ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณค่ะอาจารย์

 

ขอบคุณค่ะ คุณเด็กขายของ อยากมีลูกหลานฉลาดและน่ารักอย่างคุณเด็กขายของจัง

 

สวัสดีจ้ะ คุณtiny ถูกต้องแล้วค่ะ เพราะตอนนี้ป้าก็ใกล้จะเจ็ดสิบแล้ว รึว่าจะต้องเป็นยายของหนู

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จะลงอีกเยอะไหมเนี่ยเข้าเก็บgold futuresไม่ถูกเลย !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับอาจารย์ ช่วงนี้น้องทองขาลง ดอยกันเป็นแถวเลยครับ :blink:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!01 ขอบคุณกราฟตาแป๊ครับ คุณทองใหม่ น้ำมันหัวทิ่มมาเยอะๆ เลย 70 อีกครั้งได้ยิ่งดี อิอิ :rolleyes:

ถูกแก้ไข โดย goldmember

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความจริงกราฟตัวนี้ผมไม่อยากจะเอาให้เพื่อนๆดูเลย เพราะเป็นกราฟรายวัน กว่าจะเห็นผลใช้เวลามากกว่า1วันถึงหลายๆวัน ระหว่างทางอาจมีเหตุปัจจัยอื่นๆมาแทรก ทำให้กราฟอาจเปลี่ยนจากทิศทางเดิมเป็นอื่นไปได้ ที่เอามาให้ดูก็เพื่อเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งได้ หากระหว่างทางกราฟเปลี่ยนทิศเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยน เพื่อนๆก็จะได้รู้ ใช่ว่ากราฟจะเชื่อถือได้เต็มร้อยทุกครั้งไป ที่พูดมานี่เพื่อนๆคงอ่านเข้าใจนะครับ

กราฟรายวัน อาจเปลี่ยนเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยนได้ ขอบอก เป้า1---1353.53 เป้า2---1335.57 เป้า3---1311.37

post-237-091486400 1294284772.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความจริงกราฟตัวนี้ผมไม่อยากจะเอาให้เพื่อนๆดูเลย เพราะเป็นกราฟรายวัน กว่าจะเห็นผลใช้เวลามากกว่า1วันถึงหลายๆวัน ระหว่างทางอาจมีเหตุปัจจัยอื่นๆมาแทรก ทำให้กราฟอาจเปลี่ยนจากทิศทางเดิมเป็นอื่นไปได้ ที่เอามาให้ดูก็เพื่อเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งได้ หากระหว่างทางกราฟเปลี่ยนทิศเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยน เพื่อนๆก็จะได้รู้ ใช่ว่ากราฟจะเชื่อถือได้เต็มร้อยทุกครั้งไป ที่พูดมานี่เพื่อนๆคงอ่านเข้าใจนะครับ

กราฟรายวัน อาจเปลี่ยนเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยนได้ ขอบอก เป้า1---1353.53 เป้า2---1335.57 เป้า3---1311.37

 

รับทราบครับ...

น่าสนใจ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความจริงกราฟตัวนี้ผมไม่อยากจะเอาให้เพื่อนๆดูเลย เพราะเป็นกราฟรายวัน กว่าจะเห็นผลใช้เวลามากกว่า1วันถึงหลายๆวัน ระหว่างทางอาจมีเหตุปัจจัยอื่นๆมาแทรก ทำให้กราฟอาจเปลี่ยนจากทิศทางเดิมเป็นอื่นไปได้ ที่เอามาให้ดูก็เพื่อเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งได้ หากระหว่างทางกราฟเปลี่ยนทิศเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยน เพื่อนๆก็จะได้รู้ ใช่ว่ากราฟจะเชื่อถือได้เต็มร้อยทุกครั้งไป ที่พูดมานี่เพื่อนๆคงอ่านเข้าใจนะครับ

กราฟรายวัน อาจเปลี่ยนเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยนได้ ขอบอก เป้า1---1353.53 เป้า2---1335.57 เป้า3---1311.37

 

ดูกราฟรับข้อมูลวันนี้แล้ว รีบสร้างบ้านบนดอยด่วน ยุงเริ่มเยอะ อิอิ ติตตามต่อปาย ..คะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนมีแผนปล่อยหยวนแข็งค่า 5% ในปีนี้ Posted on Thursday, January 06, 2011

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พ. 5 ม.ค. 2554)

• ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 297,000 อัตรา

• ดัชนีภาคการบริการ (ธ.ค.) ปรับขึ้นสู่ 57.1 จุด จากเดิม 55จุด

• สต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ ปรับลดลง 4.16 ล้านบาร์เรล เป็น 335.3 ล้านบาร์เรล

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พฤ. 6 ม.ค.2554)

• ตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

 

 

จีนมีแผนปล่อยหยวนแข็งค่า 5% ในปี 2554

 

สื่อของทางการจีนเปิดเผยถึงแผนการปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นอีก 5% ในปีนี้ ท่ามกลางความพยายามในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อและหลีกเลี่ยงปัญหาฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์

 

กระทรวงพาณิชย์ของจีนเตือนว่า การแข็งค่าของเงินหยวนจะทำให้การเกินดุลการค้ากับอเมริกาลดลง หลังจากการเกินดุลดังกล่าวได้สร้างความขุ่นเคืองต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด

 

หนังสือพิมพ์ The China Securities รายงานว่า เงินหยวนจะแข็งค่ามากเป็นพิเศษในหกเดือนแรกของปีนี้ โดยการแข็งค่าจะทำให้ราคาของสินค้านำเข้าถูกลง และลดผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นในตลาดโลก ขณะเดียวกัน ก็ยังช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อด้วย

 

นักค้าเงินบางรายประเมินว่า เงินหยวนอาจเร่งแข็งค่าในช่วง 3 เดือนนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการเยือนสหรัฐของประธานาธิบดี หู จิน เทา ในกลางเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

 

และในขณะที่รัฐบาลกลางของจีนพยายามสร้างภาพให้เห็นว่า ประเทศตนได้ต่อต้านแรงกดดันจากสหรัฐที่ต้องการให้เพิ่มค่าเงินหยวน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว จีนก็มักจะปล่อยให้ค่าเงินแข็งขึ้นก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ทางการเมือง เนื่องจากจีนเองก็ระวังผลกระทบที่จะมีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศด้วย

 

สหรัฐกล่าวหาว่า จีนทำการควบคุมระดับค่าเงินหยวนให้อ่อนเกินไป จนทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมทางการค้า ขณะที่ทางฝั่งสหรัฐเสียดุลการค้าให้แก่จีนสูงถึง 20% ในช่วงสิบเดือนแรกของปีที่แล้ว โดยคิดเป็นจำนวนเงินถึง 2.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

 

 

ทำเนียบขาวเดินหน้ากดดันจีนลดเกินดุลการค้า

 

มีรายงานข่าวจากทำเนียบขาวว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เตรียมต้อนรับการเยือนกรุงวอชิงตันของประธานาธิบดี หูจิ่นเทา ของจีนในวันที่ 19 ม.ค. นี้ พร้อมกับเดินหน้าพันธกิจที่เคยตกลงกันระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องค่าเงิน การค้า รวมถึงจุดยืนที่มีต่อเกาหลีเหนือ

 

ทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโอบาม่า ผู้ซึ่งเข้าร่วมประชุมกับ นาย หยางเจียฉือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้ให้คำมั่นอีกครั้งในการปรับปรุงการร่วมมือกับทางปักกิ่ง ในระหว่างเตรียมต้อนรับประธานาธิบดีหูจิ่นเทาซึ่งจะมาเยือนวอชิงตันในที่ 19 มกราคมนี้

 

ในขณะที่ปักกิ่งกับวอชิงตันมีแนวโน้มจะใช้การประชุมสุดยอดเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องค่าเงิน การค้าระหว่างประเทศ และความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือที่ส่อเค้าว่าจะตึงเครียดยิ่งขึ้น

 

การเจรจาระหว่าง นาย ทอม ดอนนิลอน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และหยางเจียฉือ รัฐมนตรีของจีนยังเน้นเรื่องแนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และ “หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความสั่นคลอน” รวมทั้งขัดขวางอิหร่านไม่ให้มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองด้วย

 

 

ตำรวจอินเดียยื่นฟ้องอดีตซีอีโอ Citigroup

 

ผู้บริหารสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ต้องตกเป็นจำเลยในข้อหาฉ้อโกงอีกครั้ง เมื่อตำรวจอินเดียยื่นข้อหาจับกุมกลุ่มผู้บริหารของ Citigroup ซึ่งรวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นาย วิกรม บัณฑิต ที่สงสัยจะเกี่ยวพันกับการฉ้อโกงมูลค่าราว 3 พันล้านรูปี หรือ ราว 67 ล้านเหรียญที่สาขาของ Citibank ในชานเมืองกรุงนิวเดลี

 

อย่างไรก็ดี ทาง Citigroup ก็ออกมาเปิดเผยว่า ข้อกล่าวหาต่อกลุ่มผู้บริหารอาวุโสดังกล่าวนั้นปราศจากหลักเกณฑ์ และทางบริษัทมีความพร้อมที่จะต่อสู้กับข้อกล่าวหาดังกล่าว

 

Citigroup กล่าวด้วยว่าทางธนาคารเองที่เป็นผู้เปิดโปงเรื่องการฉ้อโกงนี้ และได้แจ้งความต่อผู้มีอำนาจควบคุม และสำนักงานตำรวจ

 

การฉ้อฉลถูกเปิดโปงเมื่อเดือนที่แล้วหลังจากที่ทาง Citibank สังเกตเห็นรายการธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ที่น่าสงสัยที่สาขาในชานเมืองกรุงนิวเดลี เมื่อผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของ Citibank ลวงลูกค้าให้ลงทุนที่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง แต่แผนการลงทุนเหล่านั้นกลับไม่ได้อยู่ในนโยบายของธนาคาร อีกทั้งยังมีการปลอมแปลงจดหมายของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อทำให้แผนดังกล่าวดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

 

นักลงทุนที่เป็นโจทก์กล่าวว่า พวกเขาถูกขอให้ฝากเงินในบัญชีของญาติและคนสนิทของผู้จัดการคนดังกล่าว โดยในภายหลังเงินก้อนนี้ได้ถูกโอนและถอนออกไปลงทุนในตลาดหุ้น

 

แม้ในตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันจำนวนเงินที่ถูกฉ้อโกง แต่ทางตำรวจได้ประเมินว่าอาจมีมูลค่าสูงถึงสามพันล้านรูปี หรือราว 2 พันล้านบาท

 

 

ยอดขายรถใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 11% ในปี 53

 

ออโต้ดาต้า บ.วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐ เผยว่า ยอดขายรถใหม่ในสหรัฐปี 53 เพิ่มขึ้น 11.1% จากปีก่อน อยู่ที่ประมาณ 11.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

 

แต่ยอดขายรถยนต์ของสหรัฐยังต่ำกว่าจีนที่มียอดขาย 16.4 ล้านคันในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่สุดของโลกติดต่อกัน 2 ปีซ้อน

 

ผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายลดลงในปีที่แล้ว มีเพียงเจ้าเดียวก็คือ โตโยต้า จากผลกระทบของการเรียกคืนรถยนต์ทั่วโลกครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 ทำให้ยอดขายลดลง 0.4% สำหรับตำแหน่งยอดขายอันดับ 1 ยังคงเป็นของเจนเนอรัล มอเตอร์ (GM) ที่สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 7.2% ตามมาด้วยอันดับ 2 คือ ฟอร์ด มอเตอร์ ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 19.5% เป็น 1,931,534 คัน

 

โตโยต้าครองส่วนแบ่งตลาดเพียง 15.2% ส่งผลให้โตโยต้าสูญเสียความเป็นเจ้าตลาดอันดับ 2 ให้กับฟอร์ด มอเตอร์ ที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 16.7% และผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในสหรัฐยังคงเป็นของจีเอ็มที่ระดับ 19.1% ส่วน ไครสเลอร์เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 5 ในตลาดสหรัฐ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 9.4% รองจากฮอนด้า มอเตอร์ ที่มีส่วนแบ่งตลาด 10.6%

 

 

ยอดขายรถใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 7.5% ในปี 53

 

สมาคมดีลเลอร์ยานยนต์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น 7.5% ในปี 2553 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะที่ 4,956,136 คัน แต่อยู่ต่ำกว่าระดับ 5 ล้านคันเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว

 

ยอดขายรถที่มีเครื่องยนต์สูงเกิน 660 ซีซี เพิ่มขึ้น 10.6% แตะที่ 3,229,716 คัน ส่วนยอดขายรถเล็กเพิ่มขึ้น 2.3% แตะที่ 1,726,420 คัน

 

อย่างไรก็ดี เฉพาะเดือนธันวาคมยอดขายรถที่มีขนาดเครื่องยนต์เกิน 660 ซีซี ร่วงลง 28.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายรถขนาดเล็กหดตัวลง 10.1%

 

 

กูรูชี้กรีซยังเผชิญศึกหนักจากปัญหาหนี้

 

เคนเนธ โรจอฟฟ์ อาจารย์ชื่อดังจากมหาวิทยาลัย ฮาร์ดวาร์ด ได้แสดงความคิดเห็นว่า ถึงแม้กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือจาก EU และ IMF ไปแล้วก็ตาม แต่กรีซก็มีโอกาสที่จะผิดนัดชำระหนี้ หรือ Default ได้เช่นกัน ซึ่งโรจอฟฟ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งเราอาจจะได้เห็นในอนาคต

 

แม้ว่าการใช้เงินสกุลยูโรร่วมกันของประเทศสมาชิกจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ประเทศสมาชิกบางประเทศอาจจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้

 

นอกจากกรีซ ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังคงน่าเป็นห่วง เช่น โปรตุเกส ไอร์แลนด์ และ สเปน ซึ่งอาจจะจบปัญหาลงด้วยการปรับโครงสร้างหนี้

 

 

สเปนเผยอัตราการว่างงานลดลงในเดือนธ.ค.

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของเสปน เปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานของสเปนลดลง 10,221 คน ในเดือนธันวาคม แตะระดับ 4.1 ล้านคน ส่งผลให้ตัวเลขรวมของคนว่างงานของสเปนเพิ่มขึ้น 176,470 ตำแหน่ง หรือ 4.5%

 

อย่างไรก็ตาม จังหวะการขยายตัวของอัตราการว่างงานได้ลดลงอย่างมากจากจากระดับของปี 2551 และ 2552 ซึ่งมียอดผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 999,416 และ 794,640 คนตามลำดับ

 

รายงานระบุว่า จำนวนคนว่างงานในเขตปกครองตนเองแอนดาลูเซีย ลดลง 17,335 คน และจำนวนคนว่างงานในเดมืองมาดริดลดลง 7,151 คน ในขณะที่เกาะคานารี มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 2,073 ตำแหน่ง และอีก 4 เขตที่เหลือต่างก็รายงานตัวเลขการจ้างงานที่ดีขึ้น

 

ทั้งนี้ ยอดผู้ว่างงานของสเปนได้ลดลงในภาคเกษตรและภาคบริการ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและภาคก่อสร้างมียอดผู้ที่ออกจากงานสูงสุด

 

 

น้ำท่วมกระทบคาดการณ์ GDP ออสซี่

 

อุทกภัยครั้งใหญ่ในรัฐควีนส์แลนด์ที่เป็นแหล่งถ่านหินสำคัญของออสเตรเลีย อาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศลดลง หลังจากที่เคยได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมทรัพยากรธรรมชาติที่เฟื่องฟูมาโดยตลอด

 

น้ำท่วมกระทบต่อธุรกิจเหมืองแร่ สะท้อนจากการทรุดลงของตลาดหุ้นออสเตรเลียในเมื่อวานนี้ ขณะที่โดยปกติแล้ว รัฐแห่งนี้สามารถผลิตเชื้อเพลิงที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กได้ถึง 40% ของโลก

 

นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำประเมินตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 4 ว่าจะลดต่ำลง อันสืบเนื่องมาจากผลกระทบการส่งออกที่เกิดจากภัยพิบัติน้ำท่วม ยกตัวอย่างที่ธนาคาร National Australia Bank (NAB) คาดการณ์ว่าจีดีพีประเทศจะลดลง 0.1% ในไตรมาส 4 เหลือเพียง 0.5%

 

ส่วนค่าเงินที่เคยเพิ่มขึ้นจากตลาดสินทรัพย์ที่เฟื่องฟูในปลายปีที่แล้ว กลับต้องลดฮวบลงอันเนื่องมาจากสาเหตุน้ำท่วม ซึ่งทางธนาคาร NAB มองว่าค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียในตอนนี้มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว

 

 

ยอดขาย “แทบเลต” พุ่งกว่า 2 เท่าในปีนี้

 

บริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์ (Forrester) ชี้ตลาดคอมพิวเตอร์แทบเลตในสหรัฐจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีนี้ โดยคาดว่ายอดขายอุปกรณ์ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ถึงกว่า 2 เท่า

 

นักวิเคราะห์จากฟอร์เรสเตอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายคอมพิวเตอร์แทบเลตในสหรัฐในปี 2553 ขึ้นมาอยู่ที่ 10.3 ล้านเครื่อง และคาดว่ายอดขายในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นเป็น 24.1 ล้านเครื่อง โดย "ไอแพดจะเป็นผู้นำการครองส่วนแบ่งยอดขายข้างต้น"

 

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุตัวเลขคาดการณ์จำนวนผู้บริโภคชาวสหรัฐที่ใช้คอมพิวเตอร์แทบเลตว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 82 ล้านคนในปี 2558 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของชาวสหรัฐที่ใช้อินเทอร์เน็ต

 

ทั้งนี้ การเพิ่มคาดการณ์ยอดขายคอมพิวเตอร์แทบเลตเป็นเพราะอุปกรณ์ดังกล่าวได้รับความนิยมมากกว่า PC และเป็นอุปกรณ์ที่ผู้บริโภคใช้จนชินมือในลักษณะเดียวกับเครื่องเล่น MP3 หรือไอโฟน

 

 

UN ชี้ราคาอาหารพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ราคาอาหารในเดือน ธ.ค. นั้นปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาน้ำตาลและเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

ดัชนีโภคภัณฑ์อาหาร (55 ชนิด) ของ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the Uniteds Nations: FAO) ทะยานขึ้นมา 6 เดือนต่อเนื่อง ธ.ค. มาอยู่ที่ระดับ 214.7 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าสถิติเดิมที่ทำไว้เมื่อเดือน มิ.ย. 2551

 

ราคาน้ำตาลที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 2551-2553 ราคาข้าวโพดที่กระโดดขึ้นมาแพงที่สุดในรอบ 4 ปี ทำให้ FAO ประเมินว่า ถ้าผลผลิตอาหารไม่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ราคาอาหารก็จะปรับขึ้นต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี 2554

 

 

อินโดฯ คาดผลผลิตน้ำมันปาล์มปีนี้เพิ่มขึ้น 9.5%

 

ฟาดิล ฮัสซัน ประธานสมาคมผู้ผลิตน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบของอินโดนีเซียในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 9.5% แตะ 23 ล้านตัน และหากสภาพอากาศปกติในช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนเม.ย.หรือพ.ค. ผลผลิตก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตัน

 

เมื่อปีที่แล้ว การผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น 4% แตะ 20 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากระดับปี 2552 ที่ 19.2 ล้านตัน

 

ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่สุดในโลก ซึ่งผลผลิตน้ำมันปาล์มต่อปีถึง 70% นั้นถูกส่งออกไปขายยังต่างประเทศ โดยมีอินเดียและจีนเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของอินโดนีเซีย รองลงมาคือกลุ่มประเทศยุโรป บังคลาเทศ และปากีสถาน

 

คณะกรรมการน้ำมันปาล์มอินโดนีเซียประเมินว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบอาจจะพุ่งขึ้นในปีนี้ เนื่องจากการบริโภคทั่วโลกขยายตัวเร็วกว่าการผลิต

 

 

อินโดนีเซียประกาศตรึงดอกเบี้ยที่ 6.50%

 

ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 6.50% ในการประชุมวานนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลางก็ตาม

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียกำลังถูกกดดันให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.ของอินโดนีเซียพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.96% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก

 

ทั้งนี้การรตัดสินใจของธนาคารกลางได้สวนทางกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่คาดว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

 

 

เอกชนญี่ปุ่นเรียกร้องรัฐฯ เจรจาข้อตกลงการค้าเสรี Trans-Pacific

 

ผู้นำภาคธุรกิจญี่ปุ่นเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าร่วมเจรจาเพื่อหารือข้อตกลงการค้าเสรีกลุ่มหุ้นส่วนสองฟากฝั่งแปซิฟิก หรือ Trans-Pacific และสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่นหาแนวทางกระตุ้นการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆ

 

นอกจากนี้ ผู้นำภาคธุรกิจที่สำคัญๆของญี่ปุ่นได้เน้นย้ำเรื่องความสำคัญในการให้ความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและภาคการเกษตรเพื่อกระตุ้นบรรยากาศการดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรของญี่ปุ่นให้คึกคักมากขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ นายกฯ ญี่ปุ่นที่ย้ำถึงการตัดสินใจที่จะให้การสนับสนุนการทำข้อตกลงการค้าเสรีและผลักดันให้ปี 2554 เป็นปีสำคัญสำหรับญี่ปุ่นในการเปิดรับประเทศต่างๆ มากขึ้น

 

ทั้งนี้ ผู้นำภาคธุรกิจคาดว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในปลายปีนี้จากปัจจัยหนุนด้านการขยายตัวที่แข็งแกร่งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมถึงเศรษฐกิจในสหรัฐที่ฟื้นตัว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความจริงกราฟตัวนี้ผมไม่อยากจะเอาให้เพื่อนๆดูเลย เพราะเป็นกราฟรายวัน กว่าจะเห็นผลใช้เวลามากกว่า1วันถึงหลายๆวัน ระหว่างทางอาจมีเหตุปัจจัยอื่นๆมาแทรก ทำให้กราฟอาจเปลี่ยนจากทิศทางเดิมเป็นอื่นไปได้ ที่เอามาให้ดูก็เพื่อเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งได้ หากระหว่างทางกราฟเปลี่ยนทิศเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยน เพื่อนๆก็จะได้รู้ ใช่ว่ากราฟจะเชื่อถือได้เต็มร้อยทุกครั้งไป ที่พูดมานี่เพื่อนๆคงอ่านเข้าใจนะครับ

กราฟรายวัน อาจเปลี่ยนเพราะเหตุปัจจัยเปลี่ยนได้ ขอบอก เป้า1---1353.53 เป้า2---1335.57 เป้า3---1311.37

!thk คะ จะได้ฝึกดูและเดาๆไปด้วยคะ :D ขอบคุณที่ชี้แนะนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...