ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

ภูเขาไฟโปโปคาเตห์เปห์เทล ในประเทศเม็กซิโก เกิดปะทุพ่นเขม่าควันขึ้นสู่อากาศ

หวั่นอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในบริเวณใกล้เคียง และอาจกระจายไปถึงเมืองหลวง

 

ภูเขาไฟ โปโปคาเตห์เปห์เทล ในเม็กซิโก พ่นเขม่าควันขึ้นสู่อากาศสูงกว่า 1 กิโลเมตร โดยภูเขาไฟลูกดังกล่าว

ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเม็กซิโกซิตี้ มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชนในเมืองคัลโค ที่อยู่ใกล้เคียง

เนื่องจากเขม่าควันและเถ้าถ่านจากภูเขาไฟอาจปลิวไปถึงกรุงเม็กซิโก ซิตี้ แต่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภูเขาไฟยังไม่ปะทุรุนแรง รายงานข่าวระบุว่า ภูเขาไฟ โปโปคาเตห์เปห์เทล ปะทุขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

และเจ้าหน้าที่รัฐบาลก็ได้แนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ห่างจากปากปล่องภูเขาไฟ ในรัศมีอย่างน้อย 12 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ภูเขาไฟ โปโปคาเตห์เปห์เทล เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีการปะทุรุนแรงในเม็กซิโก โดยมีการปะทุครั้งใหม่มาแล้ว

กว่า 15 ครั้ง ตั้งแต่การเดินทางมาถึงภูมิภาคนี้ของสเปน ในปี 2062 ภูเขาไฟลูกนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี้

ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 60 กิโลเมตร

 

Link : http://www.innnews.co.th/ภูเขาไฟในเม็กซิโกปะทุพุ่งเถ้าคลุมท้องฟ้า--305758_04.html

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับในกรอบแคบๆเมื่อวันพฤหัสบดี(1) หลังนักลงทุนรอคอยรายงานตัวเลขคนว่างงานสหรัฐฯ ขณะเดียวกันด้วยที่คาดหมายกันว่าข้อมูลภาคแรงงานนี้จะออกมาไม่สดใสนัก ก็ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบพอประมาณ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 88.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 56 เซนต์ ปิดที่ 114.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันขยับขึ้นหลังมีข้อวิตกต่อความยุ่งเหยิงทางอุปทาน สืบเนื่องจากพายูลูกหนึ่งก่อตัวในอ่าวเม็กซิโกและมีแน้มโน้วเข้าเล่นงานฐานการผลิตน้ำมันสำคัญของสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ด้วยภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาของพายุดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ทั้งบีพี เอกซอนโมบินและรอยัล ดัตช์ เชลล์ เริ่มอพยพคนงานขึ้นจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ขณะที่นักพยากรณ์อากาศคาดหมายว่ามีความเป็นไปได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ที่มันจะทวีความรุนแรงเป็นพายุไซโคลน

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(1) ปิดลบพอสมควร หลังคาดหมายว่าข้อมูลสำคัญของภาคแรงงานอเมริกาที่เตรียมเปิดเผยในวันศุกร์นี้(2) จะย้ำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจแห่งนี้กำลังมุ่งสู่ภาวะถดถอยซ้ำซ้อน

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 119.96 จุด (1.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,493.57 จุด แนสแดค ลดลง 33.42 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,546.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 14.47 จุด (1.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,204.42 จุด

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

เงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ 29.97/99 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 29.94/96 บาท/ดอลลาร์ กลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินในภูมิภาค และการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้น นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้( 2 ก.ย.)ไว้ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 29.95-30.05 บาท/ดอลลาร์

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

[size="4"] ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1,069.13 จุด ลดลง 0.92 จุด หรือลดลง 0.09% มูลค่าการซื้อขาย 31,390.76 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนกรอบแคบสลับบวกและลบตลอดวันในช่วง 1,069 - 1,081 จุด นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยหลักช่วงนี้ไม่เด่นมากนัก แต่ยังมีข้อดีจากปัจจัยหนุนภายในประเทศที่รัฐบาลทยอยประกาศนโยบายเศรษฐกิจใหม่ๆออกมาตามลำดับ ส่วนต่างประเทศยังไม่ได้มีปัจจัยลบเข้ามารบกวนตลาดมากนัก ภาพของสหรัฐกับยุโรปยังทรงๆ ตัวแม้ยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอแต่ไม่ได้เรื่องใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทิศทางวันนี้( 2 ก.ย.)ถ้ายังไม่มีปัจจัยรุนแรงเข้ามาช่วงสั้นนี้ ตลาดไซด์เวย์ แต่มองว่าภายในเดือนก.ย.นี้ดัชนี SET มีโอกาสแตะ 1,100 จุดอีกครั้ง[/size]

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

ราคาทองคำ 1,824.01 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 4.49 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือลดลง 0.25% ราคาทองคำแกว่งตัวในช่วง 1,819 - 1,830 ดอลลาร์/ออนซ์ ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.goldprice.org/spot-gold.html

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(1) ปิดลบพอสมควร หลังคาดหมายว่าข้อมูลสำคัญของภาคแรงงานอเมริกาที่เตรียมเปิดเผยในวันศุกร์นี้(2) จะย้ำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจแห่งนี้กำลังมุ่งสู่ภาวะถดถอยซ้ำซ้อน

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 119.96 จุด (1.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,493.57 จุด แนสแดค ลดลง 33.42 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,546.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 14.47 จุด (1.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,204.42 จุด

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

ราคาน้ำมันขยับในกรอบแคบๆเมื่อวันพฤหัสบดี(1) หลังนักลงทุนรอคอยรายงานตัวเลขคนว่างงานสหรัฐฯ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 88.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 56 เซนต์ ปิดที่ 114.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

[Pete 15,187]

สวัสดีครับ เฮียนายห้างฯ และเพื่อนๆทุกๆท่าน

เช้านี้ ขอบคุณ คุณร้อยสู่ล้านที่หาข่าวมาให้อ่านกันไปบ้างแล้ว ดังนั้น

เด็กขายของ ขอกล่าวเกี่ยวกับความหมายของรายงานที่จะออกคืนนี้ เพื่อเป็น

แนวทางว่า จะถือน้องทองต่อดี หรือ จะขายน้องทองก่อนดี หรือ จะซื้อน้องทองก่อนดี

คืนนี้ รายงานแรก คือ Nonfarm payrolls

 

สรุป non-farm payroll คือ ข้อมูลจำนวนลูกจ้างที่อยู่ในภาคธุรกิจต่างๆ ยกเว้น

- ลูกจ้างรัฐบาล

- องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เช่น มูลนิธิ

- ลูกจ้างในภาคการเกษตร

 

Non-farm business จะมีสัดส่วนสูงถึง 80% ของ GDP ของสหรัฐ ดังนั้นตัวเลขนี้ก็เป็นตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต เพราะการจ้างงานจะมากหรือน้อยก็สัมพันธ์กับการผลิตที่เพิ่มขึ้นหรือน้อยลงของภาคการผลิต และสะท้อนยอดขายและจำนวนลูกค้าของภาคบริการ การที่ non-farm payroll ลดลงแสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้นลดลงครับ

ออกราว ๆ วันที่ 7 ของเดือนที่ 2 ของ ควอเตอร์ เป็นข้อมูลของควอเตอร์ที่แล้ว อันนี้เป็นตัววัดของผลงานของคนงานและต้นทุนในการผลิตของสินค้า ในสถาวะที่เงินเฟ้อมีความสำคัญตัวเลขนี้ สามารถที่จะทำให้ตลาดเคลื่อนไหวได้ โดยถ้าตัวเลขที่ลดลงสามารถบอกถึงอนาคตที่เปลี่ยนไป เช่นตัวเลข GDP ที่ดี แต่ถ้าตัวเลขนี้ขัดกันก็สามารถทำให้ตลาดมีผลกระทบได้ การที่ตัวเลข Non-Farm Productivity เพิ่มขึ้น หมายถึงการยืนยันในเรื่องของพื้นฐานของเศรษฐกิจที่ดี และส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

 

สำหรับตัวเลขคาดการณ์จากโพลฯเพิ่มขึ้น 53,000 คน จากเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้น 117,000 คน

ซึ่งถ้ากลับไปดูตัวเลขที่รายงานก่อนหน้านี้ คือ ADP Employment ก็ลดลงจากเดิม คือ

91,000 คน จากเดิม 109,000 คน ทำให้ความเชื่อที่ตัวเลข Nonfarm Employment

จะต้องลดลงอย่างค่อนข้างแน่นอนจากตัวเลขครั้งก่อน แต่ตอนนี้ อยู่ที่ว่า จะเท่าไหร่ ?

 

 

[Pete 15,187]

รายงานต่อไปอีก 2 รายงาน คือ unemployment rate และ Average hourly earning

 

ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะบอกถึงสภาวะตลาดแรงงานและรายได้ของครัวเรือน ซึ่งเป็นตัวแปร

สำคัญที่เชื่อมโยงกับสภาวะเศรษฐกิจ นี้ยังเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนเพราะรายได้จาก

ค่าจ้างและเงินเดือนก็คือรายได้ของครัวเรือน ยิ่งมีรายได้มากขึ้น กำลังซื้อก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

อัตราการว่างงาน (Unemployment rate) คือสัดส่วนของกำลังแรงงานที่ไม่มีงานทำ (unemployed

civilian workforce) ซึ่งกำลังแรงงานในที่นี้หมายถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป โดยปกติแล้วข้อมูล

จะประกาศเป็นรายเดือนโดย Bureau of Labor Statistics ซึ่งมีการสำรวจข้อมูลจากสองแหล่งได้แก่

Household survey และ Establishment (or payroll) survey ในที่นี้ใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูล

Bloomberg ซึ่งมีฐานอยู่บนมูล Household survey ในแต่ละเดือนรัฐบาลจะทำการสัมภาษณ์จาก

60,000 ครัวเรือนทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร รวมถึงผู้ที่ทำธุรกิจส่วนตัว หรือแม้แต่ U.S.

residents ที่ทำงานในเม็กซิโก และแคนาดา ปัจจุบันตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐ ณ เดือน

กรกฎาคม อยู่ที่ 9.1% และผลสำรวจโดย Bloomberg คาดการณ์ว่าข้อมูลของเดือนสิงหาคม

ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้จะอยู่ที่ประมาณ 9.1%

 

ผลกระทบจากภาวะแรงงานและการจ้างงาน ต่อตลาดทุนที่เห็นได้ชัดคือผลที่จะเกิดกับตลาดพันธบัตร

และตลาดหุ้น โดยตลาดพันธบัตรน่าจะได้รับผลเสียหากภาวะการจ้างงานเพิ่มขึ้น เพราะนั่นหมายถึง

ภาวะที่เสริมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการเร่งอัตราเงินเฟ้อและการเพิ่มของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ราคาพันธ

บัตรลดลง แต่จะได้รับผลมากแค่ไหนนั้นยังต้องพิจารณาร่วมกับอีกหลายปัจจัย ส่วนตลาดหุ้นนั้นน่าจะ

ได้รับผลดีจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพราะหมายถึงคนที่มีรายได้เพิ่มขึ้นและบริโภคเพิ่มขึ้น เป็นผลดี

ต่อยอดขายและกำไรของธุรกิจ ยกเว้นในกรณีที่เศรษฐกิจเจริญเต็มที่ด้วยภาวะอัตราดอกเบี้ยและ

เงินเฟ้อสูงอยู่แล้ว หากต้นทุนการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกก็จะเป็นผลเสียต่อธุรกิจและตลาดหุ้นได้

 

สำหรับตัวเลขคาดการณ์จากโพลฯ ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คือ 9.1%. เท่าเดิม แต่ตัวเลข

ของค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมง ลดลง จาก 0.4% อยู่ที่ 0.1%

 

ทั้งหมดเป็นตัวเลขแค่คาดการณ์ ของจริงเป็นอย่างไร คืนนี้ ครับ

 

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 4, 2011 โดย เด็กขายของ

[goldgold 29]

ขอบคุณค่ะคุณเด็กขายของ

[ห้างทองน่ำเชียง 1,443]

เตือนนักลงทุนระวังทองป่วนแนะกระจายเล่นป้องกันพอร์ตเจ๊ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2554 17:58:11 น.

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งประเทศไทย กล่าวถึงราคาทองคำที่มีความผันผวนสูงในช่วงนี้ นักลงทุนควรจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการลงทุนโดยเฉพาะผู้ลงทุนระยะสั้น เพราะราคาทองมีการเคลื่อนไหวผันผวนสูง อยากแนะนำให้นักลงทุนมีการบริหารการลงทุนที่ดีกระจายการลงทุนในหลายๆ กองทุน และสินทรัพย์ต่างๆ ให้มากขึ้นทั้งนี้เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวทั้งหมด

 

 

นายธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์ ผู้บริหาร ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดการกองทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ถ้าผู้ลงทุนที่ติดตามความเคลื่อนไหวราคาทองคำอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่าความผันผวนต่อชั่วโมงนั้นมีน้อย แต่ถ้ามองความผันผวนระหว่างวันนั้นก็จะมาก ซึ่งหากราคาพุ่งขึ้นสูง ก็ควรรอจังหวะในการลงทุนเอาไว้ก่อน ถ้าราคาทองลดลงอีกสักประมาณ 10% มาที่ 1,670-1,680 น่าจะเป็นจุดที่พอ รับได้ในการเข้าซื้ออีกครั้ง

 

นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีราคาทองคำสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์โภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายกันทั่วโลก และการปั่นราคาก็เป็นไปได้ยากมากๆ ราคาทองคำที่ขึ้นลง อย่าง รวดเร็วนั้น อยู่ที่ปัจจัยทางด้านจิตวิทยา เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเศรษฐกิจโลกดี นักลงทุน จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ราคา ทองคำลดลงแต่ ณ เวลาที่เศรษฐกิจโลก ไปในทิศทางที่ไม่ดีนักลงทุนจำเป็นที่จะต้อง กระจายความเสี่ยงมาในทรัพย์สินปลอดภัย อย่างทองคำ จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

 

ปัจจุบันบลจ.หลายแห่งมีการออก กองทุนทองคำแบบเปิดและกองทุนเพื่อการ เลี้ยงชีพ (RMF) รวม ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2554 มีทั้งสิ้น 15 กองทุน มูลค่าราคาสุทธิต่อหน่วย หรือ NAV รวม 18,630 ล้านบาท และอีก 1 กอง ที่เป็นกอง ETF-GLD เสนอขายที่ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยบลจ.กรุงไทย มี NAV รวม 822 ล้านบาท

[ห้างทองน่ำเชียง 1,443]

Precious Metals Futures By GT Wealth Management 1 ก.ย. 54 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2554 17:32:12 น.

กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกอ่อนตัวจากช่วงเช้าเล็กน้อยโดยลงมาต่ำกว่าระดับ 1,820 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา จากการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 91,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่งผลต่อการคาดการณ์การรายงานตัวเลขด้านการจ้างงานสำคัญในช่วงวันศุกร์ โดยสถานการณ์การจ้างงานถูกใช้เป็นเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งในการกำหนดนโยบายทางการเงินที่ FED ให้ความสำคัญ SPDR รายงานการถือครองที่ระดับ 1,232.31 ตันคงที่ ขณะที่ iShares Silver Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ถือครองโลหะเงินมากที่สุด รายงานการถือครองที่ระดับ 9,746.80 ตันคงที่เช่นกัน ค่าเงินบาทอยู่ใกล้ระดับ 29.95 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำแท่งในประเทศราคาเสนอซื้อ 25,750 บาท ราคาเสนอขาย 25,850 บาท

 

 

โกลด์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2554 (GFV11) ปิดที่ระดับ 26,320 บาท ปริมาณการซื้อขาย 5,844 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2554 (GFZ11) ปิดที่ระดับ 26,700 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2,056 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2555 (GFG12) ปิดที่ระดับ 27,040 บาท ปริมาณการซื้อขาย 132 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2554 ขนาด 10 บาท (GF10V11) ปิดที่ระดับ 26,320.18 ปริมาณการซื้อขาย 7,282 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2554 ขนาด 10 บาท (GF10Z11) ปิดที่ระดับ 26,710 ปริมาณการซื้อขาย 3,167 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ขนาด 10 บาท (GF10G12) ปิดที่ระดับ 27,050 ปริมาณการซื้อขาย 110 สัญญา

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2554 (SVV11) ปิดที่ระดับ 1,287 บาท ปริมาณการซื้อขาย 143 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2554 (SVZ11) ปิดที่ระดับ 1,290 บาท ปริมาณการซื้อขาย 48 สัญญา

 

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2555 (SVG12) ปิดที่ระดับ 1,337 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา

 

ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 18,784 สัญญา (รวม Night session 31 ส.ค. 54)

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า GT มองว่าแนวโน้มราคาทองคำน่าจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนการลงทุนนักลงทุนต้องให้ความระมัดระวังมากขึ้น แต่แนวโน้ม GT ยังมองว่าราคาทองน่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญยังคงมาจากความเสี่ยงในการถูกลดเครดิตของประเทศเศรษฐกิจสำคัญหลังจากปัญหาหนี้สินกดดัน ขณะสภาพคล่องในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง แม้เศรษฐกิจจะเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลงก็ตาม

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911