ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

Chicken Little

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    545
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย Chicken Little

  1. เห็นข่าวโบรกว่า pttgc ประมาณ 95 บ.ต่อหุ้นครับ pttar แลกได้ 2 หุ้น ต่อ 1 หุ้นใหม่ (ประมาณแบบข่าวก็คงให้ราคาถึง 47.5 บ. ก่อนควบรวม) ส่วน pttch แลกได้ 1 หุ้น ต่อ 2 หุ้นใหม่ (ประมาณแบบข่าวก็คงให้ราคาถึง 190 บ. ก่อนควบรวม) ราคาแถวนั้นจะเข้าใกล้ๆในช่วงเดือน ส.ค. ต้องลุ้นอีกทางคือราคาน้ำมันดิบจะยืนเหนือระดับ 105-110 เหรียญ
  2. ต่างชาติขาย -1,015 ลบ. + กองทุนขาย -552 ลบ. รายย่อยซื้อไว้ +1,068 ลบ.
  3. PTTAR - PTTCH รอ PTTGC PTTAR - PTTCH พุ่งทะยานสวนตลาด หลังโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ"รอแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ PTTGC ที่คาดเข้าเทรดเดือนส.ค.นี้ พร้อมมองอนาคตบริษัทใหม่แจ่ม - ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของตลท. ขณะที่แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง และกำลังเข้าสู่ Super Cycle ในปี 2013 มองราคาเหมาะสมของ PTTAR อยู่ที่ 42, 46.85และ48 บาท ส่วน PTTCH อยู่ที่ 180 และ194-195 บาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้(6 ก.ค. 54)ราคาหุ้น บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) และ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น สวนทิศทางตลาดที่เคลื่อนไหวในทิศทางขาลง หลังโบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"เพื่อนำไปแลกหุ้นในบริษัทใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในเดือนส.ค. พร้อมมองผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ทั้งนี้ ราคาหุ้น PTTAR และ PTTCH ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขาย โดย PTTAR เปิดการซื้อขายที่ระดับ 39.25 บาท ก่อนที่จะทะยานแตะระดับสูงสุดที่ 40.75 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมา ปิดตลาดที่ระดับ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น0.50 บาทหรือ 1.27% มูลค่าการซื้อขาย 1,462.82ล้านบาท ส่วน PTTCH เปิดการซื้อขายที่ ระดับ 155.50 บาท ก่อนจะทะยานแตะระดับสูงสุดของวันที่ ระดับ 160.00 บาท และอ่อนตัวลงมาปิดตลาดที่ 155.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50บาทหรือ 0.32%มูลค่าการซื้อขาย 1,819.18ล้านบาท ส่วน SET Index ปิดที่ 1072.68 จุด ลดลง 11.91 จุดหรือ 1.10 % มูลค่าการซื้อขาย 36,426.53ล้านบาท ***KEST แนะซื้อ PTTAR -PTTCH รอแลกหุ้นPTTGC คาดเข้าเทรดครึ่งแรกเดือนส.ค. เชื่อผลงานบริษัทใหม่แจ่ม *** ฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) (KEST)แนะนำซื้อหุ้นบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) และ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) เพื่อนำไปแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (PTT Global Chemical, PTTGC) ที่คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสมบูรณ์และบริษัทใหม่จะเข้าซื้อขายในตลาดฯ ได้ตามแผนในช่วงครึ่งแรกของเดือน ส.ค. บริษัทใหม่มีแนวโน้มผลประกอบการที่โดดเด่น จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ จากโรงงานโอเลฟินส์แครกเกอร์ใหม่ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 2555 คาดว่าจะโตต่อเนื่องจากส่วนต่างราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในสายโอเลฟินส์ อะโรเมติกส์ รวมถึงโรงกลั่น จากการประเมินคาดว่าบริษัทใหม่จะมีกำไรเติบโต (ยังไม่หักรายการระหว่างกันและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น) ในช่วงปี 2553-2555 ด้วย CAGR ที่ 51.0% ณ. ราคาปัจจุบันของหุ้นบริษัทใหม่ที่คำนวณจากราคาปัจจุบันของ PTTAR และ PTTCH ยังมี upside จากราคาเป้าหมายที่คำนวณเบื้องต้นจากราคาเป้าหมายของ PTTAR และ PTTCH ที่ 95 บาทต่อหุ้น อยู่อีก 21% (ราคาเป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวมผลประโยชน์จากการควบรวม) ทั้งนี้ยังคงมุมมองที่ว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะกลับมาดูโดดเด่นอีกครั้งในช่วง H2/54 แม้ว่าในปัจจุบันส่วนต่างราคาสำหรับผลิตภัณฑ์หลักจะอ่อนตัวลงจากในไตรมาส 1/54 เนื่องจากความต้องการใช้โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่ชะลอตัว จากมาตรการควบคุมสินเชื่อของจีน และ ปริมาณสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน ประเมินว่าส่วนต่างราคา HDPE ปัจจุบันที่อยู่ในช่วง 300-400 เหรียญต่อตันถือว่าอยู่ในช่วงต่ำสุด เมื่อเทียบจากต้นทุนการผลิต (Cash cost) ปัจจุบันของผู้ผลิตแนฟทาอยู่ที่ 300 เหรียญต่อตัน โดยคาดว่าส่วนต่างจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์จะเริ่มกลับมาอีกครั้งในช่วง 2H54 จากแนวโน้มสต๊อกที่ลดลง รวมถึงภาวะอุปทานที่มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่จะมีความโดดเด่นในปีหน้าได้แก่ LDPE MEG และ PX ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในปี 2555 อย่างไรก็ดีคาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จและ บริษัทใหม่ (PTT Global Chemical, PTTGC) จะเริ่มซื้อขายได้ตามกำหนดเวลาในช่วงครึ่งแรกเดือน ส.ค. ในมุมมอง ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสอดรับกับช่วงเวลาที่คาดว่าแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีจะเริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้บริษัทใหม่จะมีความน่าสนใจที่มากขึ้นทั้งจาก 1) กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และจะเป็น flagship ของ PTT ในธุรกิจปิโตรเคมีในอนาคต 2) โอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนต่างกำไรมากขึ้นแต่มีความผันผวนที่เป็นวัฏจักรลดลง 3) มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 4) แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่เป็นขาขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นภายหลังการควบรวม โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะอยู่ที่ 0.5 เท่า ซึ่งจะทำให้การจัดอันดับเครดิตโดยภาพรวมดูดีขึ้น มีต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง และสามารถต่อยอดไปสู่การลงทุนเพิ่มเติมได้ในอนาคตจากโครงการ Synergy ที่อยู่ในแผนของบริษัท ทั้งนี้ผลบวกจากการควบรวมในระยะยาวตามที่บริษัทประเมินอยู่ที่ 80.2-154.1 ล้านเหรียญต่อปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้ในปี 2556 เนื่องจากการลงทุนส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้ผลกำไรในปี 2556 และจะรับรู้เต็มที่ในปี 2558 เป็นต้นไป โดยใช้เงินลงทุนรวมอยู่ที่ 92 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามในระยะสั้นภายหลังจากการควบรวมผลประโยชน์ดังกล่าวจะมีอย่างจำกัด KEST แนะนำให้ ซื้อ หุ้น PTTAR และ PTTCH ราคาเหมาะสมของ PTTAR อยู่ที่ 48 บาท และ PTTCH อยู่ที่ 195 บาท เพื่อนำไปแลกเป็น PTTGC เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่โดดเด่น เราคาดว่าบริษัทใหม่จะมีกำไรเติบโต (ยังไม่หักรายการระหว่างกันและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวม) ในช่วงปี 2553-2555 ด้วย CAGR ที่ 51.0% หากประเมินเบื้องต้นจากอัตราส่วนการแลกหุ้นที่ราคาเหมาะสมของ PTTGC หลังจากการควบรวมอยู่ที่ 95 บาท ต่อหุ้น คิดเป็น PER ในปีนี้ที่ 13.6 เท่า ถือว่าถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตปิโตรเคมีอื่นในภูมิภาค โดยประเมินจากกำไรปีนี้ที่ 31,639 ล้านบาท หรือคิดเป็น กำไรประมาณ 7.0 บาทต่อหุ้น ***CGS มอง PTTAR -PTTCH น่าลงทุน เพื่อรอแลกหุ้นบริษัทใหม่*** นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) กล่าวว่า หากพิจารณาเฉพาะปัจจัยในตัวหุ้น PTTAR และ PTTCH ถือว่าน่าสนใจในการลงทุน สำหรับการนำไปแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ (PTT Global Chemical, PTTGC) ที่มองว่าราคาหุ้นไม่สูงนัก ประกอบกับค่า P/E อยู่ที่เพียง 10-11 เท่า เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีความเหมาะสมในการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณามากกว่านั้น ได้แก่ แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งมีโอกาสอ่อนตัวลง และอาจทำให้ราคาหุ้นของทั้ง PTTAR และ PTTCH ไม่สามารถยืนอยู่ได้ และอาจจำเป็นต้องขายเพื่อลงทุนตามตลาดรวม "เรามองปัจจัยตลาดสำคัญกว่าตัวหุ้น เพราะ 1-2 วันที่ผ่านมาหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ขึ้นเยอะ และตอนนี้ก็มีแรงขายเข้ามาเยอะ อาจทำให้ราคาหุ้นยืนไม่อยู่ ซึ่งถ้าตลาดอ่อนลงก็อาจต้องขายตามเหมือนกัน" นักวิเคราะห์ กล่าว นอกจากนี้ มองว่าปัจจัยด้านพื้นฐานของหุ้นใหม่ภายหลังการควบรวมอาจยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจมากนัก โดยประเมินว่าต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ PTTAR และ PTTCH อยู่ที่ 42 บาท และ 180 บาท ตามลำดับ ***บล.โกลเบล็ก เชียร์ซื้อ PTTAR รอแลกหุ้นใหม่ ชี้ แนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง*** ด้านบทวิเคราะห์บล.โกลเบล็ก ประเมิน PTAR ว่า คาดการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ PTTCH จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนส.ค.การควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ PTTCH คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเข้าซื้อขายในนามของบริษัทใหม่ได้ในช่วงปลายเดือนส.ค.54 ส่วนหุ้นของ PTTAR และ PTTCH จะขึ้น SP ก่อนหุ้นใหม่เข้าซื้อขายประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนผลประกอบการ Q3/54 จะเป็นไตรมาสแรก สำหรับการรายงานผลประกอบการของบริษัทใหม่ซึ่งเป็นการรวมงบการเงินของ PTTAR และ PTTCH อย่างไรก็ตามในส่วนของ PTTAR (โรงกลั่นและอะโรเมติกซ์) คาดว่ากำไรที่ออกมาชะลอตัวใน Q2/54 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีและจะปรับตัวสูงขึ้นใน Q3/54 โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของปิโตรฯเพราะคาดว่าจะได้ประโยชน์จากภาวะ Supply ตึงตัวหลังโรง PTA กำลังการผลิต 3 ล้านตันในจีนจะเริ่มผลิต ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทใหม่(PTTAR+PTTCH)ในเบื้องต้น คาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปีนี้ประมาณ 28,000 ล้านบาท(EPS 6.23 บาท) คงคำแนะนำ 'ซื้อ' โดยมีราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 46.85 บาท ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายของ PTTAR บนราคาเป้าหมายของหุ้นใหม่และ Swap Ratio ที่กำหนด โดยหุ้นใหม่ คำนวณเป้าหมายด้วยวิธ๊ P/E Ratio อิง Prospective P/E ที่ 15 เท่าและ EPS ปี 54 ที่ 6.23 บาท จะได้ราคาเหมาะสมในปี 54 ที่ 93.45 บาท หรือคิดเป็นเป้าหมายของ PTTAR ตาม Swap Ratio ที่ 1 หุ้น PTTAR แลกได้ 0.501296 หุ้นใหม่จะได้ราคาเหมาะสมที่ 46.85 บาท ดังนั้นในระยะสั้นราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากถูกกดดันจากแนวโน้มผลประกอบการ Q2/54 ที่ชะลอตัวจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อแลกเป็นหุ้นใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากการควบรวม *** บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะซื้อ PTTCH ให้ราคาเป้าหมาย 195 บาท/หุ้นมองบริษัทใหม่หลังควบรวมมีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของตลท. *** ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส คาดว่าผลประกอบการ Q2/11 ของ PTTCH จะมีกำไรสุทธิ 5,458 ลบ. เล็กน้อย Q-Q แต่เพิ่มขึ้น +135% Y-Y สาเหตุหลักมาจากปริมาณการที่เพิ่มขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y แต่ Margin Q-Q อ่อนตัวเล็กน้อยจากต้นทุนการวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่ใช้ผลิตเพิ่มขึ้น คาดว่าประกาศงบวันที่ 29 สิงหาคม 2011 1) ราคาปิโตรเคมีที่ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยราคาเอทิลีนเฉลี่ยใน 2Q11 ปรับขึ้น +3%Q-Q และ +17%Y-Y มาอยู่ที่ 1,272 ดอลลาร์/ตัน ราคาเม็ดพลาสติก HDPE ปรับขึ้น +1%Q-Q และ +17%Y-Y มาอยู่ที่ 1,331 ดอลลาร์/ตัน และราคา MEG -7%Q-Q แต่ +13%Y-Y มาอยู่ที่ 1,160 ดอลลาร์/ตัน 2) Margin แคบลง Q-Q เล็กน้อย แม้โรงงานปิโตรเคมีของ PTTCH ใช้ก๊าซอีเทน 85%เป็นวัตถุดิบในการผลิตและมีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 530 เป็น 540 ดอลลาร์/ตัน แต่ส่วนที่เหลือ 15% ที่ใช้ Naphtha เป็นวัถตุดิบในการผลิตราคาNaphtha ปรับขึ้นจาก 900 เป็น 1,000 ดอลลาร์/ตัน 3) อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 85% จาก 78%ใน 1Q11 คงประมาณการกำไรปี 2011 เท่าเดิมที่ 2.24 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 117.7% ภายใต้สมมติฐานราคาเอทิลีนปี 2011 จาก 1,200 ดอลลาร์/ตัน และ HDPE 1,400 ดอลลาร์/ตัน และ Margin ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานเอทิลีนใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสูงและมี Value Chain กับโรงงานเม็ดพลาสติกใหม่ รวมทั้งยังได้สิทธิพิเศษทางภาษีจากโรงงานแห่งใหม่ด้วย ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 195 บาท/หุ้น (อิง P/E 13 เท่าในปี 2011) อย่างไรก็ดีเนื่องจาก PTTCH อยู่ระหว่างการควบรวมกับ PTTAR โดยการ SWAP หุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้น PTTCH ได้ประมาณ 1.98 หุ้น บริษัทใหม่ ซึ่งเทียบได้กับราคาหุ้นบริษัทใหม่อยู่ที่ 74.25 บาท/หุ้น (กรณีราคา PTTCH อยู่ที่ 147 บาท) สำหรับราคาหุ้นบริษัทใหม่ประเมินมูลค่าเบื้องต้นอยู่ที่ 98 บาท/หุ้น หรือ คิดเป็นราคาหุ้น PTTCH ที่ 194 บาท/หุ้น นอกจากนี้ธุรกิจปิโตรฯกำลังเข้าสู่ Super Cycle ในปี 2013 ทำให้กลายเป็นโอกาสของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง PTTCH และ PTTAR ที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มา http://www.efinancethai.com/hotnews/hot/index.aspx?name=h_060711h&release=y
  4. น้ำมันค่อยๆไต่ขึ้น แนวต้าน 97.70 เหรียญ ผ่านได้มีโอกาศไปทดสอบ 98.50 เหรียญ ต่อไป
  5. กองทุนจัดหนักขาย -3,007 ลบ. ต่างชาติซื้อ +179 ลบ. + รายย่อยซื้อ +2,585 ลบ.
  6. ช่วงนี้ต่างชาติกลับมาใหม่ กลุ่มแรกๆเลยก็คงเป็น แบงค์กับพลังงาน นะครับ กลุ่มอื่นๆถึงจะขยับตามมา
  7. รายวัน กลับมาแนว 97 เหรียญได้อีกครั้ง รอลุ้นผ่านแนว 97.5 เหรียญ ถ้ายืนได้ มีโอกาสกลับไปทดสอบ 100 เหรียญ รายสัปดาห์
  8. วันนี้คาดว่านักลงทุนในกองทุนรวมเทขายหน่วยลงทุน NAV. กันมากพิเศษ ราคาปิดในหุ้นใหญ่ๆกระโดดลบลง 1-2 ช่อง กันหลายตัว คืนนี้ลุ้นน้ำมันเด้งแรง กลุ่มพลังงานคงพาเซตไปทดสอบ 1100-1110 กันต่อ ^ ^ (ส่วนตัววันนี้เก็บ pttar top irpc ลุ้นต่อ)
  9. น้ำมันคืนนี้ลุ้นผ่านด่าน 95.60 เหรียญ ถ้ายืนได้มีโอกาสไต่ไปทดสอบ 97.50 เป็นด่านต่อไป
  10. พี่ต่างชาติยังจัดหนักซื้อ +4,435 ลบ. โดยรายย่อยขาย -3,115 ลบ. พี่กองทุนขาย -1,452 ลบ.
  11. พี่ต่างชาติจัดหนักซื้อไป +10,703 ลบ. พี่กองทุนซื้อเพิ่ม +4,524 ลบ. + โบรกเกอร์ซื้อเพิ่มอีก +1616 ลบ. โดยมีรายย่อยร่วมกันกระหน่ำขาย -16,844 ลบ. !uu
  12. ช่วงท้ายตลาดตัวนี้นึกว่าจะปิดที่ 21 บ. เหมือนกันครับ สู้กันที่แถวๆ 20.8 บ.ช่วงท้ายสนุกที่เดียว วันจันทร์ 4ก.ค.54 เมื่อเข้า set100 เป็นทางการในวันแรกน่าจะดูดีขึ้น (P/E = 4.18 ปันผล 1.35 บ. XD 3ส.ค54 งวดครึ่งปีหลัง) ราคาตอนนี้เมื่อเทียบกับบริษัทแนวเดียวกันอย่าง AJ ค่อนข้างแปลกๆ ปกติ PTL จะเป็นตัวชี้นำกลุ่ม แต่ตอนนี้กลายเป็น AJ ชี้นำกลุ่มนี้ไปแล้ว (ข่าวล่าสุด พวกบทวิเคราะห์โบรกเกอร์ ให้ P/E ของ AJ ไป 16 เท่า 70 บ. แต่ให้ PTL ที่ P/E 6-7 เท่า ก็งงเต็กเหมือนกันครับ ^^) อาจเพราะกองทุน+โบรกเกอร์ เพิ่งรับล็อตใหญ่หุ้นตัวนี้มาในราคา 25 บ. จึงทำราคาได้ดีกว่า
  13. พี่กองทุนซื้อ +1,969 ลบ. + ต่างชาติซื้อ +2,134 ลบ. โดยมีรายย่อยรวมกันขายอีก -3,868 ลบ. พักนี่กองทุนเก็บสะสมต่อเนื่องหลายวัน ^ ^
  14. น้ำมันรีบาว์นกลับมาแถว 95 เหรียญ ได้อีกครั้ง โดยมีแนว 97-98 เหรียญเป็นแนวต้านต่อไป DBO = 28.65 (+2.21%) คาดว่า K-oil ประมาณ 10.67xx
  15. กองทุนจัดหนักซื้อ +4,040 ลบ. + ต่างชาติร่วมกลับมาซื้อ +2,147 ลบ. โดยรายย่อยขายหนัก -6,167 ลบ.
  16. รายวัน 28/06/11 น้ำมันถ้าไม่มีไหลต่ำกว่าเมื่อคืนวันศุกร์24มิ.ย 54 คงได้ลุ้นการจบ c ของ 4 เพื่อเริ่มต้นคลื่น 5 ต่อไป DBO ปิด 28.03 (+1.82%) คงประมาณ K-oil ได้ 10.44xx รายสัปดาห์ ระยะยาวยังคงมุ่งหน้าต่อ
  17. ปัจจัยต่างๆเข้ามาได้จังหวะเดียวกันครับ ตลาดการลงทุนก็เงียบไปหลายสัปดาห์ บ้านเราคงรอผลการเลือกตั้ง การจัดรัฐบาลใหม่ ในต้นสัปดาห์หน้าคงลุ้นกันน่าดู ส่วนต่างประเทศก็เรื่องกรีซ + ทางด้าน IEA ออกมาบอกจะระบายน้ำมันสำรอง (ปกติใช้กรณี การเกิดภัยพิบัติ หรือ สงครามเท่านั้น) เที่ยวนี้ ถ้ายังปรามหรือเบรกเหล่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์ไม่ไหว ราคาน้ำมันคงน่ากลัวมากๆจนอาจเป็นเหมือนปี2008 อีกรอบ !023
  18. วันนี้กองทุนจัดหนักซื้อไว้ +1,512 ลบ. ต่างชาติยังคงขายต่อเนื่อง -1,332 ลบ.
  19. ช่วงนี้คงรอความชัดเจนต่างๆอยู่ ทั้งเรื่องกรีซ เรื่องผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. ระยะนี่คงมองตลาดเฉยๆกันเป็นส่วนใหญ่ วันนี้กลับมาดูกราฟน้ำำมันอีกครั้ง หลังหลุด 95 เหรียญ มีลุ้นรีบาว์นกลับไป 93-94 เหรียญ ในระยะใกล้นี่ วันนี้เก็บ pttar ลุ้นสั้นๆสัก 3-4 ช่อง (ถ้าคืนนี้หลุด 89 เหรียญ พรุ่งนี้ก็คัดดูโอกาสต่อไป ^ ^)
  20. วันนี้เป็นอีกวันที่เจ้าโหดได้ใจมากครับ ส่วนใหญ่คนที่เก็บมาตอน 25-22 บ. แทบจะยอมมอบตัวกันหมดแล้ว สำหรับผมตอนนี้อาจทำใจเก็บรอปันผลในปีหน้าเลยครับ เจ็บตับมากกับตัวนี้ (5ไม้ที่เก็บมาโดนทุกไม้ 24.00,23.60,23.00,22.00,21.00)
  21. เจ้ามือกดราคาเหลือ 21 บ. ค่า P/E เหลือ 4.33 ต่ำสุดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ เมื่อวานคาดว่าเจ้ามือจงใจสอยพวกบัญชีมาร์จินโดยเฉพาะครับ คงเก็บหุ้นคืนไปได้หลายเหมือนกัน (วันที่ตกหนักแบบนี้ พวกขอมาร์จินไว้จะเจ็บหนักทีเดียว) ตอนนี้คงทำใจรอลุ้นการได้เข้า SET100 ในกลางเดือนนี้ กับไปลุ้นช่วงใกล้วันปันผล 3ส.ค54 อีกครั้ง
  22. ต่างชาติเทออกมาจนหมดยอดสะสมจากต้นปี -6,311 ลบ. โดยมีรายย่อยรวมกันรับไว้ +6,407 ลบ. ต่อไปแรงเทจากต่างชาติคงน้อยลง !_08 คงต้องดูว่าผู้เล่นอย่างกองทุนจะเทอีก !ghost หรือเริ่มกลับใจรับอีกครั้ง !hh หลังเลือกตั้ง
  23. ครึ่งเช้า วันที่ 8 มิถุนายน 2554 ฝรั่ง Net sell -2,200 ลบ. ต่างชาติจัดหนักแต่เช้า !ahh
  24. ต่างชาติจัดหนักครับวันนี้ ขายออก -3,788 ลบ. โดยมีกองทุนร่วมขายออกมา - 1,250 ลบ. ส่วนรายย่อยรวมกันรับไว้ +4,417 ลบ. โบรกเกอร์รับไว้ +621 ลบ.
×
×
  • สร้างใหม่...