ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[anjukosang 4]

อรุณสวัสดิ์คะอ.ทองใหม่

เข้ามาดูกราฟ+คัมภีร์ไร้เทียมทาน เห็นกราฟบอกว่าน้ำมันขายได้แล้วใช่มั๊ยคะ เด๋วรอย่อแล้วเก็บใหม่

ให้กดคะแนน+1 ก่อนไปทำงานคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างคะ จะเข้ามาอ่านได้ตอนเช้ากับตอนกลางคืน ไปแว้วววววว สายแว้ววววว !_06

[ทองใหม่ 7,435]

อรุณสวัสดิ์คะอ.ทองใหม่

เข้ามาดูกราฟ+คัมภีร์ไร้เทียมทาน เห็นกราฟบอกว่าน้ำมันขายได้แล้วใช่มั๊ยคะ เด๋วรอย่อแล้วเก็บใหม่

ให้กดคะแนน+1 ก่อนไปทำงานคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างคะ จะเข้ามาอ่านได้ตอนเช้ากับตอนกลางคืน ไปแว้วววววว สายแว้ววววว !_06

แทงคิ่วหลาย น้ำมันสัญญาณตาแป๊ะให้ขายตั้งหลายวันแล้วครับ

[emy 10]

หวัดดีกร๊าบบ คุณทองใหม่ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ พลัง1พลัง+ให้กันตลอดมา เพื่อคาระวะในน้ำใจ ของคุณทองใหม่ ที่ยอมเห็นดเหนื่อยเพื่อเรา ขอบคุณมากกร๊าบบบบบ

[ทองใหม่ 7,435]

กราฟGold 1

ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง—ทิศทางลง สีขาว—กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง—ทิศทางลง สีขาว—กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้

ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา

ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น goldหรือset50เป็นต้น

[ทองใหม่ 7,435]

เส้นปากถุง (BollingerBandsเส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า

เส้นบน---แนวต้าน

เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)

เส้นล่าง---แนวหนุน

ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง

ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น

เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ

ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้

ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น

ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก

ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง

ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่

วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น goldหรือset50เป็นต้น

[ทองใหม่ 7,435]

หวัดดีกร๊าบบ คุณทองใหม่ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ พลัง1พลัง+ให้กันตลอดมา เพื่อคาระวะในน้ำใจ ของคุณทองใหม่ ที่ยอมเห็นดเหนื่อยเพื่อเรา ขอบคุณมากกร๊าบบบบบ

[Honeymew 6]

ขอบคุณคะ+ อรุณสวัสดิ์คะ

โชคดีแต่เช้านะคะ อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะคะ

[phimphimon 3]

!thk !thk !thk Thank you kaaaaa

[เด็กดื้อ 3]

แว๊ปมา +1 ไปทำงานก่อนนะคร้าาาาา

[ทองใหม่ 7,435]

ขอบคุณคะ+ อรุณสวัสดิ์คะโชคดีแต่เช้านะคะ อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะคะ

 

 

แว๊ปมา +1 ไปทำงานก่อนนะคร้าาาาา

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[am-pang 0]

!thk !thk

[ทองใหม่ 7,435]

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอีก 1 เหรียญ หลังจีนนำเข้าน้ำมันดิบต่ำสุดในรอบ 16 เดือน

 

Posted on Wednesday, August 11, 2010

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ก.ย. ปรับลดลง 1.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 80.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

-จีนเผยตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบเดือน ก.ค. ลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากมีการใช้น้ำมันดิบคงคลังที่ยังอยู่ในระดับสูง

 

-ตัวเลขผลผลิตนอกการเกษตรปรับตัวลดลง 0.9% ในไตรมาส 2/53 เทียบกับ 3.9 % ในไตรมาส 1/53 ซึ่งถือว่าลดลงครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่ง ในขณะที่ค่าจ้างแรงงานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

 

-ยอดการค้าส่งเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 0.1% แต่ถือว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นที่ลดลงกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังเปราะบาง

 

ปัจจัยบวกที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากลงไปต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐ หลังได้รับข่าวดีจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ออกมาว่าจะมีมาตรการการเสริมสภาพคล่อง และจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

 

+รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำเดือนของ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ปรับคาดการณ์ความต้องการน้ำมันของโลกในปีหน้าเพิ่มขึ้น 40,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 87.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากปีนี้ประมาณ 1.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

+ศูนย์พยากรณ์เฮอร์ริเคนของสหรัฐฯ ออกมากล่าวว่ามีความเป็นไปได้ถึง 70% ที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณตอนใต้ของอ่าวเม็กซิโก จะพัฒนาตัวเป็นพายุโซนร้อนภายใน 1-2 วันข้างหน้านี้

 

+รอยเตอร์คาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังว่าจะปรับลดลงอีก 1.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่หลังปิดตลาด ทางสถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐฯ (API) ออกมาประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันคงคลัง ดังนี้

 

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล

ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล

ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลัง เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ก.ย. ปรับลดลง 1.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาปิดที่ 79.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ปรับลดลง 1.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 76.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซินสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ปรับลดลง 1.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 84.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามยังคงได้แรงหนุนจากอินโดนีเซียที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อุปทานเมีมากขึ้นจากโรงกลั่นในภูมิภาค

 

ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ รับลดลง 2.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 90.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากถูกกดดันโดยอุปทานที่มีอยู่มากในตลาด ขณะที่อุปสงค์ยังคงเบาบาง

 

- สนับสนุนข้อมูลโดยบมจ. ไทยออยล์ -

[ทองใหม่ 7,435]

ดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย หลังตลาดได้แรงหนุนจากข่าว FED ซื้อบอนด์

 

Posted on Wednesday, August 11, 2010

ในช่วงก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะออกแถลงการณ์นั้น ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุด ก่อนที่จะไต่ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากคณะกรรมการ FED มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Funds Rate) ไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมกับให้คำสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง และประกาศว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากคณะกรรมการ FED ระบุว่า จะนำรายได้จากตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ (GSE) ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนั้น ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาล

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่คณะกรรมการ FED วางแผนที่จะใช้ยุทธศาสตร์ถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่เคยนำมาตรการดังกล่าวมาใช้เมื่อครั้งที่สหรัฐเพิ่งเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่

 

ข่าวการเข้าซื้อพันธบัตรของ FED ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภท 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.75% จากระดับก่อนออกแถลงการณ์ที่ 2.82%

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า มาตรการดังกล่าวอาจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนแต่ก่อน โดยนักวิเคราะห์คาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ว่า FED จะเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่นี้อาจจะมีมูลค่าน้อยกว่า

 

ในปี 2552 จนถึงต้นปี 2553 FED ได้เข้าซื้อตราสาร MBS ไปแล้วทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค มูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปิดบวกในวันนี้ นำโดยหุ้นเมอร์ก แอนด์ โค ปิดพุ่ง 1.2% หุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ปิดบวก 2.2% ส่วนหุ้นผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภคปิดพุ่งขึ้น โดยหุ้นคอลเกต ปาล์มโอลีฟ ปิดบวก 2.2% และหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ปิดบวก 0.7%

 

- Dow Jones ปิดที่ 10,644.25 จุด (-0.51%)

- S&P 500 ปิดที่ 1,121.06 จุด (-0.60%)

- Nasdaq ปิดที่ 2,277.17 จุด (-1.24%)