ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำแตะนิวไฮ หลังนักลงทุนยังวิตกเศรษฐกิจโลก

 

Posted on Monday, June 21, 2010

นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าราคาทองคำอาจทะยานสู่ระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องรวม 12% นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ ขณะที่นักลงทุนกำลังไม่มั่นใจเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีข้อมูลเศรษฐกิจทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน รวมถึงยุโรปซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้สิน นักลงทุนจึงหันมาลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่าราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนให้ราคาโลหะเงิน พัลลาเดียม และพลาตินัม ซึ่งเป็นโลหะมีค่าแต่ก็มีการใช้ในภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นยังช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนสิงหาคม ปิดที่ 1,258.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+9.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ปิดที่ 19.184 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ImageShack.us

95260.gif

บาท/ดอลลาร์ภาคเช้าแข็งค่า, จีนปล่อยหยวนยืดหยุ่นมากขึ้น หนุนเงินภูมิภาค (21-06-53)

*บาท/ดอลลาร์ภาคเช้าแข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค หลังแนวโน้มการเพิ่มความ

ยืดหยุ่นให้กับค่าเงินหยวน ส่งผลให้มีแรงซื้อสกุลเงินเอเชีย

*ดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นกว่า 1% และยูโรแตะระดับสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์

เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียวันนี้ ขณะที่นักลงทุน

มองว่า ความมุ่งมั่นของจีนที่จะปล่อยให้หยวนยืดหยุ่นมากขึ้นนั้น เป็นสัญญาณ

การเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

*จีนเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนหยวน มีความยืดหยุ่น

มากขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งบ่งชี้ว่า จีนพร้อมที่จะยกเลิกการผูกติดหยวน

กับดอลลาร์สหรัฐ ที่ดำเนินมา 23 เดือน

*สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นด้วย ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงกว่า 1%

เมื่อเทียบกับดอลลาร์สิงคโปร์ สู่ระดับอ่อนสุดในรอบ 5 เดือน ที่ 1.3697

ดอลลาร์

*ยูโรในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์คเมื่อวันศุกร์ ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ

3 สัปดาห์เมื่อเทียบดอลลาร์ โดยปรับตัวขึ้นมากสุดเมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์

ในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่ผู้นำยุโรป เผยว่า จะเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับ

สถานะของธนาคารยุโรป

*ความวิตกเกี่ยวกับฐานะการคลังของประเทศในยูโรโซน ลดลงไปบ้างใน

สัปดาห์ที่ผ่านมา และทำให้นักลงทุนเข้าซื้อยูโร โดยตลาดคลายความวิตกต่อ

ฐานะการคลังของสเปนไปบ้าง หลังจากสเปนดึงดูดผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้

ในการประมูลเมื่อสัปดาห์ก่อน

*09.15 น. บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 32.29/32 จาก 32.38/43 เมื่อวันศุกร์

ขณะที่ใน offshore อยู่ที่ 32.305/335 จาก 32.39/41 เมื่อวันศุกร์

*เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 90.77/79 จาก 90.73 ในตลาดนิวยอร์คเมื่อวันศุกร์

*ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.2399/02 จาก 1.2374 ในตลาดนิวยอร์คเมื่อวันศุกร์

 

"เปิดแข็งค่าขึ้นมาพอสมควร สกุลอื่นก็แข็งค่าขึ้นมาหมด จากเรื่องของจีนที่

ประกาศว่า จะให้หยวนยืดหยุ่นมากขึ้น" ดีลเลอร์ กล่าว

เขา กล่าวว่า การเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับค่าเงินหยวน ส่งผลให้มีแรงซื้อ

สกุลเงินเอเชีย รวมถึงเงินบาท เข้ามาค่อนข้างมากในวันนี้ แต่มองว่ายังเป็นเพียง

การเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อรอความชัดเจนในระยะต่อไป ทำให้เงินบาทวันนี้ ยัง

ไม่น่าผ่านแนวต้านที่ 32.28 ส่วนแนวรับอยู่ที่ 32.40

 

แหล่งที่มา (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย รายงานและเรียบเรียง--บร--)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐขานรับจีนส่งสัญญานให้หยวนยืดหยุ่นมากขึ้น

 

Posted on Monday, June 21, 2010

สหรัฐขานรับจีนส่งสัญญานให้หยวนยืดหยุ่นมากขึ้น

 

1 สัปดาห์ก่อนที่การประชุม G20 จะเปิดฉาก จีนส่งสัญญาณว่าจะให้เงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังจากที่ได้มีการตรึงค่าเงินหยวนกับเงินดอลลาร์เอาไว้ถึง 2 ปี ที่ระดับ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่ก.ค. 2551

 

ธนาคารกลางจีนได้กล่าวผ่านเว็บไซต์ว่า โอกาสในการตัดสินใจให้เงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นนั้นเริ่มที่จะมีเพิ่มมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจน

 

ขณะที่ ธนาคารโลกสนับสนุนรัฐบาลจีนให้ปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจากเงินหยวนที่แข็งค่าจะช่วยลดภาวะเงินเฟ้อลง และยังช่วยส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศจีนเอง

 

พร้อมกันนี้ธนาคารโลกยังแนะนำให้จีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไป

 

ที่ผ่านมา จีนถูกวิจารณ์ในวงกว้างเรื่องการคงค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเกินจริง โดยเฉพาะสหรัฐที่กดดันจีนอย่างมากในเรื่องนี้ โดยธนาคารโลกชี้ว่า สกุลเงินที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิมจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ และทำให้นโยบายการเงินมีความเป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้จีนสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ แม้ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของประเทศอื่นๆที่มีรายได้สูงยังคงอยู่ในระดับต่ำ

 

รัฐบาลจีนเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจที่ขยายตัวร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะราคาอาหารและอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลก็ยังไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้นำมาตรการอื่นมาใช้แทน เช่น การจำกัดการปล่อยเงินกู้ของธนาคาร ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว 11.9% ต่อปี ในไตรมาสแรกของปีนี้

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐขานรับการตัดสินใจของจีนในการเพิ่มความยืดหยุ่นต่อนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวน โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจโลก

 

ขณะเดียวกันนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ก็ออกแถลงการณ์ขานรับการตัดสินใจของจีน พร้อมทั้งชี้ว่า นโยบายดังกล่าวจะช่วยเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีความสมดุลมากขึ้น

 

นายโดมินิค สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศแสดงความเห็นว่า การตัดสินใจของจีนครั้งนี้เป็นข่าวที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือนของจีนเองและยังเป็นแรงจูงใจให้มีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคชาวจีนมากยิ่งขึ้น

 

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขบ้านสหรัฐฯ – จีนขยับเงินหยวน

 

ตลาดหุ้นอเมริกายังมีโอกาสผันผวนต่อในสัปดาห์นี้ เมื่อดูจากรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญที่จ่อรอการประกาศออกมา ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเรื่องการปล่อยให้หยวนแข็งค่าอาจเป็นปัจจัยหนุนแก่ตลาดหุ้นเอเชีย

 

หลายคนเก็งกันว่าตลาดบ้านของสหรัฐฯ เริ่มที่จะแสดงอาการแผ่วลงในเดือนพฤษภาคม ภายหลังจากมาตรการจูงใจภาครัฐหมดอายุลง จนอาจทิ้งให้ภาคการผลิตของประเทศขาดแรงกระตุ้นต่อ ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจยังอยู่แค่เพียงช่วงต้นของการฟื้นตัวเท่านั้น

 

นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ อาจลดลงถึง 19% มาที่อัตรา 410,000 หน่วยต่อปีในเดือนที่แล้ว ขณะที่มาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับซื้อบ้านกำหนดไว้ว่า ผู้ซื้อจำเป็นต้องเซ็นสัญญาภายในวันที่ 30 เมษายน และต้องปิดดีลให้ลุล่วงภายในสิ้นเดือนมิถุนายน นั่นหมายถึง โอกาสที่จะใช้สิทธิดังกล่าวได้หมดลงแล้วในตอนนี้

 

นอกจากตลาดบ้านแล้ว ในสัปดาห์นี้ยังจะมีการเปิดเผยตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods) โดยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสำนักข่าว Bloomberg ชี้ว่า ตัวเลขออเดอร์จะลดลง 1.3% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเรียกว่าเป็นการลดลงครั้งแรกของคำสั่งซื้อในรอบ 6 เดือนเลยทีเดียว แม้ว่าการลดลงดังกล่าวอาจเป็นผลจากความผันผวนของออเดอร์สินค้าประเภทเครื่องบิน ที่เคยบวกกระโดดขึ้นไปกว่า 200% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 

นักเศรษฐศาสตร์ของ SocGen ก็มองเรื่องการที่ธนาคารกลางจีนประกาศว่าจะปล่อยให้ค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวได้ยืดหยุ่นมากขึ้น จะช่วยให้บริษัทจากแดนมังกรมีกำลังซื้อที่มากกว่าเดิม ขณะเดียวกัน เงินหยวนที่แข็งค่ามากขึ้นก็นับเป็นแรงจูงใจที่จะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติหันมามองหุ้นที่อยู่ในรูปสกุลเงินหยวน นั่นก็คือ ช่วยทำให้หุ้นในตลาด A-share มีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจ เขายังได้ยกตัวอย่างถึงดัชนีหุ้นของตลาดเดียวกันนี้ ที่ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน

 

 

ญี่ปุ่นขึ้นภาษีบริโภคจัดสรรรายได้สำหรับสวัสดิการสังคม

 

รัฐบาลญี่ปุ่นชี้แจงแผนการขึ้นภาษีบริโภค โดยระบุว่าจะมีการนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาใช้สำหรับการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม

 

เลขาธิการพรรคเดโมเครติค พาร์ตี ออฟ เจแปน (DPJ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีบริโภคจะถูกจัดสรรไปใช้ในด้านสวัสดิการสังคม ซึ่งขณะที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินอีก 10 ล้านล้านเยนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

 

ปัจจุบันนี้ ญี่ปุ่นมีอัตราการจัดเก็บภาษีบริโภคอยู่ที่ 5% และมีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตรัฐบาลอาจสั่งให้มีการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวสู่ระดับ 10%

 

อย่างไรก็ตาม พรรคพีเพิล นิว พาร์ตี ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกโรงวิจารณ์ถึงแนวโน้มการปรับนโยบายการขึ้นภาษีการบริโภคของนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น โดยชี้ถึงความจำเป็นอันดับแรกว่า รัฐบาลควรปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนก่อน เพราะหากประชาชนไม่มีอำนาจซื้อแล้ว การขึ้นภาษีบริโภคก็จะไม่ช่วยให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีสูงขึ้นตามไปด้วย

 

 

บราซิลชี้ระบบการเงินของประเทศร่ำรวย เสื่อมถอย

 

ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล กล่าวว่า ระบบการเงินของประเทศที่ร่ำรวย "เสื่อมถอยลงเล็กน้อย"

 

ในระหว่างการทำพิธีเปิดบริษัทผลิตเหล็กแห่งหนึ่งในกรุงริโอเดอจาเนโร นายลูลาวิพากย์วิจารณ์ว่ายุโรปไร้ศักยภาพในการใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินของกรีซ จนทำให้ลุกลามไปยังประเทศอื่น

 

นายลูลา กล่าวว่า "หากยุโรปแก้ปัญหากรีซเร็วกว่านี้ มันคงไม่ลุกลามไปถึงโปรตุเกส สเปน และอิตาลี" นอกจากนั้นนายลูลายังวิจารณ์สหรัฐอเมริกาว่าที่จริงแล้วน่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤต เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายเมื่อปี 2551 ได้

 

ประธานาธิบดีบราซิลก็ยังตำหนิว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ร่ำรวยไม่ยอมทำตามมติการประชุม G20 โดยเฉพาะเรื่องการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ IMF

 

ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวได้เผยแพร่สาส์นจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาถึงผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ก่อนที่จะมีการจัดการประชุมสุดยอด G20 ในวันที่ 26-27 มิ.ย.ที่ประเทศแคนาดาว่า ภารกิจที่สำคัญที่สุดในการประชุมสุดยอด G20 คือ การปกป้องและการส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจและประเทศกำลังพัฒนานั้น ยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ ดังนั้น การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและช่วยสร้างงานจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

 

ที่ประชุมควรจะให้ความสำคัญกับความพยายามในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ขณะเดียวกันก็ควรจะระมัดระวังเกี่ยวกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วจนเกินไปในช่วงที่ดีมานด์และธุรกิจทั่วไปยังอยู่ในสภาพที่ซบเซา

 

 

สภาคองเกรสรุมจวก 'ซีอีโอ' บีพี

 

บีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยว่า ค่าชดเชยความเสียหายในเหตุน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก อันเนื่องมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้พุ่งสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว

 

นับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ บีพีได้จ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งเป็นเงิน 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

นอกจากนี้ บีพีได้ตกลงจัดสรรเงินมูลค่า 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่กองทุนบัญชี escrow account หรือ บัญชีค้ำประกันการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินโดยให้คนกลางที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือเข้ามาทำหน้าที่ดูแลการชำระหนี้ของคู่สัญญาให้เป็นไปตามที่ตกลงไว้ เพื่อเป็นทุนในการชดเชยความเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งใหญ่ในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า บีพีจะต้องทยอยจ่ายเงินเข้ากองทุนปีละ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

 

ขณะที่ โทนี เฮย์เวิร์ด ประธานบริหารบริษัทน้ำมันบริติชปิโตรเลียม วัย 28 ปีที่กลายเป็นบุคคลที่ชาวอเมริกันเกลียดมากที่สุดไปแล้ว ได้ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการการพลังงานและพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อเผชิญกับคำถามของกรรมาธิการจากทั้งสองพรรคที่ระอุด้วยอารมณ์โกรธแค้นพยายามซักไซร้หาคำตอบถึงต้นตอของวิกฤติครั้งนี้

 

แต่เฮย์เวิร์ดกลับไม่ได้ให้คำตอบที่เป็นพอใจแก่สภา และทำให้เฮนรี แว็กซ์แมน ประธานกรรมาธิการ กล่าวตำหนิเฮย์เวิร์ดว่า เตะถ่วงไม่ตอบยอมตอบคำถาม

 

“ผมไม่สามารถชี้ขาดการตัดสินใจใด ๆ ได้" เฮย์เวิร์ดกล่าวตอบกรรมาธิการสหรัฐที่แสดงความไม่เชื่ออย่างออกนอกหน้า "ผมคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะให้ข้อสรุปได้"

 

เฮย์เวิร์ดกล่าวว่าเขาจะรอจนกว่าบริษัทสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดและไฟไหม้บนแท่นขุดเจาะดีปวอเตอร์ฮอไรเซินเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่คร่าชีวิตคนงาน 11 คน เสร็จสิ้นเสียก่อน "ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ" เกี่ยวกับวิธีการขุดเจาะ, ทดสอบ และดูแลรักษาแท่นขุดเจาะ

คำกล่าวแสดงความเสียใจและให้คำมั่นว่าบีพีจะแก้ไขความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมตามแนวชายฝั่งตอนใต้ของสหรัฐ ของเขาในช่วงต้นกลับถูกบดบังทันทีที่เขาปฏิเสธจะเปิดเผยรายละเอียดอย่างจำเพาะเจาะจง

 

แต่ความไม่พอใจบีพียังไม่จางหาย ระหว่างการให้การ เฮย์เวิร์ดนอกจากเผชิญการต่อว่าและเย้ยหยันจากกรรมาธิการระหว่างให้การนาน 7 ชั่วโมงแล้ว เขายังถูกผู้ประท้วงสตรีรายหนึ่งตะโกนขึ้นมากลางปล้องว่า "คุณต้องถูกตั้งข้อหาอาญา คุณโทนี" เธอกล่าว "คุณควรถูกส่งเข้าคุก" รายงานต่อมาเผยว่าเธอเป็นชาวประมงจากเมืองซีดริฟต์ รัฐเทกซัส

 

แว็กซ์แมนโจมตีเฮย์เวิร์ดและบีพีว่าพยายามตัดลดค่าใช้จ่ายทุกวิถีทาง ซึ่งนำไปสู่การระเบิดและไฟไหม้บนแท่นขุดเจา "เราไม่พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสนใจกับความเสี่ยงมากมายมหาศาลที่บีพีเผชิญอยู่" เขาชี้ "เราได้ดูเอกสาร 30,000 หน้าที่ได้จากบีพี รวมถึงอีเมลของคุณ แต่ไม่มีฉบับไหนเลยที่แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสนใจแม้แต่เพียงน้อยนิดกับอันตรายที่บ่อน้ำมันแห่งนี้"

 

 

โรงงานโตโยต้าในจีนเริ่มเดินเครื่องการผลิตจันทร์นี้

 

บริษัท Toyoda Gosei Co. ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับโตโยต้าในเขตเทศบาลนครเทียนจิน จะเริ่มเดินเครื่องการผลิตตามปกติในวันจันทร์นี้

 

หลังพนักงานที่ผละงานประท้วงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายอมรับข้อเสนอของผู้บริหารที่จะขึ้นค่าแรงให้อีก 20% จากอัตราค่าแรงในปีก่อนหน้านี้ โดยบริษัท Toyoda Gosei ในเขตเทศบาลนครเทียนจินจะดำเนินการจัดส่งชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อป้อนให้กับ Tianjin FAW Toyota Motor Co ซึ่งเป็นบริษัทประกอบรถยนต์ของโตโยต้าได้ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์โตโยต้าที่ผลิตในจีนมาจากโรงงานดังกล่าว

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท Toyoda Gosei ได้เปิดโต๊ะเจรจาและได้ข้อสรุปร่วมกันเมื่อวานนี้ หลังจากที่ลูกจ้างได้ผละงานเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อประท้วงขอขึ้นค่าแรง

 

ขณะที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลว่า ข้อพิพาทระหว่างพนักงานและนายจ้างที่โรงงานดังกล่าวจะยืดเยื้อยาวนานจนส่งผลกระทบต่อธุรกิจของโตโยต้าในจีน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

บริษัท Tianjin FAW Toyota Motor มีกำลังการผลิตรถยนต์ต่อปีที่ 420,000 คัน และในปีที่ผ่านมา บริษัทผลิตรถได้ 380,000 คัน โดยโตโยต้ามีโรงงานประกอบรถยนต์ 4 แห่งในจีนได้แก่ เมืองฉางชุน เฉิงตู กวางโจว และเขตเทศบาลนครเทียนจิน

 

ทั้งนี้ ในปีงบการเงิน 2552 ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โตโยต้าทำยอดขายในจีนเพิ่มขึ้น 34.6% จากปีก่อนหน้านี้ แตะที่ 759,000 คัน ขณะที่ยอดขายทั่วโลกลดลง 1.4% มาอยู่ที่ 7,291,000 คัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เฮียทองใหม่ !thk อ่านข่าวสารรับอรุณตอนเช้าของเฮีย เพิ่มรอยหยักในสมองมากขึ้นค่ะ !10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management สรุปการซื้อขาย 18 มิ.ย.53 และแนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ 21 มิ.ย.53

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 21 มิถุนายน 2553 07:43:53 น.

กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--จีที เวลธ์แมเนจเมนท์

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 18 มิ.ย. 53 (ภาคบ่าย)

ราคาทองคำในตลาดโลกวันนี้ทรงตัวใกล้ระดับ 1,245 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ หลังจากปรับตัวขึ้นแรงในช่วงคืนที่ผ่านมา หลังจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แรงซื้อสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงกลับมาอีกครั้ง ขณะค่าเงินยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อหลังจากที่การขายพันธบัตรสเปนสะท้อนการระดมทุนใหม่เป็นไปด้วยดี ขณะความพยายามของ ECB ในการที่จะรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจในภูมิภาค ยังส่งผลบวกในระยะสั้น ขณะระยะยาวนักลงทุนยังคงกังวลความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ สังเกตจากการซื้อเพิ่มของกองทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง โดย SPDR เพิ่มการถือครองขึ้นอีก 1.82 ตัน ส่วนค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 32.38 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำในประเทศราคาเสนอซื้อ 18,950 บาท ราคาเสนอขาย 19,050 บาท ส่วนโกลด์ฟิวเจอร์วันนี้สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน (GFM10) ปิดที่ระดับ 19,110 ปริมาณการซื้อขาย 3,827 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม(GFQ10) ปิดที่ระดับ 19,180 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,196 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม (GFV10) ปิดที่ระดับ 19,270 บาท ปริมาณการซื้อขาย 303 สัญญา ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 2,859 สัญญา

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดโลกยังคงไม่ชัดเจน แม้จะมีข่าวดีที่ส่งผลให้มีแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา แต่ระยะยาวยังคงมีความกังวลในภาวะหนี้ของยุโรป สังเกตจากสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่ยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่อง ขณะเรามองว่าราคาทองคำยังคงผันผวนในกรอบสูงต่อไปอีกระยะ จนกว่าตลาดจะหาทิศทางที่ชัดเจนว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

21 มิ.ย. 2553

 

 

สรุปภาวะตลาดก่อนหน้านี้

 

 

ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบ เช่นเดียวกับราคาทองคำสปอตในช่วงแรกก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงหลังTFEXปิดทำการ เงินบาททรงตัวก่อนแข็งค่าขึ้นตามภูมิภาคในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำแท่งสมาคมปิดที่ 18,950/19,050 บาท

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้

 

 

นักเก็งกำไรยังใช้ข้ออ้างจากรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯเพื่อผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงโดยที่ไม่มีข้อมูลใหม่แต่อย่างใด [Reuters, AFC Research]

ธนาคารกลางจีนออกมาให้ความเห็นว่าอาจเริ่มปล่อยให้ค่าเงินหยวนแกว่งในช่วงกว้างมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น รายงานดังกล่าวส่งผลบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างชัดเจน และส่งผลกดดันดอลลาร์สหรัฐโดยตรง ในขณะที่ราคาทองคำไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากนักซึ่งเรามองว่าราคาทองคำอาจได้รับการเก็งกำไรในเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว [bloomberg, Reuters, AFC Research]

วันนี้ไม่มีรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญ ในขณะข่าวเรื่องจีนอาจเป็นประเด็นให้นักเก็งกำไรผลักดันราคาทองคำและสินทรัพย์อื่นๆได้ตลอดวันทั้งในตลาดเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ [AFC Research]

แนวโน้มทองคำวันนี้

 

 

ด้วยการคาดการณ์ข้างต้น เรามองว่า "ราคาทองคำอาจแกว่งตัวรุนแรงมากขึ้น" ในขณะที่การปรับตัวของทองคำเริ่มเป็นไปตามปัจจัยทางจิตวิทยามากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เราจึงแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์ หรือซื้อขายภายในวัน"

 

สถานะของทองคำไม่ชัดเจนนัก ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามความคืบหน้าของปัญหาต่างๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคอย่างใกล้ชิด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...