ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ตลาดซื้อขายดอลลาร์/เยน:เยนทรงตัวเทียบดอลล์ช่วงเช้านี้ (20/02/2556)

เยนทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ที่ตลาดเอเชีย ขณะที่มีความไม่ แน่ใจว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดำเนินแผนการเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือไม่ ส่วนปอนด์ทรงตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

การเลื่อนการเสนอชื่อผู้ ว่าการบีโอเจทำให้เกิดข่าวลือเรื่องความขัดแย้งระ หว่างนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และนายทาโร อาโซะ รมว.คลังเกี่ยวกับผู้ใดควร บริหารบีโอเจที่มีหน้าที่ดำเนินการเชิงรุกเพื่อจัดการกับภาวะเงินฝืด

 

 

ในช่วงเช้านี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 93.55 เยน โดยปรับตัวลงจากระดับสูงสุดที่ 94.22 เยนที่ทำไว้เมื่อวันจันทร์ แต่ดอลลาร์ยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 33 เดือนใกล้ระดับ 94.47 เยนที่ทำไว้เมื่อวันที่ 11 ก.พ. และดอลลาร์พุ่งขึ้นราว 8% เมื่อเทียบกับเยนนับตั้งแต่ต้นปีนี้

 

 

ยูโรอยู่ที่ 125.20 เยน หลังจากฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงสู่ระดับ 124.56 เยน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลสำรวจของสถาบัน ZEW ที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุน และนักวิเคราะห์ในเยอรมนีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี

 

 

ข้อมูลที่สดใสดังกล่าวช่วยหนุนยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ มาที่ระดับสูงสุด ในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ที่ 1.3396 ดอลลาร์ และอยู่ที่ 1.3385 ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้

 

 

นายวาสซิลี เซเรเบรียคอฟ นักวางแผนกลยุทธ์จากบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า รายงานของ ZEW เป็นสัญญาณบวกก่อนการเปิดเผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนในวันพรุ่งนี้ และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของสถาบัน Ifo ของเยอรมนี ในวันศุกร์นี้

 

 

ขณะเดียวกัน ปอนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 86.85 เพนซ์ ขณะที่ นักลงทุนขายปอนด์จากการคาดการณ์ว่า อังกฤษอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจาก ระดับ AAA ในไม่ช้า

 

 

ตลาดกำลังรอดูรายงานการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดของธนาคารกลางอังกฤษ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายจะยังคงยอมรับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินเป้าหมายและ ปอนด์ที่อ่อนค่าลงหรือไม่

 

 

ปอนด์/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.5424 ดอลลาร์ หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 1.5414 ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์ค

 

 

สกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอล ลาร์นิวซีแลนด์ ปรับตัวดีกว่ามาก โดยดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งทะลุระดับ 1.0300 ดอลลาร์อีก ครั้ง แต่ยังคลเคลื่อนไหวในกรอบ 1.0200/1.0400 ดอลลาร์เกือบตลอดเดือนนี้

 

ที่มา : ทันหุ้น(วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นมะกัน-น้ำมันขึ้นตามข้อมูล ศก.เยอรมนี ทองคำลง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2556 05:32 น.

 

blank.gif blank.gif 556000002253901.JPEG blank.gif เอเอฟพี - วอลล์สตรีทและราคาน้ำมันวานนี้ (19) ขยับขึ้นพอประมาณ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจในเยอรมนี แต่ปัจจัยนี้กลับฉุดให้ทองคำยังลงต่อเนื่อง เหตุนักลงทุนเทขายไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 53.99 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,035.75 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 21.56 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,213.59 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.12 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,530.91 จุด

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวตามตลาดทุนในยุโรป โดยดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พีขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี หลังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนี ชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของยุโรป

 

นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนยังได้แรงเสริมจากรายงานข่าวความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการครั้ง ใหญ่ระหว่าง Depot Inc และ OffieMax Inc. สองบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับอุปกรณ์สำนักงาน

 

ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (19) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วยุโรปและสหรัฐฯ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 80 เซ็นต์ ปิดที่ 96.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 14 เซ็นต์ ปิดที่ 117.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งตอนนั้นราคาน้ำมันนิวยอร์กอยู่ที่ระดับ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในตลาด พลังงาน ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

กระนั้นก็ดี ความคาดหวังต่อภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนี้ กลับฉุดให้ราคาทองคำวานนี้ (19) ปิดลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และขยับเข้าใกล้ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน เหตุเพราะนักลงทุนเทขายไปแสวงหากำไรกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 5.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,604.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองปิดร่วง $5.3 เหตุนักลงทุนหนีเข้าตลาดหุ้น

วันพุธ, 20 กุมภาพันธ์ 2556 08:07 | อัพเดตล่าสุดเมือ วันพุธ, 20 กุมภาพันธ์ 2556 08:07

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย.ร่วงลง 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,604.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ปีที่แล้ว

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) โดยสัญญาปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนส.ค.ปีที่แล้ว และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กและยุโรป ได้กระตุ้นให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนออกจากตลาดทองคำ

 

หลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 48.2 จาก 31.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นแตะที่ระดับ 35 ในเดือนก.พ

 

สัญญาทองคำร่วงลงไปแล้วกว่า 45 ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขาย 4 วันทำการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะความต้องการทองคำในประเทศจีนลดลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามค่าเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่นตลาดหุ้น มากกว่าที่จะลงทุนในตลาดทองคำและโลหะเงิน

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 29.422 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 42.7 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 8.75 เซนต์ ปิดที่ 3.6495 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,697.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 19.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 764.15 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 11.00 ดอลลาร์

 

http://www.moneychannel.co.th/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำลงต่อเนื่อง นักลงทุนขายไปเก็งกำไรสินทรัพย์อื่น (20/02/2556)

ความคาดหวังต่อภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลับฉุดให้ราคาทองคำวานนี้(19) ปิดลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และขยับเข้าใกล้ระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน เหตุเพราะนักลงทุนเทขายไปแสวงหากำไรกับทรัยพ์สินที่มีความเสี่ยงสูง โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 5.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,604.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เช้านี้ถึงช่วงบ่าย เด็กขายของไม่ริจะกระทำอะไร คงรอคำแนะนำจากฝรั่งฯ มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สะบายดียามเช้าแนวไดแนวไดก็ซิถ่าเด้อ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทเปิด 29.84/86จับตามติกนง.บ่ายนี้ (20/02/2556)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 29.84/86 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.88/90 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นการแข็งค่าขึ้นตามสกุลเงินภูมิภาค

 

สำหรับทิศทางของค่าเงินบาทในวันนี้ ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในช่วงบ่ายวันนี้ว่าจะมีมติเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างไร เพราะหากปรับลดดอกเบี้ยลงจากปัจจุบันที่ระดับ 2.75% ก็จะส่งผลให้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงได้ แต่หากคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เงินบาทก็น่าจะยังแข็งค่าอยู่ในระดับนี้ต่อ

 

"คงต้องรอผลประชุม กนง.บ่ายนี้ เพราะถ้ามีมติลดดอกเบี้ย เงินบาทก็จะอ่อนค่าลง แต่ถ้าไม่ลดบาทก็น่าจะแข็งค่าต่อ" นักบริหารเงินระบุ

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 93.65/69 เยน/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 93.62/64 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3420/3422 ดอลลาร์/ยูโร จากปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 1.3367/3369 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 29.80-29.90 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : โพสต์ทูเดย์(วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โกลเบล็กมองกรอบราคาทองคำเคลื่อนไหว 1,586-1,630 ดอลลาร์/ออนซ์(20/02/2556)

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเมนท์ แนะกลยุทธลงทุนทองคำวันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2556 ) ในส่วนของนักลงทุนระยะสั้นแนะให้ให้ผู้ที่มีสถานะทยอยขายออกที่แนวต้าน $1,620/Oz แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ $1,598/Oz ส่วนนักลงทุนระยะยาวรอราคาทองคำสร้างฐานก่อนเข้าซื้ออีกครั้ง

ภาพรวมตลาดวานนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2556)

ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวลดลง $4.30/Oz หรือ 0.27% มาอยู่ที่ $1,604.9/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,600.70-1,615.30) ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมนีที่ปรับตัวขึ้น สู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 48 จุดจากงวดก่อนที่ 35.3 จุดและดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 46 จุดส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำเพิ่มเติม แต่การลดสถานะของกองทุนSPDR 3.01 ตันยังเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำมาปิดในแดนลบ

แนวโน้มตลาดวันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2556)

มองกรอบราคาทองคำในวันนี้ที่ $1,586-1,630/Oz โดยในช่วงนี้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงต่อได้เนื่องจากมีแรงซื้อค่อนข้าง น้อย โดยให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจตัวเลขว่างงานอังกฤษช่วงเวลา 16.30 น.ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวแต่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการอังกฤษอาจปรับตัวลงต่อซึ่งเป็น ผลบวกต่อราคาทองคำ

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

•ดัชนีเงินเฟ้อเยอรมนี(MoM) เวลา 14.00 น.

•ตัวเลขว่างงานอังกฤษ เวลา 16.30 น.

•ยอดอนุญาตสร้างบ้านและดัชนีราคาผู้ผลิต(MoM) สหรัฐ เวลา 20.30 น.

•FOMC Meeting Minutes เวลา 2.00 น.

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรไทยคาด กนง.ลดดอกเบี้ย แก้ปัญหาเงินบาทแข็ง (20/02/2556)

ผู้บริหาร ธ.กสิกรไทย คาด กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเล็กน้อย ในการประชุมวันนี้ 20 ก.พ.2556 เพื่อบรรเทาปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท

 

นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ มีโอกาสที่ กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเล็กน้อย จากระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 2.75 เพื่อบรรเทาปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท และปัญหาเงินทุนต่างชาติไหลเข้า ประกอบกับเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง ซึ่ง กนง.อาจจะให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หาก กนง.จะลดดอกเบี้ยคงจะลดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ลดมากในอัตราที่รุนแรง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อตลาดการเงิน หรือเกิดภาวะช็อกกับตลาด ซึ่งการลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถแก้ปัญหาค่าเงินบาทได้ ต้องใช้หลายมาตรการผสมกัน ซึ่งเชื่อว่ากระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะร่วมกันดูแลเงินบาทให้ดีที่สุด

 

นายกฤษฎา กล่าวว่า ธนาคารฯ มีการดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างเข้มงวด และยังไม่พบสัญญาณหนี้เสีย ซึ่งธนาคารฯ เดินหน้าธุรกิจบัตรเครดิตร่วม His & Her คาดว่าจะมียอดบัตร His & Her ในสิ้นปีนี้ที่ 100,000 ใบ และเพิ่มเป็น 200,000 ใบ ภายใน 3 ปี คาดว่าจะมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 20,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี โดยปัจจุบันมีฐานบัตรเครดิตร่วมประมาณ 500,000 ใบ จากฐานลูกค้าบัตรเครดิตทั้งหมด 2.56 ล้านใบ และในปี 2556 ธนาคารฯ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าบัตรเครดิตอีก 650,000 ใบ เป็น 3 ล้านใบ และเพิ่มการใช้จ่ายผ่านบัตรอีกไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จากยอดสิ้นปี 2555 ที่ 219,000 ล้านบาท. - สำนักข่าวไทย

 

ที่มา : MCOT (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษระบุการพยายามทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่เป้าที่กำหนดไว้อย่างรวดเร็วอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก(20/02/2556)

ธนาคารกลางอังกฤษระบุในรายงานประจำเดือนว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่เหนือเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 2% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า และอาจเพิ่มขึ้นแตะ 3% ในช่วงฤดูร้อนนี้ สวนทางกับในรายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ระบุว่าเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับ 2% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวด้วยว่าการพยายามทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่เป้า ที่กำหนดไว้อย่างรวดเร็วอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSBC ระบุเศรษฐกิจจีนที่กำลังเฟื่องฟูจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้(20/02/2556)

นายสตีเฟน คิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนที่กำลังเฟื่องฟูจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ และมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ นายคิงให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ le Figaro ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2556 ซึ่งช่วยขจัดความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกนี้มีแนวโน้มชะลอตัว

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอบามา" ชี้การสร้างงานเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดของสหรัฐ เตือนลดรายจ่ายกระทบศก.(20/02/2556)

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า ประเด็นสำคัญสูงสุดของประเทศก็คือการหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการสร้างงานสำหรับชนชั้นกลาง โดยเตือนว่าการลดรายจ่ายของรัฐบาลลงอย่างมากจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ปธน.โอบามาระบุว่าการลดรายจ่ายของรัฐบาลโดยอัตโนมัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ จะไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการสร้างงานของสหรัฐ

 

ปธน.โอบามาเรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการจัดทำแผนลดยอดขาดดุลที่มีความสมดุล เพื่อเลี่ยงการปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลจำนวนมากที่มีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 มี.ค.

 

การลดรายจ่ายราว 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อหลายหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ตามที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันตกลงกันไว้ในเดือนม.ค.เพื่อสกัดภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ fiscal cliff

 

ปธน.สหรัฐระบุว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐยังไม่ได้หารือเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลงลดหนี้สินที่มีความสมดุล ขณะที่รัฐบาลกลางจะต้องลดรายจ่ายครั้งใหญ่โดยอัตโนมัติในวันศุกร์หน้า

 

ปธน.โอบามากล่าวว่า หากคองเกรสปล่อยให้มีการลดรายจ่ายขนานใหญ่เช่นนี้ ก็จะสั่นคลอนความพร้อมของกองทัพสหรัฐและส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านการสร้างงานในภาคการศึกษา พลังงานและการวิจัยด้านเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงเนื้อหาที่ได้ระบุไว้ในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา--อินโฟเควสท?-(วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...