ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

ปีใหม่นี้ ตักสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในจิตใจทิ้งออกไปเสียจากจิตใจ ทำได้เท่าไหร่ ปีใหม่ก็จะดีกว่าปีเก่าเท่านั้น

พุทธทาสภิกขุ

ธรรมเทศนา ปี ๒๕๑๔

 

 

1526672_10152118440025535_1246881429_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

23 hours ago

 

1997กำลังจะย้อนกลับมาหลอกหลอนเมืองไทยอีกครั้ง

 

ฝรั่งมองว่าตลาดหุ้น ตลาดการเงินประเทศไทยกำลังจะเจ้งเหมือนปี1997 สาเหตุหลักก็เรื่องเดิมๆคือนโยบายที่เอื้อระบบเครดิต ทำให้ผู้ให้กู้และผู้กู้ใช้เงินไปในทางที่ก่อให้เกิดการกู้ที่เกินตัว และการดันราคาให้เป็นฟองสบู่

และวิกฤตการเมืองที่ยื้อกันมาสองเดือนทำให้ทั้งหุ้นและเงินบาทกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

 

ตารางชี้ให้เห็นว่าเงินบาทอ่อนค่าไป5.1%นับจากสิ้นเดือนตุลาคม ทำระดับต่ำในรอบ3ปี ส่วนนักลงทุนต่างประเทศชักเงินออกจาตลาดหุ้นไทย$2.75พันล้านในระยะเวลาเดียวกัน เป็นปริมาณเงินไหลออกที่มากที่สุดในรอบ14ปี

 

ได้บอกหลายครั้งแล้วว่าประเทศไทย เป็นเป้าของการถูกทำลายทางการเงิน เพื่อการครอบงำ และเราพร้อมเปิดเสรีทุกด้านของประเทศให้เขาทำลาย

 

thanong

29/12/13

 

Bloomberg's Chart of the Day shows that the baht has plunged 5.1 percent since the end of October to a three-year low as international investors pulled a net $2.75 billion out of equities, the worst outflow in at least 14 years.

 

 

http://www.zerohedge.com/news/2013-12-27/1997-asian-crisis-redux-thailand-imploding

 

1453491_185988624930853_2137082630_n.jpg

 

 

Thanong Fanclub

4 hours ago

 

ช่วงวันหยุดยาวอ่านThe Roman Empire: Rise and Fall

 

มาสะดุดสายตาหน้า46:

 

หลังจากเอาชนะ Mark Antonyและยึดโรมได้แล้ว Octavianเน้นนโยบายrestitutio คือทำนุบำรุง ซ่อมแซมและฟื้นฟู (restoration, repair, revival) สาธารณะรัฐโรม ความท้าทายของOctavian ผู้สืบทอดมรดกของJulius Caesarคือ ผสมผสานวินัยและเสรีภาพให้พลเมืองโรมัน โดยไม่ต้องใช้กำลังทหารเพื่อบังคับขู่เข็ญ

 

30/12/13

 

1469827_186396751556707_305726975_n.jpg

 

 

Thanong Fanclub

16 hours ago via mobile

 

Shutdown Bangkok

 

กำนันสุเทพประกาศยึดกรุงเทพฯหลังปีใหม่ สู้ยาว10-20วัน เป็นการปฏิวัติประชาชน ใช้มาตรา3ของรัฐธรรมนูญในการยึดอำนาจคืนจากรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม

 

29/12/13

 

 

 

 

Thanong Fanclub shared Siriwanna Jill's photo.

30 minutes ago

ล้วงตับเราผ่านเคเบิ้ลใต้น้ำ

 

 

 

 

ไทยเจอล้วงข้อมูลด้วย ... สื่อดังเยอรมัน แดร์ สปีเกล เผย NSA กระทำจารกรรม ข้อมูลลับอ่อนไหว โดย อ้างเอกสาร ประทับตรา ลับสุดยอด และ ห้ามชาวต่างชาติ เห็นเด็ดขาด อธิบายถึงความสำเร็จของ ในการล้วงความลับระบบสายเคเบิลใต้ทะเล ที่เรียกกันว่า SEA - ME - WE 4 ระบบสายเคเบิลเส้นใย นำแสงขนาดมหาศาล เริ่มต้นทางใกล้เมืองมาร์กเซย์ ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส ไปยังอิตาลี แอลจีเรีย ตูนีเซีย อียิปต์ ซูดาน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปากีสถาน ศรีลังกา อินเดีย บังกลาเทศ ไทย (ที่จังหวัดสตูล) มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมระยะทางประมาณ 18,800 กิโลเมตร

 

SEA - ME - WE 4 ซึ่งย่อมาจาก “South East Asia - Middle East - Western Europe 4” จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเชื่อม ต่อระบบอินเทอร์เน็ตตลอดเส้นทาง โดยกลุ่มบริษัท ที่ถือหุ้นเป็นเจ้าของ โครงการ รวมถึง ฟรานซ์ เทเลคอม ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในนาม ออเรนจ์ ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสถือหุ้นบางส่วน และบริษัท เทเลคอม อิตาเลีย สปาร์เคิล

 

1535684_405843932883181_1230042674_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

about an hour ago near Bangkok

 

 

Thailand, Failed State

-------------------------

ความแตกแยกของคนในชาติมีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี เพียงแต่ระงับไว้ได้เพราะมีการเลือกตั้งเมื่อสองปีก่อน ทุกคนจึงพร้อมใจกันเปิดโอกาสให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองไปตามครรลองประชาธิปไตย

 

แต่พอ 2 ปีผ่านไป สิ่งที่บ้านเมืองได้รับก็คือการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว รุนแรง และหยั่งรากลึก โดยที่รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจจะแก้ไขอย่างจริงใจ และมีคนเชื่อกันมากว่ารัฐบาลหรือคนใกล้ชิดเป็นผู้ทำเสียเอง

 

ภาคเอกชนบอกว่าทนเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ไหวแล้ว มันทำให้เขาต้องจ่ายใต้โต๊ะไปทุกโต๊ะในราคาที่สูงขึ้นไปทุกวัน ทำให้ต้นทุนของเขาสูงขึ้น เมื่อไปเพิ่มราคาขายสินค้ามันก็ทำให้ราคาสูงกว่าคู่แข่งขันชาตอื่น สินค้าก็เลยขายไม่ได้ พวกเขาจึงออกมาเรียกร้องให้คว่ำเรื่องความไม่โปร่งใส การคอร์รัปชั่น ที่นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

 

นักธูรกิจส่วนใหญ่ฟันธงว่า นโยบายที่เลวร้ายที่สุดที่รัฐบาลทำไปจนล้มเหลว และจะเป็นปัญหาต่อเนื่องของชาติต่อไปอีก ก็คือ นโยบายจำนำข้าว ซึ่งไม่ว่าจะมีใครรวมไปถึงคนในพวกเดียวกันเองออกมาทักท้วงอย่างไร รัฐบาลก็ยังดื้อด้านดึงดันที่จะเดินนำชาติลงเหวไปเรื่อยๆ อย่างไร้ความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังส่อว่าจะมีการทุจริตโกงกินกันมโหฬารทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนประเทศจะจมน้ำเพราะการโกงกินอย่างบูรณาการอยู่มะรอมมะร่อ

 

ที่ซ้ำร้ายก็คือ เมื่อเห็นตัวเลขขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆ และเกินที่กำหนด นายกฯ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ให้ชาวนาเถิดค่ะ” ซึ่งเป็นคำพูดแบบน้ำผึ้งอาบยาพิษ เพราะเป็นการปัดปัญหาและความผิดพลาดที่ตนเองก่อให้กลายไปเป็นปัญหาระหว่างคนรวยกับคนจน และเมื่อโครงการจำนำข้าวถูกขุดคุ้ย ข้าราชการดีๆ ที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งก็โดนสั่งย้าย

 

ยังไม่ต้องไปนับเรื่องการเอาคนไม่มีความสามารถ คนที่ด่างพร้อย มีพฤติกรรมที่ไม่สมควรยกย่องขึ้นมาบริหารประเทศ ให้เข้าไปรับตำแหน่งบริหารบ้านเมือง แถมยังวนเวียนสลับหน้าเหมือนให้เข้าไปกินบุฟเฟ่ต์งานเลี้ยงที่เจ้าภาพไม่ต้องจ่ายเงินเอง ยิ่งเมื่อแต่ละคนให้สัมภาษณ์ที ก็ทำให้คนผู้เจริญทั้งหลายอดทนไม่ไหวขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่แย่ที่สุดก็คือ คนไทยไม่อาจมุ่งหวังความรับผิดชอบใดใดจากรัฐบาลได้เลย และพอจวนตัวเรื่องใด นายกฯ ก็ชี้ให้ไปถามรัฐมนตรีคนนั้น คนนี้ ตลอดมา หรือไม่ก็ตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมการ ต่างๆ มาหลายคณะให้ซ้อนไปซ้อนมาจนไม่รู้ว่าใครมีหน้าที่อะไรบ้าง เพราะทุกคณะที่ตั้งมานั้นดูเหมือนไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่เป็นการสร้างเกราะกำบังให้คุณหนูปลอดภัยเท่านั้น

 

นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของการดำเนินนโยบายผิดพลาดและไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งหลายคนบอกว่า รากปัญหาล้วนมาจากการโกงกินทั้งสิ้น

 

แล้วน้ำหนักปัญหาต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันบนหลังของคนไทย จนมาถึงจุดระเบิดเมื่อมีการเสนอ พรบ.นิรโทษสุดซอย ที่ต้องการนิรโทษการโกงกินและอาชญากรรมที่ก่อขึ้นในชาตินี้ ชาติก่อน และอาจจะเลยไปถึงชาติหน้า

 

ป้ายคัดค้านการนิรโทษผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด คนจำนวนมากประกาศตนต่อต้านเรื่องนี้จนสุดซอย จนกระทั่งเลยซอยหยุดคอร์รัปชั่น ลามไปถึงสุดถนนใหญ่ที่มีชื่อว่า “ราชดำเนิน” ที่มีราษฎร์เดินนำ

 

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน บอกว่า ….

 

“คนบนถนนในขณะนี้เขามองเห็นนโยบายที่ผิดพลาดหลายอย่างที่นำไปสู่หนี้สิน ความอ่อนเปลี้ยของสังคม นำไปสู่ปัญหาที่สั่งสมเพิ่มขึ้น นำไปสู่กลไกที่ล้มเหลวในการตรวจสอบ นำไปสู่อำนาจที่ล่อแหลมที่จะใช้ผิด ตำรวจ อัยการ ระบบข้าราชการทั้งหมด องค์กรอิสระเพื่อการตรวจสอบ อ่อนเปลี้ยไปหมด ระบบราชการกลายเป็นระบบครอบครัวเครือญาติที่ขยายวง รัฐวิสาหกิจเป็นเน็ตเวิร์กส่วนตัว การแต่งตั้ง โยกย้าย ให้ตำแหน่ง เป็นไปบนพื้นฐานของเหตุผลส่วนตัวผลประโยชน์ทับซ้อน “Cronyism” พรรคพวกนิยมในวงราชการธุรกิจ องคาพยพของไทย ระบบราชการไทย องค์กรต่างๆ ของไทย ภาคประชาชนไทย การศึกษาไทย แทนที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เวทีการแข่งขัน เรากลับถอยหลัง

 

ห้าปีที่ผมอยู่ที่อาเซียนชัดเลยว่านักกีฬาที่เราส่งขึ้นเวทีไปแข่งขันในเวทีอาเซียนสู้เขาไม่ได้ คุณภาพลดลง ผมพูดทีเล่นทีจริงว่า นั่งอยู่ 10 คน ดูก็รู้ว่าคนไหนคนไทยโดยไม่ต้องมีป้ายอยู่ข้างหน้า เพราะจะเป็นคนที่เงียบที่สุด ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ หนึ่งไม่ต่อเนื่อง สองไม่ได้เตรียมตัวมา สามไม่ได้ขึ้นมาเพราะความรู้ความสามารถ แต่ขึ้นมาเพราะ Cronyism แล้วจะให้ประเทศไทยไปแข่งขันกับคนอื่นเขาในขณะที่อ่อนเปลี้ยไปทุกเรื่องทุกด้านได้อย่างไร

 

ดังนั้น ประเด็นที่ต้องเร่งปฏิรูปเร่งด่วนที่สุดจึงเป็นระบบราชการที่จะต้องเป็นตัวของตัวเอง มีศักดิ์ศรี ไม่เป็นส่วนต่อเนื่องของครอบครัวหรือการเมือง จะต้องสามารถเซย์โนกับฝ่ายการเมืองได้ ไม่ใช่เยสตลอดไป ไม่ใช่เยสจนกระทั่งพร้อมจะติดคุกติดตารางด้วย ซึ่งไม่ใช่วิสัยทัศน์ของระบบราชการ เพราะระบบราชการคือองค์กรที่มีความเป็นเลิศของตัวเองทางด้านเทคนิค ความรู้ความสามารถ ทักษะพิเศษเฉพาะเรื่องที่มีความชำนาญ

 

แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ระบบราชการกลายเป็นส่วนต่อเนื่องของครอบครัว ส่วนต่อเนื่องของการเมือง กฎเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ หรือสเปซที่เคยมีก็หมด ศักดิ์ศรีที่เคยมีก็หมด คนที่จะเลือกย้าย ให้ตำแหน่งกลายเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองครอบครัวทั้งนั้น ผมจึงใช้คำว่า Bureaucracy คือ Extended Family ระบบราชการกลายเป็นส่วนต่อเนื่องของครอบครัว เป็นส่วนต่อเนื่องของการเมือง”

 

นับว่า ดร.สุรินทร์ ท่านชี้ความพิกลพิการของระบบราชการได้ชัดเจนที่สุด

 

ทางออกมีไหม

---------------

มี นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปคนและประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งมีคนหลายกลุ่มเสนอไปแล้ว และอย่างน้อยทุกคน ทุกฝ่าย ก็ยอมรับร่วมกันว่าจะต้องปฏิรูป

 

แต่ปัญหาก็คือ ทางของรัฐบาลที่เสนอสภาปฏิรูปยังไม่ตอบโจทย์ เป็นแฝดคนละฝากับที่ 7 องค์กรธุรกิจเสนอ เพราะยังรวมศูนย์อำนาจในตน และไม่มีทางสำเร็จ เพราะเป้าหมายของรัฐบาลไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการต้องให้เลือกตั้งต้นเดือน กพ ให้ได้กลับมากุมอำนาจทุกด้านในมืออีกครั้ง

 

ส่วนทางของลุงกำนันกับผู้ชุมนุมที่เสนอให้มีสภาประชาชน แม้เมื่อพิจารณา 6 ข้อที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องไปดูว่ามาจากลุงกำนันแล้ว ทุกคนไม่ว่ารวยจน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากได้แบบนั้น แต่เส้นทางนี้คือการคว่ำรัฐบาล คว่ำนายทุนสามานย์ซึ่งรวมถึงนายทุนต่างประเทศด้วย และที่ร้ายกาจแต่สะใจปวงประชาที่สุดก็คือการแปรสภาพ สตช.

 

เมื่อจะทุบหม้อข้าวหม้อแกงกันอย่างนี้ มีหรือที่ทุนสามานย์กับเครือข่ายเขาจะไม่อาละวาดจนสุดถนน เหมือนหิรัญม้วนแผ่นดินนั่นแหละ

 

แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

--------------------------

นับจากนี้ไป ประเทศชาติก็มีโอกาสสูงยิ่งที่จะเป็น Failed State จากความแตกแยกจนถึงขั้นจะเกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ระหว่างคนไทยกันเอง

 

ภาพนี้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ส่วนหนึ่งไปยุยงปลุกปั่นคนในบังคับบัญชาให้เกลียดชังผู้ชุมนุมและใช้ความรุนแรงโดยไม่คำนึงถึงกฏหมายและผิดชอบชั่วดีเสียเอง โดยที่ไม่มีการห้ามปรามลงโทษจากผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า หรือแม้กระทั่งจากผู้นำฝ่ายบริหารของบ้านเมืองอย่างนายกรัฐมนตรี

 

ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่เกิดสงครามกลางเมือง มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปจบที่ทางสองแพร่ง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คือ

 

1. กองทัพจำต้องออกมาเพื่อหยุดยั้งมิให้ประเทศชาติพังพินาศ

 

2. กองกำลังสหประชาชาติหรือชาติใดใด ที่มีการตกลงลับกับคนไทยทรยศ จะฉวยโอกาสเข้ามาจัดการเรื่องภายในของเรา โดยมีเป้าหมายจริงเพื่อประโยชน์ของเขาจากภูมิรัฐศาสตร์และความมั่งคั่งทางทรัพยากรของไทย

 

จะปล่อยประเทศให้บริหารผิดพลาดครั้งใหญ่ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ทุนสามานย์กินชาติไปเรื่อยๆ บ้านเมืองก็จะพินาศ

 

จะออกมาปิดถนน กทม เพื่อให้รัฐบาลลงจากอำนาจ ดูจากพฤติกรรมตลอดสองปีนี้แล้ว ฟันธงได้เลยว่าไม่มีทางที่จะทำให้คุณหนูยอมเสียสละลุกจากเก้าอี้เพื่อบ้านเพื่อเมืองไปได้ แม้ตอนนี้เธอจะยอมสละที่ทำงานและบ้านไป แต่ก็น่าสงสัยว่าทำไปเพื่อให้ตำรวจกวาดบ้าน

 

การที่วันนี้เราไม่มีคนกลางที่มีบารมีพอที่จะเป็นหลักให้ทุกคนฟังและเชื่อถือได้ ก็เหมือนไม่มีถนนสายกลางให้เดิน เราก็เลยเสี่ยงที่จะเป็น Failed State

 

 

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

19 minutes ago

 

 

มีคนไทยในต่างประเทศถามมาว่า เรื่องในวันนี้เกิดเพราะอะไร พี่จึงขอเอาบทความที่เคยเขียนเมื่อ 2 พย 56 มาลงอีกครั้งค่ะ

 

จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

-----------------------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ

2 พฤศจิกายน 2556

 

ตั้งสติคิดย้อนไปว่า พวกเราคนไทยเดินกันมาถึงวันนี้ได้อย่างไร วันที่ในหัวใจเราหลายคนมีแต่ความเกลียดชังกันและกัน มันมีต้นเหตุมาจากอะไร

 

หากลองคิดตาม ก็จะหาคำตอบที่แล้วแต่จิตของตน แล้วพี่ก็หันไปดูองคาพยพในชนชั้นปกครองบ้านเมืองบ้าง ก็พบว่ามันตกต่ำไปมาก หากจะให้แฟร์ ก็ต้องเทียบกับสมัยคุณทักษิณยังอยู่ และยังเป็นนายกฯ พี่พบว่าคุณภาพของสภาฯ ในช่วงยุคนี้ตกต่ำลงสุดๆ

 

สมัยก่อน จะไม่ลงรอยอย่างไร สภาฯ ก็ไม่มีการลุแก่อำนาจ (ซึ่งหากติดตามชมทางทีวีคืนก่อนก็จะรู้ว่าเป็นการใช้อำนาจที่ผิดมหันต์) พี่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติจะเสื่อมถอย น่าอับอาย น่าขยะแขยง ได้ปานนั้น สมัยคุณทักษิณยังเป็นนายกฯ (ที่ก็ไม่ give a damn กับการเข้าสภาฯ) ก็ยังไม่มีอะไรป่าเถื่อนทั้งการกระทำในการข่มขืนออกกฏหมายกับการแสดงออกได้ขนาดนี้ ซึ่งมันแสดงออกถึง 2 อย่างในสายตาพี่

 

อย่างแรก ตัวแทนในนั้น คุณภาพติดลบอย่างรุนแรง อาจจะหาคนดีกว่าไม่ได้แล้วหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ และอย่างหลังก็คือพลังอำนาจของความปรารถนาจะหักดิบเอาแต่ใจ ผนวกกับความโลภและความกลัวของตัวแทนที่ยอมขายศักดิ์ศรีของตัวแทนปวงชนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

 

จนไร้แม้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีอิสรภาพ ไม่เป็นทาสใคร

 

นี่คือความเสียใจที่คนซึ่งเป็นตัวแทนของเรา ทำหน้าที่ให้เรา ไม่ยึดในหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งความปรองดองที่ปากว่านั้นพวกคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเกิด เพราะการผ่านร่างกฏหมายตายคาซอยในลักษณะนี้

 

หากพวกคุณยอมให้ความรุนแรงจะเกิดขึ้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจเพราะสังคมสะท้อนให้เห็นผ่านสื่อและ Social Media อย่างตรงไปตรงมาแล้ว พวกคุณก็ไม่เพียงไร้ค่า แต่ยังเป็นตัวถ่วงทำลายความปรองดองที่พวกเราคาดหวังอีกด้วย

 

หันมาดูฝ่ายบริหารกันบ้าง ตอนนี้ไม่พูดถึงฝีมือรัฐบาลของเราในการบริหารบ้านเมือง ว่าแข็ง ว่าอ่อน ขนาดไหน หรอกค่ะ เพราะทุกคนมีคำตอบกันอยู่แล้ว จะตรงกันหรือไม่ก็แล้วแต่

 

ข้อสังเกตุในวันนี้ก็คือ รัฐบาลกำลังปกครองผู้คนด้วยการใช้ทฤษฎี Carrot and Stick ใช่ไหม

 

ใครเอาใจ ตามใจ แม้จะหลอกลวงยกยอปอปั้น ช่วยกันทำผิด ปกปิดความจริง ซึ่งจะทำให้พวกคุณตกต่ำได้รับผลกรรมในอนาคต พวกเขาก็ได้รางวัล ส่วนใครที่ซื่อสัตย์ ให้ข้อมูลจริง ตักเตือนด้วยความห่วงใยในอนาคตของประเทศ กลับกลายเป็นหมาหัวเน่า โดนตี โดนย้าย โดนกลั่นแกล้ง

 

มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

 

นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านการกระทำของรัฐรวมทั้งสื่อมวลชนนั้น เขาเล่ากันแซ่ดว่ากำลังถูกคุกคามอย่างหนักด้วยทุกวิถีทางในทางที่ไม่ชอบ ซึ่งหากเป็นจริง มันก็เป็นคอร์รัปชั่นในการใช้อำนาจรัฐ

 

ช่วยบอกหน่อยเถิดว่ามันไม่จริง เพราะหากจริงอย่างที่เขาว่า ฉันก็เสียใจมากที่เพื่อนพ้องน้องพี่ของฉันหลายคนเขาอยู่ในคณะรัฐมนตรีกับฝั่งเพื่อไทย

 

คุณทักษิณเองนั้นแม้จะมีการติดต่อกับคนในประเทศ หรือมีคนไปหา มีคนส่งข่าวตลอด แต่การอยู่ไกล ไม่ได้เข้ามาสัมผัสของจริงในบ้านเราด้วยตนเอง ก็ประเมินคน ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดได้

 

เพราะคนที่ไปพบ ไปหา ไปกอดแข้งกอดขาแผล่บบๆๆๆ นั้น จะมีสักกี่คนที่เขารักและคิดถึงหัวใจของคุณทักษิณจริงๆ หากมีใครไปหาโดยไม่ได้จะเอาประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ถือว่าเขาเป็นกัลยาณมิตรอันหาได้ยากยิ่งของคุณทักษิณเถิด

 

แล้วอยู่ดีๆ ร่างกฏหมายคาซอยนี้ก็จะมาขโมยเวลาในชีวิตทุกคนให้หายไปเฉยๆ ถึง 9 ปี 7 เดือน 8 วัน ทั้งๆ ที่หน้าตาฉันมันร่วงโรยไปกับเวลาแล้ว จะกลับมาเป็นสาวเท่ากับเมื่อ 10 ปีก่อนอีกไม่ได้

 

ก็รัฐประหารเกิดขึ้นวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ทำไมร่าง พรบ.นี้ จะให้มีผลครอบคลุมช่วงเวลา 9 ปี 7 เดือน 8 วัน (1 มค 2547 - 8 สค 2556) ไปขยายความขนาดนี้เพื่ออะไร แถมยังลากยาวเลยกลางปี 2553 ที่เป็นช่วงที่คนโกรธแค้นรัฐบาลในช่วงนั้นทำการเผาเมืองมาตั้ง 3 ปีกว่า

 

หรือก่อนหน้าและหลังจากช่วงเวลาที่ควรนิรโทษนั้น มีอะไรที่ขึ้นศาลแล้วมันจะออกมาไม่สวย

 

หลายคนเขาประชดว่า ทำไมไม่ขยายเวลาไปถึงชาติหน้า เพื่อให้ผู้ “จะ” กระทำผิดต่อ ได้พ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งชาตินี้และชาติหน้าเล่า

 

อีกอย่างหนึ่งคือ จะคิดให้หัวแทบแตกอย่างไร ก็คิดไม่ออก ว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเกี่ยวอย่างไรกับการชุมนุมทางการเมือง ดังนั้น จะอภัยทางการเมืองอย่างไรก็ตกลงกันไป แต่เรื่องคอร์รัปชั่นมันต้องพิสูจน์กันให้จบ

 

เพราะถ้าเรายอมให้ร่างกฏหมายนี้คลอดออกมา แล้วลบล้างเรื่องคอร์รัปชั่นออกไปเฉยๆ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น จะยิ่งเป็นปัจจัยด้านลบต่อภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย เนื่องจากเราจะเป็นประเทศเดียวที่คอร์รัปชั่นได้รับการยอมรับจาก Law Makers ในสภาฯ

 

แล้วคนดีๆ ที่ไหนเขาจะอยากลงทุนในประเทศที่ไร้ความโปร่งใส และมี Law Makers ที่แสดงตนอย่างชัดเจนว่า “สนับสนุนการคอร์รัปชั่นด้วยความกะตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง”

 

นอกจากนี้ ประเทศไทยก็จะเสื่อมเกียรติในเวทีโลกที่สุด แม้เขาจะต้อนรับขับสู้ยิ้มแย้ม แต่ในใจเขาก็จะดูถูก ดูหมิ่นคนไทย รัฐบาลไทย นิติบัญญัติไทย ว่าต่ำชั้น ไม่มีดีอะไร ซึ่งจะทำให้แผ่นดินไทยอันสะอาดภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องมัวหมองไปด้วย

 

คุณประเสริฐ นาสกุล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ล่วงลับไปแล้ว เคยบอกว่า "หัวใจการเมืองคือความไม่เห็นแก่ตัว เพราะถ้าเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พรรคของตัวแล้ว จะไปเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร"

 

Plato บอกว่า “หนึ่งในการถูกลงโทษเพราะเราปฏิเสธการมีส่วนร่วมทางการเมือง คือการถูกปกครองโดยคนชั้นเลว”

 

เราไม่อยากถูกปกครองโดยคนชั้นเลวอย่างที่ Plato ว่า อยากให้คุณทักษิณคัดเอาคนมีฝีมือจริงๆ ไม่ใช่ฝีปาก มาทำงานเสียที ไม่งั่นก็กลับมาเป็นนายกฯ เองเลยน่าจะดีกว่า และเราไม่อยากให้พรรคการเมืองมวลชนเห็นแก่ตัว เราถึงต้องออกมายืนต่อต้านแนวคิดนิรโทษคอร์รัปชั่นแบบ Set Zero เพราะเราเห็นว่ามันจะกลายเป็น Set C-4

 

ก็มันดีตรงไหนหรือ ที่จะต้องเลือดนองพื้นกันอีกด้วยฝีมือของคนไทยด้วยกัน แม้จะมีบางคนทั้ง 2 ฝ่าย แอบสะใจอยู่บ้างก็ตาม

 

พวกเราไม่ได้ถือหางข้างการเมืองเลย แต่ทำไมต้องมาผลักเราออกจากจุดยืนตรงกลาง ให้ไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งเพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักของบ้านเมือง เรื่องไม่เอาคอร์รัปชั่น

 

แต่ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ก็ขอให้ต่างยึดมั่นในความมีจิตใจใสสะอาดเอาไว้ ชนะก็อย่าฮึกเหิมลำพองคิดว่าเราเก่งเป็นฮีโร่ ทำตัวกร่าง ไปรังแกคนแพ้ เพราะสุดท้ายก็ไม่มีใครรอด และถ้าแพ้ก็อย่าท้อถอยหมดหวังจนไม่เชื่อในความดีกันอีก

 

บ้านเมืองในขณะนี้คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว แต่สิ่งที่เราสู้ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ไพร่ ไม่ใช่อำมาตย์ แต่เป็นความมืดดำ ความมีโมหะ โทสะ โลภะ ในหัวใจของชนชั้นบน 2 ฝ่ายที่แย่งชิงอำนาจกัน ไม่ใช่ประชาชนอย่างเราๆ ไม่ว่าจะสีไหน

 

ที่จริงอยากจะบอกว่า เราต้องชนะตนเองก่อนถึงจะชนะผู้อื่นได้ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สายตรงภาคสนาม

 

ขอคำตอบจาก “ยิ่งลักษณ์” 15 เรื่องนี้จะ “สานต่อ” มั้ย

 

1.) ตระบัดสัตย์ต่อประชาชนไม่ยกเลิกกองทุนน้ำมัน เก็บเงินเข้ากองทุนมากขึ้น

2.) ลอยตัวพลังงานทุกชนิด แก๊สแพง น้ำมันแพง โยนภาระให้ ปชช.อุ้ม ปตท.

3.) เก็บภาษีน้ำมันดีเซล 5.70 บาท โปะรายได้หดจากนโยบายประชาล่มจม

4.) กระชากค่าครองชีพพุ่งสูง กระตุกราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

5.) ลดภาษีนิติบุคคลจาก 30 เหลือ 20 % อุ้มคนรวย ไม่ออกกฎหมายภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

6.) บัตรเครดิตสร้างหนี้ให้เกษตรกร ไม่ออกฉโนดชุมชนแก้ที่ดินทำกิน

7.) มีสารพัดกองทุนสร้างหนี้แต่ไม่ยอมเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ

8.) ใช้เงินแผ่นดินทัวร์รอบโลก แต่ส่งออกทรุด เศรษฐกิจซบ จีดีพีหด

9.) โกหกตัวเลขส่งออกแล้วบอกว่า “ไวท์ไล”

10.) หักหลังชาวนาจำนำข้าวไม่ได้หมื่นห้า ขาดทุนมหาศาล ทุจริตมโหฬาร

11.) กู้เงินสร้างหนี้ทั้งโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน เงินกู้ 2 ล้านล้านหนี้บาน 50 ปี

12.) ล้วงเงินสำรองระหว่างประเทศ ตั้งกองทุนหนุนเงินกู้ 2 ล้านล้าน

13.) ออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดโจรปล้นชาติ รวบอำนาจด้วยการแก้ รธน.

14.) ใช้เสื้อแดงเป็นกองกำลังนอกกฎหมาย ปฏิบัติสองมาตรฐานกับ ปชช.

15.) ใช้รัฐตำรวจ คุกคามสื่อ คนเห็นต่าง ฝ่ายตรงข้าม

 

แค่สงสัยว่า “ทักษิณ” ไม่คิดให้ “เพื่อไทยทำ” แล้วเหรอ?

 

1487354_498252100287400_809648061_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1551586_497866640325946_1575569023_n.jpg

 

960124_497854796993797_239198264_n.jpg

 

เอกณัฐ โชว์ ภาพ ตร.ใส่ชุดเต็มยศ ทุบรถอาสาพยาบาล เทียบ ภาพใส่ร้ายผู้ชุมนุมขโมยอุปกรณ์ตำรวจ จับโกหก ปิยะ เชื่อ รัฐ จงใจสร้างความเกลียดชัง ระหว่างตำรวจกับประชาชน ห่วง บานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง บี้ ยิ่งลักษณ์ ปรามลิ่วล้อ เลิกป้ายสี ปชช. ยกตัวอย่างนำภาพเก่าปี 51 อ้างเป็นภาพปัจจุบัน จนไทยรัฐ ขอโทษแล้ว แต่ ศอ.รส.ยังไม่แสดงความรับผิดชอบ ปูด ระดม ตร.สามจังหวัดใต้ติดอาวุธครบมือเข้ากรุง ถาม ผบ.ตร.-ผบ.ชน.คิดทำอะไร ไม่เชื่อ ชายชุดดำบนดาดฟ้าเป็นมือที่สาม เหตุอยู่ในพื้นที่ดูแลของ ตร.

 

นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ แกนนำ กปปส. แถลงชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายประชาชนโดยมีการกระทำอย่างเป็นขบวนการ เริ่มจาก ศอ.รส.ที่กล่าวหาว่าการบาดเจ็บล้มตายเกิดจากผู้ชุมนุม จากนั้นมีการรับลูกกันระหว่าง ศอ.รส.กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธู)กระจ่าง ผบ.ชน. และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. ซึ่งมีพฤติกรรมทุเรศที่สุดใส่ร้ายประชาชนว่า คลิปภาพชายฉกรรจ์ใส่ชุดตำรวจทุบรถอาสาพยาบาลโดยโยงเรื่องว่าเกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุมขโมยของตำรวจ จัดฉากมาทุบรถพยาบาลอาสา เชื่อว่าประชาชนจะไม่เชื่อการกุเรื่องดังกล่าวเพราะฟังไม่ขึ้น เนื่องจากมีพิรุธอยู่หลายเรื่อง คือ ภาพกลุ่มตำรวจที่ทุบรถอาสาพยาบาลนั้นใส่ชุดติดอุปกรณ์เต็มยศ ในขณะที่ภาพที่อ้างว่ามีการขโมยไม่ได้ใส่ชุดเต็มยศ นี่คือตัวอย่างการทำงานของตำรวจและ ศอ.รส.ที่ออกแถลงการณ์ผ่านทีวีพูลบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายประชาชน เพราะยังไม่มีภาพไหนที่สามารถเก็บเป็นหลักฐานว่าผู้ชุมนุมใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ตำรวจหรือประชาชน แต่ภาพที่นำมาใช้และลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหน้า 1 ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นภาพเก่า ซึ่งก็ได้แสดงความรับผิดชอบไปแล้ว แต่ ศอ.รส.กลับไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ

 

ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ อ้างว่ามีต่างประเทศประกาศเตือนพลเมืองในการเดินทางมาประเทศไทยว่ามีถึงกว่า 50 ประเทศนั้น ความจริงมีเพียง 20 กว่าประเทศเท่านั้น และไม่มีประเทศใดที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของ กปปส. สนับสนุนรัฐบาลเหมือนอย่างที่มีการกล่าวอ้าง จึงขอให้แสดงความรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามสร้างความเกลีียดชังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชนจนอาจเกิดสงครามกลางเมืองได้ ตนขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบที่ลูกน้องตัวเองออกมาใส่ร้ายประชาชน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากไม่ออกมาระงับการกระทำของลูกน้องตัวเองสถานการณ์จะบานปลายนำไปสู่การปะทะและเหตุรุนแรง ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ไม่มีเจตนาที่จะให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามกลางเมืองต้องหยุดการกระทำของลูกน้อง ชี้แจงกับสังคมให้ได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

นายเอกณัฐ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ผบ.ชน.ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ชายชุดดำที่ปรากฏตัวบนตึกสูงบริเวณกระทรวงแรงงานในเวลาที่มีการปะทะกันโดยอ้างว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่สาม หมายความว่าไม่ใช่ผู้ชุมนุม เพราะในเวลานั้นไม่มีผู้ชุมนุมสามารถเข้าพื้นที่กระทรวงแรงงานได้ แต่ต้องถามว่าหากเป็นบุคคลที่สามไม่ใช่ตำรวจแล้วตำรวจปล่อยให้ชายชุดดำเหล่านี้ไปอยู่บนสถานที่ราชการกระหน่ำยิงทำร้ายผู้ชุมนุมและตำรวจอย่างเปิดเผยได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีการ กราดยิงเอ็ม 16 ใส่การ์ด คปท.ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐอย่างอุกอาจจนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทำไมตำรวจจึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดย กปปส.ได้รับข่าวสารว่ามีการระดมตำรวจจากสามจังหวัดภาคใต้ สั่งการติดอาวุธครบมือ ต่างจากที่ตำรวจให้ข่าวว่าจะถอย เพราะความจริงคือระดมกำลังเข้ากทม.พร้อมกับติดอาวุธ จึงขอให้ ผบ.ชน.และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ต้องการอะไรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร

 

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เตรียมเข้าหารือกับแกนนำ กปปส.ในวันพรุ่งนี้ (30 ธ.ค.56) นั้น นายเอกณัฐ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วยังไม่ได้รับการติดต่อ แต่อาจจะมีการติดต่อกับแกนนำท่านอื่น อย่างไรก็ตามขอขอบคุณท่าทีของ กกต.ทั้ง 5 คน ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเสนอให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลปฏิเสธ ซึ่ง กปปส.ยินดีที่จะหารือกับ กกต.

///////////

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

4 hours ago

 

 

มีคนไทยในต่างประเทศถามมาว่า เรื่องในวันนี้เกิดเพราะอะไร พี่จึงขอเอาบทความที่เคยเขียนเมื่อ 2 พย 56 มาลงอีกครั้งค่ะ

 

จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

-----------------------------------

วรวรรณ ธาราภูมิ

2 พฤศจิกายน 2556

 

ตั้งสติคิดย้อนไปว่า พวกเราคนไทยเดินกันมาถึงวันนี้ได้อย่างไร วันที่ในหัวใจเราหลายคนมีแต่ความเกลียดชังกันและกัน มันมีต้นเหตุมาจากอะไร

 

หากลองคิดตาม ก็จะหาคำตอบที่แล้วแต่จิตของตน แล้วพี่ก็หันไปดูองคาพยพในชนชั้นปกครองบ้านเมืองบ้าง ก็พบว่ามันตกต่ำไปมาก หากจะให้แฟร์ ก็ต้องเทียบกับสมัยคุณทักษิณยังอยู่ และยังเป็นนายกฯ พี่พบว่าคุณภาพของสภาฯ ในช่วงยุคนี้ตกต่ำลงสุดๆ

 

สมัยก่อน จะไม่ลงรอยอย่างไร สภาฯ ก็ไม่มีการลุแก่อำนาจ (ซึ่งหากติดตามชมทางทีวีคืนก่อนก็จะรู้ว่าเป็นการใช้อำนาจที่ผิดมหันต์) พี่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติจะเสื่อมถอย น่าอับอาย น่าขยะแขยง ได้ปานนั้น สมัยคุณทักษิณยังเป็นนายกฯ (ที่ก็ไม่ give a damn กับการเข้าสภาฯ) ก็ยังไม่มีอะไรป่าเถื่อนทั้งการกระทำในการข่มขืนออกกฏหมายกับการแสดงออกได้ขนาดนี้ ซึ่งมันแสดงออกถึง 2 อย่างในสายตาพี่

 

อย่างแรก ตัวแทนในนั้น คุณภาพติดลบอย่างรุนแรง อาจจะหาคนดีกว่าไม่ได้แล้วหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ และอย่างหลังก็คือพลังอำนาจของความปรารถนาจะหักดิบเอาแต่ใจ ผนวกกับความโลภและความกลัวของตัวแทนที่ยอมขายศักดิ์ศรีของตัวแทนปวงชนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

 

จนไร้แม้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ต้องมีอิสรภาพ ไม่เป็นทาสใคร

 

นี่คือความเสียใจที่คนซึ่งเป็นตัวแทนของเรา ทำหน้าที่ให้เรา ไม่ยึดในหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งความปรองดองที่ปากว่านั้นพวกคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเกิด เพราะการผ่านร่างกฏหมายตายคาซอยในลักษณะนี้

 

หากพวกคุณยอมให้ความรุนแรงจะเกิดขึ้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจเพราะสังคมสะท้อนให้เห็นผ่านสื่อและ Social Media อย่างตรงไปตรงมาแล้ว พวกคุณก็ไม่เพียงไร้ค่า แต่ยังเป็นตัวถ่วงทำลายความปรองดองที่พวกเราคาดหวังอีกด้วย

 

หันมาดูฝ่ายบริหารกันบ้าง ตอนนี้ไม่พูดถึงฝีมือรัฐบาลของเราในการบริหารบ้านเมือง ว่าแข็ง ว่าอ่อน ขนาดไหน หรอกค่ะ เพราะทุกคนมีคำตอบกันอยู่แล้ว จะตรงกันหรือไม่ก็แล้วแต่

 

ข้อสังเกตุในวันนี้ก็คือ รัฐบาลกำลังปกครองผู้คนด้วยการใช้ทฤษฎี Carrot and Stick ใช่ไหม

 

ใครเอาใจ ตามใจ แม้จะหลอกลวงยกยอปอปั้น ช่วยกันทำผิด ปกปิดความจริง ซึ่งจะทำให้พวกคุณตกต่ำได้รับผลกรรมในอนาคต พวกเขาก็ได้รางวัล ส่วนใครที่ซื่อสัตย์ ให้ข้อมูลจริง ตักเตือนด้วยความห่วงใยในอนาคตของประเทศ กลับกลายเป็นหมาหัวเน่า โดนตี โดนย้าย โดนกลั่นแกล้ง

 

มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

 

นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านการกระทำของรัฐรวมทั้งสื่อมวลชนนั้น เขาเล่ากันแซ่ดว่ากำลังถูกคุกคามอย่างหนักด้วยทุกวิถีทางในทางที่ไม่ชอบ ซึ่งหากเป็นจริง มันก็เป็นคอร์รัปชั่นในการใช้อำนาจรัฐ

 

ช่วยบอกหน่อยเถิดว่ามันไม่จริง เพราะหากจริงอย่างที่เขาว่า ฉันก็เสียใจมากที่เพื่อนพ้องน้องพี่ของฉันหลายคนเขาอยู่ในคณะรัฐมนตรีกับฝั่งเพื่อไทย

 

คุณทักษิณเองนั้นแม้จะมีการติดต่อกับคนในประเทศ หรือมีคนไปหา มีคนส่งข่าวตลอด แต่การอยู่ไกล ไม่ได้เข้ามาสัมผัสของจริงในบ้านเราด้วยตนเอง ก็ประเมินคน ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดได้

 

เพราะคนที่ไปพบ ไปหา ไปกอดแข้งกอดขาแผล่บบๆๆๆ นั้น จะมีสักกี่คนที่เขารักและคิดถึงหัวใจของคุณทักษิณจริงๆ หากมีใครไปหาโดยไม่ได้จะเอาประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ถือว่าเขาเป็นกัลยาณมิตรอันหาได้ยากยิ่งของคุณทักษิณเถิด

 

แล้วอยู่ดีๆ ร่างกฏหมายคาซอยนี้ก็จะมาขโมยเวลาในชีวิตทุกคนให้หายไปเฉยๆ ถึง 9 ปี 7 เดือน 8 วัน ทั้งๆ ที่หน้าตาฉันมันร่วงโรยไปกับเวลาแล้ว จะกลับมาเป็นสาวเท่ากับเมื่อ 10 ปีก่อนอีกไม่ได้

 

ก็รัฐประหารเกิดขึ้นวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ทำไมร่าง พรบ.นี้ จะให้มีผลครอบคลุมช่วงเวลา 9 ปี 7 เดือน 8 วัน (1 มค 2547 - 8 สค 2556) ไปขยายความขนาดนี้เพื่ออะไร แถมยังลากยาวเลยกลางปี 2553 ที่เป็นช่วงที่คนโกรธแค้นรัฐบาลในช่วงนั้นทำการเผาเมืองมาตั้ง 3 ปีกว่า

 

หรือก่อนหน้าและหลังจากช่วงเวลาที่ควรนิรโทษนั้น มีอะไรที่ขึ้นศาลแล้วมันจะออกมาไม่สวย

 

หลายคนเขาประชดว่า ทำไมไม่ขยายเวลาไปถึงชาติหน้า เพื่อให้ผู้ “จะ” กระทำผิดต่อ ได้พ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งชาตินี้และชาติหน้าเล่า

 

อีกอย่างหนึ่งคือ จะคิดให้หัวแทบแตกอย่างไร ก็คิดไม่ออก ว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเกี่ยวอย่างไรกับการชุมนุมทางการเมือง ดังนั้น จะอภัยทางการเมืองอย่างไรก็ตกลงกันไป แต่เรื่องคอร์รัปชั่นมันต้องพิสูจน์กันให้จบ

 

เพราะถ้าเรายอมให้ร่างกฏหมายนี้คลอดออกมา แล้วลบล้างเรื่องคอร์รัปชั่นออกไปเฉยๆ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น จะยิ่งเป็นปัจจัยด้านลบต่อภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย เนื่องจากเราจะเป็นประเทศเดียวที่คอร์รัปชั่นได้รับการยอมรับจาก Law Makers ในสภาฯ

 

แล้วคนดีๆ ที่ไหนเขาจะอยากลงทุนในประเทศที่ไร้ความโปร่งใส และมี Law Makers ที่แสดงตนอย่างชัดเจนว่า “สนับสนุนการคอร์รัปชั่นด้วยความกะตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง”

 

นอกจากนี้ ประเทศไทยก็จะเสื่อมเกียรติในเวทีโลกที่สุด แม้เขาจะต้อนรับขับสู้ยิ้มแย้ม แต่ในใจเขาก็จะดูถูก ดูหมิ่นคนไทย รัฐบาลไทย นิติบัญญัติไทย ว่าต่ำชั้น ไม่มีดีอะไร ซึ่งจะทำให้แผ่นดินไทยอันสะอาดภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องมัวหมองไปด้วย

 

คุณประเสริฐ นาสกุล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ล่วงลับไปแล้ว เคยบอกว่า "หัวใจการเมืองคือความไม่เห็นแก่ตัว เพราะถ้าเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พรรคของตัวแล้ว จะไปเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร"

 

Plato บอกว่า “หนึ่งในการถูกลงโทษเพราะเราปฏิเสธการมีส่วนร่วมทางการเมือง คือการถูกปกครองโดยคนชั้นเลว”

 

เราไม่อยากถูกปกครองโดยคนชั้นเลวอย่างที่ Plato ว่า อยากให้คุณทักษิณคัดเอาคนมีฝีมือจริงๆ ไม่ใช่ฝีปาก มาทำงานเสียที ไม่งั่นก็กลับมาเป็นนายกฯ เองเลยน่าจะดีกว่า และเราไม่อยากให้พรรคการเมืองมวลชนเห็นแก่ตัว เราถึงต้องออกมายืนต่อต้านแนวคิดนิรโทษคอร์รัปชั่นแบบ Set Zero เพราะเราเห็นว่ามันจะกลายเป็น Set C-4

 

ก็มันดีตรงไหนหรือ ที่จะต้องเลือดนองพื้นกันอีกด้วยฝีมือของคนไทยด้วยกัน แม้จะมีบางคนทั้ง 2 ฝ่าย แอบสะใจอยู่บ้างก็ตาม

 

พวกเราไม่ได้ถือหางข้างการเมืองเลย แต่ทำไมต้องมาผลักเราออกจากจุดยืนตรงกลาง ให้ไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งเพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักของบ้านเมือง เรื่องไม่เอาคอร์รัปชั่น

 

แต่ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ก็ขอให้ต่างยึดมั่นในความมีจิตใจใสสะอาดเอาไว้ ชนะก็อย่าฮึกเหิมลำพองคิดว่าเราเก่งเป็นฮีโร่ ทำตัวกร่าง ไปรังแกคนแพ้ เพราะสุดท้ายก็ไม่มีใครรอด และถ้าแพ้ก็อย่าท้อถอยหมดหวังจนไม่เชื่อในความดีกันอีก

 

บ้านเมืองในขณะนี้คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว แต่สิ่งที่เราสู้ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ไพร่ ไม่ใช่อำมาตย์ แต่เป็นความมืดดำ ความมีโมหะ โทสะ โลภะ ในหัวใจของชนชั้นบน 2 ฝ่ายที่แย่งชิงอำนาจกัน ไม่ใช่ประชาชนอย่างเราๆ ไม่ว่าจะสีไหน

 

ที่จริงอยากจะบอกว่า เราต้องชนะตนเองก่อนถึงจะชนะผู้อื่นได้ค่ะ

วรวรรณ ธาราภูมิ shared Akhom Makaranond's status.

19 hours ago

 

 

 

เรามัวแต่มาคอยติดตามเรื่องการชุมนุมของประชาชนและการต่อต้านของฝ่ายรัฐ เลยลืมเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติต้องพังพินาศเหมือนกัน ทราบกันบ้างไหมว่าเวลานี้ประเทศของเราเหมือนคนไข้ที่ตกอยู่ในอาการหนักมาก นั่นคือการบริหารเงินแผ่นดินของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งเละที่มี รมต.คลัง มีทรราช เป็นผู้บงการ ลำพังการจำนำข้าวของชาวนาล่าสุดไม่รู้ว่าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า จนชาวนาต้องเอาใบประทวนไปจำนำกับธนาคาร ชาวสวนยางที่ประท้วงที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีฯเมื่อ ๔ เดือนที่แล้ว รัฐบาลเคยประกาศจะช่วยเหลือผู้ปลูกยางไร่ละ ๒,๕๒๐ บาท รายละไม่เกิน ๒๕ ไร่ และตัว รมต.เกษตรฯก็รับปากว่าจะจ่ายให้ภายในปีนี้ ผลปรากฎว่าจ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง บางตำบลก็ได้ แต่บางอำเภอยังไม่ได้ ข่าววงในเขาบอกว่ารัฐบาลไม่มีเงิน มันเป็นเวรเป็นกรรมของเกษตรกรชัดๆที่มีรัฐบาลอย่างนี้มาบริหารประเทศ แต่ถึงกระนั้นยังนับว่าเป็นโชคดีนิดๆของประชาชนผู้เสียภาษี ที่เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้านบาทไม่ผ่าน ไม่อย่างนั้นแล้วตายไปแล้วเกิดมาอีกชาติก็ยังเป็นหนี้อีก รัฐบาลก็ยังหน้าทนอยู่เป็นรัฐบาลอยู่ได้ ผมจะขอบอกให้ทราบเพียงเท่านี้ก่อน คราวนี้ขอพูดถึงเรื่องตำรวจบ้าง ไม่อยากจะใช้คำว่าประนาม แต่ขอบอกว่า เหตุการที่เกิดขึ้นที่ศูนย์กีฬาไทยญี่ปุ่นเมื่อวันก่อน ใครที่ได้เห็นภาพหรือติดตามข่าว คงไม่ปฎิเสธว่าตำรวจได้ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณกับประชาชนแค่ไหน ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยว่าเป็นการเรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพ ไม่ได้เป็นการกระทำการล้มล้างการปกครอง เพราะฉนั้นตำรวจซึ่งมีหน้าที่ในการรักษากฎหมายต้องระวังมากขึ้นกว่าประชาชนธรรมดาหลายเท่า แต่กลับปรากฎว่าทำตัวประจบสอพลอเจ้านาย บางคนจะเกษียรอายุอยู่แล้วแทนที่จะอยู่อย่างมีความสุข กลับจะต้องมาขึ้นศาลไปจนถึงวันขึ้นสู่เชิงตะกอน นี่ก็เหมือนกันยิ่งเละก็ยังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของประชาชนที่ขอให้ลาออกจากรักษาการ เพื่อเปิดทางให้มีการปฎิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง แต่เธอกลับไปกบดานที่ภาคเหนือ ทำเป็นหุ่นเชิดของทรราชเหมือนเดิม อยู่ในอำนาจกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนต่อไป กลับมาพูดถึงตำรวจกันต่อ การกระทำของตำรวจครั้งนื้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อแต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ จะเห็นว่าตำรวจไล่ทุบตีประชาชนที่กำลังถอยร่น ไล่ทุบตีคนแก่ที่เป็นผู้หญิงอย่างไม่ยั้งมือ รวมทั้งการใช้ไม้กระบองทุบทำลายรถยนต์และรถจักรยานยนต์นับเป็นสิบคันจนพังพินาศยับเยินอย่างหนำใจ และที่ชั่วร้ายมากที่สุดก็คือฝูงสัตว์ในเครื่องแบบรุมทุบรถยนต์ของอาสาสมัครพยาบาลซึ่งเป็นสตรีที่นั่งอยู่ในรถยนต์ ส่งเสียงร้องอ้อนวอน แต่ฝูงสัตว์ในเครื่องแบบไม่สนใจ กลับใช้ไม้กระบองรุมทุบกระจกรถจนแตกพังเสียหายไปทั้งคัน เพราะฉนั้นรัฐบาลภายใต้การบงการของทรราชนอกประเทศ รวมทั้งองค์กรตำรวจที่ส่อพฤติการณ์เป็นทาสรับใช้ทรราชอย่างสุดตัว จึงหมดความชอบธรรม ไม่สมควรอยู่บริหารบ้านเมืองอีกต่อไป และต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตำรวจหากยังทำตัวเป็นศัตรูกับประชาชนแล้ว ระวังเถอะท่านจะแต่งตัวเดินถนนไม่ได้เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน ขอเตือนมาด้วยความหวังดีในฐานะตำรวจเก่าคนหนึ่ง ขอฝากข้อคิดว่า การเมืองที่ดีมีคุณธรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องของการแบ่งปันผลประโยชน์ของนักการเมืองและประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของนักการเมือง ปัญหาความแตกแยกอย่างรุนแรงในสังคมไทยขณะนี้ มาจากความมีมิจฉาทิฐิและความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองที่เลวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่มิคคสัญญี ถึงขั้นประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ต้องการล้มล้างรัฐบาลหุ่นจนมีแนวโน้มบานปลายไปสู่สงครามกลางเมืองระหว่างคนไทยต่อคนไทยกันเอง เหมือนกับวิกฤติการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศบนโลกนี้ และยิ่งเรามีคนเป็นผู้นำประเทศที่เป็นร่างทรงของทรราช และยังกล้าทุกอย่างเพื่อช่วยทรราชพี่ชายให้พ้นผิดทางกฎหมาย เพื่อให้กลับมาครองอำนาจอีกครั้ง ทำให้ประชาชนทนไม่ไหวจึงรวมตัวกันออกมาต่อสู้ขับไล่ เรียกร้องให้ปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง พร้อมทั้งให้สรรหาคนดีมาปกครองบ้านเมืองจึงเป็นเรื่องที่สังคมทุกภาคส่วนในประเทศควรให้การสนับสนุน และรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวสนับสนุนและล้างคนชั่วให้ออกไปจากสังคมไทยให้ได้ ประเทศไทยจะได้สูงขึ้นเสียที สุดท้ายอยากขอฝากท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยบอกผมเอาบุญหน่อยเถอะ ผมเคยอ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่งนานมาแล้ว เกี่ยวกับการแต่งกายของทหาร จำได้ว่าทหารตุรกีหรือกรีซไม่แน่ชัด กับทหารสก๊อตแลนด์ เขาสวมกะโปรงแทนกางเกง ดีนะที่ของเรายังไม่เหมือนของเขา หรือเหมือนแล้วก็ไม่ทราบได้ ขอบคุณ.

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รถด่วนขบวนสุดท้าย จะยอมตายหรือพร้อมใจกันขึ้น?

blank.gif โดย ไสว บุญมา 29 ธันวาคม 2556 23:23 น. blank.gif ณ วันนี้ คงไม่มีใครนึกถึงปฏิทินมายา ต่างกับเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ปฏิทินมายามักถูกตีความหมายว่า โลกจะสิ้นสุดลงตรงกับวันที่ 22 ธันวาคม 2555 เวลาเมืองไทย ความสนใจของคนทั่วไปกระจายออกไปอย่างกว้างขวางเมื่อเกิดการสร้างภาพยนตร์ขึ้นตามการตีความหมายนั้นเมื่อปี 2552 เรื่อง “2012” อย่างไรก็ตาม มีผู้แย้งว่ามันน่าจะเป็นวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ในขณะที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ขอเสนอว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปก่อนที่จะได้พิจารณากันอีกสักครั้งอย่างถี่ถ้วนโดยเฉพาะเกี่ยวกับสังคมไทย

556000016694401.JPEG

 

ปฏิทินมายา blank.gif

556000016694402.JPEG

 

โปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง “2012”

 

blank.gif ในขณะที่ความสนใจพุ่งไปที่โลกจะสิ้นสุดหรือไม่และจะสิ้นลงอย่างไรในวันที่ 22 ธันวาคม ของปีนี้หรือเมื่อที่แล้ว ปราชญ์ชาวฮังการีมีแนวคิดที่น่าสนใจ แต่แทบไม่มีใครเอ่ยถึง เออร์วิน ลาสซโล (Irvin Laszlo) เสนอแนวคิดของเขาไว้ในหนังสือชื่อ The Chaos Point: The World at the Crossroads ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2549 และคงแปลเป็นไทยได้คร่าวๆ ว่า “จุดอลวน: โลกตรงทางสองแพร่ง” ผู้สนใจแต่ไม่แตกฉานในภาษาอังกฤษ หรือไม่มีเวลา อาจไปหาอ่านบทคัดย่อได้ในหนังสือชื่อ “กะลาภิวัตน์”(ติดต่อ ohmygod.books@gmail.com)

556000016694403.JPEG blank.gif

 

ลาสซโล มองการสิ้นโลกว่าจะเกิดจากกระบวนการที่เป็นมานานแล้ว นั่นคือ มนุษย์เราอยู่บนโลกใบนี้แบบทำลายเป็นส่วนใหญ่มานมนาน เราเผาป่าไม้ เราทำลายดิน เราเผาน้ำมันและถ่านหิน เราทำลายแหล่งน้ำ เราฆ่าสัตว์สารพัดชนิด เราปล่อยมลพิษออกสู่อากาศอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราเริ่มมีความตระหนักและจำนวนมากได้พยายามเปลี่ยนพฤติกรรมของตน แนวโน้มทั้งสองเปรียบเสมือนการต่อสู้กันระหว่างความชั่วร้ายกับความดี เมื่อปี 2549 ลาสซโล เสนอว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม โลกจะเดินเข้าสู่ทางสองแพร่ง พฤติกรรมของชาวโลกในช่วงนี้จะมีผลทำให้โลกเดินเข้าสู่ทางสายแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับหากส่วนใหญ่ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางตรงข้ามกับการอยู่แบบทำลาย หากส่วนใหญ่พากันหยุดการดำเนินชีวิตแบบทำลาย โลกจะวิวัฒน์ต่อไปในทางสายมั่นคงยั่งยืน

 

มุมมองของลาสซโลมิได้ใช้กับระดับโลกได้เท่านั้น หากยังใช้กับระดับประเทศและชุมชนได้อีกด้วย

 

อ่านมาถึงตอนนี้ จะมีใครเฉลียวใจหรือไม่ว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย? มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือมีอะไรมากไปกว่านั้น? เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เกิดอะไร? คำตอบในใจของผมคือ เกิดมวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลซึ่งหมดความชอบธรรม 22 ธันวาคมเป็นวันแห่งสัญลักษณ์สำคัญยิ่ง

 

556000016694404.JPEG

 

ประมวลภาพคนไทยนับล้านออกมาขับไล่รัฐบาลเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 blank.gif

 

ในฐานะที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ด้านวิวัฒนาการของโลกมานาน ขอเสนอให้คิดว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมานี้มีลักษณะของการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายความชั่วร้ายกับฝ่ายความดีที่ดำเนินไปถึงทางสองแพร่ง

 

ฝ่ายความชั่วร้ายได้ดำเนินไปถึงขั้นทำลายชาติบ้านเมืองตั้งแต่ปี 2544 เมื่อมีกลุ่มทรชนเข้ามากุมอำนาจรัฐและพยายามใช้อำนาจนั้นทำลายแก่นในของสังคม ผมได้เตือนไว้ตั้งแต่วันนั้นผ่านการสื่อสารหลายทางรวมทั้งหนังสือชื่อ “ประชานิยม : หายนะจากอาร์เจนตินาถึงไทย?” ซึ่งพิมพ์ในปี 2546 และวิวัฒน์มาเป็นเรื่อง “ประชานิยม: ทางสู่ความหายนะ” และเรื่อง “สู่จุดจบ! The Coming Collapse of Thailand”

 

556000016694405.JPEG blank.gif

 

เรื่อง “สู่จุดจบ!” พิมพ์ออกมาพร้อมๆ กับเรื่อง The Chaos Point ของลาสซโลเมื่อปี 2549 เรื่องนั้นอ่านแนวโน้มของเมืองไทยในบริบทของวิวัฒนาการโลกโดยเฉพาะในด้านปัจจัยที่ทำให้สังคมล่มสลาย หรือวิวัฒน์ไปได้อย่างมั่นคง ผมสรุปว่าเมืองไทยกำลังเดินไปในทางลบและระบอบทักษิณจะพาไปสู่จุดจบด้วยความล่มสลายหายนะถ้าคนไทยยังพากันดูดายแบบทองไม่รู้ร้อน

 

สำหรับส่วนประกอบของระบอบทักษิณ ผมได้นำมาสรุปไว้ในคอลัมน์นี้เมื่อวันที่ 25 พฤศิกายน ที่ผ่านมาว่ามี 5 ด้านด้วยกัน นั่นคือ อัตตาธิปไตย (ข้าฯ คนเดียวเป็นใหญ่และทำอะไรไม่ผิด) ขโมยาธิปไตย (ใช้ความฉ้อฉลเป็นหนทาง) ธนาธิปไตย (มุ่งสร้างความร่ำรวยและใช้เงินตบหัวผู้อื่น) ญาติกาธิปไตย (ยึดเอาผลประโยชน์ของตัวเองและญาติมิตรเป็นที่ตั้ง) และประชานิยมาธิปไตย (หลอกลวงและมอมเมาประชาชนด้วยการลดแลกแจกแถม)

 

หนังสือเรื่อง “สู่จุดจบ!” คงทำให้ใครต่อใครในกระบวนของทรชนที่กำลังพยายามทำลายสังคมไทยไม่พอใจ จึงเกิดปรากฏการณ์แบบไม่คาดคิด นั่นคือ ในตอนต้น ผู้จัดจำหน่ายหนังสือสายใหญ่ไม่ยอมรับจัดจำหน่ายหนังสือเล่มนั้น ต่อมาหนังสือถูกกลั่นแกล้งจนหาซื้อตามแผงไม่ได้ อีกหลายปีต่อมาสื่อจึงไปพบความจริงและนำมาเผยแพร่ทางระบบอินเทอร์เน็ต (ผู้ประสงค์จะอ่านอาจพิมพ์ชื่อของหนังสือเข้าไปในกูเกิล เว็บไซต์ที่ดาวน์โหลดฟรีได้จะปร ส่วนผู้ที่ต้องการฉบับกระดาษอาจส่งอีเมล์ไปที่สำนักพิมพ์ ohmygod.books@gmail.com)

 

556000016694406.JPEG blank.gif

 

ส่วนทางฝ่ายความดีเป็นกระบวนการของมวลมหาประชาชนที่ออกมาต่อต้านกระบวนการชั่วร้ายนั้นตั้งแต่วันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ในช่วง 8 ปีกว่า มวลมหาประชาชนได้ขยายออกไปจากความเข้าใจในความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ พลังของคนดีที่หมดความอดทนต่อความชั่วร้ายได้แสดงออกมาอย่างแจ้งชัดที่สุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมในรูปของคนหลายล้านซึ่งออกมาต่อต้านรัฐบาลโดยปราศจากอาวุธแม้ฝ่ายรัฐบาลจะเคยทำร้ายจนถึงแก่ความตายมาแล้วก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลยังหน้าด้านและดันทุรังเกาะอำนาจรัฐต่อไปและพร้อมที่จะทำร้ายประชาชนถึงชีวิตเพิ่มขึ้น

 

จากมุมมองของการตีความหมายปฏิทินมายาของลาสซโล ตอนนี้เมืองไทยยืนอยู่ที่ทางสองแพร่ง จากวันนี้ต่อไป หากคนไทยส่วนใหญ่ยังดูดายและไม่ออกมาต่อต้านรัฐบาลชั่วร้ายที่หมดความชอบธรรมกับมวลมหาประชาชนจนถึงกับสามารถปิดกรุงเทพฯ และขับไล่ทรชนออกไปได้แล้ว เมืองไทยจะเดินเข้าสู่ทางสายแห่งความล่มสลายแบบกูไม่กลับ

 

การเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนครั้งนี้เป็นเสมือนรถด่วนขบวนสุดท้ายที่จะพาชาติไทยออกไปจากทางสายล่มสลายหายนะจะไม่มีขบวนต่อไป คนดีจึงต้องมีความมั่นใจพร้อมกันออกมาขับไล่ทรชนแล้วช่วยกันพัฒนาประเทศจนประสบความสงบสุขแบบมั่นคงยั่งยืน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันจันทร์ ที่ 30 ธันวาคม 2556

"พงศา ชูแนม" ขวัญใจคนใหม่เวทีชุมนุมราชดำเนิน

Posted by สุวิริโย , ผู้อ่าน : 1736 , 22:31:10 น.

หมวด : ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

 

พงศา ชูแนม

 

http://www.youtube.com/watch?v=UM6PnGhwmg4

 

 

301213 พงศา ชูแนม คนดีวิถีพอเพียง

 

 

 

ป่าไม้ขบถ แห่งต้นน้ำพะโต็ะ 2 พงศา ชูแนม

 

http://www.youtube.com/watch?v=2-cr4e2SQU4

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1503835_10152121913812855_333701429_n.jpg

shared NationPhoto's photo.


  • 373475_120544157972374_761244809_q.jpg

     


    shared
    's
    .

    ปีใหม่ชายแดนใต้... ประชาชนทั้งไทยพุทธ - มุสลิม จำนวนมากเดินทางมาเที่ยวตลาดน้ำตากใบ บริเวณสะพานคอยร้อยปี อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เนื่องในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2557 และในเช้าวันที่ 1 มกราคม 2557 บริเวณดังกล่าวจะใช้เป็นสถานที่จัดงาน " ชมแสงแรกแห่งปี " first see the sun@takbai .narathiwat ซึ่งจะเห็นดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าก่อนที่อื่นในประเทศไทย

     

    Photographer จรูญ ทองนวล (Charoon Thongnual)

    1528743_10152121855492855_1748740963_n.jpg
     

     

     

     

    ประชาชนเดินทางไปกราบไหว้ ขอพรวันปีใหม่ "พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" ที่ พุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม Photographer นรินทร์ เครือคล้าย (Narin Kruaklai)

     

     

     




     


    การแสดงสิงห์โตที่เวทีราชดำเนินเพื่อเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่

    Photographer ประเสริฐ เทพศรี (Prasert Thepsri)

     


    1497505_10152121785877855_1071962709_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1531913_689841161047695_371804563_n.jpg

สวัสดีปีใหม่ ประชาไทย

มีความสุข ๒๕๕๗ สมใจนึก

สุขภาพดี คึกคื้นใจ

ประชาชน หัวใจรวมหนี่งเดียว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...