ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

ทำไมกลยุทธ์ กระจายความเสี่ยง จึงไม่ได้ผล

ในโลกของการลงทุน ทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง ไม่ควรเอาไข่ทุกฟองใส่ในตระกร้าใบเดียว? หรือ การลงทุนที่ดี ควรมีการกระจายความเสี่ยง

ความเสี่ยงเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงในการลงทุน และความเสี่ยงคืออะไรละ ในความคิดของผม ความเสี่ยง ก็คือ โอกาสที่จะไม่เกิดผลลัพธ์ตามที่คาดการณ์ไว้ เช่น การฝากเงินกับธนาคาร โดยคาดหมายว่าจะได้รับผลตอบแทนคือดอกเบี้ย 2% โอกาสที่จะไม่ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าน้อยมาก ดังนั้นการฝากเงินกับธนาคารจึงถือได้ว่ามีความเสี่ยงที่ต่ำ แต่ถ้าเป็นการซื้อหวย เอาแค่เลขท้ายสองตัวแล้วกันนะครับ โอกาสที่ถูกหรือออกเลขที่ซื้อนั้นมีเพียง 1 ใน 100 เท่านั้น ดังนั้นการซื้อหวยจึงมีความเสี่ยงที่สูง

ส่วนความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นก็คือ โอกาสที่ราคาหุ้นนั้นไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาของหุ้นไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์หรือคาดหมายไว้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางการเมือง ปัจจัยของบริษัทเอง หรือแม้แต่สภาพอากาศ เป็นต้น ซึ่งหลายปัจจัยนั้นเป็นปัจจัยที่ยากจะคาดการณ์ หรือไม่สามารถควบคุมได้ การลงทุนในหุ้นจึงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุน จึงได้เกิดทฤษฎีการกระจายความเสี่ยงขึ้น

ทฤษฎีการกระจายความเสี่ยงก็คือ การกระจายเงินลงทุนออกเป็นหลายส่วน เช่น กระจายการลงทุนไปในกองทุน ในหุ้น ในอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น หรือกระจายเงินลงทุนออกไปในหุ้นหลายๆ กลุ่ม เช่น ลงทุนในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

แต่ทฤษฎีนี้ได้ผลจริงหรือ!? สำหรับตัวผมแล้ว มันขึ้นอยู่กับผู้ใช้มากกว่าครับ เช่น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ผมจึงลงทุนในหุ้น กองทุน และอสังหาริมทรัพย์ แต่ผมไม่มีความรู้ด้านอสังหาฯ เลย ดังนั้น การเข้าไปลงทุนในอสังหาฯ จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนของผม

หรือในอีกกรณีหนึ่งคือ ผมไม่ได้ลงทุนในอสังหาฯ แต่เอาเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในหุ้นซึ่งผมมีความชำนาญ แต่เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจึงได้กระจายการลงทุนลงไปในหุ้นกลุ่มต่างๆ ทั้ง กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มโรงพยาบาล สรุปผมลงทุนไปในหุ้นทั้งหมดเกือบ 10 ตัว หากเกิดสงครามหรือสถานการณ์ที่ทำให้หุ้นทั้วโลกตกอย่างกระทันหัน ผมก็คงไม่มีทางที่จะขายหุ้นทั้งหมดได้ทัน หรือแม้แต่จะวิเคราะห์ข่าวสารที่เข้ามาในแต่ละวันว่า มีผลกระทบกับหุ้นทั้ง 10 ตัวของผมอย่างไรก็คงยาก ลองจิตนาการดูนะครับว่า ถ้าผมเอาไข่ใส่ในตระกร้าทั้ง 10 ใบ แล้วเกิดไฟไหม้ขึ้น ผมจะขนตระกร้าทั้ง 10 ใบอย่างไงโดยไม่ให้ไข่เสียหายเลย มันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถ้าผมแบ่งไข่ใส่ตระกร้าแค่ 2 ใบ ผมก็คงจะไม่มีปัญหาแน่นอน

ตัวอย่างข้างต้นเป็นเรื่องของความเสี่ยง คราวนี้ลองมาดูในเรื่องของผลตอบแทนกันบ้างนะครับ สมมุตินะครับสมมุติว่า ผมได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วว่า หุ้น A มีโอกาสที่จะขึ้น และจะทำกำไรให้ผมได้อย่างน้อย 20% ภายในสิ้นปี แต่เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ผมจึงแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน โดยส่วนหนึ่งผมเอามาลงทุนซื้อหุ้น A อีกส่วนเอามาซื้อหุ้น B ซึ่งคาดว่าจะได้ผลตอบแทน 10% ส่วนที่เหลือก็เอาไปฝากธนาคารเพื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินโดยได้ดอกเบี้ย 2% สมมุติว่าผมมีเงิน 3,000 บาท ผลตอบแทนที่น่าจะได้จากการลงทุนครั้งนี้คือ 320 บาท ถ้าผลเป็นไปตามที่คาดนะครับ แต่ถ้าผมไม่กระจายไปลงทุนในหุ้น B ละ ผลตอบแทนที่ผมจะได้คือ 420 บาท

จากตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ชัดว่า การกระจายความเสี่ยง มีผลต่อผลตอบแทนที่จะได้รับ ดังนั้นในการพิจารณาเรื่องการกระจายความเสี่ยงจึงต้องพิจารณาว่า ผลตอบแทนที่อาจลดลงนี้คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ลดลงหรือไม่

ดังนั้น ก่อนที่จะใช้ทฤษฎีการกระจายความเสี่ยง ก็ควรศึกษาทฤษฎีนี้ให้ดีเสียก่อน มิฉะนั้น อาจลงเอยเหมือนตัวอย่างของผม คือ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน หรือทำให้ผลตอบแทนที่ควรจะได้ลดลงก็ได้นะครับ

หมายเหตุ : ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ ได้ใช้เวลาว่างศึกษาข้อมูลเพิ่มเติ่ม

ขอบคุณคุณ ginger มากๆเลยครับสำหรับข้อมูล เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 1/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

เราก็เหมือนกับผู้คนในยุคโรมัน เพราะทุกจักรวรรดิ ทุกชีวิต ล้วนมีตายแล้วก็เกิดใหม่

 

ขบวนการนี้เป็นไปอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนำไปอธิบายถึงวงจรที่รุ่งเรืองกับล่มสลายของอารยธรรมในยุคต่างๆ ของมนุษย์บนโลกได้ ไม่ว่าจะเป็น อินคา เมโสโปเตเมีย แอสเทค พาเธีย อียิปต์ โรมัน ไบแซนไทน์ ขอม ปาละ คุปตะ ออตโตมาน หมิง ถัง ซ่ง แม้กระทั่ง อโยธยาศรีรามเทพนคร อันเคยเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ

 

ทุกๆ ยุค ทุกๆ อารยธรรมบนพื้นพิภพ ต่างถึงแก่กาลวินาศ สิ้นสลายไปโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งอะไรที่เคยเป็น ก็จะเป็นอย่างนั้น อะไรที่เคยเกิด ก็จะเกิดแบบนั้นอีก

 

เว้นแต่เราแต่ละคนจะยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตน แล้วสร้างอารยธรรมที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน และประพฤติอยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่เบียดเบียนกัน ไม่เบียดเบียนธรรมชาติจนขาดสมดุล ไม่เช่นนั้นอารยธรรมของเราก็จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ จนสิ้นสลาย

 

ถ้าเรายอมให้ความโลภ ความบ้าคลั่ง ไร้สำนึก มากำหนดวิถีชีวิต ปล่อยมีองค์กรลับๆ มี Private Bank และมีนักการเมือง ฯลฯ ชะตากรรมของเราก็คือการซ้ำรอยความเสื่อมสูญและความตายที่เราได้พบผ่านมาด้วยความเจ็บปวด สูญเสีย มาแล้วเป็นพันๆ ครั้ง

 

The Course of Empire (วิถีแห่งจักรวรรดิ)

--------------------------------------------

The Course of Empire หรือ วิถีแห่งจักรวรรดิ เป็นชุดภาพที่จิตรกรอเมริกันชื่อ โทมัส โคล (Thomas Cole) วาดขึ้นมา 5 ภาพในปี 1833-1836 เพื่อสะท้อนวงจรอารยธรรมของรัฐหรือจักรวรรดิเป็น 5 ยุค

 

1. The Savage State : ยุครัฐใกล้ธรรมชาติ

-----------------------------------------------

ภาพแรกเป็นยุคที่คนมีวิถีชีวิตใกล้ธรรมชาติ มองเห็นหุบเขาที่มีหน้าผาตั้งตระหง่านโดดเด่นในแสงสลัวยามรุ่งอรุณของวันที่มีพายุ

 

ภูเขานี้จะปรากฏในภาพวาดทั้ง 5 ในซีรีส์วิถีจักรวรรดิทุกภาพ โดยในภาพนี้ภูเขาจะเด่นอยู่ในใจกลางของภาพ ล้อมรอบไปด้วยพายุเมฆ

 

รูปร่างที่น่าเกรงขามของภูเขาบ่งบอกว่าธรรมชาติยังเป็นเรื่องพึงเคารพเกรงกลัวสูงสุดในยุคของรัฐใกล้ธรรมชาติ และความเป็นอยู่ของผู้คนก็ยังคงสภาพที่สอดคล้องกับธรรมชาติอยู่มาก

 

ในภาพนี้ นักล่าที่มีเพียงเตี่ยวพันท่อนล่างวิ่งถือธนูไปล่ากวางในป่า มีกวางที่บาดเจ็บจากลูกศรพยายามหลบหนี ส่วนนี้เป็นข้อบ่งชี้ความพยายามเบื้องต้นของมนุษย์ที่จะเอาชนะธรรมชาติ

 

มีคนพายเรือแคนูโบราณในลำน้ำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการขนส่งและการสำรวจ

 

มีคนพื้นเมืองเต้นรำรอบกองไฟ มีคนรวมกลุ่มกัน อันเป็นความจำเป็นของการป้องกันพวกพ้องตน รวมไปถึงความจำเป็นในการยังชีพ และเพื่อแสดงความเคารพบูชาต่อธรรมชาติ

 

 

6433_10201999684420922_916134793_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ ได้ใช้เวลาว่างศึกษาข้อมูลเพิ่มเติ่ม

ขอบคุณคุณ ginger มากๆเลยครับสำหรับข้อมูล เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ

สวัสดีค่ะ เดอะฮัก โชคดี มีกำไรลงทุนถูกทาง ถูกจังหวะนะคะ

สวัสดี เพื่อนๆ ทุกท่านด้วย

9991_564369006963108_501984204_n.jpg

จุดชมวิว ผาเก็บตะวัน อช.ทับลาน วังน้ำเขียว

ภาพจากคุณบางรักซอยเก้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 2/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

2. The Arcadian State : ยุคสงบสุขแบบอาร์เคเดีย

------------------------------------------------------

อาร์เคเดีย เป็นชื่อที่ราบสูงแห่งหนึ่งในประเทศกรีซโบราณ ที่มีผู้คนอยู่อย่างง่ายๆ และไร้เดียงสา ภาพวงจรอารยธรรมมนุษย์ในภาพที่ 2 นี้ สะท้อนยุคที่รัฐมีความเป็นอยู่ที่สุขสงบ เหมือนก่อนสมัยกรีกโบราณ

 

ในภาพมีท้องฟ้าสงบสดใส ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนอยู่ในยามเช้าอันสดชื่นของวันในฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูร้อน ภูเขาในภาพที่ 2 นี้เลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งกลางค่อนไปทางซ้ายของภาพ และดูไม่น่าเกรงขาม

 

แผ่นดินดิบเดิมๆ กลายเป็นดินแดนที่เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ได้ มีกิจกรรมต่างๆ ในการดำรงชีพ เช่น การไถดินไว้เพาะปลูก การต่อเรือ การเลี้ยงแกะ การเริงร่าเต้นรำ ฯลฯ

 

ที่หน้าผาบนฝั่งใกล้แม่น้ำมีอาคารเสาสูงรายล้อมเป็นวงกลมทำด้วยหินแบบโครงสร้างสโตนเฮนจ์ มีควันพวยพุ่งขึ้น ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะมีการทำบัดพลีบูชา โครงสร้างนี้น่าจะหมายถึงจุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมแบบอนุสาวรีย์และศาสนา

 

ภาพนี้มีเกษตรกรมาแทนที่นักล่าในภาพแรก อันเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งถิ่นฐานถาวร

 

ที่ด้านซ้ายล่างของภาพมีชายชราคนหนึ่งที่คงจะเอาไม้ในมือขีดเขียนพื้นเป็นโจทย์ทางเรขาคณิตอันเป็นสัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์และตรรกะวิทยา

 

มีเด็กผู้ชายวาดอะไรบนพื้นดิน อันเป็นสัญลักษณ์ต้นกำเนิดของการวาดภาพและระบายสี หากขยายภาพใหญ่มากๆ และให้มีความคมชัด จะเห็นชื่อย่อของ Thomas Cole จิตรกรผู้วาดภาพซีรีส์นี้ บนสะพานด้านล่างของเด็ก

 

มีตอไม้ที่คนตัดไว้ ซึ่ง Thomas Cole มักใช้ภาพตอไม้ที่ถูกตัดเพื่อแสดงความเห็นต่อผลกระทบเชิงลบของอารยธรรม

 

มีชายหญิงเต้นรำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของเพลงและดนตรี

 

การตั้งถิ่นฐานถาวรของรัฐในภาพที่ 2 ได้เข้ามาแทนที่วิถีชีวิตในยุคแรกของรัฐใกล้ธรรมชาติ ควันไฟจากการหุงหาแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เริ่มควบคุมธรรมชาติเพื่อประโยชน์ในการดำรงในชีวิตได้

 

มีคน 2 คน ขี่ม้า ซึ่งไม่เพียงแสดงถึงอำนาจในการควบคุมสัตว์ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทางทหารในอนาคต

 

เรือแคนูโบราณจากภาพแรกได้พัฒนาให้ดีขึ้น อันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าทางทะเลและการขยายตัวของจักรวรรดิ

 

ผู้หญิงในอาภรณ์คลาสสิกถือแกนม้วนด้ายกับด้าย อาจจะหมายถึง Clotho ซึ่งเป็นผู้ปั่นกงล้อแห่งโชคชะตา เป็นน้องคนสุดท้องของสามชะตากรรมในตำนานกรีกโบราณ ซึ่งรับผิดชอบปั่นเส้นด้ายของชีวิตมนุษย์ และเป็นผู้ตัดสินใจในวาระสำคัญ เช่น เมื่อไหร่จะให้ใครเกิดใครตาย

 

เด็กเลี้ยงฝูงแกะน่าจะหมายถึงการเริ่มต้นของพระ เพราะการปรากฏตัวของแกะหมายถึงกำเนิดของพระ

 

เบื้องซ้ายค่อนไปทางล่างของภาพ มีทหารในชุดเกราะ อันเป็นสัญญลักษณ์ของกองทัพซึ่งจะเป็นที่มาของความขัดแย้ง

 

 

995869_10201999704861433_165940330_n.jpg

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

Yesterday

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 3/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

3. The Consummation of Empire : จักรวรรดิแห่งการบริโภค

----------------------------------------------------------------

ภาพที่ 3 นี้ แสดงถึงรัฐและอารยธรรมที่พัฒนาจนเป็นจักรวรรดิแห่งการบริโภค ฟุ่มเฟือย กินใช้ได้อย่างบริบูรณ์ แบบที่คนไทยเรียกว่ากินล้างกินผลาญ เหมือนยุคแห่งการบริโภคของเราในขณะนี้มากที่สุด

 

ภูเขาใหญ่ในภาพนี้ถูกลดความสำคัญลงไปจนเหลือแค่โผล่มานิดเดียว เพราะสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นมามากมายไปบดบังภูเขา บ่งชี้ว่ามนุษย์ออกห่างและย่ำยีธรรมชาติมากขึ้น และธรรมชาติกลับมาอยู่ใต้อำนาจของมนุษย์ไปแล้ว

 

ในภาพทั้ง 5 ในชุดวิถีจักรวรรดิที่ Thomas Cole วาด ภาพที่ 3 นี้ได้รับจากอิทธิพลมากที่สุดจากการเดินทางไปยุโรปในปี คศ.1829-1832

 

หากเทียบกับฤดูกาล ภาพนี้ก็เป็นช่วงเที่ยงของวันในฤดูร้อนรุ่งโรจน์ รูปลักษณ์โดยรวมแสดงให้เห็นความเจริญถึงขีดสูงสุดของกรุงโรมโบราณ

 

ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำในหุบเขาที่ถูกปกคลุมอยู่ในขณะนี้โครงสร้างหินอ่อนฟูฟ่องซึ่งมีขั้นตอนการทำงานลงไปในน้ำ

 

วิหารหินถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นรูปโดมขนาดใหญ่ ที่มีอำนาจเหนือฝั่งแม่น้ำ

 

ปากแม่น้ำมีกองกำลังการคุ้มครองหนาแน่น มีเรือใบลำใหญ่ๆ จอด และมีที่แล่นออกไปในทะเลไกล

 

มีฝูงชนที่มีความสุขสำราญอยู่บนระเบียง เมื่อกษัตริย์หรือจอมทัพในเสื้อคลุมแดงกลับมาจากศึกสงครามเพราะได้รับชัยชนะ เดินข้ามสะพานในขบวนแห่ฉลองชัย

 

ที่หน้าแผงจั่วรูปสามเหลี่ยมบนเสา Doric ของสถาปัตยกรรมวิหารแบบกรีก มีประติมากรรมปั้นเป็นเรื่องการล่าสัตว์ในยุครัฐใกล้ธรรมชาติของภาพแรก โดย Thomas Cole น่าจะคัดลอกรูปปั้นไดอาน่าซึ่งเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์มาจากพระราชวังแวร์ในปารีส

 

ยุค 1830’s เป็นช่วงที่มีการอภิปรายโต้แย้งกันอย่างเข้มข้นระหว่างพรรค Democratic (หากใช้ชื่อไทยที่ตรงความหมาย ก็น่าจะใช้ชื่อพรรคว่า ปวงประชาธิปไตยก้าวหน้า) กับพรรค Federalist (หากใช้ชื่อไทยที่ตรงความหมาย ก็น่าจะใช้ชื่อพรรคว่า อำมาตยาธิปไตยอนุรักษ์) ในเรื่องที่จะปกครองสหรัฐอเมริกากันแบบไหนดี

 

ซึ่งแน่ละ Thomas Cole กับลูกค้าที่เป็นชนชั้นสูง ต้องสนับสนุนพรรคหลัง

 

หอกและเครื่องแบบทหาร รวมถึงรูปปั้นทหารบนแท่นซ้ายของภาพ บ่งชี้ถึงความเป็นสังคมที่กองทัพคืออำนาจ ส่วนรูปปั้นของเทพีอะธีนาที่เด่นที่สุดในภาพ เป็นสัญลักษณ์ของสงครามและชัยชนะ

 

กระถางต้นไม้ในภาพเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ คือเอาต้นไม้จากธรรมชาติมาไว้ในสิ่งประดิษฐ์จากคนได้

 

มีเด็กกำลังเล่นกัน โดยเด็กที่มีอายุมากกว่าจมเรือของเล่นของคู่หู ซึ่งสะท้อนถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต

 

น้ำพุขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรุงแต่งของมนุษย์โดยลดทอนความสำคัญขององค์ประกอบต่างๆ ของธรรมชาติลง

 

แตรทองเหลืองในยุคนี้เข้ามาแทนที่ขลุ่ยอันเรียบง่ายของยุคสงบสุขแบบอาร์เคเดีย แสดงถึงพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่พึงพอใจกับคุณภาพเสียงแหลมที่ใช้พลังในการเป่ามากกว่าขลุ่ย

 

 

1393764_10201999716301719_2129625594_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ขอบคุณ====วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

วิถีแห่งจักรวรรดิ 4/

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

4. The Destruction of Empire : จักรวรรดิแห่งการทำลายล้าง

-----------------------------------------------------------------

ภาพวาดที่ 4 เป็นยุคจักรวรรดิแห่งการทำลายล้าง ซึ่ง Thomas Cole วางตำแหน่งความสำคัญของภาพใกล้เคียงภาพก่อนหน้า แต่ทำให้เห็นในวงกว้างขึ้น และโฟกัสไปที่จุดกลางของแม่น้ำ โดยภูเขาเริ่มปรากฏขึ้นอีก อันหมายถึงการเริ่มกลับมาของธรรมชาติ โดยสะท้อนความโกลาหลในการทำลายจักรวรรดิด้วยเมฆ พายุ และไฟ

 

ภาพนี้แสดงการทำลายล้างของจักรวรรดิ โดยกองทัพเรือของศัตรูสามารถทะลุทะลวงเข้ามาทำลายการป้องกันของเมือง ทั้งเข่นฆ่า ข่มขืน และเผาทำลาย

 

สะพานที่ขบวนแห่ฉลองชัยชนะเคยข้ามจากภาพที่ 3 หักลงแล้วเพราะทานน้ำหนักจำนวนทหารกับฝูงชนที่พยายามลี้ภัยไม่ไหว อีกนัยหนึ่งก็คือสะพานที่เคยสนับสนุนผู้ปกครองกลับมาเสื่อมทรุดหักฮวบลงภายใต้น้ำหนักของกองทัพ เสาต่างๆ ของอาคารพักพัง ไฟไหม้ท่วมมาจากชั้นบนของพระราชวังบนริมฝั่งแม่น้ำ เรือที่เคยใช้ขยายการค้าและการสำรวจ ถูกเผาไหม้และจมลงไปในหล่มของสงคราม

 

รูปปั้นใหญ่ของทหารทางขวาสุดยืนหัวขาด มือขวาขาด แต่ยังคงถือโล่และพยายามก้าวไปข้างหน้าในอนาคตที่ไม่แน่นอน ชวนให้นึกถึงนักล่าในภาพที่ 1 และดูเหมือนรูปปั้น Gladiator ในพิพิธภัณฑ์ Louvre ที่ปารีส

 

ภาพนี้น่าจะได้รับอิทธพลจากเหตุการณ์ที่พวก Vandal บุกทำลายกรุงโรม (Vandal sack of Rome) ในยุคปี คศ.455

 

ระเบียงวิหารแบบ Doric กลายเป็นฐานที่มั่นสำหรับเครื่องปล่อยกระสุน แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งอย่างรุนแรงของอารยธรรมก่อให้เกิดความด่างพร้อยของศิลปะและศาสนา

 

ภาพมารดาร่ำไห้เพราะสูญเสียบุตร น่าจะได้อิทธิพลมาจากรายละเอียดของภาพวาดทีโอดอร์ของเมดูซ่า

 

ผู้หญิงที่หนีจากทหารที่ไล่ล่าข่มขืน แล้วกระโดดลงแม่น้ำตรงท่าเรือ สะท้อนถึงการล่มสลายของอารยธรรมอันศิวิไลซ์ กลายเป็นความรุนแรงทางเพศ

 

 

1394366_10201999723221892_1624417983_n.jpg

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

วิถีแห่งจักรวรรดิ 5/5

---------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง

26 ตุลาคม 2556

 

5. Desolation : ยุคเมืองร้าง

------------------------------

ภาพวาดที่ห้า Desolation แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการทำลายล้างในหลายปีต่อมา มีซากเมืองอยู่ท่ามกลางแสงมลังเมลืองของวันตาย ภูมิทัศน์เริ่มกลับไปเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง โดยไม่มีมนุษย์เหลือเห็น มีแต่เศษซากของสถาปัตยกรรมเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ตอไม้เริ่มโผล่มาในพื้นหลัง โค้งของสะพานแตกกับเสาค้ำวิหารยังมองเห็นอยู่ เสาใหญ่ต้นเดียวที่หลงเหลืออยู่กลายเป็นที่ทำรังของนก

 

ภาพนี้แสดงถึงอารยธรรมมนุษย์ที่ลดลง ภูเขาได้กลับไปสู่สภาพธรรมชาติ อันเป็นการสถาปนาพลังอำนาจของธรรมชาติขึ้นมาใหม่

 

ดวงจันทร์ในภาพยืนยันเวลาเป็นช่วงใกล้ค่ำ ทำให้วงจรของภาพทั้ง 5 ที่เริ่มต้นด้วยรัฐใกล้ธรรมชาติที่มีดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า มาบรรจบกันเป็นวงกลม

 

นกที่มาสร้างรังอยู่บนเสาที่ครั้งหนึ่งเคยค้ำยันวิหารทางศาสนาหรือวัง โดยคู่ของมันดื่มน้ำจากสระเบื้องล่าง น่าจะหมายถึงคู่ของสัตว์ที่รอดชีวิตจากน้ำท่วมในพระคัมภีร์ไบเบิล

 

ธรรมชาติค่อยๆ คืบคลานกลับคืนมาทดแทนซากปรักหักพังของจักรวรรดิ และแม้ว่านี่จะเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดของอารยธรรมกับจักรวรรดิ ซากปักหักพังของสถาปัตยกรรมก็ยังความงามบนความรันทดหดหู่ คล้ายความรู้สึกอัดอั้นตันใจ อาลัยอาวรณ์ ที่เราบางคนในวันนี้รู้สึกในทุกครั้งที่ไปมองซากความเจริญ ความเสื่อมสูญสลายของจักรวรรดิอโยธยาศรีรามเทพ

 

จากภาพที่ 1 ซึ่งกวางโดนไล่ล่า จนกลายมาเป็นภาพแกะสลักปูนปั้นบนจั่วหน้าหลังคาในยุคจักรวรรดิแห่งการบริโภคในภาพที่ 3 บัดนี้กวางกลับมาได้รับอิสรภาพ จนสามารถมาเดินเตร่ได้อีกครั้ง

 

ซากเศษของผนังวิหาร Doric มีความหมายว่าวงจรธรรมชาติมีพลังสูงกว่าสิ่งที่มนุษย์สร้าง ไม่ว่ามนุษย์จะสร้างมันขึ้นมาด้วยวิธีการใด

 

ภาพทั้ง 5 ใน The Course of Empire (วิถีแห่งจักรวรรดิ) ของ Thomas Cole สามารถสะท้อนถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ ของรัฐและจักรวรรดิ กับอารยธรรม ที่มีวงจรของมันได้อย่างลึกซึ้ง หากใครจะบอกว่า Thomas Cole ถือวิถีพุทธ ฉันจะเชื่ออย่างสนิทใจ

 

มีกลอนบทหนึ่งที่ George Byron Gordon ประพันธ์ไว้ และ Thomas Cole นำมาประกอบในโฆษณางานเปิดตัวภาพชุด “วิถีแห่งจักรวรรดิ” ตามจะเล่าต่อไป กลอนบทนี้แปลได้ว่า

 

คุณธรรมมีอยู่ในทุกเรื่องราวของมนุษย์ที่เล่าขานกันมา

ทุกเรื่องก็คืออดีตอันหมุนวนกลับมาที่เดิม

เริ่มจากเสรีภาพ ไปสู่ความรุ่งเรือง แล้วก็ล่มสลาย

จากความมั่งคั่ง ไปสู่ความเลวทราม การทุจริต และจบลงด้วยความป่าเถื่อน

ประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะมีเรื่องราวยาวนาน มากมายขนาดไหน

ก็ล้วนแต่เขียนสรุปได้เพียงหน้าเดียว

 

 

หวังว่าเรื่องราวนี้ที่พยายามสรุปและเพิ่มมุมคิดอย่างแสนจะยากลำบากผ่านการวิจารณ์งานศิลปะเชิงปรัชญาในครั้งนี้ จะทำให้ผู้อ่านมองเรื่องราวของโลกได้แจ่มชัดขึ้น คาดเดาได้ดีขึ้น มองเกห็นปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ลึกซี้งขึ้น และคิดได้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร แฝงแนวคิดอะไรไว้ และช่วยกันนำมาใช้ให้ทันก่อนที่เราจะผ่านพ้นช่วงปลายของยุคที่ 3 ในภาพ ไปเข้าสู่ยุคที่ 4

 

ดูภาพที่ชัดขึ้นได้ที่นี่

http://www.jcrows.com/cole.html

 

 

1379214_10201999739102289_1922459901_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

October 25

 

 

หนึ่งเสาหลักหายไปแล้ว แล้วใครจะพยุงสยามประเทศให้ดำรงอยู่ต่อไปได้

 

สยามประเทศมี3เสาหลักที่ทำให้สามารถดำรงอยู่ได้ คือชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และแต่ละเสาหลักก็มีผู้ดูแลรักษา ที่ดูแลชาติสยามมาแต่โบราณกาลจวบจนถึงทุกวันนี้คือพระสยามเทวาธิราช ที่ดูแลศาสน์คือสมเด็จพระสังฆราช และที่ดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์คือพระบาทสามเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้ง3เสาหลักถือว่าเป็นTrinity ที่เป็นเอกภาพ ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และเป็นTrinity แบบไทยๆที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เราดำรงอยู่ได้ทุกวันนี้

 

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่า3เสาหลักนี้กำลังถูกทำลายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานโดยจงใจ หรือโดยเหตุบังเอิญก็ตาม เพื่อให้คนไทยหลงระเริงกับความคิด หรือค่านิยมที่ดูทันสมัยอื่นๆ เช่นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ วัตถุและบริโภคนิยม โดยหารู้ไม่ว่า เมื่อสถาบันหลักอ่อนแลลง สยามประเทศจะล่มสลายไปด้วย ไม่ต่างกับประเทศในโลกที่3อื่นๆ และจะกลับมาตั้งลำใหม่ไม่ได้ เพราะว่าประชาชนส่วนใหญ๋จะงุนงงสับสนไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หลักของประเทศอยู่ที่ตรงใหน แก่นของประเทศที่ต้องรักษาคืออะไร

 

การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราชเมื่อวานนี้ นับว่าเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงของสยามประเทศ เพราะว่าพระองค์เป็นเสาหลักแห่งสุดท้ายของพระพุทธศาสนาที่นับวันมีแต่จะเสื่อมลง เพราะความโลภ โกรธ หลง ซึ่งรวมกันแล้วเป็นอวิชชาของผู้คนไทยส่วนมากที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นแก่นของประเทศ อะไรเป็นกระพี้มีสาระไม่มีสาระ และถือได้ว่าการละสังขารของสมเด็จพระสังฆราชเป็นการเปลี่ยนถ่ายจากโลกยุคเก่า (Old World) ไปสู่ยุคใหม่ (New World) ของการทำลาย ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยที่อุณหภูมิของการเปลี่ยนแปลงกำลังจะใกล้จุดระเบิด

 

สมเด็จพระสังฆราชทรงบรรลุพระชนม์พรรษา100ปีเมื่อวันที่3ตุลาคมที่ผ่านมา ที่จริงสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งนอนป่วยไม่เคลื่อนไหวพระวรกายมาตลอดในโรงพยาบาลมาเป็นเวลายาวนาน แต่พระองค์ไม่ได้ยึดติดกับชีวิตพระองค์จะละสังขารเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่าเป็นพระอริยะ ไม่ได้ยึดติดอยู่กับกาย หลุดพ้นไปแล้ว ร่างกายไม่ตอบสนองกับยาที่รักษา แต่ชีพจรที่แผ่วเบายังดำรงอยู่ได้ เพราะจิตที่ทรงพลังกำหนดได้ให้ร่างกายอยู่กับสยามประเทศจนถึงที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศมีหนทางที่จะดำรงต่อไปได้ เมื่อถึงเวลาก็จะละไป

 

แต่ตอนนี้ดูสถานการณ์บ้านเมืองแล้วน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ใหนจะนักการเมืองคนใหญ่คนโตต้องการทำลายประเทศ ใหนจะต่างชาติแก๊งcpและพรรคพวกคนไทยคอยที่จะซ้ำเติมกำหนดกฎเกณฑ์ขีดเส้นให้เราเดินลงสู่เหวมรณะมาตลอด เพื่อการครอบงำแบบเบ็ดเสร็จ ยังดูไม่ออกว่าจะคลี่คลายออกมาในลักษณะใด ก็ยังคงเหลือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่กำลังดูแลประเทศต่อในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ และพระสยามเทวาทิธิราชที่คนไทยหวังว่า เมื่อถึงที่สุดของที่สุดของความเลวร้าย พระสยามเทวาธิราชจะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากภัย เหมือนกับเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ก็รอดมาได้ทุกครั้ง แม้ว่าจะสะบักสะบอมเหลือคณา

 

ในตอนนี้เราอาจจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพระมหาชนกที่กำลังว่ายน้ำ7วัน 7คืนในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ก็ได้หลังจากเรือสำเภาอับปางลง อาจจะพอเล็งเห็นแล้ว ว่าทางข้างหน้าไปให้ถึงฝั่งอยู่ทิศใหน แต่กำลังวังชาตอนนี้อ่อนเปลี้ยเต็มแก่ สมเด็จพระสังฆราชส่งเรามาได้ระยะไกลเต็มที่แล้ว เหลือแต่ว่าเราจะว่ายน้ำต่อไปได้อีกแค่ใหน ด้วยพลังศัรทธาที่เหลืออยู่ และด้วยสติปัญญาด้วย

 

อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระนิพนธ์เอาไว้ พระมหาชนกนอกจากจะต้องมีความเพียรอันยิ่งยวดแล้ว ยังต้องมีสติปัญญาเป็นเลิศด้วยถึงจะไปรอดปลอดภัยได้ นางเมฆขลาที่เหาะมาจากสวรรค์มาช่วยพระมหาชนกขณะที่กำลังจะหมดเรี่ยวแรงจมน้ำตาย เพราะบุญบารมีที่ยิ่งใหญ่ของพระผู้มีพระภาคนั่นเอง แต่จะไม่ช่วยเปล่า ยังตั้งปริศนา3ข้อให้พระมหาชนกตอบ ถ้าตอบได้ถูกหมดทั้ง3ข้อถึงจะช่วย ปรากฎว่าพระมหาชนกตอบถูกทั้งหมด นางเมฆขาถึงได้ช้อนพระวรกายของพระมหาชนกจากท้องทะเลมหาสมุทรและบินพาไปส่งถึงฝั่งได้

 

สยามประเทศก็เหมือนกันในตอนนี้ จะอยู่รอดปลอดภัยและดำรงสืบต่อไปให้ลูกหลานได้ ต้องมีผู้ที่มีความเพียรคอยดูแลประเทศชาติให้พ้นภัยเสมอ และจะมีใครที่มีความเพียรและสติปัญญาอันเลิศมากไปกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยในอนาคตของประเทศชาติมาตลอด และมีใครอื่นๆอีกที่คอยปกป้องประเทศให้เราอีก ก็ต้องมีมิฉะนั้นสยามประเทศคงจะไม่ดำรงมาถึงทุกวันนี้ แต่ก็คงจะเป็นจำนวนที่น้อยนิดเพราะส่วนมากจะคิดถึงแต่ประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง มองไม่เห็นภัยทั้งที่มืดและที่สว่าง

 

โลกเรากำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายจากยุคเก่าOld World ไปสู่ยุคใหม่New World ระหว่างทางจะมีความขัดแข้งรุนแรงทางสังคม ความอดหยาก และสงครามเกิดขึ้น หลังการล่มสลายของระบบโลกปัจจุบัน และมันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ หน้าตาของNew World จะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ได้ แต่ละประเทศก็คิดของตัวเองกันไปถ้ารอด ถ้าไม่รอดจะถูกพลังการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์การเมืองกลืนกินหายไป สิ้นชาติไปเลย อย่างไรเสียสยามประเทศต้องรอดพ้นจากการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก และเราต้องรู้ว่าเราต้องผ่านเข้าไปสู่โลกใหม่ฉบับไทยๆของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ชาติ ศาสน์และกษัตริย์ต้องอยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป ที่จริงมันจะเป็นการดีที่เราจะกลับไปสู่โลกเก่าที่เราคุ้นเคยที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ประชาชนรักใคร่ปรองดองกันไม่หลงผิด ไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว และถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติของพรหมวิหาร4กันทุกผู้ทุกนาม

 

เขียนจากใจครับ

 

thanong

25/10/2013

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

12 hours ago

 

โอบามาจัดหนัก ย้ายทหารเป็นแผง

 

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโอบามาย้ายทหารเข้ากรุไปแล้ว 197นาย นับว่าเป็นความพยายามที่จะรวบอำนาจทางทหาร โดยย้ายทหารที่ไม่ใช่สายของโอบามาออกไป

 

 

ปี2013 ย้าย9ตำแหน่ง ดังรายนามต่อไปนี้

 

Year: 2013 (9, so far).

1. Marine Col. Daren Margolin – Quantico – Oct. 18, 2013. Was in charge of Quantico’s Security Battalion.

2. Marine Major General C.M.M. Gurganus – Oct. 12, 2013. Commander Regional Command Southwest and I Marine Expeditionary Force (Forward) in Afghanistan.

3. AF Major Gen. Michael Carey – Oct. 8, 2013. 2-star commander of 20th Air Force. 3 wings of ICBMs. 450 nukes. Covered 3 AF bases across nation.

4. Navy Vice-Admiral Tim Guardina – Oct. 9, 2013. 3-star vice-commander all US nuclear forces (land/air/sea). Relieved of command. Demoted in rank to 2-stars.

5. Marine Major General Gregg A. Sturdevant – September 2013. Director of strategic planning and policy for U.S. Pacific Command and commander of the Aviation Wing At Camp Bastion, Afghanistan.

6. Marine Col. James Christmas – July 18, 2013. Commanded 22nd Marine Expeditionary Unit. Also, commanded the new Special-Purpose Marine Air-Ground Task Force Crisis Response Unit.

7. Army Brigadier General Bryan Roberts – May 2013. Commander, Ft. Jackson, SC.

8. Marine Gen. James Mattis – May 2013. Chief of CentCom.

9. Army Major General Ralph Baker – April 2013. Commander of Joint Task Force Horn of Africa at Camp Lemonnier in Djibouti, Africa

*********************************************************

ปี2012 ย้ายไป 28ตำแหน่ง

 

Year: 2012 (Overall total – 4 +24 = 28 Final total).

1. Marine General John R. Allen – Nov. 13, 2012. Commander, ISAF – International Security Assistance Force.

2. Army General David Petraeus – Nov. 9, 2012. Commander, International Security Assistance Force (ISAF) and Commander, U.S. Forces Afghanistan (USFOR-A). Director of CIA from September 2011 to November 2012.

3. Navy Rear Admiral Charles M. Gaouette – Oct. 27, 2102. Commander, USS John C. Stennis strike group. Relieved within a day or so of Benghazi.

4. Army General Carter F. Ham – Oct. 18, 2012. Commander, AFRICOM. Relieved during Benghazi from direct command of AFRICOM.

******************************************************

 

ปี2012 ย้ายทหารเรือ24ตำแหน่ง

 

Naval Officers (all in 2012): Total – 24

1. Cmdr. Derick Armstrong, Commander, guided missile destroyer USS The Sullivans.

2. Cmdr. Martin Arriola, Commander, USS Porter.

3. Capt. Antonio Cardoso, Commander, of Training Support Center San Diego.

4. Capt. James CoBell, Commander, Oceana Naval Air Station’s Fleet Readiness Center Mid-Atlantic.

5. Cmdr. Joseph E. Darlak, Commander, USS Vandegrift.

6. Cmdr. Franklin Fernandez, Commander, Naval Mobile Construction Battalion 24.

7. Cmdr. Ray Hartman, Commander, amphibious dock-landing ship Fort McHenry.

8. Cmdr. Jon Haydel, Commander, USS San Diego.

9. Cmdr. Diego Hernandez, Commander, ballistic-missile submarine USS Wyoming.

10. Cmdr. Lee Hoey, Commander, Navy Drug Screening Laboratory, San Diego.

11. Cmdr. Dennis Klein, Commander, submarine USS Columbia.

12. Capt. Marcia “Kim” Lyons, Commander, Naval Health Clinic New England.

13. Capt. Chuck Litchfield, Commander, USS Essex.

14. Capt. Robert Marin, Commander, USS Cowpens.

15. Capt. Sean McDonell, Commander, Seabee reserve unit Naval Mobile Construction Battalion 14.

16. Cmdr. Corrine Parker, Commander, Fleet Logistics Support Squadron 1.

17. Capt. Lisa Raimondo, Commander, Naval Health Clinic Patuxent River, Md.

18. Capt. Jeffrey Riedel, Program manager, Littoral Combat Ship program.

19. Cmdr. Sara Santoski, Commander, Helicopter Mine Countermeasures Squadron 15.

20. Cmdr. Sheryl Tannahill, Commander, Navy Operational Support Center Nashville.

21. Cmdr. Michael Ward, Commander, USS Pittsburgh.

22. Capt. Michael Wiegand, Commander, Southwest Regional Maintenance Center.

23. Capt. Ted Williams, Commander, Mount Whitney.

24. Cmdr. Jeffrey Wissel, Commander, of Fleet Air Reconnaissance Squadron 1.

********************************************************

 

ปี2011 ย้าย158ตำแหน่ง

 

Year: 2011 Total – 1 + 157 = 158 overall

Army Major Gen. Peter Fuller – May 2011. A top U.S. commander in Afghanistan.

157 Air Force majors. Military advocates decry ‘illegal’ early terminations of 157 Air Force majors

**********************************************************

ปี2010 ย้าย1ตำแหน่ง

 

Year: 2010 Total – 1 ( total)

1. Army Gen. Stanley McChrystal – June 2010. Overall commander Afghanistan. Replaced by Gen. Petraeus.

**********************************************************

ปี 2009 ย้าย 1ตำแหน่ง

 

1. Year: 2009 Total – 1 (total)

Army Gen. David D. McKiernan – 2009. First 4-star relieved since Truman relieved MacArthur. Commanded in Afghanistan.~Breitbart Facebook Picture

 

http://www.torn-republic.com/2013/10/obamas-military-purge-removes-197.html

 

 

1380246_169013606628355_1155561096_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากเมืองไทยมา10วันพอดี กำลังออกจากโรงแรมเพื่อที่จะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ จะถึงบ้านเช้า แล้วจะเขียนเรื่องดีๆเกี่ยวกับอินเดียให้อ่านกันครับ

 

 

Thanong Fanclub

11 hours ago

 

จุดเริ่มต้นของจุดจบของเปโตรดอลล่าร์

 

Voice of Russia รายงานว่าซาอุดิ อาราเบียกำลังพิจรณาที่จะลดระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯอเมริกาลงอย่างจริงจัง เนื่องจากประธานาธิบดีโอบามาไม่ยอมจัดการกับซีเรียและมิหนำซ้ำกลับมีท่าทีที่จะฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่อริของซาอุดิ อาราเบีย มีความเป็นไปได้ที่ความระหองระแหงใจนี้ จะนำไปสู่การลดความสำคัญของเปโตรดอลล่าร์ลงไป ซึ่งจะเป็นภัยต่อสถานภาพของดอลล่าร์ในฐานะเป็นเงินสกุลหลักของโลก เปโตรดอลล่าร์คือข้อตกลงที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน่ำมัน นำโดยซาอุฯ ที่จะขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ และจะนำรายได้ดอลล่าร์ รีไซเกิ็ลกลับไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อที่จะให้สหรัฐฯสามารถก่อหนี้ได้ต่อไป ในทางกลับกันสหรัฐฯจะให้ความช่วยเหลือทางทหารและความมั่นคงกับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางเป็นข้อแลกเปลี่ยน เปโตรดอลล่าร์เป็นเสาค้ำดอลล่าร์ ซึ่งพิมพ์ออกมาโดยไม่มีหลักทรัพย์อะไรหนุน

 

มีความเป็นไปได้ที่ซาอุฯ จะทะยอยทิ้งทรัพย์สินดอลล่าร์ที่ถืออยู่$690,000ล้าน ซึ่งเป็นรายได้จากการขายน้ำมัน โดยจะขายออกไปเพื่อถือทรัพย์สินอื่นของยุโรปหรือจีน ถ้าทำเช่นนั้น เปโตรดอลล่าร์จะอยู่ไม่ได้ และความสำคัญของค่าเงินดอลล่าร์ที่จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกจะเสื่อมไป

 

thanong

27/10/2013

 

http://voiceofrussia.com/2013_10_27/The-beginning-of-the-end-for-the-petrodollar-2572/

 

 

644481_169205186609197_302711179_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

11 hours ago

 

ยุโรปเลี้ยงไม่โต

 

รายงานของCitibankบอกว่ายุโรปส่ออาการแย่ลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี โปรตุเกส กรีซ และสเปน

 

Citibankคาดการว่าอิตาลีจะอยู่ในอาการถดถอยถาวร คือเศรษฐกิจจะโต0.1% 2014 0% 2015 0.2% 2016 หนี้ต่อจีดีพีจะอยู่ที่140%

 

เศรษฐกิจโปรตุเกส จะโต0.6% ปี2014; 0% ปี2015; และ1% ปี2016 ตัวเลขว่างงานจะพุ่งไปอยู่ที่18.3%

 

กรีซจะยังคงเน่าต่อไป ที่บอกว่าจะรักษาเสถียรภาพไม่ให้ทรุดลงต่อไปได้แค่เป็นการคาดการผิดๆ เศรษฐกิจจะหดตัว -2.9% ปี2014; -1.4% 2015. ตัวเลขว่างงานจะอยู่ที่ 32.4% และหนี้ต่อจีดีพีอยู่ที่ 201%

 

สเปนอาจจะไม่ผิดชำระหนี้ หรือต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่0.1% ปี2014; 0.3% ปี2015; และ 0.7% ปี2016 ส่วนตัวเลขว่างงานอยู่ที่ 27.9%.

 

thanong

27/102013

 

http://blogs.telegraph.co.uk/finance/ambroseevans-pritchard/100025913/citi-forecasts-greek-devastation-unstoppable-debt-spirals-in-italy-and-portugal/

 

 

577285_169212153275167_802145241_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

QUIZ

 

Money แปลว่าเงิน Currency ก็แปลว่าเงิน แล้ว Money และ Currency ต่างกันอย่างไร? ทั้ง Warren Buffet และ Ben Bernanke บอกว่า ทองไม่ใช่เงิน เขากำลังหมายถึงอะไร?

 

 

 

Thanong Fanclub shared a link.

10 hours ago near Bangkok

SocGenบอกว่าเฟดอาจพิมพ์เงินเพิ่มอาทิตย์หน้า

 

แทนที่จะลดQE แต่ขณะนี้ตลาดคาดการว่าเฟด อาจจะเลื่อนการลดQEไปเลยเดือนมีนาคมปีหน้า แต่รู้ทั้งรู้วาเฟดไม่มีทางลดQEได้มีแต่จะเพิ่ม เพราะถ้าลดดอกเบี้ยก็จะพุ่งทำให้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นพัง และที่สำคัญใครจะมาซื้อบอนด์รัฐบาลสหรัฐฯ ในเมื่อทั้งจีน และซาอุดิ อาราเบียได้ส่งสัญญานว่ากำลังจะถดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ

 

SocGenมาเหนือเมฆ บอกว่าว่าเฟดมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขนาดQEอาทิตย์หน้าอีก$10,000-$20,000ล้าน จากปัจจุบันที่$85,000ล้าน โดยโอกาสความเป็นไปได้นี้อยู่ที่10%.

 

thanong

27/10/2013

 

http://www.zerohedge.com/news/2013-10-24/here-we-go-socgen-warns-there-possibility-fed-may-hike-qe-next-week

 

 

 

Here We Go: SocGen Warns There Is "Possibility" Fed May Hike QE Next Week | Zero Hedge

www.zerohedge.com

And so, one by one, the crazy pills theories start rolling out. Yesterday,

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

55 minutes ago

 

เฟดต้องการสร้างเงินเฟ้อเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แล้วจะรอดหรือ

 

บทความของThe New York Times รายงานว่าความคิดเรื่องการสร้างเงินเฟ้อ (inflation) ผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นกระแสหลักของFederal Reserveในขณะนี้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะว่าเฟดกำลังบอกว่าเงินฝืด (deflation)เป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ทำให้การจ้างงานไม่ดี แก้ปัญหาหนี้ไม่ได้ ธุรกิจไม่กู้เงินมาขยายกิจการ กำไรบริษัทไม่ดี ล่าสุดเดือนสิงหาคมเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ที่1.2% แต่เป้าหมายของเฟดต้องการให้เงินเฟ้ออยู่ที่2% ทั้งพ่อมดเบนและJanet Yellenว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ต่างก็เชื่อในทฤษฎีเงินเฟ้อ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พ่อมดเบนบอกว่าเงินเฟ้อต่ำไม่ดีต่อเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความเสี่ยงของเงินฝืด Janet Yellenจะรับช่วงพ่อมดเบนปีหน้าด้วยการพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อสร้างเงินเฟ้อ

 

แสดงว่าที่บอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นแล้วไม่เป็นความจริงเลย เพราะถ้าเศรษฐกิจฟื้น ก็ไม่เห็นว่าพ่อมดเบนมีความจำเป็นจะต้องพิมพ์เงินผ่านQEแบบนี้มา5ปีแล้ว และJanet Yellenจะพิมพ์เงินต่อโดยที่โอกาสจะลดQEไม่มี ในโพสท์ก่อนหน้านี้ SocGenบอกว่ามีความเป็นไปได้10%ในอาทิตย์นี้ที่เฟดจะพิมพ์เงินเพิ่ม$10,000-$20,000ล้านด้วยซ้ำ

 

Kenneth S. Rogoff, นักเศรษฐศาสตร์จากHarvard บอกว่าเฟดต้องสร้างเงินเฟ้อเพื่อแก้วิกฤตการเงินที่หนักที่สุดในรอบ100ปี ถ้าเงินเฟ้อพุ่งระเบิดขึ้นมาออกมาถึง6%จะเป็นการดี

 

แต่ปู่Alan Greenspan อดีคประธานเฟดเขียนในหนังสือThe Map and the Territory ว่าความพยายามของธนาคารกลางทั้งหลายที่สะสร้างเงินเฟ้อหลังวิกฤต2008ไม่เคยเห็นมาก่อน และความพยายามครั้งนี้จะทำให้เกิดเงินเฟ้อตัวเลข2หลัก

 

เราจะเห็นได้ว่าบทความของNew York Times ออกมาเพื่อหนุนให้มีการสร้างเงินเฟ้อ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชนทั่วไป ในรายงานนี้ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คนใหน หรือเฟดคนใหนพูดถึงเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ หรือโครงสร้างเศรษฐกิจหลังวิกฤต2008เลย ในการแก้ปัญหา พูดแต่นโยบายการเงินอย่างเดียวว่าเป็นยาวิเศษที่จะแก้ปัญหาหลักได้ เป็นธรรมดาที่หลังฟองสบู่แตก ราคาต้องตก เพราะแต่ก่อนราคาเป็นฟองสบู่ พอราคาตกก็ต้องปล่อยให้เศรษฐกิจ หรือธุรกิจมีการปรับตัวเองผ่านการปรับโครงสร้าง ถ้าทำอย่างนั้นมันจะเจ็บปวดสำหรับแบงค์และธุรกิจ อาจโดนจีนtake overได้ cpไม่ยอมจึงให้ใช้ทั้งการคลังและการเงินเข้ามาอุ้มเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง ตอนนี้มีการสร้างภาพตลอดว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้น แต่มีความจำเป็นต้องพิมพ์เงินต่อไป ที่จริงการพิมพ์เงินของเฟดเป็นการสร้างเงินเฟ้อ และถ่ายโอนความรวยจากชนชั้นกลางไปสู่ชนชั้น1% ซึ่งเข้าถึงเงิน0%และเอาเงินไปปั่นหุ้นและทรัพย์สินทางการเงินแต่ไม่ได้ปล่อยกู้เพิ่ม ทำให้หุ้นบูม โดยที่พื้นฐานเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น

 

John Williams บอกว่าเงินเฟ้อสหรัญฯตอนนี้อยู่ที่8-9% อยู่แล้ว ทางการสหรัฐฯใช้ตัวเลขพิศดารเพื่อกดเงินเฟ้อให้ดูต่ำ จะได้สร้างระบบเครดิตให้โตต่อไป

 

ที่ถกกันเรื่องdeflation/inflation ทุกวันนี้โดยสื่อกระแสหลักและพวก็Harvard ถือว่าเป็นเศรษฐศาสตร์วูดูได้ คือหลอกคนจน หลอกชนชั้นกลางต่อไป โดยที่หายนะของเงินเฟ้อและการไม่ยอมรัยดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักรอข้างหน้าเพราะเล่นพิมพ์เงินให้ตัวเลขเงินเฟอ้ไปที่ตัวเลข2 หลัก แล้วใครจะถือดอลล่าร์?

 

thanong

28/10/2013

 

http://mobile.nytimes.com/2013/10/27/business/economy/in-fed-and-out-many-now-think-inflation-helps.html

 

 

1376377_169305839932465_258722012_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

Today at 9:00am

 

และไม่มีอะไรโตโดยไม่หยุดได้เรื่อยๆ

 

ในระบบการเงิน หรือระบบเศรษฐกิจ หน้ไม่สามารถจะโตเกินรายได้ไปเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งมันจะไปต่อไม่ได้และจะต้องพังลงมา

 

นับตั้งแต่ปี1980หนี้เริ่มกลายเป็นปรากฎการณ์ของระบบแบงค์ มีการอัดเครดิตออกมาอย่างมีนัยะสำคัญ เครดิตในระบบการเงินเริ่มทะยานสูง กว่ารายได้ หรือพื้นฐานของจีดีพี เครดิตโตปีละ8%โดยเฉลี่ยถึงทุกวันนี้ อะไรที่โต8%ต่อปีนับว่าสูงมาก เพราะว่ามันจะทบต้นภายใน9ปี

 

จากชาร์ต จะเห็นได้ว่าเครดิตในระบบการเงินสหรัฐฯโตจากปี1980ในรอบ30ปีที่ผ่านมาเป็น$57ล้านล้านในปีนี้ จวนเกือบจะเท่าจีดีพีของโลกที่ระดับประมาณ$65-$70ล้านล้าน และถ้าเครดิตในระบบการเงินสหรัฐฯยังโตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ภายในปี2016-2017 จะมีขนาดใหญ่กว่าจีดีพีโลก และในระยะ30ปีข้างหน้า ในระดับเครดิตที่โต8%นี้ ปริมาณเครดิตในระบบการเงินสหรัฐฯจะพุ่งถึง$573 ล้านล้าน

 

แต่พวกเฟดหรือนักเศรษฐศาสตร์ นักการเงินต้องการเห็นเครดิตโตไปเรื่อยๆ ว่าเป็นทางออกของเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยที่ไม่มีใครออกมาเตือนว่าเครดิตเป็นสิ่งที่โตไปเรื่อยๆไม่ได้ ถึงจุดๆหนึ่งระบบจะพังลงมา เพราะรายได้ไม่สมดุลกับหนี้ที่ก่อ เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่สามารถฝืนเพดานโลกได้ ยิ่งขึ้นสูงอากาศให้หายใจยิ่งน้อย ยิ่งขึ้นไปท้าทายไปเรื่อยๆ ถึงจุดๆหนึ่งจะไม่มีอากาศหายใจ ตายไปเลย

 

thanong

28/10/2013

 

 

16273_169310876598628_2109045338_n.jpg

 

 

Thanong Fanclub

Today at 9:00am

 

ไม่มีใครฝืนเพดานโลกได้

 

ณ ทะเลสาบTsomgoของแคว้นสิกขิม อินเดีย ที่ระดับ3,753เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศเบาบาง ต้องเดินต้วมเตี้ยมช้าๆที่บริเวณหลังคาโลก ค่อยๆหายในให้ร่างกายปรับตัว และถ้าขึ้นสูงไปเรื่อยๆหรือทะลุเพดานโลก เราจะไม่มีอากาศหายใจ ตายแน่นอน

 

thanong

28/10/2013

 

 

1380610_169308066598909_589362777_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...