 1,306 เหรียญ และดีดกลับมาบริเวณ 1,312 เหรียญในช่วงเช้านี้ ราคาทองโดนกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและแกว่งผันผวน โดยนักลงทุนคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯจะเกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่นักลงทุนให้ความสนใจกับมุมมองของเฟดว่าจะกัฃวลอัตราเงินเฟ้อแค่ไหน รวมทั้งทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้ง ส่วนภาพทางเทคนิคนั้นราคาทองแกว่งในกรอบการ sideway down กว้างๆ รอความชัดเจนในคืนนี้ " แนะนำ : ผู้มีสถานะซื้อถือต่อ โดยให้จุดตัดขาดทุน 1,306 เหรียญ ผู้ไม่มีสถานะรอผลการประชุมเฟดในคืนนี้โดยให้น้ำหนัดฝั่งซื้อมากกว่า สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่ http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy2103201895802451… สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold ทองคำแท่ง : 02-225-7770 เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th สนใจโทรสอบถามรายละเอียด/จองคิวได้ที่ Tel.02-926-9957 (ในเวลาราชการ)
  9. ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $5.9 เหตุดอลล์แข็ง,นลท.ชะลอซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟด สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,311.9 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 16.185 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 945 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 11.50 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 975.90 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 90.32 เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่า จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 มีนาคม 2561 07:36:27 น. ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 มี.ค. 2561 -- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 2% อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง และได้ฉุดหุ้นโซเชียลมีเดียรายอื่นๆปรับตัวลงด้วย หลังจากรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนกรณีการล้วงข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวนมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด หรือ +0.27% -- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากเงินยูโรและเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ และผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 375.57 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,307.33 จุด เพิ่มขึ้น 90.31 จุด หรือ +0.74% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,252.43 จุด เพิ่มขึ้น 29.59 จุด หรือ +0.57% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,061.27 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด หรือ +0.26% -- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของอังกฤษ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้นด้วย ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,061.27 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด หรือ +0.26% -- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,311.9 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 16.185 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 945 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 11.50 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 975.90 ดอลลาร์/ออนซ์ -- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งแนวโน้มที่ว่า เวเนซุเอลาอาจจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันเพื่อเก็งกำไร สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 63.40 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 67.42 ดอลลาร์/บาร์เรล -- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงผลการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.44 เยน จากระดับ 105.94 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9553 ฟรังก์ จากระดับ 0.9496 ฟรังก์ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2255 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2353 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4004 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4043 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7684 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7719 ดอลลาร์สหรัฐ ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด, +0.47% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด, +0.15% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด, +0.27% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,061.27 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด, +0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,307.33 จุด เพิ่มขึ้น 90.31 จุด, +0.74% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,252.43 จุด เพิ่มขึ้น 29.59 จุด, +0.57% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,996.76 จุด เพิ่มขึ้น 73.64 จุด, +0.22% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,513.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.02 จุด, +0.43% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,856.39 จุด เพิ่มขึ้น 8.45 จุด, +0.46% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,243.58 จุด ลดลง 45.99 จุด, -0.73% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 31,549.93 จุด เพิ่มขึ้น 36.17 จุด, +0.11% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,059.60 จุด ลดลง 175.94 จุด, -2.14% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,290.64 จุด เพิ่มขึ้น 11.39 จุด, +0.35% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,485.52 จุด เพิ่มขึ้น 10.49 จุด, +0.42% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 21,380.97 จุด ลดลง 99.93 จุด, -0.47% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 11,010.84 จุด ลดลง 36.06 จุด, -0.33% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,936.40 จุด ลดลง 23.00 จุด, -0.39% ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,040.80 จุด ลดลง 23.90 จุด, -0.39% --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2800847 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 116.36 จุด รับหุ้นพลังงานดีดตัว ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 61)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 2% อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง และได้ฉุดหุ้นโซเชียลมีเดียรายอื่นๆปรับตัวลงด้วย หลังจากรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนกรณีการล้วงข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวนมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด หรือ +0.27% หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า เวเนซุเอลาจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 0.5% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 2.11% หุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมเฟด โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 0.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.2% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.8% และได้ฉุดหุ้นบริษัทโซเชียลมีเดียรายอื่นๆร่วงลงด้วย รวมถึงหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 10.4% หุ้นสแนป ดิ่งลง 2.5% หลังจากคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนว่า การที่เฟซบุ๊กมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทางบริษัททำไว้กับทาง FTC ในปี 2554 หรือไม่ ทางด้านนายดาเมียน คอลลินส์ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ ได้ส่งหนังสือฉบับหนึ่งถึงนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เพื่อให้เขาเข้าชี้แจงต่อทางการอังกฤษ กรณีที่เฟซบุ๊กมีความเกี่ยวข้องกับแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559 หุ้นออราเคิล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2560, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน เหตุวิตกการเมืองสหรัฐ ขณะปอนด์แข็งรับเจรจา Brexit คืบหน้า สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 61)--ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนทางการเมืองในสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากมีรายงานข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2353 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2284 ดอลลาร์ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4043 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3939 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7719 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7712 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 105.94 เยน จากระดับ 106.09 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9496 ฟรังก์ จากระดับ 0.9528 ฟรังก์ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมพิจารณาปลดนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ แม้ว่าทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวก็ตาม ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และปลดนายแอนดรูว์ แมคคาบี รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ออกจากตำแหน่ง ขณะที่มีแนวโน้มปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ออกจากตำแหน่งเช่นกัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงเมื่อวานนี้ ในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 แต่จะมีบทบาทและอำนาจที่ลดน้อยลง ทั้งนี้ EU และสหราชอาณาจักรกำหนดช่วงเวลาดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 21 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2562 จนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit) อย่างสมบูรณ์ การกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อให้ภาคธุรกิจและพลเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลามากขึ้นในการเตรียมพร้อมสำหรับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจาก EU และจะช่วยให้คณะเจรจาของสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลาในการสรุปการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายขณะเริ่มปี 2564 นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
  10. 'ร.10'ทรงเปิดนิทรรศการ สัมพันธ์200ปีไทย-สหรัฐ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00:01 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการฉลองสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐ รัฐบาลอเมริการวบรวมของขวัญที่กษัตริย์ไทยพระราชทานแก่ประธานาธิบดี จัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 20 มีนาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเปิดงานนิทรรศการความสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา "Great and Good Friends Exhibition" ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นางแจ็กเกอลีน เอ็ม. เดวีส์ ภริยาเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ฯ นางปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย ผู้อำนวยการบริหารพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เฝ้าฯ รับเสด็จ โอกาสนี้ เสด็จฯ เข้าสู่โถงพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ นางแจ็กเกอลีน เอ็ม. เดวีส์ ภริยาเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึกการจัดนิทรรศการความสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กราบบังคมทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน และกราบบังคมทูลเชิญทรงเปิดนิทรรศการฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการฯ และฉายพระฉายาลักษณ์ร่วม ตามลำดับ จากนั้น เสด็จฯ ออกจากที่ประทับไปยังบริเวณนิทรรศการฯ ทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการความสัมพันธ์ 200 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา "Great and Good Friends Exhibition" แล้วเสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการเชิงปฏิบัติการซึ่งประยุกต์ใช้สื่อสร้างสรรค์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา จากนั้น เสด็จฯ ไปยังชั้น 2 เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการต่างๆ ดังนี้ นิทรรศการของขวัญแห่งมิตรภาพ ซึ่งจัดแสดงของขวัญที่พระมหากษัตริย์ไทยพระราชทานไปยังประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในโอกาสต่างๆ เอกสารประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา และภาพพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาที่เก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ห้องสมุดรัฐสภา ห้องสมุดประธานาธิบดี และหอจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติสหรัฐอเมริกา, นิทรรศการ "งามสมบรมราชินีนาถ" ซึ่งจัดแสดงฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 จากนั้น เสด็จฯ ไปยังห้องรับรอง ประทับพักพระราชอิริยาบถตามพระราชอัธยาศัย เสด็จฯ ไปยังโถงชั้น 1 ฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับคณะผู้จัดงานนิทรรศการ แล้วจึงเสด็จฯ กลับ สำหรับนิทรรศการของขวัญแห่งมิตรภาพ ราชอาณาจักรไทย และสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2361-2561 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 200 ปี แห่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เมื่อครั้งที่พระยาสุริยวงศ์มนตรี (ดิศ บุนนาค) มีหนังสือไปยังประธานาธิบดีเจมส์ มอนโร ซึ่งเป็นการติดต่อกันทางจดหมายเป็นครั้งแรกระหว่างสองประเทศ นิทรรศการของขวัญแห่งมิตรภาพ เน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง การค้า การศึกษา สาธารณสุข และสายสัมพันธ์ระดับประชาชน ที่มีส่วนช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรภายใต้สนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาค นิทรรศการรวบรวมวัตถุจำนวนมากที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อนจากสถาบันชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ตลอดจนของขวัญพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดเก็บที่สถาบันสมิธโซเนียน พระราชสาสน์ที่จัดเก็บที่องค์การบริหารจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติ จดหมายของพระยาสุริยวงศ์มนตรี และของขวัญพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่นำมาจากหอสมุดประธานาธิบดี หลายแห่งทั่วสหรัฐอเมริกา และที่ประธานาธิบดีสหรัฐทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระมหากษัตริย์ไทยมาตลอด 200 ปี เพื่อนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ของขวัญส่วนใหญ่ไม่เคยนำมาจัดแสดงที่ไหนมาก่อน และหลายชิ้นก็นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในเมืองไทยด้วย ของขวัญเหล่านี้ถ่ายทอดเรื่องราวของสองประเทศอันไกลโพ้นที่สานสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยไมตรีจิตและความเข้าใจ ของขวัญแต่ละชิ้นเป็นเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็นถึงเวลาและสถานที่ที่มีเรื่องราวของของขวัญชิ้นนั้น และเช่นเดียวกับราชอาณาจักรไทยและสหรัฐอเมริกา ที่ต่างก็เคารพขนบธรรมเนียมซึ่งกันและกัน และมุ่งที่จะสานความสัมพันธ์อันดีต่อไปในอนาคต สำหรับนิทรรศการนี้ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ หอสมุดแห่งชาติ และสถาบันพระปกเกล้า มีส่วนร่วมจัดนิทรรศการด้วย นิทรรศการเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 21 มี.ค. ถึง 30 มิ.ย.2561 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. จำหน่ายบัตรถึงเวลา 15.30 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 150 บาท และนักเรียน นิสิตนักศึกษาที่แสดงบัตร 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี. หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ข่าวในพระราชสำนัก วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2561
  11. ดอลลาร์ดีดตัวเทียบเยน,ยูโร ดักข่าวเฟดเล็งขึ้นดอกเบี้ยพรุ่งนี้ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 มีนาคม 2561 20:10:49 น. ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเทียบเยนและยูโรในวันนี้ จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ณ เวลา 19.57 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.39% สู่ระดับ 106.49 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.02% สู่ระดับ 130.80 เยน และร่วงลง 0.42% สู่ระดับ 1.2281 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.52% สู่ระดับ 90.23 CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 แม้มีบทบาทและอำนาจที่ลดน้อยลง ทั้งนี้ EU และสหราชอาณาจักรกำหนดช่วงเวลาดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 21 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2562 จนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit) อย่างสมบูรณ์ นายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit กล่าวว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว สหราชอาณาจักรจะไม่สามารถเข้าร่วมกระบวนการตัดสินใจภายในองค์กรของ EU อีกต่อไป นอกจากนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2562 กฎหมายของยุโรปจะยังคงสามารถบังคับใช้ในสหราชอาณาจักรต่อไป ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อให้ภาคธุรกิจและพลเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลามากขึ้นในการเตรียมพร้อมสำหรับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจาก EU และจะช่วยให้คณะเจรจาของสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลาในการสรุปการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายขณะเริ่มปี 2564 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2800758 ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.18 ระหว่างวันแกว่งแคบ นลท.จับตาการประชุมเฟดคืนพรุ่งนี้ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 มีนาคม 2561 17:59:58 น. นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 31.18 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้า ที่เปิดตลาดอยู่ที่ 31.19 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันแกว่งแคบในกรอบระหว่าง 31.17-31.20 บาท/ดอลาร์ "หลักๆ ตลาดน่าจะรอผลประชุมเฟดคืนวันพุธ ซึ่งน่าจะใกล้ๆเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย" นักบริหารเงิน กล่าว สำหรับวันพรุ่งนี้ คาดว่ายังแกว่งแคบๆ แบบวันนี้ อยู่ในกรอบระหว่าง 31.15-31.25 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ 106.32 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 106.16 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ 1.2313 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.2344 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,799.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด, 0.00% มูลค่าการซื้อขาย 49,227.04 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,251.72 ลบ.(SET+MAI) - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณาพ.ร.ก.กำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่อง จากยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จากนั้นจะเสนอเข้า ครม.เห็นชอบอีกครั้งก่อนประกาศใช้ ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่ง ครม.จะให้มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในชั้นราชกิจจานุเบกษา - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้ง ที่ 1 โดยมีวงเงินที่ปรับปรุงเพิ่มขึ้นสุทธิ 85,906 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1,502,977 ล้านบาท เป็น 1,588,883 ล้านบาท - ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ เห็นพ้องที่จะจัดการประชุมไตรภาคีในช่วงต้นเดือนพ.ค. โดยคาดว่าอาจจะเป็นวันที่ 8-9 พ. ค.นี้ - กลุ่มบริษัทธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐจำนวน 25 แห่ง ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท คอสต์โค และเบสท์บาย ได้ออกมา เรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน - รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศมหาอำนาจและตลาดเกิดใหม่ 20 ประเทศ ต่างแสดง ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ในระหว่างการประชุมวันแรก ซึ่งเปิด ฉากขึ้นที่อาร์เจนตินาเมื่อวานนี้ --อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2800750 นักการทูตรัสเซียพร้อมครอบครัวเดินทางออกจากลอนดอนแล้ว หลังถูกนายกฯอังกฤษขับออกนอกประเทศ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 มีนาคม 2561 19:54:42 น. นักการทูตรัสเซีย 23 คน พร้อมกับสมาชิกครอบครัวอีก 57 คน ได้เดินทางออกจากกรุงลอนดอนแล้วในวันนี้เพื่อกลับไปยังกรุงมอสโก หลังจากที่ถูกรัฐบาลอังกฤษประกาศขับออกนอกประเทศก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศขับทูตรัสเซียจำนวน 23 คนออกจากสหราชอาณาจักรภายในเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากไม่พอใจต่อการที่รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการใช้สารพิษทำร้ายอดีตสายลับรัสเซียและลูกสาวของเขาที่ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เป็นผู้สั่งการให้มีการใช้สารพิษทำลายระบบประสาทในการลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียและลูกสาว การใช้สารพิษดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ในการลอบสังหารบนแผ่นดินยุโรป นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2800757 World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 20 มีนาคม 2561 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 มีนาคม 2561 16:50:49 น. บริษัทเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากมีรายงานข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องด้วยจุดประสงค์ทางการเมือง -- รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศมหาอำนาจและตลาดเกิดใหม่ 20 ประเทศ ต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ในระหว่างการประชุมวันแรก ซึ่งเปิดฉากขึ้นที่อาร์เจนตินาเมื่อวานนี้ -- สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี โดยมีเป้าหมายที่จะลงโทษจีนในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ ยังมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการจ้างงานให้กับชาวอเมริกัน -- กลุ่มบริษัทธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐจำนวน 25 แห่ง ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท คอสต์โค และเบสท์บาย ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน -- นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ในวันนี้ว่า จีนจะทุ่มเทความพยายามทั้งหมดที่มี เพื่อช่วยนำสันติภาพกลับคืนสู่คาบสมุทรเกาหลี และจะส่งเสริมให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ -- กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐจะเปิดฉากการซ้อมรบร่วมในวันที่ 1 เมษายนนี้ -- สมาคมแฟรนไชส์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายของร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นประจำเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นส่งผลให้อาหารประเภทอุ่นร้อนขายดี -- นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนเปิดเผยว่า ปริมาณการค้าระหว่างจีนและรัสเซียเติบโตขึ้น 20% ในปี 2560 เมื่อเทียบปีต่อปี และมองว่ายังมีศักยภาพของความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันอีกหลายด้านที่ยังไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2800699 ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก บ่งชี้วอลล์สตรีทฟื้นตัว หลังดิ่งหนักเมื่อคืนนี้ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 มีนาคม 2561 19:31:34 น. ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ ณ เวลา 19.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 17 จุด หรือ 0.07% สู่ระดับ 24,708 จุด ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการดิ่งลงอย่างหนักของหุ้นเฟซบุ๊กได้ฉุดหุ้นอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊กทรุดตัวลงจากรายงานข่าวที่ว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองในสหรัฐ และแนวโน้มการทำสงครามการค้ากับจีน นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2560, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2800756 คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐเข้าสอบเฟซบุ๊กกรณีใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 มีนาคม 2561 20:57:14 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนว่า การที่เฟซบุ๊กมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทางบริษัททำไว้กับทาง FTC ในปี 2554 หรือไม่ รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่มีข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2800761
  12. สวัสดีประเทศไทย พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙, สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลปัจจุบัน แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศที่ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร”) เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ไปทอดพระเนตรโบราณสถาน วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งหนึ่งเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ พระองค์ทอดพระเนตรอาคารทันสมัยหลังหนึ่ง ที่ก่อสร้างบนที่ซึ่งเคยเป็นซากโบราณสถาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชดำรัสความว่า “...การสร้างอาคารสมัยนี้คงจะเป็นเกียรติสำหรับผู้สร้างคนเดียว แต่เรื่องโบราณสถานนั้น เป็นเกียรติของชาติ อิฐเก่า ๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรที่เราจะช่วยกันรักษาไว้ ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯ แล้วประเทศไทยก็ไม่มีความหมาย...” จำลอง วัดพระราม จ.อยุธยา ครับ อันนี้ก็เป็นโมเดลที่ทำทิ้งไว้นานพอๆกับโมเดล วัดไชยวัฒนาราม เช่นกัน และก็จะทำใหม่เพื่อลดขนาดไฟล์และปรับปรุงเพิ่มเติมเช่นกันครับ fanpage : Mr.You Design จำลอง วัดไชยวัฒนราม จ.อยุธยา ครับ โมเดลตัวนี้เก่าทำไว้นานแล้วเมื่อปี 2015 ขนาดไฟล์จะใหญ่ Polygon เยอะ(อยากปรับปรุงเพิ่มด้วย ให้ดีกว่าเดิม) อาจจะทำใหม่นะ ออเจ้า fanpage : Mr.You Design อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย · 19 February · อุทยานประวัติศาสตร์ในประเทศไทยมีที่ไหนกันบ้างนะ?? ดูได้จากภาพด้านล่างเลยค่ะ ใครเคยไปที่ไหนบ้างแล้วเอารูปมาอวดกันบ้างนะคะ ^0^ ขอบคุณภาพจาก กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
  13. MTS GOLD is live now. 22 mins · เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ MTS LIVE วันที่ 19 มีนาคม 2561
  14. World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 19 มีนาคม 2561 ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 มีนาคม 2561 08:38:31 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 72.85 จุด หรือ +0.29% แตะที่ระดับ 24,946.51 จุดเมื่อวันศุกร์ (16 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ซึ่งสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน พุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 และสูงกว่าระดับ 99.9 ในเดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน ในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม -- ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. -- นายอี้ กัง ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีน แทนนายโจว เสี่ยวฉวน ที่จะเกษียณในเร็วๆนี้ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เสนอชื่อนายอี้ต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ชุดที่ 13 โดยที่ประชุมจะโหวตให้การรับรองตำแหน่งดังกล่าวในวันนี้ ทั้งนี้ หากที่ประชุม NPC ประกาศรับรองให้นายอี้ขึ้นรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนต้องการเดินหน้านโยบายการเงินในปัจจุบันให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินของจีนมีการเปิดเสรี และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง หลังจากที่ขยายตัวอย่างร้อนแรงในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา -- ข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง (CEC) ของรัสเซียระบุว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ด้วยคะแนน 75.91% หลังจากที่การนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณ 70% ขณะที่นายพาเวล กรูดินิน จากพรรคคอมมิวนิสต์ พาร์ตี ออฟ เดอะ รัสเซียน เฟเดอเรชัน ได้คะแนน 13.39% นายวลาดิเมียร์ ไชรินอฟสกี จากพรรคลิเบอรัล เดโมเครติค พาร์ตี ออฟ รัสเซีย ได้คะแนนเพียง 6.34% -- นายลี กาชิง มหาเศรษฐีพันล้านของฮ่องกงวัย 89 ปี ประธานบริษัทซีเค แอสเสท และซีเค ฮัทชิสัน ได้ประกาศวางมือจากการเป็นผู้นำบริษัททั้งสองแห่งนี้ โดยจะเปิดทางให้นายวิคเตอร์ ลี บุตรชายคนโต ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทน ทั้งนี้ นายลีจะประกาศลาออกอย่างเป็นทางการ ในการประชุมสามัญประจำปีวันที่ 10 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี เขาจะยังคงให้การช่วยเหลือบริษัทนี้ต่อไป ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโส -- ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ลงมติให้นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 2 พร้อมดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกองทัพกลาง (CMC) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ ที่ประชุม NPC มีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 2,958 เสียง หรือ 99.8%, คัดค้าน 2 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเลิกข้อกำหนดที่ว่าประธานาธิบดีจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย หรือ 10 ปี ซึ่งจะปูทางให้สี จิ้นผิง สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนต่อไปได้อย่างไม่มีกำหนด -- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีฉบับแรกภายหลังจากที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานาธิบดีจีนต่ออีกสมัย เพื่อแต่งตั้งให้นายหลี่ เค่อเฉียง ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีจีนในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ในช่วงเช้าวานนี้ -- ผลการสำรวจคะแนนนิยมที่มีต่อคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่จัดทำโดยเกียวโด นิวส์ พบว่า คะแนนนิยมร่วงลงไปสู่ระดับ 38.7% ซึ่งลดลง 9.4% จากผลการสำรวจก่อนหน้าที่จัดทำขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเหตุอื้อฉาวอันเนื่องมาจากข้อกล่าวหาเรื่องการช่วยเหลือพรรคพวกของนายอาเบะ ผู้ตอบรับการสำรวจ 66.1% ระบุว่า นายอาเบะควรจะถูกกล่าวโทษเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการช่วยเหลือพรรคพวกอันเนื่องมาจากกรณีการขายที่ดินในราคาที่ถูกให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งรู้จักกับภรรยาของนายอาเบะ และยังเกี่ยวพันกับรัฐมนตรีกระทรวงคลังด้วยเช่นกัน การสำรวจทางโทรศัพท์ที่จัดทำขึ้นทั่วประเทศในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่กระทรวงคลังได้ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงได้ดัดแปลงเอกสารการขายที่ดิน รวมทั้งลบชื่ออ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับนายอาเบะและภรรยาออกจากเอกสารด้วยเช่นกัน -- นายเดวิด มัลพาส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมายอมรับเมื่อวานนี้ว่า ตนได้พูดผิดในประเด็นที่ว่าสหรัฐได้ยกเลิกการเจรจาด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลจีน โดยเขาเปิดเผยว่า ปัจจุบันนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ยังคงมีการหารือในประเด็นเศรษฐกิจกับจีนแต่ไม่ได้ออกสื่อ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น นายมัลพาสได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลสหรัฐได้ยกเลิกการประชุมเจรจาเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีน หรือ Comprehensive Economic Dialogue เนื่องจากทางฝั่งสหรัฐไม่พอใจที่รัฐบาลจีนถอยหลังจากการปฏิรูปตลาด ขณะเดียวกันก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อเศรษฐกิจจีนด้วย -- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมาย "Taiwan Travel Act" ซึ่งจะเปิดทางให้สหรัฐสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปยังไต้หวัน และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ไต้หวันเดินทางมาพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้เช่นกัน โดยกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ทางด้านสถานทูตจีนในสหรัฐได้แสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ โดยกล่าวว่า เนื้อหาที่ระบุในกฎหมาย "Taiwan Travel Act" ถือเป็นการละเมิดนโยบายจีนเดียว และละเมิดต่อแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับที่จีนและสหรัฐเคยประกาศร่วมกันในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเป็นการทำลายรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐด้วย ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเพิ่มแรงกดดันระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์พยายามเรียกร้องให้จีนลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐ นอกจากนี้ คาดว่าการตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ในกรณีไต้หวันนั้น อาจจะทำให้สหรัฐประสบความยากลำบากในการโน้มน้าวจีนให้ช่วยคลี่คลายความตึงเครียดในประเด็นเกาหลีเหนือ -- ผู้นำกลุ่มสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรง และสกัดการระดมเงินทุนที่ใช้ในการสนับสนุนขบวนการก่อการร้ายในภูมิภาค โดยการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมสุดยอดระหว่างออสเตรเลียและกลุ่มอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียเมื่อวานนี้ -- ออสเตรเลียได้ประกาศว่า จะให้เงินสนับสนุนวงเงิน 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 23.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่โครงการ Smart Cities เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางในเขตพื้นที่เมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้รับมือกับการขยายตัวอย่างสดใสได้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แถลงการณ์ที่ได้มีการเผยแพร่ในวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดอาเซียนและออสเตรเลีย ซึ่งจัดขึ้นที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า เมืองต่างๆในอาเซียนเติบโตในระดับที่พิเศษมาก มีประชาชนกว่า 90 ล้านคนคาดหวังว่า จะย้ายเข้ามานเมืองทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2573 -- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ทางการจีนจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. ขณะที่ยูโรสแตทจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนม.ค.ของยูโรโซน ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. ธนาคารกลางออสเตรเลียจะเปิดเผยรายงานการประชุม เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก ZEW ทางด้านอังกฤษจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2799574 ปธน.จีนส่งสารแสดงความยินดี ปูติน หลังครองตำแหน่งผู้นำรัสเซียอีกสมัย ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 มีนาคม 2561 09:59:02 น. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ส่งสารแสดงความยินดีแก่นายวลาดิเมียร์ ปูติน หลังสามารถคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัสเซียได้อีกสมัยหนึ่ง ข้อความแสดงความยินดีของปธน.จีนระบุว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวรัสเซียได้รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติ ฟื้นฟูและพัฒนา สร้างความสำเร็จด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงมีบทบาทสำคัญในกิจการนานาชาติ นอกจากนี้ นายสียังได้แสดงความเชื่อมั่นว่ารัสเซียจะสามารถสร้างหลักชัยใหม่ๆในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียนั้น นายสีระบุว่า ปัจจุบันความร่วมมือระหว่างสองประเทศถือว่าอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นตัวอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เคารพซึ่งกันและกัน มีความเท่าเทียมและยุติธรรม เป็นความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ และเป็นชุมชนที่แบ่งปันอนาคตสำหรับมวลมนุษยชาติร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้นำจีนมีความยินดีที่จะร่วมมือกับรัสเซียในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีก สร้างแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศทั้งสอง และสนับสนุนสันติภาพและความสงบสุขทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2799659 สี จิ้นผิงลงนามแต่งตั้งหลี่ เค่อเฉียง เป็นนายกฯจีนต่ออีกสมัยแล้วในวันนี้ ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2561 10:16:16 น. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีฉบับแรกภายหลังจากที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานาธิบดีจีนต่ออีกสมัย เพื่อแต่งตั้งให้นายหลี่ เค่อเฉียง ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีจีนในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ในช่วงเช้าวันนี้ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2799398 ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.24 คาดแกว่งในกรอบ 31.20-31.30 ตลาดจับตาการประชุมเฟดสัปดาห์นี้ ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 มีนาคม 2561 09:10:02 น. นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.24 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวันศุกร์ที่ระดับ 31.20 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามาหลังตัวเลข เศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ "บาทอ่อนค่าตามภูมิภาคหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดหนุนให้มีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา" นักบริหาร เงินระบุ นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์ "วันนี้บาทน่าจะแกว่งตัวในกรอบ ตลาดรอความชัดเจนของที่ประชุม FOMC เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต แม้การ ประชุมที่จะมาถึงนี้คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน" นักบริหารเงิน ระบุ THAI BAHT FIX 3M (16 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.04079% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (16 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.15995% * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ 105.82 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 105.66 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ 1.2264 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2320 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.2120 บาท/ ดอลลาร์ - ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (19-23 มี.ค.) ที่ระดับ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตาผลการประชุมนโยบายการเงิน ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ และ Dot Plot ใหม่ จากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอด ขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามประเด็นที่เกี่ยวกับมาตรการ และนโยบายระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตลอดจนข้อมูล PMI สำหรับเดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน - กระทรวงการคลัง เสนอร่างกฎหมายจัดการบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหวเข้า ครม. ลั่นช่วยผู้ฝากตระหนักถึงเงินใน บัญชี ที่สามารถสืบค้น-ขอคืนได้ - ธนาคารทหารไทย ตั้งเป้าการเติบโตยอดคงค้างสินเชื่อเอสเอ็มอีที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ยอดขายไม่เกิน 100 ล้าน บาท/ปี ในปีนี้ 10% สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อรวมของธนาคารที่ระดับ 8-10% ขณะที่ในปี 2560 สินเชื่อเอสเอ็มอีไม่ เติบโต - บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ หากขึ้น ดอกเบี้ย 0.25% คงไม่กระทบต่อตลาดทุน หากขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งก็ถือว่าตามคาด แต่ถ้าขึ้น 4 ครั้งก็จะส่งผลกระทบต่อการลง ทุนบ้าง - สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมยื่นศาล รธน.ตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว.ฉบับ เดียว อ้างหากยื่นตีความ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย จะกระทบโรดแมพ - ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ลงมติให้นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 2 พร้อมดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกองทัพกลาง (CMC) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยเช่นกัน - ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนมี.ค. ซึ่ง เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.3 และสูงกว่าระดับ 99.9 ในเดือนก.พ. - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% - ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ ขณะ ที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลง ทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. --อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-25350 อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2799602 นท.คลังสหรัฐยอมรับพูดผิดประเด็นล้มโต๊ะเจรจากับจีน ชี้ยังหารือเบื้องหลัง ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 มีนาคม 2561 09:17:55 น. นายเดวิด มัลพาส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมายอมรับเมื่อวานนี้ว่า ตนพูดผิดในประเด็นที่ว่าสหรัฐได้ยกเลิกการเจรจาด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลจีน โดยเขาเปิดเผยว่า ปัจจุบันนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ยังคงหารือในประเด็นเศรษฐกิจกับจีน แต่ไม่ได้ออกสื่อ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น นายมัลพาสได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลสหรัฐได้ยกเลิกการประชุมเจรจาเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีน หรือ Comprehensive Economic Dialogue เนื่องจากทางฝั่งสหรัฐไม่พอใจที่รัฐบาลจีนถอยหลังจากการปฏิรูปตลาด ขณะเดียวกันก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อเศรษฐกิจจีนด้วย อย่างไรก็ดี แม้นายมัลพาสได้ออกมาถอนคำพูดเกี่ยวกับการยกเลิกเวทีการเจรจานี้ แต่สถานะปัจจุบันของการประชุมดังกล่าวยังคงไม่มีทิศทางชัดเจน โดยนายมัลพาสกล่าวเพียงแค่ว่า ทางกระทรวงยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องการประชุมนี้ ทั้งนี้ Comprehensive Economic Dialogue เป็นการเจรจาด้านเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีนที่จัดขึ้นทุกปี ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงของนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2799607
  15. สวัสดีวันจันทร์จ้า ประกาศสำนักพระราชวัง ด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐมอลโดวา จอร์เจีย และสาธารณรัฐอาร์เมเนีย ระหว่างวันที่ ๑๑ ถึงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐมอลโดวา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะทอดพระเนตรสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี อาทิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติด้านประวัติศาสตร์มอลโดวา เมืองโบราณออร์เฮอุล เวคิ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติด้านชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจอร์เจีย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะทอดพระเนตรสถานที่สำคัญทางศาสนา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี อาทิ อารามจวารี มหาวิหารสเวทีสโคเวลี สวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติจอร์เจีย และเขตเมืองเก่ากรุงทบิลิซิ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐอาร์เมเนีย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะทอดพระเนตรสถานที่สำคัญทางศาสนา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม อาทิ ป้อมปราการและอารามอัคฮ์ตาลา อารามฮักฮ์พาต สถาบันต้นฉบับตัวเขียนโบราณ เมสรอพ แมชทอตส์-มาเตอนาดาราน และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งอาร์เมเนีย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะประทับเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน เที่ยวบินที่ ทีจี ๙๒๐ เสด็จพระราชดำเนินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑ เวลา ๒๓.๔๐ น. และจะประทับเครื่องบินของสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ คิวอาร์ ๘๓๒ เสด็จพระราชดำเนินกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ในวันเสาร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๘.๕๐ น. จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง ๑๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ________________ พระฉายาลักษณ์โดย_อาจารย์นิติกร กรัยวิเชียร เมื่อวันจันทร์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๐.๓๕ น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงร่วมการประชุมระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การป้องกันอาชญากรรม และสังคมที่ปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ขอบคุณภาพ.FB_Thailand Institute of Justice (TIJ) เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ คุณสิริกิติยา เจนเซ่น พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ในปีนี้คุณใหม่อายุครบ ๓๓ ปี (ใช้คำอวยพรสุภาพ ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์) ขอบคุณภาพ.FB_อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2561 Hua Seng Heng Morning News 19-03-2561 YLG รู้ทันทอง มองทันเทรน ประจำวันที่ 19-03-6 เฮฮาภาษาทอง by Ylg 19-03-2561 เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 19-03-2561 บทวิเคราะห์ Daily Comment ประจำช่วง Day Session วันที่ 19 มีนาคม 2018 ราคาทองปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 "ราคาทองคำปิดลดลง -2.44 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น -0.19% โดยปิดที่ 1,314.20 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,309.30 – 1,321.70 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,311 เหรียญราคาทองปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยราคาทองหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,313 เหรียญ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์เป็นตัวกดดันให้ราคาทองปรับตัวลดลงต่อเนื่องในคืนวันศุกร์ จากตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ประกาศออกมาดีที่สุดในรอบ 14 ปี ภาพทางเทคนิคของราคาทองคำเริ่มเสียทรงในฝั่งขาขึ้นหลังจากหลุดแนวรับสำคัญ สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และในสัปดาห์นี้ติดตามประเด็นสำคัญคือการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ว่าจะกดดันราคาทองให้ลดลงต่อหรือไม่ " แนะนำ : แนะนำผู้มีสถานะซื้อตัดขาดทุนไปก่อนและรอหาจังหวะซื้อใหม่หลังจากเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผู้ไม่มีสถานะเปลี่ยนมาเล่นฝั่งขายหากราคาอยู่ต่ำกว่า 1,315 เหรียญ และให้จุดตัดขาดทุนบริเวณ 1,315 เหรียญ สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่ http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1903201894225450… YLG GOLD DAILY UPDATE 19-03-18 • ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 2.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์หลังตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากม.มิชิแกนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนมี.ค. สู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี • ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อ่านฉบับเต็มคลิก :https://goo.gl/Prdbaw
  16. ข่าวในพระราชสำนัก วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2561 Hua Seng Heng Morning News 16-03-2561 เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 16-03-2561 YLG รู้ทันทอง มองทันเทรน ประจำวันที่ 16-03-61 เฮฮาภาษาทอง by Ylg 16-03-2561 บทวิเคราะห์ Daily Comment ประจำช่วง Day Session วันที่ 16 มีนาคม 2018 ราคาทองปิดปรับตัวลดลงหลังจากค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า "ราคาทองคำปิดลดลง -7.54 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น -0.57% โดยปิดที่ 1,316.64 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,314.60 – 1,326.85 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,316 เหรียญราคาทองปิดปรับตัวลดลงในเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านบริเวณ 1,330 เหรียญ และค่อยๆปรับตัวลดลง รวมทั้งตัวเลขภาคการผลิตเขตนิวยอร์คและตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐ ออกมาดีขึ้น ทำให้ราคาหลุดกรอบด้านบนบริเวณ 1,319 เหรียญ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม หากราคาทองยังสามารถยืนเหนือ 1,313 เหรียญได้ก็ยังให้น้ำหนักแกว่งในกรอบกว้างๆ 1,313-1,330 เหรียญ และในวันนี้ติตตามตัวเลขภาคอสังหาฯ และภาคการผลิตของสหรัฐฯ " แนะนำ : ผู้มีสถานะซื้อได้ตัดขาดทุนไปบริเวณ 1,319 เหรียญ ผู้ไม่มีสถานะเปลี่ยนมาซื้อขายในกรอบกว้าง 1,313 - 1,330 เหรียญ และรอเปิดสถานะตามเมื่อทะลุกรอบ สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่ http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1603201894031450… YLG GOLD DAILY UPDATE 16-03-18 • ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 7.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาดหลายรายการ อาทิ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 22.5 จุดในเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงสู่ระดับ 226,000 ราย • ปัจจัยดังกล่าวหนุนดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยงอย่างดัชนีดาวโจนส์ให้พุ่งขึ้น 115.54 จุดและกลับมาปิดตลาดให้แดนบวกเป็นครั้งแรกหลังปิดลบ 4 วันทำการติดต่อกัน อ่านฉบับเต็มคลิก :https://goo.gl/iZNpY2
  17. Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)was live. 28 minutes ago · คลิป ลุงกำนันให้กำลังใจ 17 ผู้ต้องหาคดี ย้อนถามอัยการทำไมกรณี กปปส.จึงไม่ใช้การสั่งไม่ฟ้องคดีที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะบ้าง ย้ำถึงเวลาต้องปฏิรูปด้วยมือประชาชน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 นายสุเทพ เทือกสุบรรณประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ได้เดินทางไปให้กำลังใจกับผู้ต้องหาคดี กปปส. ชุดล่าสุด 17 คนที่อัยการนำตัวส่งฟ้องศาล โดยนายสุเทพได้ให้สัมภาษณ์ในหลายประเด็นที่น่าสนใจ
  18. ข่าวเช้าจ้า ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $6.3 เหตุการเมืองสหรัฐผันผวนหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณที่ไม่แน่นอน จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1327.10 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 9.1 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 16.627 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 967.30 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 23.95 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 991.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่ โดยจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่รับตำแหน่งดังกล่าว ข่าวการปลดนายทิลเลอร์สัน ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% แตะระดับ 89.585 เมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ การร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่นกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุด เนื่องจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวปธน.ทรัมป์ปลดนายทิลเลอร์สันออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 มีนาคม 2561 07:40:37 น. ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 มี.ค. 2561 -- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,007.03 จุด ร่วงลง 171.58 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด หรือ -1.02% -- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ โดยทั้งสกุลเงินยูโรและปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 375.47 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ปีนี้ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,221.03 จุด ลดลง 197.36 จุด หรือ -1.59% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,242.79 จุด ลดลง 33.92 จุด หรือ -0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด หรือ -1.05% -- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งการแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด หรือ -1.05% -- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งได้ลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2397 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2336 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3977 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3906 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7867 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7877 ดอลลาร์ หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 106.64 เยน จากระดับ 106.37 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9439 ฟรังก์ จากระดับ 0.9466 ฟรังก์ -- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณที่ไม่แน่นอน จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1327.10 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 9.1 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 16.627 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 967.30 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 23.95 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 991.60 ดอลลาร์/ออนซ์ -- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 60.71 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 64.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 25,007.03 จุด ลดลง 171.58 จุด, -0.68% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด, -0.64% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด, -1.02% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,242.79 จุด ลดลง 33.92 จุด, -0.64% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,221.03 จุด ลดลง 197.36 จุด, -1.59% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด, -1.05% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,553.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.54 จุด, +0.38% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,864.03 จุด เพิ่มขึ้น 2.81 จุด, +0.15% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,412.85 จุด ลดลง 87.84 จุด, -1.35% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 31,601.45 จุด เพิ่มขึ้น 7.12 จุด, +0.02% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,419.57 จุด ลดลง 33.93 จุด, -0.40% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,310.24 จุด ลดลง 16.46 จุด, -0.49% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,494.49 จุด เพิ่มขึ้น 10.37 จุด, +0.42% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 21,968.10 จุด เพิ่มขึ้น 144.07 จุด, +0.66% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 11,095.63 จุด เพิ่มขึ้น 93.53 จุด, +0.85% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,974.70 จุด ลดลง 21.40 จุด, -0.36% ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,077.10 จุด ลดลง 24.30 จุด, -0.40% --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2797259 ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อนหลัง CPI สหรัฐชะลอตัว,วิตกข่าวทรัมป์ปลดรมว.ต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 มีนาคม 2561 07:38:39 น. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งได้ลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2397 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2336 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3977 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3906 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7867 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7877 ดอลลาร์ หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 106.64 เยน จากระดับ 106.37 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9439 ฟรังก์ จากระดับ 0.9466 ฟรังก์ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. โดยข้อมูล CPI เดือนก.พ.บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของเฟดในปีนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปลดนายทิลเลอร์สันออกจากตำแหน่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์อาจเดินหน้าใช้นโยบายกีดกันการค้าต่อไป และจะทำให้สหรัฐมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นในการเจรจาประเด็นภาษีนำเข้ากับบรรดาประเทศคู่ค้า นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2797253 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 171.58 จุด หลังหุ้นการเงิน-เทคโนฯดิ่ง,วิตกข่าวทรัมป์ปลดรมว.ต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 มีนาคม 2561 06:38:00 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,007.03 จุด ร่วงลง 171.58 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด หรือ -1.02% ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ แต่จากนั้นไม่นาน ดาวโจนส์ก็ร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่ ทั้งนี้ ข่าวการปลดนายทิลเลอร์สันส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายต่างประเทศสหรัฐ โดยเฉพาะในด้านนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากเว็บไซต์ของโพลิติโครายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.4% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.8% ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.4% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 2.2% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวลง 0.6% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.7% หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 5% หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อสกัดข้อเสนอที่บริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ได้เสนอซื้อกิจการของควอลคอมม์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเมซี อิงค์ พุ่งขึ้น 3.7% และหุ้นโคห์ล คอร์ป ปรับตัวขึ้น 2.7% นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2797152 ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกข่าว ทรัมป์ ปลดรมว.ต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 มีนาคม 2561 08:47:28 น. ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,764.99 จุด ลดลง 203.11 จุด, -0.92% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,298.67 จุด ลดลง 11.57 จุด, -0.35% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,321.79 จุด ลดลง 279.66 จุด, -0.88% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,063.73 จุด ลดลง 31.90 จุด, -0.29% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,477.43 จุด ลดลง 17.06 จุด, -0.68% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,541.39 จุด ลดลง 12.34 จุด, -0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,862.49 จุด ลดลง 1.54 จุด, -0.08% ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่ ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ของโพลิติโครายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2797323
  19. สวัสดีประเทศไทย จิตสำนึก ...... เพื่อความถูกต้อง สู้ๆครับพี่วิเชียร เด็กสี่ขวบ ยังไม่ทน ไม่ok
  20. .ว่ากันด้วยเรื่องทุจริต ... .. หวย ... โกงเงินคนจน
  21. o______0 Bird and flowers Watercolour painting Artist Kitipong Maksin Size 23x32cm. Pink rose Watercolour painting Artist Kitipong Maksin Size 23x32cm. — Pink Roses ดอกฟ้ากับนายกระจอก Watercolour painting Artist Kitipong Maksin Size 24x32cm.
  22. . สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทอดพระเนตรงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร ร้านค้าและบูธภายในงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ที่ลานพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน ภาพ ชาลินี ถิระศุภะ (Chalinee Thirasupa) #NationPhoto #สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา #อุ่นไอรักคลายควานหนาว วนพระองค์ที่ไม่เคยมีใครรู้! ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงคิดอยากเปิดร้าน เพราะโปรดขนมชนิดนี้ โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 'จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา' เป็นองคมนตรี 12 มี.ค.61 - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งองคมนตรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเ..... THAIPOST.NET
  23. เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 12-03-2561 YLG รู้ทันทอง มองทันเทรน ประจำวันที่ 12-03-61 บทวิเคราะห์ Daily Comment ประจำช่วง Day Session วันที่ 12 มีนาคม 2018 ราคาทองปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มกลับมาอ่อนค่าจากประเด็นการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ "ราคาทองคำปิดปรับเพิ่มขึ้น 6.26 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น +0.48% โดยปิดที่ 1,322.80 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,314.90 – 1,325.50 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,326 เหรียญ ราคาทองปิดปรับตัวขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากเรื่องที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัล ทรัมป์ได้ออกมากีดกันทางการค้า โดยเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าครั้งใหญ่ ส่งผลให้ทองคำดีดกลับจากจุดต่ำสุดในสัปดาห์ก่อน และในเดือนนี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่จะมีการประชุมขึ้นในปลายปีนี้ และในสัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขภาคการจ้างงานในวันศุกร์นี้ ส่วนภาพเทคนิคทองคำราคาทองดีดกลับจากจุดต่ำสุด และทะลุแนวต้านบริเวณ 1,322 เหรียญ ทำให้ภาพรวมการดีดกลับเป็นไปได้ดี และหากราคาย่อลงมาไม่เกิดจุดต่ำสุดใหม่ จะทำให้ราคาทองมีโอกาสแกว่งในกรอบ sideway up ได้อีกครั้ง " แนะนำ : ผู้มีสถานะซื้อหลังจากราคาทะลุแนวต้าน 1,322 เหรียญได้ ถือต่อโดยให้จุดตัดขาดทุนที่ 1,317 เหรียญ ผู้ไม่มีสถานะเน้นฝั่งซื้อเมื่อย่อตัว สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่ http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1203201810330744…
×
×
  • สร้างใหม่...