ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เริ่มที่จะมีการถามหา บริษัทจัดอันดับอยู่ไหนตอนนี้ กับปัญหาชัดดาวน์วันที่ 8 วันที่ 9. จะนิ่งเฉยกันขนาดไหน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เช้าวันนี้ สดชื่น ได้เวลารอจังหวะเข้าซื้อทองแท่งตัวเป็นขึ้นระยะกลางต่อเนื่องหลายวัน ต้องหาจังหวะเข้า อาจจะ 1311-1312 เพราะรหัส 5,35,9 เส้นแดงโผล่ชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเส้นสัญญานโผล่ ก็ต้องหาจุดเข้าซื้อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

วิกฤตเพดานหนี้ทำนักลงทุนมึน หุ้นมะกันลง-น้ำมันขึ้น ส่วนทองคำปิดแคบ

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2556 05:44 น.

 

 

 

 

เอเอฟพี - วอลล์สตรีทวานนี้(8) ดิ่งลงแรง หลังทางตันด้านงบประมาณและการขยายเพนดานหนี้ของสหรัฐฯยังไร้ทางออก อย่างไรก็ตามน้ำมันกลับขยับขึ้นเล็กน้อยและทองคำปิดลบในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าอเมริกาจะรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 159.71 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,776.53 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.67 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,655.45 จุด แนสแดค ลดลง 75.54 จุด (2.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,694.83 จุด

 

นักลงทุนเทขายทั้งกระดาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังคงยืนกรานจะเจรจากับรีพับลิกันก็ต่อเมื่อไม่ถูกนำเศรษฐกิจของประเทศมาข่มขู่ ท่าทีดังกล่าวก่อความกังวลหนักหน่วงขึ้นถึงความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจต้องผิดนัดชำระหนี้ หากว่าไม่บรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ทันเส้นตาย 17 ตุลาคมนี้ "ข่าวนี้ไม่มีอื่นใดนอกเหนือไปจากความเป็นปรปักษ์ในวอชิงตัน ผู้คนจึงแห่ขาย" ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากเว็ดบุช ซีเคียวริตีระบุ

 

อย่างไรก็ตามนักลงทุนในตลาดเชื้อเพลิง ดูจะมีความเชื่อมั่นมากกว่าในวอลล์สตรีท ว่าสหรัฐฯจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ทันเส้นตาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันวานนี้(8) ยังยืนหยัดปิดบวกได้เล็กน้อย

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 103.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 110.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ก แกว่งตัวอยู่ราวๆ 101 ถึง 104 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานบางส่วนมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามอีกเส้นตายหนึ่งก็กำลังคืบคลานเข้ามาสำหรับการขยายเพดานหนี้ของประเทศ ซึ่งหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันวันที่ 17 ตุลาคม อเมริกาก็เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าจะก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

 

ด้วยการคาดเดาต่างๆนานาทั้งแง่บวกและทางลบ ต่อความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ก็ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(8) ปิดทรงตัวเท่านั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,324.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซึ่งพอมาประกอบกับระยะสั้นไวไว รหัส 7,5,2 เส้นแดงก็อยู่ด้านบนเช่นเดียวกัน แบบนี้ ใจชื้นขึ้นเยอะเลย น่าจะถึงเวลาที่จะขึ้นสักที

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขึ้นโลดครับ ผมเชียร์

 

ขอบคุณครับป๋า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดังนั้น ในพอร์ตที่ว่างไว้ เพื่อใช้เล่นตามรหัส 5,35,9 แบบขึ้นระยะกลางต่อเนื่อง ก็ต้องมองหาจังหวะเข้าซื้อสักที เป้า 19,550 +-50 บาท โดยคาดว่า สิ่งที่จะนำมา คือ FOMC Minute meeting รายงานการประชุม Fed ครั้งที่ผ่านมา จะเปิดเผยในคืนนี้ ตี 1 และอาจมี บริษัทจัดอันดับเรทติ้ง หลังจากสื่อถามหา คงมาปรากฎตัว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 12,26,9 แบบดั้งเดิม ยังไม่ตัดกัน ของดำและแดง ใครใช้รหัสนี้ ก็มองมองกันต่อไป อย่าไปยุ่งกับมัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตารางรายงานที่จะออก ไม่หวือหวาในช่วงพระอาทิตย์บนฟ้า ราคาคงนิ่งๆๆ แต่เงินบาทสิ อ่อน ทำให้ราคาทองสูงไปนิด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยกตัวอย่าง ในสถานการณ์วันนี้ สำหรับเพื่อนๆ ที่มีดอยทอง ( ผมแค่บ่นให้ฟังเฉยๆ นะครับ อยากฟังบ่นเพิ่มเติม ค่อยที่ chat box หน้าแรกของเวปฯ ไทยโกลด์ ) ตามรหัส 5,35,9 ถือตามไว้ก่อน 5555 ถือไว้ตั้งนานแล้ว ถือจนกว่า เส้นแดงจะโผล่เหนือเส้นดำด้านบน ตัดใจขาย ขายทิ้ง เพื่อรอซื้อราคาต่ำกว่า เป็นการเริ่มต้นการเล่นซื้อขายทองใหม่ ผมว่า ดีกว่าถือต่อไปโดยไม่รู้ว่า 25,000 จะมาเมื่อไหร่ ไม่ได้ให้เชื่อนะครับ โปรดใช้วิจารณญานในการตัดสินใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิกฤตเพดานหนี้ทำนักลงทุนมึน หุ้นมะกันลง-น้ำมันขึ้น ส่วนทองคำปิดแคบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ตุลาคม 2556 05:44 น.

556000013280201.JPEG

เอเอฟพี - วอลล์สตรีทวานนี้(8) ดิ่งลงแรง หลังทางตันด้านงบประมาณและการขยายเพนดานหนี้ของสหรัฐฯยังไร้ทางออก อย่างไรก็ตามน้ำมันกลับขยับขึ้นเล็กน้อยและทองคำปิดลบในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าอเมริกาจะรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 159.71 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,776.53 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.67 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,655.45 จุด แนสแดค ลดลง 75.54 จุด (2.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,694.83 จุด

 

นักลงทุนเทขายทั้งกระดาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังคงยืนกรานจะเจรจากับรีพับลิกันก็ต่อเมื่อไม่ถูกนำเศรษฐกิจของประเทศมาข่มขู่ ท่าทีดังกล่าวก่อความกังวลหนักหน่วงขึ้นถึงความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจต้องผิดนัดชำระหนี้ หากว่าไม่บรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ทันเส้นตาย 17 ตุลาคมนี้ "ข่าวนี้ไม่มีอื่นใดนอกเหนือไปจากความเป็นปรปักษ์ในวอชิงตัน ผู้คนจึงแห่ขาย" ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากเว็ดบุช ซีเคียวริตีระบุ

 

อย่างไรก็ตามนักลงทุนในตลาดเชื้อเพลิง ดูจะมีความเชื่อมั่นมากกว่าในวอลล์สตรีท ว่าสหรัฐฯจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ทันเส้นตาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันวานนี้(8) ยังยืนหยัดปิดบวกได้เล็กน้อย

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 103.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 110.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ก แกว่งตัวอยู่ราวๆ 101 ถึง 104 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานบางส่วนมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามอีกเส้นตายหนึ่งก็กำลังคืบคลานเข้ามาสำหรับการขยายเพดานหนี้ของประเทศ ซึ่งหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันวันที่ 17 ตุลาคม อเมริกาก็เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าจะก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

 

ด้วยการคาดเดาต่างๆนานาทั้งแง่บวกและทางลบ ต่อความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ก็ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(8) ปิดทรงตัวเท่านั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,324.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000126743

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไอเอ็มเอฟเตือนพิษศก.โลก-จีน กระทบการเติบโตในเอเชีย

 

238897.jpg

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2556 เวลา 22:45 น.

ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานเศรษฐกิจ เตือนสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน จะทำลายการเติบโตในเอเชีย แต่ยังโชคดีที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นแสงสว่างให้เอเชีย ขณะที่มาเลเซียและฟิลิปปินส์ เศรษฐกิจไปโลด ส่วนไทยจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เตือนวันนี้ว่า ความหวั่นเกรงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน กำลังกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของภูมิภาคเอเชีย ขณะเดียวกัน ก็ระบุว่า ญี่ปุ่นจะเป็นแสงสว่างสำคัญของภูมิภาค ไอเอ็มเอฟ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ระบุว่า เศรษฐกิจของเอเชียคาดว่าจะขยายตัวได้เฉลี่ยร้อยละ 5.25ตลอดทั้งปีนี้ และปี 2557 ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ แต่อ่อนแอกว่าที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 

รายงานฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ซึ่งเผยแพร่วันนี้ ระบุว่า ระหว่างครึ่งแรกของปีนี้ อัตราการเติบโตในเอเชียโดยทั่วไปอยู่ในระดับปานกลาง เพราะการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม รายงานของไอเอ็มเอฟ ให้เครดิตนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น ที่ผลักดันเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกแห่งนี้ ให้ดีขึ้นตั้งแต่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งเมื่อปลายปีที่แล้ว

 

รายงานของไอเอ็มเอฟ คาดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะขยายตัวได้ร้อยละ 2.0 ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ในปี 2557 เนื่องจากญี่ปุ่นเริ่มขึ้นภาษาการค้า อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟ เตือนด้วยว่า ญี่ปุ่นต้องคลอดมาตรการปฏิรูปในเชิงลึกกว่านี้ ซึ่งรวมทั้งการเปิดตลาดเสรีด้านแรงงาน และลดอุปสรรคทางการค้า มิเช่นนั้นแล้ว การพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซามานานให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง จะประสบความล้มเหลว

 

ขณะเดียวกัน รายงานของไอเอ็มเอฟ ระบุด้วยว่า อุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง จะช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ขณะที่ ไทยนั้น จะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากชะลอตัว

 

http://www.dailynews.co.th/world/238897

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โลกเจ๊งทอง17ล้านล้าน

 

08 ตุลาคม 2556 เวลา 19:33 น. |

49899741545C4EE6890A9E24210A60EB.jpg

โลกเจ๊งทอง17ล้านล้าน

 

ธนาคารกลางทั่วโลกลงทุนทองคำผิดพลาด หัวเรือใหญ่เคยเตือนแล้ว สูญเสียพุ่ง 17 ล้านล้านบาท

 

บลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับในระหว่างขึ้นให้การคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจกับภาวะที่เกิดขึ้นกับราคาทองที่มีความผันผวนอย่างหนัก

 

รายงานระบุว่า ถ้าหากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกรับฟังความเห็นดังกล่าวบ้างก็อาจจะชะลอการลงทุนในทองคำลง ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียดังที่เห็นในปัจจุบันที่ธนาคารกลางทั่วโลกขาดทุนรวมไปแล้วกว่า 5.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 17.4 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 1,921.15 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในปี 2011 ก่อนที่นับจากนั้นมาราคาได้ดิ่งเหวต่อเนื่องรวมแล้วถึง 31% มาจนถึงระดับราว 1,300 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน

 

“ไม่มีใครเข้าใจภาวะราคาทองคำที่เกิดขึ้น และผมก็จะไม่เสแสร้งว่าเข้าใจด้วยเช่นกัน” เบอร์แนนคี กล่าวต่อวุฒิสภาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

 

ตามข้อมูลของสภาทองคำโลก ระบุว่า ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกนั้นครอบครองทองคำไว้ราว 18% ของทองคำทั้งหมดในโลก ซึ่งคาดว่าในปีนี้ปริมาณทองคำที่ธนาคารกลางต่างๆ ถือเอาไว้จะมีน้ำหนักรวมถึง 350 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 

ในปี 2012 ถือว่าเป็นปีที่ธนาคารกลางทั่วโลกกว้านซื้อทองคำมากที่สุด คิดเป็นถึง 535 ตัน โดยธนาคารกลางรัสเซียถือเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุด โดยขยายการสำรองทองคำเป็น 20%

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ราคาทองคำเข้าสู่ภาวะตลาดหมีในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ราคาทองคำได้ดิ่งลงต่อเนื่องคิดเป็นราว 21% มาอยู่ที่ระดับราคา 1,316.28 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการร่วงหล่นของราคาที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 ทีเดียว ทั้งๆ ในช่วงก่อนหน้านั้น ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นมาได้ 12 ปีติดต่อกันมาจนถึงปี 2012 นี่เอง

 

นักวิเคราะห์เห็นว่า เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกมักจะตัดสินใจผิดพลาดในช่วงเวลาของการลงทุนในทองคำ โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 1999 ธนาคารกลางทั่วโลกก็ลดการถือครองทองคำลงหลังจากที่ราคาดิ่งแตะจุดต่ำสุดในรอบ 20 ปี ก่อนที่ในปีถัดไปราคาจะกลับมาพุ่งขึ้นเป็น 4 เท่าตัวทีเดียว

 

 

http://www.posttoday.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...