ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

"บัณฑูร"ห่วงศึกการเมืองฉุดศก. กสิกรปรับฮวงจุ้ยอีกรอบ เตะฝุ่นต่ำแค่2.56แสนคน

 

 

“เสี่ยปั้น” ยันเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง ไม่มีจุดใดหวือหวา แต่เป็นห่วงการเมืองที่ทะเลาะกันไม่เลิก หวั่นทำให้กฎหมายล้าหลัง เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจในระยะยาว ปรับฮวงจุ้ยใหม่ เปลี่ยนตราประทับภาษาจีน พร้อมโลโก้ ให้ภาษาจีนนำหน้าภาษาอังกฤษ สำนักงานสถิติแจ้งยอดว่างงาน ก.พ.แค่ 2.56 แสนคน หรือ 0.7% เท่านั้น หุ้นไทยขึ้นต่อแต่ไม่ผ่านแนวต้าน 1,200 จุด

 

 

 

          นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยยังไปได้ดี ยังไม่พบว่ามีจุดใดมีความหวือหวาเกิดขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เป็นผู้ควบคุมกฎ มีความเข้มงวด และเมื่อกรอบใหญ่ของเศรษฐกิจยังไปได้ดี ระบบธนาคารพาณิชย์ก็มีความมั่นคง แต่สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ เรื่องปัญหาการเมือง หากมีการตีกัน ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และนอกสภาฯ ทำให้ประเทศเดินต่อไปไม่ได้

 

          “ประเทศมัวแต่ทะเลาะกัน น่าเป็นห่วง กฎหมายที่เสนอเข้าไปในสภาก็ออกไม่ได้ ซึ่งในเรื่องกฎหมายถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นในการบริหารประเทศ กฎหมายมีอายุ และเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ณ เวลานั้นๆ หากกฎหมายล้าหลัง ก็จะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจ และหากจะให้เศรษฐกิจหมุน กฎหมายต้องมีความเหมาะสม” นายบัณฑูร ระบุ

 

          สำหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของธนาคารพาณิชย์ ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายของธนาคารแต่ละแห่ง ในส่วนของกสิกรไทย ทุนจดทะเบียนที่มีอยู่เพียงพอต่อการทำธุรกิจ เนื่องจากหากเศรษฐกิจไทยขยายตัวปีละ 5% สินเชื่อของธนาคารจะขยายตัว 1.5-2 เท่าของจีดีพี หรือประมาณ 7-10% และเมื่อธนาคารมีกำไร เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเดิมกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารมีอยู่ 7% ล่าสุดได้เพิ่มเป็น 9%

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นธนาคารกสิกรไทยเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ในวาระที่ 8 มีการเสนอเปลี่ยนตราของบริษัท โดยมีการเปลี่ยนชื่อภาษาจีนของธนาคาร โดยมีความหมายว่า ไทยบุกเบิก เจริญรุ่งเรือง มั่งคั่ง พร้อมกับเปลี่ยนโลโก้ บริษัท โดยนำภาษาจีนขึ้นก่อนภาษาอังกฤษ

 

          ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานสถานการณ์การว่างงานล่าสุดเดือน ก.พ.2555 มีทั้งสิ้น 256,000 คน คิดเป็นอัตราว่างงานเพียง 0.7% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12,000 คน แต่ลดลงจากเดือน ม.ค.55 ถึง 59,000 คน โดยผู้ที่ว่างงานส่วนใหญ่เป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 173,000 คน และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18,000 คน มาจากภาคบริการและการค้า 80,000 คน ภาคการผลิต 63,000 คน และภาคเกษตรกรรม 30,000 คน

 

          ทั้งนี้ นิสิต นักศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ยังคงเป็นผู้ว่างงานสูงสุดที่ 1.3% หรือประมาณ 88,000 คน รองลงมาเป็นมัธยมศึกษาตอนต้น ว่างงาน 68,000 คน มัธยมศึกษาตอนปลาย 48,000 คน ประถมศึกษา 31,000 คน และผู้ที่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 21,000 คน ขณะที่พื้นที่ กทม.ยังเป็นพื้นที่มีอัตราการว่างงานสูงสุดที่ 0.8% รองลงมาเป็นภาคเหนือและกลาง ว่างงาน 0.7% ภาคใต้ 0.6% และตะวันออกเฉียงเหนือ 0.5%

 

          ส่วนจำนวนผู้มีงานทำในเดือน ก.พ.มี 38.06 ล้านคน เป็นในภาคเกษตรกรรม 13.45 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 24.61 ล้านคน เทียบปีก่อนผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 520,000 คน ส่วนนอกภาคเกษตรกรรมลดลง 10,000 คน

 

          ขณะที่หุ้นไทยวันที่ 2 เม.ย.แม้ยังขึ้นต่อ แต่ไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,200 จุด โดยปิดที่ 1,199.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,821.70 ล้านบาท ดัชนีสูงสุดที่ 1,203.03 จุด และต่ำสุด 1,195.21 จุด นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 69.50 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 149.49 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 85.48 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 5.49 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

        ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่เยนแข็งค่าแตะระดับ สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนขายทำกำไรหุ้นบลูชิพ ในกลุ่มส่งออก ซึ่งพุ่งขึ้นมากนับตั้งแต่เดือนม.ค. 

        ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเช้าลบ 41.68 จุด หรือ 0.41% สู่ระดับ  10,068.19 โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ใกล้ระดับ 10,255  ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองทรงตัวใกล้ 1,680 ดอลล์เช้านี้ พักฐานหลังดีดตัววานนี้

 

 

 

        ราคาทองทรงตัวในช่วงเช้านี้ โดยปรับฐานหลังจากดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันและหุ้นเมื่อวานนี้ ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตที่สดใสของสหรัฐและจีนได้บดบัง ข้อมูลที่น่าผิดหวังจากยูโรโซน 

        ณ เวลา 09.28 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตอยู่ที่ 1,677.26 ดอลลาร์/ออนซ์ 

        ราคาสัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือน มิ.ย.ที่ตลาด COMEX ทรงตัวที่ 1,680.30 ดอลลาร์/ออนซ์

        ข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลดัชนีผู้จัดการ ฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ที่แข็งแกร่งของจีนหนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 4 ปีเมื่อวานนี้ และช่วยหนุนราคาทองสปอตบวกเกือบ 0.5% 

        การพุ่งขึ้นกว่า 2% ของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นต่อทอง ด้วย

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปิดทำการสัปดาห์นี้ในเทศกาลเช็งเม้ง-อีสเตอร์

 

         ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปิดทำการสัปดาห์นี้ในเทศกาลเช็งเม้งและอีสเตอร์

         ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนปิดทำการในวันที่ 2-4 เม.ย. เนื่องในเทศกาลเช็งเม้ง ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงและไต้หวันจะปิดทำการในวันที่ 4 เม.ย.

         นอกจากนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกง, อินโดนีเซีย, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐ จะปิดทำการในวันที่ 6 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday

 

 

          ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.1595 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม เนื่องจากการลดลงของมูลค่าของสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินสกุลดอลลาร์นั้น ได้รับการชดเชยจากกำไรจากการลงทุน

          ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้แตะที่ 3.1595 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 0.15 พันล้านดอลลาร์จากเดือนกุมภาพันธ์ โดยตัวเลขของเดือนมีนาคมถือเป็นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ได้ทะลุระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในครั้งก่อนที่ 3.1229 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกันยายน 2554

          ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ระบุว่า การขยายตัวของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในเดือนมีนาคมมีสาเหตุมาจากกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้น สูงกว่ามูลค่าที่ลดลงจากการแปลงแปลงทรัพย์สินที่ไม่ใช่เงินสกุลดอลลาร์ เช่น เงินสกุลยูโร และ สกุลเยน

          ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ประกอบไปด้วย เงินลงทุนในหลักทรัพย์มูลค่า 2.8459 แสนล้านดอลลาร์, เงินฝากมูลค่า 2.299 หมื่นล้านดอลลาร์, เงินสกุลมูลค่า SDR 3.54 พันล้านดอลลาร์, สถานะการลงทุนในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) มูลค่า 2.66 พันล้านดอลลาร์ และทองคำแท่งมูลค่า 2.17 พันล้านดอลลาร์

          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ณ สิ้นเดือนก.พ. เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศรายใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก รองจากจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ไต้หวัน บราซิล และสวิตเซอร์แลนด์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โบรกฯแนะหุ้น PTTEP,PTT,BCP ได้อานิสงส์บวกราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นกว่า 2%

 

 

 

          บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำหุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP),บมจ.ปตท.(PTT) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา

          ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานในเชิงผลการดำเนินงานปี 2555 ยังคงแข็งแกร่ง ส่วน BCP คาดเบื้องต้นว่ากำไรสุทธิงวด 1Q55 จะออกมาโดดเด่นที่ระดับเกือบ 2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น y-o-y และเพิ่มขึ้นมาก q-o-q) ซึ่งทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิในปี 2555 ยังคงเป็นทิศทางเพิ่มขึ้น y-o-y ให้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 196,420 และ26.58 (ตาม SAA Consensus) บาท ตามลำดับ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อุปทานน้ำมันหด9.4แสนบาร์เรลหนุนราคาพุ่ง$2.2 (03/04/2555)

อุปทานน้ำมันที่หายไปสูงถึงวันละ 9.4 แสนบาร์เรล หนุนราคาในตลาดโลกพุ่งขึ้น 2.21-2.55 ดอลลาร์ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นสหรัฐ-ยุโรปปิดบวกหลังดัชนีการผลิตโตเกินคาดและดัชนีของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้ออุตสาหกรรม (PMI) ของจีนแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ตลาดยังคงถูกกดดันด้วยปัจจัยลบจากฟากฝั่งยุโรปที่ PMI มีสัญญาณเลวร้ายและตัวเลขการว่างงานที่พุ่งทะลุถึง 10.8% สูงสุดนับตั้งแต่ข่วงเวลาที่มีการรวมตัวของกลุ่มยูโรโซน ขณะที่การเทรดทองตลาดไนเม็กซ์มีแรงขายชะลอลง โดยราคาทรงตัวบวก 7.20 ดอลลาร์ปิดที่ 1,679.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันแรกของไตรมาส 2 ส่วนหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้ายี้ (3 เม.ย.) มรทั้งบวก-ลบ โดยนิคเคอิติดลบ 0.52% ขณะที่คอสปี้บวก 0.65% และออสซี่บวก 0.39%

 

ดัชนีหุ้นสำคัญตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก หลังดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง

 

ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (2 เม.ย.) ปรับตัวขึ้น 52.45 จุดหรือ 0.4% ที่ 13,264.49 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 10.43 จุดหรือ 0.74% ปิดที่ 1,418.90 และดัชนีแนสแดก ทะยานขึ้น 28.13 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 3,119.70

 

ส่วนฟากฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นแรงในช่วงต้นตลาดเปิดซื้อขายวานนี้ โดยมีแรงหนุนจาก PMI ของอังกฤษที่แข็งแกร่งส่งผลให้ ดัชนี FT100 ลอนดอน ช่วงต้นพุ่งขึ้นมากกว่า 2.3% หนุนให้หุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในแดนบวก แต่ในช่วงท้ายตลาดเริ่มแผ่วลงในแดนบวก โดย FT100 บวก 1.85% CAC40 ฝรั่งเศส บวก 1.14% และ DAX เยอรมัน บวก 1.58%

 

หุ้นสหรัฐปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง และช่วยหนุนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้นด้วย

 

ทั้งนี้ สถาบันไอเอสเอ็ม เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 53.4 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53 ซึ่งตัวเลขที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว ขณะที่ตัวเลขต่ำกว่า 50 สะท้อนถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน ที่เปิดเผยว่า ดัชนีพีเอ็มไอ ภาคการผลิตจีนอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว

 

หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้น 10 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นอัลฟา เนเชอรัล ซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหิน ทะยานขึ้น 4.7% ส่วนหุ้นเอวอน พุ่งขึ้น 18% ขณะที่หุ้นกรุ๊ปปอน ดีดขึ้น 12% ขณะที่หุ้นอเมซอน ดอท คอม ร่วงลง 1.8% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว

 

ข้อมูลการผลิตอุตฯหนุนน้ำมันดิบปิดบวก

 

ทั้งนี้ ผลพวงจากการแซงก์ชั่นอิหร่านของประเทศตะวันตก ซึ่งส่งผลทำให้อุปทานน้ำมันหายไปจากตลาดสูงถึง 9.4 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่งผลราคาน้ำมันดิบสหรัฐและทะเลเหนือ ปิดตลาดบวกกว่า 2 ดอลลาร์ ได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดตลาดที่ราคา 105.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวขึ้น 2.21 ดอลลาร์จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค. ทะยานขึ้น 2.55 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 125.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นแตะ 53.4 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53 ซึ่งตัวเลขที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว ขณะที่ตัวเลขต่ำกว่า 50 สะท้อนถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต

 

ดัชนีภาคการผลิตของไอเอสเอ็ม เป็นข้อมูลล่าสุด ที่น่าจะช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน เปิดเผยว่า ดัชนีพีเอ็มไอ ภาคการผลิตจีนอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังเดินหน้าสู่การขยายตัวอย่างมั่นคง

 

ขณะที่ มาร์กิต อีโคโนมิกส์ และสถาบันการจัดซื้อและอุปทานที่ได้รับอนุญาต (ซีไอพีเอส) เผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของอังกฤษขยายตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย โดยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นแตะ 52.1 ในเดือนมี.ค. จาก 51.5 ในเดือนก.พ.

 

อัตราว่างงานยูโรโซนก.พ.พุ่ง10.8%สัญญาณเลวร้าย

 

อัตราว่างงานยูโรโซนเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 10.8% ในเดือนก.พ. เป็นสัญญาณบ่งบอกตลาดแรงงานยูโรโซนอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

 

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ "ยูโรสแตท" รายงานว่า อัตราว่างงานในยูโรโซนได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรที่ 10.8% ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจาก 10.7% ในเดือนก่อนหน้า และพุ่งขึ้นจากระดับ 10% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ตลาดแรงงานยูโรโซนอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ท่ามกลางวิกฤติหนี้และภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดการเงิน

 

สำหรับอัตราว่างงานในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศ อยู่ที่ 10.2% ในเดือนก.พ. ขยับขึ้น 0.1% จากเดือนม.ค. และเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ยูโรสแตท ประเมินว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำในเดือนก.พ. อยู่ที่ 24.55 ล้านคนในอียู และ 17.13 ล้านคนในยูโรโซน

 

เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 172,000 คนในอียู และเพิ่มขึ้น 167,000 คนในยูโรโซน และเมื่อเทียบกับเดือนก.พ. 2554 จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 1.87 ล้านคนในอียู และเพิ่มขึ้น 1.48 ล้านคนในยูโรโซน

 

ในบรรดาประเทศสมาชิก ออสเตรียเป็นประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุด ที่ระดับ 4.2% ส่วนประเทศที่มีอัตราว่างงานสูงสุดคือ สเปน โดยแตะที่ระดับสูงถึง 23.6% ในเดือนก.พ.

 

สถานการณ์ด้านแรงงานในยุโรปยังคงย่ำแย่กว่าในสหรัฐและญี่ปุ่น โดยอัตราว่างงานในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 8.3% ในเดือนก.พ. ขณะที่ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 4.7%

 

ที่มา : สิทธิชัยหยุ่น (วันที่ 3 เมษายน 2555)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.81/83 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค (03/04/2555)

นักบริหารเงินธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.81/83 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.83/85 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มปรับตัวแข็งค่าตามภูมิภาค

 

"(เงินบาท)ค่อนข้างทรงตัว แต่มีแนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ตลาดมีความกังวลต่อปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปออกมาไม่ค่อยดี ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองเงินเยนและดอลลาร์กันมากขึ้น

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศที่สำคัญ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 81.82/86 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 82.79/82 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3340/3343 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 1.3358/3360 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้จะอยู่ระหว่าง 30.75-30.85 บาท/ดอลลาร์ ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เทศกาลวันหยุดต่อเนื่องอาจส่งผลให้การลงทุนค่อนข้างเบาบาง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 3 เมษายน 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ (3 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของสหรัฐและจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทส่งออกญี่ปุ่น

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ดีดขึ้น 0.19 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 127.35 จุด ณ เวลา 09:37 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,335.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.33 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,040.81 จุด เพิ่มขึ้น 11.52 จุด ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,082.21 จุด ลดลง 27.66 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,896.72 จุด เพิ่มขึ้น 33.82 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,607.13 จุด เพิ่มขึ้น 3.35 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,027.56 จุด เพิ่มขึ้น 11.49 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,704.15 จุด เพิ่มขึ้น 181.89 จุด

 

ตลาดหุ้นเอเชียได้แรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 53.4 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53

 

ขณะที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ( PMI) ภาคการผลิตจีนอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงในช่วงเช้านี้ หลังจากเงินสกุลเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์และยูโร และจากรายงานของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่เปิดเผยในวันนี้ว่า ฐานเงิน (monetary base) หรือปริมาณธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนและธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งเงินฝากที่สถาบันการเงินสำรองไว้กับธนาคารกลางประจำเดือนมี.ค. ปรับตัวลง 0.2% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 112.46 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2551

 

หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ และหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินเยนอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทส่งออกญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 3 เมษายน 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"การผลิตสหรัฐฯ และจีนขยายตัว - น้ำมันในทะเลเหนือล่าช้า ส่งราคาน้ำมันดิบขึ้น"

เวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 2.21 เหรียญฯ/บาร์เรล ปิดที่ 105.23 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.55 เหรียญฯปิดที่ 125.43 เหรียญฯ

 

 

+ ดัชนีการผลิตภาคอุสาหกรรมเดือน มี.ค. ของสหรัฐฯ (ISM) และจีน (official PMI) ต่างปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับการขยายตัวที่ 50 โดยตัวเลขสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 53.4 ขณะที่ตัวเลขจีน (ประกาศเมื่อวันอาทิตย์) ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ 53.1 ส่งสัญญาณให้ตลาดมีความเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจของทั้งสองภูมิภาคมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการผลิตของสหภาพยุโรปกลับหดตัวมาอยู่ที่ 47.7 จากผลกระทบเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป

+ ความตึงตัวของอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีเพิ่มมากขึ้น หลังการส่งออกน้ำมันจากทะเลเหนือเกิดความล่าช้าเนื่องจากบริษัท BP หยุดดำเนินการของแท่นขุดเจาะน้ำมัน Valhall ที่มีกำลังผลิต 40,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่การส่งออกน้ำมันจากแท่น Elgin ของบริษัท Total ซึ่งมีกำลังผลิต 60,000 บาร์เรลต่อวันที่มีปัญหาแก๊สรั่วจนทำให้ต้องหยุดการส่งออกไปก็ยังไม่กลับมา

+ ปัญหาการเมืองในประเทศอิรักระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลของชาวเคิร์ด ส่งผลให้การส่งออกของเคอร์ดิสถานประมาณ 50,000 บาร์เรลต่อวันขาดหายไป

+ มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของชาติตะวันตกส่งผลให้อินเดียจะหันมานำเข้าน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลว (LNG) จากการ์ตาเพิ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากอิหร่าน ขณะที่โรงกลั่นอย่างน้อย 2 แห่งในญี่ปุ่นก็ประกาศยกเลิกนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านในเดือน เม.ย. - พ.ค. แล้ว ส่วนโรงกลั่นที่เหลือก็ทยอยปรับลดการนำเข้าลง

 

 

 

ราคาน้ำมันเบนซินสิงคโปร์เพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในภูมิภาค ขณะที่โรงกลั่นหลายแห่งยังคงปิดซ่อมบำรุง ด้านราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นในฤดูกาลเกษตรกรรมที่กำลังจะมาถึง

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ 120 - 127 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 100 - 108 เหรียญฯ   

ราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบเดิม เนื่องจากภาวะอุปทานน้ำมันดิบปรับลดลงจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาเพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง และการประชุมระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกน่าจะกดดันราคาน้ำมันไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม ได้แก่

วันอังคาร: รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯและยอดคำสั่งซื้อของโรงงานของสหรัฐฯ รวมถึงจีดีพีและดัชนีราคาผู้ผลิตสหภาพยุโรป  วันพุธ: การจ้างงานภาคเอกชนและดัชนีภาคการบริการของสหรัฐฯ ยอดขายปลีกสหภาพยุโรปและยอดคำสั่งซื้อโรงงานของเยอรมนี และการประชุมธนาคารกลางยุโรป วันพฤหัสฯ:  ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ วันศุกร์: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ

- ติดตามการประชุมของกลุ่ม จี 20 ในวันที่ 19-20 เม.ย. และการประชุมไอเอ็มเอฟในวันที่ 20-22 เม.ย. นี้ ว่าจะมีการเพิ่มวงเงินเข้าในกองทุนช่วยเหลือหนี้ยุโรปหรือไม่ หลังสหภาพยุโรปมีการตกลงขยายกองทุนช่วยเหลือไปแล้ว 700 ล้านยูโร ในการประชุมเมื่อวันที่ 30-31 มี.ค. ที่ผ่านมา

- การเจรจาระหว่าง 6 ประเทศแกนนำหลักของโลกและอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 13-14 เม.ย. นี้ ที่ประเทศตุรกี รวมทั้งอิหร่านจะยอมให้สำนักงานปรมาณูสากลเข้าตรวจสอบพื้นที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของชาติตะวันตกในการยอมเปิดเจรจาครั้งนี้

- สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ได้แก่ ไนจีเรีย ซีเรีย อิรัก เยเมน  ลิเบีย และซูดานใต้

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 3 เมษายน 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาดูว่า แต่ละค่ายฯ เดาทองกันอย่างไร 3 เจ้า

 

 

GBX มองตัวเลขศก.สหรัฐฯบ่งชี้แนวโน้มทองคำ แนะทยอยขายก่อนชนแนวต้าน 1,700 ดอลล์/ออนซ์ (03/04/2555)

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯแนะนักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชี้หากออกมาดีกดดันราคาทองปรับตัวลดลง เหตุนักลงทุนถือครองดอลลาร์มากขึ้น ให้กรอบลงทุนสัปดาห์นี้ 1,625-1,700 ดอลล์/ออนซ์ ย้ำ “ทยอยขาย” ก่อนราคาปรับลดลงหากชนแนวต้าน 1,700 ดอลล์/ออนซ์ และตัดขายทุนที่ 1,625 ดอลล์/ออนซ์ 

 

          นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ (2-6 เม.ย.55) ยังคงมีปัจจัยที่น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯที่เชื่อว่าหากมีตัวเลขที่ดีขึ้นจะส่งผลต่อราคาทองคำให้มีการปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนจะเข้าถือครองดอลลาร์สหรัฐฯแทนการลงทุนในทองคำ ในทางกลับกันหากมีตัวเลขที่ไม่ดีขึ้นตามคาดการณ์ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยประกาศอัตราดอกเบี้ยยูโรโซนและประชุม ECB ในวันพุธที่ 4 เมษายน 55 ตลอดจนการประกาศอัตราดอกเบี้ยอังกฤษและยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 55 รวมถึงยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์ที่ 6 เมษายนนี้อีกด้วย

 

          สำหรับแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ GLOBLEX มองกรอบราคาทองคำที่ 1,625-1,700 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 23,750-24,840 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.86 บาท/ดอลลาร์) โดยแนะนำให้นักลงทุน “ทยอยขาย” หากราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านหรือสูงกว่า 1,680 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 24,550 บาท/บาททองคำ และให้รอซื้อที่แนวรับ 1,630-1,640 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,820-23,970 บาท/บาท โดยให้ “ตัดขาดทุน” ถ้าราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,625 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,750 บาท/บาททองคำ

 

          “ราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่สำหรับการลงทุนแล้วหากราคาปรับขึ้นนักลงทุนควรมีการทยอยขาย เนื่องจากหากราคาขึ้นไปและไม่ผ่านแนวต้านทางเทคนิคที่ 1,700 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ซึ่งถือเป็นแนวต้านสำคัญราคาทองคำอาจจะมีปการปรับตัวลงมาแรง โดยแนะนำให้ขายตัดขาดทุนที่ 1,625 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์”นายณัฐวุฒิ กล่าว

 

          ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,668.29 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 30 มีนาคม 24.00 น.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 7 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 0.43% และทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,696.20 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,645.63 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ 

 

          ทั้งนี้ ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์จากปัจจัยหนุนหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้กล่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯแม้ว่ายอดผู้ขอรับสวัสดิการจะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงอยู่ห่างไกลจากการขยายตัวทำให้ต้องใช้นโยบายแบบผ่อนคลายต่อไป ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือ QE3 ออกมาในอนาคต ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในทองคำซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับผลบวกโดยตรงจากการใช้มาตรการ QE แต่ในวันต่อมาราคาทองคำได้ปรับตัวจากการประกาศผลผลิตมวลรวมอังกฤษที่ลดลง

 

          แต่ในช่วงสุดสัปดาห์ การประชุมของรัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เห็นชอบให้ขยายวงเงินเข้ากองทุนคุ้มครองยูโรโซนจาก 5 แสนล้านยูโรเป็น 8 แสนล้านยูโร และนอกจากนี้ดัชนีภาคการผลิตของจีนในเดือนมี.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้โดยออกมาที่ 55.1 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาคการผลิตยังคงขยายตัวอยู่ทำให้ตลาดคลายความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงได้จึงเป็นผลบวกต่อทองคำและทำให้ราคาทองคำสามารถกลับมายืนในแดนบวกช่วงท้ายสัปดาห์ได้

 

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ค่าเงินบาทค่อนข้างผันผวนทำให้การเก็งกำไรในราคาทองคำไทยอาจไม่ได้รับผลตอบแทนเท่าที่ควร แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีการซื้อขาย Currency Futures ซึ่งจะสามารถนำมาช่วยในการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินบาทสำหรับผู้ซื้อราคาทองคำไทย โดยหาก Currency Futures เริ่มการซื้อ/ขายแล้ว นักลงทุนสามารถสอบถามขั้นตอน และรายละเอียดได้ทาง Globlex

 

ที่มา : Thai PR.net (วันที่ 2 เมษายน 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures (03/04/2555)

- ทองปิดบวกตามราคาน้ำมันดิบ

 

- ตลาดการเงินหลายชาติปิดทำการปลายสัปดาห์

 

- ระวังแรงขายหากราคาเข้าใกล้1,690-1,700 ดอลลาร์

 

ราคาทองคำและราคาโลหะเงินปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับของวัน ก่อนที่จะเริ่มดีดตัวกลับในการซื้อขายช่วงค่ำ โดยมีปัจจัยบวกทั้งจากสัญญาณซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในการซื้อขายช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ จนทำให้ราคาทองและราคาโลหะเงินวานนี้ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากการซื้อขายช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยังมีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่อาจมีกรอบการแกว่งตัวค่อนข้างแคบ เนื่องจากนักลงทุนต่างรอติดตามรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในคืนวันพุธและวันศุกร์ ซึ่งในคืนวันศุกร์นั้น ตลาดการเงินของสหรัฐจะปิดทำการ แต่ก็จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างนอกภาคเกษตรและระดับอัตราการว่างงานตามปกติ และนอกจากตลาดการเงินของสหรัฐที่จะปิดทำการในวันศุกร์แล้ว ตลาดสำคัญอื่นๆทั้งอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงค์โปร ต่างก็จะปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวัน Good Friday เช่นเดียวกัน และสำหรับบางประเทศจะปิดทำการต่อเนื่องไปจนถึงวันจันทร์ ดังนั้นการซื้อขายเก็งกำไรในสัปดาห์นี้จึงคาดว่าจะมีเข้ามาไม่มาก และราคาทองก็อาจมีแรงขายกลับออกมาหากราคาฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในช่วงต้นสัปดาห์ ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองหลังจากมีสัญญาณซื้อเกิดขึ้นในการซื้อขายช่วงปลายสัปดาห์ก่อนนั้น ยังคงมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,680 ดอลลาร์และ 1,690 ดอลลาร์ ตามลำดับ และในช่วงที่ราคาทองคำขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือแนวต้านหลัง คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรกลับออกมามากก่อนที่ราคาจะเริ่มปรับฐาน และหากราคาทองยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปยืนเหนือ 1,700 ดอลลาร์ ได้ การฟื้นตัวจากสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นในการซื้อขายปลายสัปดาห์ก่อนต่อเนื่องมาจนถึงต้นสัปดาห์นี้ก็จะยุติลง เช่นเดียวกับกรณีที่ราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับของวานนี้บริเวณ 1,660-1,665 ดอลลาร์ ซึ่งต้องระวังว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก การเก็งกำไรในทองคำแท่งหากยังไม่ต้องการขายทองออก สามารถเข้าไปมีสถานะขายในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยเฉพาะสัญญาเดือนไกลที่มีส่วนต่างกับราคาทองคำแท่งมากกว่า 600 บาท เพื่อป้องกันความเสี่ยง หรือในช่วงที่ราคาทองดีดตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือ 1,690 ดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มมีโอกาสสูงขึ้นที่ราคาทองจะเริ่มปรับฐาน ส่วนราคาโลหะเงินในช่วงสั้นก็ยังมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นได้เช่นเดียวกันกับราคาทอง โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 33.20 และ 33.50 ดอลลาร์ ตามลำดับ

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.55

 

Close   chg.  Support        Resistance

 

24,520  +30   24,300/24,250  24,650/24,750

 

คาดว่าราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่ด้วยระดับราคาที่เข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,690 และ 1,700 ดอลลาร์ จึงอาจมีแรงขายกลับออกมา การเก็งกำไรระยะสั้นควรรอเปิดสถานะซื้อในช่วงที่ราคาปรับฐานเข้าใกล้แนวรับซึ่งยกตัวขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 1,665-1,670 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,660 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.55

 

Close  chg.  Support    Resistance

 

1,010  +10   980/1,000  1,030/1,040

 

ราคาโลหะเงินฟื้นตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่ที่แนวต้านบริเวณ 33.0 ดอลลาร์ หลังจากในระหว่างวันมีการปรับฐานลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 32.20-32.50 ดอลลาร์ โดยหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาโลหะเงินฟื้นตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณแนวต้านที่ 33.20-33.50 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ดังนั้นหากราคากลับขึ้นไปเคลื่อนไหวที่แนวต้านบริเวณดังกล่าว ควรปิดสถานะซื้อเพื่อลดความเสี่ยง แล้วรอเปิดสถานะใหม่ในช่วงที่ราคาดีดตัวผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้หรือรอเปิดสถานะในช่วงที่ปรับฐานลงสู่แนวรับของวันที่บริเวณ 32.50-32.60 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 32.20 ดอลลาร์

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 3 เมษายน 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ Gold Futures by Classic Gold Futures (03/04/2555)

Price Movement

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,671.90 USDต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 17.00 USDต่ออออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,661.20 -1,672.70 USDต่อออนซ์ จากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น และค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง เมื่อรมว.คลังยูโรโซนมีมติเพิ่มขนาดกองทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้เป็น 8 แสนล้านยูโร ราคาทองคำเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 มีราคาเพิ่มขึ้น 6.4% แต่ในเดือนมี.ค.มีราคาลดลง 2.4% โดยการเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,600 — 1,850 USDต่อออนซ์ แต่ในกรณีเลวร้ายคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,500 — 1,750 USDต่อออนซ์ ซึงปัจจัยลบที่จะมีผลในระยะกลาง คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น ความต้องการในตลาด physical ในเอเชียเริ่มลดลงเมื่ออินเดียเพิ่มภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตามทองคำไม่ได้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทองคำมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้น ดังนั้นการที่เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น และปัญหาหนี้ยุโรปคลี่คลายจะมีผลบวกต่อราคาทองคำเหมือนกับสินทรัพย์เสี่ยงในบางช่วง สำหรับในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,669 USDต่อออนซ์ ภาพกราฟในราย 120 นาที ถ้ายืนเหนือ 1,670 จะส่งสัญญาณซื้อในระยะสั้น แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้อาจปรับตัวลดลงมาที่บริเวณแนวรับบริเวณ 1,660/1,645/1,628 แนะนำ นักลงทุนที่เปิด Long ไว้บริเวณ 1,654/1,645 ถือต่อถ้าราคาสามารถผ่าน 1,670 ได้ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,688 แต่ถ้าไม่ผ่าน 1,670 ปิดทำกำไร คาดว่าวันนี้มีแนวต้านแรกบริเวณ 1,670/1,688 ส่วนในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,700 /1,717 และแนวรับบริเวณ 1,645/1,628

 

Technical Analysis

 

ภาพกราฟในราย 120 นาที ถ้ายืนเหนือ 1,670 จะส่งสัญญาณซื้อในระยะสั้น แต่ถ้าไม่สามารถยืนได้อาจปรับตัวลดลงมาที่บริเวณแนวรับ1,660/ 1,645/1,628 แนะนำ นักลงทุนที่เปิด Long ไว้บริเวณ 1,654/1,645 ถือต่อถ้าราคาสามารถผ่าน 1,670 ได้โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,688 แต่ถ้าไม่ผ่าน 1,670 ปิดทำกำไร คาดว่าวันนี้มีแนวต้านแรกบริเวณ 1,670/1,688 ส่วนในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,700/1,717 และแนวรับบริเวณ 1,645/1,628

 

Key Point in Precious Market

 

- ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและค่าเงิน USD อ่อนค่าลงเมื่อรมว.คลังยูโรโซนมีมติเพิ่มขนาดกองทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ ( + ) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น จากความกังวลในเรื่องอิหร่านและค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ( + ) การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้น ( +/- ) กิจกรรมของโรงงานขนาดใหญ่ของจีนขยายตัวสูงสุดในรอย 11 เดือนจะทำให้มีความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นในเอเชียเปิดบวกในเช้าวันนี้ ( +/- ) สเปนเสนองบประมาณรัดเข็มขัดต่อสภาลดการขาดดุลงบประมาณลง 27 พันล้านยูโร (+/-) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ( - )

 

- ประเด็นที่ต้องติดตาม ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ กรีซอาจจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 6 พ.ค.

 

- การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์ ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ เดือนมี.ค. ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ. วันอังคาร ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คเดือนมี.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ. เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 13 มี.ค. วันพุธ ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนมี.ค. ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.

 

- SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,286.62 ตัน

 

ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.49 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.48 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 32.13— 32.63 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินจำนวน 12.08 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,734.55 ตัน ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 32.0/ 31.2 แนวต้านบริเวณ 32.7/ 33.0 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 31.2 — 32.9

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 3 เมษายน 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านเพื่อเป็นแนวทาง ไม่ต้องถึงขั้นจดบันทึก แบบเจ้เกี้ยมอี่ ( ขออภัยที่เอ่ยนาม ) เพราะจะสับสนในการเดาทางขาใหญ่ในต่างประเทศ ที่เพื่อนๆ เห็นอยู่แล้วว่า ราคาทองคำ ชอบที่ขยับรอบบ่ายถึงค่ำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮียเมื่อคืนแอบฝันว่า...น้าเบนออกมาพูดคืนนี้เป็น+กับทอง(QE3)จรืงเท็จสืบข่าวที :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านเพื่อเป็นแนวทาง ไม่ต้องถึงขั้นจดบันทึก แบบเจ้เกี้ยมอี่ ( ขออภัยที่เอ่ยนาม ) เพราะจะสับสนในการเดาทางขาใหญ่ในต่างประเทศ ที่เพื่อนๆ เห็นอยู่แล้วว่า ราคาทองคำ ชอบที่ขยับรอบบ่ายถึงค่ำ

 

ป๋า หนู เพิ่งเปิด เจออ้างอิงอีกแล้ว จำไว้ จดมากอ่านมากกลัวมาก ที่รักมาชวนยังไม่ออกจากมุ้งไปกดเลย

 

ตอนนี้งัดปลากระป๋องน้ำท่วม ( ซื้อตุนไว้ ) มาแหลกแล้ว :_02

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...