ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

ฝรั่งเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า แล้วมันก็ลงต่ำกว่า $1400 จนได้ จงใช้การเด้งรีบาวให้เกิดผลสำหรับ ขาแอล ไม่งั้นก็คง หนาวสะท้าน

[Pete 15,187]

ช่วงเที่ยงกว่าที่ร้านสาขาเยาวราชคนไม่เยอะมากครับ ไม่ถึงกะแน่นร้าน

ไปทำอะไรครับ ท่านฯ

[Pete 15,187]

**ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดทรงตัว ขณะบริษัทยังรายงานผลประกอบการ

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดทรงตัวในวันนี้ หลังจากที่ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นสูงสุดเมื่อวานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลง

 

 

ดัชนี Euro Stoxx 50 ขยับไม่ถึง 0.1% แตะ 2,789 จุด เมื่อเวลา 7.03 น.ตามเวลาลอนดอน

 

หุ้นซูริค อินชัวรันซ์ อาจจะปรับตัวขึ้น หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัทคาดว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายในปีนี้ ส่วนหุ้น Cie อาจจะปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่รายได้ของบริษัทนั้นสูงกว่าการประเมินของนักวิเคราะห์

[Pete 15,187]

เศรษฐกิจเยอรมนีเติบโตขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่เติบโตใน ระดับที่ต่ำเกินกว่าที่จะสกัดกั้นเศรษฐกิจยูโรโซนไม่ให้หดตัวลงเป็น ไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ทางด้านเศรษฐกิจฝรั่งเศสเข้าสู่ภาวะถดถอย

 

 

ขณะนี้เศรษฐกิจยูโรโซนซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 17 ประเทศอยู่ ในภาวะถดถอยเป็นเวลายาวนานที่สุด นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดทำตัวเลขนี้ ในปี 1995 เป็นต้นมา

 

 

สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวลง 0.2% ในไตรมาสเดือนม.ค.-มี.ค.

 

 

 

ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจอาจหดตัวลง เพียง 0.1% นายคาร์สเตน เบรสกี นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทไอเอ็นจีกล่าวว่า "ภาวะเลวร้ายดำเนินต่อไป โดยประเทศเศรษฐกิจสำคัญทุกประเทศยกเว้น เยอรมนีประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย และไม่มีปัจจัยใดที่ช่วยสกัดกั้น ช่วงขาลงนี้"

 

 

ประเทศที่มีเศรษฐกิจหดตัวลงในไตรมาสแรกรวมถึงฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, ไซปรัส, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส และกรีซ ทั้งนี้ ตัวเลขที่ออก มาในเดือนเม.ย.ระบุว่า เศรษฐกิจสเปนหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน

 

 

 

เศรษฐกิจเยอรมนีเติบโตขึ้นเพียง 0.1% ต่อไตรมาสในไตรมาสแรก หลังจากหดตัวลง 0.7% ในไตรมาส 4/2012 โดยเศรษฐกิจเยอรมนี สามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะถดถอยได้สำเร็จ แต่การที่เศรษฐกิจเติบโตอย่าง อ่อนแอเกินคาดตอกย้ำให้เห็นว่า วิกฤติหนี้สินและการธนาคารในยูโรโซน กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ โดยวิกฤตินี้ส่งผลให้จำนวนผู้ว่างงาน ในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดที่ 19 ล้านคน ทั้งนี้ ขนาดเศรษฐกิจของ เยอรมนีครองสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของขนาดเศรษฐกิจยูโรโซน

 

 

เศรษฐกิจฝรั่งเศสเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยเศรษฐกิจฝรั่งเศสหดตัวลง 0.2% ต่อไตรมาสในไตรมาสแรก หลังจากหดตัวลง 0.2% ในไตรมาส 4/2012

 

 

เศรษฐกิจอิตาลีหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการ หดตัวที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดทำตัวเลขนี้ในปี 1970 เป็น ต้นมา ทั้งนี้ อิตาลีเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซน โดยรองจากเยอรมนีและฝรั่งเศส

 

 

ภาวะถดถอยของยูโรโซนในขณะนี้ได้กินเวลา 6 ไตรมาสแล้ว ซึ่งยาวนานกว่าภาวะหดตัวลง 5 ไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2008/2009 อย่างไรก็ดี ภาวะถดถอยในครั้งนี้ ไม่รุนแรงเท่ากับในช่วงหลังวิกฤติการเงิน

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนกดดันยูโร/ดอลลาร์ให้ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดใน รอบ 6 สัปดาห์เมื่อวานนี้ เนื่องจากตัวเลขนี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กัน ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีก

อีซีบีเพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่สถิติต่ำสุดที่ 0.5% ในช่วงต้น เดือนนี้ และนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีพร้อมที่จะ ดำเนินการอีกครั้ง ถ้าหากเศรษฐกิจตกต่ำลง ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่กรุงบรัสเซลส์ ในสัปดาห์หน้า โดยผู้นำบางคนพยายามผลักดันให้อียูหันเหความสนใจออก จากมาตรการตัดลดงบประมาณ หลังจากมาตรการดังกล่าวกลายเป็น มาตรการหลักที่อียูนำมาใช้ในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินนับตั้งแต่ปี 2009

 

 

อย่างไรก็ดี ถึงแม้อีซีบีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง และถึงแม้ ภาครัฐบาลชะลอมาตรการรัดเข็มขัด การกระทำดังกล่าวก็ยากที่จะทำลาย วงจรในปัจจุบันนี้ได้ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในวงจรปัจจุบันคือการที่ภาครัฐบาล

ปรับลดงบใช้จ่าย, ภาคเอกชนปลดพนักงานออก, ชาวยุโรปลดการจับ จ่ายใช้สอย และแรงงานอายุน้อยตกงานเป็นจำนวนมาก

 

 

นายนิค คูนิส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของธนาคารเอบีเอ็น แอมโรกล่าวว่า "ถ้าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวใน อัตราที่เชื่องช้ามาก"

 

 

รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 65 ราย โดย ผลสำรวจบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนจะกลับมามีการขยายตัวในช่วง ครึ่งหลังของปีนี้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ไม่คาดว่ายูโรโซนจะฟื้นตัวอย่าง

แข็งแกร่งอย่างน้อยจนกว่าจะถึงปี 2015

 

 

ภาคเอกชนและภาคครัวเรือนในยูโรโซนเผชิญปัญหาสินเชื่อตึงตัวและ การลงทุนหยุดชะงัก ดังนั้นอุปสงค์ในจีนและสหรัฐจึงกลายเป็นปัจจัยที่มี แนวโน้มมากที่สุดที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนได้

 

 

สิ่งที่สร้างความกังวลมากที่สุดในช่วงนี้คือภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน มากในเยอรมนีและฝรั่งเศส โดยเจ้าหน้าที่ยุโรปกังวลว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศส จะยังคงปรับตัวอ่อนแอกว่าเศรษฐกิจเยอรมนีต่อไป และปัจจัยนี้อาจส่งผล ให้รัฐบาลสองประเทศนี้ลดความสามัคคีกันในการดำเนินนโยบาย หลังจาก ที่ความสามัคคีกันของสองประเทศนี้เคยเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันโครงการ ยุโรปในอดีต

 

 

เศรษฐกิจฝรั่งเศสตกต่ำลง ในขณะที่ปัญหาการว่างงานทำลายความเชื่อมั่น ของทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ และภาคธุรกิจก็ประสบความยากลำบากในการ รับมือกับมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลฝรั่งเศสด้วย

 

 

แม้แต่เยอรมนีเองก็อาจจะเผชิญกับความยากลำบากในการทำให้ เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติเยอรมนี ได้ปรับทบทวนตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 4/2012 โดยระบุว่าเศรษฐกิจ หดตัวลง 0.7% ในไตรมาสดังกล่าว หลังจากที่เคยรายงานในช่วงก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจหดตัวลงเพียง 0.6% ในไตรมาสนั้น

 

 

นายโธมัส กิทเซล จากธนาคารวีพีคาดว่า เศรษฐกิจอาจปรับตัวอย่าง แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในไตรมาส 2 ในขณะที่ภาคการก่อสร้างฟื้นตัวขึ้น หลัง จากได้รับแรงกดดันจากฤดูหนาวในไตรมาสแรก

 

 

อย่างไรก็ดี นายกิทเซลกล่าวเสริมว่า "ภาวะแวดล้อมของเศรษฐกิจ โลกในปัจจุบันนี้ ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ทำ ได้ยาก ทั้งนี้ ปัญหาทางเศรษฐกิจในฝรั่งเศสและตัวเลขการเติบโตที่น่าผิดหวังของจีน กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนี และก็เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะตั้งความหวังว่า อัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจจะพุ่งสูงขึ้นมาก"

 

 

ตัวเลขจีดีพีครั้งล่าสุดนี้จะกระตุ้นการอภิปรายกันในประเด็นที่ว่า ควรจะใช้วิธีการเช่นใดในการรักษาสมดุลระหว่างความจำเป็นในการ ปรับลดหนี้สิน กับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

 

ผู้นำอิตาลีและฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการยุติมาตรการรัดเข็มขัด ในขณะที่นายโฆเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการ ยุโรป (อีซี) กล่าวว่า มาตรการนี้มาถึงจุดปลายสุดของการได้รับการ ยอมรับจากสาธารณชนแล้ว

 

[Pete 15,187]

สภาทองคำโลกเผยอุปสงค์ทองคำทั่วโลกลดลง 13% ใน Q1/2556 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี (16/05/2556)

สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกปี 2556 ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ 963 ตัน

 

WGC ระบุว่าอุปสงค์ลดลงในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุน ETF ลงอย่างมาก แม้ว่าความต้องการในส่วนของอัญมณี เหรียญทองและทองแท่งจะพุ่งขึ้นก็ตาม

 

ทั้งนี้ การดิ่งลงของราคาทองสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเดือนที่แล้วได้กระตุ้นให้นักเก็งกำไรเข้าซื้อทองในตลาดสปอตจำนวนมาก ซึ่งได้หนุนความต้องการทองอยู่บ้าง แต่กระแสการถอนเงินลงทุนจากกองทุน ETF ยังคงฉุดราคาทองและสกัดการฟื้นตัว

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 16 พฤษภาคม 2556)

[Pete 15,187]

::

[sr20detgt 1,468]

ไปทำอะไรครับ ท่านฯ

 

ไปธุระแถวโรงหนังเฉลิมบุรีแวะทานลูกชิ้นปลาร้านนิวยืนยง แล้วเดินผ่านไปเฉยๆขอรับ หยิ่งยังไม่ซื้อ

[Pete 15,187]

 

 

ไปธุระแถวโรงหนังเฉลิมบุรีแวะทานลูกชิ้นปลาร้านนิวยืนยง แล้วเดินผ่านไปเฉยๆขอรับ หยิ่งยังไม่ซื้อ

รับทราบ ขอบคุณครับ / หยิ่ง ! ครับ 555 ดีดี

[Pete 15,187]

เล่นหนาว เสียว เลยครับ ตอนนี้

[Pete 15,187]

Last trade at 1375 . Next support level at 1366.

 

 

[charoon 2]

ท่านครับตอนนี้เอาไงดีครับ เจ็บไปหลายแล้วนะครับ เลยนั่งดูเฉยๆอยู่นะ ขอคำแนะนำหน่อยนะครับ

[Pete 15,187]

ท่านครับตอนนี้เอาไงดีครับ เจ็บไปหลายแล้วนะครับ เลยนั่งดูเฉยๆอยู่นะ ขอคำแนะนำหน่อยนะครับ

ไม่รู้จะแนะนำอะไรครับ เพราะส่วนตัวผมก็บอกไปตั้งแต่เช้าว่า เข้าซื้อที่ 19,650 บาท และหวังผลในคืนนี้ และก็บอกว่าเป็นการซื้อแบบ " ชาวสวน " ส่วนในเรื่องของราคาทองที่ซื้อเข้า ตัวผมสะดวกตอนเช้าก็ไปซื้อตอนเช้า ใครซื้อตอนนี้ ก็ถือว่า ได้ราคาดี ถูกกว่าผมซื้อตั้ง 200 บาท

[Pete 15,187]

แนวรับแนวต้านของค่ำคืนนี้

 

 

Resistance: 1377.12 moderate/1403.93 strong/1419.51 moderate

Support: 1361.54 minor/1334.73 minor

 

[Pete 15,187]

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2556 17:01:52 น.

กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 16 พฤษภาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,370.33—1,397.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM13 อยู่ที่ 19,420 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 590 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,010 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM13 อยู่ที่ 677 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 24 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 701 บาท

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.59 น.ของวันที่ 16/05/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 17 พฤษภาคม 2556

มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะเผชิญกับภาวะถดถอยที่รุนแรงและยาวนานมากกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ หากพิจารณาจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของยูโรสแตทแล้ว มูดีส์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศสมาชิก 27 ประเทศนั้น หดตัวลง 0.1% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลง 0.2% มูดีส์คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกขาดแรงผลักดันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจในหลายประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังคงสร้างแนวโน้มเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำ ขณะที่สภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกปี 2556 ลดลงถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ระดับ 963 ตัน โดย WGC ระบุว่าสาเหตุของอุปสงค์ทองคำที่ลดลงในไตรมาสแรก เนื่องจากนักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุน ETF ลงอย่างมาก แม้ว่าความต้องการในส่วนของอัญมณี เหรียญทองและทองแท่งจะพุ่งขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำในช่วงนี้ตอบกระแสข่าวรายวันเพราะปัจจัยรายวันที่เข้ามากระทบราคาทองคำมักเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในฝั่งยุโรป จะส่งให้ความสามารถในการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำลดลง ทำให้วายแอลจียังคงแนะนำนักลงทุนในลักษณะเดิมคือ รอการอ่อนตัวลงของราคาทองคำแล้วเข้าซื้อเมื่อราคาตั้งฐานได้และเมื่อราคาดีดตัวขึ้นแนะนำขายทำกำไรออกมาเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีการแกว่งตัวในช่วงสั้นๆ โดยประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ระดับ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวรับได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ราคาทองคำมีแนวโน้มย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,355 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งและหากราคาหลุดแนวรับแรก ราคาทองคำจะปรับตัวลงสู่แนวรับสำคัญบริเวณโซน 1,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากไม่สามารถหยุดการทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายโดยน่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงไปอีกซึ่งนักลงทุนควรลงทุนระยะสั้นและทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาทองคำ

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,355 (19,030บาท) 1,322 (18,560บาท) 1,300 (18,250บาท)

แนวต้าน 1,390 (19,520บาท) 1,406 (19,750บาท) 1,417 (19,900บาท)

GOLD FUTURES (GFM13)

แนวรับ 1,355 (19,190บาท) 1,322 (18,730บาท) 1,300 (18,420บาท)

แนวต้าน 1,390 (19,690บาท) 1,406 (19,910บาท) 1,417 (20,070บาท)

SILVER FUTURES (SVM13)

แนวรับ 21.85 (668บาท) 21.50 (658บาท) 21.25 (651บาท)

แนวต้าน 22.70 (694บาท) 23.20 (709บาท) 23.80 (726บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

[auntnextdoor 4,268]

ถึงป๋า หนักแน่น มั่นคง ไม่หวั่นแม้วันมามาก น่ารักจัง อย่างนี้สิตัวจริง เอา love ไปเลย likeยังน้อยปาย