ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 160 จุด หลัง FED พร้อมใช้มาตรการฟื้นฟู

 

Posted on Monday, August 30, 2010

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยืนยันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) พร้อมใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติม รวมถึงการใช้มาตรการพิเศษ (unconventional measures) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนในตลาดสินเชื่อ หากคณะกรรมการ FED พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

ทั้งนี้ มาตรการพิเศษของ FED อาจครอบคลุมถึงการเปิดโครงการซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ในปริมาณมาก โดย FED เคยนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ในช่วงที่สหรัฐฯเผชิญวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพื่อเป็นช่องทางในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินได้มากขึ้น

 

นอกจากนี้ นายเบอร์นันเก้ซึ่งกล่าวปาฐกถาในที่ประชุมประจำปีของ FED ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ๊คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค. ยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสูงขึ้นในปี 2554

 

แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้มีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/53 ว่า ขยายตัว 1.6% ซึ่งน้อยกว่าที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัว 2.4% และเป็นสถิติที่ขยายตัวรายไตรมาสที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม จีดีพีไตรมาส 2/53 ที่ผ่านการทบทวนครั้งล่าสุดนี้ ขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.4%

 

สำหรับปัจจัยที่ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯปรับลดการประเมินตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/53 มาจากยอดการนำเข้าสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภาคเอกชนปรับลดการลงทุนด้านสต็อกสินค้าลงอย่างหนัก โดยยอดการนำเข้าสินค้าในไตรมาส 2/53 พุ่งขึ้น 32.4% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/27และสูงกว่ายอดการส่งออกที่ขยับขึ้นเพียง 9.1%

 

นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูแถลงการณ์ของเบอร์นันเก้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเบอร์นันเก้จะส่งสัญญาณถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯหรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า ความอ่อนแอของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯให้ชะลอตัวลงนั้น อาจทำให้คณะกรรมการ FED ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

 

หุ้นอินเทล คอร์ป ปิดบวก 19 เซนต์ แตะที่ 18.37 ดอลลาร์สหรัฐ แม้บริษัทประลดคาดการณ์รายได้ในปีนี้ ขณะที่หุ้น 3PAR ปิดพุ่ง 6.43 ดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 32.46 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากฮิวเลตต์-แพคการ์ด (HP) ได้เพิ่มข้อเสนอซื้อกิจการบริษัท 3PAR Inc. ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลในสหรัฐฯ เป็นเงินสดมูลค่า 1.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 27 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น เหนือกว่าข้อเสนอของบริษัทคู่แข่งอย่าง เดลล์ อิงค์ ที่ยื่นข้อเสนอด้วยราคา 24.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หรือ 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

- Dow Jones ปิดที่ 10,150.65 จุด (+1.65%)

- S&P 500 ปิดที่ 1,064.59 จุด (+1.66%)

- Nasdaq ปิดที่ 2,153.63 จุด (+1.65%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำปิดบวกเล็กน้อย ซื้อขายผันผวนหลัง FED เล็งใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 

Posted on Monday, August 30, 2010

ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กผันผวนตลอดทั้งวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2553 ว่า ขยายตัว 1.6% ซึ่งน้อยกว่าที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัว 2.4% อย่างไรก็ตาม GDP ไตรมาส 2/53 ที่ผ่านการทบทวนครั้งล่าสุดนี้ ขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.4%

 

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยืนยันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) พร้อมใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติม รวมถึงการใช้มาตรการพิเศษ (unconventional measures) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนในตลาดสินเชื่อ หากคณะกรรมการ FED พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดที่ 1,237.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (-0.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนกันยายน ปิดที่ 19.039 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.05 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวในประเทศ หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2010 เวลา 09:31 น. บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

 

กลยุทธ์วันนี้ 910

ประเด็นสำคัญวันนี้ และแล้ว SET INDEX สามารถปิดทะลุ 900 จุดได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 671 ล้านบาท และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง

ทิศทาง SET INDEX วันนี้คาดว่าจะยังเป็นการไต่ระดับขึ้นเพื่อทดสอบ 910 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หลังประธานเฟด Bernanke ยืนยันจะทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง น่าจะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินทุนไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้อีกระยะหนึ่ง ผ่านการทำ US Dollar Carry Trade บวกกับประเด็นการเก็งกำไรในกลุ่ม ICT วันนี้ เพราะเป็นวันสุดท้ายของการปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 3.9จี ย่อมทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมของตลาดหุ้นไทยวันนี้ น่าจะไต่รับขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว และการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของ PTT จำนวน 4.50 บาท ขึ้น XD วันที่ 7 ก.ย.

 

 

ทั้งนี้คงต้องติดตามการประชุมฉุกเฉินของ BOJ เช้าวันนี้ ต่อมาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินเยนแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และแนะนำ “ทยอยสะสม” BANPU และแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร BTS”

การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” Stop Loss: S50U10 < 600 จุด ปิด Long และ เปิด Short

Portfolio Hold: CPF/ MCOT/ BEC/ BBL/ PTT/BANPU/ TPC/ MINT/ MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ LH / QH / CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANA/ THCOM

Accumulative Buy: BANPU

Speculative Buy: BTS

 

 

-Strategy Today

 

 

แม้ว่าตลาดหุ้นในเอเชียเมื่อวันศุกร์จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะต่างรอตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ใน 2Q53 ทำให้การลงทุนจึงเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยกลับขยับขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร, กลุ่ม ICT และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า ผลักดันให้ SET INDEX สามารถขยับขึ้นทดสอบ 900 จุด และสามารถปิดที่ 900.37 จุด เป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 42 เดือน เพิ่มขึ้น 14.27 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 43,609 ล้านบาท

 

 

กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดวานนี้ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก +5.82%, กลุ่ม IMM +4.85%, กลุ่มอาหาร +2.91% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน +0.38%, กลุ่มธนาคาร +1.65%, กลุ่ม ICT +2.47% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +2.51%

 

 

SET INDEX จะยังมีทิศทางการไต่ระดับขึ้นสู่ 910-915 จุดได้ในวันนี้ พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลัง DJIA – NYMEX เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา น่าจะสร้างบรรยากาศการลงทุนในเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในวันนี้ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่ยังสนับสนุน SET INDEX ได้แก่

 

 

1. แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการชะลอตัว แต่เฟดยืนยันออกมาตรการแก้ไขปัญหา: การปราศรัยของประธานเฟด Bernanke ยืนยันถึงการใช้นโยบายการเงินอื่นๆ นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ย เพื่อเป็นการประกันการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจ แน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ยังไม่สามารถขยับขึ้นได้ในปีนี้ แต่กลับมีแนวความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม ด้วยการซื้อตราสารหนี้ และ/หรือให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ภาคธุรกิจบางประเภท เป็นต้น ซึ่งน่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ไม่น้อย

 

 

2. การทำ US Dollar Carry Trade กลับมามีบทบาทมากยิ่งขึ้น: เพราะคำปราศรัยของประธานเฟดคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการยืนยันการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแบบสุดโต่งต่อไปอีกระยะหนึ่ง บวกกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเพื่อสะท้อนความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมกับการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม ย่อมทำให้นักลงทุนมองหาโอกาสของการลงทุนผ่าน US Dollar Carry Trade แน่นอนว่าเศรษฐกิจในเอเชีย รวมถึงไทย ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุน

 

 

3. กระแสเงินทุนต่างชาติเข้าสะสมตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง: แน่นอนว่าปัจจัยหนึ่งมาจาก US Dollar Carry Trade แต่อีกส่วนน่าจะมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย 2H53 บวกกับ YTD ของนักลงทุนต่างชาติที่มีตลาดหุ้นไทยต่ำเพียง US$67 ล้าน ต่ำสุดในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ทั้ง 6 ตลาด การกลับมาสะสมตลาดหุ้นในเอเชียอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยน่าจะเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ของการสะสม ซึ่งนั้นย่อมหมายความว่าหุ้น Big Cap ย่อมเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติเช่นกัน

 

 

4. คาดกลุ่ม ICT จะเคลื่อนไหวโดดเด่นวันนี้: เพราะเป็นวันสุดท้ายปิดรับสมัครการประมูลใบอนุญาต 3.9G ของกทช. น่าจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรประเด็นเหล่านี้เข้ามาต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

สำหรับการลงทุน PTTEP นั้น KimEng ยืนยันหลีกเลี่ยงการลงทุนจนกว่ามีความชัดเจนหรือสามารถประเมินความเสียหายจากกรณีมอนทารา ถึงแม้ล่าสุดรัฐบาลอินโดนีเซียขยับวงเงินการฟ้องร้องความเสียหายมากถึง US$2.2 พันล้าน ขณะที่ความเสียหายจากออสเตรเลียยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทำให้ความเสี่ยงดังกล่าวจะยังกดดันราคาหุ้น PTTEP ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องแล้วก็ตาม

กลยุทธ์การลงทุน KimEng ยืนยันให้นักลงทุน “ถือพอร์ตการลงทุนเพื่อรอจังหวะของการขายทำกำไรบริเวณ 925 +/- จุด” คาดว่าน่าจะได้เห็นในสัปดาห์หน้าบริเวณดังกล่าว และกลายเป็นจังหวะสำคัญต่อการทยอยขายทำกำไรของการลงทุนในรอบนี้

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสม” หุ้นต่อไปนี้

1. BANPU: ราคาปิด 608 บาท ราคาเหมาะสม 740 บาท

a. ราคาถ่านหินเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว หลัง BJI เพิ่มขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกในรอบ 10 สัปดาห์กว่า 2% และล่าสุดราคาถ่านหินล่วงหน้าทั้ง 3 ตลาดคือ Rotterdam, Richard bay และ New Castle เพิ่มขึ้นพร้อมกับเฉลี่ย 1% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

b. แนวโน้มผลกำไร 3Q53 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจาก 2Q53 ตามปริมาณการจำหน่ายถ่านหินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเหมือง Jorong หลังกลับมาผลิตได้กลางเดือนสิงหาคมและราคาจำหน่ายถ่านหินที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามราคาถ่านหินในครึ่งปีแรกที่ยืนเหนือ 90 เหรียญ/ตัน ในขณะที่ส่วนแบ่งผลกำไรจาก AACI ก็คาดว่าจะดีขึ้นตามความต้องการใช้ถ่านหินในจีนที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะมาชดเชยกับส่วนแบ่งผลกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP ที่อาจจะลดลงตามอัตราค่าไฟฟ้าที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA)

 

 

2. และแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” BTS ราคาปิด 0.89 บาท เทียบกับราคาเหมาะสม 0.94 บาท

a. คาด 2Q53 BTS จะพลิกกลับมาทำกำไรได้ โดยจำนวนผู้โดยสารฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. ที่มีจำนวนผู้โดยสารต่อวันที่ 446,791 คน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 280 ล้านบาท จาก 1Q53 ที่มีดอกเบี้ยจ่าย 441 ล้านบาท หลังจากนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนหนี้ 12,000 ล้านบาท จาก ณ สิ้น 1Q53 อยู่ประมาณ 2.36 หมื่นล้านบาท

b. คาดจำนวนผู้โดยสารนับตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.เป็นต้นมาจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลัง Airport Real link เปิดให้บริการ ซึ่งจะเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับ BTS สถานีพญาไท ทั้งนี้การสร้างทางเดินเชื่อมต่อจะแล้วเสร็จในเดือนก.ย. ยิ่งเป็นส่วนเสริมของการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารให้แก่ BTS ในสายหลัก

c. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นส่วนต่อยอดของธุรกิจให้แก่ BTS ทางอ้อม โดยโครงการแรกที่เปิดตัวไปคือ Abstracts Phahonyothin มูลค่าโครงการ 8.5 พันล้านบาท ซึ่งเปิดเฟดแรกไปแล้วในเดือน ก.ค. และยอดจองอยู่ในระดับ 75% ของโครงการ

 

 

 

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือ

1. รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค.: ตลาดคาดว่าไว้ที่ 0.20% mom จากเดือนก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

2. การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค.: ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% mom จากเดือนก่อนหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ ประจำวันที่ 30 ส.ค. 53

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2553 09:43:05 น.

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์

คำแนะนำการลงทุน Gold Futures

DAY TRADER

GFM10 ซื้อในช่วงราคา 18400 — 18430 ขายในช่วงราคา 18490 — 18520

GFQ10 ซื้อในช่วงราคา 18480 — 18510 ขายในช่วงราคา 18570 — 18600

SWING TRADER

ทิศทางราคาทองคำโลก(Gold Spot) ยังคงอยู่แนวโน้มขาขึ้นแต่ถูกแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยมีแนวรับและแนวต้านที่1230และ1245เหรียญ คำแนะนำนักลงทุนรายวันให้เก็งกำไรในภาวะแกว่งตัวของตลาด คำแนะนำนักลงทุนรายสัปดาห์ลดสถานะ LONG POSITION เหลือ 40% ของPORTFOLIO ระวังGold Futures series Q จะหมดอายุวันนี้

 

GFQ10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18520 รอขายที่ระดับ 18650

GFV10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18620 รอขายที่ระดับ 18750

ปัจจัยสำคัญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 164.84 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 10,150.65 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ 1.66% ปิดที่ 1,064.59 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 34.94 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 2,153.63 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ส.ค.) ขานรับ เบน เบอร์นันเก้ ประธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยืนยันว่าคณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการฟื้นฟูหากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอ และรายงานการประเมินตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

เนื่องจากวันที่30/08/2010Bank of Englandปิดทำการ การกำหนดราคา Final Settlement Price ของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Gold Futures ของเดือนที่ส่งมอบหรือชำระราคาเดือนสิงหาคม 2553 (Settlement Month) ตลาดอนุพันธ์จะใช้ ราคาทองคำ จะกำหนดราคาทองคำโดยคำนวณด้วยการ อ้างอิงจากราคาฟิวเจอร์สของทองคำในตลาดโตเกียว ในวันซื้อขายวันสุดท้าย (วันที่ 30 สิงหาคม 2553) ทั้งนี้ ในการคำนวณจะปรับปรุงโดยคำนึงถึง ความแตกต่างของราคาฟิวเจอร์สของทองคำและราคาทองคำ และปรับอัตราแลกเปลี่ยน น้ำหนัก และความบริสุทธิ์ของทองคำ การปรับอัตราแลกเปลี่ยน น้ำหนัก และความบริสุทธิ์ของทองคำใช้สูตรการคำนวณ ดังนี้ ราคาต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท (ใช้ค่าทศนิยม 2 ตำแหน่ง)= ราคาทองคำ x (15.244/1) x (0.965/0.9999) x [(THB/USD)/(JPY/USD)]

 

GOLD Market Recap : 27/08/2010

MORNING RECAP : ราคาทองคำต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,236 $ ส่วน Gold Future Q10 เปิดที่ 18,450 สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 18,350 ปรับลง 100 บาทจากวันทำการก่อน ตลาดทองคำอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 31.35 บาท ต่อดอลล่าร์สหรัฐ ในช่วงเช้าราคาทองคำแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,233 - 1,237 $ สำหรับช่วงบ่าย ราคาทองคำแกว่งตัว Side way ปิดตลาด Gold Future Q10 ปิดตลาดที่ 18,450 ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำแท่ง ไม่เปลี่ยนแปลง ปิดตลาดอยู่ที่ 18,350 บาท นักลงทุนซื้อขายทำกำไรอย่างคึกคัก เนื่องจาก ราคายังอยู่ในภาวะกระทิง

 

NIGHT RECAP: ราคาทองคำเปิดตลาดในประเทศไทยที่ระดับ 1236 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1234 - 1238 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1235 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย ต่อมาในตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ราคาทองคำมีการเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1231 - 1242 เหรียญ และมาปิดตลาดที่ 1238 เหรียญ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:wub: ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ ข้อมูลแน่นปึก +1 ค่ะ !Hi

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

 

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

 

ต้าน๓1300.00-----------จุดจิตรวิทยาที่สำคัญ หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1265.10-----------จุดสูงของวันที่21 มิย. หากแตก ซื้อขึ้น หากไม่แตก ซื้อลง

ต้าน๑1243.70-----------จุดสูงของวันที่01 กค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

วันที่ 30 สค. 2010

 

หนุน๑1228.09--------จุดต่ำของวันที่25 สิงหาคม หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๒1210.10--------จุดต่ำของวันที่24 สิงหาคม หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1192.30--------จุดต่ำของวันที่11 สิงหาคม. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:wub: ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ ข้อมูลแน่นปึก +1 ค่ะ !Hi

post-237-099789900 1283138756.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET50 รายชม. สัญญาณขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ มาถึงตอนนี้เวลานี้ สัญญาณลงเริ่มจะปรากฏบ้างแล้วครับ ระวังหน่อยนะครับ

post-237-001475200 1283142877.gif

ถูกแก้ไข โดย ทองใหม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 30 ส.ค. 2553

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2010 เวลา 11:07 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 30 ส.ค. 2553

 

 

 

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันวันที่ 30 สิงหาคม 2553 ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจเศรษฐกิจโลกไม่ฟุบซ้ำสอง

 

 

 

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 75.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจาก

 

+ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกถูกเรียกกลับคืนมาอีกครั้งภายหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้กล่าวยืนยันต่อผู้เข้าร่วมประชุมจากธนาคารกลางทั่วโลกว่ามีโอกาสน้อยมากเศรษฐกิจโลกจะหันกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง แม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นไปอย่างช้าๆ

+ คำกล่าวข้างต้น ประกอบกับการซื้อหุ้นคืนเพื่อทำกำไรจากสัญญาขายล่วงหน้า (Short covering) ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 160 จุด ไปปิดที่ 10,150.65 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

+ นักลงทุนในตลาดน้ำมันต่างพากันซื้อน้ำมันดิบคืนเพื่อทำกำไรจากสัญญาขายล่วงหน้า (Short covering) ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งพายุโซนร้อน เอิรล์ มีโอกาศที่จะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนลูกที่ 3 ได้ในภายในวันอาทิตย์นี้ อย่างไรก็ตามจากการพยากรณ์ล่าสุด คาดว่าพายุโซนร้อนเอิร์ลจะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกของรัฐฟลอริดา และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในบริเวณอ่าวเม็กซิโก

+ ทางการสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 2 ว่ามีการเติบโต 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากการประกาศครั้งก่อนหน้า อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.4%

- เฮอริเคนแดเนียลได้เคลื่อนตัวออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันออกของสหรัฐฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติแต่อย่างใด

 

 

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 76.65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 0.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 71.89 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์:

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะที่จีนเริ่มมีการส่งออกน้ำมันเบนซินออกมาขายในภูมิภาค

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลที่มีอยู่มากในภูมิภาคและน้ำมันดีเซลคงคลังที่ยังอยู่ในระดับสูง

 

 

-ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

 

 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 72-78 เหรียญสหรัฐฯ ติดตามตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่จะประกาศนคืนนี้ รวมถึงการก่อตัวของพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกที่คาดว่าจะเริ่มมีมากขึ้นในช่วงเดือนก.ย. ถึง ต.ค.

 

 

ปัจจัยที่ต้องจับตามอง

• ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันจันทร์: รายได้ส่วนบุคคลและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

วันอังคาร: ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

วันพุธ: ยอดขายรถ รายงานสถานการณ์การจ้างงาน ดัชนีภาคการผลิต และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง

วันพฤหัส: ยอดคำสั่งซื้อของโรงงาน และยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขาย

วันศุกร์: ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงาน

• การประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 8-9 ก.ย. นี้ ซึ่งจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งจับตาดูมุมมองของธนาคารกลางยุโรปต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของยุโรป และดูว่าจะมีมาตรการเสริมใดๆ ออกมาช่วยเศรษฐกิจบ้าง

• ปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังของสหรัฐฯ ที่จะประกาศเป็นประจำทุกวันพุธโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ระดับสูงุสดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตัวเลขปริมาณน้ำมันคงคลังที่ปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า การใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

• ฤดูกาลเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกที่จะเริ่มมีความรุนแรงขึ้นในช่วงตั้งแต่กลางเดือน ส.ค. ไปจนถึงเดือน ต.ค. ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในบริเวณอ่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วายแอลจี ชี้ตลาดทองคำสัปดาห์นี้รอความชัดเจนมาตรการเศรษฐกิจสหรัฐฯ แนะนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2553 11:36:03 น.

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--PRdd

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอโดยเฉพาะตัวเลขยอดขายบ้านมือสองและยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งได้ผลักดันให้ราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุด ที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าในช่วงปลายสัปดาห์จะมีตัวเลขที่ผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนลงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ลดลงหรือตัวเลข GDP ที่ลดลงน้อยกว่าคาด ทำให้ราคาทองคำชะลอตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนปิดไปที่ระดับ 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์สำหรับสัปดาห์นี้ตลาดทองคำยังรอความชัดเจนจากมาตรการที่ทางการสหรัฐจะออกมาเพื่อยับยั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังจากเบอร์นันเก้ยืนยันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) พร้อมที่จะใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติม รวมถึงการใช้มาตรการพิเศษ (unconventional measures) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนในตลาดสินเชื่อนอกจากนี้ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆว่าจะออกมาในทิศทางใดซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆนั้นออกมาไม่ค่อยดีมากนัก

 

ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุนทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อนจนกว่าราคาทองคำจะมีการพักฐานที่ชัดเจนจึงจะแนะนำให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำรอบใหม่ ในส่วนของกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ทางวายแอลจีคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,200 — 1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับแนวต้านของการเคลื่อนไหวดังตารางที่ 1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...