ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณครับอ.ทองใหม่ ขอให้สุขภาพแข็งแรง ดีขึ้นๆ นะครับ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟกองพื้นแล้วจะมี rebound ขึ้นไปได้ ระยะสั้นไม่เกิน 1608 ก็จะลงต่อ

 

ระยะกลาง ถึงแม้จะลงมา 1555 ยังบอกอยู่ในเขตแดนที่ขึ้น แต่เทรนลง

เท่ากับนี่แค่น้ำจิ้ม ถ้าเขตแดนที่ลง ไม่อยากจะคิด ว่าปลายทางอยู่ที่ใด

 

ระยะยาวยังลงไม่สุด (น่าจะขึ้น) ยังอยู่ก้ำกึ่ง จะอยู่เทรนขึ่นหรือลง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขึ้นมา 1555 มาหยุดที่ 1594 แล้ว ขอดูกราฟหน่อยคร่า ค. ทองใหม่ ถ้าหายเหนื่อยแล้ว สงสัยเมื่อคืน แอบดูบอลจนดึกแน่เลย {>¿<}

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น่าจะเคยอ่านกันแล้ว อ่านซ้ำอีกรอบ จะเป็นไร

 

"อย่าหนีนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย"

 

เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น

พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

"อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"

 

"ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ"

 

ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'

เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่

มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน

และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ

แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ

ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

 

เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ

12-13 ขวบ ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ

แม่จึงเดินเข้าไปถาม

 

"พี่หนอม มีไรหรอคะ"

 

"ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้

มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย"

 

พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที

และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

 

"ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ"

 

แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

 

"เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอน

ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ"

 

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า

แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้

แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

 

"อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ

เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันละ"

 

ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ

แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

 

"ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ"

 

แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง จากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

 

"ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ"

 

เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

 

"แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..."

 

แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

 

"ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ

น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้

รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ

คนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย"

 

แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป

 

หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

 

"ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ"

 

แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า

 

"ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก

แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"

 

"แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่"

 

ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

 

"แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ กับลูก

จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ

รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน

และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ

เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น"

 

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

 

"แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า"

 

"ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"

 

"แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่"

 

"ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ

มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว

ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"

 

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

 

"จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ

อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ

แม่ถึงช่วยแกเอาไว้"

 

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

 

"ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียง

แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง

ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"

 

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ

ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น

ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

 

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด

แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ

สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้า

เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อส่งฉันเรียน

แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน

แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

 

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น

ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ

ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก

แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ

จะได้หายเร็วๆ

 

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉันเริ่มสบายใจขึ้น

แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก

คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย

ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ

เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

 

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน

หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้

หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที

แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่ง

ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น

ฉันก็ตกลง

 

หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว

แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก

ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่

และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก

โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม

อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท

เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

 

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน

ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย

แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

 

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ

และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทางโรง

พยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน

ปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

 

ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัด

และเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่

โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ

นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา

แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่

โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

 

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น

เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

 

'ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์

ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

 

ค่าผ่าตัด 0 บาท

ค่ายาทั้งหมด 0 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท

รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

 

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ

ส้มหนึ่งถุง

 

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า

 

นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องเกิดขึ้นจริง

 

ณ สนามบินในประเทศแห่งหนึ่ง ผู้หญิงผิวขาวอายุประมาณ 50 ปี ขึ้นเครื่องบินลำหนึ่งที่มีผู้โดยสารแน่นเต็มลำ เมื่อเธอเดินไปถึงที่นั่งของเธอ เธอกลับไม่ต้องการที่จะนั่งตรงนั้น เพราะที่นั่งของเธอติดกับชายผิวดำคนหนึ่ง เธอทำท่าทางรังเกียจและเรียกแอร์โฮสเตสมาและพูดว่า "ฉันไม่สามารถนั่งที่ตรงนี้ ข้างชายผิวดำคนนี้ได้" และสั่งให้แอร์โฮสเตสหาที่นั่งใหม่ให้เธอ

 

แอร์โฮสเตสรับคำแล้วหายไปครู่หนึ่ง พร้อมกลับมาบอกว่า "มาดาม ที่นั่งทุกที่ในระดับ Economy (ราคาถูกสุดเก้าอี้เล็กสุด) เต็มหมดแล้ว แต่ดิฉันจะเช็คกับกัปตันให้ว่า ยังพอมีที่นั่งในระดับ First Class (หรูมากๆ) หรือเปล่า"

 

แอร์โฮสเตสหายไปอีกสิบนาทีแล้วกลับมาพร้อมพูดว่า "กัปตันบอกว่าที่นั่งในระดับ Economy เต็มแล้ว แต่ยังมีที่ว่างใน First Class อยู่หนึ่งที่พอดี" แอร์โฮสเตสพูดต่อ "ในกรณีนี้กัปตันรู้สึกสงสารผู้โดยสารมากที่ต้องนั่งติดกับบุคคลที่น่ารังเกียจ และกัปตันได้อนุมัติให้ย้ายที่นั่งไปที่ First Class แล้ว"

 

ก่อนที่ผู้หญิงผิวขาวคนนั้นกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจ ในขณะที่ชายผิวดำเริ่มใจเสียแล้ว แอร์โฮสเตสพูดต่อว่า "ดังนั้น คุณผู้ชาย กรุณาหยิบกระเป๋าของคุณ แล้วตามดิฉันมานั่งอย่างหรูหราที่ First Class ด้วยค่ะ กัปตันไม่อยากให้คุณนั่งติดกับบุคคลที่น่ารังเกียจค่ะ" ผู้โดยสารทั้งลำได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ต่างลุกขึ้นยืนปรบมือโห่ร้องให้กับการตัดสินใจที่เฉียบขาดของกัปตัน

522861_10150999816521834_1109757761_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณนะคุณปุยเมฆ ยังไม่ได้เรื่องนี้เลย. อ่านแล้วซึ้งกินใจจัง บางทีการช่วยเหลืออะไรกับใครเล็กๆน้อยๆตามกำลังที่เราทำได้. ผลที่ได้นอกนอกจากความสุขใจบางทีเราจะได้อะไรกลับมามากกว่าก้อได้นะ อะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ก้อช่วยกันไปแต่ต้องแบบมีเหตุมีผลไม่ต้องไปหวังผลอะไรมากนักหรอกให้แล้วปล่อยก้อสุขใจแล้วนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟตาแป๊ะรายวัน

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว 卖 ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง买----ซื้อ เส้นหักมุม(เส้นเส้นคู่เล็กบางสีขาง+เหลืองอ่อน)ขึ้น—ลง ตามมุมที่หัก(ให้ผลระยะกลางยาว)

ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้อมากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง

ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน

ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้

รายสัปดาห์---------รายวัน----------รายชม.

post-237-0-94023500-1339232362_thumb.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟนี้ดูแนวหนุนต้านก็พอครับ ส่วนUp DOWNเป็นแนวโน้มที่อาจเป็นไปได้เท่านั้น อย่าปฏิบัติตามนะครับ อาจเกิดความเสียหายได้ ขอบอก

post-237-0-57769000-1339232637.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ มีนัดตอน 5 โมงซะด้วยซิ คงกลับดึกอยู่ ไว้จะมาแปลให้นะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ มีนัดตอน 5 โมงซะด้วยซิ คงกลับดึกอยู่ ไว้จะมาแปลให้นะคะ

 

ขอบคุณคับพี่ปุยเมฆ รออ่านด้วยคนคับ :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ คุณ อ ทองใหม่ คุณปุย

 

ขอบคุณค่ะ มีนัดตอน 5 โมงซะด้วยซิ คงกลับดึกอยู่ ไว้จะมาแปลให้นะคะ

 

รออ่านพรุ่งนี้ครับ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...