ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

vitid

ขาอ่อน
  • จำนวนเนื้อหา

    1
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

คะแนนนิยม

0 ปานกลาง

เกี่ยวกับ vitid

  • คะแนนนิยม
    น้องใหม่

Profile Information

  • เพศ
    ไม่บอก
  • ที่อยู่
    กรุงเทพมหานคร
  1. สวัสดีครับ ผมน้องใหม่ตามอ่านมานานแล้วแต่ไม่เคยสมัครเลย (อายจัง) ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของผมเอง (ซึ่งอาจไปสนับสนุน พี่ ton )บ้างนะครับ * เรื่องทองที่หลายๆท่านบอกว่าในระยะยาว ราคาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั้นน่าแปลกที่หลายๆคนไม่เคยรู้ว่าทองเคยเป็นขาลงมาเกือบ 20 ปีก่อนจะเริ่มหักหัวขึ้นช่วง world trade center (แต่อันนี้พี่ๆในห้องนี้คงรู้อยู่แล้วแหละเนอะ ) คือที่ว่าราคาควรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอันนี้ผมว่าถูกครับเพราะ supply ในโลกมีจำกัด(และยังหาของทดแทนไม่ได้)แต่ประเด็นที่ผมสนใจคือ แล้วราคาในปัจจุบันล่ะ มันสองคล้องกับพื้นฐานหรือป่าว ถึง supply มีจำกัดก็จริงแต่สมมตินะครับสมมติ ว่าราคาแถวๆนี้ คือราคาที่ควรจะเป็นในอีก 20 ปีข้างหน้าแล้วเราควรซื้อหรือป่าว ?? * ส่วนประเด็นที่ว่าทองมีต้นทุนผลิตอย่างต่ำๆที่ 800-900 ดอลล์ บวกค่าพรีเมี่ยมนู่นนี่เข้าไปอีก ต่อให้ลงก็คงไม่ต่ำว่านั้น ผมว่าไม่เกี่ยวหรอกครับ ผมว่าที่ตุ้นทุนมันสูงเพราะทองมันเป็นขาขึ้นนี่แหละ ต้นทุนมันถึงสูง อันนี้ขอเปรียบเทียบกับกิจการที่มีลักษณะเป็นวัฎจักรอย่างการก่อสร้างอสังหาน่ะครับ แน่นอนถ้าภาพรวมของเศรษฐกิจเป็นขาขึ้น ค่าครองชีพ เงินเฟ้ออะไรต่างๆย่อมต้องสูงขึ้น ซึ่งจะไปทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น -> เครื่องจักร วัสดูก่อสร้างพวก ปูน ซีเมนต์ ค่าจ้างพนักงาน ราคาสูงขึ้น -> ต้นทุนอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นนั่นเอง พอฟองสบู่แตกต้นทุนตรงนี้ก็จะตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว(และมักจะลดลงต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นมากๆด้วย เพราะพื้นฐานจิตวิทยาแล้วคนมักจะ panic buy , panic sell) * ดอลล่าจะกลายเป็นกระดาษ ? ผมว่าไม่หรอกครับ เพราะอะไร ? สิ่งที่ผมเห็นคืออเมริกาก็ยังคงเป็นอเมริกาอย่างที่เคยเป็นมา อเมริกาเป็นประเทศที่มี innovation เทคโนโลยี อะไรต่างๆเขาก็เป็นหัวหอกทั้งนั้น บุคลากรชั้นยอดจากอินเดีย จีนผมเห็นสมองไหลไปมะกันหมด พวก emerging technology อย่าง พันธุวิศวกรรม , นาโนเทคโนโลยี , anti-age drug ,wireless technology(เดี๋ยวนี้มีส่งพลังงานไฟฟ้าแบบ wireless แล้วด้วย ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก),rollable display พวกนี้คุณเคยเห็นสักอย่างที่จีนเคยนำร่องมาก่อนมั้ยล่ะครับ ผมเห็นมีอเมริกากับยุโรปเท่านั้นแหละที่กำลังทำ research เรื่องพวกนี้อยู่ คือถ้าจะเปรียบอเมริกาเป็นหุ้นผมว่ามันก็คือหุ้นชั้นยอดตัวนึงที่กักเก็บ hidden asset อยู่เพียงแต่ตอนนี้ถูกถาโถมด้วยข่าวร้ายๆทำให้มันไม่สามารถแสดงคุณค่าที่แท้จริงหรือพูดง่ายๆก็คือมันคือหุ้นชั้นยอดที่ราคาถูกมากๆนั่นเอง (เฮียบัฟเฟตมาเห็นคงน้ำลายสอเลย) ส่วนจีนมีอะไร ? อย่างเดียวที่จีนทำได้ดีกว่าคือต้นทุนเท่านั้นเองครับ อย่างหัวเหว่ยที่ไล่ตีบริษัทผลิตไอทีในมะกันซะกระเจิงในตอนนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวคือต้นทุนเขาต่ำกว่าทำให้สามารฮุบงานประมูลหลายๆชิ้นไปได้ ซึ่งไอ้ของแบบนี้ผมว่ามันเป็นปัจจัยระยะสั้นๆเท่านั้นไม่ได้ยั่งยืนอะไร พอประชาชนจีนความเป็นอยู่เริ่มดีขึ้นแต้มต่อตรงนี้จะค่อยๆหมดไป อีกอย่างธรรมชาติของตลาดเกิดใหม่มักจะต้องเจอกับฟองสบู่แตกหนักๆแบบที่พวกเราเคยเจอกันซึ่งจีนผมว่ายังไม่เคยเจอกับอะไรแบบนั้นเลยนะ * ประเด็นที่ว่าคนส่วนใหญ่มองทองเป็นขาขึ้นหมดหรือยังผมว่าเราควรนับเฉพาะ player ที่อยู่ในตลาดจริงๆครับ คือจะไปถามคนอื่นที่ไม่รู้และไม่ได้สนใจอะไรมากมายปัจจัยทางจิตวิทยาที่จะกระทบมันก็มีน้อย อย่างตอนหุ้นไทยอยู่ 1500 - 1600 แม่ผมก็บอกนี่มันบ้าชัดๆ แต่ถ้าไปถามน้าผมหลายๆคนที่เขาจดจ่อกับตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันคือ "ถ้าลงต่อก็จะซื้อ ดอยไม่นานเดี๋ยวมันก็ขึ้น" ลองพิจรณาพวกเราๆที่ติดตามทองมาตลอดสิครับว่าส่วนใหญ่คิดยังไง หรือไปดูในห้องสินธรก้ได้ ส่วนใหญ่จะบอกกันว่า "soros ขายหมู" * ผมไม่อยากฟันธงแบบคุณ ton หรือคุณพิชัยน่ะครับว่ามันจะไปไม่เกิน 1600 ดอลล์ / ออนซ์ คือถ้าลองดูธรรมชาติของตลาดเก็งกำไรแล้วเนี่ยจะพบว่าในจังหวะสุดท้ายก่อนมันจะกลายเป็นขาลงแบบแรงๆนั้น แท่งเทียนระดับ week / month จะเป็นแท่งเขียวแบบเว่อร์มากๆ หรือเข้ากับคำที่ว่า ไฟจะสว่างที่สุดก็ก่อนที่มันใกล้มอด น่ะครับ ลองเปิด efinance แล้วดูหุ้นไทยช่วงต้มยำกุ้ง , nymex , BDI สิครับ อาจจะบวกมาเกินกว่า 50% เลยที่เดียวภายในระยะเวลาที่สั้นมากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีอะไรกำหนดได้หรอกครับว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้นหรือป่าวแต่กราฟ gold ผมยังไม่เห็น pattern แบบนั้นเลยนะ แต่ประเด็นคือคนที่เข้าไปลงทุนในอะไรสักอย่างที่อยู่ในช่วงที่สิ่งนั้นๆดูสิ้นหวังผม่ไม่เคยเห็นใครขาดทุนเลยครับ ตรงกันข้ามคนที่เข้าไปลงทุนกับอะไรสักอย่างที่มีแต่เรื่องดีๆแล้วสุดท้ายจะรอดออกมาได้ผมว่ามีน้อยนะ (น้าผม "ทุกคน" เลิกสนใจตลาดหุ้นมานานละครับ) ที่ผมอยากสื่อคือที่ว่าจุดนี้ "peak" แล้วหรือป่าวผมว่าไม่สำคัญเท่ากับจุดนี้คือ "จังหวะ" ที่ใช่หรือป่าวนะครับ โชคดีในการลุงทุนนะครับทุกท่าน
×
×
  • สร้างใหม่...