ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

แต่ไหง ดัชนีดอลล์สหรัฐ วันนี้ ดูเหมือนอยากบอกว่า จะแข็งค่าขึ้นว่ะ หรือจะบาทอ่อน Spot ทองขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

น้ำมันขึ้นหลังพายุจ่อถล่มอ่าวเม็กซิโก หุ้นมะกันบวก-ทองคำลงเล็กน้อย

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2556 05:30 น.

 

 

 

 

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขึ้นวานนี้(4) จากกำลังผลิตที่ลดลง เหตุพายุโซนร้อนคาเรนจ่อซัดถล่มอ่าวเม็กซิโก ส่วนวอล์สตรีท ก็ปิดบวก ตามแรงช้อนซื้อหลังขยับลงหลายวันสืบเนื่องจากวิกฤตชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็ฉุดให้ทองคำลงเล็กน้อย

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 103.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 109.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

พายุโซนร้อนคาเรนมุ่งหน้าสู่อ่าวเม็กซิโกในวันศุกร์(4) ด้วยนักพยากรณ์อากาศเตือนว่าจะนำพาภาวะฝนตกหนักและอุทกภัยมาสู่หลายมลรัฐในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงลุยเซียนาและฟลอริดา ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าคำพยากรณ์ดังกล่าวก่อความหวั่นไหวอย่างยิ่ง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของเหล่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่อยู่นอกชายฝั่ง

 

ยกตัวอย่างเช่น บีพี บริษัทพลังงานรายใหญ่ของอังกฤษ ได้ทยอยอพยพเหล่าคนงานที่ไม่มีความจำเป็นออกจากแท่นขุดเจาะตั้งแต่วันพุธ(2) และปิดกระบวนการผลิตบริเวณน้ำลึกของอ่าวเม็กซิโกชั่วคราวแล้ว

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(4) พื้นตัวขึ้นพอประมาณ จากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีทั้ง 3 ตัวก็ปรับลด อันเป็นผลจากปัญหาปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลางที่ล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว และไม่มีสัญญาณจากสภาคองเกรสว่าสภาวะทางตันนี้จะสิ้นสุดลงง่ายๆ

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 76.10 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,072.58 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.84 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,690.50 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 33.41 จุด (0.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,807.75 จุด

 

ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐฯเกี่ยวกับร่างงบประมาณยังคงไม่มีวี่แววได้ข้อยุติ ด้วยแม้ 2 แกนนำของรีพับลิกัน นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฏรและนายอิริค แคนเตอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ และเป็นผู้ที่ยืนกรานให้เลื่อนร่างงบประมาณชั่วคราวในส่วนของกฎหมายประกันสุขภาพของประนาธิบดีบารัค โอบามา ออกไป 1 ปี ออกมาเรียกร้องขอเจรจากับฝ่ายเดโมแครต แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงสัญญาณใดๆว่าจะเปลี่ยนจุดยืนของตนเอง

 

ด้านราคาทองคำวานนี้(4) ขยับลงเล็กน้อย หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,309.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000125133

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

โอบามาเดินพบปะปชช.นอกทำเนียบหลังถูกแฉไม่แคร์ภาวะ'ชัตดาวน์'

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2556 02:31 น.

 

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ออกเดินเล่นรอบนอกทำเนียบขาวอย่างผิดปกติเมื่อวันศุกร์(4) และประกาศว่า "ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ" จากปัญหาปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วน หลังถูกสื่อมวลชนแฉทำเนียบขาวกำลังสนุกกับเกมการเมืองที่ได้เล่นงานฝ่ายตรงข้ามโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน จนถูกรีพับลิกันเดินเกมตอบโต้กลับ กล่าวหา โอบามา เป็นพวกหัวแข็งและไม่สนใจผลกระทบของภาวะชัตดาวน์

 

ชัดเจนว่าการจัดฉากของโอบามาคราวนี้ เป็นความพยายามเก็บกวาดทำความสะอาดก้าวย่างที่ผิดพลาดของทำเนียบขาว หลังสื่อมวลชนอ้างคำพูดของผู้ช่วยระดับสูงคนหนึ่งที่บอกว่ารัฐบาลไม่สนใจหรอกว่าภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนจะยือเยื้อยาวนานแค่ไหน เพราะตอนนี้พวกเขารู้สึกว่ากำลังได้ลงแส้รีพับลิกันอย่างหนักหน่วง

 

"ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ เมื่อครอบครัวทั้งหลายไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับเงินเดือนหรือไม่" โอบามา พาดพิงถึงชะตารรมของของลูกจ้างรัฐบาลกลางหลายแสนที่ต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ตามหลังข้อขัดแย้งด้านงบประมาณในสภาคองเกรส "ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ ในตอนนี้เราต้องก้าวข้ามมันไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

 

นายโอบามาและนายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดี ถูกล้อมรอบด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ระหว่างที่เดินไปตามถนนเพนซิลเวเรีย อะเวนิว มุ่งหน้าไปยังร้านแซนด์วิชแห่งหนึ่ง ที่ประกาศลดราคาอาหาร 10 เปอร์เซนต์แก่ลูกจ้างรัฐบาลกลางที่ต้องหยุดงาน

 

เป็นภาพไม่ค่อยพบเห็นนักที่นายโอบามา จะเดินฝ่าพื้นที่ซึ่งหน่วยสืบราชการลับไม่ได้เข้าเคลียร์ล่วงหน้า แถมการเดินเตร็ดเตร่ครั้งนี้ยังมีขึ้น 1 วันหลังจากผู้หญิงคนหนึ่งขับรถยนต์พุ่งชนแนวกั้นรักษาความปลอดภัยของทำเนียบขาว ก่อนเธอจะถูกยิงเสียชีวิตใกล้กับอาคารรัฐสภา

 

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000125126

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ ป๋า ทำใจสบายๆ ทานเจ และพักผ่อน เตรียมสู้ใหม่วันจันทร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เคอร์รีจี้สภาคองเกรสเร่งหาทางออกงบประมาณ

ข่าวต่างประเทศ วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2556 15:26น.

 

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องผ่านเวทีประชุมเอเปก ขอให้ สภาคองเกรส เร่งหาทางออกปัญหา

งบประมาณ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้อง ต่อ สภาคองเกรส ให้เร่งหาทางบรรลุข้อตกลง เพื่อแก้ปัญหาภาวะชะงักงัน เนื่องจากฎหมายร่างงบประมาณไม่ผ่านสภา จนต้องมีการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนไปแล้วถึง 5 วัน ระหว่างการเข้าร่วมประชมสุดยอดผู้นำเอเปก ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

 

"เราไม่สามารถรับการกระทำของเราเองได้ เพื่อนและศัตรูของอเมริกัน ไมีควรที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานราชการ เนื่องจากปัญหาทางการเมือง และหวังว่าสภาจะยุติปัญหาได้ในวันนี้" นายเคอร์รี กล่าว

 

ทั้งนี้ เดิมที นายบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าร่วมประชุมเอเปก ที่บาหลี ด้วยตัวเอง แต่หลังจากเกิดภาวะสุญญากาศทางการเงิน เนื่องจากร่างงบประมาณปี 2014 ไม่ผ่านสภา จึงประกาศยกเลิกกำหนดการดังกล่าว เพื่อที่จะจัดการปัญหาภายในประเทศแทน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณสำหรับข่าวสารวันหยุดครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

“สภาล่างสหรัฐฯ”อนุมัติเงินชดเชย “วิกฤตปิดหน่วยงาน” - “เพนตากอน” มีแผนเรียกเจ้าหน้าที่กว่า 90% กลับ

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2556 15:43 น.

 

 

 

ผลโหวตการผ่านกฏหมายอนุญาตจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่ประสบผลกระทบกับวิกฤตการปิดตัวหน่วยงานรัฐบาลกลางอเมริกา

 

เอเจนซีส์/เอพี - ในวันเสาร์(5)ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯได้ผ่านกฏหมายอนุมัติให้สหรัฐฯสามารถจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯจำนวนกว่า 800,000 ราย ในช่วงที่เกิดวิกฤตหน่วยงานรัฐอยู่ในขณะนี้ซึ่งผ่านมาเป็นวันที่ 6 แล้ว และล่าสุดทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯมีแผนจะเรียกเจ้าหน้าที่พลเรือนกลับเข้าปฎิบัติหน้าที่กว่า 90% ของจำนวนเจ้าหน้าที่พลเรือนในกระทรวงทั้งหมดที่หยุดปฎิบัติหน้าที่จำนวน350,000 คน

 

ในขณะที่ทางทำเนียบขาวได้เผยก่อนหน้านี้ว่าทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯจะลงนามในกฎหมายจ่ายเงินชดเชยย้อนหลังให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางในระยะเวลาที่พวกเขาไม่ได้รับให้ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านการเห็นชอบจากภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเมื่อวานนี้(5)ด้วยมติ 470-0 โหวต และจะต้องผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาสหรัฐฯก่อนที่โอบามาจะลงนาม

 

จากจำนวนเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯกว่า 800,000 รายต้องถูกให้ออกจากหน้าที่ชั่วคราวเพราะเกิดวิกฤตทางการคลังขึ้น ทำให้พวกเขาจะไม่ได้รับเงินค่าจ้างในช่วงนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะเจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันจำนวนมากอยู่ได้ด้วยการจ่ายเงินแต่ละครั้ง และมีค่าใช้จ่ายประจำที่เกิดขึ้น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์และอื่นๆ

 

ซึ่งมีบางคนต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวหาเลี้ยง 5 ชีวิตในบ้าน และกำลังไม่มีอาหารกิน และหลายรายกล่าวว่าถึงแม้สภาคองเกรสจะอนุมัติจ่ายเงินย้อนหลังให้ แต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะพวกเขาต้องการเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเดี๋ยวนี้ หรือตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจในดีซี ในเหตุการณ์สกัดหญิงวัย 34 พร้อมลูกสาววัย 1 ปี ขับรถยนต์ ฝ่าเข้ามาในแคปปิตอลฮิลนั้นมาทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่อย่างใด ในขณะที่บางหน่วยงานสหรัฐฯ เช่น ล่าสุดจากกระทรวงกลาโหมที่ไม่สามารถทำภาระกิจได้อย่างเต็มที่เนื่องมาจากการขาดกำลังคนได้มีแผนที่จะเรียกเจ้าหน้าที่พลเรือนกว่า 315,000 คน หรือราว90% ของจำนวนทั้งหมดจาก 350,000 คน กลับเข้าปฎิบัติหน้าที่ในสัปดาห์ถัดไป

 

ทางด้านชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกล่าวผ่านแถลงการว่า ทางกลาโหมได้ปรึกษากับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯและพบว่า กฏหมายนั้นเปิดช่องให้ทางเพนตากอนสามารถระงับการเลิกจ้างชั่วคราวสำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งพร้อมสามารถกลับเข้าทำงานได้”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

OPCWเผยเริ่มภารกิจกำจัดอาวุธเคมีซีเรียแล้ว

ข่าวต่างประเทศ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2556 17:57น.

 

ผู้เชี่ยวชาญองค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี (OPCW) เผย ภารกิจทำลายอาวุธเคมีซีเรีย เริ่มต้นแล้ว

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในวันนี้ (6 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการทำลายอาวุธเคมีจากนานาประเทศ เปิดเผยว่า อาวุธเคมีของซีเรีย ซึ่งเคยเป็นประเด็นร้อนถกเถียงกันอยู่นานระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย

 

แต่ในที่สุด การเจรจาก็บรรลุผล ภายใต้ข้อตกลงที่ต่างฝ่ายสามารถพอใจได้ และการตรวจสอบจากองค์การสหประชาชาติ ที่ผ่านมา ก็สามารถยืนยันได้คลังอาวุธเคมีซีเรีย ได้รับการพิจารณาสมควรถูกทำลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามระหว่างประเทศนั่นเอง ล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี (OPCW) เริ่มปฏิบัติภารกิจการทำลายอาวุธเคมีตามกระบวนการสากลในวันนี้ ภายหลังจากที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยบังคับใช้ญัตติที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำจัดอาวุธเคมีของซีเรีย สั่งการให้ซีเรีย ส่งมอบอาวุธสู่องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อนำไปกำจัดเป็นขั้นตอนต่อไป

 

ทั้งนี้ การทำลายอาวุธมรณะของซีเรีย เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความหวังของชาวซีเรีย ว่าจะนำ

"ความสันติ" มาสู่ประเทศ ในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน

 

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=484945

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลล์อ่อนเทียบเยน จากผลกระทบวิกฤตชัตดาวน์ในสหรัฐ

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2556 21:13:58 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน ท่ามกลางผลกระทบจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐ

เมื่อเวลาประมาณ 9:04 น.ตามเวลานิวยอร์ก เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% เมื่อเทียบกับเงินเยนแตะที่ 97.15 เยน แต่เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.3587 ต่อยูโร ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.4% แตะระดับ 131.00 เยนต่อยูโร

เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญกับปัจจัยลบในขณะที่นักลงทุนรอดูความคืบหน้าเกี่ยว กับการเจรจาเรื่องการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ จากกรณีที่สภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการผ่านร่างงบประมาณฉุก เฉิน

โดยขณะนี้สภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณ ชั่วคราว ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความกังวลว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้ จริงต่อชาวอเมริกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐยังมีศึกขยายเพดานหนี้ที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่ยอมกัน มีแววเบี้ยวหนี้

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 00:21 น.

ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ลั่นจะไม่ลงมติเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐอย่างแน่นอน หากไม่มีการเจรจากันอย่างจริงจัง ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐ ก็ยืนยันจะไม่รับผิดชอบหากประเทศเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสหรัฐต้องขยายเพดานหนี้ให้ทันภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ว่า นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ให้คำมั่นเมื่อวานนี้ว่า จะไม่เพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ หากไม่มีการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเพิ่มหนี้ ขณะที่ พรรคเดโมแครต กล่าวว่า พรรคจะไม่รับผิดชอบและไม่สนใจความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้น

 

นายโบห์เนอร์ กล่าวในรายการ “This Week” ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่า ความน่าเชื่อถือของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะการปฏิเสธของรัฐบาลในนั่งลงเจรจากัน พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรในการผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ ไม่เพียงพอ หากไม่มีการกำหนดเงื่อนไขบางอย่างเข้ามาด้วย ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก็หมายความว่า สหรัฐก็มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ยอมเจรจา นายโบห์เนอร์ กล่าวว่า นั่นเป็นเส้นทางที่เราต้องเดินไป

 

พรรครีพับลิกันและเดโมแครต ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับการปิดหน่วยงานราชการ ซึ่งทำให้สหรัฐเป็นอัมพาตมานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว และยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงโดยง่าย การต่อสู้กันเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายที่ยังไม่จบ แต่รัฐบาลสหรัฐต้องเผชิญกับปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้เข้ามาอีก เป็น 2 ปัญหาในคราวเดียวกัน โดยสหรัฐต้องตกลงกันให้ได้ในการขยายเพดานหนี้ภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

 

http://www.dailynews.co.th/world/238329

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บรรยากาศเริ่มเทศกาลเจ ที่ตลาดน้อย ต้นทางเยาวราช

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

4 ตุลาคม 2556 10:00

เฟดส่อเลื่อนลดคิวอี เตือนรับมือตลาดป่วน

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_534273_1.jpg

หุ้น-เงินเอเชียขยับขึ้น หลังวิกฤติการคลังสหรัฐส่อยืดเยื้อ ส่งผลเฟดส่อเลื่อนคิวอี "โอบามา"ลั่นไม่เจรจาต่อรอง ธาริษา"เตือนรับมือตลาดผันผวน

 

วิกฤติงบประมาณและเพดานหนี้ของสหรัฐส่อเค้ายืดเยื้อ หลังจากประธานาธิบดีบารัก โอบามา ปฏิเสธเจรจาหรือต่อรองกับพรรครีพับลิกัน เรื่องปัญหางบประมาณจนนำไปสู่การปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นวันที่ 3 และคองเกรสพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้ในวันที่ 17 ต.ค.

 

ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวย้ำต่อบรรดาผู้นำสภาคองเกรสว่าจะไม่เจรจาต่อรองใดๆ หลังจากเจรจามากกว่า 1 ชั่วโมงที่ทำเนียบขาว ซึ่งทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า"ท่านประธานาธิบดีได้บ่งชี้อย่างชัดเจนต่อบรรดาผู้นำว่าท่านจะไม่เจรจาต่อรองเกี่ยวกับความต้องการให้สภาคองเกรสดำเนินการเพื่อเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลหรือเพื่อเพิ่มเพดานหนี้"

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามา จัดการเจรจาที่ห้องทำงานรูปไข่กับผู้นำระดับสูงของพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้แก่นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน รวมทั้งสมาชิกสภาระดับสูงของพรรคเดโมแครตซึ่งได้แก่ นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนางแนนซี เพโลซี ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือเป็นการเจรจากันแบบเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโอบามาและผู้นำสภาคองเกรส นับตั้งแต่เริ่มการปิดหน่วยงานรัฐบาลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

ท่าทีของแข็งกร้าวของประธานาธิบดีโอบามา ได้ส่งผลต่อค่าเงินและตลาดหุ้น เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าหากสหรัฐไม่สามารถตกลงเรื่องงบประมาณและขยายเพดานหนี้ได้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เลื่อนกำหนดการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้

 

สกุลเงินเอเชียปรับตัวขึ้นในวานนี้ (3 ต.ค.) ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงอันเนื่องมาจากความวิตกที่ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐอาจดำเนินต่อไป

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่ามีแรงเทขายดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ ซึ่งทุกคนกำลังเทขายขณะที่ไม่มีใครต้องการซื้อ

 

นักวิเคราะห์เห็นว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจยืดเยื้อออกไปและลดโอกาสที่เฟด จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะใกล้ ได้ช่วยหนุนสกุลเงินเอเชียเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

"หากการปิดหน่วยงานรัฐบาลดำเนินต่อไปหลายสัปดาห์ ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวอยู่ใกล้ระดับ ณ สิ้นปี 2555"

 

ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อน แม้ว่าช่วงท้ายตลาดวานนี้ (3 ต.ค.) อยู่ที่ 31.25/30 อ่อนจาก 31.14/20 ในช่วงเช้า และขณะที่ตลาดต่างประเทศ (offshore) อยู่ที่ 31.25/29 จาก 31.12/19 ในช่วงเช้า

 

เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่สหรัฐ มีปัญหาเรื่องงบประมาณ โดยวานนี้ ปิดบวก 20.19 จุด หรือ 1.43% อยู่ที่ 1,429.18 แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิ แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มสถาบันเข้าซื้อ โดยคาดว่าเฟดจะชะลอการลดวงเงินคิวอี

 

คำกล่าวของนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ช่วยย้ำว่าเฟดจะยังคงคิวอีต่อไป โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังชะลอตัว และตลาดจ้างงานที่ย่ำแย่ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงต้องได้รับมาตรการหนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกหลายปี

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าจะยังคงมาตรการคิวอี ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือนเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

 

ชี้เฟดอาจเลื่อนปรับลดคิวอี

 

นายโรเซนเกรน ยังกล่าวว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ อาจส่งผลให้เฟดประเมินสภาพเศรษฐกิจสหรัฐได้ล่าช้ากว่าเดิม และอาจทำให้เฟดต้องเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในมาตรการคิวอีออกไป

 

นายโรเซนเกรน กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องรอจนกว่าได้เห็นข้อมูลในเดือนต.ค. เพื่อประเมินความเสียหายจากการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาล และความขัดแย้งที่กำลังจะเกิดขึ้นกรณีการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ

 

"ถ้าเศรษฐกิจมีการพัฒนาตามที่คาดไว้ ก็มองว่า นโยบายของเฟดก็น่าจะรวมถึงการยกเลิกมาตรการผ่อนคลายอย่างช้าๆ ในช่วงหลายปีข้างหน้า และน่าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อข้อมูลสนับสนุนการคาดการณ์ของเราที่ว่า จีดีพีที่แท้จริงและการจ้างงานได้ปรับตัวดีขึ้น" นายโรเซนเกรน กล่าว

 

ย้ำเศรษฐกิจยังแย่ ไม่ลดคิวอี

 

นายโรเซนเกรน กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลรวมถึงความไม่แน่นอนในนโยบายการคลัง อัตราการเติบโตที่ระดับต่ำของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในตลาด เพราะได้พุ่งขึ้นสู่ระดับที่สูงมากจนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง

 

นายโรเซนเกรน ย้ำว่า "หากเศรษฐกิจไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นตามคาด เราก็จะไม่ปรับลดนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย"

 

ด้าน โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัทดาวน์) ในระยะสั้น จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ประมาณ 0.2% แต่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ อาจถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมากถึง 0.4% เนื่องจากพนักงานภาครัฐที่ถูกพักงานจะทำการปรับลดการใช้จ่ายส่วนบุคคล

 

ขณะนี้ การปิดหน่วยงานของรัฐบาลได้ย่างเข้าสู่วันที่สามแล้ว

 

"ธาริษา"เตือนรับมือสหรัฐป่วน

 

นางธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีผลต่อตลาดเงินในระยะสั้น และน่าจะหาข้อสรุปได้ในที่สุด

 

แต่ปัญหาที่น่ากังวล คือ การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ที่หากตกลงกันไม่ได้จะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก ซึ่งในที่สุดรัฐบาลสหรัฐต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับการชำระหนี้ และการลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งเป็นการยากที่จะฟื้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกกลับมาได้

 

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตลาดเงินทั่วโลก จะยังคงเชื่อและลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรวมถึงค่าเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง เพราะเป็นสกุลเงินและสินทรัพย์หลักของโลก

 

นางธาริษา กล่าวถึงผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ว่าเป็นเรื่องคาดเดาได้ยากว่าเงินทุนจะไหลเข้าออกอย่างไร เพราะที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจแตกต่างไปจากอดีต แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัว แต่ยังกังวลว่าเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาอยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่า ทำให้เงินทุนมีโอกาสที่จะไหลออกได้

 

แนะเก็บมาตรการกระตุ้นยามจำเป็น

 

นางธาริษา มองว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีความผันผวน แต่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐ หากไม่นับปัญหางบประมาณ ยังเห็นการฟื้นตัวได้ดี

 

ส่วนเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะยังเติบโตไม่สูงมากนัก แต่ปีหน้ามีทิศทางดีขึ้นจากกำลังซื้อของโลก ซึ่งจะทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น

 

นางธาริษา กล่าวอีกว่า ธปท.มีเครื่องมือดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศได้ แม้จะมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น แต่จะดูแลให้เป็นไปตามกลไกตลาด และไม่ปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไป

 

"ผลกับเศรษฐกิจไทยที่แน่ๆ คือความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น ทุกฝ่ายต้องตั้งรับให้ดี ทำตัวเองให้แข็งแกร่งโดยเฉพาะเศรษฐกิจ ภาคสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต้องรักษาสภาพคล่องให้ดี อย่าให้หนี้เสียมากเกินไป ทำตัวให้เบา นโยบายการเงินต้องติดตามใกล้ชิด เก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็น และติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในทุกประเทศด้วย"

 

ด้าน นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐจะมีแนวทางแก้ไขปัญหางบประมาณ รวมถึงการขยายเพดานหนี้ได้ในที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดต้องทำหน้าที่ดูแลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐให้ต่อเนื่อง แม้ในอนาคตเฟดจะต้องลดขนาดคิวอี ลงตามแนวทางที่วางไว้

 

เอกชนชี้ไม่กระทบภาคผลิต-ส่งออก

 

นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าปัญหาในสหรัฐ จะทำให้การบริโภคเอกชนสหรัฐชะลอในระยะสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของไทย เพราะเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วและตลาดก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ คาดว่าการเจรจาน่าจะจบและผ่านร่างงบประมาณปี 2557 ออกมาได้ก่อนวันที่ 17 ต.ค. ที่สภาจะต้องมีการหารือเรื่องเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจมีการพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้หรือยืดระยะเวลาการชำระหนี้บางส่วนออกไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาที่พื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐตอนนี้มีแนวโน้มดีขึ้น ไม่น่าจะมีการทำนโยบายที่ไปทำให้การฟื้นตัวดังกล่าวสะดุด

 

"ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวนี้ได้ทำให้การส่งออกของไทยบางกลุ่มปรับตัวดีขึ้นตาม ที่เห็นได้ชัดคืออิเล็กทรอนิกส์และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งหากการฟื้นตัวต่อเนื่องก็น่าจะทำให้การส่งออกภาพรวมดีขึ้นด้วย"

 

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าไม่น่ากังวลว่าจะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและส่งออกไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลว่ามีผู้ส่งออกได้รับความเสียหายจากปัญหาในสหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสหรัฐจะหาทางออกร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนฯ และสภาคองเกรสได้ภายในไม่เกิน 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เคยเกิดการชัทดาวน์นานที่สุดเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะหากปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นนาน จะยิ่งสร้างความเสียหายมาก เนื่องจากปัจจุบันปัจจัยทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงเร็ว และพื้นฐานของสหรัฐก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนอดีต

 

"ประเด็นที่ไทยต้องระวัง คือ เรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่แบงก์ชาติในฐานะหน่วยงานที่ดูแลตลาดคงทราบถึงสถานะอัตราแลกเปลี่ยนเงินไหลเข้าไหลออก และมีเครื่องมือที่รองรับอยู่แล้ว"นายพยุงศักดิ์ กล่าว

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...