Search the Community
Showing results for tags 'ทองคำ'.
Found 6 results
-
การวางแผนสร้างความมั่นคงทางการเงินของตัวเองมีหลากหลายวิธี หลายคนมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ที่ดิน หุ้น เงินฝากธนาคาร การลงทุนทองคำก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม และวันนี้เราจะมาหาคำตอบว่าทำไมเราจึงควรลงทุนทองคำ ซึ่งทองคำในที่นี้หมายถึงลงทุนทองคำที่เป็นทองคำจริง (Physical Gold) ไม่ใช่ตราสารทางการเงินที่มีทองคำเป็นสินทรัพย์อ้างอิง เหตุผลเหล่านั้นมีดังนี้ครับ 1. ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั่วโลก 2. การลงทุนทองคำจริง(ที่ไม่ใช่ตราสาร) จะปลอดภัยจากการล้มละลายหรือการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงิน หรือสถาบันการลงทุน 3. ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ สงคราม ภัยพิบัติ ในขณะที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นลบ ทองคำจะมีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้น ลองคิดดูสิครับ ว่าหากในช่วงที่คุณเกษียณ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นทั่วโลกลบหนักดังเช่นวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หากลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ลงทุนทองคำไว้เลย มูลค่าพอร์ทของคุณจะเป็นอย่างไร มูลค่าเงินลงทุนอาจจะลดลงไปครึ่งหนึ่งหรือมากกว่า แต่หากมีการลงทุนทองคำไว้รักษาสมดุลของพอร์ทเสียหน่อย เงินลงทุนของคุณอาจจะไม่ลดลงไปมากขนาดนั้น หรือไม่ลดลงเลย 4. ทองคำไม่ถูกลดมูลค่าจากนโยบายทางการเงินของประเทศใดประเทศหนึ่ง และรักษามูลค่าของตัวเองในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินต่างๆ ซึ่งจะถูกลดมูลค่าจากนโยบายการเงินการคลังของรัฐบาลประเทศเจ้าของสกุลเงินนั้นๆ โดยการพิมพ์เงินออกมาโดยไม่มีสินทรัพย์จริงค้ำ เพียงแต่ใช้ความน่าเชื่อถือของรัฐเท่านั้น (Fiat currencies) ซึ่งสกุลเงินเหล่านั้นจะด้อยค่าลงเรื่อยๆ 5. นโยบายทางการเงินของประเทศต่างๆ มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในทิศทางที่พยายามทำให้เกิดเงินเฟ้อ และทำให้ค่าเงินของประเทศตัวเองอ่อนลง เนื่องจากต้องการกระตุ้นการค้าภายในประเทศและการส่งออก ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าในตัวเองและมีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อมีแนวโน้มว่าจะเกิดเงินเฟ้อ ดังนั้นการลงทุนทองคำจึงเป็นการรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว 6. ทองคำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่หายาก มีการเติบโตของอุปทานต่อปีต่ำมาก แต่มีอุปสงค์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อราคาทองคำต่ำลงอุปสงค์จะยิ่งสูง ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นมีมากกว่าโอกาสที่จะลดลง เรียกว่าของหายากก็ต้องมีราคาแพงเป็นธรรมดาครับ 7. ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย สภาพคล่องสูง ซื้อง่ายขายคล่อง เปลี่ยนเป็นเงินสดได้รวดเร็ว และการลงทุนทองคำมีต้นทุนในการทำธุรกรรมต่ำมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ ลองเปรียบเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดู ว่ากว่าจะหาผู้ซื้อผู้ขายได้ กว่าจะตกลงราคากันได้ ก็อาจใช้เวลานาน และอาจมีค่านายหน้า และค่าโอนเป็นต้นทุนเพิ่มเข้ามาด้วย 8. ทุกคนสามารถซื้อขาย เป็นเจ้าของ หรือลงทุนทองคำได้โดยไม่ต้องมีการจดทะเบียนใดๆ หรือไม่ต้องเปิดเผยชื่อเจ้าของ รวมถึงกระบวนการในการเปลี่ยนมือเจ้าของไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ต้องใช้เวลาและเอกสารมากนัก เช่นหากคุณจะมอบทองคำให้เป็นมรดกแก่ลูกก็ไม่ต้องไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิอะไรให้ยุ่งยากครับ 9. การลงทุนทองคำมีกระบวนการที่เข้าใจง่าย ข้อมูลราคาสามารถหาได้ง่าย มีเปิดเผยทั่วไป ในประเทศไทยมีสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทยที่ประกาศราคาอ้างอิงของทองคำเป็นประจำทุกวัน 10. การลงทุนทองคำนอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นคงในอนาคตแล้ว ยังให้ความสุขทางใจ และมีคุณค่าในเชิงศิลปะอีกด้วย ลงทุนทองคำไม่ต้องลงทุนเยอะ แค่แบ่งเงินซัก 10% ของเงินออมมาลงก็พอครับ มีปัจจัยหลายๆ อย่างที่มีผลต่อราคาทองคำ ควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนนะครับ หากต้องการอ่านวิธีการเริ่มต้นลงทุนทองคำอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.ausiris.c...content_tab.php
- 2 replies
-
- ราคาทองคำวันนี้
- ลงทุนทองคำ
-
(and 8 more)
Tagged with:
-
เช้านี้ SPDR Gold share ขาใหญ่กองทุนทองคำ เข้าซื้อทองเพิ่มอีกแล้วจำนวน +1.76 ตัน ที่ราคาทองคำ 1583.70$/Onz ถือว่าเป็นการเข้าซื้อทองคำแท่งติดต่อกัน 5 ครั้งในรอบ 1 เดือน ทำให้ตอนนี้ SPDR gold share ถือครองทองคำอยู่ทั้งสิ้น +923.99 ตัน ซื้อเช้าวันเสาร์ ซื้อที่แถวราคา High กันเลยทีเดียว Remark:การซื้อขายทองคำของ SPDR ไม่ได้เป็นการการันตีว่าราคาทองคำจะขึ้นหรือลงตามนะครับ โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม #ติดตาม อัพเดท ปริมาณการ ซื้อขายทองคำ ของ #SPDR goldshare กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุด รวมถึง ข้อมูลย้อนหลังได้ที่นี่ เลยนะครับ: http://bit.ly/383waCs #spdr,#gold,#ราคาทองคำ,#ลงทุนทองคำ วิเคราะห์ราคาทองคำ
- 17 replies
-
ขอรบกวนเวลาสัก 3-5 นาที ในการร่วมตอบแบบสอบถามเพื่อศีกษาพฤติกรรมการซื้อ-ขายทองคำที่ link > https://forms.gle/Y7big4bZ1ffVtAao9 ขอบคุณที่ร่วมสละเวลาตอบคำถามครับ
- 1 reply
-
- ลงทุนทอง
- ลงทุนทองคำ
-
(and 2 more)
Tagged with:
-
บัญญัติ 10 ประการในการลงทุนทองคำ 1. เราชอบลงทุนสไตล์ไหน ก่อนอื่นเราต้องรู้แนวตัวเองก่อนว่า เราเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน คือเป็นนักลงทุนระยะยาว หรือนักลงทุนระยะสั้นแบบซื้อมาขายไปเพื่อกำไรระยะสั้น หรือเป็นนักลงทุนประเภทส่วนผสมของทั้งระยะยาวและระยะสั้น เพราะสไตล์จะเป็นตัวกำหนดปัจจัยต่อเนื่องหลายๆ อย่าง เช่น จะลงทุนเท่าไรดี จะลงทุนเองหรือลงทุนผ่านวิธีอื่นๆ เช่น กองทุนรวม หรือลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ระยะเวลาการลงทุนจะนานแค่ไหน หรือเราจะต้องใช้เวลาในแต่ละวันติดตามสถานการณ์ราคาจริงจังแค่ไหน เป็นต้น "มีเป้าหมายการลงทุนในระดับหนึ่งว่าจะเป็น Long-Term หรือแค่ Make Money ระยะสั้น (หรือจะแยกเงินเป็น 2 ส่วนสำหรับแต่ละเป้าหมาย) การลงทุนแบบไม่มีเป้าหมายอาจทำให้ท่านเข้า-ออกผิดจังหวะ หรือติดดอยได้ง่ายๆ" 2. เลือกเครื่องมือการลงทุนให้เหมาะสม การลงทุนในทองคำในบ้านเราทำได้หลักๆ 4 รูปแบบคือ (1) ลงทุนเองทางตรงโดยการซื้อทองคำจากร้านขายทองไม่ว่าจะถือเงินไปซื้อที่ร้าน หรือซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือเหรียญทองคำ (2) ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ เช่น K-Gold ของกสิกรไทย หรือ TMB-Gold ของ TMB (3) ลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาดประเทศไทยผ่านตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) และ (4) ลงทุนทางอ้อมโดยการซื้อหุ้นในบริษัทที่ทำเหมืองทองคำผ่านตลาดหลักทรัพย์ (ดูรายละเอียดวิธีการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน เราต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเรา และลักษณะการลงทุนของเราเอง "ถ้างานประจำเรายุ่งไม่ค่อยมีเวลาก็อาจลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือถ้ามีอาม่าที่เล่นทองคำเก่งก็อาจลงทุนเล่นเองแล้วปรึกษาอาม่า หรือหากชอบเสี่ยงหรือชอบคาดเดาราคาทองคำในอนาคตก็อาจลงทุนใน Gold Futures" 3. อย่าลืมกระจายความเสี่ยง ตามสำนวนที่หลายๆ คนชอบพูดกันว่า "Don't put all eggs in one basket." ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงเวลาราคาทองลง หรือเวลาที่ราคาผันผวนซึ่งอาจทำให้เราหมดตัวได้ถ้าการลงทุนของเรามีแต่ทองคำ พอร์ทการลงทุนของเราไม่ควรจะเป็นทองคำอย่างเดียว หรือเป็นสัดส่วนที่สูงเกินไป ควรมองทองคำเป็นเพียง Alternative Investment เท่านั้น เช่น บางคนอาจกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นหลายรูปแบบ (Diversification) และทองคำเป็นส่วนหนึ่ง เช่น ทองคำแท่ง 20% กองทุน 20% หุ้น 20% พันธบัตร 30% ฝากธนาคาร 10% เป็นต้น 4. ศึกษา และลงทุนด้วยเงินน้อยๆ ก่อน ก่อนเริ่มลงทุน ควรศึกษาและทำความเข้าใจกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทองคำให้ดีก่อน เช่น มีค่าใช้จ่ายต้นทุนอะไรบ้าง อะไรที่อาจเป็นปัจจัย และมีผลกระทบกับราคาทอง และควรเริ่มต้นลงทุนด้วยพอร์ตลงทุนเล็กๆ ก่อน เพื่อฝึกทักษะความเข้าใจ และเก็บสะสมประสบการณ์ก่อนที่จะกระโจนลงเต็มตัว หรือเริ่มลงทุนในจำนวนที่สูง การลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) อย่างหนึ่งซึ่งบางทีราคาเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีความรู้ หรือการศึกษาอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ประสบการณ์และความเก๋าเคยผ่านสถานการณ์ทั้งดี และร้าย รวมถึงการค่อยๆ ทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาด ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นทีเดียว 5. ลงทุนอย่างมีวินัย ข้อนี้จะสำคัญมากสำหรับนักลงทุนประเภทระยะสั้นทำกำไร คือเราต้องมีวินัย และมีระดับตัวเลขความเสี่ยงที่ยอมรับได้ไว้ในใจเหมือนกัน และเมื่อถึงจุด Trigger Point ตรงนั้น เราอาจต้องตัดขาดทุน หรือขายทำกำไรในระดับนั้นทันทีเพื่อไม่ให้เราโดนลากยาวไปกว่านั้น หรือเกิดอาการติดดอย บางคนอาจตั้งกฎไว้เลยว่าไม่อยากได้กำไรมากๆ แต่ขอแค่กำไรนิดๆ หน่อยๆ ตอดนิดตอดหน่อยไปเรื่อยๆ แต่กำไรไปตลอดก็พอ นอกจากนี้กฎหลักอีกอย่างที่เราควรจำไว้ก็คือ ไม่มีใครสามารถบอกหรือแนะนำเราหรอกได้ว่าตอนนี้ราคาสูงสุดแล้วให้ขาย หรือตอนนี้ต่ำสุดแล้วให้ซื้อ ดังนั้น มีวินัยและตั้ง Trigger Point ที่ตัวเองรับได้ ดีที่สุดครับ 6. ทองคำแท่ง VS ทองคำรูปพรรณ เราสามารถเลือกซื้อได้ทั้งสองแบบ แต่ทองคำสองประเภทนี้ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคนซื้อ ถ้าเป็นทองคำแท่งก็จะมีข้อดีคือ ไม่เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขายจึงอาจมีราคาโดยรวมถูกกว่าทองคำรูปพรรณนิดหน่อย (ในน้ำหนักที่เท่ากัน) แต่มีข้อเสียคือ สวมใส่ไม่ได้ต้องเก็บรักษาไว้เฉยๆ และอาจต้องมีต้นทุนค่าเก็บรักษา เช่น เสียเงินฝากในตู้นิรภัยกับธนาคาร ส่วนทองคำรูปพรรณก็จะมีข้อดีคือ ใช้เงินเริ่มต้นไม่มากก็ซื้อได้ และใส่เป็นเครื่องประดับแสดงฐานะได้ในบางโอกาส แต่ก็มีข้อเสียคือ เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขาย และอาจโดนกดราคาเมื่อขายคืน หรือขายคืนกับคนละร้านที่เราซื้อมา 7. ลงทุนด้วยเงินเย็นเท่านั้น ถ้าจะให้ปลอดภัย เราควรจะลงทุนด้วย 'เงินเย็น' เท่านั้น ไม่ควรจะกู้เงินมาลงทุน เพราะราคาทองผันผวนง่าย และหากกู้มาแล้ว ทองคำที่ซื้อไว้ดันขาดทุน จะทำให้เรามีภาระสองทาง คือทั้งผลขาดทุน และเสียดอกเบี้ย ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น บางคนอาจใช้วิธีกู้เงินเพื่อมาลงทุนได้ (เช่นซื้อแล้วปล่อยเช่าโดยเอาค่าเช่ามาจ่ายหนี้เงินกู้) ซึ่งสามารถทำได้ในระดับที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการกู้เงินมาลงทุนทองคำ เพราะโดยธรรมชาติของอสังหาริมทรัพย์นั้น ราคามีแนวโน้มจะขึ้นมากกว่าลง (หรืออย่างน้อยก็ทรงตัวหรือขาดทุนนิดหน่อย) และบางทีเรากำหนดราคาขายต่อเองได้ ในขณะที่ทองคำนั้น ราคาหวือหวากว่ามาก และต้องขายตามราคาตลาดโลกเท่านั้น 8. จับตาดูค่าเงิน US Dollars และราคาน้ำมันโลกเป็นประจำ จากสถิติที่ผ่านมา ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงิน US Dollars เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เพราะนักลงทุนโยกเงินจากเงินดอลลาร์สหรัฐไปที่ทองคำ และเมื่อไรที่ค่าเงินดอลลาร์เพิ่มค่าขึ้น ราคาทองก็มักจะปรับตัวลดลง และนอกจากนี้ ราคาทองคำก็มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันโลก เมื่อราคาน้ำมันโลกลดลง ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวลดลงตาม และเมื่อใดที่น้ำมันโลกราคาเพิ่มขึ้น ราคาทองก็มักจะปรับตัวขึ้นตามเช่นกัน อย่างไรก็ดี อันนี้ไม่ใช่สูตรตายตัว และเป็นเพียงการคาดการณ์ในลักษณะของแนวโน้มจากสถิติราคาทองคำ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาน้ำมันโลกในอดีตที่ผ่านมาเท่านั้น 9. สคบ. อาจช่วยท่านได้ถ้าเจอร้านทองตุกติก ตามกฎหมาย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้ทองรูปพรรณเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ดูกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่) ซึ่งหมายถึงว่า ถ้าท่านไปเจอร้านทองที่ขายทองรูปพรรณแล้วมีฉลากไม่ตรงตามที่กฎหมายกำหนด หรือไม่ติดประกาศบางอย่างภายในร้าน เช่น ทองรูปพรรณจากต่างประเทศ แต่ไม่ยอมระบุชื่อประเทศที่ผลิต หรือในร้านไม่ติดประกาศราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณขั้นต่ำ ให้ระวังไว้ว่าร้านนั้นอาจไม่ตรงไปตรงมา นอกจากนี้ เวลาซื้อทองควรพิถีพิถันในเรื่องการชั่งน้ำหนักด้วย เพราะอาจเป็นช่องทางให้ร้านทองที่ไม่ดีโกงท่านได้ ซึ่งถ้าเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ลองติดต่อหรือแจ้งไปที่สายด่วน สคบ. ได้ที่โทร. 1166 10. ซื้อกับร้านที่สะดวกและคุ้นเคยก็จะดี ถ้าเราลงทุนด้วยตัวเอง หากมีร้านทองที่คุ้นเคย หรือที่ซื้อขายได้สะดวกรวดเร็ว และเงื่อนไขน้อยก็จะดี เพราะบางทีเราอาจต้องซื้อเร็วขายเร็วเหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่เราควรต้องรู้ด้วย เช่น ร้านทองบางร้านจะรับซื้อเฉพาะทองคำร้านตัวเองเท่านั้น หรือบางทีร้านทองในเยาวราชก็จะไม่รับซื้อทองคำที่มาจากร้านในต่างจังหวัด เป็นต้น ซึ่งปัจจัยพวกนี้ เราคงต้องสอบถาม หรือศึกษาให้ดีก่อนที่จะซื้อกับร้านใดร้านหนึ่ง ที่มา : www.Checkraka.com
-
วันแม่ปีนี้ เลือกของขวัญสะท้อนความรักงดงาม และทรงคุณค่าตลอดกาลด้วยทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท ที่ออสสิริสตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจ ART & GOLD ของ KLIMT “Mother and Child” ภายใต้แนวคิด "อนุภาพรักแห่งแม่ สู่อ้อมกอดอันเป็นนิรันดร์" สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-613-0888 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ausirisgroup.com