khot

ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆ เยอะจริง bloomberg บอกอย่าง mineweb บอกอีกอย่าง http://www.bloomberg.com/news/2014-02-25/china-s-gold-shipments-from-hong-kong-decline-as-demand-weakens.html http://www.mineweb.com/mineweb/content/en/mineweb-gold-analysis?oid=230736&sn=Detail

เข้าใจว่า เครื่องยิงตาข่ายครับ ^^

ผมว่าผ่านครับ ^^ ตามมาด้วย http://www.silverdoctors.com/stewart-thomson-perfect-storm-of-demand-to-send-gold-to-2800/

ไม่มีอะไรหยุดยั้งเขาได้อีกแล้ว ^^ ทางโล่งผ่านสะดวก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000016744

Democratic Revolution by WE THE THAI PEOPLE November 30, 2013 at 11:45pm ไม่ว่าเหตุการณ์ประท้วงรัฐบาลครั้งนี้จะไปจบที่ไหน อย่างไร ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนทุกคน (เน้นคำว่า “ประชาชน” ซี่งจากนี้ไปจะหมายถึงคนไทยทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อฟ้า เสื้อหลากสี เสื้อกากี หรือไม่มีสีจะต้องมองข้ามความขัดแย้งนี้ และออกมาร่วมกันปฏิรูปประเทศกัน (หรือต้องใช้คำว่า “ปฏิวัติ”?) ... จะด้วยวิธีการใดก็ไม่ทราบ ... รู้อยู่อย่างนึงว่าถ้ามีการตั้งสภาปฏิรูปหรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกชื่อ จะต้องไม่มีนักการเมืองเป็นผู้นำ ... นักการเมืองจะเป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ ...“ประชาชน” จะต้องเป็นผู้นำ เพราะเราคือ “ผู้มีอำนาจ” ที่แท้จริง “ประชาชน” จะเสนอหลักการ วิธีการ และเรื่องต่างๆ มาให้พิจารณากันเพื่อออกเป็นมติมหาชนให้นักการเมือง และผู้มีอำนาจไปจัดการแก้รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กฎกระทรวง ฯลฯ ให้เป็นไปตามที่เราระบุไว้ ... ในการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคการเมืองไม่ต้องมาบอกว่าจะให้อะไรเรา ... เราจะ “สั่ง” พรรคการเมืองว่าหลังเลือกตั้งแล้วเขาจะต้องไปทำอะไรให้เราบ้าง หลายคนได้เสนอไปบ้างแล้วว่าควรปฏิรูปอะไรบ้าง สำหรับผม ผมจะเสนอเรื่องให้สภาปฏิรูปพิจารณาเป็นมติมหาชนซัก 5 ข้อดังนี้ครับ 1) “ประชาชน” จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของประเทศโดยตรง สส. สว. และ ครม. จะไม่มีอำนาจนี้อีกต่อไป ... “เรื่องสำคัญ” นี้จะรวมอะไรบ้างคงต้องมาตกลงกัน แต่อย่างน้อยต้องรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ไม่ว่าจะมาตราไหนก็ตาม) การอนุมัติงบประมาณรายรับรายจ่ายประจำปีของประเทศ การลงทุนในโครงการที่เกิน 1,000 ล้านบาท ... วิธีการคือต้องมาทำประชามติในเรื่องดังกล่าวนี้ทุกครั้ง ดังนั้นปีนึงอาจต้องมีประชามติซัก 4-5 ครั้ง บางคนอาจบอกว่ามันเสียเงิน และเสียเวลาเกินไป แต่ผมว่านี่แหละคือวิธีการทำให้ “ประชาชน” มีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ใช่แค่การหย่อนบัตรเลือกตั้งเลือกสส. ทุก 4 ปีเท่านั้น แล้วเราก็ต้องมานั่งฟังนักการเมืองพล่ามว่าเขาได้รับเสียงส่วนใหญ่มาแล้ว ... เราเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ ได้ ทำไมจะเสียอีกซักหมื่นล้านบาทต่อปีเพื่อสร้างความเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันไม่ได้ หลายคนจะบอกว่า แล้วคนที่ไม่รู้เรื่องจะลงมติได้หรือ ไม่ก็คิดว่าเดี๋ยวก็มีคนรับเงินมาลงมติให้หรอก ... ผมว่าถ้าเขาเหล่านั้นได้มีโอกาสแสดงสิทธิ์ได้บ่อยๆ เขาก็จะสามารถรับฟังข้อมูลรอบด้าน วิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ไม่รู้เรื่อง ปีหน้าก็จะรู้มากกว่าปีนี้ มันจะมาจากประสบการณ์ครับ ... แล้วคนที่คิดจะจ่ายเงินซื้อเสียงก็ต้องเตรียมเงินไว้เยอะหน่อยนะ เพราะต้องจ่ายบ่อยขึ้น 2) ผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศจะต้องมีความโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สิน หนี้สิน ตำแหน่งกรรมการ ฯลฯ ทั้งหมดของตนเอง และครอบครัว ให้ประชาชนรับทราบ ... ผู้มีอำนาจนี้นอกเหนือจาก ครม. สส. สว. แล้ว จะรวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (เช่น ซี 9 ขึ้นไป) ทุกคนด้วย (รวมทั้งศาล ทหาร ตำรวจ) 3) การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์กับประชาชนจะต้องมีความหลากหลาย ... สถานีโทรทัศน์ของรัฐทุกสถานีจะต้องมีเวลาให้ผู้นำฝ่ายรัฐบาล และผู้นำฝ่ายค้านสื่อสารกับประชาชนได้อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งชั่วโมงในช่วง 18:00-19:00 น. 4) กระบวนการยุติธรรมจะต้องมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากกว่านี้ ... จะต้องไม่มีคดีไหนที่จะใช้เวลาเกิน 4 ปี ตั้งแต่เรื่องถึงศาลชั้นต้นจนไปถึงการตัดสินโดยศาลฎีกา ... ถ้าตำรวจ DSI หรืออัยการทำงานช้า ผู้เสียหาย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำคดีขึ้นถึงศาลได้โดยตรง ... บทลงโทษที่เป็นตัวเงินของการคอรัปชั่นคือ 200% ของจำนวนเงินที่ได้ไปโดยมิชอบ 5) สส. และ สว. จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองการกระทำผิดกฎหมายอีกต่อไป มาครับ มาช่วยกันออกความเห็นเพิ่มกัน ... ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ “ประชาชน” อย่างคูณกับผมจะต้องเป็นผู้นำการปฏิรูปประเทศในครั้งนี้ ... เราปล่อยอำนาจของเราไปให้นักการเมืองมานานเกินพอแล้ว เรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ 30 พฤศจิกายน 2556 https://www.facebook.com/notes/reungvit-nandhabiwat/democratic-revolution-by-we-the-thai-people/620949027950798

สาธุครับ

ขอบคุณครับ หมายถึงว่า ขณะที่โดนทุบ 1500 สัญญาในตลาดกระดาษซึ่งต้องมีการส่งมอบจริงๆ อีก 1-2 เดือน ขณะเดียวกันก็ขายในตลาดเงินสดก่อนที่ราคาตลาดเงินสดจะลง เพราะต้องซื้อขายด้วยเงินจริงจะไม่ลงหรือขึ้นเร็วกว่าตลาดกระดาษ ขณะดียวกันอีกก็ซื้อในตลาดกระดาษ สมมุติปริมาณเท่ากับทองที่ขายในตลาดเงินสด รอรับในเวลาข้างหน้า ทำให้ได้กำไรส่วนต่าง และได้ทองกลับมาในเวลาข้างหน้าใช่มั้ยครับ

ขอบคุณครับ รบกวนช่วยอธิบายเรื่องนี้เพิ่มหน่อยได้มั้ยครับ ไม่ค่อยเข้าใจเลย

ต้องขอโทษด้วยครับ ผมเข้าใจว่าอย่างนี้ จีนมี foreign-exchange reserves สินทรัพย์ของธนาคารกลางที่อยู่ในหลายสกุลเงิน เช่น เงินสกุลต่างๆ(ในรูปของเงินฝาก),ทองคำ,สิทธิพิเศษในการถอนเงิน (Special Drawing Rights ย่อ - SDRs) และ การจัดอันดับเงินสำรองจาก IMF รวมๆกัน ประมาณ $3.66 trillion. แต่เป็นพันธบัตร USA สัก 1.3 trillion dollars ที่สำคัญคือเรารู้ว่าจีนมีการลงทุน ในสินทรัพย์ต่างประเทศ ผ่านกองทุน SWF(Sovereign Wealth Fund) ประเทศจีนมีการจัดตั้ง SWF ชื่อ Central Huijin Investment Company ซึ่งในปี 2550 ทางการจีนได้ทำการควบรวมกิจการระหว่าง Central Huijin Investment Company และ China Jianjin Investment Limited และจัดตั้งองค์กรใหม่ที่มีชื่อว่า China Investment Corporation (CIC) ตรงนี้เองที่ทำให้ผมคิดว่า foreign-exchange reserves ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในรูปแบบสินทรัพย์ในสกุลต่างๆ ผ่าน SWF ซึ่งไม่ได้มีสภาพคล่องสูงมากนัก ส่วนที่มีสภาพคล่องสูงก็จะเป็นรายการอื่นๆ ไป เช่น ตราสารหนี้, ทอง ฯ รึเปล่า เนื่องจากจีนไม่ได้กังวลถึงสภาพคล่องของ foreign-exchange reserves มากนักเพราะเป็น reserves ที่ได้มาจากการเกินดุลการค้า ไม่ใช่การลงทุนของต่างประเทศเหมือนประเทศไทย. การลงทุนในรูปแบบนี้ คล้ายกับประเทศอื่นๆ ในโลกที่มีการจัดตั้งกองทุนจากเงินสำรองระหว่างประเทศ ที่ใหญ่ๆ ชัดๆ ก็มี สิงคโปร์ uae นอร์เว อีกประเด็นคือถ้าจีนจะเก็บเป็นเป็นส่วนของเงินฝากสกุล US ในประเทศต่างๆ ก็ไม่น่าจะมากเพราะเท่าที่ผ่านมาจีนไม่ค่อยเปิดเผยสัดส่วนของเงินสำรองระหว่างประเทศมากนัก การฝากเงินในต่างประเทศจะทำให้ตรวจสอบได้ง่าย จึงน่าจะไม่ใช่ส่วนใหญ่ ดังนั้นเลยคิดว่า การที่จีนเลิกสะสมดอลล์ลา จึงหมายถึงการที่จะเลิกสะสมพันบัตร US รึเปล่าครับ

ผมเข้าใจว่าก็คือเลิกซื้อพันธบัตรสกุล USD แหล่ะครับ เพราะจะเก็บเงินในรูปของ USD คือซื้อเป็นพันธบัตร ไม่น่าจะเก็บเป็นเงินดอลล์ อาจมีบ้างบางส่วน ที่สำคัญคือจะขายที่มีอยู่ออกมาเมื่อไร เพราะด้อยค่าลงทุกวัน แต่จีนคงต้องรอให้พร้อมถึงที่สุดก่อน เค้าคงไม่มองอะไรด้านเดียวแน่เลยครับ อยากให้ถึงตอนนั้นเร็วๆ จัง อยากรู้จะเป็นไงต่อไป ใครมองว่าอย่างไร ช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะครับ ขอบคุณครับ

ผมควรเอาทองออกมาขายก่อนดีมั้ยครับ กลัวเลย

ขอบคุณครับ เคยอ่านผ่านไปแล้ว พอเจอสถาณการณ์จริง ลืม กังวล 55 (มือใหม่จริงๆ) เดือนที่มีการส่งมอง พอหาข้อมูลได้จากไหนบ้างครับ ขอบคุณครับ

เค้าจะทุบไปเพื่ออะไร ในเมื่อทุบไปก็มีคนรอเก็บของราคาถูกไปอยู่แล้ว หรือเพื่อหนีตาย รักษาค่าเงิน USD ไว้เหรอครับ