Chicken Little

เป็นประจำก่อนหยุดยาว ต่างชาติทุบออกมา 2004 ลบ. โดยมีกองทุนผสมโรงทุบออกมาอีก 981 ลบ. รายย่อยรับไว้ 2738 ลบ.

ครึ่งวันเช้า วันที่ 13 พ.ค.54 ต่างชาติขายสุทธิ 600 ลบ.

เมื่อวาน กองทุนขาย 791 ลบ. + ต่างชาติขาย 966 ลบ. รายย่อยรวมกันรับมา 1085 ลบ. PTL ผมคิดว่ากำลังสร้างฐานในช่วงนี้อยู่ครับ (กรณีไม่หลุด 24.00 บ. ครับ) ลุ้นผลประกอบการ ถ้าดีมาก อาจมีดันราคาอีกที (ช่วงนี้ราคาที่ขึ้นมาเพราะเดาจากงบในกลุ่มเดียวกันอย่าง aj ที่ราคาพุ่งแรงนำไปแล้ว)

ครึ่งวันเช้า 12 พ.ค.54 ต่างชาติซื้อสุทธิ 920 ลบ.

สำหรับแฟนๆบ้านปูครับ BANPU ไตรมาส 1/54 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 9.16 พันลบ. บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ งวดไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2554 สรุปได้ดังนี้ สอบทาน/ก่อนตรวจสอบ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม (หน่วย : พันบาท) ไตรมาส 1 ปี 2554 (2553) กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 9,162,997 (2,695,093) กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 33.72 (9.92) จะเห็นว่ากำไรมากขึ้นมากมายแต่ไปดูงบแล้วจะเห็นเป็นกำไรจากการขายเหมืองที่จีนไปจำนวน 8,248.26 ล้านบาท !023

เซตไทยช่วงฝรั่งบุกและเริ่มเข้าจริงจังคือ 1020-1030 ก่อนดันมาได้ที่ 1100-1110 (มาตามสูตรผลตอบแทนขั้นต่ำ 7 %) แล้วกองทุนไทยก็ทุบทุกวันจนลงมาแนว 1050 กว่าๆ (วันพฤหัส-ศุกร์ที่แล้ว จนฝรั่งต้องแบ่งทำกำไรออกมาบ้างในวันพฤหัส-ศุกร์ รวม 6000 ลบ.กว่าๆ) กองทุนเริ่มเก็บของอีกครั้งแถวๆนี้ 1050-1060 (และฝรั่งเริ่มกลับมาสะสมอีกครั้ง) กองทุนไทยปกติมักเล่นรอบกำไร 7-10% ถ้าเล่นแบบเดิม เดาทางรอบนี้ก็คงดันเซตได้ถึง 1140-1150. ครับ คงต้องดูว่าก่อนการเลือกตั้งจะมีการดันไปได้เท่าไร (จากกลุ่มทุนการเมือง) ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ ^ ^

รายย่อยรวมกันจัดหนัก ขายให้กองทุนกับต่างชาติ 6139 ลบ.

ครึ่งวันเช้า วันที่ 11 พ.ค. 2554 ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,100 ลบ.

PTL กำลังตั้งแนวที่ 25.00 (เมื่อวานปล่อยหมูไป 24.30 ใกล้ปิดต้องรับกลับที่ 24.60) ผ่านได้ คงไปที่แนว 26.50 บ. อีกครั้ง STA กลับมาที่ 30.00 บ. ผ่านได้คงกลับไปทดสอบ 32-33 บ. อีกครั้งครับ ^ ^

ชี้แจงกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/2554 เพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 20 วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 เรื่อง ชี้แจงกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2554 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เกินกว่าร้อยละ 20 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน ) (บริษัท หรือ CPALL) ขอชี้แจงถึงสาเหตุของผลการ ดำเนินงานตามงบการเงินรวม สำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2554 เพิ่มขึ้นจากงวด เดียวกันของปีก่อนเกินกว่าร้อยละ 20 ดังนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2554 มีผลกำไรสุทธิ 2,084 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจาก 1,676 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2553 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.3 เนื่องจาก 1) การขยายสาขาร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้นจาก 5,409 สาขาในไตรมาส 1 ปี 2553 เป็น 5,962 สาขา ในไตรมาส 1 ปี 2554 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 2) อัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันของร้านเดิม (ไม่รวมบัตรโทรศัพท์) ในช่วง ไตรมาส 1 ปี 2554 เทียบกับช่วงไตรมาส 1 ปี 2553 เท่ากับร้อยละ 4.7 3) การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม ลดลงจากร้อยละ 21.0 ในไตรมาส 1 ปี 2553 เป็นร้อยละ 20.6 ในไตรมาส 1 ปี 2554 จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ) รองกรรมการผู้จัดการ- การเงินและลงทุนสัมพันธ์ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ ปล.ร้านของชำแนวเดิมๆจะอยู่ได้ยากลำบากขึ้น (เห็นจำนวนสาขา และ กำไรที่เพิ่มขึ้นตลอด ของ 7-11 !023 )

ต่างชาติ ซื้อ 1809 ลบ.+ กองทุน ซื้อ 624 ลบ. งบไตรมาสแรกรายงานได้ถึงวันสุดท้าย 13 พ.ค. 54 วันนี้ออกหลายบริษัทครับ http://www.set.or.th/set/todaynews.do;jsessionid=B8550C8D9B5C71A96C65EF4DF2138368?language=th&country=TH

แปะข้อมูลเมื่อวาน กองทุนซื้อ 1,900 ลบ. + พี่ฝรั่งอีก 1,200 ลบ. (ช่วงที่ผ่านมากองทุนทุบทุกวัน จนกลับมาเก็บใหม่แถวนี้จนได้)

ต่างชาติจัดหนักเป็นวันที่สอง ขายออกมา 3,478 ลบ. !ghost โดยมีรายย่อยร่วมกันรับ 3959 ลบ. หุ้นบูลชิปทั้งหลายทั้งธนาคารและพลังงาน โดนกันถ้วนหน้า

ต่างชาติจัดหนักครับวันนี้ ขายออกมา 2,659 ลบ. โดยมีรายย่อยร่วมกันรับไว้ 3601 ลบ.

ครึ่งเช้า วันที่ 4 พฤษภาคม 2554 ฝรั่ง Net sell 500 M.

ยางพารา ปี2553 ส่งออกรวม 249,262.5 ลบ. ส่วน 3 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค. 2554) ส่งออกรวม 108,567.2 ลบ. คาดว่าปีนี้น่าจะส่งออกได้ดีมาก เช่น มูลค่าส่งออกยางแผ่นชั้น 3 ของไทย (หน่วยล้านบาท) ปี 2553 ตค. 4,591.16 พย. 5,842.36 ธค. 6,878.52 ปี 2554 มค. 7,704.91 กพ. 9,856.05 มีค. 11,355.18 จะเห็นยอดเพิ่มขึ้นทุกเดือนมากๆ ตลาดเบอร์หนึ่งในการส่งออก ยังเป็น จีน เช่นเดิม ที่มา http://www2.ops3.moc.go.th/ วันนี้ STA พึ่ง XD ไป ตอนนี้คงรอประกาศผลไตรมาสแรก (นั่งดูหาราคาเหมาะๆเก็บสะสมยาวต่อไป ^ ^)

กองทุนทุบออกมาเกือบ 2500 ลบ. (โดยมีโบรกเกอรอีก 700 กว่าๆ ลบ.) รายย่อยก็รับไว้ 2500 ลบ. + ต่างชาติสับขาหลอกรับมา 700 กว่าๆ ลบ. (เช้าขายออกมา 800 ลบ.) ปล.ช่วงนี้สารพัดข่าวลือ (ของฝ่ายจ้องทุบเก็บคืน) ยังไงถ้าต่างชาติยังไม่ทิ้งตลาดบ้านเรา ก็ยังน่าถือตามน้ำไปเรื่อยๆครับ

ivl @55.5 , cpf @30 , cpall @43.25 หุ้นในกลุ่ม cp หลังจากเจ้าสัวขาย cpf แถวๆ 29.50 ไป 2000 กว่าล้าน (ในราคานอกกระดาน) เพื่อนำเงินสดไปให้ลูกชายเพิ่มหุ้นทุนใน true ฐานรอบนี้คงอยู่ราวๆนี้ครับ ส่วน cpall ถ้าหลุด 41-40.50 ลงมาก็น่าออกก่อนเพื่อดูทิศทางครับ ถ้ายังไม่หลุดและไต่ขึ้นต่อคงดูแนว 45 บ. อีกที ช่วงใกล้เลือกตั้ง ราคาหุ้นกลุ่ม cp น่าจะมีการดันกันอยู่ต่อไปได้ แต่ให้ระวังสังเกตุแรงเทขายไว้บ้างเมื่อเจ้าสัวต้องการเก็บหุ้นคืน ตอนนี้คงถือตามน้ำไปครับ (ปกติกลุ่ม cp ราคาที่น่าจะเข้าซื้อคือเมื่อตลาดถูกทุบย่อลงมากๆครับ) ivl เป็นหุ้นที่ผมไม่ค่อยได้จับ แต่เดาทางว่ารอบนี้ยังไม่น่าหลุด 50 บ. ครับ น่าจะมีการรีบาว์นกันอีกรอบไป 56-57 บ.

ราคาที่ ปตท. ประกาศออกมา คล้ายๆเป็นแนวจิตวิทยาว่าน่าจะจบรอบก่อนควบรวมในราคาประมาณนี่ครับ คนที่ไม่ขายหุ้นคืนก็รอแปลงเป็นหุ้นบริษัทใหม่ ในอัตราส่วนจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบ ("บริษัทใหม่") ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราส่วนดังนี้ 1 หุ้นเดิมใน PTTAR ต่อ 0.501296791 หุ้นใน บริษัทใหม่ 1 หุ้นเดิมใน PTTCH ต่อ 1.980122323 หุ้นใน บริษัทใหม่ ราคาเมื่อวันศุกร์ PTTAR = 41.25 และ PTTCH = 160 ยังมีส่วนต่างราคาเหลือได้อีกนิดหน่อย ปล.หายสงสัยกรณีมีบิ๊กล็อตเข้ามาซื้อ PTTAR จำนวน 41,310,000 หุ้น มูลค่า 1,775.78 ลบ. ราคาเฉลี่ย 42.69 บ. (เมื่อพฤหัสสัปดาห์ที่แล้ว) คาดว่าคงเป็นส่วนบริษัทที่เก็บหุ้นคืนหรือหุ้นส่วนใหญ่ที่รู้ข้อมูลก่อนเก็บคืนครับ

หลักทรัพย์ PTT หัวข้อข่าว แจ้งยืนยันความจำนงที่จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นสามัญจากผู้คัดค้าน PTTAR และ PTTCH ที่ 520/14/279 29 เมษายน 2554 เรื่อง แจ้งยืนยันความจ านงที่จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์ และ การกลั่น จ ากัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) ที่คัดค้านการควบบริษัท เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่บริษัท ปตท.จ ากัด (มหาชน) (ปตท.) ได้ให้การสนับสนุนการด าเนินการควบบริษัทระหว่างบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จ ากัด (มหาชน) (PTTAR) และ บริษัท ปตท. เคมิคอล จ ากัด (มหาชน) (PTTCH) และเสนอความจ านงที่จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นของ PTTAR และ PTTCH ที่คัดค้านการควบบริษัท โดย ปตท. ได้ก าหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับซื้อหุ้นดังกล่าวและได้แจ้งไปยัง PTTAR PTTCH และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 แล้ว นั้น ปตท. ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ได้มีมติยืนยันความจ านงในการเป็นผู้รับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น PTTAR และ PTTCH ที่คัดค้านการควบบริษัท พร้อมทั้งปรับราคารับซื้อหุ้นของ PTTAR และ PTTCH เป็นตามที่ พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจ ากัด ก าหนด โดยมีรายละเอียดที่ส าคัญดังนี้ 1. จ านวนหุ้นของผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัทที่ปตท. จะรับซื้อ หุ้นของ PTTAR จ านวน 5,723,291 หุ้น หุ้นของ PTTCH จ านวน 28,534,274 หุ้น 2. ราคารับซื้อ หุ้นของ PTTAR ที่ 42.5 บาทต่อหุ้น หุ้นของ PTTCH ที่ 164.5 บาทต่อหุ้น 3. ตัวแทนในการรับซื้อ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จ ากัด (มหาชน) 4. ระยะเวลาในการรับซื้อ วันที่ 9-23 พฤษภาคม 2554 ในวันและเวลาท าการ หรือระยะเวลาตามที่ ปตท. จะได้แจ้งให้ทราบหากมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตัวแทนในการรับซื้อจะด าเนินการจัดส่งเอกสารค าเสนอขอซื้อหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัททุกรายต่อไป -2- 5. วิธีการซื้อหุ้นคืน ปตท. จะท าการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ ซึ่งการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ ถือเป็นการซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น ผู้ขายหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาจึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เงินได้ในเงินก าไรที่ได้รับจากการขายหุ้น 6. การช าระเงิน ปตท. จะช าระเงินค่าซื้อหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นจะเป็นไปตามเอกสารค าเสนอขอซื้อหุ้นที่จะจัดส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัทต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2537 3518 โทรสาร 0 2537 3948 ..................................................................

กองทุน+โบรกเกอร์+ต่างชาติ ร่วมกันขาย รายย่อยช่วยกันรับมา 1,602 ลบ. ท้ายตลาดมีไล่ซื้อกลับดันเซตกลับมาเขียวได้ ลักษณะคล้ายๆกองทุนเก็บของในราคาปิด ATC ทำให้ราคาปิดเด้งกลับมาหลายตัว !hh

ครึ่งเช้า วันที่ 29 เมษายน 2554 ฝรั่ง Net buy 780 M. (วันนี้คาดว่าคงเหมือนเดิม กองทุนเทขาย ต่างชาติซื้อสะสมต่อ)

กองทุนยังคงทุบเช่นเดิมโดยมีโบรกเกอร์ร่วมขายนิดหน่อย พี่ต่างชาติยังคงสะสมต่อเนื่องอีก 2,250 ลบ. (หวังว่ากองทุนเมื่อขายมากๆแล้ว จะเก็บคืน คงไม่เล่นวิชามารแปลกๆอีก เช่นปล่อยข่าวลือ หรือ คิดออกมาตราการอะไรแปลกๆมาอีก)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 95.59 จุดขานรับเบอร์นันเก้แถลงมุมมองศก. ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2554 06:44:26 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวและตลาดแรงงานจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% และยืนยันว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ไปจนครบกำหนดในช่วงกลางปีนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 95.59 จุด หรือ 0.76% แตะที่ 12,690.96 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 8.42 จุด หรือ 0.62% แตะที่ 1,355.66 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 22.34 จุด หรือ 0.78% แตะที่ 2,869.88 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทันทีที่คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะ สั้นที่ระดับ 0-0.25 % ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมระบุว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง และจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังขานรับแถลงการณ์ในด้านบวกของเบอร์นันเก้ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.1-3.3% ในปีนี้ ซึ่งแม้ว่าลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.9% แต่เบอร์นันเก้ก็มีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงาน โดยคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.4% ภายในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.8% เบอร์นันเก้ยืนยันว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ที่เฟดนำมาใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินและกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นั้น "ประสบความสำเร็จ" เป็นอย่างดี พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าการที่เฟดตัดสินใจจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรวง เงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.ปีนี้นั้น จะไม่ส่งผลกระทบ "อย่างมีนัยสำคัญ" ต่อตลาดการเงินหรือเศรษฐกิจ แถลงการณ์การของเบอร์นันเก้ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ร่ะดับ 3.35% เมื่อคืนนี้ จากวันอังคารที่ระดับ 3.32% หุ้นโบอิ้งปิดบวก 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นบรอดคอม คอร์ป ปิดร่วง 12% เนื่องจากนักลงผิดหวังที่ทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ส่วนหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปิดบวก 1% หลังจากจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่าจะเข้าซื้อกิจการบริษัทซิสเธส อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นวงเงินมูลค่า 2.13 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงาน ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี พุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนมี.ค.ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อ บ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนมี.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีต้นทุนการจ้างงานไตรมาสแรกปีนี้ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

งบ Q1 ของ IRPC ออกมาแล้วนะครับ สำหรับคนที่เก็บบริษัทนี้อยู่ ^ ^ IRPC และบ.ย่อย ไตรมาส 1/54 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันลบ. ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 27 เมษายน 2554 17:47:11 น. บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ(รวมบริษัทย่อย) งวดไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2554 สรุปได้ดังนี้ ก่อนสอบทาน/ก่อนตรวจสอบ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม (หน่วย : พันบาท) ไตรมาส 1 ปี 2554 (2553) กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 3,498,591 (2,396,299) กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.17 (0.12) ปล. +กำไรเพิ่มมากขึ้นว่าปีก่อนไตรมาศเดียวกัน 40กว่าเปอร์เซนต์ (ตามราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นมามาก)