ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ดอกไม้ประชาธิปไตยจะบาน #เปลวสีเงิน : 4 January 2557

 

 

 

 

● วันที่ดอกไม้ประชาธิปไตยจะบาน # เปลว สีเงิน : 4 January 2557 (ไทยโพสต์) แค่กำนันสุเทพเล่นบท "หนุมานจองถนน" ก่อนยึดกรุงลงกาหน่อยเดียว พวกอสูรไม่ว่าตัวเมีย-ตัวผู้ แยกเขี้ยวเสียวสะท้านกันยกใหญ่ ลงกาชั้นในก็ระดมทัพยักษ์อำมาตย์กากีรับมือ ลงการอบนอก มารตู่-มารเต้น เกณฑ์พลยักษ์ไพร่ นัยว่าจะให้แดงออกมาลบสถิติ "๑๐ ล้านมวลมหาประชาชน" นั่นเชียว สรุปว่า จันทร์ที่ ๑๓ มกรา ๕๗ ถนนทุกสายในประเทศไทยจะถูกแปลงสภาพเป็น "ถนนคนเดิน" พร้อมกันทั่วทั้งประเทศ โดยแบ่งโซนเจ้าภาพกันไป "ในกรุงเทพฯ" กำนันสุเทพ นำมวลมหาประชาชนเป็น "ดอกไม้ประชาธิปไตย" บานทั่วกรุง เทศกาลประชาชนปฏิวัติ ส่วนโซนต่างจังหวัด ยกเว้นจังหวัดบริวาร กทม. นังมารร้ายมอบให้ นปช.โดยตู่-เต้น เป็นเจ้าภาพ เกณฑ์เสื้อแดงออกมาแสดงแสนยานุภาพประชัน คนจัดน่ะ..พอรู้ แต่คนจ่าย บอกหน่อยซิเจ๊...ใครจ่าย ใช้งบกลาง งบลับ งบจังหวัด หรือเป็นอีเวนต์ ลาสต์ ซัปเปอร์ "หลอกแดกแม้ว"? แล้วแบบนี้ เที่ยวพูดว่า มวลมหาประชาชนปิดเมือง-ปิดประเทศในลักษณะผู้ทำลายได้อย่างไร เพราะผู้ตื่นรู้ มีจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ออกมาขับเน้นประชาธิปไตยคุณธรรม เป็นภาพลักษณ์ "ผู้สร้าง" สู่อนาคตใหม่! ไม่ใช่ภาพซาตานผู้ทำลาย เหมือนอย่างปี ๕๒-๕๓ ที่ออกมาเมื่อไหร่ หมายถึงความฉิบหายทำลายล้าง บ้านต้องไหม้ เมืองต้องวายวอด ขนาดเบาะๆ ออกมาที่สนามราชมังคลาฯ วันก่อน "นักศึกษารามฯ" ยังต้องหามทั้งศพ ทั้งคนเจ็บ! สำหรับมวลมหาประชาชนพิสูจน์แล้ว ๒-๓ ครั้ง ออกมาเฉียด ๑๐ ล้าน ภาพแทนที่จะเป็นมุมลบ กลับเป็นภาพบวกสวยงาม ปลุก "ชีวิต" ประชาธิปไตยไทยให้มี "ชีวา" โดยมหาประชาชนผู้ตื่นแล้ว ไม่ยอมให้อสูรร้าย "สิงประชาธิปไตย" โกงบ้าน-กินเมืองอีกต่อไป มวลมหาประชาชนล้นเมืองขนาดนั้น แก้วน้ำซักใบยังไม่แตก นั่นแสดงถึงคุณภาพแห่งชีวิต-จิตวิญญาณ "ประชาชนปฏิวัติ" ออกมาด้วยอารยะ ไม่ได้ออกมาเยี่ยงสัตว์ป่ากระหายหิว เป็นสัญญาณบอกถึงอนาคตข้างหน้า.... โดยมหาประชาชน ที่ไม่ยอมงอมือ-งอตีนให้กับทรราชระบอบทักษิณ ประเทศไทยหลังประชาชนปฏิวัติ ด้วยมหาประชาชนล้นฟูกรุงเทพฯ จะใสเหมือนแก้วเจียระไน! ที่เห็นเป็นตำหนินิดๆ น่าเสียดายนั้น.... นั่นคือตะกวดในกรงทักษิณ ที่ออกมาตะกาย สร้างราคีให้กับความใส และซ้ำร้าย รัฐบาลสำส่อนยังใช้เสนียดในตัวนั้น ป้ายสี.... "ดอกไม้ประชาธิปไตยมหาประชาชนที่จะบานพร้อมกันทั่วทุกถนนในกรุงเทพฯ ๑๓ มกรานั้น... คือดอกไม้พิษ ฆ่าสังคมประเทศ"!? ก็อยากจะบอก ดอกไม้ประชาธิปไตย เป็นดอกไม้ทิพย์สำหรับผู้ตื่นรู้สังคมประชาธิปไตยคุณธรรม เหมือนสายสิญจน์คล้องศีรษะ เป็นนวมงคล ไม่ฆ่าคนดี แต่ฆ่าผี ฆ่าซาตาน ฆ่านังมารร้าย ที่สิงคราบประชาธิปไตย กัดกิน ปอด ตับ ไต หัวใจ ไส้ พุงประเทศ เหมือนอย่างที่ "หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" เคยพูดไว้นั่นตะหาก ประชาธิปไตยโดยมวลมหาประชาชนน่ะ ขยายตัวเบ่งบานมากเท่าไหร่ คณะนังมารระบอบทักษิณมันต้องลอยดอกกระฉอกหนีมากเท่านั้น ด้วยลางสังหรณ์เริ่มกรายหัวให้รู้ตัวว่า ชีวิตโคตรชั่ว "ชั่วโมงสุดท้าย" ใกล้ถึงแล้ว! ถามว่า แล้ว ๒ กุมภาจะมีเลือกตั้งจริงหรือ เพราะ กกต.แถลงแล้วว่า ต้องเดินไปตามเงื่อนไขเวลาที่พระราชกฤษฎีกากำหนดไว้? ถ้าถาม กกต.ก็คงตอบว่า...มี แต่ถ้าถามผม ตอบว่า...มี คือ ไม่มี!? ที่ กกต.ตอบว่ามี ผมเดาทาง เป็นทางแคบ-ทางบังคับที่ต้องตอบด้วยอับจนใจ และคำว่า "มี" ของท่าน มีในความหมาย....ไปตายเอาดาบหน้า รอศาลฎีกามีคำวินิจฉัยสำหรับผู้ไปแจ้งความตำรวจไว้เป็นหลักฐานว่า จะมีสิทธิ์ได้เป็นผู้ลงรับเลือกตั้งหรือไม่? แต่ดูปัจจัยรอบด้านแล้ว มองไม่เห็นประโยชน์ที่จะละลายงบกว่า ๓,๐๐๐ ล้าน ไปกับการเลือกตั้ง ที่เลือกเสร็จแล้ว ส.ส.ไม่ถึง ๙๕% เปิดสภาฯ ไม่ได้ ยิ่ง ๗-๑๐ ม.ค.นี้ รัฐบาล รัฐสภา ส.ส.-ส.ว.๓๐๐ กว่าคน ล้วนมีอนาคตแขวนอยู่บนขื่อคาของ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ เป็น "อนาคตที่มืดมน" โดยแท้! มันตอกย้ำการเดินทางสู่ "สุญญากาศ" ทางการเมืองของไทยมากขึ้น..มากขึ้นโดยยังมิต้องมองถึงประเด็นว่า.... ขนาดวันรับสมัคร ประชาชนยังต่อต้านการเข้าสู่อำนาจผ่านเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม และมีปัญหากฎหมายมากมายขนาดนั้น แล้วถ้ามีเลือกตั้ง วันนั้น... ๒ กุมภา มหาประชาชน กับ ซาตานระบอบทักษิณ ไม่ต้องฆ่ากัน ๗๗ จังหวัดหรือ? มหาประชาชนผู้ตื่นรู้ไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง หากแต่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งด้วยระบบและขบวนการที่ระบอบทักษิณเซตไว้ เพราะตลอดเส้นทางสู่รูปแบบเลือกตั้ง ๒ กุมภา มันเป็นทางเถื่อนที่ระบอบทักษิณตัด แล้วปักป้ายเป็นถนนประชาธิปไตยสายหลัก ให้หลงทาง! ถ้าสังคมชาติ "ยอม" ให้ระบอบทักษิณลากไปตามเส้นทางที่มันปูลาดในครั้งนี้ ชาติทั้งชาติ ก็จะต้องสยบด้วยจำยอมอยู่ใต้ส้นตีนมัน ยาวนาน ชนิดไม่มีวันได้หลุด-ได้พ้น ถึงรุ่นลูก-หลาน-เหลน-โหลน โอ๊ค เอม อุ๊งอิ๊ง น้องไปป์ ต่อขยายเส้นทางไปถึงสายตระกูล ตู่-เต้น โน่นนนน! ถ้าชอบกันอย่างนั้น ๑๓ มกรา ก็ไปเดินตามตู่-เต้นเขา แต่ถ้าตรองเห็นโทษภัยระบอบทักษิณอันมีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องการนำพาประเทศสู่อนาคตใหม่ ตามเส้นทางมวลมหาประชาชนปฏิวัติ ก็ไปร่วมเป็น ดอกไม้ประชาธิปไตยบานเช้า-บานสาย-บานบ่าย-บานค่ำ บานฉ่ำตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั่วกรุงเทพฯ กับกำนันสุเทพ ของอย่างนี้ไม่ว่ากัน เป็นสิทธิ-เสรีภาพ ที่จะคิด ที่จะทำ ที่จะแสดงออก ขอให้การแสดงออกนั้น อยู่บนฐาน สงบ-สันติ ปราศจากอาวุธ ปราศจากความรุนแรง เป็นอันใช้ได้ทั้งนั้น ใครจะเป็นดอกไม้ประชาธิปไตยบานกับกำนันสุเทพ หรือ...จะไปเป็นดอกมารประชาธิปไตยบานกับ นปช.ตู่-เต้น....? อนาคตประเทศไทยอยู่ในกำมือแต่ละท่านแล้ว ด้วย "หุ้นส่วนประเทศ" แต่ละท่าน.... จะให้ดอกไม้ประเทศบานด้วยมหาประชาชน...โปรดเป่านกหวีด หรือจะให้บานด้วยมารระบอบทักษิณ...โปรดเขย่าตีนตบ!

 

 

1003045_556578424430656_288029294_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub shared a link.

 

6 hours ago

 

ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่น่าจะรอดจากการต้องผิดชำระหนี้เหมือนยุค1930s

 

รายงานล่าสุดของIMF ระบุชัดว่าประเทศที่พัฒนาแล้วไม่น่าจะรอดจากการที่จำเป็นต้องผิดชำระหนี้จากหนี้ที่ท่วมท้นสร้างหนี้ไปต่อไม่ได้ เหมือนกับยุค1930s

 

ผู้เขียนรายงานIMFนี้คือCarmen Reinhart and Kenneth Rogoff อาจารย์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทั้งคู่บอกว่ามาตรการรัดเข็มขัดของประเทศที่พัฒนาแล้วในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและหนี้ เพื่อหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นอาจจะไม่สมหวังเป็นจริง และทางออกที่เลี่ยงไม่ได้คือ

 

1.การลดหนี้ของรัฐบาล

2.ปรับโครงสร้างหนี้

3.สร้างเงินเฟ้อมากลบหนี้

4.มาตรการควบคุมการเคลื่อนไหวของเงินทุน

 

หนี้ในบัญชีของภาครัฐบาลในเขตยูโรอยู่ที่เฉลี่ย95.3% ต่อจีดีพี ส่วนของสหรัฐฯอยู่ที่ 109.3%ต่อจีดีพี รวมๆกันแล้วประเทศที่พัฒนามีหนี้ภาครัฐต่อจีดีพีอยู่ที่109.5%

 

ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนาหรือตลาดเกิดใหม่มีหนี้ภาครัฐต่อจีดีพีเฉลี่ยที่33.6% (ประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ46%)

 

Reinhart และ Rogoff บอกว่าประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ลดหนี้ช่วงทศวรรษก่อนเกิดวิกฤต2008 ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วมีหนี้เพิ่มสูงสุดอย่างไม่เคยประสบมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่2 และกำลังไต่สู่ระดับสูงสุดในรอบ200ปี

 

ที่ยุโรป วิกฤตการเงินในภาคสถาบันการเงินทำให้เกิดปัญหาหนี้ภาครัฐที่ต้องมาแบกอุ้มไว้ในหลายประเทศ แต่ยังมีการปฏิเสธความจริงกันอยู่ว่ามันจะเดินหน้าต่อไปอย่างลำบากแสนเข็ญ เพราะยังมีความเชื่ออยู่ว่ามาตรการการรัดเข็มขัด การดำเนินนโยบายอื่นๆจะนำมาซึ่งความเจริญเติบโตอีกครั้ง และจะทำให้หนี้ หรือปัญหาหนี้ลดลง

 

และยังมีความเชื่อว่าประเทศที่พัฒนาแล้วไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่ตลาดเกิดใหม่ทำเป็นประจำคือลดหนี้ภาครัฐฯ ปรับโครงสร้างหนี้ ใช้เงินเฟ้อเข้าแก้หนี้ และใช้มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายของเงินทุน

 

แต่ความคิดหรือความเชื่อนี้ขัดกับเหตุการในอดีตที่ประเทศที่พัฒนาแล้วเคยประสบมาแล้วในช่วง1930s งานวิจัยของIMFนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะไม่เพียงพอที่จะดึงประเทศพัฒนาที่มีหนี้สินล้นพ้นให้พ้นจากวิกฤต จึงมิอาจเลี่ยงได้ที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ หรือผิดชำระหนี้นั่นเอง

 

 

ข้อสังเกตุ: ที่แก้ปัญหาด้เศรษฐกิจและวิกฤตการเงินด้วยการพิมพ์เงินQEอยู่ทุกวันนี้คือการเตะกระป๋องตามถนนเพื่อเตะถ่วงเวลา สร้างความร่ำรวยให้แบงค์ ในขณะที่ประชาชนและเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีแต่จะทรุดลงไปนั่นเอง

 

thanong

4/1/2013

 

http://www.cnbc.com/id/101307602

1930s-style debt defaults likely, says IMF research

www.cnbc.com

Advanced economies are likely to require financial repression, debt restructuring, inflation and capital controls, economists Reinhart and Rogoff have warned.

 

 

Thanong Fanclub

 

3 hours ago

 

 

ฺหรือว่าBitcoinเป็นกลลวง?

 

ผมยังไม่ได้ศึกษาเรื่องBitcoin หรือเงินดิจิตัลที่ตอนนี้กำลังมาแรง และเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจะมาแทนดอลล่าร์หรือเงินสกุลอื่นๆหรือไม่ ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้ในเชิงเทคนิคว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ให้อ่านลิงค์ประกอบข้างล่าง แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตุตามทฤษฎีมืดดังนี้ และให้สังเกตุเหตุการณ์สำคัญในปี2009เป็นหลัก:

 

1. Central planners ผู้เป็นเจ้าของการพิมพ์ดอลล่าร์ที่แท้จริงผ่านเฟดมีแผนสำรองเสมอเพื่อรักษาอำนาจผูกขาดในการผลิตเงินสกุลหลักของโลก money production แต่ผู้เดียว เพราะว่าใครคุมปริมาณเงินของเงินสกุลหลักของโลก คนนั้นคุมระบบการเงิน ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมืองและไปไกลถึงกับคุมระบบโลกทั้งหมด

 

2. ระบบการเงินสหรัฐฯล้มปี2008 ไม่มีทางเยียวยาได้ ยกเว้นการปฏิรูปที่เจ็บปวดเหมือนประเทศไทยที่ผ่านต้มยำกุ้งและเงินบาทไปที่56ต่อดอลล่าร์ ปี2008 ก็ต้องลงเหวเหมือนกัน ถ้าปล่อยตามกลไกตลาดมีการปฏิรูปเศษฐกิจและระบบการเงิน แต่cpเลี่ยงหนทางเจ็บปวด เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น จีน และรัสเซีย ตลาดเกิดใหม่ จะเข้าไปshoppingซื้อของถูกขายเลหลัง เท็คโอเวอร์หมด cpจะสูญเสียอำนาจการควบคุม จึงให้ให้บุชและโอบามาอุ้มเศรษฐกิจและระบบการเงินผ่านนโยบายการคลัง และcpเลือกเอาวิธีเตะกระป๋องตามถนนถ่วงเวลา คือให้เฟดกดดอกเบี้ยต่ำผิดธรรมชาติ0.25% และพิมพ์เงินผ่านQE ซื้อพันธบัตรรัฐบาลและmortgage backed securities ของแบงค์เพื่ออุ้มระบบการเงินทั้งหมดที่ล้มละลายแล้ว ผลก็คือหุ้นและตลาดการเงินกลายเป็นฟองสบู่เพราะมีสภาพคล่องล้นเหลือที่เป็นผลจากQE แต่QEไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจและการจ้างงานที่แท้จริง คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน เพราะว่าหนี้ไม่ได้ลด หนี้มีแต่จะเพิ่ม เงินเฟ้อพุ่งแต่ถูกตัวเลขบิดเบือน ท้ายที่สุดฟองสบู่การเงินต้องแตก เพราะว่าราคาไม่ได้สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และดอลล่าร์จะต้องพังตาม เพราะจะเสื่อมค่าจากเงินเฟ้อเมื่อทำQEไปถึงจุดๆหนึ่ง ตอนนี้ทำQEมา5ปีแล้ว ความเชื่อมั่นจะหมดไป คนถือดอลล่าร์จะไม่เอาด้วย

 

3. เดือนมีนาคม ปี2009 Timothy Geither รมว.คลังยอมรับว่ามีการประเมินความเป็นไปได้ให้ SDR หรือเงินSpecial Drawing RightsของIMF มาเป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนดอลล่าร์ ช๊อคกันหมดตอนนั้นมีเสียงหนาหูว่าดอลล่าร์จะหมดสภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไปไม่ได้ หุ้นดาวโจรลงเหวนรกอยู่ที่7,000 (ตอนนี้กำลังจะพยายามทะลุ17,000 จากแรงปั่นของQE) แสดงว่าSDRเป็นแผนสำรองของcpมาแทนดอลล่าร์ในการคุมเงินสกุลหลักของโลก

http://www.telegraph.co.uk/finance/economics/5050407/US-backing-for-world-currency-stuns-markets.html

 

4. วันอังคารวันหนึ่งของเดือนมีนาคม ปี 2009 เจ้าหน้าที่ทางทหารและหน่วยข่าวกรองความมั่นคงของสหรัฐฯมีการประชุมกันในห้องวอร์รูมที่ทางเหนือของกรุงวอชิงตัน เพื่อที่จะดูแบบจำลองของความขัดแย้งบนจอวีดีโอ มันเป็นแบบจำลองของการต่อสู้กันระหว่างสหรัฐฯและจีน และปรากฎว่าจีนเป็นผู้ชนะ cpรู้แล้วว่ากำลังจะเสียท่าจีน เงินหยวนจะลอยตัวมาล้มดอลล่าร์

 

ผู้ที่เอาข้อมูลนี้มาเผยคือ Eric J Weiner ผู้แต่งหนังสือThe Shadow Market ซึ่งรวบรวมข้อมูลให้เห็นภาพว่ารัฐบาลเผด็จการใช้อำนาจหรือวิถีทางการเงินอย่างไร เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายทางด้านภูมิศาสตร์ทางการเมือง

ในสงครามแบบจำลองนี้ อาวุธคือดอลล่าร์ หุ้น บอนด์ ไม่ใช่กระสุนหรืออาวุธสงคราม ทหารคือพวกนายแบงค์Wall Street เฮดจ์ฟันด์และนักเศรษฐศาสตร์

 

เจ้าหน้าที่ทางทหารและหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯง่วนอยู่กับการประเมินเป็นเวลา2วันเต็ม ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าโลกตกอยู่ภายใต้สงครามเศรษฐกิจ ผลลัพธ์เป็นที่น่าตกใจสำหรับฝ่ายสหรัฐฯ

 

"ไม่มีทางเลยที่สหรัฐฯจะชนะ" Weinerกล่าว

 

ไม่ว่าสหรัฐฯจะทำอะไรที่ปักกิ่งไม่ชอบ ปักกิ่งจะเทขายทรัพย์สินดอลล่าร์ที่จีนถืออยู่ออกมา ซึ่งจะทำให้ดอลล่าร์ตก เศรษฐกิจเกิดการปั่นป่วน และผู้นำสหรัฐฯจำต้องกลับมาเอาใจจีน สหรัฐฯไม่มีอำนาจต่อรองเหนือนายธนาคารจีนแต่อย่างใด

 

จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯสูงถึง$1.3ล้านล้าน และมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ$3.6ล้านล้าน มีเม็ดเงินมากพอที่จะถล่มตลาดการเงินสหรัฐฯที่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกได้

 

อำนาจการต่อรองของจีนจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อทุกครั้งที่สหรัฐฯโจมตีเงินหยวนว่าอ่อนเกินไป ทำให้จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ จีนจะตอกกลับแบบไม่แยแส บอกว่ามันเป็นนโยบายอย่างนั้น หยวนไม่ได้อ่อน ค่อยๆปรับให้แข็งทีละเล็กทีละน้อยแล้วตามความเหมาะสม

 

http://www.bloomberg.com/news/2010-09-23/china-sabotages-dollar-defeats-u-s-in-alarming-financial-war-game-books.html

 

5. ตั้งแต่สมัยเติ้ง เฉี่ยวผิง จีนดำเนินนโยบายปรับตัวเองกับอทธิพลสหรัฐในระบบโลกมาตลอด แต่หลังจากวิกตการเงินสหรัฐปี2008 จีนรู้ว่าสหรัฐฯพลาดท่าแล้ว จีนจึงเริ่มที่จะเป็นตัวของตัวเองในปี2009 ดำเนินนโยบายมหาอำนาจของจีนเองเพื่อที่จะปลดแอกจากอิทธิพลสหรัฐฯในระบบโลก

http://www.worldfinancialreview.com/?p=409

 

ปี2009 สหรัฐฯเริ่มนโยบายสงครามเย็นรอบใหม่ ด้วยการใช้นโยบายปิดล้อมจีน ทำให้จีนเพิ่มกำลังทางทหาร

http://www.reuters.com/article/2009/01/20/us-china-defence-idUSTRE50J0DH20090120

 

ุ6. ปี 2009 Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นมา

 

"บิทคอยน์คือปฏิบัติการแรกของแนวคิดที่เรียกว่า Crypto-currency ซึ่งถูกอธิบายครั้งแรกในปีค.ศ.1998 โดยนาย Wei Dai ในจดหมายอิเลกทรอนิกส์ของผู้เริ่มฝึกการใช้รหัสแทนข้อมูล แนวคิดเกี่ยวกับรหัสดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นเงินระบบใหม่ที่เรียกว่าเงินดิจิตอลซึ่งใช้วิชา Cryptography ในการควบคุมการสร้างและการดำเนินธุรกรรมของแต่ละรหัสที่ถูกสร้างขึ้น แทนที่จะควบคุมโดยหน่วยงานกลางเช่นธนาคารหรือสหกรณ์ รายละเอียดของบิทคอยน์แรกและการพิสูจน์แนวคิดดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในจดหมายอิเลกทรอนิกส์เกี่ยวกับวิชา Cryptography

 

ในปีค.ศ. 2009 โดยนาย Satoshi Nakamoto นาย Satoshi ได้พักโครงการดังกล่าวในช่วงปลาย ค.ศ. 2010 หลังจากนั้นก็มีหลายกลุ่มคนเป็นผู้พัฒนาบิทคอยน์ชนิดต่างๆขึ้นมาและเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น

 

การไม่เปิดเผยผลงานต่อเนื่องเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวของนาย Satoshi ทำให้นำไปสู่ข้อกังวลหลายอย่างที่ไม่สามารถหาเหตุผลอธิบายได้ บ้างก็นำไปสู่ความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับธรรมชาติการได้มาซึ่งบิทคอยน์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วขั้นตอนการสร้างตลอดจนการได้มาซึ่งบิทคอยน์ซึ่งเรียกว่าบิทคอยน์โปรโตคอล ( Bitcoin Protocol )และซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องถูกตีพิมพ์และเผยแพร่สู่สาธารณะมาก่อนแล้วและนักพัฒนาทั่วโลกสามารถปรับเปลี่ยนซอฟท์แวร์เพื่อให้สามารถสร้างบิทคอยน์ชนิดใหม่เพิ่มขึ้นได้ หลักการของนาย Satoshi ถูกนำไปพัฒนาโดยผู้อื่นและเขาก็ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมบิทคอยน์อีกต่อไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้สร้างบิทคอยน์ที่แท้จริง

 

http://bahtbit.com/faq_bitcoin/

 

7. มีการทำนายว่าSDR, หยวน และเงินดิจิตัลกำลังทายรัศมีดอลล่าร์

หนี้สหรัฐฯมากเกินไป ไม่มีทางใช้หนี้ได้ ต้องพิมพ์เงินต่อเงินอย่างเดียว ต่อไปความน่าเชื่อถือในฐานะเงินสกุลหลักของโลกจะลดลง

 

ที่จะเทียบรัศมีคือSpecial Drawing Rights หรือ SDRของทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เงินหยวนของจีน และเงินดิจิตัลเช่นพวกbitcoin จะมาแข่ง ถ้าSDRมาจะเป็น One World Currency เงินสกุลเดียวของโลก ความฝันของพวกอำมาตย์โลก

 

ถ้าหยวนลอยลำเข้าวิน จีนจะผงาดเป็นมหาอำนาจโลก

 

ส่วนเงินดิจิตัล ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกนาน เพราะว่าเป็นอะไรก็ไม่รู้ ใครคุม และถ้าคอมฯเจ้งจะทำอย่างไร หรือว่าBitcoinเป็นเงินของcp และเป็นไพ่อีกใบหนึ่งที่กลบเอาไว้ ในกรณีที่SDRสู้หยวนไม่ได้?

 

http://www.outsiderc...al-currency/686

 

 

8. การเกิดของBitcoinไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และน่าจะเป็นเรื่องจงใจให้เกิดเพื่อมารองรับกรณีที่ดอลล่าร์ล้ม เพื่อการควบคุมเกมการเงินต่อไป

 

Franklin D Rooseveltบอกว่า "ในทางการเมือง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ถ้ามันเกิดขึ้น พนันได้เลยว่ามันถูกกำหนดให้เกิดเช่นนั้น"

 

In politics, nothing happens by accident. If it happens, you can bet it was planned that way. – Franklin Delano Roosevelt

 

 

thanong

4/1/2014

 

ตำนานBitcoin

http://bahtbit.com/faq_bitcoin/

1507202_188509814678734_487719231_n.png

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1520754_10152896816565942_5081220_n.jpg

 

 

ตรรกะสาด - Freak Logic

 

"โรงพัก 396 แห่ง" ... ความผิดของใคร ???

 

 

คุณตำรวจขา ทำอะไรปรึกษากันบ้าง เรื่องนี้ได้รับข้อมูลจากใครคะ ถึงได้ทำป้ายออกมาฆ่ากันเองแบบนี้

 

ลำดับเหตุการณ์โครงการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ

 

1.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ริเริ่มโครงการ

 

2.) ครม.สมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีมติ 6 พ.ย. 2550 อนุมัติหลักการ ให้ สตช. และบริษัทธนารักษ์-พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ก่อสร้าง วงเงิน 17,679 ล้านบาท

 

3.) พล.ต.อ.พัชรวาท เสนอ ครม. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อนุมัติ 17 ก.พ. 2552

ให้ประมูลแบบรายภาค งบผูกพันสามปี

วงเงิน 6,672 ล้านบาท ถูกกว่าการอนุมัติ ยุคสมชาย ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท

 

4.) เปลี่ยนแปลง ผบ.ตร. 18 พ.ย. 2552 พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เสนอ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี

เปลี่ยนการประมูลเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมเป็นสัญญาเดียว

 

เนื่องจาก ครม. อนุมัติเงินก้อนเดียว

จึงเห็นว่าแยกประมูลเป็นรายภาคไม่ได้ และจะช่วยประหยัดงบประมาณ

ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม สตช. บริหารสัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

5.) 20 พ.ย. 2552 สุเทพ ลงนามอนุมัติตามข้อเสนอของ พล.ต.อ.ปทีป

 

6.) เปลี่ยนแปลง ผบ.ตร. 25 มี.ค. 2554 ประมูลราคาแล้ว

เสร็จในสมัยที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี เป็น ผบ.ตร.

 

7.) เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ครม. แถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 23 ส.ค. 2554

เริ่มบริหารประเทศ อย่างเป็นทางการ และ

"รับผิดชอบในการบริหารสัญญา ก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ"

 

8.) ยุค พล.ต.อ.วิเชียร ขยายเวลาการก่อสร้าง ให้กับบริษัทผู้รับเหมา 2 ครั้ง

จากเดิมกำหนดต้องก่อสร้างแล้วเสร็จ

วันที่ 17 มิ.ย. 2555 เป็นวันที่ 13 ม.ค. 2556 รวมขยายเวลาให้ 7 เดือน

 

ขยายครั้งที่ 1 โดย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี

(ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)

 

9.) เปลี่ยนแปลง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รับตำแหน่งนานเกือบ 1 ปี

แต่ไม่มีการบริหาร ให้เป็นไปตามสัญญา

 

ขยายครั้งที่ 2 เวลาการก่อสร้างครั้งที่สอง ลงนามวันที่ 25 พ.ค. 2555

ขยายเวลา 180 วัน จาก 17 ก.ค. 2555 - 13 ม.ค. 2556

ในยุคที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์

(ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์)

 

10.) เปลี่ยนแปลง ผบ.ตร. ยุคพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว 7 พ.ย. 2555

ขยายครั่้งที่ 3 เวลาสัญญาการก่อสร้างอีก 60 วันจาก 13 ม.ค. 2556 เป็น 14 มี.ค. 2556 (ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์)

 

สำหรับรายนี้ ... "พงศพัศ พงษ์เจริญ"

 

พบว่า พล.ต.อ.พงศพัศ รับผิดชอบโครงการนี้โดยตรง

และได้ทำบันทึกข้อความที่ 0008.322/1231 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2553 เพื่อเสนอ

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี ผบ.ตร.ในขณะนั้น ลงนามให้ความเห็นชอบเรื่อง

“ขอรับความเห็นชอบราคา และขออนุมัติจ้างก่อสร้าง

โครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลัง โดยวิธีประกวดราคา

ด้วยวิธีการทางอีเล็กทรอนิกส์”

 

และขณะนั้น เขาในฐานะเป็น "ประธานคณะกรรมการ TOR โครงการประกวดราคา

ก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ"

และเป็นผู้เสนอเรื่องเห็นชอบให้ บ.พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น

มาดำเนินการ

แต่ไม่โดนตั้งข้อกล่าวหาใดๆ เลยนะจ๊ะ

 

 

เรื่องนี้ใครต้องรับผิดชอบหนอ

 

 

@ทนายพิชญธิดา คีรีเพชร

 

 

1012806_698002480230561_2075542890_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

มีความคงที่แห่งจิตใจมากขึ้นๆ นั่นแหละคือของขวัญปีใหม่

พุทธทาสภิกขุ

 

 

 

1520741_10152130063340535_1564685162_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub shared a link.

about an hour ago

ตลาดเสรีไม่มี ทุกราคาถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯคุมหมด

 

นักวิเคราะห์การเงิน Rob Kirby พูดในแนวทฤษฎีมืดอย่างน่าสนใจว่า มีการโกงกันอย่างมโหฬารและการควบคุมราคาในระบบการเงินโลก ไม่มีคำว่าตลาดเสรี ในระยะ6เดือนที่ผ่านมาสัญญาดอกเบี้ยสว๊อปเพิ่มขึ้น$12ล้านล้าน ปริมาณนี้มหึมามาก ทำไปเพื่อกดดอกเบี้ยไม่ให้โงหัวขึ้น

 

Kribyมีประสบการในการเทรดตราสารอนุพันธ์มา15ปี บอกอย่างชัดเจนว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการดูแลตลาดตราสารอนุพันธ์ที่สลับซับซ้อนทางทางการเงินทั้งระบบ ซึ่งเป็นตัวคุมราคาสินทรัพย์เกืบจะทั้งหมด

 

Kirbyบอกว่าสิ่งที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯทำคือตารางควบคุมราคา ซึ่งสามารถชี้นำราคา และตั้งราคาสินทรัพย์ทุกอย่างในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นเงิน พลังงาน หรือโลหะมีค่า

 

ยกตัวอย่างเช่น ดอกเบี้ยพันธบัตร10ปีรัฐบาลสหรัฐฯตอนนี้อยู่ที่ 3% แต่ความจริงแล้วสหรัฐฯล้มละลายไปแล้ว ส่วนประเทศกรีซที่มีฐานะการเงินคล้ายๆกันเจอดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ10ปีอยู่ที่9%

 

แล้วมันจะจบอย่างไร?

 

Kirbyบอกว่า ให้ดูตลาดทองคำphyscial และการกว้านซื้อทองคำphysicalของจีนเป็นหลัก เพราะว่าเมื่อจีนไม่สามารถซื้อทองได้อีกต่อไป ระบบทุกอย่างจะพัง และตอนนั้นเราอาจจะได้เห็นสงครามโลก

 

thanong

4/1/2014

 

http://usawatchdog.com/colossal-fraud-there-are-no-free-markets-rob-kirby/#more-11532

 

 

Thanong Fanclub shared a link.

16 minutes ago

ลุงโฉลกบอกว่าเงินเฟ้อที่แท้จริงบ้านเราอยู่ที่8%

 

ในนาทีที่1.0เป็นต้นไปจากลิงค์ยูทูป ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ ผู้โด่งดังทางการลงทุน บอกว่าถ้าฝากเงินในแบงค์ มีแต่จะขาดทุน เพราะว่าโดนเงินเฟ้อกินหมด เงินเฟ้อที่แท้จริงที่ลุงโฉลกเคยคำนวนคือ 8% ให้ดูราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ค่าครองชีพที่แพงขึ้น ราคาข้าวแกงที่แพงขึ้น และสินค้าทุกอย่างที่แพงขึ้น

 

แต่ทางการจะบอกว่าเงินเฟ้อประมาณ3% มาตลอด ห่างกันยังกับฟ้ากับดิน

 

Marc Faber ก็เคยบอกผมว่าเงินเฟ้อเมืองไทยอยู่ที่ 8-9%

 

๋John Williams แห่ง shadowstats.com บอกเช่นเดียวกันว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ที่8-9% เหมือนกัน แต่รัฐบาลสหรัฐฯบอกว่าเงินเฟ้ออยู่ที่2% -- ห่างกันยังกับฟ้ากับดิน

 

มีการใช้วิธีการคำนวนสูตรเงินเฟ้อแบบประหลาดที่ใช้ในประเทศทั่วโลกเพื่อกดเงินเฟ้อให้ต่ำผิดปกติ เพื่อปกปิดเงินเฟ้อที่แท้จริง เงินเฟ้อเป็นปรากฎการณ์ของการเงิน (inflation is a monetary phenomenon) เนื่องมาจากการเพิ่มปริมาณเงินของธนาคารกลางเข้าระบบการเงินสูงกว่าอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และระบบการเงินdebt based money systemมีการปล่อยกู้เครดิตยืมเงินอนาคตมาใช้สูงกว่าอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ปริมาณเงินที่เพิ่มจากการอัดฉีดของธนาคารกลางทำให้เกิดเงินเฟ้อ คนรวยได้ประโยชน์ หุ้นได้ประโยชน์ แต่คนจนจะไม่มีทางวิ่งตามทันเงินเฟ้อ

 

เพื่อให้ระบบเงินdebt based money system ไปได้ ก็ต้องหลอกลวงประชาชนด้วย การกดตัวเลขเงินเฟ้อให้ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก และเพื่อให้ธนาคารกลางกดดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินเฟ้อที่แท้จริง เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน คือให้ดนตรีเศรษฐกิจดำเนินต่อไป

 

แต่ทุกระบบเครดิตที่มีการใช้จ่ายเงินอนาคต credit expansionจะต้องพังลงสักวัน เมื่อรายได้ของเศรษฐกิจไม่พอกับหนี้ที่ก่อ เหมือนประเทศที่พัฒนากำลังเจออยู่ทุกวันนี้ ท้ายที่สุดนำไปสู่การเบี้ยวหนี้ ลดหนี้ ค่าเงินพัง ดอกเบี้ยสูง เงินเฟ้อกระฉุดออกมาจนปิดไม่อยู่

 

ผมของเสนอลุงกำนันว่า หนึ่งในการปฏิรูปประเทศไทยคือ ปฏิรูปตัวเลขเงินเฟ้อ ให้เอาของจริงมาโชว์ ปฏิรูประบบแบงค์ระบบเครดิตที่ร้อนแรงผ่านfractional reserve และการบริหารปริมาณเงินของธนาคารกลางที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ และทำให้ประชาชนเดือดร้อน เกิ ดความเหลื่อมล้ำ

 

thanong

4/1/2014

 

ถอดรหัสเซียน : พลิกตำราการลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...