ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[ทองใหม่ 7,435]

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดลบ $3.7 จากกระแสคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 มีนาคม 2554 06:50:39 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะหนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่จะสร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1416.20 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,411.00-1,423.50 ดอลลาร์

 

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 10.1 เซนต์ ปิดที่ 36.987 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 0.35 เซนต์ ปิดที่ 4.3465 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,744.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 7.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 752.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นในช่วงเช้า เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 63.4 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 72.0 จุด เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำเริ่มถอยร่นลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงบ่าย หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมาเป็นเวลานาน

 

ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น แต่จะสร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำ เพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้ต้นทุนการซื้อสัญญาทองคำสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

[ทองใหม่ 7,435]

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก 81 เซนต์ หลังวิกฤติตอ.กลางกระทบอุปทาน

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 มีนาคม 2554 07:11:25 น.

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจะส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงาน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐหดตัวลง นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นอีก

 

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับขึ้น 81 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.70-105 ดอลลาร์

 

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 161 เซนต์ ปิดที่ 3.0573 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.60 เซนต์ ปิดที่ 3.0436 ดอลลาร์/แกลลอน

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 115.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบในขณะที่สถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังไม่สิ้นสุดลงในขณะนี้ โดยเหตุการณ์ประท้วงขับไล่ผู้นำลิเบียส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันของลิเบียลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง และยังส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันดิบในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านด้วย

 

ส่วนสถานการณ์ในประเทศตะวันออกกลางนั้น กลุ่มผู้ประท้วงในเยเมนยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้ประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ลงจากอำนาจ แต่ท่าเรือลำเลียงน้ำมันในเยเมนยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ แม้เหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 63.4 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 72.0 จุด เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย

 

สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งสหรัฐ (AAA) ร่วมกับไรท์เอ็กเพรส แอนด์ ออยล์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยที่สถานีบริการทั่วสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.587 ดอลลาร์/แกลลอน (หรือ 95 เซนต์/ลิตร) ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบีย

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.3%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

[ทองใหม่ 7,435]

ดาวโจนส์ปิดบวก 81.13 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน,วัสดุ

 

 

ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

โดย สุวิภา บุษยบัณฑูร

วันพุธที่ 30 มีนาคม 2011 เวลา 07:10 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) จากปัจจัยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ และปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวลงไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 81.13 จุด หรือ 0.67% แตะที่ 12,279.01 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.25 จุด หรือ 0.71% แตะที่ 1,319.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 26.21 จุด หรือ 0.96% แตะที่ 2,756.89 จุด

 

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

 

ทั้งนี้จากรายงานข่าว ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ประจำเดือนม.ค. ลดลง 0.2% จากเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 7 เดือน

 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตลาดเริ่มดีดตัวขึ้นหลังจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุพื้นฐาน หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสองประเภทปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.28% อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นจะเพิ่มการนำเข้าวัสดุและน้ำมันเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่พุ่งขึ้น 81 เซนต์ แตะที่ 104.79 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยอิสระชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 63.4 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 72.0 จุด เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย แต่ดัชนีลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าจะร่วงลงสู่ระดับ 60 จุด

 

หุ้นโฮม ดีโปท์ อิงค์ ปิดพุ่งขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้น 30 ตัวที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังจากโฮม ดีโปท์ประกาศว่า บริษัทจะระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้เพื่อซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

 

หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปิดร่วงลงหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยราคาบ้านร่วงลงในสหรัฐ โดยหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ปิดร่วง 3.4% หุ้นเคบี โฮม ปิดร่วง 1.9% และหุ้นโทล บราเธอร์ส ปิดลบ 0.2%

 

ส่วนหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ปิดบวก 0.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการเข้าซื้อหุ้น 90% ในบริษัทคอนเวอร์ทีม ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกรายใหญ่ของฝรั่งเศส

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันที่ 30 มีนาคม นี้ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนมี.ค. วันที่ 31 มีนาคมนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนมี.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ.

 

ส่วนวันศุกร์ 1 เมษายนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ. และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.

[noijaa 12]

ขอบคุณค่ะ

[ทองใหม่ 7,435]

ทิศทางทำท่าขึ้น ตัวใครตัวมันครับ !_06 !_06 !_06

[put42 92]

ทิศทางทำท่าขึ้น ตัวใครตัวมันครับ

 

 

แล้วที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ดอลล่าแข็งค่าขึ้น แล้วน้องทองจะลง? ตกลงเป็นแบบไหนคะ...

[ทองใหม่ 7,435]

ทิศทางทำท่าขึ้น ตัวใครตัวมันครับ !_06 !_06 !_06

 

 

แล้วที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ดอลล่าแข็งค่าขึ้น แล้วน้องทองจะลง? ตกลงเป็นแบบไหนคะ...

เพียงทำท่า--มีท่าทีในเบื้องต้นเท่านั้น ยังต้องจับตาดูต่อไป

[gold8 37]

[gold8 37]

[gold8 37]

[gold8 37]

[gold8 37]

[gold8 37]

[Amy 0]

ขอบคุณคะอาจารย์

ติดตามอ่านทุกๆข้อมูลอยู่คะ

[korakots 8]

ขอบคุณครับ